ห้องแคบลงเหรอไงวะ
ทำไมมันถึงอัดอัดขนาดนี้
แค่จะขยับตัวหรือเอี้ยวตัวซักหน่อย ยังลำบากเลย
แล้วถ้าเผลอพูดอะไรออกไป คนตรงหน้าจะตะปบหัวผมเหรอเปล่าวะ
"ใจเย็นกันนะ" หน่วยกล้าตายมาแล้วครับ เดี๋ยวมึงได้ตายสมใจแน่
"อย่าเสือก กูจะคุยกับเพื่อนกู!" ได้ตายสมใจไหมครับคุณนีน
"ก็ไม่เห็นจะคุยไรกันนิ เงียบมาตั้งนานละ" นั่นๆ กล้ามาก แต่เสียงเบาไปไหมครับ
"ถ้ามึงยังไม่หยุดปาก กูเตะออกข้างนอกนะ" เท่านั้นแหละครับ คุณนีนเก็บปากแบบสนิทมาก
จนผมรู้สึกสงสาร
แต่ก็ช่วยไรไม่ได้ เพราะลำพังตัวเองก็ไม่รู็จะเอาตัวรอดยังไงแล้ว
แม่ง ดุอย่างกับหมีป่าตกมัน
"กูขอโทษ" เมื่อทนกับความเงียบและกดดันไม่ไหว ผมเลยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะคนที่กำลังเล่นสงครามประสาทกับผมมันชำนาญเรื่องนี้มาก นิ่งพร้อมเชื่อด
"..................."
"กูรู้ว่ากูผิด ที่หายมาแบบนี้"
"................."
"ขอโทษที่ไม่ติดต่อไปเลย"
"................"
''แต่กูมีความจำเป็นจริงๆนะเว่ย" ผมไม่รู้ว่าคุณนีนรู้เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ผมก็ต้องปล่อยผ่านไปก่อน เพราะตอนนี้คนที่นั่งจ้องหน้านิ่งสำคัญที่สุด
".............."
"ขอโทษเว่ย"
"มึงมันเหี้ย!!!!!!!พลั่กๆๆๆ" ล้มตั้งนั่งเลยกู
"อย่าเสือก" คุณนีนหยุดทันที ราวกับมีระบบรีโมทฝังอยู่ที่ขา
ผมลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมปาก
อีกเดี๋ยวอาการมันคงดีขึ้น เพราะไอ้นี่ พอเห็นเลือดแล้ว พลังล้างผลาญในตัวจะลดลง
"คุณนีนครับ ผมรบกวนขอคุยกับ..."
"กูเข้าใจ งั้นกูไปรอข้างนอกนะ คุยกันดีดีละ" ผมพยักหน้ารับ แต่อีกคนยั่งนิ่ง
"ใจเย็นลงยังมึง?"
"เพื่อนหายหัวไปเกือบปี ติดต่อไม่ได้ ถามใครก็ไม่มีใครรู้ มึงคิดว่ากูจะเย็นลงได้มั๊ย" เสียเข้มมาเต็ม
"คุณนีนรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน?"
"กูไม่ได้บอกอะไร แค่บังคับมันให้พามาหามึง"
"แล้วเขาก็เชื่อมึงเนียนะ"
"มันก็คงสงสัยแหละ แต่ไม่อยากถาม......แล้วนี่ถ้ากูไม่เจอมึงวันนี้ มึงจะหลบไปอีกนานแค่ไหน"
"ไม่รู้วะ...แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูรู้จักกับคุณนีน"
"กูไปเที่ยวร้านมัน"
"แล้วมึงไม่รู้เหรอว่าคุณนีนสนใจมึง?"
"ก็รู้ไง กูถึงใช้ประโยชน์จนมาพบมึงนี่แหละ"
"เชี่ยเซ็น มึงโคตรเหี้ยวะ! มึงหลอกใช้คุณนีนนี่หว่าแบบนี้"
"มันใช่เรื่องที่กูต้องมาคุยกับมึงวันนี้ป่ะ?" โดน!!!!
