ll brother next door ღ ll #น้องหญิงของพี่ CH 14 ◄ [04/05/20] p.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll brother next door ღ ll #น้องหญิงของพี่ CH 14 ◄ [04/05/20] p.8  (อ่าน 52974 ครั้ง)

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อิพี่พี่ สติมาเร็วๆ หน่อยสิ.  :katai4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อิพี่ตื่นซักทีสิว้อย..ยยยยยยย  :z6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สามวันผ่านไป อิพี่ก็ยังคงยืนสตั๊นอยู่อย่างนั้น5555
 :jul3:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องหญิงแมนมากลูก รักก็บอกว่ารักเนาะ ไม่เหมือนใครบางคน หลอกตัวเองไปวัน ๆ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7: โอ๊ย...พี่....ถ้าไม่เป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน นะบัดนี้นะ... จะ  :z6: ให้ตกจากตำแหน่งรุกเป็นรับแทนหญิงแล้วนะค่ะ ... ฮึมมมม  :m16: โทษฐาน บื้อเกินตำแหน่ง  :ruready

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
ตอนที่ 10
 



รัก แท้ รักที่อะไร ตับไตไส้ พุง
หรือรัก กางเกงที่นุ่ง ว่าดูสวยดี ~

 
                “มึงหยุดฟังเพลงนี้สักทีได้ไหมวะไอ้พี่ กูรำคาญหู” แรงตบปั้กลงมากลางหัวจนหน้าผมทิ่มเตียง แต่ก็ไม่ตาย ผมงัดหัวตัวเองขึ้นมาพิงขอบเตียง
                “ไอ้แว่น”
                “ไร”
                “มึงรักกูไหม”
                “ห๊ะ”
                “รักแบบอยากจูบกูสักด๊วบไหม”
                ไอ้แว่นหันมาทำหน้าสยองเหมือนเห็นหมากินขี้ตัวเองแล้วรีบกระเถิบตัวเองลงจากเตียงผมไปกอดไอ้ปอนด์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกล
                “ไอ้เชี่ยพี่ มึงอยู่กับอีมงเยอะเกินไปป่ะเนี่ย”
                “ไอ้ตี๋ มึงรักกูป่ะ”
                “เชี่ยพี่ กูจะอ้วก...” ไอ้ตี๋รีบกระเถิบไปกอดไอ้ปอนด์ มันทำหน้าขยะแขยงประหนึ่งผมท้าให้มันไปเลียไข่แมวแถวบ้าน
                “ไอ้ปอนด์มึงรักกูป่ะ”
                “รัก”
                “เชี่ย ขนลุกไอ้สัดปอนด์ ไอ้หน้าหูด รักพ่อมึง กูไม่รัก” เป็นผมที่รีบกระเถิบติดหัวเตียง แล้วแม่งทำหน้าเสียจริงจังเหมือนรักจริง ขนลุกโว้ย
                “เป็นเชี่ยไรวะไอ้สัดพี่ นี่กูแปลกใจตั้งแต่รู้ว่ามึงโดนพักการเรียนแล้วนะ”
                “เออ ปกติถึงมึงจะชอบไปแลกหมัดกับชาวบ้านแต่ก็ไม่เคยเห็นรุนแรงขนาดนี้นี่หว่า อะไรสิงมึงวะ กูได้ข่าวมาว่าไอ้เป้เข้าโรงพยาบาลเลยนะมึง” ไม่แปลกใจเพราะไม่ได้ยั้งมือเลย แอบหัวเราะในจินตนาการเพราะผมได้มาแค่แผลมุมปาก แผลมุมคิ้วกับเจ็บตามตัวเล็กน้อย ไอ้เป้ดูไม่ได้เป็นงานเรื่องชกต่อยมากนัก ซึ่ง... ก็ไม่แปลก เป็นแค่ไอ้ประธานนักเรียนหน้าโง่ประจำชมรมถั่วงอก
 ผมถอนหายใจยาวเหยียดแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรพวกมันไปซึ่งพวกมันก็ไม่ได้ตื๊ออะไรต่อ สาเหตุที่ไอ้สามหน่อนี่มาปักหลักอยู่บ้านผมเป็นเพราะว่าผมโดนพักการเรียนสองอาทิตย์ พวกมันเลยต้องแบกการบ้านและหนังสือต่างๆมาสอนเนื้อหาที่ผมพลาดไป
 


                “หญิงรักพี่”
                “...”
                “รักแบบที่คนๆหนึ่งจะรักใครสัก รักเหมือนพระเอกกับนางเอกในละครรักกัน รักเหมือนที่พ่อกับแม่รักกัน”
 

 
                มันอะไรกันวะ...
                ผมหันหลับไปแหวกผ้าม่านหัวเตียง มองไปที่หน้าต่างที่ปิดม่านสีชมพู ตั้งแต่วันนั้น หญิงก็ไม่ให้ผมเจอหน้าอีกเลย ไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่ชื่อตั๋ง ไม่อ่านไลน์ที่ผมส่งสติ๊กเกอร์ไปแก้เก้อ เอาจริงๆคือผมทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรตอบน้องไปว่าอะไร ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตัวแบบไหนต่อไป
 
                หญิงบอกชัดเจนว่าไม่อยากน้องข้างบ้านของผมแล้ว
                หญิงบอกชัดเจนว่าการเป็นน้องข้างบ้านของผมมันทรมาณ
                หญิงบอกชัดเจนแล้วว่าความรู้สึกไม่ใช่รักแบบน้องชายข้างบ้าน
 
                ทั้งๆที่น้องชัดเจนทุกอย่าง
                เป็นผมเองที่ไม่เห็นอะไรชัดเจนในความคิดและความรู้สึกเลย
                ที่เลือกส่งสติ๊กเกอร์หมีโง่ๆหาน้องเพราะไม่รู้ว่าถ้าพิมพ์อะไรไป น้องจะรู้สึกแย่กว่าเดิมไหม น้องจะรู้สึกทรมาณกว่าเดิมไหม น้องจะเกลียดสถานะน้องข้างบ้านของผมมากกว่าเดิมไหม แล้วตอนนี้น้องจะร้องไห้อยู่หรือเปล่า
 
                “ไอ้พี่ มึงทำหน้าเครียดจังวะ”
                “แค่มีไอ้แว่นเป็นเพื่อนมึงไม่เห็นต้องเครียดขนาดนั้นเลย”
                “อ้าว สัดปอนด์!!!”  ผมส่ายหัวใส่ไอ้พวกเวรที่ตีกันเสียงดังลั่นห้องพร้อมกับกดส่งสติ๊กเกอร์หมีไปให้น้องอีกหนึ่งตัวแม้รู้ว่าอีกฝ่ายจะเห็นแล้วไม่ตอบก็ตาม
 

                ใจร้ายจังวะหมวย
                กูโง่จะตายมึงก็รู้ไม่ใช่หรอ     
 


 
 
