Chapter 1
ผมชื่อบีมครับ เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 3 จะเรียกผมว่าหมอบีมเหมือนที่เพื่อนๆเรียกก็ได้นะครับ ที่จริงผมเป็นเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่ผมอยากเป็นหมอเหมือนพ่อ ทำให้ผมต้องขยันอ่านหนังสือจนสอบติดแพทย์ และผมก็เอาแต่อ่านหนังสือไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ ไปไหนผมก็ไปคนเดียวตลอด
วันนี้ผมก็มากินข้าวที่โรงอาหารคณะแพทย์คนเดียวเช่นเคย ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบนะครับ เพื่อนชวนผมไปนั่งด้วย แต่ผมอยากอ่านหนังสือมากกว่า กินข้าวไปอ่านหนังสือไปนี่แหละครับ จะทำไงได้ล่ะ ผมหัวไม่ดีเหมือนคนอื่นก็ต้องขยันสิครับ
ระหว่างที่ผมกำลังกินข้าวอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆทั้งโรงอาหาร ดารามาเปิดคอนเสิร์ตรึไงวะ?
“ อร๊ายยย พี่แวม ”
“ กรี๊ดดด แกดูสิ พี่แวมมา ”
“ กรี๊ดดดหล่อมาก ”
ผมต้องเอามืออุดหูปิดเสียงกรี๊ดไว้แทบไม่ทัน อะไรจะกรี๊ดขนาดนั้น?
โอ้ววว หล่อจริงๆด้วยว่ะ
ผมมองออกไปหน้าโรงอาหารก็เห็นหนุ่มหล่อ สูง ขาว ตาคม หุ่นนายแบบ หน้าตายังกับพระเอกหนังฮ่องกง ใส่ช็อปวิศวะโคตรเท่ห์ แม่ง ขับรถสป็อตราคาแพงซะด้วย ท่าทางคงจะรวยน่าดู แต่เสียอย่างเดียว ขี้เก๊กชะมัด
“ นั่นพี่แวม อยู่คณะวิศวะปี 3 อดีตเดือนมหาลัยค่ะ ”
ข้าวฟ่าง น้องรหัสจอมจุ้นของผมรีบพุ่งตัวมานั่งข้างๆผม พร้อมเม้าส์เรื่องไอ้ขี้เก๊กนั่นทันที อืม ระดับเดือนมหาลัยเลยเหรอ? แต่จะว่าไปผมก็พอจะคุ้นหน้าคุ้นตามันอยู่บ้างนะ
“ เหรอ? ”
ผมตอบอย่างไม่สนใจอะไรนัก
“ เห็นว่ากำลังกิ๊กกั๊กอยู่กับพี่เฟย์นะคะ ”
แฮ่กๆๆ ผมแทบสำลักข้าวที่กินเข้าไปเมื่อกี๊ทันที ก็เฟย์คือผู้หญิงที่ผมตามจีบมาตั้งแต่ปี 1 นี่ครับ ผมชอบเธอมาก เธอเป็นอดีตดาวคณะแพทย์ ทั้งสวยทั้งน่ารัก ใครๆก็ชอบ
แต่ไอ้ขี้เก๊กนี่มันเป็นใคร? อยู่ดีๆมาแย่งเฟย์ไปจากผมง่ายๆเฉยเลย
ว่าแล้วผมก็เห็นนางฟ้าของผมกำลังเดินไปหาไอ้ขี้เก๊กนั่น เฟย์ควงแขนไอ้แวมขึ้นรถสปอร์ตสุดหรูออกไปแล้ว
แต่ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมเห็นไอ้ขี้เก๊กนั่นมองมาที่ผมด้วยนะ แบบนี้มันหยามกันชัดๆ
“ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ”
เฟย์เอ่ยขอบคุณไอ้แวมที่ขับรถมาส่งเธอหน้าคณะเพื่อเรียนรอบบ่าย ก่อนที่เธอจะเอี้ยวไปหอมแก้มมันต่อหน้าต่อตาผม ให้ตายเถอะ เจ็บชะมัด
“ เฟย์ ”
ผมเอ่ยเรียกเธอก่อนที่เธอจะเข้าห้องเรียน
“ เอ้า หมอบีม มีอะไรเหรอ? ”
เธอยังคงทำท่าทีร่าเริงสดใสเช่นเคย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเธอ
“ คนเมื่อกี้แฟนเฟย์เหรอ? ”
ผมถาม
“ ใช่ ทำไมเหรอ? ”
เธอตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“ เปล่า ”
ผมได้แต่สะกดกั้นความเสียใจเอาไว้ จะทำไงได้ล่ะ ผมหล่อสู้ไอ้ขี้เก๊กนั่นไม่ได้อยู่แล้วนี่
“ ไอ้หมอบีม หน้าตามึงเศร้าๆนะเว้ย ”
หลังเลิกเรียน ไอ้หมอก่อเพื่อนของผมมันก็เดินมาเกาะไหล่ผมทันที
“ หมอบีมอกหักเหรอครับ? ”
ไอ้นี่คือคุณหมอเกื้อ แฝดน้องของไอ้ก่อ มันเป็นคนสุภาพมากๆครับ
สองคนนี้หน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยและไลฟ์สไตล์ต่างกันสุดขั้ว ไอ้ก่อแม่งเป็นหมอสายเถื่อน ชอบทำตัวเซอร์ๆ ส่วนไอ้เกื้อสุภาพเรียบร้อยโคตร จุดสังเกตคือไอ้เกื้อจะย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนเซ็ตผมเรียบร้อยทุกวัน ส่วนไอ้ก่อผมดำธรรมชาติแต่ยุ่งไม่ค่อยเป็นทรง มันบอกว่าแนวดี เออ เอาเถอะ พวกมึงหน้าตาดีทำอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ
“ เย็นนี้ไปแดกเหล้าย้อมใจกับกูมั๊ยมึง? ”
ไอ้ก่อเอ่ยปากชวน
“ ไม่ได้นะก่อ เดี๋ยวแม่ก็บ่นอีกหรอก ”
ไอ้เกื้อทำหน้าดุใส่ไอ้ก่อ
“ มึงก็อย่าบอกแม่ดิ บอกว่าไปติวหนังสือกับเพื่อนไง ”
“ โกหกแม่มันไม่ดีนะก่อ ”
“ พอๆๆ พวกมึงเลิกเถียงกันได้แล้ว ”
ผมรีบห้ามไอ้สองพี่น้องก่อนที่มันจะเถียงกันไปมากกว่านี้
“ แล้วสรุปมึงจะไปไม่ไป? ”
ไอ้ก่อหันมาถามผม
“ เออ วันนี้กูไป ”
ปกติไอ้ก่อชวนไปกินเหล้าทุกวัน ผมก็ไม่ค่อยไปกับมันหรอกครับ แต่วันนี้ผมอยากจะย้อมใจจากการอกหักซะหน่อย
“ ถ้าหมอบีมอยากไป เกื้อคงต้องยอมโกหกแม่แล้วล่ะครับ ”
ไอ้หมอเกื้อทำหน้ารู้สึกผิด
“ ดีมากน้องรัก มันต้องอย่างงี้ ”
ไอ้ก่อเดินไปกอดคอไอ้เกื้อ ก่อนจะกอดคอผมให้เดินไปด้วยกัน
ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็เป็นลูกคนรวย กินเที่ยวใช้เงินตามใจชอบ แต่ดีหน่อยที่ตั้งใจเรียน วันนี้มันก็พาผมมาเที่ยวผับใหญ่ในย่านใจกลางเมืองที่มีแต่พวกลูกไฮโซเขาเที่ยวกัน
“ ไปร้านเหล้าหลังมอไม่ง่ายกว่าเหรอวะ? ”
ผมบอกมัน เพราะที่นี่ก็ไกลจากมหาลัยพอสมควร เดี๋ยวพวกมันก็ต้องขับรถกลับไปส่งผมอีก
“ ที่นี่แหละเด็ด เอาน่า กูเลี้ยงเต็มที่เว้ย ”
ไอ้ก่อพูด
พอรถมันจอดหน้าผับก็มีพนักงานมารับรถไปจอดทันที ไม่ต้องหาที่จอดรถให้ยาก เพราะไอ้ก่อมาที่นี่บ่อยจนกลายเป็นลูกค้าวีไอพีไปแล้ว
ตอนพวกผมเปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นชุดลำลองสำหรับเที่ยวกลางคืนโดยเฉพาะ ไอ้ก่อแม่งก็แต่งซะเซอร์ แต่มันก็เซอร์แบบดูดีมีระดับนะ ส่วนไอ้เกื้อแม่งก็ดูเท่ห์ชะมัด เห็นเรียบร้อยๆที่จริงมันแต่งตัวเก่งมาก เรื่องแฟชั่นนี่ขอให้บอก สไตล์ไหนฮ็อตฮิตมันตามทันหมด
พูดแล้วก็สงสารตัวเอง ใครจะแต่งตัวเฉิ่มได้เท่าผมเนี่ย เสื้อเชิ้ตสีดำคู่กับกางเกงยีนธรรมดาๆ แถมยังใส่แว่นสายตาอีก แล้วสาวๆที่ไหนจะมองผมล่ะเนี่ย
พูดถึงสาวก็ทำให้ชวนนึกถึงเฟย์ นางฟ้าของผม อุตส่าห์ตามจีบมาตั้งนานไม่เคยจะสนใจ ไอ้ขี้เก๊กนั่นมาจากไหนไม่รู้ จีบแป๊ปเดียวก็คาบเธอไปกินซะได้
“ เอ้าชนนน!! ”
“ ชน!! ”
“ ชนเว้ย!! ”
“ แดกๆๆ ”
มากันแค่สามคนแต่แม่งเฮฮาชิบหาย เสียงดังกว่าโต๊ะอื่นอีก จังหวะเพลงEDMนี่ก็มันส์เหลือเกิน ว่าแล้วไอ้ก่อก็ลุกขึ้นไปเต้นในฟลอร์คลอเคลียกับสาวสวยเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ไอ้เกื้อที่ยังไม่เมา มันบอกว่าจะคอยดูแลเก็บซากพวกผมตอนเมาเอง ช่างเป็นคนดีจริงๆพ่อคุณ
ผมลุกขึ้นไปเต้นกับไอ้ก่ออย่างสนุกสนาน ก็มีสาวๆเข้ามาเต้นด้วยบ้างเป็นธรรมดา ผมปลดปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะเสียงเพลงได้สักพัก สายตาก็เหลือบไปเห็นโจทย์ตัวดีเข้าให้แล้ว ไอ้แวมแฟนเฟย์กำลังนัวเนียกับสาวที่ไหนก็ไม่รู้อยู่อีกมุม นี่มึงนอกใจนางฟ้าของกูเหรอวะ? แย่งของกูไปแล้วยังดูแลไม่ดีอีก อย่างนี้ต้องสั่งสอน
ผมรีบพุ่งเข้าไปกระชากไอ้แวมออกมาจากสาวสวยคนนั้น ก่อนจะใส่หมัดเข้าปากมันไปแรงๆจนเลือดมันไหลมาที่มุมปาก มันยังคงสีหน้านิ่งเช่นเดิม มันใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปากออกช้าๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม
“ เฮ้ย มีเรื่องอะไรกันวะ? ”
ไอ้เกื้อวิ่งมาดึงผมไว้ไม่ให้คลุ้มคลั่งมากไปกว่านี้
“ ก็ไอ้เชี่ยนี่ดิ มันนอกใจเฟย์ ”
ไอ้แวมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแบบงงๆ นี่มึงจะไม่รู้สึกผิดจริงๆใช่มั๊ย? ผมกำลังจะซัดมันต่อแต่การ์ดของผับสองคนก็มาจับผมไว้ซะก่อน
“ อย่าทำร้ายเขา ”
ไอ้แวมพูดประโยคนั้นกับการ์ดก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้การ์ดลากผมออกไป
ฟึ่บ
ผมถูกผลักออกจากประตูอย่างไม่ใยดี ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็วิ่งตามมาทันที
“ มีเรื่องอะไรวะ? ”
ไอ้ก่อยังคงเมาอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีสติพอจะถามถึงเรื่องของผม
“ ก็หมอบีมไปต่อยหน้าลูกชายเจ้าของผับน่ะสิ ”
ไอ้เกื้อตอบ
“ ฮะ? คุณแวมอ่ะนะ? เชี่ย กูจะโดนตัดออกจากลูกค้าวีไอพีป่ะเนี่ย? โถ่ว ทำไรไม่ปรึกษากันเลยวะไอ้หมอบีม ”
“ กูคงเมาไปหน่อยว่ะ ”
ผมตอบอย่างรู้สึกผิด
“ เออๆๆ ช่างเหอะ กลับกันดีกว่า ”
ไอ้ก่อรีบชวนพวกผมกลับเพราะกลัวจะโดนตัดสิทธิ์ลูกค้าวีไอพี แล้ววันนี้ก็หมดสนุกแล้วด้วย
ขากลับไอ้เกื้อเป็นคนขับรถแทนไอ้ก่อ ระหว่างทางไปมหาลัยต้องผ่านถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยว ผมรู้สึกว่าอากาศมันเริ่มจะเย็นๆยังไงก็ไม่รู้ เย็นกว่าปกติมากจนเริ่มจะขนลุก ไม่รู้ว่าผมอุปทานขึ้นมาเองรึเปล่า แต่ผมขอภาวนาให้รถไม่เสียกลางทางก็พอ
แก๊ก เอี๊ยด
นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ อยู่ดีๆรถก็จอดเฉยเลย
“ รถดับว่ะ ”
ไอ้เกื้อหันมาพูดกับผม ไอ้ก่อก็หลับเป็นตายตั้งแต่ขึ้นรถไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย
“ เอาไงดีวะ? ”
“ เดี๋ยวผมโทรเรียกช่างมาซ่อมแล้วกัน ”
“ ดึกป่านนี้เนี่ยนะ? ”
“ เออ ผมมีช่างที่รู้จักอยู่ ”
แล้วไอ้เกื้อก็กดโทรศัพท์โทรหาช่างทันที
ตอนนี้เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ผมมองออกไปด้านนอก สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าทึบ บรรยากาศวังเวงชวนขนลุกชะมัด ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ ไม่นะ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วย
“ หมอบีมเป็นไรครับ? ดูหน้าซีดๆ ”
“ ปะ...เปล่าๆ ”
รอประมาณครึ่งชั่วโมงช่างก็มาถึงและใช้เวลาซ่อมไปชั่วโมงกว่า ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปตีสองกว่าแล้ว ผมเริ่มจะสร่างเมาเต็มที่แล้วล่ะครับ ผมกลับมาเอารถที่จอดไว้ในมหาลัย ผมกำลังจะขับรถกลับหอ แต่อยู่ดีๆไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมขับรถไปหาพ่อที่โรงพยาบาลซะงั้น และก็บังเอิญมากที่ตอนนี้คุณพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลพอดี
“ เอ้า หมอบีม มาทำไมดึกดื่นล่ะลูก ”
คุณพ่อเอ่ยถามผม
“ ก็มาดูคุณพ่อทำงานไงครับ? ศึกษาชีวิตศัลยแพทย์ไง ”
“ วันนี้พ่อมีเคสผ่าตัดใหญ่นะ คนนอกคงจะเข้าไปดูไม่ได้ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ผมดูอยู่ข้างนอกก็ได้ ”
“ นั่นไงมาพอดีเลย ”
รถไซเลนของโรงพยาบาลเคลื่อนมาจอดอย่างรอดเร็ว พร้อมกับร่างของคนที่ผมคุ้นเคย ผมเพ่งดูไอ้คนที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งพยาบาลและญาติต่างวิ่งวุ่นวายไปหมด เพราะมันบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ถ้าไม่รีบคงไม่รอด
ผมมองชัดๆจนแน่ใจว่าร่างที่อาบไปด้วยเลือดนั้นคือคนเดียวกับคนที่ผมเพิ่งไปต่อยหน้ามันมาไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ตอนนี้มันถูกกระสุนเจาะเข้ากลางศีรษะเต็มๆ ไม่รู้บาปกรรมอะไรของมันนะ มันคงจะไม่รอดแน่ๆ ผมขออโหสิกรรมให้มันเลยแล้วกัน
“ คุณหมอต้องช่วยลูกผมนะครับ เท่าไหร่ผมก็ยอมจ่าย ถ้าลูกผมรอด ผมจะสนับสนุนเงินให้โรงบาลนี้เต็มที่เลยครับ ”
นักการเมืองชื่อดังที่ผมมักจะคุ้นหน้าคุ้นตาในทีวีหรือในหน้าหนังสือพิมพ์ก็คือพ่อของไอ้แวม ตอนนี้ท่านดูกระวนกระวายมาก ใบหน้าท่านอาบไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกของพ่อที่ไม่อยากเสียลูกไปสินะ
“ ใจเย็นๆนะครับ ทางเราจะช่วยเต็มที่ ”
พ่อของผมหันไปพูดกับท่านนักการเมืองก่อนจะวิ่งเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างรวดเร็ว
ผมในฐานะอนาคตแพทย์ก็ต้องทำใจยอมรับกับเหตุการณ์แบบนี้ให้ได้เป็นเรื่องธรรมดา
เช้าวันถัดมา วันนี้ผมไม่มีเรียน เมื่อคืนก็เพลียมาก เจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ทำให้ผมหลับยาวจนตื่นสายขนาดนี้ ผมหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะกินข้าวขึ้นมาอ่าน
พาดหัวข่าว : ไม่น่าเชื่อ! ลูกชายนักการเมืองชื่อดัง โดนยิงกลางศีรษะรอดปาฏิหารย์
นี่มันข่าวไอ้แวมนี่นา รอดงั้นเหรอ? พ่อเรานี่เก่งจริงๆเลย
" อืม น่าสนๆ คุณพ่อเป็นคนดูแลคนไข้เคสนี้ใช่มั๊ยครับ? "
ผมหันไปถามคุณพ่อที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อยอยู่
" ใช่ "
" ให้ผมช่วยดูแลด้วยนะครับ นะครับๆๆ "
ผมขยับเข้าไปอ้อนคุณพ่อเหมือนเด็กๆ
" นี่หมอบีม แกเพิ่งเรียนแพทย์ปี 3 เองนะ สอบทฤษฎีให้มันรอดก่อนเถอะ "
พ่อจัดการเขกหัวผมเบาๆทีนึง
" ก็ผมอยากเป็นศัลยแพทย์สมองแบบพ่อนี่นา นะครับๆ "
" แกไม่ต้องเดินตามรอยฉันทุกอย่างก็ได้ เจ้าลูกชายตัวแสบ "
" น่าาา นะครับๆๆๆๆ "
ผมอ้อนตาแป๋วใส่คุณพ่อ แน่นอนว่าคุณพ่อต้องแพ้ลูกอ้อนแบบนี้ของผมอยู่เสมอ
" ก็ได้ๆ "
" เย้ คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย "
----------------------------------------
ฝากติชมด้วยนะครับ สนุกไม่สนุกยังไงบอกกันได้