"รู้แล้วน่า ..... นี่แหละไม่กี่วันกูก็จะกลับไปแล้ว ช่วงที่ผ่านมามีอะไรเข้ามาในีวิตกูเยอะแยะไปหมด จนกูเกือบตั้งรับไม่ทัน"
"ก็เหี้ยรับอยู่คนเดียว ถ้ามึงบอกพวกกูที่มึงบอกว่าเพื่อนอ่ะ มึงต้องรับทั้งหมดคนเดียวป่ะวะ" นี่อารมณ์งอนครับ
"กูสร้างเรื่องขึ้นมาเอง กูก็แค่อยากแก้ปัญหาด้วยตัวเอง"
"แก้ด้วยวิธีเหี้ยๆ โง่ๆแบบี้อ่ะนะ ดรอปเรียน ออกจากบ้าน ขาดการติดต่อ กูคิดว่ามึงจะมีสมองมากกว่านี้ซะอีกวะ"
ผมไม่โกรธไอ้เซ็นเลยครับ
เพราะผมรู้มันรักผมมาก
เรารู้จักกัน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่จำความได้
เรียนห้องเดียวกันมาตลอด จนถึงวันที่ผมดรอป
พวกเราบอกกันเสมอ ไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ข้างๆเราจะมีกันและกัน
แต่ผมเลือกที่จะทำลายสัญญานั้น โดยการทิ้งมันมา
"มึงรู้ไหมว่ากูห่วงมึงมากแค่ไหน โทรหาเพื่อนทุกคนเผื่อพบมึงบ้าง ไปหามึงที่บ้านแม่ก็บอกว่ามึงขอใช้เวลาส่วนตัวซักระยะ
จนกูรับรู้ว่ามึงดรอปเรียนเอาไว้ กูตั้งใจว่าดรอปตามมึงด้วย แต่ไอ้เลกับไอ้บีนห้ามกูไว้"
"เชี่ยเซ็น มึงไม่ต้องทำเพื่อกูขนาดนั้น" รู้สึกผิดโคตรๆ
"กูโง่เองแหละ ที่มีเพื่อนควายๆแบบมึง......กูโคตรคิดถึงมึงเลยวะ" มันโผเข้ากอดผมจนล้มตึงไปกับพื้นทั้งสองคน
จริงๆไอ้นี้มันน่ารักมากครับ ในสายตาผมนนะครับ ยกเว้นเวลามันโกรธเท่านั้นแหละ ลงเต็มมาก แต่ในสายตาหรือความคิดของคนอื่น ไอ้เซ็นโคตรโหด โคตรเหี้ย โคตรดิบอ่ะ
"กูก็คิดถึงมึง....แต่ตอนนี้ลุกก่อน เดี๋ยวคุณนีนเข้าใจผิด"
"กูต้องเขินมั๊ย?" มันพูดพลางลุกจากตัวผม
"ก็แล้วแต่มึง"
"เรื่องของฝ้าย มึงเลิกคิดมากได้แล้ว เขาปลอดภัยดีแล้วตอนนี้"
"เขาฟื้น แต่ความระยำเหี้ยๆของกูใช่จะหายไปนี่หว่า"
"คนเราพลาดกันได้เปล่าวะ?" คำพูดนี้ทำให้ผมคิดถึงใครอีกคน ที่เพิ่งวางสายไปเมื่อไม่นาน
"แต่มันคงแผลเป็นในใจกูไปตลอดชีวิตเลยวะ"
"แผลเป็นมันทิ้งไว้แค่ร่องรอย แต่มันจะไม่ทำให้เราเจ็บอีก เชื่อกู"
มันเข้ากอดคอผมอีกครั้ง.....เพื่อนไม่เคยหายกันไปไหน
"ผลั่กกกกก" เช้ด
ประตูเปิดผ่างออก พร้อมกับคนที่ยืนค้างนิ่งตรงประตู
ไอ้เซ็นผละออกจากผมแล้วหันไปดูบ้าง
"ใครอ่ะมึง?" มันหันมาถามผมเบาๆ
"เพื่อนคุณนีน"
"เพื่อนมัน แล้วมาหามึงทำไม?"
"กูต้องขอโทษที่ขัดจังหวะมึงอีกแล้วไหม?"
"ไม่ต้องครับ เพราะคุณไม่ได้ขัดจังหวะอะไรลย"
"ถ้ากูไม่มา ป่านนี้มึงคงสุขกว่านี้...ปัง"
"คุณเต้ย!!!! แม่งเอ๊ย" ผมรีบวิ่งตามออกไป
แต่ก็เห็นแค่หลังรถไวๆพร้อมกับเสียงรถที่ยังสะท้อนไปมา
"ใคร?" ผมเดินกลับเข้าไปในห้องไอ้เซ็นก็ถามทันที
"คุณเต้ย เพื่อนคุณนีน"
"เพื่อนไอ้นีน แล้วมามีธุระอะไรกับมึงถึงต้องมาหากันถึงห้องขนาดนั้น"
"เพื่อนกูด้วยมั้ง" บอกแล้วสถานะผมกับมันก้ำกึ่งเสมอ
"แล้วทำไมต้องเรียกสองคนนั้นว่าคุณด้วย"
"กูไปเป็นยามของคอนโดคุณเต้ยอ่ะ"
"ห๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!มึงนี่นะไปเป็นยาม ควายเผือกออกลูกเป็นหมูป่ายังน่าเชื่อกว่าเลย"
"เออ กูไปทำมาตั้งหลายเดือนละ ก็สนุกดีนะเว่ย ได้ลองอะไรใหม่ๆ"
"มึงคือไอ้พศินคนเดิมจริงป่ะวะ "
"อาจจะไม่ใช่แล้ววะ" ผมทิ้งทายไว้แค่นั้น
"แต่มึงยังเป็นเพื่อกูใช่ไหม?"
"จนวันตาย.....แล้วว่าแต่เรื่องมึงกับคุณนีนตกลงเอาไง"
"ก็คงเลิก กูบรรลุจุดประสงค์แล้วนี่หว่า จะเก็บไว้ทำซากอะไรละ"
"แต่คุณนีนเขาชอบมึงจริงๆนะเว่ย เขามาปรึกษากูตั้งหลายรอบว่าจะจีบมึงไงดี"
"แล้วมึงก็สนับสนุน ให้คำปรึกษาให้มันจีบกู สนับสนุนให้กูมีผัวเนี่ยนะ"
"ก็ตอนแรก ไม่รู้ว่าเป็นมึงนี่หว่า พอรู้กูก็สงสารคุณนีนไปแล้วนี่หว่า เลยปล่อยเลยตามเลย...."
"แล้วกูต้องชอบทุกคนที่มาชอบกูเหรอ....ถ้างั้นผู้หญิงครึ่งเมืองนี้คงเป็นเมียกูไปหมดละ"
"มันไม่เหมือนกันเว่ย คนที่ชอบเรากับคนที่ชอบเราที่เป็นเรา มีคนเคยบอกกูว่า ถ้าเรารู้ว่าอีกคนรู้สึกดีๆกับเรา เราจะรู้สึกดีตอบด้วยไม่มากก็น้อย"
"มึงไม่ใช่ไอ้ศินจริงๆด้วย" ผมรู้กับหน้าตาและน้ำเสียงของเพื่อน เพราะเมื่อก่อนผมคือตัวเหี้ยเคลื่อนที่ไงครับ
"แล้วว่าแต่คุณนีนหายไปไหน?"
"จะรู้กับมันไหมละ ก็อย้ด้วยกันในห้องนี่ละ.................อยู่ไหน อืมๆๆๆ.....................เสร็จแล้ว.................มารับเลยก็ได้..................ไม่กิน..................อืมๆ" แล้วมันก็วางสาย นี่คืออาการของคนไม่สนใจกันใช่มั๊ยครับ
"มึงห้ามบอกแม่กูนะเว่ย ไอ้สองตัวนั่นด้วย ว่ากูอยู่นี่ ไม่นานกูจะกลับไปเอง"
"เบอร์มึง"
ผมเลือกที่จะให้เบอร์เครื่องเกมส์งูไป เพราะอีกเครื่องเฉพาะสายสำคัญจากแม่เท่านั้น
คุณนีนมองผมกับไอ้เซ็นแบบงงๆ
แต่ก็ไม่ถาม คงกลัวไอ้เซ็นงับหัวเอา
"คุณนีนครับ" ผมเรียกเขาไว้ก่อนที่จะขึ้นรถ ส่วนไอ้เพื่อนตัวน่ารักของผมขึ้นไปตากแอร์บนรถละ มันบ่นร้อนโคตร มันยังสงสัยเลยว่าผมอยู่ได้ไง..... คนเราต้องรู็จักเรียนรู้และปรับตัวครับ
"ว่าไงมึง?"
"ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรทั้งนั้น"
"กูเชื่อ ถึงกูจะไม่รู้เชี่ยอะไรซักอย่าง"
"อีกอย่างผมอยากขอให้คุณนีนอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณเต้ย" เพราะผมหวังจะจากไปอย่างงียบๆ
ผมมาอย่างเงียบๆแล้วจะไปอย่างเงียบๆ
ผมไม่พาใครมา แล้วผมก็จะไม่พาใครไปเหมือนกัน
"อืม กูรับปาก"
"ขอบคุณครับ"
ผมไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล
หมอบอกว่าพ่อคงต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกสัปดาห์จากกำหนดเดิมที่จะออกคือวันมะรืน
เพราะพ่อไม่ยอมกินไอร อาการเลยทรุด ต้องอยู่ให้น้ำเกลือและรอดูภาวะแทรกซ้อนรวมทั้งสภาพจิตใจของ หรือไม่อาจต้องไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการบำบัด
แต่อาการโดยรวมก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก
ผมเลยเบาใจไปได้เปราะหนึ่ง
อีกเปราะคือ ผมยืดเวลาที่จะต้องพาพ่อกลับบ้านซึ่งผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง เราจะอยู่กันยังไง
ผมไปทำงานก่อนเวลานาเหมือนกัน
เพราะตอนแรกกะไปอยู๋เป้าพ่อที่โรงพยาบาล แต่หมอบอกว่าอยากให้พ่อพักผ่อน
ผมไม่มีที่ไปเลยรีบมาคอนโดเลย
มาสนทนาปัญหาร้อบแปดกับลุงพัน
"ป้าบ่นคิดถึงเอ็งนะ ไปหาเขาบ้างสิ"
"ไปไงอ่ะลุง พอผมว่างลุงก็มาทำงาน พอลุงทำงานผมก็ว่าง คงต้องรอวันหยุดแหละครับ"
"อ้อ จริงเว่ย....งั้นไอ้หนุ่ม ลุงขอถามหน่อย เอ็งหล่อขนาดนี้ ไม่มีแฟนบ้างเหรอวะ"
"ไม่..." ผมเปลี่ยนใจ "มีครับ"
"ผู้หญิงหรือผู้ชาย?"
"ผู้หญิงดิลุง"
"อ้อ งั้นป้ามันคงเข้าใจผิดไปเอง"
"ยังไงครับ"
"ก็ป้ามันบอกว่าคุณเต้ยนะชอบเอ็ง"
"บ้าแล้วลุง เขาจะมาชอบผมทำไม?"
"ป้าบอกว่าสายตาของคุณเต้ยที่มองเอ็งเหมือนสายตาลุงเวลาที่ใช้มองเขานะ"
"ไม่ใช่ครับ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว"
"แล้วเอ็งละ คิดไรกับคุณเต้ยเหรอเปล่า?"
"เปล่าครับ...เพื่อนกัน" ผมตอบอย่างมั่นใจ
สองทุ่มคนเดินเข้าออกกันหนาตา เวลาออกหาไรกิน
ส่วนผมต้องรอสามทุ่ม
ตั้งแต่เมื่อวาน ผมกับคุณเต้ยยังไม่ได้เจอและไม่ได้คุยกันเลย
ก็ดี เพราะถ้าเจอก็ไม่รู้จะพูดไรกันดี
แต่พระเจ้ามักไม่เข้าข้างชั่วๆอย่างผม
เพราะไอ้คุณเต้ยมันกำลังเดินผ่านเซฟเฮาส์ผม
โดยไม่แม้แต่ชายตามามอง
มันออกไปไม่นาน ก็เข้ามาแล้วก็ขับรถออกไปเลย..............รอเก็บศพ
เที่ยงคืน โทรศัพท์ผมดังขึ้น
คุณนีน
"ครับ"
"ไอ้ศิน มึงรีบมาด่วนเลย" เสียงคุณนีนร้อนรนเหนื่อยหอบ"พวกมึงจับดีดีดิวะ เดี๋ยวพวกมันก็พุ่งใส่กันอีกหรอก....ไอ้ศินรีบเลย กูห้ามจะไม่อยู่ละ....." แล้วสายก็ตัดไป
ลางสังหรณ์อันน้อยนิดกำลังบอกว่าเรื่องวุ่นๆกำลังรอผมอยู่
ผมนั่ง taxi มาลงที่หน้าร้านคุณนีน
เงินจ่ายไป ภาพมาม่าลอยมาตรงหน้ากูเลย
"หลังร้านเลยครับ" ผมเข้ามาในร้านปุ๊บ ก็มีพนักงานมาบอกผมทันที
หลังร้านคือออฟฟิศของคุณนีน
ผมเปิดประตูเข้าไป
เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!
สามคน หกลูกกะตามุ่งมาทางผม
คุณนีนดูจะมีสติที่สุดเลยเดินเข้ามาคุยกับผมเบาๆ
"สภาพอย่างที่เห็น เละ"
"เละครับ" คุณเต้ยปากแตก แก้มม่วง ไอ้เซ็น คิ้วแตก ปากเลือดซึม เสื้อผ้าหลุดลุ่ยกันทั้งคู่
"เอาไงดีมึง?"
"แยกย้ายครับ" ผมพูดยังไม่จบสนิท
ไอ้เซ็นก็เดินเข้ามากอดคอผม
"เจ็บอ่ะ เจ็บตรงนี้อ่ะศิน" มึงจะอ้อนจะอ่อยไรตรงนี้ครับเพื่อนเซ็น
"ไอ้เซ็น อย่าเล่น เกรงใจคุณนีน"
"กูต้องเกรงใจมึงเปล่า?" คุณนีนส่ายหน้าพรืด
สถานการณ์ผมควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
"มันบอกไม่ต้องเกรงใจ" เท่านั้นแหละครับคุณเซ็นจัดเต็มมาก หัวแปะแหมะลงกับไหล่ผม มือก็เขี่ยที่แขนผมเล่นไปมา
"มึงคงเลิกโง่ซะทีนะไอ้นีน กูเคยบอกมึงแล้วว่าหน้าอย่างนี้อ่ะ ตัวชั่ว"
"กูชั่วไง มึงพูดดิ" เซ้นขึ้นครับ เซ็นขึ้น ผมเลยจับหัวมันแปะแหมะลงที่เดิม
"ไอ้นีนกับไอ้ศินเป็นเพื่อนกัน แล้วมึงก็ยังมาอ่อยมันทั้งคู่ แบบนี้จะให้กูสรรเสริญมึงไหม"
"ต้องสิ เพราะกูเก่งไง...ไม่หล่อ ไม่เจ๋ง ทำไม่ได้นะครับ มึง"
"เซ็น พอได้แล้วมึง....คุณนีนครับ พาเซ็นออกไปก่อน เดี๋ยวผมจัดการคุณเต้ยเอง"
"คุณเต้ยเมาแล้ว กลับห้องกันเถอะครับ เด๊๋ยวผมขับรถให้"
"คราวที่แล้วก็ไอ้เด็กแคระ....ต่อมาก็ไอ้ในห้องน้ำนั่น คราวนี้ก็เด็กไอ้นีน...........ตกลงมึงเป็นคนยังไงกันแน่วะ"
".......................................................คุณเต้ยเมามากแล้ว กลับกันเหอะครับ"
"ตอบคำถามกูก่อนดิ"
"มันไม่อะไรทั้งนั้นแหละครับ"
"แล้วสิ่งที่กูเห็นละ?"
"ก็อย่างที่คุณเห็น แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด"
"มึงรู้ไหม ทำไมกูถึงสนใจมึง?"
"............"
"เพราะกูรู้ว่าจริงๆมึงมันก็เหี้ยพอๆกับกู"
"อาจจะจริงครับ"
"แล้วมึงรู้ว่าทำไมกูถึงเลิกกับแป้ง?"
".............."
"เพราะกูเหี้ยไง "
"งั้นผมก็คงเหี้ยพอๆกับคุณ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ"
มันเหมือนการปรับทุกข์
มันเหมือนการปลดปล่อย
มันเหมือนเราคุยเรื่องเดียวกัน
"เหี้ยจูบเหี้ยได้ไหม"
ผมไม่ตอบอะไร แต่เป็นฝ่ายดึงคอมันมาจูบซะเอง
'ถ้าเรารู้ว่าคนหนึ่งรู้สึกดีดีกับเรา เราจะรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาไม่มากก็น้อย' ทฤษฏีนี้ ผมพิสูจน์แแล้วครับ จริง!!!!!!!!!!