 
                ในที่สุดพรุ่งนี้ก็จะได้ไปเรียนแล้ว...
                สองอาทิตย์สำหรับการหยุดเรียนมันเคยเป็นสวรรค์สำหรับผม การที่ไม่ต้องไปเรียนได้ใช้เวลานอนถออดเสื้อตากแอร์แล้วม้วนกลิ้งอยู่บนเตียง เบื่อก็ไปลากไอ้พอร์ชมาม้วนกับผ้าห่มเป็นซูชิเด็กโง่แล้วเอาไปตั้งแทนกระสอบทราย รอเวลาให้หญิงขึ้นมาดุว่าผมแกล้งน้อง นอนกอดหญิงไปวันๆ ไม่ก็จูงมือมันออกไปหาอะไรกิน แต่พอเป็นสองอาทิตย์ที่ไม่มีหญิง สำหรับผมมันกลับกลายเป็นสองอาทิตย์ที่เหมือนไม่มีชีวิต
                “พี่พี่~”
                “ออกไปไอ้อ้วน” ผมตะโกนบอกผ่านหมอน ซึ่งก็ไร้ผล ไอ้ก้อนอ้วนๆ ปีนตุ้บตับมานอนทับหลังผม
                “พี่พี่ พี่หญิงไปไหนอ่า พ็อจจิคิดถึงพี่หญิง”
                “เออ กูก็คิดถึง คิดถึงมากกว่ามึงอีก” ไอ้พอร์ชลุกขึ้นกระโดดบนหลังผม ถ้าเป็นปกติคงดีดมันออกนอกห้องไปแล้ว แต่เพราะผมไร้เรี่ยวแรงและพลังชีวิตเลยปล่อยให้มันกระโดดอยู่อย่างนั้นจนมันหยุดไปเอง
                “พี่พี่~”
                “ลงไปเล่นกับพี่พามไปไอ้อ้วน กูไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย”
                “ทาเลาะกับพี่หญิงหรอ”
                “เออ”
                ไอ้พอร์ชเงียบไปก่อนจะนอนแนบแก้มอ้วนของมันลงกับไหล่ผมเพราะผมใส่เสื้อกล้ามบาสเลยสัมผัสได้ถึงความเย็นของแก้มมันอย่างชัดเจน ว่าแต่อารมณ์ไหนของไอ้อ้วนวะ มานอนทับเอาแก้มบี้หลังชาวบ้าน
                ... หรือนี่มันอ้อนหรอ
                “พี่พี่~”
                “...”
                “พ็อจจิแบ่งคิแคะให้คึ่งนึง” มืออ้วนๆยื่นคิทแคทหักครึ่งมาให้ผม
                “...”
                “ไม่เส้านะเดี๋ยวพ็อจโอ๋ๆ พี่พามบอกให้โอ๋ๆพี่พี่” มือเล็กๆของไอ้พอร์ชลูบหัวผมไปมาส่วนอีกข้างพยายามยัดคิทแคทเข้าปากผมซึ่งผมก็ต้องรีบอ้าปากรับ เดี๋ยวแม่งหกเลอะเตียง
                “เออ ไม่เศร้า”
                “แล้วอาทิ้ดไหม”
                “มึงไม่ต้องไปฟังพี่พามทุกอย่างก็ได้นะ” จำยันมุกไม่ตลก ผมสะบัดหลังให้ไอ้ก้อนอ้วนตกลงมาแล้วกวาดแขนทับซึ่งมันก็โวยวายลั่นห้องเหมือนมาถูกรถทับ
                “พี่พี่ แขนหนากกกกกกกกก”
                “...” ไม่สน อึดอัดตายเพราะโดนแขนทับตายไปสะ ไอ้ก้อนอ้วน
                “พี่พี่ๆๆๆ รีบๆคืนดีกับพี่หญิงนะ”
                “...”
                “พ็อจคิดถึงพี่หญิง”
                “...”
                “พ็อจจิไม่ชอบให้พี่พี่หน้าบูดด้วย”
                “...”
 
                บางครั้งมีน้องชายนี่มันก็ดีเหมือนกัน...
 
                “เวลาหน้าบูดแล้วพี่พี่หน้าเหมือนตีนพ็อจเลย เหมือนเห็นตีนตัวเองใกล้ๆ พ็อจหยีๆ”
 
 
                เห็นอีกทีก็คือไอ้ก้อนอ้วนร้องไห้ขี้มูกโป่งน้ำตาไหลพรากตะโกนฟ้องแม่ลั่นบ้านว่าตัวเองหัวขาดเพราะโดนผมตบหัว เดาว่าอีกประมาณห้านาทีเดี๋ยวแม่ก็คงขึ้นมาดุผม ผมซุกจมูกตัวเองลงกับหมอน
             

                คิดถึงจังวะไอ้หมวยหัวยุ่ง
                โคตรคิดถึงเลย...
 



 
 
.
.
.
 
 
 
 
 
                การมาโรงเรียนไม่เคยเล่นใหญ่ขนาดนี้ เอาตั้งแต่ไอ้ตี๋กับไอ้แว่นมันหารเงินกันซื้อเสื่อมาปูรองทางเดินกับไอ้ปอนด์ผู้ใช้เส้นสายเปิดเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ระหว่างตอนที่ผมเดินเข้าโรงเรียน คือมึงเล่นใหญ่มาก นี่แค่เดินเข้าโรงเรียนเพราะโดนพักการเรียนสองอาทิตย์นะโว้ย กูไม่ได้เป็นเดบิวต์เป็นมาเฟีย อยากให้เพื่อนใจเย็น แล้วนั้นอาจารย์ฝ่ายปกครองจะมายืนทำท่าต้อนรับผมด้วยทำไมวะ โว้ยยยยยยย
                “พวกมึงบ้าป่ะเนี่ย”
                “ไอ้สัดพี่ มึงหายหัวไปสองอาทิตย์ พวกกูต้องทำการต้อนรับหน่อยสิวะ”
                “เออ กูเนี่ยต้องเสียเวลาไปปั่นในทวิตว่ามึงเล่นลูกเจ้าพ่ออีก” เปลืองเวลาชีวิตไปขนาดนั้นเพื่ออะไรวะ ผมยักคิ้วงงใส่ไอ้แว่น
                “เจ้าพ่อไหนอีกวะ”
                “เป็นเจ้าพ่อที่เหนือกว่าใคร!!!”
                “ทำไมวะแว่น!!!”
                “เพราะพ่ออีสานจะเป็นเด้อพ่อ”
                ...อืม แล้วแต่พ่อมึงเถอะ
 
                ผมเมินพวกมันไปแล้วสอดส่องสายตาไปที่อาคารเรียนหญิง จุดโฟกัสที่มองจนชิน ไม่จำเป็นต้องนับประตูห้องก็รู้ว่าห้องไหนคือห้องหญิง และนอกจากนั้นที่เด่นชัดอีกก็คือ เจ้าของหัวฟูที่ผมคิดถึงกำลังยืนมองมาจากระเบียงอาคาร ถึงจะไกลจนมองรายละเอียดหน้าน้องได้ไม่ชัดแต่ตาบวมตุ่ยนั่นชัดเจนจนใจผมกระตุก ใบหน้างอแงนั่นสบตาผมเพียงแค่สามวิก็หันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
                ... แต่มันก็ยังเเป็นสามวิที่ทำให้ผมยิ้มได้ในหลายวัน
                “มึงยิ้มให้ตึกทำไมวะพี่”
                “กูไม่ได้ยิ้มให้ตึก”
                “แล้วมึงยิ้มให้อะไรวะ”
                “เสือก”
                “ใครวะเสือก ห้องไหนวะ” ผมยกตีนเตะตูดไอ้แว่นไอ้หนึ่งที ข้อหาแอ๊บโง่ไม่รู้จักเวล่ำเวลา ผมล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงเดินเข้าตึกเรียนตัวเองไปพร้อมกับเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เป็นเพลงประกอบพื้นหลัง
                 
                ... ผมมีหลายเรื่องที่อยากคุยกับหญิง
                แต่ทุกเรื่องที่อยากคุยไม่มีอะไรที่มีประโยชน์เลย
 
                ผมแค่อยากคุยกับน้องเรื่องที่ไอ้พอร์ชปีนมาอ้อนบนหลังเมื่อวาน อยากคุยกับน้องเรื่องต้นเฟื่องฟ้าที่บ้านออกดอกมาเป็นสีม่วง อยากคุยกับน้องเรื่องไข่เจียวพี่พามเค็มเหมือนเลียแขนตัวเองหลังต่อยมวยเสร็จ แค่อยากคุยในเรื่องที่มันธรรมดา
                ...ที่น้องยังไม่อยากฟัง
                และผมเองก็ไม่มีความกล้าพอที่จะพูดในสิ่งที่น้องอยากฟัง อะไรที่แก้ไขปมที่ขมวดอยู่ อะไรที่มันทำให้เราต้องห่างกัน อะไรที่ทำให้ ตาน้องต้องช้ำบวมขนาดนั้น
                 ไอ้พี่ที่มีเรื่องมานักต่อนัก ไอ้พี่ที่สูงร้อยแปดสิบห้าครองตำแหน่งเด็กสูงที่สุดในโรงเรียน ไอ้พี่ที่เป็นลูกเจ้าของค่ายมวยที่โรงเรียนลือกันว่าโหดเหมือนหมาบ้า ไอ้พี่ที่เดินเข้าโรงเรียนด้วยเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
                ... พอเป็นเรื่องของหญิง ผมแม่งเป็นได้แค่ไอ้พี่ตัวเล็กที่ยืนขาสั่นไม่กล้าแม้แต่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะรู้ว่าต้องทำอะไร
               
                “ไงไอ้พี่ ไม่เจอกันหลายวัน หน้ามึงเหมือนจะโง่กว่าเดิมเลยนะ” ไอ้มงสะบัดตูดเดินมาตบหัวผม
                “ไม่เจอหลายวัน อ้วนเท่าเดิมเลยวะมง”
                “นี่ปากคนหรือตูดหมูตอนตด หยาบคายมากอีพี่ กูจะฉิ่งมึง”
                “ฉาบ!!!”
                “ขอบคุณที่ช่วยกูตบมุกนะจ๊ะแว่น กูมอบตำแหน่งเพื่อนพระเอกดีเด่นให้เลย” ไอ้แว่นหัวเราะพร้อมกับแทคมือไอ้มงไปหนึ่งที ผมส่ายหัวให้กับมุกฉิ่งฉาบ สามบาทสี่บาทก็ยังจะเล่น พอผมนั่งลงที่เก้าอี้ไอ้มงก็เดินมานั่งไขว่ห้างบนโต๊ะผมพร้อมกับจ้องผมนิ่งๆ
                “ไงมึง”
                “ไงพ่อมึงสิ เป็นเหี้ยอะไรถึงรุนแรงขนาดต้องพักการเรียน”
                “... กูเผลอออกแรงไปนิดหน่อย สาบานเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ”
                “เขาลือกันทั้งโรงเรียนว่ามึงทำประธานนักเรียนเข้าโรงพยาบาล ถ้านั่นเรียกออกแรงไปนิดหน่อยเท่ากับพ่อมึงคือธอร์ โอดินสัน” “แล้วค่ายมวยกูต้องชื่อแอสการ์ดยิมด้วยป่ะ”
                “ไม่หล่อเท่าธอร์ก็เป็นได้แค่ท่อนะคะคุณ อ่ะ อย่าเปลี่ยนเรื่องอีควายพี่ นี่ทำไมทุกครั้งหลังคุยกับกูมึงจะต้องมีปัญหาตามมาตลอด กูเริ่มคิดแล้วนะว่าจริงๆกูอาจจะไม่ใช่แค่กะเทยธรรมดาแต่เป็นกะเทยจิตสัมผัส” มงกรอกตาบนแบบเซ็งๆ
                “ครั้งนี้ไม่เพราะมึงหรอก”
                “...”
                “เพราะตัวกูเอง” ผมยิ้มให้ไอ้มง

                คำพูดของมงในวันนั้นทำให้ผมเดินไปหาหญิงนั้นถูกต้องแล้ว
                แต่สิ่งที่ทำให้ผมขาดสติไม่ใช่เพราะมัน เป็นเพราะความรู้สึกอะไรบางอย่างในตัวผมเอง ความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่สามารถอธิบายมันออกเป็นรูปร่างให้ตัวเองเข้าใจได้
             
                มันเหมือนจะเพราะหวงน้องเหมือนที่เคยเป็น แต่อะไรบางอย่างในตัวผมก็บอกว่ามันไม่ใช่แค่นั้น
                อะไรบางอย่างที่ไม่น่าใช่คำว่ารัก ไม่ใช่คำว่ารักแบบที่หญิงพูด
                 เพราะผมไม่ใช่เกย์ ผมไม่ได้ชอบผู้ชายและหญิงเป็นผู้ชาย
                ... ที่สำคัญที่สุดคือหญิงคือน้องชายที่ผมรักและเอ็นดูมันแบบน้องแท้ๆมาตลอดหลายปี

                “น้องหญิงสำหรับมึงคืออะไรวะพี่” ไอ้มงกอดอกถามผม
                “น้องชายข้างบ้าน” ผมตอบได้อย่างทันที
                “ตอนที่มึงเห็นไอ้เป้จูบน้องหญิงมึงรู้สึกแค่โกรธฉิบหายหรอ”
                “มึงรู้ได้ไงวะ” ผมขมวดคิ้ว นอกจากสงสัยที่มันรู้แล้วภาพยังย้อนกลับมาจนหงุดหงิดในใจอีกรอบ สัดเอ๊ย คันตีนไม่มีอะไรทำเลยได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการเตะเก้าอี้ไอ้แว่นที่นั่งหูผึ่งอยู่ด้านหน้าไปหนึ่งที
                “คอนเนคชั่นกะเทยใช้งานได้ดีว่าสัญญาณมือถือบางค่ายอีกนะยะ อ่ะ ตอบกูมา มึงแค่โมโหหรอ จริงหรอ ไม่รู้สึกอย่างอื่นเลยหรอ"               
                 “รู้สึกอย่างอื่น? เช่นอะไรวะ”
                “เช่นทำไมคนคนนั้นไม่ใช่กู เช่นปวดใจฉิบหาย เช่นปากแดงๆนั่นเป็นของกูแค่คนเดียวอะไรแบบนี้ เออ มีเรื่องขนาดนี้ไม่ใช่ว่าน้องสารภาพอะไรกับมึงไปแล้วหล่ะ”
                “...!!!”

                … เออ แม่งมีจิตสัมผัสจริงๆด้วย!!!


                ไอ้มงที่ห็นถลึงตาโตถึงกับถอนหายใจยาวเหยียดไปยันหน้าห้องด้วยสีหน้าแบบเบื่อโลกแบบสุดชีวิต
                “เห้อ ไอ้พี่ พี่ชายข้างบ้านมันมีสิทธิ์แค่ไหน กูจะตอบให้นะว่ามึงไม่มีสิทธิ์อะไรเลย พี่ชายข้างบ้านก็แค่ไอ้พี่ชายข้างบ้าน มึงหึงไม่ได้ มึงหวงไม่ได้ มึงอยากสัมผัสไม่ได้ มึงอยากเป็นเจ้าของไม่ได้”
                “...”
                “เผื่อมึงไม่เกท ถ้ามึงเป็นอิทาจิพี่ชายซาสึเกะ มึงปกป้องน้องมึงได้แต่มึงจะหวงที่นารูโตะจูบกับซาสึเกะไม่ได้ เกทฟีลป่ะว่ามันไม่เหมือนกัน รวมไปถึงมึงจะอยากกอดอยากจูบปากแดงๆนั่นแค่ไหนก็ไม่ได้ เพราะนั่นคือน้องมึง นั่นคือความสัมพันธ์พี่น้องเว้ยไอ้พี่ ยิ่งพี่น้องข้างบ้านยิ่งคิดเกินเลยกว่านั้นไม่ได้หนักกว่าอีก เพราะแม่งแค่ข้างบ้านไม่ใช่สายเลือด นี้เกทไหมหรือกูต้องยกตัวอย่างเป็นเอสกับลูฟี่” ผมงอคิ้วนิดหน่อยเพราะทำไมแม่งยกตัวอย่างเป็นซาสึเกะจูบกับนารูโตะวะ ซากุระไปไหน เห็นแค่ต้นไม้ประกอบฉากการยกตัวอย่างมึงหรอ
                ถึงจะฟังดูเป็นตัวอย่างที่โคตรเด็ก
                ... แต่ก็พอจะเห็นภาพเลย 
                “มึงจำคำกูไว้นะ ในฐานะคนที่เคยแอบชอบชะนีสมัยอยู่ประถมและปัจจุบันเปลี่ยนมาชอบผู้ชายแทนแล้ว” มันกอดอกจรดสายตามองหาผมอย่างจริงจัง
                “ว่า..?”
                “อ่ะ อย่างแรกกูนับถือน้องหญิง การจะสารภาพรักใครสักคนมันเหมือนดึงความกล้าทั้งชีวิตมาเลยนะ อีแค่คำว่ารักสั้นๆเนี่ยแหล่ะ”
                “...”
                “แล้วเวลาที่เราจะรักใครสักคนก็คือรัก ต่อให้คนนั้นเกิดเป็นผู้ชายก็คือรัก เกิดเป็นผู้หญิงก็คือรัก จะไปหาเหี้ยอะไรมากมายมาคิดวะ รักก็คือรัก”
                “...”
                “คำว่ารักอ่ะ ความรักมันมีแค่สมหวังกับไม่สมหวังอีพี่ น้องหญิงคงรู้ข้อนี้ดี แต่มึงหล่ะ... ”
                “...”
                “คำตอบมันอยู่ที่มึง ถ้ามึงยังกลัวที่จะตอบรับความรู้สึกมึงก็ต้องยอมรับสถานะที่มึงเป็นอยู่แบบนี้ เป็นไอ้พี่ข้างบ้านที่เป็นได้แค่พี่ชายข้างบ้าน มีลิมิตการดูแลน้องอยู่แค่ความเป็นพี่ชาย มึงหวงได้แค่สภาพพี่ชายจะหวงได้ มึงก็อยู่ไปแบบนี้จนกว่าน้องจะเลิกชอบมึงไปเอง จนกว่าน้องจะหาแฟนใหม่ได้ ไม่ต้องขมวดคิ้วไอ้พี่ หมาเจ็บยังเลียแผล การที่น้องมันทรมาณเพราะคิดว่ารักมึงข้างเดียวมาหลายปีเนี่ย มึงคิดว่าน้องจะไม่ทำตัวให้หายเจ็บโดยการเลิกคิดเรื่องมึงหรอ ซึ่งอยากเป็นนักไอ้สถานะพี่ชายข้างบ้านมึงก็รับกรรมดูน้องจูบกับคนอื่นอีกหลายคนไปเถอะ ”
                “...”
                “แต่ถ้ามึงยอมรับการเป็นแค่พี่ชายไม่ได้ มึงก็ต้องยอมรับความรู้สึกตัวเองให้ได้แล้วว่ามันเกินกว่านั้นไปแล้วอ่ะ” 
                “...”
                “และสุดท้าย... มึงรักน้องหญิง ไอ้ควายพี่ เลิกโง่เถอะ กูเหนื่อย” จบท้ายด้วยด่าและมือที่ฟาดลงกลางหัวจังๆจนต้องร้องโอ๊ยออกมา ผมคลำหัวตัวเองพร้อมกับความรู้สึกโล่งในอก
สุดท้ายความหนักในใจของผมมันไม่ได้มีอะไรเลย แค้การไม่ยอมรับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ไม่ยอมรับว่าไม่ได้มองน้องในฐานะน้องชาย ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ใช่แค่พี่น้องบ้าน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแค่ปมที่เรียกว่าไม่กล้ายอมรับความจริง
ผมเด้งตัวออกจากเก้าอี้ทันทีที่รู้สึกเหมือนทุกอย่างมันเบาลง เท้าเหมือนก้าวไปตามสัญชาตญาณเหมือนรู้ปลายทางก่อนที่สมองผมจะประมวลผมอีกว่าจะก้าวไปไหน
                “ขอบคุณนะมึง”
 ผมหันไปยิ้มให้ไอ้มงก่อนจะรีบวิ่งออกจากประตูห้องเรียน
                ก่อนที่ตัวผมจะพ้นกรอบประตูมาก็แอบได้ยินเสียงไอ้แว่นคุยกับไอ้มง แต่เพราะความรู้สึกที่แม่งล้นจนจุกอกจนทำให้รีบออกตัววิ่งออกไปจากห้อง บทสนทนานั้นจึงไม่ได้ลอยเข้ากระทบมาถึงหูผม
 
