Chapter 22
ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนๆเล็กน้อย ตอนนี้พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคิงไซส์สีขาว รอบห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราพอสมควร ผมเดินไปเปิดผ้าม่านที่ระเบียงออกก็พบกับทิวทัศน์ย่านใจกลางเมือง
ที่นี่น่าจะเป็นคอนโดของใครสักคน คิดได้ดังนั้นผมก็นึกทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่สักพัก
ผมโดนจับตัวมา?
เพล้ง! ได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตกดังมาจากด้านนอก จึงตัดสินใจค่อยๆแง้มประตูเปิดออกไปดู
“ พลาดอีกแล้วงั้นเหรอ? ไม่ได้เรื่อง! ”
ผมเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น และถ้าเดาไม่ผิดพวกเขาก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
ตอนนี้หัวใจของผมเริ่มสั่นอย่างตื่นเต้นเมื่อต้องแอบดูเหตุการณ์ที่พวกเขาคุยกันอยู่เงียบๆ และวันนี้ผมคงจะได้รู้ความจริงทั้งหมด
“ คะ...คราวนี้เพื่อนของแวมมาช่วยไว้ได้ค่ะ ” ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ไปส่งแวมในวันที่เขาโดนยิง เธอเป็นนกต่ออย่างที่คิดไว้จริงๆ ตอนนี้แววตาของเธอดูหวาดกลัวเมื่อโดนมือหนาบีบที่ปลายคางด้วยความโกรธ
“ ปล่อยฝ้ายเดี๋ยวนี้นะ ” พี่เทียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปดึงเสื้ออีกคนอย่างหาเรื่อง สายตาเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก
“ ฮึ! ” มือหนาสะบัดปลายคางของหญิงสาวที่ชื่อฝ้ายออกแรงๆก่อนจะยอมถอยออกไปเล็กน้อย พี่เทียนยอมปล่อยมือจากเสื้อสูทราคาแพงของอีกคนก่อนจะหันไปปลอบหญิงสาวที่กลัวจนน้ำตาคลอ
“ ยังไงแกกับน้องสาวก็ต้องช่วยฉันจัดการมันให้ได้ ไม่อย่างนั้นครอบครัวพวกแกเดือดร้อนแน่ ”
“ ฝ้ายไม่อยากทำแล้ว ฮือ ” เธอร้องไห้โฮออกมา
ที่แท้ผู้หญิงที่ชื่อฝ้ายก็คือน้องสาวของพี่เทียนนี่เอง
“ คิดดีๆนะ ถ้าพวกแกช่วยฉันฆ่ามันสำเร็จ ฉันจะยกหนี้ทั้งหมดที่พ่อแม่แกติดไว้ให้ฟรีๆ แต่ถ้าพวกแกทำไม่สำเร็จ ฉันจะให้คนของฉันเล่นงานครอบครัวแกแน่ อ่อ แล้วอีกอย่าง อย่าคิดที่จะแจ้งตำรวจ อย่าลืมว่าครั้งก่อนน้องสาวแกก็ร่วมมือกับฉันด้วย คงไม่อยากให้ติดคุกไปด้วยกันหรอกนะ ”
“ ฮือออ พี่เทียน ฝ้ายขอโทษ ” หญิงสาวร้องไห้หนักกว่าเดิม พี่เทียนได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์โกรธและดึงน้องสาวตัวเองเข้ามากอด
“ คุณมันเลวจริงๆ แม้แต่น้องชายตัวเองยังคิดที่จะฆ่าได้ลงคอ ”
“ เหอะ น้องชาย? ฉันไม่เคยเห็นมันเป็นน้องอยู่แล้ว... ”
ผมอึ้งกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ ในตอนแรกฝ้ายร่วมมือกับพี่วีเพื่อฆ่าแวม เมื่อพี่เทียนรู้ความจริงจึงจำใจต้องยอมร่วมมือด้วย เพื่อช่วยน้องสาวของตัวเอง และหนึ่งในสี่คนที่เข้ามาทำร้ายผมกับแวมที่ร้านอาหารก็คือพี่เทียน
ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ
แล้วทำไมพี่วีต้องทำถึงขนาดนี้?
คิดจะฆ่าน้องชายตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
ผมเรียกสติตัวเองกลับมา และแอบฟังบทสนทนาเพื่อเก็บข้อมูลต่อ
“ ครั้งต่อไปอย่าให้พลาดอีกแล้วกัน เข้าใจไหม? ” หลังจากคุยกันเสร็จ พี่เทียนก็รีบพาน้องสาวออกไปทันที ท่าทางของฝ้ายดูหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่หาย
ผมปิดประตูห้องอย่าเร่งรีบแต่ก็ต้องให้เบาที่สุดเพราะกลัวพี่วีจะรู้ตัว และตัดสินใจนอนลงบนเตียง แกล้งหลับไปอีกครั้ง
แต่พี่วีฉลาดเกินกว่าที่ผมคิดไว้มาก
“ ไม่ต้องแกล้งหลับหรอกครับ พี่รู้ว่าบีมได้ยินหมดแล้ว ”
ผมลืมตาขึ้นมองหน้าพี่วีแล้วรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก จึงค่อยๆลุกขึ้นและถอยให้ห่างจากอีกคนทันที
พี่วียืนนิ่งและเหยียดยิ้มมุมปาก มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจอย่างที่ผมไม่เคยสังเกตเห็น
“ ผมไม่คิดเลยว่าจะเป็นพี่วี ”
“ ฮ่าๆ พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะเลวได้ขนาดนี้ ” พี่วีเหยียดยิ้มและนั่งลงบนเตียง ผมกำลังจะก้าวเท้าเตรียมวิ่งออกจากห้องแต่อีกคนกลับรู้ทัน
“ ข้างนอกประตูห้องนั่งเล่นมีการ์ดอีกสองคน แล้วชั้นนี้ก็เป็นพื้นที่ของพี่ทั้งหมด คิดให้ดีๆก่อนจะออกไปเดินเล่นนะครับ ”
ผมได้แต่ขบกรามแน่นก่อนจะหันหน้ากลับมาหาพี่วีอย่างไม่มีทางเลือก
“ พี่จับผมไว้ทำไม? ”
“ ใจเย็นๆสิครับ พี่ไม่ทำอะไรบีมหรอก ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆน่ะ ”
“ อย่าเข้ามานะ ” ผมถอยออกห่างเมื่อพี่วีเดินเข้ามาใกล้
“ กลัวเหรอ? ”
“ ผมขอร้องล่ะ พี่วีอย่าทำอะไรแวมเลยนะครับ ”
“ เหอะ เป็นห่วงกันขนาดนั้นเลย? ไอ้แวมนี่น่าอิจฉาจริงๆ ”
“ แวมเขาเป็นน้องพี่วีนะครับ ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้? ”
“ เอาล่ะๆ มานั่งตรงนี้มา แล้วพี่จะเล่าให้ฟัง ”
พี่วีเหยียดยิ้มแล้วลงไปนั่งที่เตียง เขาใช้มือขวาตบต้นขาเป็นเชิงบอกว่าให้ผมเข้าไปหา แค่คิดว่าจะต้องนั่งตักคนเลวๆอย่างเขาก็ขนลุกเป็นบ้าแล้ว
“ ยืนเฉยอยู่ได้ อย่าขัดใจพี่ดีกว่า ถ้ายังไม่อยากให้ไอ้แวมตายตอนนี้ ”
“ หมายความว่าไง? ”
“ พี่เพิ่งสั่งคนไปจัดการมันอีกรอบ คราวนี้ไม่พลาดแน่ แต่ถ้าบีมเป็นเด็กดี ไม่ขัดคำสั่ง บางทีพี่ก็อาจจะโทรบอกคนของพี่ให้ไว้ชีวิตมันไปก่อนก็ได้ ”
ผมกำมือและขบกรามแน่นจนตัวสั่นไปหมด ยิ่งมองรอยยิ้มร้ายนั่นแล้วยิ่งอยากจะกระโจนหมัดใส่ให้เต็มแรง
ผมต้องจำใจเดินเข้าหาพี่วีแบบไม่มีทางเลือก อีกฝ่ายก็หัวเราะในลำคออย่างพอใจ
“ มาสิที่รัก ” พี่วีตึงตัวผมให้เข้าหาเขา ตอนนี้กลายเป็นว่าผมนั่งบนตักและหันหน้าเข้าหาอีกคนอยู่ พอรู้ว่าคนๆนี้คือเบื้องหลังเรื่องร้ายๆทั้งหมดแล้วผมยิ่งขยะแขยงกับการกระทำของเขาที่สุด
มือหนาของพี่วีค่อยๆล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวและลูบไล้แผ่นหลังของผมไปมา
“ อ๊ะ ”
“ บีมรู้ไหมว่าพี่หลงรักบีมตั้งแต่แรกเห็น ไม่คิดว่าจะโดนน้องชายตัวดีแย่งไปอีกจนได้ ” พี่วีพูดประโยคหลังด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็นก่อนจะขบฟันลงที่ต้นคอของผมแรงๆ
ตอนนี้พี่วีเริ่มลูบไล้ตัวผมไปแทบทุกส่วน ริมฝีปากหนาคลอเคลียที่ต้นคอจนผมขนลุก ผมรู้สึกได้ถึงส่วนที่เริ่มขยายและแข็งตัวของเขา ตอนนี้ตัวผมสั่นไปหมด จะด้วยความโกรธหรือความกลัวก็แล้วแต่ ทุกอย่างมันกดดันจนผมกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นไม่ไหว น้ำตาเอ่อคลอออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ ร้องไห้? โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้กลัว ” พี่วีผละตัวออกเล็กน้อยก่อนจะลูบศีรษะของผมแผ่วเบา
“ อื้อ ” คนตรงหน้าฉวยโอกาสทาบทับริมฝีปากลงมา เป็นจูบที่หนักหน่วงแต่ผมก็ผลักเขาออกได้ทันก่อนที่จะทำมากไปกว่านี้ ผมเองก็รีบพยุงตัวเองลุกขึ้นทันที
“ เอาล่ะๆ พี่ไม่ทำอะไรแล้วครับ พี่ขอโทษนะ ”
ขอโทษง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ?
“ ปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้อง ” ผมพูดเสียงแผ่ว
“ พี่ไม่มีทางปล่อยบีมไปเด็ดขาด ยังไงพี่ก็จะทำให้บีมรักพี่ให้ได้ พี่รักบีมนะ ”
“ แต่ผมไม่ได้รักพี่ ”
“ อืม เพราะไอ้แวมสินะ ” พี่วีกำมือแน่นแสดงสีหน้าโกรธเคือง “ ถ้าบีมกลับไปหามัน มันตายแน่ ”
“ พี่แม่งเลวว่ะ ”
“ แต่พี่ก็รักบีม รักมากจริงๆ ” พี่วีเดินเข้ามากอดผม ผมไม่ขยับไปไหนเพราะรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่เขามีให้ น้ำตาพี่วีไหลลงบนไหล่ผมจนรู้สึกได้
แต่ผมไม่ได้รู้สึกรักเขาเลยสักนิด
“ พี่วีปล่อยผม ”
“ ก็ได้ แต่ถึงยังไงชีวิตแวมก็อยู่ในมือของบีม ถ้าไม่อยากให้มันตาย รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง ”
ผมต้องจำใจอยู่กับพี่วีและทำตามคำสั่งของเขา และดูเหมือนว่าเขาเองก็พยายามทำดีเพื่อเอาใจผมทุกอย่าง
วันนี้พี่วีพาผมไปกินข้าว ไปทำงานก็ให้ผมไปนั่งเฝ้า แถมยังมีการ์ดคอยจับตาดูผมอยู่ตลอด
ผมนึกเป็นห่วงแวม ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง? รู้แค่ว่าเมื่อวานเขารอดไปได้ แต่สภาพก็คงแย่พอสมควร ผมอยากโทรหาแวม อยากได้ยินเสียงเขา แต่มือถือของผมก็โดนพี่วียึดไปไม่ให้ติดต่อกับใคร
“ พี่วีครับ ผมขอกลับบ้านได้ไหม? ” ผมถามขณะที่พี่วีเดินออกมาจากห้องประชุม
“ ไม่ได้ ”
“ แต่พรุ่งนี้สอบอีกวิชา ผมต้องไปเอาหนังสือมาอ่านนะครับ อีกอย่างก็ต้องไปให้อาหารสุนัขด้วย มันคงหิวแย่แล้ว ”
พี่วีจ้องหน้าผมเหมือนจะจับผิดอยู่สักพัก
“ อืม? งั้นวันนี้เลิกงานแล้วพี่จะไปค้างที่บ้านบีมแล้วกัน จะทำอะไรก็อย่าลืมว่าคนของพี่จับตาดูอยู่ ” พี่วีเหยียดยิ้มมุมปาก
“ ครับ ”
“ อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ แวมมันไปหาบีมที่บ้านทุกวัน ฮึ! ถ้ามันรู้ว่าบีมอยู่กับพี่คงจะสนุกน่าดูเลย ว่าไหม? ”
พี่วีดูสนุกกับการเอาชนะน้องชายตัวเองมาก ผมอยากรู้จริงๆว่าแวมไปทำอะไรให้เขาโกรธเคืองนักหนา?
ผมกลับบ้านได้สักพักก็ได้ยินเสียงรถของแวมมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน เขามาหาผมจริงๆ ผมออกไปแอบมองที่ริมหน้าต่างเพื่อจะได้เห็นหน้าแวมชัดๆ ทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆมองคนที่เปิดประตูลงจากรถพร้อมกับอาหารสุนัข เนื้อตัวเขามีรอยฟกช้ำจากการต่อสู้เต็มไปหมด แต่ผมก็รู้สึกโล่งอกที่แวมยังปลอดภัยดี
แวมปีนรั้วหน้าบ้านเข้ามาเพราะไม่มีกุญแจ เขาเทอาหารลงบนพื้นพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าชาเย็น ไม่นานสุนัขแสนรู้ก็วิ่งกระดิกหางไปหาเขา
แวมจะคอยเอาอาหารมาให้เจ้าชาเย็นทุกครั้งที่ผมไม่อยู่
“ ป่านนี้เจ้านายของแกจะเป็นไงบ้างนะชาเย็น ”
แวมลูบหัวชาเย็นอย่างแผ่วเบาก่อนจะเหลือบมองมาทางผมและขมวดคิ้วทันที
“ ใครน่ะ ” แวมตะโกน
“ ฉันเอง ”
ผมเดินออกไปเปิดประตู ทันทีที่แวมเห็นผมก็เบิกตากว้างพร้อมกับวิ่งเข้ามากอด เขากอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แต่ผมก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก อยากอยู่แบบนี้นานๆ ถ้าไม่ติดว่ามีสายตาคนบางคนที่จ้องแอบมองอยู่
“ ปล่อยได้แล้ว ”
“ หมอบีม เป็นอะไรรึเปล่าครับ? พวกมันทำอะไรคุณ? ”
ผมได้แต่ยืนเงียบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อยากเข้าไปกอดคนตรงหน้าอีกครั้งแต่ก็ติดตรงที่มีคนของพี่วีซุ่มดูอยู่ไม่ไกล
“ แวม นายเลิกยุ่งกับฉันซะทีเถอะ ฉันอยู่กับนายมันก็มีแต่เรื่องแย่ๆ ”
ที่ผมต้องพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย
แวมนิ่งเงียบไปสักพัก สีหน้าของเขาดูช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน ผมรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง อึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อยากจะเอาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้พ้นๆ
“ หมอบีมไล่ผม? ”
ผมได้แต่มองสีหน้าเศร้าๆของอีกคนโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกแย่มากเมื่อเห็นแววตาเสียใจของคนที่ผมรัก ซึ่งผมเองที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียใจแบบนี้
“ เออ ไปได้แล้ว อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ”
“ ทำไม? ” ผมชะงักทันทีเมื่อเห็นแวมน้ำตาคลอ
อย่าเป็นแบบนี้สิ ฉันเองก็เจ็บไม่น้อยไปกว่านายนะรู้ไหม?
“ ไปเถอะ ขอร้อง ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แวมมองหน้าผมอีกครั้ง แววตาของเขาฉายความผิดหวัง เขาเงียบไปนานจนในที่สุดก็ยอมพยักหน้าช้าๆก่อนจะเดินหนีไป
รถของแวมเคลื่อนตัวออกไปไกลจนลับสายตา ไม่นานน้ำตาของผมก็เริ่มเอ่อไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ “ ขอโทษนะแวม ”
“ คนของพี่บอกว่าแวมมาหาบีม ฮึ! ทำดีมากที่ไล่มันไปแบบนั้น ” ทันทีที่พี่วีมาถึงก็นั่งเอนหลังลงบนโซฟาราวกับนี่เป็นบ้านของตัวเอง
“ พอใจพี่วีแล้วใช่ไหมครับ? ”
“ ยังหรอก แค่นี้มันยังน้อยเกินไป อืม? ว่าแต่บ้านหลังนี้ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ ”
พี่วีเดินเข้ามาโอบกอดผมจากทางด้านหลัง ผมเองก็ขัดอะไรเขาไม่ได้ พยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอ แต่ร่างกายก็สั่นเทาเผยความกลัวออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ เลิกทำเหมือนกลัวพี่สักทีเถอะ เห็นแล้วมันน่ารำคาญ ” พี่วีจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆบ้านอีกครั้ง
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เลิกสนใจพี่วีแล้วหันไปคุยกับสุนัขที่วิ่งกระดิกหางเข้ามา “ เป็นไงบ้างชาเย็น? ”
ชาเย็นหันไปสนใจผู้มาใหม่พร้อมส่งเสียงขู่แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ ไปไกลๆเลยนะเว้ย ” พี่วีออกปากโวยวาย
“ ชาเย็น ไปเล่นข้างนอกกันดีกว่า มาๆๆ ” ผมส่งเสียงเรียกให้ชาเย็นเดินตามมาข้างนอก อยากเอาตัวเองออกมาห่างๆจากผู้ชายคนนั้นด้วยเหมือนกัน ผมรู้สึกอึดอัดทุกครั้งเวลาที่อยู่กับพี่วี ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามทำดีกับผมก็เถอะ
ผมมองออกไปนอกรั้วบ้านก็เจอกับสายตาของการ์ดชุดดำที่จ้องมาแบบไม่วางตา อยากจะหนีก็ทำไม่ได้ โคตรรู้สึกแย่เลยว่ะ
......................................
ครับ คู่นี้ก็มีอุปสรรคอีกแล้ว ใจเย็นๆ คนเขียนขอหลบ

แป๊ปนะ
