สามคืนที่ผมต้องนอนห้องคุณเต้ย
นอนจนผมคุ้นเคยกับห้องนี้ นอนจนเคยคุ้นกับเจ้าของห้อง
และคืนนี้คือคืนสุดท้ายที่ผมจะอยูห้องนี้
พรุ่งนี้ผมต้องไปรับพ่ออกจากโรงพยาบาลตอนสายๆ
"พรุ่งนี้กูไปรับพ่อมึงด้วยนะ"
"ผมไม่อยากรบกวนคุณมากไปกว่านี้แล้วครับ แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงแล้ว"
"แต่กูเต็มใจไง....กี่โมงอ่ะ"
"แล้วคุณไม่ไปเรียนเหรอ?"
"ถึงไม่เข้าเรียน กูก็อ่านหนังสืออยู่นี่ไง วันจันทร์มีควิซ" มันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ ส่วนผมนอนเล่นอยู่บนเตียง
"งั้นพรุ่งนี้คุณยิ่งต้องเข้าเรียนเลยครับ เดี๋ยวเรื่องพ่อผมจัดการเอง"
"ตามใจ...เออ เมื่อวานไอ้นีนโทรหากูด้วย แต่กลับถามถึงแต่มึง" ถามถึงผมทำไม แต่ก็น่าจะเป็นคำสั่งจากใครซักคน
"ถามไรบ้างละครับ" ผมลุกขึ้นนั่ง เพราะนอนเฉยๆนานๆมันก็โคตรจะเบื่อ
"มึงเป็นไงบ้าง สบายดีไหม ลำบากรึเปล่า กินข้าวอิ่มไหม ถามมากจนกูตัดสายอ่ะ รำคาญ" เสียงมันบ่งบอกว่ารำคาญจริงๆ
บทสนทนาของเราจบแค่ตรงนั้น
เพราะมันหันกลับไปตั้งใจอ่านหนังสือ
ส่วนผมก็ล้มตัวนอนลงอีกครั้ง นอนคิดไรไปเรื่อยเปื่อย
แปลกดีครับ คืนนี้ผมนอนไม่หลับเลย
ว่าแต่ผมมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่นอนมองผู้ชายจากข้างหลังของเขามาเป็นชั่วโมงๆ
"นอนไม่หลับเหรอ" จู่ๆ มันก็หันมา ผมก็แกล้งหลับไม่ทันดิ เลยได้แต่พยักหน้าหงักๆให้มัน
"งั้นเราหาไรทำให้หลับสบายกันดีกว่า"
"นี่คุณ! คิดทะลึ่งกับผมตลอดเลยรึไง" ผมเผลอขึ้นเสียงกับมัน คนมันลืมตัวนิ
"ชวนกินเหล้านี่มันทะลึ่งตรงไหนวะ" มันตอบกลับมาแบบงงๆ ว่ามันพูดผิดตรงไหน
"ก็ทะลึ่ง.......ทะลึ่งที่ชวนคนป่วยดื่มเหล้าไงครับ" ว้ายยยยยยยย หน้าแตก!!!!
"ก็ไหนมึงบอกว่าหายดีแล้วไง" เออ จริง
"ก็...."
"แดกไม่แดก"
"ซักหน่อยก็ได้ครับ" ยังไงผมก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว อีกอย่างไม่ได้แตะเหล้ามานานจนเกือบจะลืมรสชาติมันไปละ
ถ้ามันได้ตกถึงท้องผมซักหน่อย ชีวิตผมคงมีความซ่านขึ้นมาบ้าง
คนเรารู้ดีว่าไม่ว่าจะทำอย่างไรสิ่งที่รบกวนใจมันหายไปไหนไม่ได้หรอก แต่ขอแค่ซักช่วงเวลาที่เราพอจะลืมมันไปได้บ้าง
และตอนนี้ผมก็กำลังต้องการลืม
"เหล้าหมด....มีแต่เบียร์" มันหอบมาสี่ห้ากระป๋อง
"ยังไงก็ได้ครับ" ผมไม่ติดอยู่แล้ว
"ลุกมาแดกที่โต๊ะนี่ กูไม่ทำอย่างอื่นบนเตียง" ผมรีบลุกจากเตียงในทันที แม่ง พูดให้คิดตลอดเลย
จากคนละกระป๋อง เพิ่มเป็นคนละ สาม สี่ ห้า จนตอนนี้มันบอกเกลี้ยงตู้เย็นละ
ที่ถือกันอยู่คนละป๋องนี่ก็สุดท้ายแล้ว
แต่แค่นี้เลือดในตัวก็อุ่นพอล้วครับ รู้สึกว่ามันจะสูบฉีดมั่วซั่วไปหมด หรือเพราะอย่างอื่นผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
"หน้ามึงแดงแล้วหล่อวะ" คนอย่างผมห่างไกลกับคำว่าน่ารักมากครับ คนละโลกเลยละ
"เมาแล้วอย่ารุ่มร่ามครับ" ผมปัดมือมันออกที่กำลังจะเอามาแตะที่หน้าผม
"เบียร์แค่นี้ไม่มากพอที่จะสะกิดหลอดลมกูหรอก"
"แล้วมาจับหน้าผม จ้องหน้าผมแบบนี้ทำไม" แม่ง นั่งก็ใกล้กันแค่นี้ ยังจะมาจ้องอีก
ผมขยับเก้าอี้ห่างจากมันหน่อย เพราะเริ่มร้อนๆ
"รู้ไว้เหอะ ถึงไม่เมากูก็อยากจับมึง"
"ทะลึ่งอีกละคุณ"
"เอ้า ก็มึงเป็นคนถามกูเอง ขยับมาดิ...กูไม่แตะมึงแล้วก็ได้"
"แน่นะ?"
"อืม" ผมจึงขยับเก้ามานั่งที่เดิม
มันก็ทำตามสัญญานะ แต่แค่ครึ่งเดียว มันไม่รุ่มร่ามกับผมก็จริง แต่มันก็จ้องผมบ่อยมาก
บ่อยจนผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนมากกว่าปกติ
"คุณเต้ย?"
"หืม" มันวางกระป๋องเบียร์ แล้วนอนแนบหน้ากับโต๊ะแหงนมาทางผม ตาปรือๆ เหมือนจะง่วงแล้ว
"คุณชอบผมจริงๆเหรอ?" ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงถามไปแบบนั้น และไม่รู้ว่าคาดหวังคำตอบแบบไหนจากคนตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้เสียใจที่ถามออกไป ปากกับสมองทำงานพร้อมกันมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ
"ถามแบบนี้อยากเสียตัวเหรอมึง?"
"คุณเต้ย"
"ก็ชอบไง...มึงแปลก ไม่เหมือนใครดี"
"ชอบโดยทั้งที่คุณไม่รู้อะไรเกียวกับผมเลยนี่นะ"
"ชอบก่อน แล้วค่อยมารู้ทีหลังก็ยังทันนิ"
"แต่อย่างหนึ่งที่คุณรู้มาตลอด คือ ผมมีแฟนแล้ว"
"ก็จำได้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจไง" นี่มึงกวนอยู่ใช่มั๊ย
"อ่อ" ด้านเนาะ ผมพยักหน้ารับรู้
ส่วนมันได้แต่ยิ้มกริ่ม ยิ้มเหมือนเด็กที่กำลังเจอของเล่นที่ถูกใจ ตาเป็นประกาย แต่แอบแฝงความขี้โกงไว้ด้วยเพราะไม่อยากแบ่งของเล่นที่ตัวเองชอบกับใคร นี่แหละครับคุณเต้ยตัวจริง สนใจเฉพาะสิ่งที่ตัวเองสนใจเท่านั้น
"แล้วคุณพศิน สนใจคุณเต้ยคนนี้บ้างยัง"
"อย่าพูดแบบนี้เลยคุณ ผมขนลุก"
"เอาใหม่ งั้นมึงสนใจกูบ้างยัง?"
"แล้วคุณคิดว่าไง?"
"ใจมึง กูจะไปรู้ได้ไง ส่วนใจกู ก็บอกมึงไปหมดแล้ว" เช้ดดดดดดดดดดดด คมไปไหน
"ผมยังยืนยันคำเดิมครับ ผมรู้สึกดีกับคุณ"
"รู้สึกดีมากพอ....พอที่จะ...."
"พอ?"
"พูดไปเดี๋ยวมึงก็หาว่ากูทะลึ่งอีก"
"นี่คุณกำลังคิดทะลึ่งกับผมจริงด้วย" ผมถอยเก้าอี้ห่างจากมันจนเกือบถึงเตียง
ไอ้นี่มันตัวกินพรมจรรย์ชัดๆ ถึงผมจะไม่มีพรมจรรย์แล้วก็เหอะ
"แม่ง อยู่ใกล้กับคนที่ตัวเองชอบ แล้วไม่คิดอะไร นั่นแหละกูว่าผิดปกติ" ก็จริงของมัน
แค่คนอื่นไม่แสดงชัดเจนเหมือนกับมันเท่านั้นเอง
เรานั่งดื่มกันต่อีกซักพัก
จนล่วงเลยมาถึงตีหนึ่ง
ตาผมจึงเริ่มรู้สึกว่าหนัก
"ผมนอนละ " ผมลุกขึ้นจะไปนอนที่เตียง
แต่ไอ้คุณเต้ยก็คว้าชายเสื้อผมไว้
"มีอะไรครับ?"
"รีบมีใจให้กูเร็วๆละ กูอ่อยจนง่อยจะแดกละเนี่ย"
"หึหึหึ....ไม่เป็นไรครับ คุณง่อยเมื่อไร เดี๋ยวผมอ่อยต่อเอง"
"คุณเต้ย" มันนอนหันหลังให้ผม
"หืม?"
"ถ้าผมชอบคุณจริงๆขึ้นมา...คุณจะ"
"กูคงมีความสุขมาก" ผมพูดไม่ทันจบ มันก็แทรกขึ้นมา "กูเชื่อในความรัก แต่กูไม่เคยเชื่อว่ามันจะเกิดกับกู จนถึงตอนนี้ "
"นอนเถอะครับ....ฝันดี"
"อืม กอดมึงได้ไหม?"
"อย่าเลยครับ เดี๋ยวคุณก็คิดทะลึ่งกับผมอีก"
"ถึงไม่กอด กูก็คิดทะลึ่งกับมึงอยู่นี่ไง"
"เชี่ย!" ผมเผลอถีบมันจนเกือบตกเตียง ไม่ได้โกรธนะครับ แค่ตกใจกับคำพูดที่โคตรจะตรงของมัน
มันหันควับทันที
"คุณทำผมตกใจเองนะ"
"งั้นรอมึงหลับก่อน แล้วกูค่อยกอดก็ได้" แทนที่จะสำนึก
ผมไม่อยากเถียงกับมันต่อ ขยับตัวออกมาจนชิดขอบเตียงอีกด้าน
แม่ง อะไรรัดตัวกูวะเนี่ย
"คุณเต้ย เอาแขน เอาขาคุณออกไปเลย" สรุปนี่พอผมหลับมันกอดผมจริงใช่ไหมเนี่ย เชื่อเขาเลย
"ตัวมึงแข็งๆดี กอดหน่อย" มันซุกหน้าซุกหัวแบบหลับๆมาที่คอผม
"คุณเต้ยยยย" ผมก็พยายามดันหน้ามันออก เพื่อนสนิมผมก็เป็นแบบนี้ เวลานอนกับมันทีไร โดนมันกอดตลอด
"ถ้าไม่ปล่อย ผมถีบตกเตียงเลยนะ"
"เชิญ..." เท่านั้นแหละครับ
โครม!!!
ผมนี่แหละเป็นฝ่ายตกเอง ลืมไปว่าตัวเองนอนชิดขอบมาก ขยับตัวมากไปหน่อย ตกเองเลย
คุณเต้ยมาส่งผมที่ห้อง
บอกให้กลับไปเรียน ก็บอกว่าให้เพื่อนเลคเชอร์ให้แล้ว มันฉลาด ไอคิว180 อ่านแป๊บเดียวก็เข้าใจหมดแล้ว
ผมค้นกระเป๋าสะพายใบเล็ก หยิบโทรศัพท์อีกเครื่องขึ้นมา
แบตกำลังจะหมดพอดี
เลยหาที่ชาร์ต ต้องซ่อนคุณเต้ยหน่อย
"ทำไร" มันออกมาจากห้องน้ำพอดี
"เก็บของครับ" ผมซ่อนโทรศัพท์ไว้ในหนังสือทัน
"ไปอาบน้ำดิ เดี๋ยวไปรับพ่อตากูที่โรงพยาบาลอีก"
"ไม่ขำครับ"
"เรื่องของมึง"
แม่!!!!
ผมรีบยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเข้าห้องน้ำเลย
ผมมองโทรศัพท์ด้วยใจที่เต้นแรงมาก
แม่ไม่เคยโทรมาเลยในหลายเดือนนี้
"ครับแม่"
"ศิน....ฝ้ายหายตัวไป!!"
".............................................." โลกผมหยุดหมุนไปทันที
"ฝ้ายหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน....ศินรีบไปที่โรงพยาบนะลูก เผื่อ..."
"ครับ!!" ผทรีบตัดสายแม่และพุ่งตัวออกจากห้องน้ำทันที
"ไปโรงพยาบาลครับ"
"อาบน้ำเส...."
"กูบอกให้ไปไง!!!!!!!!!!!!!"
มันอึ้งไนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินนำออกไปแทบจะทันที ส่วนผมเก็บกระเป๋านิดหน่อยก็ตามออกไป
มาถึงโรงพยาบาลวันนี้ผมไม่ทักทายพี่พยาบาล
รีบพาตัวเองมายังห้องพักพ่อ
"พ่อเป็นอะไรเหรอ?"
มันถาม แต่ผมไม่มีอะไรจะตอบได้แต่วิ่ง จนมาหยุดที่หน้าห้อง
ผมสูดลมหายใจลึก
ใจหนึ่งผมก็อยากให้เธออยู่ในห้องนี้ เพราะนั่นหมายความว่าเธอปลอดภัยดี
แต่ถ้าเธออยู่ ผมจะทำยังไง
นำหนักมือหนักๆ กดที่บ่าผม พร้อมกับใบหน้าที่พยักหน้าให้ผมเบาๆ
ผมกำลังจับลูกบิดประตู
มือที่วางบนบ่าเมื่อกี้ เลื่อนมาจับที่ข้อมือผมไว้หลวมๆ
ผมมองหน้ามันนิดหนึ่ง
แล้วก็ตัดสินใจเปิดประตู
"พศิน"
"ฝ้าย"
แล้วน้ำหนักตัวของอีกคนก็โผเข้าหาผมแรงมากจนตัวผมเซ แรงมากจนมืออีกคนหลุดจากข้อมือผม
ฝ้าย!!!!!!!
"ฝ้ายคิดถึงพศินที่สุดเลยคะ"
มาแล้วครับ
หายไปสองสัปดาห์