                .
                .
                .
 
 
 
                “เป็นไรวะมง มึงยิ้มกับตัวเองทำไม”
             “ยินดีกับกูสิคะอีแว่น”
                “เรื่อง?”
                “... เรื่องที่กูเพิ่งใช้ความกล้าที่สุดในชีวิตไป”


                         
 









-- มีต่อ







ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2

 
 
 
 
                .
.
.
 
 
 
                ‘ชมรมเรารักถั่วงอก’
 
                ผมจ้องไอ้ป้ายโง่ๆ ปริ้นท์ใส่กระดาษเอสี่แปะไว้ด้วยเทปกาวสองหน้าลวกๆ บนบานประตู เหลือเชื่อฉิบหายที่ชมรมแบบนี้มีตัวตนมาได้นานขนาดนี้ ผมก้มลงมองมือตัวเองที่จับกับที่เปิดประตูมันสั่นอย่างเห็นได้ชัดจนต้องกระชับมันแน่นๆหนึ่งครั้งเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะค่อยๆเปิดประตูห้องเข้าไป   
เหมือนภาพสโลว์โมชั่นที่หัวฟูๆ ของหญิงค่อยๆ หันมาจากการนั่งขดตัวเองอยู่ริมหน้าต่าง ตาบวมตุ่ยนั่นค่อยๆเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดมาเป็นผม ใจที่หน่วงอึดอัดมาตลอดหลายวันของผมสามารถฟูและเต้นแรงได้ภายในหนึ่งวิที่เห็นหน้าน่ารักของมัน
                “ไง” เกาหัวแก้เก้อเล็กน้อย หญิงกระพริบตาถี่ก่อนหลุกหลิกตาไปมา
                “หญิงไปก่อนนะ ลืมไปว่ามีเรียน”
                “ลืมตั้งแต่คาบเช้ายันเที่ยงเลย ขี้ลืมขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เจอแค่สองอาทิตย์เอง” หญิงลุกขึ้นยืนเต็มตัวแต่ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ มือขาวดึงชายเสื้อนักเรียนตัวเองแน่นจนเป็นรอยยับ
                “หญิง...”
                “ไม่เงยหน้ามองกันหน่อยหรอหมวย”
                “...”
                “กูคิดถึงหน้ามึงมากเลยนะ”
 
                แหมะ..
                ก้อนน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลตกกระทบรองเท้านักเรียนของหญิง
 
                “ฮึก...”
                “ร้องไห้อีกแล้ว” ใจบางไปหมด นี่ขนาดได้ยินแค่เสียงสะอื้นไม่เห็นหน้าเปื้อนคราบน้ำตาก็อยากจะดึงมาโอ๋ๆ ขนาดนี้แล้ว
                “เรา... เรายังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมได้ไหมพี่ เป็นแค่พี่น้องเหมือนเดิมก็ได้ หญิงเป็นน้องของพี่เหมือนเดิมได้ไหม” หญิงเงยหน้าขึ้นพูด ตาเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำตาส่งสายตาขอร้องผมออกมา
                “หญิง...”
                “พี่สัญญาแล้ว พี่สัญญากับหญิงแล้ว ฮึก พี่สัญญาแล้วว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป พี่สัญญากับหญิงแล้ว” น้องตะโกนออกมาสุดเสียง หญิงเป็นคนขี้หงุดหงิดแต่ไม่บ่อยนักที่จะตะโกน อารมณ์เสียมากก็สะบัดตูดไม่พูดไม่จา พอได้เห็นน้องตะโกนออกมาสุดเสียงขนาดนี้ยิ่งทำผมใจอ่อนยวบยาบ
                “หญิง 
                “พี่ลืมไปได้ไหม พี่ลืมที่หญิงพูดได้ไหม หญิงไม่พูดแล้วก็ได้ ไม่เอาอะไรแล้วก็ได้ แต่เป็นเหมือนเดิมได้ไหม เป็นน้องข้างบ้านแบบเดิมได้ไหม หญิงไม่เอาอย่างอื่นแล้ว” มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองไปมาไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น ผมถอนหายใจแล้วก้าวเดินเข้าไปดึงไหล่เล็กๆนั่นมากอดแน่นๆ
หญิงสะอื้นหนักกว่าเดิมมากเมื่อหน้าเข้ามาชนกับอกผม น้องงึมงำอะไรสักอย่างยาวเหยียดแต่ผมจับใจความไม่ได้ เพราะมัวแต่ปักจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่มที่ไม่ได้ขยี้มาเป็นอาทิตย์
โคตรคิดถึงเลย โคตรคิดถึงจริงๆ
                “ไม่เจอกันไม่กี่อาทิตย์ ทำไมพูดเยอะขึ้น อยู่กับไอ้ตั๋งเพื่อนมึงเยอะเกินไปแล้วเนี่ยเห็นไหม” ผมไล่มือลงกับเอวบางที่อยู่ในอ้อมกอด บีบๆเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารู้สึกเหมือนมันดูคอดลงไปมาก พุงนิ่มโปริ่งดึ๋งดั๋งบีบเต็มมือหายไปหมดเลย
                “พี่...”
                “หืม?”
                “หญิงขอโทษ”
                “ขอโทษเรื่องอะไร” ผมเอาคางถูหัวน้อง ไม่สนใจดราม่าอะไรแล้ว ชอบกอดมันแน่นๆ
                “ขอโทษที่พูดอะไรที่ทำให้พี่... ลำบากใจ”
                “ที่บอกรักอ่ะหรอ”
                “...” น้องกำเสื้อที่ไหล่ผมแน่น ไม่ตอบอะไรแต่กลับมาสะอื้นหนักอีกครั้ง
                “กูก็ขอโทษเหมือนกัน”
                “ฮึก...” น้องย้ายมือไปปิดหูตัวเองแทน เห็นแล้วเอ็นหูจนต้องกดจูบไปกับขมับเปียกเหงื่อ
                “ขอโทษนะหญิง”
                “...” หญิงส่ายหัวไปมากับหน้าอกผม
                “ขอโทษนะที่รักษาสัญญาเป็นพี่น้องกับมึงไม่ได้แล้ว”
                “ฮือ พี่สัญญาแล้ว พี่สัญญากับหญิงแล้ว พี่สัญญาแล้วทำไมพี่ทำแบบนี้” หญิงเงยหน้าขึ้นเบะปากร้องไห้ใส่ผม น้องร้องแงออกมาเต็มเสียงและเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเห็นหญิงปล่อยตัวเองร้องไห้หมดสภาพขนาดนี้
                “กูเป็นพี่ชายให้มึงไม่ได้แล้วหญิง...”
                “ไม่ได้ พี่ไม่รักษาสัญญา พี่ทำแบบนี้ไม่ได้ ฮึก พี่...”
                “ถ้าพี่ชายมันอยากจูบอยากกอดอยากเป็นเจ้าของมึงไม่ได้แล้วต้องปล่อยให้มึงไปเป็นของคนอื่น งั้นกูไม่เป็นแม่งแล้วพี่ชายเนี่ย”
                “พี่ไม่รักษาสัญญา ห๊ะ? “ งงเลยดิ หน้างอแงนั่นกระตุกงงอย่างรุนแรงเหมือนโหลดอะไรบางอย่าง หน้าเด๋อเปื้อนน้ำตานั่นโคตรน่าเอ็นดูจจนผมต้องยิ้มออกมา เนี่ย ไอ้ตัวน่ารัก ร้องไห้ยังน่ารักเลย
                “น่ารักจังวะ”
                “ห๊ะ พี่พูดใหม่ได้ไหมอ่ะ เมื่อกี้ฟังไม่ทัน” หญิงกระพริบตาปริบๆ
                “น่ารักจังวะ”
                “ไม่ใช่ ก่อนหน้านั้น”
                “ไม่เจอกันไม่กี่อาทิตย์ทำไมพูดมากขึ้นมั้ง อะไรสักอย่าง จำไม่ได้ พูดยาว”
                “พี่ อย่ากวนตีนหญิงตอนนี้” มีดุด้วยว่ะ พอเห็นผมหัวเราะ ไอ้หน้างงนั้นยิ่งทวีความงงขึ้นไปอีก
                “เห้อ กูบอกว่าถ้าไอ้สถานะพี่ชายมันจะอยากกอดอยากเป็นเจ้าของมึงไม่ได้”
                “...”
                “กูก็ไม่เป็นแม่งแล้ว”
                “...”
                “เป็นเหี้ยอะไรก็ได้ที่มีสิทธิ์หวงมึงได้เต็มที่และไม่อนุญาตให้หมาตัวไหนสัมผัสมึงได้เต็มที่ กูเป็นไอ้อันนั้นแหล่ะ” หญิงขมวดคิ้วมุ่นทันที ก่อนที่หน้างงๆนั่นจะกรอกตาคิดไปคิดมา
                “อันนี้คือพี่ก็รักหญิงหรอ”
                “น่าจะใช่ ประมาณนั้นๆ”
                “พี่อยากกอด อยากจูบหญิงหรอ”
                “สาบานว่าคิดมาตลอดว่าพี่ชายข้างบ้านก็น่าจะกอดได้ แต่จูบนี่... เกินวัยมึงไปหน่อยไหมหล่ะ มึงเพิ่งมัธยม”         “...”
                “แต่ก็อยากจูบนะ”
                “...”
                “แล้วก็ไม่อยากให้ใครในโลกได้มาแตะปากมึงอีกต่อไปด้วย ประมาณนั้น อย่าถามมากดิ กูก็งงๆอยู่” ผมก้มลงเอาหน้าผากแตะหน้าผากน้อง “ถามเยอะนี่จะปฏิเสธกูหรอ”
                “หญิงก็งงอยู่”
                “งงๆเนอะ” ผมเลื่อนมือไปกระชับสะโพกน้องก่อนจะนับหนึ่งสองสามในใจแล้วอุ้มน้องขึ้น
                “เห้ยยยยยยยยยยย อุ้มไมเนี่ยพี่” หญิงรีบกวาดแขนโอบรอบคอผม ผมเดินอุ้มหญิงไปวางไว้บนโต๊ะชมรมที่มีถาดถั่วงอกวางอยู่ข้างๆ เอาจริงครับ ส่วนสูงผมกับหญิงเนี่ย ก็ห่างกันพอสมควร หญิงนี่น่าจะเพิ่งแตะร้อยเจ็ดด้วยซ้ำมั้ง ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมานี่เห็นกินนมบ่อยเดี๋ยวก็คงสูงขึ้นอีกสักสองสามเซ็น  ก้มนานๆแล้วก็ปวดคอเหมือนกัน พอนั่งโต๊ะเนี่ย พอดีสายตามาก จริงคือหญิงตัวเบาด้วยแหล่ะครับ ผมอุ้มบ่อยจนชินมือ บางทีก็อุ้มโยนลงโซฟา แกล้งเอาเข้าเอวเดินไปมามาตั้งแต่เด็ก
คิดไปคิดมา อิทาจิพี่ซาสึเกะจะชอบอุ้มซาสึเกะเหมือนที่ผมชอบอุ้มน้องไหมวะ
แล้วทำไมฉากที่ควรโรแมนติกกูถึงนึกถึงฉากอิทาจิกับซาสึเกะขึ้นมาวะเนี่ย
                “มองหน้าไม่ถนัดเลย เมื่อยคอ” พอได้จ้องหน้ากันชัดๆ ไอ้หน้าหมวยตรงหน้าที่ตาบวมแดงก็ดันแก้มแดงสู้สีตาไปเสียอย่างนั้น
                “...” หญิงเม้มปากพยายามเฉตาหลบไปทางอื่น
                “หมวย แก้มแดงไปยันหูแล้ว ไม่ต้องทำเหมือนไม่เขิน”
                “พี่ หญิงว่ามันไม่ใช่เวลามาแซวป่ะ”
                “อดได้ที่ไหน มึงมานั่งแก้มแดงอยู่ต่อหน้าแบบนี้ ไม่เจอตั้งหลายวัน คิดถึงหน้ามึงฉิบหายแล้ว” ผมซุกหน้าลงกับไหล่เล็ก หญิงแม่งควรได้รับรางวัลสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจอวอร์ด แค่ได้อยู่ใกล้ๆก็เหมือนความอึดอัดความหนักใจทั้งหมดในชีวิตหายไปหมดเลย ไอ้หมวยนั่งหลังตรงอยู่สักพักก่อนจะยกมือขึ้นโอบรอบคอผม
                “หญิงก็คิดถึง”
 
                ไอ้ตัวน่ารัก...
 
                ผมเงยหน้าขึ้นสบตาหญิง ลมจากหน้าต่างพัดผมหญิงปลิวเบาๆ ดวงตากลมจ้องนิ่งมาที่ผม ทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด...
 
 
                ซึ่ง...
               
                ซีนนี้กูจูบได้รึยังวะเนี่ย ฉิบหาย มันดูโรแมนติกเหมือนในหนังเลย แต่ไอเวรเอ๊ย ผมจูบไม่เป็น เอาเวลาที่ไหนไปเรียนรู้วะ อยู่บ้านดูแต่อนิเมะกับอ่านการ์ตูนก็เห็นเขาวาดแค่ปากชนปาก แล้วใหญ่คือการ์ตูนโชเน็นจัมป์แทบไม่มีฉากจูบ แม่งสู้กันไม่ในสงครามก็สนามบาสสนามบอล ซาสึเกะก็บอกรักซากุระด้วยการจิ้มหน้าผากไม่ได้จูบ แล้วไอ้เวลาละครหลังข่าวมีฉากจูบผมก็ต้องคอยปิดตาน้องเลยพาลไม่ได้ดูไปด้วย หนังโป๊ก็ดูบ้างแต่ก็เห็นแค่ลิ้นพันๆกันไม่เคยศึกษาเชิงลึก เวรเอ๊ย เวรรรรรรรร
                แล้ว...
                ไอ้หน้าหมวยนี่จะมองอะไรนักหนาวะ ไอ้ปากแดงๆที่แม่งงับปากล่างตัวเองเล่นอยู่นี่แม่งโคตรน่ารักเลย ไอ้ตัวน่ารัก
                “พี่...”
                “หืม”
                “ถ้าพี่รังเกียจหญิงเรื่องจูบกับ...”
                “อย่าพูดชื่อมันตอนอยู่กับกู หญิง” คิดแล้วก็กรุ่นขึ้นมาในใจอีกรอบ
                “...” ถ้ามีหูกระต่ายโผล่มาบนหัวน้อง ตอนนี้มันคงลู่พับตกไปหมดแล้ว
                “แล้วก็อย่าพูดเรื่องรังเกียจด้วย ต่อให้มึงอยากเลียนแบบนิทานไปจูบกับเจ้าชายกบแล้วค่อยมาจูบกับกูกูก็ไม่รังเกียจหรอก”
                “...”
                “แต่ถ้ามึงใจดีหน่อยมึงน่าจะล้างนิดหนึ่งก็ได้นะ นั่นกบเลยอ่ะ” คิดเองก็หยีเองอ่ะ ขนลุก ใครจะบ้าขนาดยอมจูบกบวะ แค่คิดผมก็อยากจะอ้วกแล้ว เหมือนจูบเยลลี่กลิ่นน้ำขัง
                “พี่แม่ง”
                “ขำไรวะ กูจริงจังนะ” อย่างน้อยเจ้าชายกลายร่างเป็นหมาเป็นแมวไม่ได้หรอวะ หนูแฮมเตอร์ก็ยังดี ทำไมต้องกบวะ รับไม่ได้ บุญแค่ไหนที่เจ้าหญิงในเรื่องเป็นเจ้าหญิงไม่กินอาหารป่า ไม่งั้นเจ้าชายแม่งถูกเอาไปต้มแดกแล้วแน่ๆ   
                “แต่หญิงล้างจริงๆนะ”
                “ล้างจนเจ็บปาก ปากลอกเลย” น้องเชิดปากให้ผมดู ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นรอยแดงกับรอยแตกตามปากเต็มไปหมด
                “ทายายัง” ผมเชิดคางน้องขึ้นดูแผล น้องตอบด้วยการส่ายหัวเบาๆ
                “ยัง”
                “ทำไมไม่ทา” ผมขมวดคิ้ว
                “ไม่มียา”
                “เอ้า ไม่ไปร้านยาวะ”
                “ไม่มีคนทาให้”
                “บ้านไอ้ตั๋งไม่มีกระจกหรอ”
                “พี่ จูบหญิงหน่อย”
                “...”
 
                เวร กรรมการครับ เด็กคนนี้มันชกใต้เข็มขัด
                ฉิบหาย โลกหมุน  โคตรน่ารักเลย ไอ้เชี่ย อยากวิ่งไปตะโกนบอกว่าน้องน่ารักสัดๆ หน้าเสาธง แก้มหญิงขึ้นสีแดงลากยาวไปยันหู หญิงเตะขาไปมากับโต๊ะแล้วยื่นหน้างึกๆขึ้นมาหาผม     
                “ถ้าหาเวลาจะจูบ เนี่ย จูบสักทีดิ”
 
                รู้ทันเก่ง...
                ผมถอนหายใจให้กับความน่ารักของมันก่อนจะก้มลงเอาปากประทับลงบนไอ้ปากนิ่มๆแดงๆนั่น
 
                สายลมพัดผ่านหน้าต่างห้องชมรมพัดปอยผมของหญิงจนฟูฟ่อง สาบชายเสื้อนักเรียนที่หลุดลุ่ยพัดปลิวไสว เสียงกริ่งเลิกเรียนที่ดังขึ้นคลออยู่เบา เสียงเปิดปิดประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนคุยจ้อกแจ้กตอกย้ำว่าเป็นเวลาหมดคาบเรียน
 
                ริมฝีปากเราแนบสนิท
                ลมหายใจเราสัมผัสประชิด
                เสียงหัวใจที่ดังประสาน
 
                ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดได้อย่างลำบากกลับเป็นคำตอบที่ชัดเจน
                ... นี่แหล่ะ
             ความหมายของคำว่ารัก
 

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7:  :hao7:  :hao7: ดีนะเนี่ยที่น้องหญิงฉลาด ไม่งั้นพี่พี่ที่ ไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไหร่คงแย่  :mew5: อดจูจุ๊บน้องแน่ๆ  :hao3:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อารมณ์สวิงมาก น้ำตาซึมเพราะสงสารหมวย แล้วมาอมยิ้มตอนเค้าบอกรักกัน  :กอด1:
ว่าแต่มง แอบรักพี่พี่เหรอ???

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอบคุณมงที่อธิบายซะพี่หายโง่
ชอบน้องหญิงที่ตรงไปตรงมา
อิพี่บื้อจริง ๆ จูบก็ไม่เป็น

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
กว่าอิพี่จะหายโง่ ต้องให้เพื่อนด่าซะ.

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
น้องหญิงแมนมั่ก ด้านความรู้สึก อิพี่ก็ทื่อเกิ๊น!! กว่าจะยอมรับใจตัวเอง

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ดีใจกับน้องหญิง ที่พี่พี่รู้ตัวซะที

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ต้องขอบคุณมงนะงานนี้ ไม่งั้นไม่ได้ลงเอยกันสักที

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิดถึงมากๆค่าาาาาาาาา

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
 :mc4:  พี่รู้ตัวสักที

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่นี่แบบผู้ช๊ายผู้ชายตอนสงสัยว่าจูบยังไงเพราะดูแต่การ์ตูนนี่เอ็นดู 5555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พ๊อดจิน่าร๊ากกกกกก
ตัวแค่นี้แต่ความกวนนี่ไม่น้อยหน้าพี่ชายเลย
เล่นเอาอยากเห็นตอนโตเลยฮ่ะ :katai2-1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
หญิงน่าร๊ากกกก

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ตลกพี่ อยากจูบ แต่ทำยังไงวะ  แปลว่าตอนนั้นที่พี่หมอแซวจะเรื่องจริง พี่พี่ อ่อนหัด 5555

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รวดเดียวจบ อีพี่นี่โง่จิง สงสารน้อง 5555

ตามด้วยคนนน

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
ตอนที่ 11

   ผมไม่เคยมีแฟนแม้จะลักษณะเหมือนพวกเพลย์บอยเจ้าชู้ แต่ด้วยความเกิดมาในครอบครัวที่มีแต่ผู้ชายล้อมรอบนั้นกลับหล่อหลอมให้ผมเป็นพวกสุภาพบุรุษแบบที่คนอื่นนิยาม ในนิยามครอบครัวผมก็แค่มองผู้หญิงทุกคนเหมือนแม่ตัวเอง เลยรู้สึกต้องคอยให้เกียรติแค่นั้นเอง

   
   ซึ่งนั่นหมายความว่า
   ถ้าเหตุการณ์เมื่อวานคือเหตุการณ์สารภาพรัก




   สารภาพรัก

   l
   v

    รักเหมือนกัน

   l
   v

 


   เป็นคนรักกัน


    = ผมกับหญิงเป็นแฟนกัน


   อะฮึ่ม มันเขินๆ ในใจโว้ย มันแบบคันๆ ยิบเหมือนเวลานมแตกพานตอนเริ่มเป็นวัยรุ่น แบบบอกไม่ถูก แต่ทำไรไม่ถูกเลยอ้ะ โอ้ย คันนมมมมมม

   “พี่ๆ” ผมหันหัวไปตรงประตูเมื่อได้ยินเสียงยุงบิน อ่อ ไม่ใช่ เสียงไอ้พอร์ช
   “ไรอ้วน”
   “ฮึ่ย ไม่อ้วน”
   “ไอ้อ้วน”
   “พี่พี่อย่าบลูเบอรี่พ็อจจิ!!”
   “อะไรวะ บลูเบอร์รี่ ไม่ให้กูอะไรมึงนะ” งงเลย ไอ้พอร์ชท้าวเอวพองแก้ม ทำหน้าตาดุเหมือนหมาโมโหแมลงวันที่มาตอมหูตอนนอน
   “แม่บอกคนไม่ดีจะชอบบลูเบอรี่คนอื่น แบบพี่ๆ คนนิสัยไม่ดี!!”
   “มึงหมายถึงบูลลี่ป่ะ”
   “บลู – เบอ – รี่” ยืนยันเสียงหนักแน่นว่าตัวเองถูกมาก โถ ไอ้เด็กอ้วน เห็นแล้วมันก็อดคันไม้คันมือไม่ได้ ต้องเดินไปนั่งยองๆ เพื่อหยิกแก้มยุ้ยมันจนยืดเหมือนชีสพิซซ่า ไอ้พอร์ชพอโดนหยิกแก้มก็โวยวายลั่นบ้านเหมือนโดนหยิกหัวนม เล่นใหญ่ไม่มีใครเกิน
   “พี่ อย่าแกล้งพอร์ช” เสียงดุนุ่มๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมเหลือบตาขึ้นมองแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร
   “พี่หญิงงงง ช่วยพ็อจจิด้วยยยยย”
   “พี่ ปล่อยน้อง” แล้วมันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าออะไรดังเปรี๊ยะขึ้นตรงมือให้ผมปล่อยไอ้พอร์ชทันทีที่หญิงสั่ง
   “...”
   “มองไม” หญิงกระดกคิ้วถามผม
   “มอง”
   “...? “
   “มองแฟน”
   “เห้ย!!”

   หญิงตกใจตาโตเหมือนกระต่ายตกใจ แต่ก็ยังน่ารักอยู่ แล้วดูส่ายหัวล่อกแล่กมีพิรุธสุดๆ น่ารักจนอยากจับมาหอมหัว มันเป็นคนประเภทไหนวะที่เกิดมาทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด ตัดภาพไปที่ไอ้ตัวที่เอาน้ำลายป้ายขาผมเล่นที่แม่งอยู่ในวัยที่ควรจะน่ารักยังไม่สามารถน่ารักสู้หญิงได้เลย
   “อะไร แฟนอะไรอ่อ พ็อจจิอยากรู้”
   “เสือกเลยอ้วน ลงไปหาแม่ไป” ผมดึงแขนหญิงแล้วลากเข้าห้อง ป้องกันตัวน่ารำคาญอย่างไอ้อ้วนกลมมาสอดในบทสนทนา พอปิดประตูเท่านั้นหญิงก็หันมาทุบอกผมดังป้าป
   “พี่!!!”
   “เอ้า ตีกูทำไมเนี่ย”
   “พูดอะไรออกไปอ่ะ รู้ตัวป่ะเนี่ย”
   “อ๋อ แฟนอ่ะหรอ” หญิงถลึงตาอีกรอบ
   “เออสิ!!!”
   “ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ”
   “...ห๊ะ”
   “ก็สารภาพรักแล้วเมื่อวาน มึงสารภาพรักกู กูสารภาพรักมึง โยงๆแล้ว มันแปลว่าใจตรงกัน ก็แฟนใช่ป่ะ” เนี่ย สรุปง่ายสุดแล้ว แต่ไหงมันทำหน้าทำตาตลกตอบวะ
   “...”
   “ใช่ไหม”
   “ก็...”
   “หรือกูเข้าใจผิด”
   “ไม่รู้ หญิงไม่รู้ คือหญิงไม่อยากเป็นน้องข้างบ้านของพี่ แต่...”
   “แต่?”
   “แต่หญิงไม่เคยคิดภาพของเราที่เป็นมากกว่าพี่น้องเลย หญิง... ตั้งตัวไม่ทัน” หญิงซบหัวลงกับอกผม ผมเลยยกมือขึ้นลูบหัวน้องเบาๆ
   “กูเหมือนกันแหล่ะ กูชินกับที่มีมึงเป็นน้องมาตั้งหลายปี กูก็ไม่ชินเหมือนกัน”
   “เอาไงดี”
   “เอาไงดีอะไร”
   “ก็เอาไงดีอ่ะ” หน้าดื้อๆ นั่นเชิดขึ้นมองผม ผมแอบโอบแขนรอบสะโพกน้องที่ผอมลงไปเยอะ ไม่คิดเลยว่าทะเลาะกันรุนแรงมาตั้งหลายอาทิตย์ พอคืนดีกันสถานะจะถูกเปลี่ยนไปขนาดนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นแฟนกันมันแตกต่างจากตอนเราเป็นพี่น้องกันยังไง แต่ที่แน่ๆ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
   
“เอาไงไม่รู้ แต่จะไปโรงเรียนสายแล้ว เร่งมือหน่อย”
   เสียงพี่พามดังขึ้นจากหน้าประตู ทำเอาหญิงดีดตัวออกจากอกผมอย่างรวดเร็ว ส่วนผมก็ได้แต่ทำหน้าเซ็งสุดชีวิตเท่าที่จะเซ็งได้ โคตรขัดจังหวะ รู้งี้ล็อคห้องดีกว่า ที่บ้านทำไมอุดมไปด้วยตัวเสือกแบบนี้วะ พอหันกลับไปหาหญิง รายนี้คือหน้าแดงสติหลุดไปแล้วเรียบร้อย 
   เห้อ...
   เอาไงดีกับสถานะแฟนวะเนี่ย




.
.
.


   ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โรงเรียนอนุญาตให้ขี้ใส่ชุดนักเรียนได้วะ
   อ่อ ไม่ใช่
   นั่นไอ้เป้


   “ไง”
   “ไง”
   ผมกระดกคิ้วตอบ แม้ในใจอยากจะถามว่าไงพ่อมึงดิ เพื่อนเล่นหรอไอ้สัด แต่เห็นเฝือกที่แขนมันแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมา 00000.1 % 

   ใครไปคิดว่ามันจะล้มหลบหมัดแล้วกระดูกแขนหักวะ...
   รู้สึกผิดเลยที่ทำแขนข้างขวามันหัก...
   ...น่าจะหักข้างซ้าย อย่างน้อยก็เขียนหนังสือได้หน่อย

   “พี่เป้พี่ ไหวไหมเนี่ย” นี่ก็เป็นห่วงจังเลย ไอ้ตัวน่ารัก ไปจูบมันกูยังไม่คิดบัญชีนะ เห็นไอ้หญิงทำหน้าทำตาห่วงเหมือนมันใกล้ตายมากกว่าแขนหักเลยต้องยกมือขึ้นดึงคอเสื้อมันกลับมา
   “เกินหน้าเกินตาไปละ”
   “พี่ พี่เป้แขนหักนะ”
   “กูก็เจ็บ ไม่เห็นเป็นห่วงกู”
   “เจ็บตรงไหน ทำไมไม่บอกหญิง”
   “ตรงนี้”
   ผมชี้ลงตรงหัวใจ
   “...”
   “เหมือนนมแตกพานรอบที่สอง เจ็บมาหลายวันแล้ว”

   อ้าว กระแทกเท้าหนีไปเลย พูดไรผิดอ่ะ ก็คันนมจริงๆ ผมเกานมแกร่กๆ ระหว่างที่มองหญิงกระแทกเท้าเดินหนีไป อะไรของมันวะ คันนมก็ผิดหรอ
   
   “อยู่ด้วยกันแบบนี้นี่คืนดีกันแล้วหรอ” ผมหันหาไอ้คนถาม
   “เออ”
   “ไรวะ คืนดีกันเร็วฉิบหาย ไม่คุ้มแผลเลย” ไอ้เป้กรอกตาไปมาแล้วหันมาสบตาผม พอพูดขึ้นมาก็เหมือนกระตุ้นความจำผมขึ้นมา ว่ามีสิ่งที่อยากจะพูดกับมันอยู่
   “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงจูบน้องทำไม”
   “อยากรู้ป่ะ ถามได้นะ” มันกระตุกยิ้มหยอกซึ่งส่งผลให้ความคันรอบนมผมไปอยู่ที่ตีนอย่างรวดเร็ว เหมือนแม่มันกินมะม่วงกวนตอนท้องอ่ะ ออกมากวนส้นตีนตั้งแต่หน้ายันนิสัย
   “ช่างเถอะ กูไม่สน เพราะตอนนั้นหญิงเป็นแค่น้องข้างบ้านกู กูไม่ได้มีสิทธิ์หวงอะไรอยู่แล้ว”
   “...”
   “แต่ถ้ามันเกิดขึ้นหลังจากนี้”
   “...”
   “ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม”
   “...”
   “มันจะไม่จบแค่แขนหักแน่ๆ”
   ผมสบตามันนิ่ง เพื่อบอกถึงความมั่นใจในคำพูดว่าผมเอาจริง ไอ้เป้สบตาผมพร้อมกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว มันยกมือขึ้นเป็นท่าทางว่ายอมแพ้แล้วส่ายหัวไปมา
   “เออๆ ไม่เอาด้วยแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องมันหรอก ก็เด็กมันสงสัยก็แค่หาคำตอบให้”
   “...” สงสัยอะไรวะ
   “อยากรู้ก็ไปถามน้องมันเอง”
   “...” เนี่ย ไอ้เหี้ย จุดต่อมขี้เสือกกูแล้วโยนขี้ นิสัยไม่ดี
   “เดี๋ยวพูดไปแล้วหืดขึ้นพาลมากระทืบอีกรอบ ไม่เหลือพื้นที่ให้มีแผลแล้วโว้ย” เออ ก็จริงของมัน เดี๋ยวเผลอตบยุงแล้วพลาดไปโดนเบ้าตามันขึ้นมาจะซวย ผมยกไหล่ขึ้นแบบกวนตีนเล็กๆ ใส่มันแล้วตัดสินใจวิ่งตามหลังหญิงไป
   แผ่นหลังของหญิงที่ถูกคลุมทับด้วยเสื้อนักเรียนสีขาวยังคงแคบเล็กเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเพราะตาผมติดฟิลเตอร์น้องใส่มันรึเปล่ามันถึงได้ดูเล็กแคบในแบบที่เด็กผู้ชายไม่น่าจะแคบได้ขนาดนั้น


   ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้คนอื่นเข้าใจว่ามันน่ารักขนาดไหน
   แต่ช่างเถอะ
   ไม่ได้อยากให้คนอื่นมาเข้าใจความน่ารักของมันเหมือนกัน   


   “หญิง” เดินนำมาก่อนตั้งนาน แต่ผมวิ่งตามมาแปปเดียวก็คว้าคอมาได้แล้ว
   “หึ้ย แขนหนัก”
   “อย่างอื่นหนักกว่าอีก ให้ทายๆ”
   “พี่” น้องไม่เล่นด้วย แถมยังส่งสายตาโกรธแน่ๆ ถ้าเล่นมุกลามก ผมเลยยิ้มแห้งตอบ ไม่เล่นก็ได้จ้า
   “หมายถึงไอ้พอร์ชไง ไอ้ตัวอ้วนๆ กลมๆ “ ขอโทษผ่านโทรจิตแล้วกันนะไอ้ก้อนอ้วน ขอแอบนินทานิดหนึ่ง ไม่ว่ากันนะ คนไทยด้วยกัน 
   “คุยอะไรกับพี่เป้อ่ะ”
   “ถามทำไม”
   “แล้วทำไมหญิงถามไม่ได้อ่ะ”
   “ไม่ให้ถาม”
   “เอ้า”
   “ทำไมต้องถามเรื่องมันกับกูด้วยหล่ะ ไม่ชอบ” ไอ้ห่า งอแงเป็นเด็กเลยกู รู้นะครับว่าสภาพร่างเหมือนหมีป่าแบบนี้ไม่ควรงอแงเป็นลูกหมีริรัคคุมะ แต่มันก็อดไม่ได้ ก็กูเพิ่งต่อยกับมันมานะ!! มาถามกูเรื่องมันได้ยังไง!! หยามกันชัดๆ !!
   “พี่ หึงหญิงหรอ” 
   “สมัยก่อนเรียกหวงโว้ย หวงน้อง”
   “...”
   “แต่ตอนนี้เรียกหึงอ่ะถูกแล้ว ไม่ใช่แค่น้องแล้ว” ผมฉีกยิ้มให้หญิง
   “...”
   “เนี่ย นิ่งไปเลย เขินหรอเราอ่ะ เขินง่ายจัง เพิ่งรู้นะเนี่ย” เขี่ยแก้มไปสองจึ้ก สติถึงค่อยกลับร่าง หญิงฟาดนิ้วผมดังเพียะ ไอ้ห่า นิ้วเกือบหลุด ต้องจดบันทึกไหมว่าหญิงเป็นพวกเขินแล้วรุนแรง 
   “พี่แม่ง”
   “หญิง ตอนแรกกูก็คิดนะว่าสถานะเรา มันจะเอายังไงดี”
   “อื้อ แล้วคิดว่าไง” หญิงยกมือขึ้นจับนิ้วผมที่พาดบ่ามันอยู่
   “เป็นพี่น้องเหมือนเดิม”
   “ห๊ะ?”
   “อือ”
   “...” น้องหน้าหดไปแล้ว หญิงจ้องหน้าผมพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไอ้เวร แพ้ แพ้หมดแล้วกู ใจเหลวไปเป็นขี้เวลากินผักเยอะเลย
   “ใจเย็น อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ”
   “ก็เพิ่งบอกอยู่ป่ะว่าหญิงไม่อยากเป็นน้องข้างบ้านแล้ว ไม่เอาแล้ว”
   “หญิงใจเย็น ฟังกูอธิบาย”
   “...”
   “เป็นแฟนมันมีคำว่าเลิกอ่ะ มึงเข้าใจป่ะ เพื่อนกูเงี้ย เลิกกับแฟนทุกอาทิตย์ ร้องไห้ทุกอาทิตย์”
   “...”
   “ไม่รู้ว่ะ สถานะไหนที่มันไม่มีเลิกกันมีไหมอ่ะ เอาอันนั้นแหล่ะ ไม่อยากให้ในพจนานุกรมเรามีว่าเลิก เกทป่ะ” ผมเป็นพวกทำความเข้าใจกับอะไรยากๆ ไม่เก่ง แต่นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ
   “แล้วมันคือสถานะอะไรอ่ะ หญิงก็คิดไม่ออก”
   “นั่นดิ” ผมเอนหัวไปซบหัวหญิง กลิ่นแชมพูหอมลอยมาแตะจมูกเลยอาศัยโอกาสเอาจมูกทิ่มหัวน้องแทน ตัวก็หอม หัวก็หอม เป็นหญิงนี่มันดีจังวะ หอมไปทั้งตัว ตัดภาพมาที่ไอ้ก้อนพอร์ชที่ควรจะหอมกลิ่นแป้งเด็กโคโดโมะเสือกทาแป้งเย็นตรางู ฉุนห้องเลยเนรเทศมันออกทุกรอบที่พยายามมุดตัวมาในผ้าห่ม
   “ตั้งชื่อสถานะใหม่ไหมพี่”
   “ยังไงวะ”
   “ก็คิดขึ้นมาเอง จะได้นิยามขึ้นมาใหม่” เออ มีเหตุผลว่ะ ผมเดินกอดคอหญิงไปพร้อมกับคิดชื่อสถานะใหม่ของตัวเองไปพรางๆ
   “มึงมีไอเดียมะ”
   “สถานะมากกว่าพี่น้องแต่ไม่ใช่แฟนมะ”
   “แล้วเป็นไรวะ ญาติฝ่ายแม่เรอะ”
   “แง”
   “สถานะเพื่อนร่วมทีมมะ เวิร์คป่ะ”
   “ทีมไรอ่ะพี่”
   “ทีมบาส”
   “หมายถึงให้หญิงเป็นเพื่อนในทีมพี่อ่ะหรอ”
   “...”

   เวร คิดภาพหญิงท่ามกลางพวกหมีร่างอาบเหงื่อสายตากระหายลูกบาสแล้วก็รู้สึกไม่เข้าพวกอย่างรุนแรง ผมพาน้องเดินมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาหยุดที่หน้าห้องชมรม เดินมาไกลประมาณหนึ่งก็ยังนึกชื่อสถานะไม่ออก
 โวะ เหมือนง่ายแต่ยากจัง อยากได้สถานะที่เรารู้กันสองคน คนภายนอกไม่ต้องมาเข้าใจเพราะคงไม่มีวันเข้าใจ

   คนนอกคงไม่เข้าใจ

   ...คนนอกไม่เข้าใจ


   “หญิง กูว่ากูคิดชื่อสถานะเราออกแล้ว”
   “ว่า?”
   “เสือก”
   “เอ้า ด่าหญิงไม”
   “เปล่า ชื่อสถานะเสือก”
   “ห๊ะ?”
   “ถ้าคนถามว่าเราเป็นอะไรให้ตอบไปว่าเสือก”
   “...”
   “เพราะสถานะเรามันไม่มีชื่อเรียก มันเป็นสิ่งที่เรารู้กันสองคน มันไม่จำเป็นต้องมีนิยามป่ะวะ”
   “...”
   “คนอื่นไม่จำเป็นต้องมาเข้าใจถานะระหว่างเราหรอก เราเกทกันสองคนก็พอแล้ว” 
   “...”

   ไม่ต้องสวยหรูให้ใครมาเข้าใจว่าเราเป็นอะไรกัน
   ไม่ต้องมีคำตอบว่าความรู้สึกระหว่างเราควรอยู่ในสถานะไหน
   ไม่ต้องมีคำจำกัดความให้ความรู้สึกระหว่างเรามีกรอบให้กัน
   ไม่มีชื่อสถานะไม่มีคำนิยามให้คนนอกเข้าใจ มีแค่ความรู้สึกของเราที่เราเข้าใจกันอยู่สองคน



   สถานะเสือก

   แม่ง โคตรคูลเลยว่ะ
   
   



---

つづく

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โอเคชัดเจนมากพี่่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด