To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: To...คนที่ได้อ่านสิ่งนี้ในวันที่ผมจากไปแล้ว ★ ตอนพิเศษ : ลับ ★ 05/01/2561  (อ่าน 123232 ครั้ง)

ออฟไลน์ shiroinu

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
น้องตาลไม่เอานะคะ ไม่ดื้อ มาเป็นสาววายนะจ๊ะ ขืนไปยุ่งมากๆพี่จะ... o18 :z6: เข้าใจนะลูก ว่าง่ายๆ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ImInDragon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อูยยยยย เพิ่งอ่านค่ะ ฮื่ออออออชอบต้นสนมาก แต่เพิ่งิ่านได้นิดเดียว เห็นบอกปลื้มพระเอกถึงกับแทบกรี๊ด กรี๊ดดดดด ถูกโพสิชั่นแล้ว! นานทีจะถูกโพสิชั่นกับเขาบ้างง :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นแฟนกันแล้ว โหมดมุ้งมิ้งมานิดหน่อย มาม่าอย่าเพิ่งมาเลยนะ

ออฟไลน์ nkl31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ปลื้นจะได้กินต้นสนก่อนจบใช่มั้ยคะ 5555 เห็นแววนกมาแต่ไกลล

ออฟไลน์ moosawvans

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ Supak-davil

  • สาว Y = Why I don't have a boyfriend ??????????
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตอนแรกจะหาอ่านนิยายดราม่า
เห็นจั่วหัวมา มันต้องใช่แน่ ๆ
แต่พอเข้ามาอ่านแล้ว
อ้าววววววววววววววววว
ละมุนซะ ติดใจเลย

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 23

            นาฬิกาแผดเสียงร้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นในเช้าวันเสาร์ที่อบอวนไปด้วยความขี้เกียจ แท้จริงแล้วเสียงเพลงนี้เป็นเสียงที่เจ้าของห้องตั้งปลุกไว้ในมือถือ คนที่ยังนอนอุตุไม่ยอมขยับตัวเพราะเมื่อคืนกว่าจะลากตัวมานอนได้นั้นปากเข้าไปเกือบตีสอง นับดูในใจแล้วช่วงเวลาที่ได้หลับพักผ่อนเพิ่งผ่านมาเพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้น

            ทุกเช้าวันเสาร์ต้นสนจะขับรถกลับบ้านที่อยู่อีกเขตในกรุงเทพฯ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเมื่อคืนผมดันเผลอรับปากว่าจะลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าไว้รอเจ้าตัวเลยตั้งปลุกไว้ให้ตั้งแต่หกโมง งั้นก็คงถูกต้องแล้วล่ะที่ผมตื่นนอนก่อน

            คว้ามือถือมากดปิดเสียงเพลงผมก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน เดินรำลึกถึงเมนูอาหารเช้าระหว่างเดินเข้าครัว หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ก่อนเริ่มเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์

            เช้านี้ผมจะทำซุปข้าวโพด

            ปกติผมถนัดอาหารไทย แต่อาหารง่ายๆ อย่างซุปข้าวโพดลองอ่านวิธีทำจากอินเตอร์เน็ตแล้วน่าจะทำได้ไม่ยาก

เมนูนี้ผมเคยลองกินที่ร้านสเต็ก ไอ้เจนมันสั่งมาและถูกบังคับให้ลองชิม ผมว่ารสชาติมันติงต๊อง แต่กลายเป็นว่าหลังจากนั้นกลับติดใส่รสชาติจนต้องสั่งทุกครั้งที่ไป

            มื้อเช้าของวันนี้เลยอยากให้ต้นสนลิ้มรสชาติติงต๊องในแบบของผมบ้าง

            ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอนหลังจากจัดเตรียมวัตถุดิบเสร็จ ปลุกเจ้าของห้องให้ลุกไปอาบน้ำ ระหว่างรอต้นสนแต่งตัวจะได้ลงมือทำ ซึ่งคงเสร็จเวลาไล่เลี่ยกันพอดี ได้กินตอนมันร้อนๆ ย่อมอร่อยกว่าตอนเย็นชืด

            ในห้องนอนยังเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ต้นสนซุกตัวขดอยู่ใต้ผ้าห่มเห็นเพียงกลุ่มผมสีดำโผล่ออกมา ถ้าเป็นเพื่อนสนิทอย่างไอ้ว่านไอ้เจนเห็นหลับสบายแบบนี้ผมคงนึกอยากปลุกด้วยการแกล้งแรงๆ แต่เพราะเป็นต้นสนเลยทำเพียงค่อยๆ ปืนขึ้นไปบนเตียง เลิกผ้าห่มออกแล้วฝังจมูกลงบนแก้มบวมๆ

            "ตื่นได้แล้วขี้เซา"

            ต้นสนขยับตัวยุกยิกก่อนลืมตาขึ้น พลิกตัวนอนหงายแล้วจ้องกันตาแป๋ว หน้าตาสดใสแบบนี้แสดงว่าตื่นอยู่แล้วสินะ

            "ตื่นแล้วก็ไม่ยอมลุก"

            "ขี้เกียจ"

            "ไปอาบน้ำได้แล้ว" ผมดึงแขนให้ลุกขึ้นต้นสนก็ยอมลุกตามแต่โดยดี ลงจากเตียงแล้วยืนบิดขี้เกียจก่อนไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

            "ทำมื้อเช้าเสร็จแล้วเหรอ"

            จริงสิ ผมลืมถอดผ้ากันเปื้อน แถมยังขึ้นไปคลุกบนเตียงเรียบร้อยแล้วด้วย

            "ใกล้แล้ว"

            "ทำอะไรให้กินอ่ะ"

            "ไม่บอก ไปอาบน้ำได้แล้ว" ผมโบกมือไล่ ต้นสนยู่หน้าแต่ยังยอมทำตามที่บอก หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเนิบนาบเข้าห้องน้ำไป

            ก่อนจะกลับไปจัดการมื้อเช้าต่อผมยังมีภารกิจอีกอย่าง เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วไล่มองไปทีละตัว ก่อนหยิบเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวผ้าหนาออกมา เป็นการป้องกันผิวกายที่ผมหวงแหนจากกรงเขี้ยวกรงเล็บ ถึงมันจะช่วยได้เพียงเล็กน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

            ผ่านมาจนถึงตอนนี้ทั้งหมาและแมวตัวแสบของต้นสนยังขยันสร้างร่องรอยให้เจ้าของเสมอ แม้จะไม่มีรอยแผลลึกเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับมาจากบ้านทีไรต้องได้เห็นรอยขีดเล็กๆ น้อยๆ เสมอ เตือนก็แล้วบ่นก็แล้ว เจ้าตัวก็ยังปกป้องลูกน้องทั้งห้าของตัวเองอยู่ดี

            'มันเป็นสัตว์เลี้ยงก็ต้องเล่นกับมันดิ พอโตเดี๋ยวคงหยุดคึกเองแหละ'

            ว่าทีไรก็มักพูดแบบนี้ทุกที

            จัดชุดให้เสร็จเรียบร้อยผมก็เดินออกจากห้องนอน แต่อยู่ๆ ประตูห้องกลับเปิดออก ขาที่กำลังก้าวเดินชะงักค้าง หันไปมองผู้มาเยือนที่ผมไม่เคยพบเจอมาก่อน

            ชายในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลคยกยิ้ม เขาตัวสูงและภูมิฐาน ผมสีขาวที่ขึ้นแซมเป็นบางแห่งบ่งบอกถึงช่วงชีวิตที่ผ่านมา ถ้าให้ผมเดาเขาคงอายุสักห้าหรือหกสิบปี หน้าตาจะว่าคุ้นก็คุ้นแต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ถึงอย่างนั้นสติที่กระเจิดกระเจิงไปก่อนหน้านี้ยังกลับมารวมกันได้ทัน แทบไม่ต้องคิดให้ยุ่งยากก็พอจะเดาออกว่าชายผู้มาเยือนคนนี้เป็นใคร

            "สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้อย่างนอบน้อมที่สุด ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้

            ชายผู้มาเยือนยังคงยกยิ้มบางๆ ไม่เปลี่ยนก่อนก้าวเข้ามาในห้อง เสียงทุ้มแหบหากแต่มีพลังที่เอ่ยออกมาทำใจผมวูบลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้

            "เธอคือปลื้มสินะ"

            "ครับ" ผมขานรับหนักแน่น บรรยากาศในห้องเริ่มชวนอึดอัดเพราะตัวผมเอง ทั้งเกรงและกลัวแม้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำอะไรนอกจากยิ้มและเดินตรงเข้ามาหา

            ใครจะไปคิดว่าคุณสาโรจน์พ่อของต้นสนจะโผล่มาในเวลาแบบนี้

 

            นับว่าเป็นการต้อนรับแขกที่ประหม่าที่สุดในชีวิต ผมรวบรวมความกล้าเชิญพ่อของต้นสนไปนั่งที่โซฟา ยกน้ำมาเสิร์ฟแล้วก็ยืนเคว้งคว้างทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วครู่จนท่านเป็นฝ่ายทักขึ้น

            "กำลังทำมื้อเช้าอยู่เหรอ"

            "ครับ เพิ่งเตรียมของเสร็จ"

            "แล้วต้นสนอยู่ไหน"

            "กำลังอาบน้ำครับ"

            คุณสาโรจน์พยักหน้ารับก่อนยกน้ำขึ้นมาจิบ หันมองรอบห้อง มุมปากยกยิ้มคล้ายพอใจ

            จากคำบอกเล่าของต้นสนที่ผมได้ฟังมาไม่บ่อยนักที่พ่อแม่เจ้าตัวจะแวะมาที่นี่ อีกอย่างการมาครั้งนี้ผมไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน ไม่เคยได้ยินต้นสนพูดถึงเรื่องนี้ด้วย ให้เดาคงเป็นการมาแบบกะทันหันที่เจ้าของห้องเองก็ยังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน ถ้าตัดเรื่องผมโดนแกล้งออกไปน่ะนะ

            "ไม่ได้มาเสียนาน ดูมีระเบียบขึ้นนะ"

            "ครับ"

            "เช้านี้ผมยังไม่ทานข้าวมา กะทันหันไปหน่อยแต่คงต้องขอร่วมโต๊ะอาหารด้วย ได้ใช่ไหม"

            "ครับ ได้ครับ" ผมรีบตอบรับ ดูกระตือรือร้นจนน่าตลก แต่จะให้ทำตัวเอื่อยเฉื่อยในสถานการณ์แบบนี้คงไม่ไหว

            "รบกวนด้วยนะ"

            "ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"

            "ตามสบายเลย"

            ผมค้อมหัวให้ก่อนผละออกมาอย่างนอบน้อมที่สุด เกร็งจนรู้สึกเหนื่อย อยากทำตัวให้สบายกว่านี้แต่ผมไม่เก่งเรื่องการรับมือกับผู้ใหญ่ที่ไม่สนิทนัก หากต้นสนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเมื่อไรบรรยากาศคงดีขึ้นกว่านี้

 

            การมาอย่างกะทันหันของพ่อต้นสนทำให้ผมเริ่มหนักใจกับมื้อเช้า แค่ซุปข้าวโพดอย่างเดียวคงไม่อยู่ท้อง ต้องทำอะไรเพิ่มอีกสักเมนู แล้วไอ้ซุปข้าวโพดเนี่ยผมเองก็ไม่รู้ว่ากินกับอะไรถึงจะอร่อย จะให้กินคู่กับสเต็กเหมือนตอนไปกินที่ร้านก็ไม่ได้เสียด้วย

            ผมเปิดตู้มองหาวัตถุดิบที่พอจะเอามาทำอะไรสักอย่างเพื่อทานคู่กับซุปข้าวโพด เจอขนมปังหนึ่งแถวที่ซื้อมาทิ้งไว้เมื่อวันก่อน จำได้ว่ามีเครื่องปิ้งขนมปังที่ไม่เคยเอาออกมาใช้อยู่ด้วย ไข่ไก่ยังเหลืออยู่หลายฟอง ทำแซนวิสกินคู่กันน่าจะพอไหวอยู่

            "พ่อ!!" ได้ยินเสียงต้นสนดังมาจากห้องนั่งเล่น ตะโกนเสียงดังขนาดนี้คงไม่ต้องเดาว่าเจ้าตัวตกใจแค่ไหน

            "พ่อยังไม่แก่ขนาดนั้น เรียกเบาๆ ก็ได้"

            "มาได้ไง"

            "ก็ขับรถมาน่ะสิ"

            "ไม่ใช่ สนหมายถึงพ่อมาทำไม"

            "พ่ออยากมาหาลูกชายบ้างไม่ได้เหรอ"

            "พ่อกวนอ่ะ คือสนจะกลับบ้านอยู่แล้วเนี่ย แล้วจะมาทำไมไม่บอกก่อน"

            "บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ"

            ผมฟังบทสนทนาของสองพ่อลูกอยู่เงียบๆ ในขณะที่กำลังสาละวนกับการเตรียมมื้อเช้า แอบอมยิ้มกับการหยอกล้อกับลูกชายซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ที่ผมเห็นเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ไหนจะน้ำเสียงที่ฟังแล้วรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นนั้นอีก

            ตั้งแต่รู้จักกันมาผมพอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของต้นสนมาบ้าง เป็นอั๋นที่เล่าให้ฟังหลังจากรู้ความจริงเรื่องโน้ตสั่งเสีย ส่วนจากปากต้นสนนั้นน้อยครั้งที่เจ้าตัวจะพูดถึง แต่จากที่ได้เผชิญหน้าผมว่าคุณสาโรจน์ไม่ได้ดูเป็นคนน่ากลัวเท่าไรนัก ถึงผมจะกลัวอยู่นิดหน่อยก็เถอะ

            "สรุปพ่อมาทำไมครับ ตอบดีๆ นะ" บทสนทนายังคงดังให้ได้ยิน ต้นสนไม่ยอมจบประเด็นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมสงสัยอยู่เหมือนกัน

            "พ่อก็อยากมาดูสภาพการเป็นอยู่ของลูกบ้างไง"

            อยู่ๆ ต้นสนก็เงียบไป ทำเอาผมสงสัยจนอยากจะวิ่งออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทิ้งให้ต่อมความรู้อยากเห็นทำงานได้ไม่นานนักต้นสนก็เริ่มพูดต่อ และกลายเป็นผมที่ชะงักแทน

            "มาเพราะอยากเจอปลื้มใช่มั้ย"

            น้ำเสียงที่ถามเรียบนิ่งไม่สื่ออารมณ์นัก ผมไม่ได้ยินเสียงพ่อของต้นสนตอบกลับมา ไม่รู้ด้วยว่าท่านกำลังทำหน้ายังไง และเดาไม่ถูกแม้กระทั่งสีหน้าของแฟนตัวเอง

            "พ่อแค่อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้ลูกเปลี่ยนไปแค่นั้นเอง" ทิ้งจังหวะอยู่สักพักกว่าจะได้ฟังคำตอบ เพราะชื่อของผมที่ถูกดึงไปเกี่ยวข้องจึงไม่สามารถทำใจให้สงบลงได้

            "แล้วเป็นไงล่ะครับ"

            ความเงียบคือสิ่งที่ได้รับ แม้ผมจะตั้งใจฟังคำตอบนั้นมากกว่าอาหารที่กำลังทำก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรอยู่ดี มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกกังวล

            และอย่างกับรู้ว่ากำลังถูกแอบฟัง สองพ่อลูกพากันเปลี่ยนประเด็นสนทนาไปเป็นเรื่องอื่น ความเงียบแทนที่ด้วยคำหยอกล้อและเสียงหัวเราะ ความสงสัยทั้งหมดถูกทิ้งไว้ที่ผม

            แม้อยากรู้ใจแทบขาดแต่ผมจำต้องปล่อยวางทุกอย่างแล้วตั้งใจทำมื้อเช้าให้ดีที่สุด ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของต้นสนแบบนั้น คำตอบจากคนเป็นพ่อคงไม่เลวร้ายเท่าไร

            ใช้เวลาไม่นานอาหารก็ใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว กลิ่นอ่อนๆ ของซุปข้นส่งกลิ่นยั่วน้ำลาย ผมตักมันขึ้นมาชิม รสชาติติงต๊องเป็นที่น่าพอใจ นับว่าฝีมือไม่เลว

            "ทำอะไรหอมจัง" ต้นสนในชุดที่ผมเลือกให้เดินเข้ามาในครัว ทำจมูกฟุดฟิดยิ้มร่าก่อนหยุดยืนอยู่ข้างกัน

            "ซุปข้าวโพดกับแซนวิส"

            "น่ากิน"

            "แบบนี้คุณอาพอจะกินได้มั้ย" ผมถามอย่างเป็นกังวล แต่ต้นสนกลับขำ

            "ทำไมเรียกคุณอา"

            "หรือจะให้เรียกลุง"

            "เรียกพ่อดิ"

            เราเหล่มองกัน ก่อนต้นสนจะกระทุ้งศอกใส่สีข้างผม แค่คุยปกติก็เกร็งจะแย่ แล้วอยู่ๆ ให้ผมไปเรียกพ่อไม่โดนเชือดเลยหรือไง อีกอย่างผมยังไม่รู้เลยว่าคุณสาโรจน์รู้หรือเปล่าว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน

            "ไม่เห็นต้องเขินเลย"

            "ไม่ได้เขิน" ตอบปฏิเสธแล้วผมก็หมุนตัวหนีไปเตรียมถ้วยกับช้อนสำหรับใส่ซุป

            "กลัวเหรอ"

            "ก็คงงั้น" ผมยืดอกยอมรับ แม้จะบอกว่าแค่เกร็งแต่ความหมายของมันไม่ได้ต่างกันนัก

            "ถึงจะดูดุแต่ไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก"

            "ครับๆ" ผมขานรับพลางตักซุปใส่ถ้วย

            "เหมือนพ่อจะโอเคกับปลื้มอยู่นะ"

            "โอเคยังไง"

            เป็นประโยคบอกเล่าที่ชวนให้สงสัย ผมยกซุปข้าวโพดทั้งสามถ้วยไปวางที่โต๊ะ ก่อนกลับมาจัดแซนวิสใส่จาน

            "พ่อรู้นะว่าเราเป็นแฟนกัน"

            ได้รับรู้อะไรกะทันหันแบบนี้ถ้าผมถือจานแซนวิสอยู่คงปล่อยมันตกพื้นแตกแน่ๆ ต้นสนบอกกับครอบครัวด้วยอย่างนั้นเหรอเรื่องที่เราคบกัน

            ผมควรรู้สึกดีใช่ไหมที่พ่อต้นสนไม่ได้มีท่าทีรังเกียจรังงอนอะไรในตัวผม

            "พ่อยอมรับนะ แต่..."

            ต้นสนเว้นจังหวะไว้ ผมเริ่มใจเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ยอมรับก็ยอมรับสิ ทำไมต้องมีแต่

            "ไม่ได้หมายความว่าจะยอมทำให้"

            "ยังไง"

            "ก็ว่าไปนั่น" พูดแล้วก็หัวเราะ

            สรุปทั้งหมดที่ว่าทั้งหมดคือล้อกันเล่นใช่ไหม เรื่องที่คบกันก็ด้วย

            "ขอโทษนะที่พ่อมากะทันหัน ไม่ยอมบอกด้วยว่าจะมา"

            "ไม่เป็นไรหรอก" ผมไม่มีสิทธิ์ว่าอะไรอยู่แล้ว ห้องของลูกชายก็เหมือนห้องของพ่อแม่ ผมสิเป็นคนนอก

            "มา เดี๋ยวช่วยยก หิวแล้ว" ต้นสนคว้าจานแซนวิสจากมือผมไปวางบนโต๊ะ ยิ้มร่าเริงมาให้ก่อนเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น

            ผมถอดผ้ากันเปื้อนวางพับไว้บนเคาน์เตอร์ในครัว มองสภาพตัวเองที่ยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแล้วอยากจะวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ทว่ายังไม่ทันขยับไปไหนต้นสนก็เดินนำคุณสาโรจน์เข้ามานั่งประจำที่ ผมเลยต้องเดินไปนั่งที่ว่างที่เหลืออยู่อย่างช่วยไม่ได้

            ควันขาวลอยเอื่อยจากถ้วยซุป ผมไม่อาจละสายตาจากมันไปได้ มองคุณสาโรจน์ที่กำลังจับช้อน แต่แล้วต้องรีบหลบสายเมื่อโดนจ้องกลับมา

            "หน้าตาน่ากินดี"

            "ขอบคุณครับ"

            คำชมที่ได้รับทำให้ผมใจชื้นขึ้นมา คุณสาโรจน์ตักซุปขึ้นมาเป่าแล้วส่งมันเข้าปาก สีหน้าไม่แสดงอาการหรือบ่งบอกรสชาติใดๆ ผิดกับลูกชายที่รีบยกนิ้วให้พลางขมุบขมิบปากบอกว่าอร่อย ก่อนคำถามของคนเป็นพ่อจะดึงความสนใจผมไปจากต้นสน

            "ปกติทำกับข้าวทุกวันหรือเปล่า"

            "เฉพาะวันที่ว่างน่ะครับ"

            คุณสาโรจน์พยักหน้ารับ ตักซุปกินอย่างไม่เร่งรีบ รวมถึงคำถามที่ถูกส่งมาให้ผมตอบเรื่อยๆ ยังดีที่มันไม่ใช่คำถามน่าหนักใจนัก ไม่งั้นผมคงรู้สึกเหมือนนักโทษที่กำลังถูกสอบสวน

            "เธอชอบทำอาหารเหรอ"

            "ก็ไม่เชิงครับ ผมเคยช่วยแม่ทำกับข้าวบ่อยๆ แถมยังทำงานร้านข้าวแกง เลยคุ้นเคยกับการทำอาหาร"

            "ทำงานที่นั่นมานานหรือยัง"

            "ตั้งแต่ขึ้นปีสองครับ"

            "ขยันดีนะ"

            ผมยิ้มรับ ไม่รู้โดนประชดหรือถูกชมจริงๆ แต่ก็ยิ้มไว้ก่อน อาการเกรงกลัวที่มีตั้งแต่เจอหน้าเริ่มลดลงเมื่อได้พูดคุยมากขึ้น แม้ผมจะเป็นฝ่ายโดนซักอยู่คนเดียวก็ตาม

            "วันนี้ก็ไปทำงานด้วยใช่มั้ย"

            "ใช่ครับ"

            "สนเล่าให้ฟังไปหมดแล้ว พ่อถามอะไรเยอะแยะ" ต้นสนที่เงียบฟังมานานขัดขึ้น ซุปในถ้วยเจ้าตัวพร่องไปกว่าครึ่ง ที่เงียบไปคงมัวแต่กินอยู่

            "พ่อก็อยากคุยกับปลื้มบ้างไง"

            "คุยแบบนี้ไม่เอาแล้วนะ ทีหลังจะมาก็บอกก่อน"

            "บอกแล้วไม่สนุก"

            "พ่อสนุกคนเดียวน่ะสิ"

            ผมเห็นด้วยกับต้นสน หลังจากประมวลผลได้ตอนเห็นคุณสาโรจน์เปิดประตูเข้ามาใจผมเต้นแรงมากเพราะอาการตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก

            บนโต๊ะอาหารบรรยากาศครื้นเครงขึ้นเมื่อสมาชิกเริ่มปรับตัวเข้าหากันได้ คุณสาโรจน์เลิกโยนคำถามใส่ผมเปลี่ยนไปบ่นเรื่องลูกชายแทน เป็นเรื่องที่ฟังแล้วต้องหัวเราะเพราะเหมือนที่ผมชอบบ่นต้นสนไม่มีผิด กลายเป็นว่าเจ้าของห้องโดนถล่มจนเละ ส่วนผมกับคุณสาโรจน์เข้าขากันได้เป็นอย่างดี

            อาหารทุกอย่างบนโต๊ะถูกจัดการจนเกลี้ยงในเวลาอันเร็วรวด ผมเก็บถ้วยของทุกมารวมกันเพื่อยกไปไว้ที่อ่าง ตอนนี้เองที่คำชมที่ผมอยากได้ยินที่สุดออกมาจากปากแขกคนสำคัญ

            "อร่อยดีนะ"

            "ขอบคุณครับ" ผมค้อมหัวให้ ปากยิ้มไม่หุบขณะขนจานไปเก็บ

            คำนี้คำเดียวที่คนทำอาหารอย่างผมอยากได้ยิน คือคำที่คนกินบอกว่าอาหารของเรานั้นมัน 'อร่อย'

 

            เวลาล่วงเลยมาเกือบแปดโมงหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ สองพ่อลูกเตรียมตัวกลับบ้าน ต้นสนหอบงานกลับไปทำอย่างเคย ผมเดินไปส่งทั้งคู่ที่หน้าประตู ยกมือไหว้คุณสาโรจน์อย่างนอบน้อมเพื่อบอกลา

            "สวัสดีครับ"

            "ว่างๆ จะแวะมาใหม่"

            "ครับ" แต่คราวหลังบอกล่วงหน้าหน่อยก็ดี ผมอยากจะพูดต่ออยู่หรอก แต่ก็ทำได้เพียงคิดใจใน

            "กลับก่อนนะ" ต้นสนโบกมือพลางยิ้มแย้มแจ่มใสมาให้

            ผมค้อมหัวให้คุณสาโรจน์อีกครั้ง โบกมือบ๊ายบายให้ต้นสน มองสองพ่อลูกเดินเคียงคู่กันไปจนถึงหน้าลิฟต์ผมถึงกลับเข้ามาในห้องแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

            การพบกันครั้งแรกนับว่าไม่แย่นัก ผมได้โชว์ฝีมือการทำอาหาร ได้พูดคุยเลือกเปลี่ยนความคิดแม้จะไม่มากนักก็ตาม คุณสาโรจน์เองก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจผมเท่าไร ถ้าสิ่งที่แสดงออกมานั้นคือความจริง

            จะว่าไปแล้วมันก็มีเรื่องให้น่าคิด หากตอนนี้ผมกับต้นสนยังเป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์ไม่ได้ลึกซึ้งถึงขั้นนี้ตัวผมจะรู้สึกเกรงกลัวกับการเผชิญหน้าขนาดนี้ไหม แต่ลองคิดดูอีกที ถึงแม้ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ความกล้าหาญของผมก็ยังมีเพียงน้อยนิดไม่ต่างจากเดิม

            เพราะถึงแม้ไม่ได้มีคำว่าแฟนกับกำสถานะของความสัมพันธ์ แต่ในความรู้สึกของเรานั้นมันเกินคำว่าเพื่อนธรรมดามานานมากแล้ว

            ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อของแฟน หรือพ่อของคนที่ชอบ เวลาได้เจอมันก็ยังอดตื่นกลัวไม่ได้อยู่ดี

 

TBC

 

จากการทายชื่อต้นสนตอนที่ผ่านมารื่นเริงมาก ฮา แต่ยังมีใครทายถูกเลยค่ะ

นี่ถ้ายังไม่มีใครเดาถูกจนกว่าจะลงเรื่องจบเราจะเอาไปใช้เล่นเกมแจกของละนะ ฮ่าๆๆ

ส่วนตอนนี้น้านนนนน ได้เวลาเปิดตัวคุณพ่อตากันบ้าง น่ารักใช่มั้ย(ใช่เร๊อะ!!)

จากนี้เหลืออีกห้าตอนก็จะจบแล้วน้า เรานับปฏิทินมาแล้ว

ต่อไปนี้จะลงทุกวันอังคารกับศุกร์ บทสุดท้ายจบช่วงปีใหม่พอดี

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าจ้า

 

ช่วงทายชื่อต้นสน (ยังจะเล่นต่อ ฮา)

คำใบ้

-ขึ้นต้นด้วย ส.เสือ

-สองพยางค์

-มีพยัญชนะสามตัว

ใครว่างๆ ไม่มีอะไรคิดก็มาเล่นกันได้น้า

 

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yanaanay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
ต้นสนน่ารักมากเลยย
ขอเดาว่า "สกล" กับ "สลด" ล่ะกัน  :laugh: :laugh:
ถ้าดีๆก็ขอเดาว่า "สรชา" กับ "สรัล"  :m13: :m13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2017 22:47:48 โดย somberness »

ออฟไลน์ Jingjaij

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขอเดาว่าสาริน คล้องกะชื่อคุณพ่อดีค่ะ 55555555

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แหมจุ่พ่อตาก็มา อยากมาเห็นลูกเขยก็ไม่บอก ใจตุ้มๆต่อมๆกันไปหมด

ส่วนเรื่องทายขื่อนั้น ยอมแพ้ค่ะรอเฉลย  :laugh:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คุณพ่อแวะมาดูหน้าลูกเขยด้วยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ถ้าอีกห้าตอนจบคงไม่มีอะไรให้ปวดตับแล้วเนอะก็ในเมื่อครอบครัวสนก็โอเค เหลือแต่ทางปลื้มที่จะบอกเมื่อไหร่แต่ก็คงไม่ดราม่าหรอกมั้ง ฮ่าๆ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ papa_prasy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สรัล แปลว่า ต้นสน คิดเอาไว้ว่าใช่ต้องใช่แน่ๆ  :katai4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ปลื้มนี่พ่อบ้านตัวจริงมากก เรื่องชื่อนี่เดาไม่ถูกจริง ฮ่าๆ

ออฟไลน์ SimpleZ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วชอบกลิ่นอายมากค่ะน่ารัก ดูละมุนๆเหมือนกินกาแฟนมเพิ่มครีม5555 เป็นกำลังใจให้คนเขียนละน้องปลื้ม5555. หลังจากจบแล้วจะมีตอนพิเศษไหมคะ ถ้ามีก็คงดี

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อยากให้อารี่มาเจอกับน้องตาลจังค่ะ น่าจะบันเทิงน่าดู55555 ชอบความสัมพันธ์ที่มันค่อยๆเข้าหากันแบบนี้ มันอบอุ่นและดูต่างฝ่ายต่างมั่นใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันน่ารักดี :-[ :-[

ออฟไลน์ khungyf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แงงงงง ปลื้มโดนแกล้งง 55555

P.s. ชอบจัง เราชอบในความเรื่อยๆ แต่มันละมุนเบอร์แรง

ออฟไลน์ kinsang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +242/-5

ตอนที่ 24

            'พ่อตามาหา' กลายเป็นหัวข้อที่ไอ้ว่านหยิบมาพูดถึงในวงสนทนาใต้ตึกก่อนขึ้นเรียน เรื่องที่คุณสาโรจน์มาหาแบบปุบปับเมื่อวันเสาร์ผมเล่าให้ไอ้ว่านฟังในคืนวันนั้น ไปขลุกตัวอยู่ที่ห้องมันเพื่อปรับทุกข์สารพัดเรื่อง และข่าวสารเกี่ยวกับผมทั้งหมดก็ถูกส่งต่อให้ไอ้เจนในเวลาต่อมา จนกลายเป็นเรื่องสนุกปากให้พวกมันได้เม้าท์กัน

            ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันสองคนไม่เข้าใจหรอก

            "แล้วเป็นไงบ้างวะพ่อต้นสน" ไอ้เจนถามอย่างสนอกสนใจ มันเบิกตาจ้องมาที่ผม อะไรจะอยากรู้ขนาดนั้น

            "ดูน่ากลัวแต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าไร"

            "แสดงว่ากลัวไม่จริง"

            "กูยังไม่ได้บอกสักคำว่ากลัว"

            "ทำเก่งเลยนะมึง"

            ผมไหวไหล่ ก็ต้องทำเก่งแบบนี้แหละพวกมันถึงจะได้เลิกแซวว่าผมกลัวพ่อตา แม้ความจริงจะไม่ได้เก่งอย่างปากก็เถอะ

            "แล้วเรื่องน้องตาลนี่จริงเหรอวะ" ไอ้เจนคือบุคคลที่มีคำถามมากที่สุด มันอยู่ไกล อัพเดทช้า พอมีโอกาสรวมตัวได้ตั้งวงคุยกันยาวๆ เลยสาดทุกความสงสัยใส่ไม่ยั้ง

            เรื่องน้องตาลผมเล่าให้ไอ้ว่านฟังตั้งแต่วันที่มีเรื่อง ส่วนไอ้เจนได้ฟังแบบผ่านๆ จากไอ้ว่านอีกที หลังจากวันนั้นที่น้องเขาและผมต่างยอมรับสารภาพ ระยะห่างระหว่างเราก็เริ่มห่างเหินมากขึ้น ผมลาออกจากงานวันธรรมดา วันเสาร์อาทิตย์ที่ไปทำงานได้เจอหน้าน้องตาลที่บ้านบ้าง แต่ที่ตลาดเธอไม่เคยมาวุ่นวายด้วยเลย เท่ากับว่าผมทำเธออกหัก และจบกันไม่ดีนัก

            "จริงเรื่อง?"

            "ก็ที่เขาบอกรักมึง อย่ามาแอ๊บ เดี๋ยวปั๊ด!" ไอ้เจนง้างมือทำท่าจะต่อยผมจริงๆ แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง

            "น้องเขาไม่ได้บอกรัก แค่บอกชอบ"

            "มันก็เหมือนกันมั้ยวะ"

            "ไม่เหมือนเว้ย รักมันหนักแน่นกว่า"

            "แบบที่มึงรักต้นสนอ่ะนะ" เจอไอ้ว่านสวนขึ้นมาทำเอาผมสะอึก ถึงจะรักจริงๆ ก็เถอะ แต่พอเพื่อนแซวกันตรงๆ แบบนี้มันชักจะเขินหน่อยๆ

            "เบื่อพวกโลกสีชมพู"

            "พูดอย่างกับมึงไม่มีแฟน" ผมสวนกลับอย่างนึกหมั่นไส้ ไอ้เจนเด็กมันเยอะจะตาย เที่ยวก็เก่ง สองสามเดือนเปลี่ยนคนใหม่ที ล่าสุดได้ข่าวว่ากำลังคั่วเด็กมัธยม

            "กูไม่ได้รักหวานชื่นแบบมึงไง"

            มันรู้ได้ไงว่าผมรักหวานชื่น

            "แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกันเป็นไงบ้างวะ" ไอ้ว่านถามสวนขึ้นมาก่อนผมจะได้เถียงไอ้เจน

            ถ้าถามว่าเป็นไง...

            "ก็โอเค" ไม่ใช่แค่โอเค แต่มันดีมากๆ ต่างหาก

            "ในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้าน คุณคิดว่าไงครับ" ไอ้เจนทำตัวเป็นนักข่าวยื่นไมค์ไปจ่อปากไอ้ว่าน มันรีบยืดตัวนั่งตรง กระแอมหนึ่งทีก่อนตอบ

            "นั่นสินะครับ เขาแวะมาทักทายผมบ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก ยังคิดอยู่ว่าถ้าตอนกลางคืนได้ยินเสียงแปลกๆ จะทำยังไง"

            "เอ เสียงแปลกๆ ที่ว่าคืออะไรเหรอครับ"

            "ก็อย่างเช่น อ้า อื้ม โอ้ย อะไรทำนองนี้น่ะครับ" ทั้งหน้าทั้งเสียงติดเรท 18+ ไอ้เจนยิ้มชอบใจกับความร่วมมือเป็นอย่างดีของไอ้ว่าน ส่วนผมนั่งเครียด

            ต่อให้ผมกับต้นสนมีอะไรกันจริงมันไม่มีทางได้ยินหรอกเสียงพรรค์นั้น อีกอย่าง เสียงแฟนผมน่าฟังกว่านี้เยอะ

            "เสียงอะไรเหรอครับนั่น" ไอ้เจนยังเล่นไม่เลิก

            "ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ อาจจะเป็นเสียงตอนทำกับข้าวก็ได้"

            "ใสกันจังเลยพวกมึง" ผมว่าอย่างสุดทน เบื่อจะฟังพวกมันแล้ว แซวกันเหมือนไม่เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อน

            "เออ กูอ่ะใส" ไอ้ว่านยอมรับเต็มปากเต็มคำ แล้วก็โดนไอ้เจนด่ากลับเสียอย่างนั้น

            "ไสจัญแรนอ่ะดิอย่างมึง"

            "อะไรวะ ไสจัญแรน" เจอมุกไอ้เจนไปไอ้ว่านถึงขั้นขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง

            ผมกับไอ้เจนหันมองหน้ากัน ลืมไปว่าไอ้ว่านมันอ่อนเรื่องผวนคำ เล่นมุกอะไรไปไม่เคยเข้าใจ ซึ่งสำหรับครั้งนี้มันไม่เข้าใจก็ดีแล้ว

            "มึงนี่นะ"

            "ไอ้เจนบอกกูก่อน คืออะไรวะ"

            "ไม่อ่ะ"

            "มึงด่ากูใช่ป้ะ"

            "เออ"

            "ไอ้สัดบอกมาเดี๋ยวนี้มันแปลว่าไร"

            "มึงก็ลองผวนดูดิ ผวนคำอ่ะ อย่าโง่"

            "ด่ากูอีกละ"

            เมื่อกี้ยังเข้าขากันอยู่แท้ๆ ตอนนี้แยกเขี้ยวจะกัดกันให้ได้ ผมมองพวกมันเถียงกันโดยไม่ยุไม่ห้ามหรืออะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวมันเบื่อก็เลิกไปเอง

            ระหว่างฟังมันสองคนเถียงกันเพลินๆ มือถือผมที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นถี่ๆ ชื่อต้นสนโชว์หราอยู่หน้าจอ แต่มันเป็นชื่อที่ผมตั้งไว้เรียกในใจคนเดียว ทว่าแรงสั่นเบาๆ นี้กลับทำให้ไอ้ว่านไอ้เจนหยุดเถียงกันแล้วเพ็งเป้ามาที่ผมแทน

            "นายมืดมน ใครวะ" เพราะผมหยิบมือถือหนีไม่ทันพวกมันเลยเห็นกันเต็มๆ ไอ้เจนรีบถามทันที

            "ให้กูเดานะ ต้นสนชัวร์ๆ"

            "มึงนี่แปลกเนอะ พิมพ์ชื่อแฟนว่านายมืดมน หาความหวานไม่เจอ"

            "มันมีที่มาที่ไป ก่อนจะว่ามันมึงต้องคิดนิดนึง" ไอ้เจนโดนไอ้ว่านด่ากลับ มันสองคนก็ตั้งท่าจะเถียงกันอีกรอบ

            ผมเขยิบออกห่างจากพวกมันเล็กน้อยไม่ให้เสียงเข้ามารบกวนก่อนกดรับ

            "ว่าไง ถึงห้องแล้วเหรอ"

            ต้นสนเพิ่งกลับมาจากบ้าน วันนี้เจ้าตัวมีเรียนบ่าย เห็นว่าจะหลับสักตื่นเพราะเมื่อคืนทำงานเพลินจนเกือบเช้า ผมบ่นไปแล้วหนึ่งรอบก่อนต้นสนจะขับรถออกจากบ้าน ยังดีที่เดินทางมาถึงโดยปลอดภัยไม่หลับในแวะนอนข้างทางเสียก่อน

            (ถึงแล้วกำลังจะนอน)

            "โอเคครับ รีบไปนอนเลย"

            (วันนี้ปลื้มเรียนวิชาวิจัยอะไรนี่ป้ะ)

            "ใช่"

            (มีงานวางอยู่บนโต๊ะอะ ต้องส่งวันนี้เปล่า)

            "เวรละ!" ผมคว้ากระเป๋ามาเปิดหางานที่ต้องส่งวันนี้ แน่นอนว่ามันไม่มีเพราะมันยังวางอยู่บนโต๊ะที่คอนโด

            (เราเอาไปให้ได้นะ เรียนสิบโมงใช่มั้ย)

            ผมก้มดูนาฬิกาข้อมือ ยังมีเวลาอีกสิบห้านาที ถ้าผมวิ่งกลับไปเอาน่าจะทันอยู่...ล่ะมั้ง

            (งั้นเดี๋ยวเอาไปให้ที่คณะนะ) ไม่รอให้ผมตอบตกลงต้นสนก็ชิงตัดสายไปก่อนทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ

            "มีไรป้ะวะ" ไอ้ว่านเอ่ยถามหลังจากพวกมันหยุดเถียงกัน

            "กูลืมเปเปอร์วิจัย"

            "อ้าว"

            "เดี๋ยวต้นสนเอามาให้"

            มันสองคนรีบพยักหน้ารับแถมยังเปะปากใส่

            ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดูทุกสิบวินาทีเพราะกลัวว่าต้นสนจะมาไม่ทัน ระยะทางจากคอนโดมาคณะผมไม่ไกลก็จริง แต่ด้วยสภาพเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่นของต้นสนจะทำเวลาได้ดีสักเท่าไร

            เหลือเวลาอีกสิบนาที ผมเอาแต่มองถนนหน้าตึกคณะด้วยใจลุ้นระทึก ก่อนจะเห็นต้นสนในชุดลำลองท่าทางเหมือนยังไม่ตื่นเดินมา ผมลุกจากโต๊ะตั้งใจจะเดินไปหา แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

            "เหี้ย!" เสียงไอ้เจนอุทานดังลั่นพร้อมใจผมที่กระตุกวูบ  ขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะออกวิ่ง ได้ยินเสียงฝีเท้าของสองเพื่อนรักวิ่งตามมาติดๆ

            ต้นสนนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ริมฟุตบาท นักศึกษาคนอื่นเริ่มขยับเข้าใกล้เพื่อมุงดูเหตุการณ์ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัว และไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้น

            คนอะไรเอาแต่เดินก้มหน้าก้มตาจนสะดุดล้ม ล้มแบบฟุบลงกับพื้นในท่าหมอบกราบ นอนนิ่งอยู่แบบนั้นจนชักใจคอไม่ค่อยดี

            "ต้นสน" ผมวิ่งไปถึงตัวต้นสนเป็นคนแรก เขย่าตัวคนที่นอนอยู่เบาๆ โชคดีที่เจ้าตัวยอมเงยหน้าขึ้นมา ไม่อย่างนั้นผมได้หิ้วไปโรงพยาบาลเพราะคิดว่าหัวกระแทกพื้นสลบแล้วแน่ๆ

            ต้นสนเงยมองผมตาปรือ หน้าตาทั้งหม่นหมองทั้งงัวเงีย เรียกแล้วก็ยังไม่ยอมลุก ไม่รู้ว่าบาดเจ็บหนักตรงไหนหรือเปล่า

            "ลุกไหวมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

            ต้นสนส่ายหน้า ไม่รู้ว่าส่ายหน้าให้กับคำถามไหนกันแน่

            "ลุกขึ้นก่อน" ผมพยุงต้นสนให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ ช่วยปัดฝุ่นตามเนื้อตัวและสำรวจบาดแผล มีรอยถลอกที่ฝ่ามือกับหัวเข่าเล็กน้อย ดูไม่ร้ายแรงนักแต่น่าจะแสบเอาเรื่องอยู่ ทว่าคำพูดเหมือนกำลังละเมอที่หลุดออกมาจากปากเจ้าตัวทำเอาผมอยากจะอุ้มกลับคอนโดมันเสียตอนนี้

            "ง่วงนอน"

            อย่าบอกนะที่ล้มเมื่อกี้เพราะเดินแล้วหลับ

            "ง่วงมากเลย"

            "แล้วทำไมไม่นอนอยู่ห้อง"

            "ที่นอนเมื่อกี้ก็สบายดี"

            "อย่าบอกนะว่าที่ล้มเพราะหลับ"

            "อืม"

            ถ้าอยู่กันสองต่อสองในห้องผมคงลงโทษด้วยการหอบขึ้นเตียงแล้วกล่อมนอน แต่เพราะอยู่ในที่สาธารณะเลยทำได้เพียงถอนหายใจอย่างปลงๆ ไหนจะเสียงกลั้นขำของไอ้สองเพื่อนรักอีก ถ้าผมไม่เกรงใจว่าเป็นแฟนก็จะขำบ้างเหมือนกัน คนบ้าอะไรสะดุดล้มแล้วหลับ

            "ลุกได้แล้ว" นั่งนานไปกลัวว่าจะหลับอีกรอบ ผมฉุดแขนต้นสนให้ลุกขึ้นพาเดินไปนั่งด้วยกัน กลุ่มนักศึกษาที่มุงดูก่อนหน้านี้ได้สลายตัวไปแล้วเรียบร้อย หวังว่าคงไม่เอาไปเม้าท์จนกลายเป็นข่าวตลกขบขันกันหรอกนะ

            กระเป๋าของต้นสนที่กระเด็นไปตอนเจ้าตัวล้มไอ้ว่านใจดีเก็บมาให้ เมื่อแน่ใจแล้วว่าต้นสนไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงมันสองคนเลยขอตัวขึ้นไปรอบนห้องเลคเชอร์ ทีนี้ก็เหลือแค่ผมกับคนที่ยังทำหน้าสะลึมสะลือไม่เลิก

            "เดินกลับไหวมั้ยเนี่ย"

            "ไหวดิ" ตอบคำถามได้ขัดกับสีหน้าขนาดนี้ผมควรเชื่อดีไหม

            "แล้วขับรถมายังไง สภาพเป็นแบบนี้เดี๋ยวก็ได้หลับในชนข้างทางตายพอดี"

            "ทำไมแช่งอ่ะ"

            "ไม่ได้แช่ง"

            "บ่นอะ"

            "มันน่าบ่นมั้ยเล่า"

            ต้นสนไม่ตอบ ใช้วิธีงอแงเข้าสู้ด้วยการเอนหัวมาซบไหล่ผม แต่ตอนนี้มันใช้ไม่ได้ผลหรอก

            "ไม่ต้องมาอ้อน" ผมผลักหัวต้นสนออก เจ้าตัวหันมองแล้วทำหน้ายุ่งใส่ ถ้าไม่ติดว่าคาบนี้ต้องเข้าเรียนนะผมจะรีบอุ้มกลับคอนโดเลย

            เวลาตอนนี้เหลือไม่มาก มองสภาพคนตรงหน้าแล้วรู้สึกอนาถใจ ทั้งที่อาทิตย์ที่แล้วยังดูสดใสอยู่แท้ๆ กลับบ้านไปสองวันกลายสภาพเป็นซอมบี้ไปเสียอย่างนั้น

            ผมช่วยจัดทรงผมชี้โด่เด่ไม่เป็นทรงให้เข้าที่ จัดเสื้อผ้าปัดเศษฝุ่นตามเนื้อตัวที่ยังตกค้าง ถ้ามีเวลาเหลือมากกว่านี้อีกสักนิดคงดี จะได้พาไปทำแผลที่เจ้าตัวขยันหามาทำลายความงามของผิวขาวๆ นี่เหลือเกิน

            "ไปเรียนแล้วนะ เดินกลับระวังด้วย ถึงห้องก็ทำแผลก่อน เข้าใจมั้ย"

            "สั่งอะ"

            "เข้าใจมั้ย"

            "เข้าใจแล้วครับ"

            ได้รับคำตอบที่น่าพอใจผมก็เปิดกระเป๋าหยิบงานที่ต้นสนอุตส่าห์เสียสละเวลานอนเอามาให้ ก่อนไปอดไม่ได้ต้องมองคาดโทษไว้อีกครั้ง แต่เจ้าตัวกลับยิ้มกว้างแล้วโบกมือลา

            มันก็เป็นซะแบบนี้ ชอบทำตัวแบบนี้ แล้วจะให้เลิกห่วงได้ยังไง

 

TBC

 

ตอนนี้มาแบบสั้นๆ เหมือนพักคั่นเวลา ทีแรกเราตั้งใจจะฉากนี้ไว้เป็นตอนพิเศษค่ะ

แต่ถ้าทำแบบนั้นรู้สึกว่าเรื่องมันจะเร็วเกินไปเลยเอามาแทรกตรงนี้แล้วแปะเนื้อหาเพิ่มอีกนิดแทน

แล้วก็มาถึงช่วงเฉลยชื่อจริงของต้นสน มีคนตอบถูกด้วย เย้ๆๆๆ ปรบมือ(แปะๆๆ)

คำตอบก็คือ......สรัล ค่า

สรัลแปลว่าต้นสน ตรงตัวเลย แต่จริงๆ เราได้ชื่อจริงมาก่อนค่ะ อยากได้ชื่อที่มีความหมายว่าซื่อตรง

แล้วสรัลก็แปลว่าต้นสนพอดีด้วย ก็เลยเอามาเป็นชื่อเล่นซะเลย

ใครตอบถูกยกต้นสนให้ไปนอนกอดหนึ่งคืนค่ะ เก่งมากๆ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน พูดคุย และเล่นสนุกกับเรานะคะ เจอกันตอนหน้าค่า


ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โถ่ ต้นสน น่าเอ็นดู 5555555

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตลกต้นสนลงไปนอนตรงฟุตบาทก็ได้เหรอลูกกก  :laugh:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ต้นสนนนน   ฟุตบาทมันนอนไม่ด้ายยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด