Home * Mate ll ต้นไม้...นายหน้า ตอนที่ 22 (210222)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Home * Mate ll ต้นไม้...นายหน้า ตอนที่ 22 (210222)  (อ่าน 27180 ครั้ง)

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เราเพิ่งเห็นเรื่องนี้ เปเปเอ๋ออ่ะ 555

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ chap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งือน่ารักมากๆ
ผู้ชายรักต้นไม้มีเสน่ห์จังค่ะ :hao7:
ติดตามนะคะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 :katai2-1: มีพัฒนาเรียกคุณกันด้วยล่ะ อิอิ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
รออยู่น้า  :L2:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
HomeMate
Casting : Jun x Pae
Writer : Kajidrid


Home*Mate [7]

“เป!!!!” ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกกันอย่างกรรโชกและอาการทุบประตูห้องนอนปัง ๆ งัวเงียลุกขึ้นมาแล้วคว้าโทรศัพท์เพื่อดูเวลา นี่มันเพิ่ง 6 โมงเช้าเอง ทำไมต้องรีบปลุกกันด้วยวะ ผมก็ไม่ได้ต้องการรีบตื่นเสียหน่อย

ผมเดินแบกหัวมึนๆ จากอาการถูกกระชากตื่นมาเปิดประตูห้องนอน เพื่อต้อนรับหน้าบูดบึ้งของเพื่อนร่วมห้อง

“อาราย”

“นั่น....อะไร”
“ทำไมเป็นงั้น”

“อารายยยยยย”

“มาดูดิ!” หมอนี่เต้นทั้งตัวเต้นทั้งเสียง ผมไม่เคยเห็นเขาลุกลี้ลุกลนแบบนี้มาก่อนเลยครับ แต่ก็อย่างว่า เราอยู่ด้วยกันยังไม่ถึงเดือนเลย ก็ไม่แปลกหรอกที่ผมจะไม่เคยเหลี่ยมมุมของเขาอีกมาก

ผมยังยืนอิดออดอยู่หน้าห้องนอนตัวเอง ขณะที่หมอนี่เปิดม่านสีครามผืนใหญ่แทบสุดขอบข้างซ้ายขวา

“ดูดิเป”

“อะไรกันนัก” ผมบ่นเบาๆ เดินลากฝ่าเท้ามายืนแหกตามองระเบียงผ่านม่านกรองแสงสีขาว เอาหน้าผากชนไว้กับประตูกระจกเพื่อถ่ายเทน้ำหนักตัว สารภาพเลยว่าผมยังง่วงอยู่มาก ไม่อยากตื่นและไม่คิดว่าตอนนี้ผมกำลังตื่น

“ดูดิ” เขาฟ้องอีกครั้ง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาฟ้องผม หรือผมเป็นต้นเหตุให้เขาหาคนฟ้อง
“เละไปหมด”

“ไม่เห็นอะไรเละเลย ก็เอี่ยมดี” ผมตอบตามที่สายตามัวๆ เห็น นายค้ำจุนทำหน้าช็อคมากที่ผมมองไม่เห็นสิ่งที่เขาเห็นตาคา หมอนี่ลากเปิดม่านกรองแสงจนสิ้นชายผ้าในสายตาผม เขาเลื่อนเปิดประตูกระจกด้านหนึ่งเต็มบาน แล้วลากแขนผมให้เอียงตัวมองสิ่งที่เขาฟ้องว่า –เละ-

“นี่ไง” หมอนี่ย้ำ ผมมองหน้าเขาด้วยสติที่เริ่มประกอบร่างใกล้สมบูรณ์ พยายามเบิกตากว้างสู้แสงยามรุ่งอรุณที่ค่อนไปทางทะมึนเพราะวันนี้เมฆหนา และก็เป็นอีกครั้งที่ผมทำให้เขาช็อค

“ก็ดีนี่ ไหน อะไรเละ”

“คุณ ไม่เห็นหรอ? ตาบอดรึไง”
“เห็นตาคาขนาดนี้”
“นี่ไง เละไปหมด คุณทำอะไรเขา”

เดี๋ยวนะ เขาไหน? เขาคือใคร? และผมน่ะหรอจะไปทำอะไรใครที่ระเบียงห้องตัวเอง โดยที่ผมไม่รู้ตัว และมองไม่เห็นซากหลักฐานที่เขาย้ำนักหนาว่าเละไปหมด
จะบ้าหรอ?

“เฮ้ย ใจเย็นนะคุณ”

“เย็นได้ไง ก็มันเละเทะไปหมดแบบนี้ เสียหายเยอะนะคุณ”
“คุณไม่เข้าใจหรอก ใช่สิ มันไม่สำคัญกับคุณนี่”

ไป กัน ใหญ่ มันคงเป็นอะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง
ผมกรอกตา พยายามทำใจให้เย็นลงเพราะเห็นเขาโวยวายใหญ่โตราวกับเชื่อมั่นมากว่าคนที่ทำผิดคือผม ซึ่งผมยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิด

“อะไรเสียหาย ถ้าคุณไม่พูดให้รู้เรื่อง ผมก็ประเมินไม่ถูกหรอกว่ามันมากหรือน้อย อะไรเละเทะด้วย ผมยังไม่เห็นอะไรเละเลย เขาก็ทำเป็นระเบียบดี”

“ใคร?!” เสียงเขียวกว่าใบไม้บนต้นห่าอะไรก็ไม่รู้ที่ริมระเบียงอีกครับ ผมเริ่มไต่สายตามองต้นไม้ทั้งหลายเหล่านี้และเริ่มเข้าใจว่านายค้ำจุนเดือดเรื่องต้นไม้ ใจก็นึกอยากอุทิศส่วนกุศลให้มันหากว่ามันเจ็บปวดนักหนา แต่ก็คิดได้ในวินาทีถัดมาว่าผมไม่มีส่วนบุญให้ใคร จากนั้นก็เสยลูกตามองหน้านายค้ำจุนที่ขมวดคิ้วบูดเบี้ยวใส่อยู่ไม่เปลี่ยน
“ผมถามว่าใครทำ? ใครมาห้องคุณหรอ? ทำไมมายุ่งกับเขา นี่ระเบียงผมนะ ในสัญญาก็มี แล้วทำไมคุณพาเพื่อนมาไม่บอกผม หรือไม่อยากบอกอะไรเพราะพาผู้หญิงมานั่นนี่ก็ควรบอกผู้หญิงของคุณสิว่าอย่ามายุ่งกับที่ของผม”

“เฮ้ยๆๆ ไม่มีใครพาใครมานั่นนี่ที่โน่นนี่นั่นทั้งนั้นแหละคุณ”
“คนที่ยุ่งกับระเบียงนี้ ก็มีแค่คุณ”

“ผมไม่มีทางทำเละเทะแน่!”

“ฟังให้จบดิวะ”
“มีแค่คุณกับแม่บ้าน”

“แม่บ้าน?”

“ใช่แม่บ้าน แม่บ้านของเรา”
“แม่บ้านมาทำความสะอาดห้อง เดือนละ 2 ครั้ง ตามสิทธิ์ ค่าส่วนกลางก็จ่ายไว้แล้ว เพราะงั้นต้องมาทำความสะอาดห้องสิ เรื่องง่ายๆ คุณต้องเข้าใจอยู่แล้ว”
“ใช่มะ?”

“..........”
“ผมจำได้ชัดว่าแจงคุณละเอียดแล้วนะว่าค่าส่วนกลางที่นี่ตารางเมตรละเท่าไหร่ และได้รับบริการอะไรบ้าง”
“ก็รถโครงการที่คุณนั่งไปบีทีเอสทุกเช้า ตอนเย็นด้วยถ้าคุณไม่กลับค่ำ และก็บริการทำความสะอาดห้องเดือนละ 2 ครั้ง กับซักรีดเสื้อผ้าที่ร้านรับจ้างและฝากวางที่ห้องนิติ”
“คุณต้องจำได้สิ เพราะตอนที่คำนวณค่าส่วนกลางกัน เถียงกันแทบตาย แล้วคุณเป็นคนวัดเองว่าพื้นที่ทั้ง 2 ระเบียงมันกี่ตารางเมตร เพราะคุณจะใช้พื้นที่ทั้ง 2 ระเบียง”
“คุณทำให้ผมต้องตากผ้าในห้องนั่งเล่นไง จำได้ยังอ่ะ?”

“อ่อ...”
“ใช่ เรามีแม่บ้าน”
“แต่แม่บ้านก็ไม่ควรทำเละเทะไง เฮ้ย ไม่ได้อ่ะ ต่อไปไม่ต้องให้ทำที่ระเบียง”

“ไม่ได้”
“ต้องทำ”
“เขาทำเละเทะในสายตาคุณ แต่คุณทำระเบียงเลอะเลอะในสายตาผมเหมือนกัน”
“เศษดิน คราบน้ำ เศษใบไม้ หินอีก ไอ้เม็ดๆ ไรนี่อีก แล้วนกก็แวะมาขี้อีก”
“ต้องทำดิ”

“แต่แม่บ้านทำเละ” ก็ยังจะเถียง ผมไม่เห็นมันจะเละเทะตรงไหน แต่ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว คุยกับเขาหน่อยก็แล้วกัน

“ยังไง ผมไม่เห็นความเละเทะนะ และแน่นอนผมไม่ได้ตาบอด แน่นอนว่าผมยังไม่ตื่นดีแต่ก็จำได้ว่าคุณด่า ผมไว้”

เขาถอนหายใจ ทำหน้าง้ำปากยื่น หมอนี่ก้มมองบรรดาต้นไม้ของเขาแล้วก็ถอนหายใจ เพื่อเริ่มต้นอธิบายสิ่งที่ผมไม่เข้าใจความสำคัญอะไรเลย
ซึ่งผมจับใจความได้ว่า บางต้นชอบแดด เขาก็จะวางไว้มุมซ้าย ไล่ระดับกันไป มีการกำหนดสีกระถางเอาไว้แล้วว่าต้องอยู่ใกล้กัน หรือเรียงลำดับกันจากขวาไปซ้ายหรือซ้ายไปขวา ไม้โขดและไม้ใบชอบแดดรำไรเขาจะไว้ทางมุมขวา บางต้นต้องการความฉ่ำก็จะมีถาดรองกระถางเอาไว้หล่อน้ำ ซึ่งแม่บ้านก็ทำให้มันเละเทะไปหมดเลย
สรุปแล้ว นิยามคำว่าเละเทะของนายค้ำจุน ก็คือ ถูกจัดวางไม่เหมือนเดิมครับ

บอกเลยว่าปวดกะบาลมากกับความจู้จี้ในเรื่องที่ผมไม่เห็นว่ามันสำคัญสักนิด

เรากลับเข้าห้อง ปิดประตูกระจก ปิดม่านกรองแสงแต่เปิดม่านหลักเอาไว้รับแสงตอนเช้า เขาอยู่ในชุดพร้อมไปทำงานแล้วแต่กลับไม่รีบออกจากห้องไปเสียที ผมก็เลยต้องถาม เพราะไหนๆ ก็ตื่นแล้ว

“แล้วนี่คุณไม่ไปทำงานหรอ?”

“เดี๋ยวลา จะจัดต้นไม้”

“หา?”

“เออ ใช่ ผมจะลางานเพื่อจัดต้นไม้ที่แม่บ้านทำไว้เละเทะ ไม่เห็นต้องตกใจ”
“แล้วทำความสะอาดครั้งต่อไป คุณเตือนผมด้วยนะ ผมจะลางานเพื่อคุมงานแม่บ้านอีกที”

“งี้เดือนนึงก็ต้องลางาน 2 วัน เอาจริงหรอ?” หมอนี่ท่าจะบ้า เป็นคนจัดความสำคัญเรื่องราวได้ประหลาดมาก

“จริง” เสียงดูงอนๆ แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะงอนแม่บ้านซึ่งคงไม่มีทางรู้ตัวแน่ๆ เขาไม่น่าจะงอนผม เพราะผมไม่ได้เตะต้องส่วนขอบรอบชีวิตส่วนตัวของเขาแม้แต่ปลายก้อย

“คุณก็อาบน้ำกินข้าวเช้าสิ เดี๋ยวก็สายหรอก”
“ผมทำโจ๊กไว้ให้”

อ้อ เฉพาะเรื่องอาหารการกินที่เขาเผื่อแผ่มาถึงผมนี่แหละครับ ที่ทำให้เราเกยขอบชีวิตกันและกันไว้นิดนึง

Home*Mate

สรุปแล้ว อาทิตย์นี้ นายค้ำจุนก็ลางานเต็มวันไป 1 วัน ผมคิดว่าเขาควรเดือดร้อนทางใจนิดหน่อย เพราะงานแบบเขา (อ่อ เขาเป็นวิศวกรด้านไอทีนะครับ) ถ้าขาดไปคนนึงก็น่าจะทำให้คนอื่นต้องมารับผิดชอบส่วนงานของตัวเองเพิ่ม ....ล่ะมั้ง ผมก็จินตนาการเอาเองน่ะครับ

ค่ำนี้ผมถึงห้องก่อนเขา ก่อนหน้านี้ เขาไลน์มาถามแล้วว่าจะกินอะไร ให้ซื้ออะไรเผื่อมั้ย ผมก็เลยตอบไปว่าผมกลับเร็ว ผมจะทำอาหารเอง ทางนั้นส่งอีโมติคอนสีหน้ามองบนมาให้ดู แหม่...ไม่รู้จักนายเปคนนี้ซะแล้วว่าจังหวะเขย่าขวดน้ำปลาเด็ดแค่ไหน

ผมไม่ต่อความ เพราะตัดสินใจทุ่มเทกับการปรุงรสต้มยำหมูสับน้ำข้นอย่างเอาจริงเอาจัง
ชิมครั้งแรก...จืดครับ
ครับที่สองที่สาม ก็ยังจืด
หรือว่าลิ้นผมด้านไปแล้ว?
ผมเทน้ำนะนาวคั้นสดที่ซื้อมาจนแทบหมดขวด จากนั้นก็ประโคมน้ำปลา แล้วก็คว้าพริกสดในตู้เย็นมาตีๆๆๆ ในถุงพลาสติกที่ห่อพริกไว้นั่นแหละ เพิ่งรู้เหมือนกันครับว่าโลกเราตอนนี้มีพริกสีเขียวอ่อน เหลืองอ่อน สีส้มอ่อน และสีชมพู แต่ก็ช่างหัวสีสันของพริกมันเถอะครับ ตอนนี้ข้าวสุกแล้ว

ผมทำไข่เจียวเพิ่ม กลิ่นหอมฟุ้งทำให้อดจะอุปมาตัวเองเป็นแม่ศรีเรือนรอสามีไม่ได้ แต่เมื่อความคิดถัดมาคือหน้าของนายค้ำจุนที่น่าจะถึงห้องเร็วๆ นี้ ฉากมโนต่างๆ ก็ดับทันที

แน่นอนสิครับ ผมจะเป็นเมียศรีเรือนของใครได้ยังไงกันล่ะ?

ตรึ๊ด เสียงดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตูหน้าห้อง ตามด้วยเสียงกดรหัส 4 หลัก และนายค้ำจุนก็ก้าวสวนทางบานประตูเข้ามา พร้อมกับอาการเชิดจมูกดมกลิ่นฟุดๆ นี่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทกันหน่อยก็จะอวดตัวว่า กลิ่นกูหอมล่ะสิมึง แต่เราไม่ได้สนิทกันครับ ผมเลยแค่หันมองแล้วยกยิ้มใส่

“กลิ่นดีอ่ะคุณ”
“กินได้เลยป่ะ?”

“หือ? อื้อ กินเลยก็ได้ คุณไปล้างหน้าด้วยน้ำล้างเท้าสิ”

“มะเหงก” เขาทำท่าประกอบด้วยครับ ส่งท้ายด้วยอาการหัวเราะในลำคอแล้วก็เดินเข้าห้องนอนเขาไป

ผมต้องจัดเคลียร์โต๊ะทานข้าวของเรานิดหน่อยครับ เพราะมันเป็นโต๊ะเอนกประสงค์ไปแล้ว พูดง่ายๆ คือโต๊ะวางทุกสิ่งของที่เราคิดว่าจะใช้ในอนาคตครับ ก่อนหน้านี้ ความรกของโต๊ะกินข้าวแทบไม่เป็นปัญหาเลย เพราะส่วนมากเราใช้คนละเวลา แต่เมื่อจะทานข้าวด้วยกันแล้ว ผมก็ต้องเป็นคนเคลียร์ เพราะอีกคนยังสาละวนกับการล้างหน้าด้วยน้ำล้างเท้า

“ไหนๆ หน้าตาเป็นยังไง ดูซิ”
“หูยยย ดูดีอ่ะคุณ”
“ทำอาหารเก่งเหมือนกันนี่หว่า”
“เดี๋ยวๆ ของแบบนี้มันสวยแต่รูปไม่ได้ ชิมก่อน”
“ซู้ดดดดด”
“หือ! เด็ด”

ครับ เขาดูเหมือนคนบ้า แต่ผมดันมองคนที่ดูบ้าพูดพล่ามคนเดียวแล้วเสือกยิ้มรับคำชมที่ไม่ค่อยเต็มประโยคไปซะได้

“โธ่คุณ”
“ผมก็ทำอาหารเป็นหรอกน่า แค่ขี้เกียจเตรียมวัตถุดิบแค่นั้น”

“อ่อ” เขาพยักรับคำอธิบาย เรานั่งตรงกันข้ามกันเพื่อทานข้าว สิ่งที่ทำให้เขาตาวาวก็คือความเผ็ดของรสชาติครับ
“เด็ดมากอ่ะคุณ”
“พริกอะไรเนี่ย”

“ก็พริกขี้หนูทั่วไป”
“เนี่ยดูดิคุณ เดี๋ยวนี้มีพริกสีสวยๆ ด้วยนะ”

“ไหน” นายค้ำจุนถามพลางควานช้อนกลางในถ้วยซุปใส่ต้มยำ เขากวาดจ้วงหาพริกสีสวยที่ว่า ดูเหมือนเขาเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน

ครืด!!!
จู่ๆ นายค้ำจุนก็ลุกขึ้นยืน เขามองต้มยำหมูสับน้ำขนสีส้มสวย จากนั้นก็สลับมามองหน้าผม แล้วก็อ้าปากหุบปากเหมือนคนบ้าจริงๆ จบด้วยการพรวดไปเปิดตู้เย็น

“คุณณณณณณณ!!!!”  เขาโหวกเหวกแล้วทิ้งตัวทรุดลงกับพื้นตรงประตูกระจกกั้นครัว 

“อะไร?”

“เป!!” เงยหน้ามาเรียกผมแล้วก็ทิ้งใบหน้าเหยเกไปมองพื้น

“ก็อะไรล่ะ?!”

“คุณฆ่าลูกผม!!!” ดูเหมือนว่าเขาจะร้องไห้ (อย่างน้อยๆ อาการเบะมันก็ทำให้คิดว่าน่าจะร้องไห้)

“ห๊ะ!”

สารภาพเลยครับว่าไม่เข้าใจอากัปกิริยาท้อแท้หมดกำลังใจที่นายค้ำจุนกำลังทำอยู่อย่างมาก
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโวยวายเรื่องอะไร ผมไปฆ่าใคร ฆ่าลูกเขาเนี่ยนะ? ไหนวะเด็ก? แม้แต่หัวยังไม่เห็นเคยโผล่มา หรือจะหมายถึงสัตว์เลี้ยง หมูน่ะหรอ? นี่เขาเป็น Pig Person หรอ? ผมไม่เคยสังเกตเห็นเลย ให้ตายเถอะ!!

ผมจำต้องละจากมื้ออาหาร เดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าเขาแล้วตบไหล่เรียกสติ

“เฮ้ยคุณ”
“เป็นอะไรอ่ะ”
“ผมไปฆ่าลูกคุณเมื่อไหร่ คุณโอเคแน่นะ ดูเพี้ยนอ่ะ”

“ผมไม่โอเค ไม่ว่าเป็นใครที่เป็นผมก็ต้องไม่โอเค”
“คุณทำได้ไง”
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ ผมไม่เคยคิดระแวงคุณเลย ผมผิดเอง”

“โทษนะ ผมไม่รู้เรื่อง”

“อย่ามาปัดความผิด” อื้อหือออ ผมขอคอมเมนท์ได้มั้ยครับว่าอาการมันดูแพศยามาก
“คุณต้องรู้สิ มันไม่เหมือนกัน แล้วมันก็แยกกันอยู่”

“เอ่อออ” ทำได้แค่ลากเสียงยาวๆ แล้วคิดครับ แต่ผมก็คิดไม่ออกว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่
“คือออออออออออ” จนจะหมดลมหายใจแล้วผมก็ยังคิดไม่ออกเลยครับ
“อือออ”
“อื่ออออออออ”
“อื้ออออออออออออ”
“อื๊อออออออออ”
“อื่อออออ เอิ่มมมมมมมมมมมม”

“พอแล้วคุณ”
“ผมยังไม่อยากอึตอนนี้”

ไอ้บ้า! คิดได้ยังไงเนี่ย หาว่าผมกล่อมให้เขาปวดอึเนี่ยนะ!

“ทื่อๆ อย่างคุณ คงไม่รู้หรอกว่าสร้างความเสียหายให้อุตสาหกรรมขนาดไหน”
“คุณทำลายไลน์การผลิตชั้นเยี่ยมอย่างไม่เหลือซากเลย”
“อ้อ ก็เหลืออ่ะนะ แต่มันกอบกู้ไม่ได้แล้ว ทำอะไรไม่ได้เลย”

“เฮ้ยคุณ!” ผมตบแขนเรียกสติแล้วลุกขึ้นยืนพลางกอดอกก้มมองเขาที่ยังทรุดกรอมกับพื้น
“พูดให้รู้เรื่องดิ”
“อย่ามาบ้าบองอแงอะไรกับผมแบบนี้”
“โตหน่อย”

“ได้” เขารับคำท้าแล้วก็ลุกพรวดขึ้นมาจนผมต้องเงยหน้ามองเขานิดหน่อย

“คุณเพิ่ง ต้ม ฝักเมล็ดของแมมมิราเลียพลูโมซ่าดอกชมพูสุดสวยสายพันธุญี่ปุ่นและยังเป็นไม้เมล็ดที่ผมรอมันออกดอกเพื่อเพาะเมล็ดมา5ปี ให้ ผม กิน

โอ้ มาย .....

“มันไม่ใช่พริก ถึงจะทรงเหมือนกัน แต่สีมันก็บอกอยู่ว่าไม่น่าจะเป็นพริก ตอนจับมันคุณไม่แสบมือไง ไม่สังเกตเลยหรอ?”

แทบหมดลมหายใจเพราะไม่มีอะไรจะพูดครับ
แต่ผมควรพูดอะไรสักหน่อย ใช่มั้ยล่ะ?

อย่างเช่น

“เสียใจด้วยนะ คิดซะว่ามันไปสบายแล้วก็แล้วกัน”

“เปปปปปป!!!”

“ก็คนไม่รู้”
“ถ้าผมรู้ ผมจะทำหรอ?”
“ผมรู้ซึ้งเลยว่าคุณรักต้นไม้มาก ทำไม้ขายก็เก่ง ยาดามันก็ชมให้ฟังอยู่บ่อยๆ”
“เพราะฉะนั้น ถ้าผมรู้ว่าทำอะไรแล้วสร้างความเสียหายให้คุณ ผมจะทำหรอ? คิดดิ”

“............”

“คนไม่ได้ตั้งใจนี่หว่า”
“ผมตั้งใจอย่างเดียวก็คือทำไอ้ต้มยำนั่นให้อร่อย แล้วมันก็อร่อยใช่มั้ยล่ะ?”

“อือ”

“ก็...ทำใจเถอะ แล้วก็กินมันเข้าไป เผื่อมันจะงอกในท้องคุณ”

“มะเหงก!” ทำท่าประกอบด้วยครับ รอบนี้ผมต้องยกแขนขัดมือเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอาจถูกเขกหัวจริงๆ ก็เป็นได้

นายค้ำจุนนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวอีกครั้ง มื้อเย็นค่อนไปทางค่ำของเราดำเนินต่อไป โดยมีพูดส่งท้ายที่ทำให้ผมแทบสำลักว่า

“เสือกอร่อย นะมึง ไอ้ลูกพ่อ”


tbc



พระเอกของเราเสียอาการแล้วตลกมากค่ะ 555555
จริงๆ นะคะ ฝักที่ติดเมล็ดแล้วของพวกตระกูลแมมมิราเลีย จะทรงเหมือนพริกขี้หมูเชียวค่ะ สีแดงเหมือนพริกขี้หนูก็มีนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง ชมพู เขียว ส้ม แบบพาสเทล 55555 พวกฝักน่ารัก เราเห็นครั้งแรกเราก็คิดว่าพริก ทุกวันนี้ยังปล่อยให้คาต้นไม้ไว้ ไม่เด็ดออกมาเพาะเป็นต้นอ่อนต่อ เพราะมันเยอะมาก 55555

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2018 00:07:50 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
 5555  โอ้ยยย ค่ดจี้

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ฮ่าาาาาาาาาาาาาาา ซดน้ำต้มลูกรักปลอบใจไปก่อนนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารรรร5555555 :laugh:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 :laugh: พ่อ แม่ ลูก ชักจะเป็นบรรยากาศของครอบครัวมากขึ้นทุกที

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
บรรยากาศคริบครัวมากๆค่ะ ไอ้เราก็ตงิดๆตอนทำต้มยำ ว่ามีพริกสีชมพูดด้วยเหรอออ เปปปปป นังฆาตกรรรร !!!  :hao7:

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
โอ๊ย ขอขำแรง ๆ โธ่ ลูก555

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
HomeMate
Casting : Jun x Pae
Writer : Kajidrid

Home*Mate [8]


เดือนกว่าแล้วที่ผมอยู่กับเพื่อนร่วมห้องชื่อว่านายค้ำจุน ชีวิตผมก็ไปได้ดีตามจังหวะเนิบๆ เหมือนเดิม แต่ผมคงปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ โดยไม่เช็คปลายกระแสน้ำไม่ได้หรอกครับ กราฟชีวิตแบบนั้นมันน่าเบื่อเกินไป เพราะฉะนั้น ต้องอัพเดท

ผมโทรหาพี่สาว แน่นอนว่าโทรเข้าบ้านแล้ว ถึงได้โทรเข้ามือถือ แต่โทรแล้วโทรอีก พี่ป๋อมก็ไม่รับสาย เอ...หรือว่ายังไม่กลับจากที่ไปเที่ยวรัสเซีย เอาจริงๆ แบบไม่ได้แช่งเลยนะครับ ไปนานขนาดนี้ผมคิดว่าพี่ผมไปเลือกสถานที่ตาย ที่นั่นอาจจะมีเนินหิมะที่เจ๊ป๋อมถูกอกถูกใจ

ผมละความพยายามในการโทรหาพี่สาว แต่ไม่ทิ้งภาระกิจติดต่อพี่สาวไปทันทีหรอกครับ คนเราต้องมีแผนสำรอง และมักจะได้หยิบมาใช้เสมอ

ใช่ครับ ผมโทรฟ้องแม่

รอสายไม่นาน แม่บ้านมืออาชีพที่สุดจะน่ารักที่สุดก็รับสายผม คำทักทายยังคงเป็นคำที่ทำให้อยากอ้อนตักแม่เหมือนเดิม

“ว่าไง ลูกเปล”
“คิดถึงแม่รึยัง มาสอยมะม่วงที่สวนไปสิลูก เอามั้ย”  สำหรับแม่แล้ว ทุกความรู้สึกเชิงลบเยียวยาได้ด้วยของกินครับ

“แม่ครับ พี่ป๋อมเป็นไง”

“อื้อ ก็ถามพี่เค้าเอาสิเป หรือว่าทะเลาะกันอีกแล้ว”
“ฮื้อออออ มีกันเท่านี้ ไม่ตีกันสิลูก เราก็ยอมๆ พี่เค้าบ้าง” นี่ก็ยอมจนแซะซากตัวเองจากดินที่เจ๊แกถมฝังไม่ได้แล้วครับแม่ ยอมกว่านี้ไม่มีแล้ว

“แล้วเค้ากลับจากเที่ยวแล้วหรอ”
“ซื้ออะไรมาฝากแม่ล่ะ”

“กลับแล้วสิลูก เกือบอาทิตย์ล่ะมั้ง ก็พี่เค้าไปเดือนเดียว” คำว่าเดือนเดียวของแม่ กับเดือนเดียวของผมคงไม่เท่ากัน แม่จะรู้มั้ยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในชีวิตผมบ้าง แต่ก็นะ อย่าให้รู้จะดีกว่า ผมเองก็ไม่อยากพึ่งพาพ่อแม่ไปตลอดชีวิตหรอก

“กลับแล้วหรอครับ”

“กลับแล้ว เห็นว่าเสาร์นี้จะมาหาที่สวน”
“เปลมาด้วยสิ ขับรถให้พี่เค้ามา พี่เค้าเหนื่อย หรือไม่ก็ผลัดกัน”

“อ่อ เดี๋ยวเปดูอีกทีว่าว่างมั้ย”
“แม่ครับ แล้วเจ๊ป๋อมทำงานรึยัง หรือพักร่าง เค้าบอกแม่มั้ย”

“เอ๊ ยังไง”
“ไม่คุยกันหรอลูก”
“พี่เค้าทำงานแล้วนะ ลาต่ออีกคงไม่ดี เปลไปหาที่บ้านก็ได้นี่ลูก หือ? หรือยังไง?”

“โอค อยู่บ้านใช่มั้ยครับ”
“งั้นเท่านี้ก่อนนะครับ เปกินข้าวเย็นก่อน”

“โอเคจ้ะ”
“อย่าลืมมาหาแม่นะ มะม่วงดกมาก”

“ครับ” ผมรับคำ หัวเราะส่งท้ายเพื่อเสริมอารมณ์แม่ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อวางสายแล้วก็หันมองหน้าคนที่นั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน คนที่สายตามองทีวี แต่ผมก็รู้ดีว่าหมอนี่ได้ยินตลอดการสนทนา

“คุณ”

“หือ?” เขาขานรับ แต่สายตายังดูทีวีอยู่ ผมไม่รู้ว่าเขาสนใจอะไรนักกับโฆษณาสินค้าที่ใช้ได้เฉพาะผู้หญิง ถึงมันจะบอกว่ามีปีก แต่ก็ต้องรู้สิว่ามันคนละปีกกับที่นกมี

“คุณณณ” ผมเรียกร้องความสนใจเพิ่ม รอบนี้นายค้ำจุนหันมาหา ไม่รู้เพราะสนใจคุยกับผม หรือเพราะปีกบินผ่านไปแล้วกันแน่

“ก็พูดสิ อยู่กัน 2 คนผมต้องได้ยินอยู่แล้ว มีอะไรก็พูดเลย”

“พากลับบ้านหน่อยดิ”
“นะ”

“................” เขาขมวดคิ้วสงสัย ลงมือปิดทีวี และนั่งตะแคงตัวมาทางผม จากนั้นก็ถามคำถามบ้าๆ

“โฮมซิกหรอ?”

“ซิกเตี่ยอะไร”
“ผมแค่ต้องคุยกับพี่สาวให้รู้เรื่อง”

“ค้างคากันเรื่องอะไรหรอ?” หมอนี่ถามต่อ ผมเลยถอนหายใจแล้วตอบสั้นๆ

“ผมคิดว่าพี่สาวผมไม่อยากให้ผมอยู่บ้าน”

“เค้าแสดงออกชัดหรอ?”

“ก็....เท่าที่เดาเอาก็ใช่”

“งั้นจะไปคุยอะไรกับเค้าล่ะ?”

“ก็ถามตรงๆ ว่าจะทำอะไรกันแน่ ทำไมต้องกันท่าไม่ให้ผมอยู่ที่บ้าน”
“เนี่ย .... ถ้าคุยกันรู้เรื่อง คุณก็อยู่ห้องนี้คนเดียวสบายใจเลยไป ไม่ดีหรอ?”

“แต่ผมอยู่กับคุณก็สบายใจดีนะ”

“.............” อะไรวะ? ทำไมจู่ๆ ผมก็กลายเป็นคนที่เขาไม่อึดอัดจะอยู่ด้วย ก่อนเซ็นสัญญาล่ะอิดออด มากท่า
“มีคนหารค่าอาหารด้วย” นั่นไง กูว่าแล้ว  พอผมกรอกตาทำหน้าเบื่อหน่าย นายค้ำจุนก็หัวเราะใส่แล้วบอกล้อเล่นๆ  แล้วก็ปุบปับลุกจากโซฟาไป

“เอ้าคุณ!”
“ไปไหนล่ะ?”

“เอ้า!! ก็คุณจะไปบ้านคุณไม่ใช่หรอ?”
“เอาสิ เดี๋ยวไปส่ง”

“อ่อออ” ทำไมทำตามที่ของ่ายจังวะ ใจดีหรือมีอะไรแอบแฝงป่าววะเนี่ย? ผมมองอย่างไม่ไว้ใจนัก แต่หมอนี่ก็แค่ผลุบเข้าห้อง ใส่เสื้อตัวใหม่ทับเสื้อกล้ามที่ใส่อยู่แล้วก็ยืนโยนกุญแจรถเล่น เป็นการเร่งเร้าผมให้เลิกทำหน้างงเสียที

วันนี้วันศุกร์ครับ เขาบอกว่าปิดงานเร็วเลยกลับมาตั้งแต่บ่ายสองโมง ส่วนผมทำงานปกติ แต่ผมกลับบ้านเร็วเพราะงานลูกค้าที่ดูแลเสร็จแล้ว ก็เลยบอกหัวหน้าว่าขอกลับคอนโดเลย จริงๆ อีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็คือเวลาเลิกงานอย่างเป็นทางการแล้ว ก็เลยกลับบ้านเลยได้ ไม่น่าเกลียด 
 
เป็นเย็นวันศุกร์ที่รถค่อนข้างติด หรือจริงๆ แล้วก็ติดอยู่ทุกวันก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมนั่งเคียงหน้าคนขับ แช่คาร์บอนไดออกไซด์กันอยู่บนถนนศรีนครินทร์ เส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปบ้านผม ซึ่งห่างออกไปไม่กี่แยกไฟแดง แต่ความหนาแน่นของการจราจรทำให้เราหันมองหน้ากันหน่ายๆ

“หิวมั้ยอ่ะคุณ แวะปั๊มซื้ออะไรกินก่อนมั้ย” ผมถามขึ้นอย่างเกรงใจ เพราะนี่มันธุระส่วนตัวผม ส่วนเขาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ

“ไม่อ่ะ ค่อยกินทีเดียวขากลับ”
“มีตลาดนัดหลังห้าง เดินมะ?”

“เอาให้รอดจากแยกนี้ก่อนค่อยว่ากัน” ผมตอบและปรับแอร์มาเป่าหน้า ส่วนคนขับกดปรับคลื่นวิทยุเพื่อหาเพลงที่ถูกใจ เป้าหมายของเขาคือคลื่นเพลงสากล เพลงที่บรรเลงอยู่ก็โด่งดังและเพราะจนผมและเขาอดใจไม่ได้ ต้องร้องคลอเคลียไปด้วย

Baby, I'm dancing in the dark with you between my arms
Barefoot on the grass, listening to our favorite song
When you said you looked a mess, I whispered underneath my breath
But you heard it, darling, you look perfect tonight

“เพราะเนอะ” เขาถามในสิ่งที่ผมแสดงออกชัดเจนมากกว่าเห็นด้วย

“อืม” ผมตอบในสิ่งที่เขาน่าจะมองทะลุปรุโปร่งได้ด้วยตาตัวเอง

และแล้วเราก็มาถึงบ้านแสนรักครับ
วันนี้ผมไม่ผิดหวังแน่นอน ผมต้องได้เจอพี่สาวผมแน่ๆ และจากนี้ไป ชีวิตปกติของผมก็น่าจะกลับมาเสียที

“เอ่อ...คุณเข้าบ้านด้วยกันมั้ย”

“จะดีหรอ?” ทำไมต้องลังเลด้วยวะ ชวนเขาเข้าบ้านมันผิดระเบียบอะไรด้วยหรอ? ผมขมวดคิ้วใส่ มองเมฆไร้แสงอาทิตย์แซมเซาะ แล้วก็มองหน้าเขาอีกรอบ

“จะตากยุงอยู่ข้างนอกหรอ เข้ามาเถอะน่า”

“อ่อ จริงๆ กะว่าจะรอในรถ แต่เข้าบ้านคุณก็ดีเหมือนกัน”
“หิวน้ำ”

“โอเค มาๆ เชิญๆ” ผมเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียง ไมได้ผายมือให้เขาเดินเยี่ยงเจ้าชายหรอกครับ ป้าพรที่รับจ้างดูแลบ้านไม่ได้มาเปิดประตูรั้วให้ผมค่ำนี้ แต่จักรยานสัญจรของแกจอดอยู่ใกล้ๆ รั้วสูง ผมก็เลยรู้ว่าแกอยู่ในบ้าน

พาแขกเดินผ่านสวนเล็กๆ ของพ่อแล้วก็อดหันไปมองปฏิกิริยาไม่ได้ และเขาก็ทำท่าทางอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ

นายค้ำจุนสนใจทุกอย่างที่หาอาหารด้วยการสังเคราะห์แสงครับ

ผมปล่อยเขาไว้ที่สวนต้นไม้ดอกไม้ของพ่อ แล้วก็เดินเข้าบ้านมาพร้อมกับเรียกหาเป้าหมายทันที

“เจ๊ป๋อม”
“อยู่ป่าวอ่ะ”
“ป้าพรครับ ป้า”
“อยู่ไหนกันอ่ะครับ”
“ป้า เปเอง”

“น้องเป” มีคนขานรับแล้วครับ แต่ไม่ใช่คนที่ผมต้องการ ผมเดินไปตามเสียงผ่านห้องโถงรับแขกย่อมๆ ทะลุไปยังครัวไทยในสไตล์อุปกรณ์ฝรั่ง

“ป้าพร”
“ทำมื้อเย็นหรอครับ”

“จ้ะ น้องป๋อมเพิ่งกลับ น่าจะอาบน้ำ”

“อ้อ”
“งั้น ป้าพรหุงข้าวเผื่อเพื่อนเปด้วยนะครับ พอดีให้เขามาส่ง”

“จ้ะ ได้ มีพออยู่แล้ว”
“ป้าทดลองหลายรอบแล้ว อร่อยเชียว” งงแหละครับ แต่ขี้เกียจถามอะไรแกต่อ ผมเดินขึ้นบันไดไปห้องส่วนตัวที่ยังเหลือของใช้ส่วนตัวอยู่บ้าง

ห้องนอนผมถูกทำความสะอาดตามความเหมาะสม เห็นแบบนี้ค่อยดีใจหน่อย ตอนแรกคิดว่าพอย้ายออกไปอยู่คอนโดตามที่ดรรชนีนางสั่งการแล้ว ห้องนี้จะเป็นห้องปิดตายเสียอีก

“เอ้า ลืมเลย ยุงแดกไปรึยังวะเนี่ย” ผมสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป....อื่ม....ไม่สิ นึกได้ว่าไม่ได้มาคนเดียว ก็จำใจวิ่งลงไปหน้าบ้านอีกรอบเพื่อเรียกคนบ้าต้นไม้ให้หลบยุง

แต่ไม่จำเป็นแล้วครับ นายค้ำจุนมานั่งหน้าเป็นอยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว ตรงหน้ามีน้ำอัญชัญเย็นจัดวางประดับบารมี

“อ้าว กำลังจะไปตาม”

“ไม่ต้องลำบากหรอกคุณ ผมวางตัวเป็น” การวางตัวเป็นของเขา คือการรู้จักเลือกที่นั่งตรงชุดโซฟาด้วยตัวเอง บอกแม่บ้านขาจรว่าต้องการดื่มน้ำประเภทไหนงั้นหรอ? เท่านี้ก็ได้แล้วหรอเนี่ย ผมก็เพิ่งเคยเจอเหมือนกัน

ผมหัวเราะใส่นิดหน่อยแล้วก็นั่งข้างๆ ซึ่งป้าพรชะโงกหน้ามาจากครัวแล้วก็เลือกให้ผมดื่มน้ำเปล่ารองท้องครับ

“ไม่ค่อยเห็นน้องเปพาเพื่อนมาบ้าน”

“ครับ เปไม่ชอบเปิดบ้านให้ใครเข้า”

“ไม่ใช่ไม่มีเพื่อนหรอคุณ” นายค้ำจุนดักคอแล้วก็หัวเราะใส่ ซึ่งมันก็ผสานกับเสียงหัวเพราะของพี่สาวผมพอดี

ผมเงยหน้าทางบันไดตามที่ได้ยินเสียงพี่สาวเยาะหยัน เราสบตากันครู่เดียว ผมก็ถูกเมิน

“มาทำไมล่ะเรา?” ไม่เจอน้องชายเดือนกว่า ทักทายเท่านี้แหละครับ ใจดีมากกกก(ประชด)

“มาดูบ้านดิ เผื่อป๋อมขายทิ้งเชิดเงินไปอยู่ต่างประเทศ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกเป”
“ถ้าขาย จะแบ่งให้ จะได้หมดกรรมกันชาตินี้” แล้วก็โดนประชดกลับครับ ผมยู่ปากนิดหน่อยระหว่างมองหน้าพี่สาวเต็มตาหลังจากเจ๊ป๋อมนั่งลงตรงที่ประจำของตัวเอง
“มีอะไรก็ว่ามาเลย มาได้เวลากินข้าวเลยนะเนี่ย”

“ก็ไม่ได้อะไรใหญ่โต แค่จะกลับมาอยู่บ้าน เลยมาดูว่าป๋อมกลับจากเที่ยวรึยัง”
“เปไม่เอาเรื่องทั้งที่ป๋อมหนีไปเที่ยวแล้วริบกุญแจบ้านไปหมดก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

“.................” แม่มดนี่ไม่ตอบอะไรครับ เพียงแค่มองหน้าผมวูบเดียวแล้วก็แช่สายตาไว้ที่แขกบ้านแขกเมือง
“เพื่อนเปหรอ? ไม่เคยเห็น”

“ก็ไม่เชิง” ผมตอบเท่านี้ คนที่โดนมองหน้านานๆ ก็กุลีกุจอแนะนำตัวเอง

“หวัดดีครับ พี่...ป๋อม”
“ผมชื่อค้ำจุนครับ”
“เอ่อ เช่าคอนโดเปอยู่”​

“อ้อ”
“แล้วโอเคมั้ย” ทำไมเสียงใจดีงี้วะ?

“ก็ดีครับ”

“พี่ฝากเปด้วยนะ”

“เฮ้ย!”
“หือ?” ผมกับนายค้ำจุนอุทานพร้อมกันแต่คนละความรู้สึกแน่นอน ก่อนที่นายค้ำจุนจะทันได้หุบปากผมก็ลุกพรวดขึ้นแล้วลากพี่สาวออกมาหน้าบ้านทันที

เพื่อเคลียร์ครับ บ้านผมไม่นิยมความรุนแรง อย่างน้อยเจ๊ป๋อมก็ไม่เคยได้รับบาดแผลตามร่างกายจากผมเลย การแก้แค้นของผมส่วนมากออกมาในรูปแบบของการแย่งของโปรดเจ๊ป๋อมกินเท่านั้น

“ฝากบ้าอะไรป๋อม”

“ไม่บ้าหรอกเป ก็ดูไว้ใจได้นี่นา”
“ก็อยู่คอนโดมีความสุขดีไม่ใช่หรอ?”

“ก็ไม่ใช่เรื่องที่เอามาเป็นเหตุผลที่ไม่ควรกลับมาอยู่บ้านนี่”

“มีอะไรที่เกลียดเขารึเปล่า ค้ำจุนนั่นน่ะ”

“ก็ไม่เกลียดนี่ นี่ก็อยู่มาเดือนกว่า ก็ไม่มีอะไรที่ดูไว้ใจไม่ได้นะ”

“นั่นไง แล้วจะมาอยู่บ้านทำไม?”

“ก็บ้านเปเหมือนกัน”

“แต่เปไม่อยากอยู่กับพี่นี่”

“...............”

“อึดอัดไม่ใช่หรอ”

“..............”

“ลองไปอยู่กับตัวเองต่อก่อนเถอะ”
“ชีวิตเป ไลฟ์สไตล์เป การไม่ได้อยู่ที่บ้านไม่ได้หมายความว่าไม่มีครอบครัว”
“ชั้นเอง ก็กำลังปรับตัวหลังจากที่มีพื้นที่ส่วนตัวเพิ่มเหมือนกัน”

“.............”

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ กับการอยู่บ้านหลังใหญ่ คนเดียว ทั้งที่สามสิบกว่าปีที่ผ่านมามีแต่พ่อแม่แล้วก็เปเต็มไปหมด”
“ยิ่งไม่ใช่การตายจาก แต่เป็นการแยกไปทางที่เลือกกันเองอีกครั้ง”

“.............”

“มันยากนะเป ที่จะต้องเชื่อในความรักของครอบครัวทั้งที่รอบๆ ตัวว่างเปล่า”
“แต่เราก็ต้องอยู่ให้ได้”
“วันนึง เปมีเมีย แต่งงาน ก็ต้องแยกออกไปอยู่ดี”
“งั้นก็ไปสร้างถิ่นฐานตัวเองตั้งแต่วันที่เปแข็งแรง ยังหนุ่ม ดีกว่ามั้ยล่ะ?”

“ป๋อมไม่สบายรึเปล่า” ผมถามขึ้นบ้างหลังจากเป็นฝ่ายฟังมานาน
“เปถามจริงๆ นะ ไม่ได้ประชดอะไรทั้งนั้น”
“ทำไมถึงอยากอยู่คนเดียวนัก บ้านเบ้อเร่อ ถ้าเราไม่ขวางหูขวางตากันเอง ก็เหมือนอยู่บ้านคนเดียวอยู่แล้วนี่”​

“ถ้าเป็นชั้นที่ไม่สบาย ก็ดีนะสิ” พูดเท่านี้ก็สะบัดแขนหลุดจากมือผม แล้วก็เดินฉับๆ เข้าบ้านไป

พี่สาวผมรูปร่างบาง แต่เสียงห้าว นิสัยห้าว ความเป็นผู้นำสูงเพราะเป็นพี่สาวคนโตและสนิทกับพ่อที่เป็นพี่ชายคนโตของตระกูลอีกต่างหาก แต่พี่สาวผมก็บอบบางเหมือนผู้หญิงทั่วไปแหละครับ

แม้วันนี้ผมยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่พี่ป๋อมจริงจังกับการอยู่คนเดียว แต่สักวันนึงผมคงได้รู้ และในวันที่ผมรู้เหตุผลของพี่สาว ผมหวังว่าผมจะได้เห็นผลพวงของมันที่ตกแก่ผมด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่าอยากให้เป็นเหตุผลเชิงบวก

ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนอารมณ์เร็วได้อย่างเหลือเชื่อ ผมมั่นใจว่าเดินตามเจ๊ป๋อมเข้าบ้านมาติดๆ ห่างกันก็ไม่เกิน5 ก้าว แต่สีหน้าที่เธอส่งยิ้มให้แขกบ้านแขกเมืองที่ยังค้างสีหน้าเหวอๆ ไว้นั้น ช่างแช่มชื่นเหลือเกิน ไหนล่ะคนที่ขมวดคิ้วพูดใส่หน้าผมเมื่อกี้

ผมตัดความหงุดหงิดออกไปและเริ่มต้นกินมื้อเย็นที่ค่อนไปทางค่ำ ฝีมือป้าพรอร่อยเหมือนเดิมครับ แต่รสมือแม่ผมเหนือกว่านี้มาก ผมไม่ได้เอ่ยชมป้าแก เพราะคิดว่าอาการเคี้ยวตุ้ยไม่พูดคำใดของนายค้ำจุนน่าจะแทนฟีดแบ็คทั้งหมด

สิ่งไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นเมื่อเจ๊ป๊อมชวนนายค้ำจุนคุยสารพัดสารพันเรื่อง ขณะที่ผมก็นั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกด้วย แต่เลือกจะแช่สายตาไว้ที่โทรศัพท์ ผมกำลังบอกสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงและเกิดขึ้นในหัวผมให้ยาดารับรู้ แน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อ่านข้อความทันทีหรอกครับ ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจ เราสื่อสารกันแบบนี้ตลอด

“อื้อ สามทุ่มกว่าแล้ว ไม่กลับกันหรอ?”

“โอ๊ะ ดึกแล้วหรอครับเนี่ย”
“คุยกับพี่ป๋อมเพลินเลย”

“หรอ เออ ดี ว่างๆ มาคุยอีก”

“งั้น ผม...แอดไลน์ไว้นะครับ”

“อื้อ เอาสิ”

ชอบพี่กูป่ะวะเนี่ย?
บอกรึยีงครับว่าผมหล่อ ป๊อบปูลาร์มาตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว และพี่สาวกับผมก็เกิดจากส่วนผสมที่ใกล้เคียงกัน
ผมแค่ขมวดคิ้วนิดเดียว แล้วก็พิมพ์บอกยาดาไปว่า “ไอ้ต้นไม้ของแกชอบพี่เรารึป่าวก็ไม่รู้ว่ะ แต่ดูสนใจมาก”  แน่นอนว่ายาดาไม่ได้อ่านข้อความนี้เหมือนกัน 

“กลับได้แล้วมั้งเป ดึกกว่านี้จะเหนื่อย” โดนไล่ครับ ผมละจากมือถือและเงยหน้ามองพี่สาวที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว  ด้วยสายตาที่ผมเดาความคิดไม่ถูก

“อื้อ” รับคำแล้วพยักหน้าชวนเพื่อน....ร่วมห้องให้กลับกันได้แล้ว นายค้ำจุนไหว้ลาพี่สาวผม ขณะที่ผมเพียงแค่แช่สายตามองเจ๊ป๋อมอีกครั้ง ใจคิดอยากชวนไปหาแม่ด้วยกันพรุ่งนี้ แต่ก็เกร็งปากเอาไว้ อาจจะด้วยความอยากดื้อบ้างล่ะมั้ง

ผมกับนายค้ำจุนเดินออกจากบ้านผมเองพร้อมกัน แต่ความรู้สึกเราน่าจะสวนทางกัน เขาอาจจะดีใจที่มีมิตรใหม่  ขณะที่ผมมีแต่ความไม่เข้าใจพี่สาวตัวเองติดตัวกลับมา

เกือบสี่ทุ่มแล้ว ผมง่วงเต็มแก่ แต่มนุษย์นกฮูกข้างๆ ตาแป๋วมากครับ กำลังจะผ่านห้างดังย่านนี้ไป นายคนนี้ก็เอ่ยชวนอะไรประหลาดๆ

“คุณ ผมขอแวะหลังห้างนี่หน่อยสิ”

“หือ? แวะทำอะไร?”

“ทำอะไรนิดหน่อย”

“ก็ไอ้ทำอะไรนิดหน่อยมันคืออะไรหรอ? โลกนี้ไม่มีเวิร์บทูอะไรนิดหน่อยหรอก บอกๆ มาเถอะ”

“จะดูต้นไม้” เขาเฉลยด้วยท่าทางรำคาญใจที่ผมเซ้าซี้ แม่งไม่รู้จักคิดบ้างหรอกว่าถ้าพูดให้เข้าใจแต่แรกก็ไม่เซ้าซี้ถาม ผมใส่ความขุ่นในสายตาเพิ่ม แต่ก็พยักหน้าตอบรับการทำอะไรนิดหน่อยของเขา

จากที่อิ่มกับมื้อเย็นที่บ้านมาแล้ว ผมต้องมาหาเครื่องดื่มจุ๊กจิ๊กมาเดินดูดแก้ปากว่างครับ เพราะถ้าปากว่างเมื่อไหร่ ผมเป็นต้องถามว่าร้านอยู่ไหน ต้นไม้อยู่ไหน สรุปรู้พิกัดหรือไม่รู้ ร้านชื่ออะไร ใครขาย ขายอะไร ขายตอนไหน เขามาตั้งร้านหรือยัง ซึ่งนายค้ำจุนด่ามาแล้วคำนึงครับว่ารำคาญ!

ผมเดินตามเขาด้วยอารมณ์ไม่เอนจอยที่สุด และในที่สุดก็ถึงที่หมายเสียที ร
ร้านขายแคคตัสใต้เตนท์ หน้าร้านกว้างประมาณ 2 เมตรได้ คนขายเป็นชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังยิ้มแย้มกับลูกค้าสุดใจขาดดิ้น

พี่ก้อง พี่อ้อ หวัดดีครับ
ผมได้ยินนายค้ำจุนเรียกแล้วยกมือไหว้คนคู่นี้ ผมก็เลยยกมือไหว้ตาม ก็จะทำไงได้ล่ะครับ มากับเขา สภาพที่ยืนซ้อนหลังเขาอยู่ก็ทำให้คนมองมารู้ได้ทันทีว่ามาด้วยกัน

“เฮ้ย ค้ำจุน” แล้วก็ยาวครับ พี่ผู้ชายคุยกับนายค้ำจุนยาวเลย ส่วนพี่ผู้หญิงก็ยิ้มไปด้วยบ้าง คุยบ้าง หันมายิ้มให้ผมบ้าง แต่นั่นไม่น่ากลัวเท่ากับ....พี่เขาชวนผมคุยเรื่องต้นไม้

“เพื่อนค้ำจุนใช่มั้ยคะ”
“ไปโดนอะไรมาล่ะ”

อื่มม...แม่งแปลว่าไรวะ? ผมไม่มีบาดแผลใดๆ ตามร่างกาย คงไม่ได้ทักถามถึงอุบัติเหตุหรืออาการบาดเจ็บใดๆ แล้วในโลกนี้เวลาถามว่าไปโดนอะไรมา มันต้องตอบกันยังไงวะ? ทำไมพวกรักต้นไม้ชอบคุยภาษาอมนุษย์

“คืออะไรหรอครับ?”

“อ๋อ...ฮ่าๆๆๆ ขอโทษๆ พี่เริ่มเบลอๆ น่ะ ดึกแล้ว”
“ตั้งใจจะถามว่า ไปเตะตาต้นไหนพันธ์ไหนมา ถึงได้มาที่นี่”

“อ๋อออ”​ กระจ่างแล้วครับ
“ไม่ได้โดนตัวไหนมาหรอกครับ ผมแค่มาเป็นเพื่อน”
“อื่ม จริงๆ คือค้ำจุนมาเป็นเพื่อนผมก่อน ไม่ๆ มาเป็นคนขับรถให้ผมก่อนครับ ผมก็เลยมาเป็นเพื่อนเขาด้วยขากลับ”

“จ้ะ ....พี่ว่าพี่น่าจะเข้าใจแหละ”
“นั่งในร้านก่อนมั้ย” เธอชักชวน ซึ่งไอ้ในร้านที่เธอบอกมันก็แค่โลกเสมือนครับ ด้านหลังที่เธอชี้ๆ เก้าอี้นั้นก็แค่พื้นที่โล่งแคบๆ ถัดไปก็ลานจอดรถแล้ว แต่เมื่อด้านหน้าของเธอคือหน้าร้าน ด้านหลังของเธอก็ต้องหมายถึงในร้านเป็นธรรมดา

ผมส่ายหน้าพร้อมโบกมือที่ยังถือแก้วน้ำแดงโซดามะนาวคาอยู่ไปมาเพื่อให้เธอรู้ว่าไม่เป็นไร ผมยืนได้ เมื่อเห็นสายตาที่เข้าใจตรงกันจากเธอแล้ว ผมก็เดินไปตามมุมต่างๆ เท่าที่พอจะมุดหัวเข้าไปได้ เพื่อส่องดูต้นไม้ที่ผมเริ่มคุ้นตากับมัน แต่ไม่รู้จักพวกมันเป็นรายตัว

พี่อ้อขายของเก่งน่าดู จำชื่อได้ทุกต้น บอกโพรไฟล์ได้หมดว่าเลี้ยงมากี่ปี มีเรฟเฟอเรนส์ดอกของแต่ละต้น รวมถึงต้นพ่อต้นแม่ของเด็กๆ ค่าตัวถูกทั้งหลายแหล่ด้วยครับ บรรจุไว้ในมือถือถนัดมือ

ผมฟังไปแล้วก็เพลิน และก็สะดุดหูเมื่อเธอเอ่ยชื่อต้นที่ผมจำได้

“นี่ฟรองซัวค่ะ”
“ต้นนี้ใบด่างขาวแดง ไม้เมล็ด ราคาแรงนิดนึง”
“หมื่นห้าค่ะ”

เชี่ยยยยยยยยยย!!!
ผมได้แต่ร้องอยู่ในใจ ทำไมมันแพงจังวะนั่น
เงินเดือนเด็กจบใหม่หลายๆ คณะเลยนะ
ใครจะมีเงินมาผลาญไปกับต้นไม้วะ ไม่มีหรอก

“พี่ลดได้เท่าไหร่อ่ะคะ”

มีด้วยเว้ยเฮ้ย!!
ผมหันขวับไปมองเจ้าของเสียง
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่งตัวไม่หรูหรา แต่มีตังค์ติดกระเป๋ามาซื้อต้นไม้ถึงหมื่นห้า โอ้โหห โลกเว้ย! โลก

“อืมปีนี้ขายเท่านี้ค่ะ ปีหน้าก็ราคาขึ้นแล้ว”

“อ่ออ มันด่าง หนูเข้าใจ เมล็ดด้วยอ่ะเนอะ”
“กี่ปีแล้วคะ?”

แล้วบทสนทนายาวเหยียดก็เกิดขึ้นอีกรอบ ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะควักเงินซื้อหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นผม ผมจะเดินไปกลับซื้อน้ำแดงโซดามาดูดอีกรอบ แน่นอนว่าไม่หวนไปร้านเดิมครับ แม่งโซดาแก่มาก แก่ที่ไม่ได้แปลว่าให้เยอะ แก่ที่แปลว่าหายซ่า

“คุณคุณ” หือ? ใครเรียกผมรึเปล่า
“คุณณณณณณ”
“เปปปปป” อ่อ เรียกผมนี่แหละครับ นายค้ำจุนเรียก ผมเดินไปหาเขาในร้านแล้วสบตากับเจ้าของร้านที่ส่งยิ้มให้ผม

“นี่พี่ก้อง”
“เค้ามียูโฟเบียเยอะนะ ไม้เมล็ดด้วย พี่เค้าเซียนเพาะเลย”
“ลองบอกยาดาให้มาดูสิ หรือเข้าเพจเค้าก็ได้”
“อยากได้ทูเลียไม่ใช่หรอ?”

อืม....บอกตามตรงว่างงตั้งแต่ยูๆ อะไรนั่นแล้ว ผมพยักหน้ารับส่งๆ หยิบมือถือมากดข้อความส่งถึงยาดา ถึงได้รู้ว่าเพื่อนคนนี้อ่านไลน์ผมแล้วตอบมายาวเหยียดแต่ผมยังไม่ได้อ่าน แต่ด้วยความที่กลัวจะลืมไอ้อะไรยูๆ เลยต้องรีบบอกต่อข้อความที่นายค้ำจุนฝากถึง แต่พอกดส่งเท่านั้นแหละครับ ยาดาก็โทรกลับมาทันที

“เฮ้ย อะไรเนี่ย ไม่หลับไม่นอน”

แหม คืนวันศุกร์ มันบอกมาว่างี้ครับ
ผมกำลังจะบอกมันเรื่องต้นไม้ ยาดาก็สวนขึ้นมาก่อนว่า อยู่กัคุณค้ำจุนมั้ย คุยหน่อย
ก็เอ๋อๆ นะครับ ว่าทำไมเพื่อนถึงไม่อยากคุยกับผม แต่ก็ส่งโทรศัพท์ให้กับนายค้ำจุนไปตามที่มันบอก แล้วก็ทำตัวเป็นใบ้ ยืนมองต้นนั้นต้นนี้ไปเรื่อย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมแช่สายตาอยู่ที่ไอ้ฟรองซัวบ่อยสุดและนานสุด

ไอ้ห่า แม่งหล่อ

“ไป เป กลับบ้านกัน”​ ไม่รู้ว่ายืนอยู่คนเดียวนานแค่ไหน นายค้ำจุนถึงได้ส่งเสียงดึงสติแบบนี้ ผมหันมองคนที่เรียก หมอนี่ชูถุงใส่ต้นไม้อวดในระดับสายตา

“ยังมีที่ให้วางอีกหรอคุณ” ผมทัก นึกไปถึงระเบียงห้องที่อัดแน่นด้วยไม้ในกระถางที่เขาจัดวางไว้เป็นระเบียบอย่างมีระบบ เขาหัวเราะเพียงในลำคอ มองหน้าผมแล้วก็โอบไหล่ พลิกตัวให้เดินกลับไปที่ลานจอดรถแทน

“ง่วงมากแล้วล่ะสิ โทษที”

พูดไว้เพียงเท่านั้น  ตั้งแต่นั้นมาสารถีของผมก็เงียบตลอดทาง
ผมหลับในรถ ทั้งที่ระยะจากห้างใหญ่ถึงซอยคอนโดเราจะไม่ถึงสิบกิโล ผมก็หลับได้ครับ ตื่นอีกทีก็ตอนที่เขาปลุก ห้าทุ่มกว่า โครงการคอนโดที่ผมอยู่ก็เงียบสงัดแล้วครับ มีแค่เสียงคนที่มานั่งกินข้าวต้มปากซอยคอนโดเท่านั้นที่ยังแว่วเข้ามาบ้าง

เราเดินตามกันเข้าห้อง เขาให้ผมอาบน้ำก่อนเพื่อที่จะได้นอนเลย ส่วนเขายังต้องกล่อมต้นไม้ให้หลับตามหน้าที่

เรื่องราวของวันศุกร์ที่บังเอิญกลับห้องเร็วนี้น่าจะจบลงในวินาทีที่ผมหลับตา แต่เรื่องไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นได้เสมอ

มันมาอีกแล้วครับ....มันปลุกผมยามดึกอีกแล้ว
เสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างทรมาน ผลักผมออกจากโลกนิทรามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกคืนแล้ว....


tbc...

แฮ่ หายไปเดือนกว่าเลย ตอนแรกว่าจะลงตอนแปดตั้งแต่กลางๆ เดือนมีนาแล้ว ด้วยความเป็นฤกษ์ดีบางอย่าง แต่ก็นะ ปั่นไม่ทันค่ะ งานราชล้นพ้นความสูงมากๆ เลยต้องจัดการทางนั้นก่อน ค่อยมาหาทางนี้ หวังจะไม่หายหน้าจากกันไปนะคะ นักอ่านทั้งหลาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-04-2018 15:23:33 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
นายค้ำจุนมีมุมละมุน ๆ ดีนะ เปก็...อืม...เหมือนว่าน่าจะมีปัญหาอะไรซักอย่าง ไม่ใช่พี่ป๋อมหรอกที่มีปัญหา แต่การอยู่กับนายค้ำจุนน่าจะช่วยให้ปัญหาบรรเทาลงหรือหายไปได้ คิดว่านะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ป๋อมน่ารำคานอ่ะ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ทำไมมีเสียงกรีดร้องไรด้วย :katai1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น่ารักดีคู่นี้ เรื่อย ๆ  ไม่หวือหวา แต่ก็ไม่เบื่อน่าติดตามจ้า
 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ chap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
me//กรีดร้องโหยหวนรอตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เข้ามาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมาก  :katai2-1:
จุนกับเปนี่อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ก็เหมือนจะเริ่มสนิทกันแบบไม่รู้ตัว ว่าแต่เสียงกรีดร้องโหยหวนนั่น ไม่ใช่ว่าใครฆาตรกรรมบรรดาลูกๆของจุนหรอกนะ o22

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
:pig4: ขอบคุณคนแต่งค่ะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
HomeMate
Casting : Jun x Pae
Writer : Kajidrid


Home*Mate [9]


02.10 น.
หน้าจอมือถือบอกเวลาผมไว้แบบนี้ หัวใจที่เต้นรัวของผมยังไม่คลายจากอาการกระตุก ทำให้อากางัวเงียสมองไม่เกิดขึ้นเลยครับ ตอนนี้ผมมีสติเต็มร้อย มั่นใจรุนแรงว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป และสิ่งที่กำลังสัมผัสก็ไม่ใช่สิ่งตกค้างจากความฝันแน่นอน

มันเกิดขึ้นอีกแล้ว มันเกิดขึ้นจริง เสียงนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว

เสียงโหยหวนอย่างทรมาน.....

ผมลืมตาโพลงในห้องที่ปิดไฟมืดสนิท ห้องผมอยู่ชั้น 4  แต่เสียงกลับดังขึ้นมาถึง ซ้ำยังมีลักษณะที่ห่างไกลออกไปราวกับต้นกำเนิดเสียงโหยหวนนั้นถูกลากไปอย่างช้าๆ ยังไม่ทันได้สร้างภาพขึ้นในหัว เสียงหวีดสูงก็ดังประชิดพื้นที่คอนโดทันที!

“ห่าอะไรวะเนี่ย?” ผมสบถกับหัวใจตัวเองที่ยังเต้นโครม
“เสียงหมาป่าววะ?”
“เห้ย”
“แม่งงงงงงง” ผมเร่งหาข้อสรุป แล้วก็เคาะว่า ต้องเป็นเสียงร้องของหมาที่ถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมแน่นอน

ซึ่งมันเป็นไปได้สูง เพราะหนึ่ง แรงงานร้านข้าวต้มใกล้คอนโดนั้นดูเป็นพวกคึกคะนอง เป็นไปได้ว่าพวกนี้จะทำร้ายสัตว์ไม่มีทางสู้เพื่อระบายความแร้นแค้นทางอารมณ์ของตัวเอง และสอง แถวคอนโดมีหมาจรจัด แน่นอนว่ามันไม่มีผู้คุ้มภัยอยู่แล้ว ใครที่ไหนก็เตะพวกมันได้โดยไม่โดนหมายจับ

“ใช่แน่ๆ ไอ้ห่าพวกนี้” หัวใจผมเริ่มเต้นเป็นปกติ แต่อกผมบีบรัดรุนแรง ผมทนไม่ได้ ผมไม่ชอบเห็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอถูกรังแกแบบนี้ แม้จะไม่ได้ผูกพันธ์กับหมาแมวมากมาย แต่ผมก็ไม่ใช่พวกอยู่เฉย

ผมเงี่ยหูฟังเสียงหมาน้อยร้องอย่างทรมาน มันไม่ใช่แค่ตัวเดียวแน่นอนครับ นี่มันคือการทรมานหมู่ชัดๆ เป็นไปได้ว่าพวกจิตใจหยาบช้าพวกนี้ต้องทำร้ายมันเพื่อความสะใจทั้งฝูงแน่นอน

ห่าเอ้ย! ผมจะช่วยอะไรพวกมันได้บ้าง?

ผมหาเบอร์ด่วน วางแผนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่ก็หาหน่วยงานที่ตรงโจทย์ไม่ได้ ก็เลยคิดถึงเพจเฟสบุ้คขึ้นมา จำได้ว่าเคยเห็นผ่านตา เรื่องหน่วยงานเฉพาะกิจภาคประชาชนที่ตั้งขึ้นเพื่อดูแลสัตว์ไร้ที่พึ่ง

แต่นี่มันเรื่องด่วนนี่ ถ้าผมจะแจ้งเพจตอนนี้ ความช่วยเหลือก็ไม่ได้มาทันทีแน่ๆ แอดมินก็ต้องนอนนี่หว่า

งั้นก็...แจ้งไว้ พรุ่งนี้เช้าพวกเขาคงมาตามเรื่องอีกที
ถ้าจะส่งข้อมูลไว้ แน่นอนว่าผมต้องมีหลักฐานผู้กระทำความผิด!

“เอาวะ ถ่ายคลิป” ระหว่างที่เริ่มเห็นทางออก ผมก็ได้ยินเสียงมนุษย์ชายและหญิงส่งเสียงหัวเราะสอดแทรกเสียงแห่งความทรมานของหมาขึ้นมา

นี่พวกมึงทรมานมันแล้วยังกล้ายืนมองและหัวเราะอีกหรอ พวกเหี้ย!!

ไม่ได้ๆ ผมต้องมีหลักฐานทุกสิ่งอย่าง
คอยดูนะ ไอ้พวกนี้ต้องเข้าคุกทั้งแกงค์!!!

ผมพลันลุกออกจากเตียง ออกจากห้องนอนตัวเองและเคาะประตูห้องนอนข้างๆ แบบเบามือ เพราะผมกลัวไอ้พวกข้างล่างที่ทรมานหมาอยู่จะรู้ตัวแล้วสลายแกงค์ไป

แล้วทำไมไอ้คนที่นอนในห้องนี่แม่งไม่ตื่นสักทีวะ?
เคาะแรงก็ไม่ได้ เปิดไฟยิ่งไม่ได้ใหญ่ เดี๋ยวพวกข้างล่างมันจะรู้ว่ามีคนตื่นเพราะการกระทำต่ำทรามของมัน เสียแผนลอบเก็บหลักฐานหมด

ผมขมวดคิ้วขัดใจ ท่ามกลางความมืด ผมเรียกแสงจากจอมือถือ เข้าไลน์ แล้วก็โทรหานายค้ำจุนทันที หวังว่าหมอนี่จะไม่เปิดเสียงโทรศัพท์ในเบอร์โทรโข่งนะ

“คุณ” ผมกระซิบใส่โทรศัพท์เมื่ออีกฝ่ายรับสาย
“คุณ ได้ยินมั้ย”
“เปิดห้องหน่อย คุณ คุณณณณณณณณ”

ปึก!
ประตูห้องนอนนายค้ำจุนเปิดออก ทำเอาตัวผมเทไปตามบานประตู ใบหน้ายังไม่ตื่นดียื่นแทรกออกมา

“อะไร”
“ตีสอง”
“ใครตาย”

“ไม่ๆ ไม่ตาย”
“คุณฟังดิ ฟัง”

“อะไรอ่ะ” เมื่อผมกระซิบ เขาก็กระซาบกลับมาครับ ใบหน้างัวเงียยื่นออกมามากขึ้น แต่ตัวเขาก็ยังอยู่ในห้องนอนอยู่ดี

“ฟังดิ ได้ยินเปล่า เราต้องทำอะไรสักอย่างนะ”

“ก็อะไรล่ะ?”

“พวกร้านข้าวต้มแม่งทรมานหมาอ่ะ ได้ยินมั้ยล่ะ เนี่ยๆๆๆๆ” ผมยื่นมือไปตบอกเขาที่ซ่อนตัวในห้องเพื่อกระตุ้นให้เขาสนใจสิ่งที่ผมไม่อาจละเลย

ลูกกะตาเขาสู้โลกมากขึ้น แต่เนื่องจากเรามองหน้ากันในความมืด ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าสีหน้าเขาเป็นยังไง

“เฮ้ยๆๆ คุณ ทำอะไร?” ผมรีบคว้าตัวเขาไว้ เพราะจู่ๆ หมอนี่ก็พรวดออกจากห้องนอน

“เปิดไฟไง” เขาตอบ คงอึดอัดกับการมองไม่เห็นอะไรแบบนี้ แต่ผมรีบห้าม ดันอกยันตัวเขาไว้ให้อยู่ในห้องนอนตามเดิม

“ถ้าเราเปิดไฟ พวกที่ทำเรื่องเหี้ยๆ อยู่ก็จะรู้ตัวนะ”
“ไม่ได้คุณ”
“ผมต้องการหลักฐาน คุณมาช่วยกันส่องหน่อยสิ”

“ส่อง?”​

“ใช่ ส่อง”  ผมย้ำคำ ถือวิสาสะจูงแขนเขาออกจากห้องนอน และลากเข้าห้องนอนผมเอง

ห้องนอนผมติดริมถนนในซอย ร้านข้าวต้มห่างไปแค่ถนนเล็กในซอยกั้น ผมมั่นใจว่าถ้ามองจากผนังกระจกห้องผม ต้องได้หลักฐานเด็ดแน่ๆ แต่เราต้องทำงานเป็นทีมครับ

ผมลากเขามานั่งขดตัวที่ข้างเตียง ซึ่งขนาดผมยังนั่งลำบาก นายค้ำจุนก็คงต้องขดกระดูกมากกว่าผมแน่นอน แต่เพื่อสันติภาพสัตว์โลก เราต้องยอมลำบากครับ

“ผมจะถ่ายคลิปนะ คุณสอดส่องให้ก่อนว่าพวกมันมีกันเยอะมั้ย มุมตรงไหนดี”

นายค้ำจุนน่าจะเข้าใจ ผมเห็นเงาตะคุ่มๆ ของเขาขยับเปิดม่าน เขาโผล่หัวออกไป ครู่เดียวก็กลับมา

“เป็นไงคุณ มันเยอะมั้ย?”

“เป นอนเถอะ”

“เฮ้ย! ไม่ได้นะคุณ หมามันทรมาน คนเราเกิดมาเป็นคนได้เนี่ยก็โชคดีกว่าพวกมันมากมาย ทำไมต้องมาระบายอารมณ์กับมันอีก น่าสงสารมันนะ”

“มันไม่ทรมานหรอกเป มันชอบ”

“คุณจะบ้าหรอ? หมาที่ไหนชอบโดนทิ่มโดนเสียบแล้วลากไปลากมา ห่า โคตรทรามอ่ะ”

“หมามันชอบหรอกน่า นอนเถอะคุณน่ะ”
“อย่าสนใจเรื่องนี้อีก”

“เฮ้ยจุน ทำไมคุณใจดำแบบนี้อ่ะ?”

“เป ผมบอกครั้งสุดท้ายนะ นอน”

“ไม่!” ผมเสียงเข้มใส่ ตัดสินใจแง้มม่านแล้วโผล่หน้าไปดู เพื่อจะได้หามุมที่ถ่ายคลิปแล้วเห็นหน้าพวกจิตใจหยาบช้าทั่วทุกคน!

เหี้ยเอ้ยยย! 

สิ่งที่ลูกกะตาผมเห็นทำให้หัวใจสลาย ผมไม่คิดเลยว่านายค้ำจุนเห็นอะไรแบบนี้แล้วยังกล้าบอกให้ผมนอน

“เอาไงล่ะคุณ แยกย้ายมั้ยล่ะ”

“อืม” ผมตอบในลำคอ น้ำตาเอ่อคลอขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

มันเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันหมดไป ทั้งโกรธ ทั้งอาย ทั้งสาปส่ง
เสียงที่ทำให้ผมเดือนร้อนนอนต่อไม่ได้ ก็คือ หมาผสมพันธุ์กันครับ

แน่นอนว่าในโลกนี้มีหมาที่โดนเสียบโดนแทงแล้วชอบอยู่ครับ

และสิ่งที่ผมควรทำที่สุด ก็คืออย่าใส่ใจเรื่องนี้อีก และนอนซะ อย่างที่นายค้ำจุนแนะนำ

ฮรืออออออ ไอ้พวกหมา ทำกูนอนไม่ได้มาหลายคืนแล้วนะ! 

“คุณ” ผมเรียกเงาตะคุ่มที่ยืดตัวขึ้นยืนหัวสูง

“อืมว่า?”

“อย่าหัวเราะล่ะ”

“ไม่ทันแล้วอ่ะ เมื่อยหน้าชิบหาย”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”​
และเสียงหัวเราะเลวทรามก็ดังขึ้นในห้องนอนของผม ถ่มรดหัวผมที่ยังขดตัวอยู่ในซอกเตียง

ไอ้ค้ำจุน ไอ้เลว!

พรึ่บ!
พลันแสงไฟในห้องก็สว่างขึ้น นายค้ำจุนยืนพิงขอบประตูที่เปิดอ้าไว้ เขากอดอก หันมองผมที่นั่งกอดเข่าแต่เงยหน้าหยีตามองเขาอย่างคั่งแค้น

“นอนเถอะ”
“ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้อีก”
“ผมจะไม่เล่าให้ใครฟัง”
“สัญญาเลย”
“เพราะมันฮามาก กลัวเล่าแล้วความฮาลดลงอ่ะคุณ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทรมานบ้าไรเนี่ย หมาฟิทเจอริ่งกันอ่ะ”
“โอ้ย! เรื่องของหมามันเถอะเป”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”​

ขอย้ำอีกครั้งนะครับ
ไอ้ค้ำจุน ไอ้เลววววววววววว!


Home*Mate


เช้าแล้วแท้ๆ แต่แม่งก็ยังรู้สึกเกลียดประสบการณ์ที่ได้รับเมื่อคืนนี้
ผมตื่นมาด้วยอารมณ์หม่นหมอง เอาตีนเขี่ยม่านเพื่อเช็คท้องฟ้าว่าจะช่วยกันมากน้อยแค่ไหนในวันนี้ และก็ได้คำตอบ

วันนี้ฟ้าหม่นครับ

เสียงกุกกักนอกห้องนอน ทำให้รู้ว่านายค้ำจุนยังไม่ออกไปทำงาน ผมก็เลยเช็คเวลา เพราะปกติ เวลาตื่นของผมคือเวลาที่นายค้ำจุนกำลังเดินทางไปทำงาน

“ทำไมวันนี้แม่งไปสายวะ?”
“หรือว่าแม่งงงงงง.....” ผมหารือกับตัวเองเพราะสถานะของผมคือนายเปลผู้ไร้เพื่อนคู่คิดครับ
“เอาวะ? ให้รู้ไปว่าแม่งจะไม่ยอมเลิก” เมื่อได้ข้อสรุป ผมก็แบกหัวอึมครึมขึ้นนั่ง และลุกจากเตียง

เปิดประตูห้องนอน
โผล่หน้าไปสบตากับคนที่กำลังเตรียมมื้อเช้าบนโต๊ะสารพัดจะใช้งาน
เขาส่งยิ้มให้
ผมพยักหน้าทักทาย
และ

“ผมรู้แล้วหมาตัวไหน?”

“..............” แม่ง ไม่จบสินะ ไอ้ค้ำจุนคนเลว ผมหันตัวเข้าห้องนอนต่อ เตรียมปิดประตูใส่ แต่หมอนี่รวดเร็วครับ  หรือจริงๆ แล้วผมอาจเคลื่อนตัวเชื่องช้าเกินไปเอง

“ล้อเล่นนนนนน”
“ทำไข่ดาว ไส้กรอกทอด ขนมปังปิ้ง”

“............”

“กำลังร้อนๆ”
“มากินเลยป่าว”

“ทำไมผมต้องกินเลยอ่ะ?”

“จะได้ออกไปทำงานพร้อมกัน”
“ดิ”
“หกโมงครึ่งแล้วเนี่ย เร็ว”

“คุณรีบก็ไปก่อนเลย”

“อยากเดินทางกับคุณ”

ผมยอมรับว่าเหวอครับ เพราะนึกเหตุผลไม่ออกว่าทำไมเขาถึงได้อยากเดินทางเคียงข้างไปกับผม เราไม่ได้เป็นมิตรกัน แม้จะไม่ใช่ศัตรูกันก็เถอะ
การไปทำงาน ไม่ใช่สิ่งที่เราเคยเกื้อหนุนกันและกันมาก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ ปกติแยกกันไป ทำไมจู่ๆ วันนี้มาทำตัวง่อยใส่ ต้องมีคนคอยประคองอะไรทำนองนี้หรอ?

“ทำไมเราต้องเดินทางด้วยกันล่ะ?”
“เหตุผลอะไร?”

“ก็....ไม่มีอะไรหรอก” เขาว่างี้ครับ แต่ผมคิดว่าใครๆ ก็เดาได้ว่า ถ้าตอบว่าไม่ คือมี ถ้าตอบว่ามี ให้เตรียมหนีทันทีเพราะต้องเกี่ยวกับเรื่องเงินแน่ๆ

“ไม่มีก็ดี ก็ไม่เห็นต้องไปพร้อมกันเลย เข้างานคนละเวลา”

“ก็ จริงๆ ก็มีนะ”

“ผมไม่ให้ใครยืมเงิน เลิกคิดเลยคุณ”

“เฮ้ยยยยย” ไม่ส่งเสียงเปล่าครับ นายค้ำจุนรี่มาดึงผมออกจากห้องนอน มาเหวี่ยงไว้ที่โซฟา แล้วก็นั่งประกบ
“ไม่ใช่เรื่องเงินหรอกน่า”
“ผมรู้ว่าคุณงก”
“แต่อยากคุยด้วยเรื่องจัดทริปไปสวนแคคตัสผมที่ราชบุรี”

“..............” สายตาผมคงไม่เชื่อโลกมากแน่ๆ นายค้ำจุนถึงได้ยื่นหน้ามาสบตาใกล้ๆ เขาคงอยากย้ำความจริงใจ แต่สิ่งเดียวที่ผมเห็นก็คือ .... หมอนี่ขนตายาวชิบหาย ตาโคตรสวยเลย
“ทริปสวนแคคตัส?”

“อื้อ”
“ก็ ยาดาเพื่อนคุณไง เขาอยากไปนี่”
“เลยจะถามว่าเสาร์อาทิตย์ไหนที่ว่างกัน”
“ผมจะได้จัดรอบเดียว เอาให้คุ้ม ขี้เกียจเปิดสวนบ่อยๆ”

“แสดงว่ามีคนอื่นไปด้วย?”

“ใช่ ก็ลูกค้าหลายคนอยากไปเที่ยวแล้วแวะ อะไรแบบนี้อ่ะ”
“แต่ผมไม่ได้เปิดสวนให้ดูตลอดเวลาหรอก”
“แม่คงดูแลไม่ไหว ก็จะจัดเป็นรอบๆ เอา”
“เห็นว่าเพื่อนคุณสนใจ เลยมาถามก่อนว่าว่างเมื่อไหร่ ผมจะยึดเอาวันว่างของยาดาเป็นวันจัดทริป”

“อ่อ....”​ตามไม่ทันหรอกครับ เอาจริงๆ อือออไปงั้น

“ฝากไว้เป็นธุระคุณหน่อยนะ ถามให้ที” แล้วทำไมมันไม่ขอคอนแทคกันวะ? อ่อ ลืมไปว่าผมไม่ให้คอนแทคนายค้ำจุนกับยาดา ผมกลัวเพื่อนผมหลงเสน่ห์หมอนี่จนลืมชายวราห์ผู้จืดชืดคนนั้น

“โอเค ได้”
“งั้นคุณก็ไปทำงานตามสบายเถอะ”

“ไม่ได้ๆ ไหนๆ คุณก็ตื่นแล้ว ผมก็รอคุณตื่นแล้ว”
“ไปอาบน้ำแต่งตัวดิ ไปพร้อมกัน”

“เฮ้ออออออออ” ส่งเสียงเอือมไปงั้นแหละครับ สุดท้ายก็ลุกไปอาบน้ำ เพื่อมากินมื้อเช้าพร้อมเขาและออกไปทำงานพร้อมกัน ตามที่นายค้ำจุนวางแผนไว้เป๊ะเลย

และแน่นอนว่า......

“คุณๆ” เขายื้อข้อศอกผมไว้ระหว่างที่เราเดินออกจากคอนโดเพื่อมาโบกมอเตอร์ไซค์ไปบีทีเอส จริงๆ ระยะแค่นี้ก็เดินได้ แต่ขี้เกียจครับ

“อะไร?”

“ตัวนี้ป่ะ?” ผมหันมองตามทิศทางที่เขาชี้ เจอะกับหมาตัวนึงที่ยืนไม่ห่างพวกเรานัก มันเงยหน้ามองพวกเราเหมือนกัน

“อะไร หมามันทำไม?”

“ตัวนี้รึเปล่าที่คุณแอบดูเลิฟซีนมันเมื่อคืนอ่ะ”

ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ไอ้ค้ำจุน ไอ้เลวววววววว!


tbc...


มาต่อแล้วค่ะ
ตอนนี้สั้นๆ นะคะ
ตอนหน้าพบกันใหม่ กับนายค้ำจุนสภาพพ่อค้าภาคสนามค่ะ




ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ขำเปสุด ๆ อ่ะ นายค้ำจุนก็ช่างแหย่ 555 รอดูทัวร์สวนแคคตัสเลย คิดว่าน่าจะทำให้เปเห็นความเป็นนายค้ำจุนมากขึ้น คราวนี้น่าจะได้หลงเสน่ห์มั้ยนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เชื่อจ๊ะ บางคนไม่เคยเห็นหมาฟีเจอริ่ง ก็คงจะเข้าใจอย่างที่เปคิดแน่ๆ
นี่ถ้าโผล่หน้าไปดูก่อน ก็คงไม่มีเรื่องน่าอายเกิดขึ้นนะ
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
5555555
เปน่าสงสาร อายไหมเปเอ้ยยย

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
55555555555555555 อินี่ก็นั่งหัวเราะคนเดียวเหมือนบ้า จริงของค้ำจุนต้องเก็บเอาไว้ขำต่อ นี่อ่านจบก็นึกได้ก็นั่งขำจริงนะ
 :pig4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เปเอ๊ยยยย  :laugh:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น่ารักนะ
แต่วิธีจัดย่อหน้า ขึ้นบรรทัดใหม่ ทำให้อ่านแล้วงงๆ ไม่รู้ว่าใครพูดแต่ละอัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด