บทที่ 15: นมจืดกับคำขอโทษ [100%]
“กลับมาแล้วโว้ย” เสียงเพื่อนโหวกเหวกโวยวายยามเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของเพื่อนเดินกลับมา
“แหกปากทำซากอะไรไอ้สมชาติ” มาถึงก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ม้านั่ง
“ไปไหนมาจ๊ะ” ทำเสียงอุบาทว์แบบน่าถีบ
“เสือก!”
“พวกมึงเฮียให้เริ่มลงมือขั้นต่อไปของงานนิทรรศการได้แล้วนะเว้ย” เพื่อนที่กำลังเห็นว่าไอ้พวกเพื่อนสองตัวมันกำลังจะเปิดวอร์
กันเองเลยต้องรีบตัดบทขึ้นมาก่อน
หลังจากที่เหล่านักศึกษาส่งโปรเจ็คไปเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่รวบรวมไปตรวจงานให้เรียบร้อย และก็เรียกนักศึกษาเข้าไปคุย ต่อไปก็เป็นงานเตรียมตัวจัดนิทรรศการ แต่แน่นอนว่าคงไม่สามารถจัดโชว์รูปได้ทุกรูป แต่ละคนเลยได้เลือกสองรูปที่ดีที่สุดในผลงานเพื่อนำออกจัดโชว์
แม้ว่าพวกเขาได้ส่งงานไปสักพักแล้ว ตอนนี้ก็มีทั้งงานจัดนิทรรศการและงานอื่นๆที่ประเดประดังเข้ามาจนเหมือนสิงอยู่คณะมากกว่าบ้านหรือหอแล้ว
พอร่างสูงใหญ่นั่งลงบนเก้าอี้ม้านั่งเรียบร้อย ก็หยิบคอมพิวเตอร์ของตัวเองขึ้นมาเปิดทำงานของตัวเองต่อ มือคลำๆที่กระเป๋ากางเกงที่เมื่อกี้รับเงินมาจากนมจืดแล้วก็จิ๊ปากเบาๆ
บางครั้งกูก็อยากให้ไอ้นมมันเลิกเกรงใจคนอื่นสักที
ไม่รู้หรือไงวะ!
ว่า…
บางทีคนอื่นเขาก็ไม่ได้อยากได้เงินคืนนะเว้ยยยยยย!
ไปสมชาติ เอาหม้อมาต้มบนหัวกูได้เลยเว้ย ร้อนนนนนแรงงงงงดั่งไฟเย่ออออออ
ในละวันฟ้าฝนของประเทศไทยก็ไม่เคยปรานีใครหน้าไหนเหมือนกัน
วันดีคืนก็ร้อนอบอ้าว อยู่ๆฝนอยากจะตกก็ตกลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ
โว้ยยยย ไอ้ฝนนนน กูรู้ว่ามึงโตแล้ว แต่มึงจะอยากตกก็ตกแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย
เห็นใจกูบ้าง ชื้นถึงกางเกงใน ประเด็นคือกูยังไม่ได้ซักเลยนะ ทุกวันนี้คือต้องกลับคอนโดไปผึ่งแล้วก็ใส่ใหม่ เพราะมันแห้งไม่ทัน
“แมงกะไซมึงตายยังวะ” ไอ้สมชาตินั่งเหม่อมองเม็ดฝนที่สาดกระเซ็นมากระทบกันสาด
ทำเหม่อเหมือนหมามองเครื่องบินเลย
“ไม่ก็ใกล้เคียง” ร่างสูงใหญ่กำลังมองไปรถมอเตอร์ไซ์ที่เกือบเรียกได้ว่าซาก
ตอนแรกเห็นฝนไม่ตกเลยขี่มา ไม่น่าเลยกู ดอกยางของล้อรถแม่งเตียนหมดแล้ว ล้อที่เหมือนปลดประจำการไม่สามารถทำหน้าที่เกาะถนนได้อีกต่อไป
“ทำไมมึงไม่เอาอีกคันมาขับวะ” สมชาติไม่เข้าใจมากถึงมากที่สุด
ภายนอกไอ้พระเอกมันอาจจะเหมือนโจรโฉดทั้งหน้าตาและจิตใจ คนเรามันมองกันแค่ภายนอกไม่ได้นะ
“ไอ้พระรองมันเอาไปขับ”
“โว้ย กูรู้ว่ามึงมีมากกว่าหนึ่งคันนะเว้ย” สมชาติรู้ดี “ไหนจะดูคาติ ไหนจะนินจาอีก เวสป้าพ่อมึงอีกไม่รู้กี่คัน” นี่กูยังไม่ร่ายรถอื่นๆมาอีกนะ
แค่สองล้อนี่ก็ปาไปหลายตังแล้ว เห็นไหมบอกแล้วว่าดูถูกไม่ได้ ถึงแม้ว่ามันจะเอายางรัดแกงมัดบัตรเครดิตแพทตินัมของมันก็ตาม
“อยู่บ้านไง” พระเอกตอบเฉยชา ก็มันจอดอยู่ที่สุพรรณฯแล้วจะให้ไปเอายังไงวะ
“เออ ไปเอามาสักคันเถอะ” เห็นมันขี่แมงกะไซแบบนี้แล้วกูไม่รู้จะสงสารตรงไหนดี “แล้วไอ้พระรองมันเอาคันไหนไปขับวะ”
“สกูปี้ดูปีดู” แวร์ อาร์ ยู ด้วยไหมวะ
“สกูปี้ไอ?”
“เออ” นั่นแหละ
นัยน์ตาคมเพ่งมองไปท่ามกลางสายฝนเห็นร่างคนลางๆลมแรงจนเขาเห็นคนนั้นเกือบจะปลิวไปพร้อมกับร่ม เห็นร่มที่อีกฝ่ายกางมันกระพือไปอีกฝั่ง
พระเอกคงจะไม่อะไรเลยถ้าร่างที่เขาเห็นนั้นมันช่างคุ้นตาคุ้นใจเหลือเกินจนร่างกายตัดสินใจของมันเองโดยอัตโนมัติ
สมชาติตาโตเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของเพื่อนสนิทวิ่งฝ่าฝนลงออกจากใต้ตึกคณะไป เห็นมันฉุดกระชากกับใครบางคน จนพวกมันสองคนกลับเข้ามาใต้ตึกคณะนั่นแหละเขาถึงรู้ว่ามันไปลักพาตัวใครมา
“เฮ้ยมึง ไปลักพาตัวหนูนมจืดมาทำไม”
ร่างสูงใหญ่ดึงข้อมือของคนตัวเล็กเข้ามาด้านในมากขึ้น ร่างของทั้งสองเปียกมะล่อกมะแล่ก เสื้อขาวไฮเตอร์ของนมจืดเปียกชื้นจนแทบจะแนบไปร่างเล็ก เห็นเป็นรอยของเสื้อทับด้านใน ผมนุ่มลู่จนเรียบแปล้ เหมือนมินเนี่ยนตกน้ำ จะว่าตลกก็ตลก สงสารก็สงสาร ด้านร่างสูงใหญ่สภาพก็ไม่ค่อยต่างกันเพราะว่าเปียกโชกไม่แพ้กัน
“ไอ้เตี้ย! นี่มึงโง่หรือบ้ากันแน่” เสียงกัมปนาทเหมือนฟ้าผ่าทำเอานมจืดสะดุ้งโหยง เขยิบตัวหนีเกือบจะไปชิดสมชาติ
สมชาติอยากจะบอกหนูนมจืดเหลือเกินว่าอย่าเข้าใกล้ในขณะนี้เกินหนึ่งเมตร เขายังอยากมีชีวิตอยู่เป็นปาปารัซซี่เป็นเพื่อนกับไอ้เป้เสล่อเพื่อนร่วมคณะอยู่ ไม่อยากเป็นผีเฝ้าคณะตอนนี้ ดูหน้าพ่อมันก่อนนน
นัยน์ตาคมกริบมองร่างเล็กสูงเท่าหัวนมตัวเองกำลังสั่นงึกๆ ไปดึงนมจืดให้ไปนั่ง ร่มคันที่หักงอเพราะแรงลมเขาก็เป็นคนถือไปวางไว้ข้างๆ
“รอตรงนี้ก่อน”
นัยน์ตากลมโตหลังแว่นช้อนมองคนตัวสูงแล้วพยักหน้ารับ นมจืดกำลังจะกลับบ้านพอดี แต่ฝนอยู่ๆก็ดันตกโครมลงมา ดีว่าเขา
พกร่มพับเอาไว้ในกระเป๋าอยู่แล้ว แต่ว่าเหมือนว่ามันจะไม่แข็งแรงพอที่จะสู้กับลมแรงๆได้เลย ดีว่าพระเอกมาช่วยเอาไว้ทำให้เขาไม่ปลิวไปทั่งคนทั้งร่ม
พระเอกมองหน้าเพื่อนสมชาติเป็นเชิงว่าดูแลให้ดีก่อนจะก้าวขาฉับๆขึ้นตึกไป ที่ห้องสตูดิโอของเขาพอมีเสื้อผ้าบางตัวที่เอามาทิ้งๆไว้ที่คณะแล้วไม่ได้เอากลับ ความจริงก็ไม่รู้ว่ายังใส่ได้อยู่ไหมเพราะว่าวางทิ้งไว้หลายวันแล้ว
บนห้องสตูดิโอที่ยังมีคนอยู่บ้างตกใจกับสภาพของเพื่อนร่วมคณะ
“ไปทำเชี่ยไรมาเนี่ยมึง” ไอ้โอ๋ถาม
ร่างสูงใหญ่ยักไหล่แต่ไม่ตอบ บุ้ยปากให้เพื่อนหลีกทางก่อนจะเดินไปที่โต๊ะประจำของตัวเอง มีเสื้อฮู้ดสีเทาตัวใหญ่กับเสื้อยืดสองตัวพาดๆอยู่ เขาตัดสินใจหยิบมาหมดเลย
พอเพื่อนตัวใหญ่จากไปทุกคนก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ สภาพมันเหมือนไปฟัดกับปลาปิรันย่ามา แถมยังทิ้งรอยคราบเปื้อนเป็นหย่อมๆเอาไว้ที่พื้นอีกด้วย
เฮ้ย! กลับมาเช็ดก่อนสิเว้ยไอ้พระ!!
นมจืดนั่งกอดกระเป๋าย่ามชื้นๆของตัวเอง เริ่มจะหนาวๆเพราะว่าตัวเปียก มีสมชาตินั่งเป็นเพื่อน
ร่างสูงใหญ่เดินดุ่มๆลงจากบันไดมาพร้อมเสื้อผ้า มาถึงก็จัดแจงเอาเสื้อยืดยื่นให้คนตัวเล็กกว่า นัยน์ตากลมโตกะพริบปริบๆ
“เอาไปเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนไป” เสียงเข้มสำทับลงมาอีกรอบ “กูไม่มีผ้าเช็ดตัว”
นมจืดร้องอ้อก่อนจะหยิบเสื้อยืดเนื้อนิ่มมา ก่อนจะค่อยๆถอดแว่นออกแล้วเช็ดหน้า
“เช็ดหัวด้วยมึง” เห็นแล้วมันไม่ได้ดั่งใจเลย พระเอกเลยจับเสื้อไปวางแหมะบนหัวเล็กทุยก่อนจะขยี้ๆเหมือนซักผ้าเอาให้สะอาดอย่างไรอย่างนั้น
“โอย...ผมจะหลุดแล้ว” ฮือออออ เหมือนหนังหัวนมจืดจะลอกตามผ้าไปเลย พระเอกอย่ารุนแรงกับหัวอย่างนั้นเลยนะ
“เหอะ” เพิ่มแรงขยี้ลงไปอีก “ใครสั่งใครสอนให้มึงกลับบ้านตอนนี้ ห้ะ”
“ฮื้อ...ทำไมอะ…คุณแม่ก็ไม่ได้บอกนะว่าห้ามกลับบ้านตอนฝนตก” คุณแม่แค่บอกว่าเวลาฝนตกอย่าลืมกางร่มไม่งั้นอาจจะเป็นหวัดได้
ไอ้เตี้ย นี่มึงกวนตีนกูอยู่ใช่ไหม หา บอกกก เดี๋ยวเอาให้หัวหลุดเลยนี่
สมชาติได้แต่นั่งมองด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนแรกก็ว่าสงสารน้องหนูนมจืดที่ต้องมาเจอกับโจรโฉด แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้สมชาติรู้ว่า...สองคนนี้อาจจะเหมาะกว่าที่คนอื่นคิดก็ได้
“อ่อย...” นมจืดรู้สึกเหมือนผมร่วงหมดหัวนั่นแหละพระเอกถึงจะยอมรามือ แต่ว่าเส้นผมเปียกชื้นก็แห้งขึ้นเหลือแค่หมาดๆเท่านั้น
ร่างสูงใหญ่ถอยออกมามองมินเนี่ยนที่นั่งหน้าม่อย ผมนุ่มสลวยฟูฟ่องชี้โด่เด่ไม่เป็นทรง จนอดไม่ได้ที่สางให้เข้าที่ ลูบๆผมที่เป็ดออกมาให้เข้าทรงกว่าเดิม นมจืดยิ้มกว้าง ตากลมโตใสแจ๋วมองอีกฝ่ายเสียแต่ว่านมจืดมองเห็นพระเอกแค่ลางๆเท่านั้นเพราะสายตาสั้น รอยยิ้มกว้างตาหยีส่งให้อีกฝ่าย
คนมองถึงกับลมหายใจสะดุด ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง หูขึ้นสีเรื่อๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ รู้สึกโล่งใจว่าไอ้มินเนี่ยนมันคงมองไม่เห็น
“ไปๆ เอาเสื้อไปเปลี่ยนในห้องน้ำไป” ยื่นเสื้อฮู้ดเนื้อนิ่มอีกตัวไปให้
“ไม่ต้องก็ได้” นมจืดโบกมือเป็นพัลวัน ลองมองสถานการณ์ข้างนอกฝนอาจจะใกล้หยุดแล้วก็ได้เพราะว่าเห็นว่าเม็ดฝนเบาบางลงกว่าเดิม เดี๋ยวนมจืดก็จะกลับบ้านแล้ว
แต่ว่าโดนพระเอกถลึงตาใส่อย่างดุดัน “กูบอกให้ไปเปลี่ยน อย่ามาดื้อกับกูแถวนี้” มันไม่ได้รู้ตัวเลยหรือไงวะ ว่าแม่งเสื้อเปียกๆมันแนบเนื้อจนเห็นอะไรบ้างอะ ถึงมันจะใส่เสื้อทับด้านในไว้ก็เถอะ
ไอ้สมชาติไสลูกตาของมึงไปทางอื่นเลยเว้ย เดี๋ยวพ่อแทงซะเลย
คนตัวเล็กยอมทำตามคำพูดของอีกฝ่าย “ห้องน้ำไปทางไหน?”
ร่างสูงใหญ่เดินนำร่างเล็กมาทางห้องน้ำชายของคณะ กอดคอลากให้อีกฝ่ายรีบเดินพร้อมกับดันตัวเข้าไปให้ห้องน้ำด้านในสุด ร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าเฝ้าหน้าประตูไม่ยอมก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียว
นมจืดค่อยๆถอดเสื้อเชิ้ตและเสื้อทับที่เปียกๆของตัวเองออก แล้วเอาเสื้อฮู้ดตัวใหญ่มาสวม จมูกเล็กฟุดฟิดๆได้กลิ่นประจำตัวของอีกฝ่ายจางๆจากตัวเสื้อ เสร็จเรียบร้อยก็เปิดประตูออกมา
นัยน์ตาคมดุมองสภาพอีกฝ่ายที่ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยก็พยักหน้าอย่างพอใจ พระเอกส่งเสื้อยืดอีกตัวที่เหลือไปให้คนตัวเล็กกว่า นมจืดมองอย่างแปลกใจว่าอีกฝ่ายจะทำอไรอีก แล้วตากลมหลังแว่นก็ต้องเบิกกว้าง หลับตาปี๋
“เย้ยยย พระเอกทำไรอะ”
“เปลี่ยนเสื้อบ้างสิวะ มึงจะให้กูเป็นปอดบวมตายหรือไงวะ”
ไม่ได้อยากให้พระเอกเป็นปอดบววมหรอก แต่พระเอกจะมาถอดเสื้อตรงนี้ไม่ได้ ถึงจะยังอยู่ในห้องน้ำก็เถอะ ดูคนที่ยืนฉี่อยู่ที่โถด้านนอกด้วยสิ ตกใจจนฉี่เลอะหมดแล้วมั้ง
“รอฝนซาแล้วค่อยกลับบ้าน เข้าใจไหม?” เสียงทุ้มเข้มจัดบอกขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำ
นมจืดมองสภาพฝนฟ้าอากาศที่ยังไม่เป็นใจให้เขาได้กลับบ้านแล้วก็ได้แต่พยักหน้า สงสัยต้องนั่งรอใต้ตึกสักพัก
“อื้อ เข้าใจแล้ว”
“แล้วเพื่อนมึงหายไปไหนหมด”
“ปราบกับพ่ายเหรอ? ก็กลับหอไปแล้วอะ” ป้อมปราบกับศัตรูพ่ายอยู่หอแถวมหาวิทยาลัย
พระเอกพยักหน้าเออออ พาคนตัวเล็กกว่ากลับมานั่งที่ใต้ตึกเหมือนเดิม คนตัวใหญ่เอาเสื้อยืดชื้นๆที่ให้นมจืดเช็ดหัวมาเช็ดผมตัวเองบ้าง
“อ๊ะ” นมจืดเห็นพระเอกเอาแว่นสายตาอันใหญ่ไปถือไว้แล้วค่อยๆเอาชายเสื้อเช็ดเช็ดอย่างเบามือ
“กลับบ้านไปแดกยาด้วยล่ะ”
นัยน์ตากลมโตหันไปมองคนพูดที่ไม่ได้มองหน้าตัวเองแล้วยิ้มตาหยี พระเอกปากร้ายแต่ใจดีที่หนึ่งเลยนะ
ให้นมจืดยืมเสื้อใส่ด้วย เสื้อนุ่มนิ่มมากเลย แถมยังมีบริการเช็ดแว่นให้ด้วย
“อื้อ...พระเอก...” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมามองคนเรียก “ขอบคุณมากนะ”
ร่างสูงใหญ่เม้มปากเหมือนพยายามไม่ให้ตัวเองต้องเผลอยิ้มออกมา ฉิบหายเอ๊ย...ใจบางมากเลยกูตอนนี้
“เหอะ ไม่มีใครโง่กว่ามึงอีกแล้ว วิ่งตากฝน ร่มพังเกือบปลิวไปติดเสาไฟฟ้า”
“ฮื้ออออ ไม่ว่าเราน้า”
พระเอกเบ้ปากใส่คนทำเสียงเล็กเสียงน้อยเป็นประจำ
“สมชาติ สวัสดีอีกครั้งน้า” เมื่อกี้ตอนเข้ามานมจืดยังไม่ได้ทักทายสมชาติเลย
“จ้า สวัสดีจ้า” สมชาติยิ้มแป้น โฮ น้องหนูนมจืดคือความสดใสของโลกใบนี้ เหมือนเป็นการคืนความสุขให้ประชาชน ไอ้พระเอก
กก ไอ้คนโฉดดดดดมึง เอาน้องนมไปเป็นของตัวเองไม่ได้นะเว้ย!
สมชาติแห่งศิลปกรรมควักถุงขนมขึ้นมาแบ่งปัน
นั่งไปเกือบสักพักใหญ่ฝนก็เริ่มซา ร่างสูงใหญ่กระดิกนิ้วเรียก
“กลับยัง” มัวแต่นั่งกระหนุงกระหนิงกับไอ้สมชาติอยู่ได้ เดี๋ยวก็สุมหัวหัวเราะคิกคัก เดี๋ยวไอ้สมชาติก็เปิดเฟสให้ดู
เฮ้ย! ฮัลโหลว เห็นหัวกูบ้าง หัวกูอยู่นี่!
นมจืดวิ่งดุกดิกมาหา ยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างสูงถือกระเป๋าเปียกชื้นของนมจืดเอาไว้
“ร่มมึงกูทิ้งนะเว้ย มันซ่อมไม่ได้”
นมจืดพยักหน้า เขาเห็นพระเอกพยายามจะซ่อมให้แต่ว่ามันก็ไม่ได้อยู่ดี
“อื้อ”
“เอานี่ไปบังหัว กูไม่มีร่ม” คนพูดยื่นแผ่นแฟ้มพลาสติกที่ชีทเรียนด้านในถูกเอาออกไปหมดเพื่อจะได้ไม่เปียก
“ขอบคุณนะ พระเอกใจดี...”
ขอบคุณกูซะสิไอ้เตี้ย
“เออ”
“พระเอกเป็นคุณซุปเปอร์ฮีโร่ของเราจริงๆน้า” ทั้งใจดี แข็งแกร่ง และคอยปราบเหล่าร้าย
“แล้วกูเป็นฮีโร่อะไรล่ะ” อย่างกูคงเป็นแบทแมนชัวร์
“ฮีโร่ตัวเขียวไง...” นมจืดนึกออกอยู่ตัวเดียวสำหรับพระเอก
เออ...ไม่ใช่แบทแมน อย่างน้อยก็เป็น เดอะ ฮัค ละหว้า
“เดอะ ฮัค ใช่ไหมมึง”
นมจืดขมวดคิิ้วแล้วส่ายหน้า
“ไม่ใช่สิ...เดอะ เชร็ค ต่างหาก” นมจืดพยักหน้ากับตัวเอง เขาคิดว่าเหมาะกับพระเอกมากเลย ตัวใหญ่ ใจดี เป็นฮีโร่
“เดอะ เชร็ค พร่องงงงง!!!”
นี่ในสายตามันกูเป็นยักษ์ตัวเขียวมีเพื่อนเป็นไอ้ลาฟันเหยินนั่นเหรอวะ หาาาา
++++++++++++++++++++++++++++++++ 100% ++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ
วันนี้เอาอีกครึ่งตอนที่เหลือมาฝากกันนะคะ
ตอนนี้นังพระมันอ่อนโยน (?) มาก มีการเอาเสื้อให้น้องนมยืมด้วย ใครจำเสื้อตัวนี้ได้บ้างคะ ฮ่าๆ เสื้อฮู้ดตัวนี้เคยออกมาแล้วครั้งหนึงน้า
ใครจำได้ตอนไหน เม้นมาบอกกันได้นะคะ
อ่านแล้วชอบสามารถคอมเม้นมาบอกกันได้นะคะ หรือจะทวิตที่ #รักรสนมจืด
ขอบคุณทุกการสนับสนุนมากๆนะคะ
เยิฟฟฟฟฟ