{ { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]  (อ่าน 33038 ครั้ง)

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
















สวัสดีครับ
เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของผม
อาจจะมีสะดุดบ้าง อ่านแล้วรู้สึกติดขัดไปบ้าง
ภาษาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก
สัญญาว่าต่อไปจะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ  :L2:





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2018 23:32:28 โดย lostboy »

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 1

ผมชื่อบีมครับ เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 3 จะเรียกผมว่าหมอบีมเหมือนที่เพื่อนๆเรียกก็ได้นะครับ ที่จริงผมเป็นเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่ผมอยากเป็นหมอเหมือนพ่อ ทำให้ผมต้องขยันอ่านหนังสือจนสอบติดแพทย์ และผมก็เอาแต่อ่านหนังสือไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ ไปไหนผมก็ไปคนเดียวตลอด

วันนี้ผมก็มากินข้าวที่โรงอาหารคณะแพทย์คนเดียวเช่นเคย ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบนะครับ เพื่อนชวนผมไปนั่งด้วย แต่ผมอยากอ่านหนังสือมากกว่า กินข้าวไปอ่านหนังสือไปนี่แหละครับ จะทำไงได้ล่ะ ผมหัวไม่ดีเหมือนคนอื่นก็ต้องขยันสิครับ

ระหว่างที่ผมกำลังกินข้าวอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆทั้งโรงอาหาร ดารามาเปิดคอนเสิร์ตรึไงวะ?

“ อร๊ายยย พี่แวม ”

“ กรี๊ดดด แกดูสิ พี่แวมมา ”

“ กรี๊ดดดหล่อมาก ”

ผมต้องเอามืออุดหูปิดเสียงกรี๊ดไว้แทบไม่ทัน อะไรจะกรี๊ดขนาดนั้น?

โอ้ววว หล่อจริงๆด้วยว่ะ

ผมมองออกไปหน้าโรงอาหารก็เห็นหนุ่มหล่อ สูง ขาว ตาคม หุ่นนายแบบ หน้าตายังกับพระเอกหนังฮ่องกง ใส่ช็อปวิศวะโคตรเท่ห์ แม่ง ขับรถสป็อตราคาแพงซะด้วย ท่าทางคงจะรวยน่าดู แต่เสียอย่างเดียว ขี้เก๊กชะมัด

“ นั่นพี่แวม อยู่คณะวิศวะปี 3 อดีตเดือนมหาลัยค่ะ ”
ข้าวฟ่าง น้องรหัสจอมจุ้นของผมรีบพุ่งตัวมานั่งข้างๆผม พร้อมเม้าส์เรื่องไอ้ขี้เก๊กนั่นทันที อืม ระดับเดือนมหาลัยเลยเหรอ? แต่จะว่าไปผมก็พอจะคุ้นหน้าคุ้นตามันอยู่บ้างนะ

“ เหรอ? ”
ผมตอบอย่างไม่สนใจอะไรนัก

“ เห็นว่ากำลังกิ๊กกั๊กอยู่กับพี่เฟย์นะคะ ”
แฮ่กๆๆ ผมแทบสำลักข้าวที่กินเข้าไปเมื่อกี๊ทันที ก็เฟย์คือผู้หญิงที่ผมตามจีบมาตั้งแต่ปี 1 นี่ครับ ผมชอบเธอมาก เธอเป็นอดีตดาวคณะแพทย์ ทั้งสวยทั้งน่ารัก ใครๆก็ชอบ

แต่ไอ้ขี้เก๊กนี่มันเป็นใคร? อยู่ดีๆมาแย่งเฟย์ไปจากผมง่ายๆเฉยเลย

ว่าแล้วผมก็เห็นนางฟ้าของผมกำลังเดินไปหาไอ้ขี้เก๊กนั่น เฟย์ควงแขนไอ้แวมขึ้นรถสปอร์ตสุดหรูออกไปแล้ว

แต่ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมเห็นไอ้ขี้เก๊กนั่นมองมาที่ผมด้วยนะ แบบนี้มันหยามกันชัดๆ

“ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ”
เฟย์เอ่ยขอบคุณไอ้แวมที่ขับรถมาส่งเธอหน้าคณะเพื่อเรียนรอบบ่าย ก่อนที่เธอจะเอี้ยวไปหอมแก้มมันต่อหน้าต่อตาผม ให้ตายเถอะ เจ็บชะมัด

“ เฟย์ ”
ผมเอ่ยเรียกเธอก่อนที่เธอจะเข้าห้องเรียน

“ เอ้า หมอบีม มีอะไรเหรอ? ”
เธอยังคงทำท่าทีร่าเริงสดใสเช่นเคย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเธอ

“ คนเมื่อกี้แฟนเฟย์เหรอ? ”
ผมถาม

“ ใช่ ทำไมเหรอ? ”
เธอตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

“ เปล่า ”
ผมได้แต่สะกดกั้นความเสียใจเอาไว้ จะทำไงได้ล่ะ ผมหล่อสู้ไอ้ขี้เก๊กนั่นไม่ได้อยู่แล้วนี่

“ ไอ้หมอบีม หน้าตามึงเศร้าๆนะเว้ย ”
หลังเลิกเรียน ไอ้หมอก่อเพื่อนของผมมันก็เดินมาเกาะไหล่ผมทันที

“ หมอบีมอกหักเหรอครับ? ”
ไอ้นี่คือคุณหมอเกื้อ แฝดน้องของไอ้ก่อ มันเป็นคนสุภาพมากๆครับ

สองคนนี้หน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยและไลฟ์สไตล์ต่างกันสุดขั้ว ไอ้ก่อแม่งเป็นหมอสายเถื่อน ชอบทำตัวเซอร์ๆ ส่วนไอ้เกื้อสุภาพเรียบร้อยโคตร จุดสังเกตคือไอ้เกื้อจะย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนเซ็ตผมเรียบร้อยทุกวัน ส่วนไอ้ก่อผมดำธรรมชาติแต่ยุ่งไม่ค่อยเป็นทรง มันบอกว่าแนวดี เออ เอาเถอะ พวกมึงหน้าตาดีทำอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ

“ เย็นนี้ไปแดกเหล้าย้อมใจกับกูมั๊ยมึง? ”
ไอ้ก่อเอ่ยปากชวน

“ ไม่ได้นะก่อ เดี๋ยวแม่ก็บ่นอีกหรอก ”
ไอ้เกื้อทำหน้าดุใส่ไอ้ก่อ

“ มึงก็อย่าบอกแม่ดิ บอกว่าไปติวหนังสือกับเพื่อนไง ”

“ โกหกแม่มันไม่ดีนะก่อ ”

“ พอๆๆ พวกมึงเลิกเถียงกันได้แล้ว ”
ผมรีบห้ามไอ้สองพี่น้องก่อนที่มันจะเถียงกันไปมากกว่านี้

“ แล้วสรุปมึงจะไปไม่ไป? ”
ไอ้ก่อหันมาถามผม

“ เออ วันนี้กูไป ”
ปกติไอ้ก่อชวนไปกินเหล้าทุกวัน ผมก็ไม่ค่อยไปกับมันหรอกครับ แต่วันนี้ผมอยากจะย้อมใจจากการอกหักซะหน่อย

“ ถ้าหมอบีมอยากไป เกื้อคงต้องยอมโกหกแม่แล้วล่ะครับ ”
ไอ้หมอเกื้อทำหน้ารู้สึกผิด

“ ดีมากน้องรัก มันต้องอย่างงี้ ”
ไอ้ก่อเดินไปกอดคอไอ้เกื้อ ก่อนจะกอดคอผมให้เดินไปด้วยกัน

ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็เป็นลูกคนรวย กินเที่ยวใช้เงินตามใจชอบ แต่ดีหน่อยที่ตั้งใจเรียน วันนี้มันก็พาผมมาเที่ยวผับใหญ่ในย่านใจกลางเมืองที่มีแต่พวกลูกไฮโซเขาเที่ยวกัน

“ ไปร้านเหล้าหลังมอไม่ง่ายกว่าเหรอวะ? ”
ผมบอกมัน เพราะที่นี่ก็ไกลจากมหาลัยพอสมควร เดี๋ยวพวกมันก็ต้องขับรถกลับไปส่งผมอีก

“ ที่นี่แหละเด็ด เอาน่า กูเลี้ยงเต็มที่เว้ย ”
ไอ้ก่อพูด

พอรถมันจอดหน้าผับก็มีพนักงานมารับรถไปจอดทันที ไม่ต้องหาที่จอดรถให้ยาก เพราะไอ้ก่อมาที่นี่บ่อยจนกลายเป็นลูกค้าวีไอพีไปแล้ว

ตอนพวกผมเปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นชุดลำลองสำหรับเที่ยวกลางคืนโดยเฉพาะ ไอ้ก่อแม่งก็แต่งซะเซอร์ แต่มันก็เซอร์แบบดูดีมีระดับนะ ส่วนไอ้เกื้อแม่งก็ดูเท่ห์ชะมัด เห็นเรียบร้อยๆที่จริงมันแต่งตัวเก่งมาก เรื่องแฟชั่นนี่ขอให้บอก สไตล์ไหนฮ็อตฮิตมันตามทันหมด

พูดแล้วก็สงสารตัวเอง ใครจะแต่งตัวเฉิ่มได้เท่าผมเนี่ย เสื้อเชิ้ตสีดำคู่กับกางเกงยีนธรรมดาๆ แถมยังใส่แว่นสายตาอีก แล้วสาวๆที่ไหนจะมองผมล่ะเนี่ย

พูดถึงสาวก็ทำให้ชวนนึกถึงเฟย์ นางฟ้าของผม อุตส่าห์ตามจีบมาตั้งนานไม่เคยจะสนใจ ไอ้ขี้เก๊กนั่นมาจากไหนไม่รู้ จีบแป๊ปเดียวก็คาบเธอไปกินซะได้

“ เอ้าชนนน!! ”

“ ชน!! ”

“ ชนเว้ย!! ”

“ แดกๆๆ ”

มากันแค่สามคนแต่แม่งเฮฮาชิบหาย เสียงดังกว่าโต๊ะอื่นอีก จังหวะเพลงEDMนี่ก็มันส์เหลือเกิน ว่าแล้วไอ้ก่อก็ลุกขึ้นไปเต้นในฟลอร์คลอเคลียกับสาวสวยเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ไอ้เกื้อที่ยังไม่เมา มันบอกว่าจะคอยดูแลเก็บซากพวกผมตอนเมาเอง ช่างเป็นคนดีจริงๆพ่อคุณ

ผมลุกขึ้นไปเต้นกับไอ้ก่ออย่างสนุกสนาน ก็มีสาวๆเข้ามาเต้นด้วยบ้างเป็นธรรมดา ผมปลดปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะเสียงเพลงได้สักพัก สายตาก็เหลือบไปเห็นโจทย์ตัวดีเข้าให้แล้ว ไอ้แวมแฟนเฟย์กำลังนัวเนียกับสาวที่ไหนก็ไม่รู้อยู่อีกมุม นี่มึงนอกใจนางฟ้าของกูเหรอวะ? แย่งของกูไปแล้วยังดูแลไม่ดีอีก อย่างนี้ต้องสั่งสอน

ผมรีบพุ่งเข้าไปกระชากไอ้แวมออกมาจากสาวสวยคนนั้น ก่อนจะใส่หมัดเข้าปากมันไปแรงๆจนเลือดมันไหลมาที่มุมปาก มันยังคงสีหน้านิ่งเช่นเดิม มันใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปากออกช้าๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ เฮ้ย มีเรื่องอะไรกันวะ? ”
ไอ้เกื้อวิ่งมาดึงผมไว้ไม่ให้คลุ้มคลั่งมากไปกว่านี้

“ ก็ไอ้เชี่ยนี่ดิ มันนอกใจเฟย์ ”

ไอ้แวมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแบบงงๆ นี่มึงจะไม่รู้สึกผิดจริงๆใช่มั๊ย? ผมกำลังจะซัดมันต่อแต่การ์ดของผับสองคนก็มาจับผมไว้ซะก่อน

“ อย่าทำร้ายเขา ”
ไอ้แวมพูดประโยคนั้นกับการ์ดก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้การ์ดลากผมออกไป

ฟึ่บ

ผมถูกผลักออกจากประตูอย่างไม่ใยดี ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็วิ่งตามมาทันที

“ มีเรื่องอะไรวะ? ”
ไอ้ก่อยังคงเมาอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีสติพอจะถามถึงเรื่องของผม

“ ก็หมอบีมไปต่อยหน้าลูกชายเจ้าของผับน่ะสิ ”
ไอ้เกื้อตอบ

“ ฮะ? คุณแวมอ่ะนะ? เชี่ย กูจะโดนตัดออกจากลูกค้าวีไอพีป่ะเนี่ย? โถ่ว ทำไรไม่ปรึกษากันเลยวะไอ้หมอบีม ”

“ กูคงเมาไปหน่อยว่ะ ”
ผมตอบอย่างรู้สึกผิด

“ เออๆๆ ช่างเหอะ กลับกันดีกว่า ”
ไอ้ก่อรีบชวนพวกผมกลับเพราะกลัวจะโดนตัดสิทธิ์ลูกค้าวีไอพี แล้ววันนี้ก็หมดสนุกแล้วด้วย

ขากลับไอ้เกื้อเป็นคนขับรถแทนไอ้ก่อ ระหว่างทางไปมหาลัยต้องผ่านถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยว ผมรู้สึกว่าอากาศมันเริ่มจะเย็นๆยังไงก็ไม่รู้ เย็นกว่าปกติมากจนเริ่มจะขนลุก ไม่รู้ว่าผมอุปทานขึ้นมาเองรึเปล่า แต่ผมขอภาวนาให้รถไม่เสียกลางทางก็พอ

แก๊ก เอี๊ยด
นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ อยู่ดีๆรถก็จอดเฉยเลย

“ รถดับว่ะ ”
ไอ้เกื้อหันมาพูดกับผม ไอ้ก่อก็หลับเป็นตายตั้งแต่ขึ้นรถไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย

“ เอาไงดีวะ? ”

“ เดี๋ยวผมโทรเรียกช่างมาซ่อมแล้วกัน ”

“ ดึกป่านนี้เนี่ยนะ? ”

“ เออ ผมมีช่างที่รู้จักอยู่ ”
แล้วไอ้เกื้อก็กดโทรศัพท์โทรหาช่างทันที

ตอนนี้เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ผมมองออกไปด้านนอก สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าทึบ บรรยากาศวังเวงชวนขนลุกชะมัด ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ ไม่นะ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วย

“ หมอบีมเป็นไรครับ? ดูหน้าซีดๆ ”

“ ปะ...เปล่าๆ ”

รอประมาณครึ่งชั่วโมงช่างก็มาถึงและใช้เวลาซ่อมไปชั่วโมงกว่า ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปตีสองกว่าแล้ว ผมเริ่มจะสร่างเมาเต็มที่แล้วล่ะครับ ผมกลับมาเอารถที่จอดไว้ในมหาลัย ผมกำลังจะขับรถกลับหอ แต่อยู่ดีๆไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมขับรถไปหาพ่อที่โรงพยาบาลซะงั้น และก็บังเอิญมากที่ตอนนี้คุณพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลพอดี

“ เอ้า หมอบีม มาทำไมดึกดื่นล่ะลูก ”
คุณพ่อเอ่ยถามผม

“ ก็มาดูคุณพ่อทำงานไงครับ? ศึกษาชีวิตศัลยแพทย์ไง ”

“ วันนี้พ่อมีเคสผ่าตัดใหญ่นะ คนนอกคงจะเข้าไปดูไม่ได้ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ผมดูอยู่ข้างนอกก็ได้ ”

“ นั่นไงมาพอดีเลย ”
รถไซเลนของโรงพยาบาลเคลื่อนมาจอดอย่างรอดเร็ว พร้อมกับร่างของคนที่ผมคุ้นเคย ผมเพ่งดูไอ้คนที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งพยาบาลและญาติต่างวิ่งวุ่นวายไปหมด เพราะมันบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ถ้าไม่รีบคงไม่รอด

ผมมองชัดๆจนแน่ใจว่าร่างที่อาบไปด้วยเลือดนั้นคือคนเดียวกับคนที่ผมเพิ่งไปต่อยหน้ามันมาไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ตอนนี้มันถูกกระสุนเจาะเข้ากลางศีรษะเต็มๆ ไม่รู้บาปกรรมอะไรของมันนะ มันคงจะไม่รอดแน่ๆ ผมขออโหสิกรรมให้มันเลยแล้วกัน

“ คุณหมอต้องช่วยลูกผมนะครับ เท่าไหร่ผมก็ยอมจ่าย ถ้าลูกผมรอด ผมจะสนับสนุนเงินให้โรงบาลนี้เต็มที่เลยครับ ”
นักการเมืองชื่อดังที่ผมมักจะคุ้นหน้าคุ้นตาในทีวีหรือในหน้าหนังสือพิมพ์ก็คือพ่อของไอ้แวม ตอนนี้ท่านดูกระวนกระวายมาก ใบหน้าท่านอาบไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกของพ่อที่ไม่อยากเสียลูกไปสินะ

“ ใจเย็นๆนะครับ ทางเราจะช่วยเต็มที่ ”
พ่อของผมหันไปพูดกับท่านนักการเมืองก่อนจะวิ่งเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างรวดเร็ว

ผมในฐานะอนาคตแพทย์ก็ต้องทำใจยอมรับกับเหตุการณ์แบบนี้ให้ได้เป็นเรื่องธรรมดา

เช้าวันถัดมา วันนี้ผมไม่มีเรียน เมื่อคืนก็เพลียมาก เจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ทำให้ผมหลับยาวจนตื่นสายขนาดนี้ ผมหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะกินข้าวขึ้นมาอ่าน

พาดหัวข่าว : ไม่น่าเชื่อ! ลูกชายนักการเมืองชื่อดัง โดนยิงกลางศีรษะรอดปาฏิหารย์

นี่มันข่าวไอ้แวมนี่นา รอดงั้นเหรอ? พ่อเรานี่เก่งจริงๆเลย

" อืม น่าสนๆ คุณพ่อเป็นคนดูแลคนไข้เคสนี้ใช่มั๊ยครับ? "
ผมหันไปถามคุณพ่อที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อยอยู่

" ใช่ "

" ให้ผมช่วยดูแลด้วยนะครับ นะครับๆๆ "
ผมขยับเข้าไปอ้อนคุณพ่อเหมือนเด็กๆ

" นี่หมอบีม แกเพิ่งเรียนแพทย์ปี 3 เองนะ สอบทฤษฎีให้มันรอดก่อนเถอะ "
พ่อจัดการเขกหัวผมเบาๆทีนึง

" ก็ผมอยากเป็นศัลยแพทย์สมองแบบพ่อนี่นา นะครับๆ "

" แกไม่ต้องเดินตามรอยฉันทุกอย่างก็ได้ เจ้าลูกชายตัวแสบ "

" น่าาา นะครับๆๆๆๆ "
ผมอ้อนตาแป๋วใส่คุณพ่อ แน่นอนว่าคุณพ่อต้องแพ้ลูกอ้อนแบบนี้ของผมอยู่เสมอ

" ก็ได้ๆ "

" เย้ คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย "






----------------------------------------

ฝากติชมด้วยนะครับ สนุกไม่สนุกยังไงบอกกันได้  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2018 01:30:48 โดย lostboy »

ออฟไลน์ worry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องนี้จะมีผีรึเปล่า? :katai5:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
^
^
นั่นสิคะ มันมีอะไรตงิด ๆ อยู่นะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
รอดได้ไง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: รอๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 2



“ ทีมแพทย์ยังบอกไม่ได้ว่าคนไข้จะฟื้นเมื่อไหร่นะครับ และทางเราก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าถ้าคนไข้ฟื้นแล้ว จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมรึเปล่า ”
คุณพ่อชี้แจงผลการรักษาให้ญาติคนไข้ฟัง

“ ไม่เป็นไรครับ แค่ลูกชายผมปลอดภัย ผมก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะครับคุณหมอ ”
ท่านนักการเมืองใหญ่กล่าวขอบคุณศัลยแพทย์เจ้าของไข้ ตอนนี้หน้าตาท่านดูเศร้าอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาสูญเสียลูกชายไป เพราะถึงเขาจะรอด แต่เคสแบบนี้ผมว่าโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาเป็นปกติแทบไม่มีเลย

ท่านมาวิน ศิริบูรณ์ไพศาล คือนักการเมืองชื่อดังที่น่าจับตาที่สุดในตอนนี้ คงไม่แปลกถ้าจะมีศัตรูอยู่บ้าง และก็เป็นไปได้ที่ลูกชายของเขาอาจจะโดนหารเลขไปด้วย เลยต้องมาถูกยิงแบบนี้

ท่านนักการเมืองใหญ่ก็ให้เงินมากมายเพื่ออุดหนุนงบโรงพยาบาลแห่งนี้ตามที่เคยบอกไว้ เขางานยุ่งจนไม่มีเวลามาเยี่ยมลูกชาย แต่ก็จ้างพยาบาลส่วนตัวไว้คอยดูแลแล้ว

ผมจะเข้ามาดูด้วยทุกครั้งที่พ่อมาตรวจคนไข้เคสนี้ เพราะมันเป็นเคสที่ยากและน่าสนใจมากสำหรับนักศึกษาแพทย์ไฟแรงอย่างผมที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นศัลยแพทย์เก่งๆเหมือนคุณพ่อ

“ คุณพ่อครับ วันนี้มีตรวจคนไข้ห้อง 502 รึเปล่าครับ? ”
ผมถามคำถามนี้กับคุณพ่อทุกครั้งที่มาโรงพยาบาล

“ หืม? ทำไมสนใจเคสนี้นักล่ะ? ”

“ ไม่รู้สิครับ ”
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงสนใจเคสนี้นักหนา ทุกวันผมจะคอยถามคุณพ่อตลอดว่าเขาเป็นไงบ้าง

แต่ช่วงนี้ผมมีเรียนภาคค่ำและสอบย่อยติดกันหลายบ็อก เพราะปี3ค่อนข้างเรียนหนักพอสมควร เพื่อเตรียมเริ่มเข้าชั้นคลินิก ทำให้หลายวันมานี้ผมไม่ได้ไปดูอาการไอ้แวมเลย

อยากเจอ...
 เหมือนมีอะไรสะกิดใจทำให้ผมอยากเจอไอ้คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้นตลอดเวลา ทั้งๆที่มันก็นอนอยู่ที่เดิมทุกวันไม่ไปไหน

แต่ผมนี่สิ ยิ่งไม่เจอมันนานๆก็ยิ่งรู้สึกกังวล อยากเจอมันอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ โอเค วันนี้เลิกคลาสได้ อย่าลืมไปทบทวนชีทที่อาจารย์ให้ไปล่ะ ”
พออาจารย์บอกเลิกคลาส ผมก็เก็บของออกจากห้องเรียนอย่างเร่งรีบ ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อถามผมว่าจะรีบไปไหนผมก็ไม่ตอบ

ผมขับรถมาโรงพยาบาลเพื่อที่จะเจอหน้าไอ้ขี้เก๊กที่ผมเคยเกลียดขี้หน้ามัน แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกอยากเจอหน้ามันขนาดนี้นะ

วันนี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว ทั้งโรงพยาบาลก็เหลือแค่แพทย์เวรกับพยาบาลอยู่ไม่กี่คน

ผมเดินเข้าไปในตึกผู้ป่วย พยาบาลที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็เอ่ยทักทายผมเช่นเคย เพราะผมมาหาคุณพ่อที่นี่บ่อยจนเธอจำได้ แต่วันนี้สีหน้าเธอดูแปลกๆ

“ หมอบีมมาทำอะไรเหรอคะ? ”
เธอเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าหวาดระแวง

“ มาเยี่ยมคนไข้ของคุณพ่อครับ ”

“ อะ...เอ่อ ห้อง 502 เหรอคะ? ”
สีหน้าเธอดูหวั่นๆเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
 
ผมพยักหน้ายิ้มรับก่อนจะรีบตรงไปที่ลิฟท์ โดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกของพยาบาลคนนั้นเลย

พอกดปุ่มประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็วเพราะไม่ต้องรอลิฟท์ ดึกขนาดนี้คงไม่ใครใช้ลิฟท์แล้วล่ะ

ตอนนี้ในลิฟท์มีผมคนเดียว บรรยากาศเงียบสงัด วังเวงมาก ผมเป็นนักศึกษาแพทย์คงต้องทำใจให้ชินกับเรื่องน่าขนลุกพวกนี้ แต่ในใจก็แอบกลัวอยู่นิดๆเหมือนกัน ผมรีบเอื้อมมือไปกดปุ่มชั้น 5 อย่างรวดเร็ว ลิฟท์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างเชื่องช้าจนน่าอึดอัด พอประตูเปิดผมก็พุ่งตัวออกมาทันที

ให้ตายเถอะ อยู่ในลิฟท์อึดอัดชะมัด แต่พอออกมาข้างนอกแล้ว... เอ่อ ทำไมบรรยากาศชั้น 5 ถึงวังเวงขนาดนี้ ดูแล้วเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคน

ผมค่อยๆเดินผ่านทางเดินที่ค่อนข้างมืด หลอดไฟบางดวงติดๆดับๆราวกับในหนังสยองขวัญ แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว เรียกช่างมาเปลี่ยนก็ไม่มาสักที

มันเงียบมาก จนได้ยินแค่เพียงเสียงฝีเท้ากระทบพื้นเท่านั้น

ตึก ตึก ตึก

ใจผมเริ่มสั่น แต่ก็ต้องปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไร ไม่มีอะไรหรอกน่า ผมค่อยๆก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ผมชะเง้อคอมองผ่านช่องกระจกที่ติดอยู่ประตูห้อง 501 เอ่า ทั้งห้องว่างเปล่าไม่มีคน ห้องอื่นๆก็เช่นกัน คนไข้ชั้นนี้ไปไหนหมด?

แต่ช่างเถอะ ผมมาหาคนไข้ห้อง 502 ซึ่งก็บังเอิญเป็นห้องเดียวที่ยังมีคนไข้นอนอยู่

ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบร่างของไอ้ขี้เก๊กนอนหลับตาพริ้มอยู่เช่นเคย ตอนนี้มันมีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด แต่ก็บดบังความหล่อของร่างตรงหน้าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยังคงดูดีราวกับเทพบุตรเช่นเดิม คนอะไรขนาดหลับยังเก๊กหน้าหล่อ

“ ไง ไม่ได้เจอกันนาน ดูดีขึ้นนะเนี่ย ”
ผมพูดกับคนที่หลับอยู่เช่นทุกครั้ง ถึงรู้ว่าจะไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาก็ตาม

“ พยาบาลส่วนตัวนายไปไหนแล้วล่ะ? อยู่คนเดียวคงเหงาสินะ ”
ผมลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเตียงคนไข้

“ ตอนตื่นก็ชอบทำหน้าขี้เก๊ก ตอนหลับยังจะเก๊กหล่ออีกเหรอ? ”

“ เฮ้อ ”
นี่กูพูดกับก้อนหินเหรอวะเนี่ย?

แล้วพยาบาลทำไมปล่อยมันไว้แบบนี้ ถ้ามันเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะช่วยได้ทัน

ไม่ไหว แย่จริงๆเลย

“ คุณพยาบาลที่ดูแลห้อง 502 ไปไหนครับ? ”
ผมกดโทรศัพท์ไปที่แผนกพยาบาลที่อยู่ชั้นล่าง

“ คุณหมอบีมเข้าไปในห้องนั้นเหรอคะ? ”
พยาบาลสาวถามผมด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ

“ ครับ ”

“ เอ่อ...คือว่า...พยาบาลรับดูแลคนไข้ห้องนั้นแค่ตอนกลางวันเท่านั้นค่ะ ”
ปลายสายพูดเสียงสั่น

“ เอ่า แล้วตอนกลางคืนล่ะครับ? ถ้าเกิดคนไข้เป็นอะไรขึ้นมากลางดึกจะทำยังไง? ”

“ ตอนกลางคืนไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้นนั้นเลยค่ะ คนไข้ห้องอื่นที่อยู่ชั้นนั้นก็ย้ายไปชั้นอื่นหมดแล้วค่ะ ”

“ ชั้นนี้มีอะไรงั้นเหรอ? ”
ผมเริ่มใจสั่นอีกครั้ง อุตส่าห์พยายามไม่คิดแล้วนะ ขอภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย

“ มะ...มี... ”
เธอยังอั้มอึ้งไม่กล้าพูด

“ มีอะไร? ”

ตื้ดดด
เอ่า สายหลุดอะไรตอนนี้วะ?

ผมมองไปรอบๆห้องอย่างหวั่นๆ ผมกลัวมากขึ้นหลังจากที่ได้ยินเรื่องที่พยาบาลบอก นี่ผมพยายามทำใจดีสู้เสือไม่คิดเรื่องผีแล้ว แต่ตอนนี้บอกเลยว่าผมเริ่มจะกลัวมากขึ้นทุกทีๆ

เย็น ทำไมรู้สึกว่าแอร์ห้องนี้มันเย็นแปลกๆนะ

ฟิ้ววว
ผ้าม่านที่ปกคลุมประตูระเบียงปลิวไสวเบาๆ

ทั้งๆที่ประตูปิดอยู่เนี่ยนะ!

ผมเพ่งสายตามองไปที่ผ้าม่านบางๆผืนนั้น และหัวใจของผมก็แทบหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อผมเห็นเงาใครบางคนอยู่ที่ระเบียงด้านนอกนั่น

ตอนนี้สมองผมรวนไปหมด ความคิดนึงสั่งให้เดินเข้าไปดูใกล้ๆว่าเงานั้นคือใครหรืออะไรกันแน่ แต่อีกความคิดก็สั่งให้รีบหนีออกไปจากที่นี่เถอะ การเดินเข้าไปดูตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

แต่ใจเจ้ากรรมดันออกคำสั่งให้ร่างกายของผมเลือกช้อยส์ข้อแรก เอาวะ! ไม่เสี่ยงไม่รู้นะเว้ย ผมค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าเดินตรงไปที่ระเบียงอย่างเงียบๆ

ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าผ้าม่านที่ปกคลุมประตูระเบียงเรียบร้อยแล้ว เงานั่นยังอยู่ที่เดิมไม่หายไปไหน เหงื่อผมเริ่มซึมออกจากใบหน้าด้วยความตื่นเต้นปนหวาดระแวง ผมหลับตาเลื่อนผ้าม่านออกช้า

มือผมคลำไปปลดกลอนประตูกระจกอย่างยากลำบากเพราะผมไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้น

แก็ก

ครืดดด
เสียงประตูเลื่อนยิ่งทำให้ผมใจสั่นระรัวมากขึ้นทุกที

ใจเย็นๆนะหมอบีม มึงทำได้ ผมปลอบใจตัวเองพร้อมสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อกำจัดความกลัว

พร้อมนะ 3 2 1...

ผมนับถอยหลังเรียกความกล้าให้ตัวเอง ก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาออกช้าๆ

และภาพที่ผมเห็นตรงหน้าก็ทำให้ผมแทบช็อค อยากจะเป็นลมล้มลงไปกองกับพื้นจริงๆ ก็คนที่นั่งชันเข่าอยู่บนรั้วกั้นระเบียง คือคนเดียวกันกับไอ้หน้าหล่อขี้เก็กที่นอนอยู่บนเตียงข้างหลังผมไงล่ะ

“ ผะ...ผะ...ผี... ”
ผมเข่าอ่อนลงไปนั่งกับพื้น อยากจะวิ่งหนีไปให้เร็ว แต่ก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ

น่าแปลกที่ไอ้ผีหน้าหล่อใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อย แถมใส่ช็อปวิศวะอีกต่างห่าง คงจะเหมือนที่ผมเคยอ่านเรื่องผีว่าคนตายไปแล้วก็จะอยู่กับอะไรที่ชอบๆ มันคงจะชอบชุดนี้สินะ

ตอนนี้มันนั่งชันเข่าข้างเดียวบนรั้วระเบียง ขาอีกข้างหย่อนลงมาข้างล่าง หันหน้ามองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย ด้วยความที่มันรูปร่างหน้าตาดีเลยทำให้ภาพตรงหน้าดูเหมือนมันกำลังเก๊กท่าถ่ายแบบอยู่

กลัวก็กลัวยังจะมานั่งวิจารณ์อะไรมันอีก ท่าทางมันคงยังไม่เห็นผม รีบรวบรวมแรงลุกขึ้นหนีดีกว่าว่ะ

“ จะไปไหน? ”

“ เฮ้ย! ”
ผมตกใจกับเสียงทุ้มนั่น จนทำให้ผมเข่าอ่อนล้มลงอีกครั้ง

“ กลัวเหรอ? ”
เสียงมันดูปกติไม่หลอนเหมือนผีที่เคยเห็นในทีวี หน้าตามันก็ไม่น่ากลัว ถึงจะดูซีดๆหน่อยแต่ก็ยังดูดี หน้าใสกริ๊งไม่มีแผลเหวอหวะใดๆทั้งสิ้น แถมท่าทางมันก็ดูขี้เก๊กเหมือนตอนเป็นคนไม่มีผิด

“ ไม่กลัวเว้ย! ”
ผมพยายามเค้นเสียงให้หนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ในใจจะยังกลัวอยู่ก็เถอะ ผมคนนะครับ ผมก็กลัวผีเหมือนกัน

“ ผมนึกว่าหมอจะวิ่งหนีผมเหมือนคนอื่นซะอีก ”

“ หมอ? นายรู้จักฉันด้วยเหรอ? ”

“ อืม ”
มันตอบคำเดียว เสียงเรียบมาก ให้ตายเถอะ เป็นผีแล้วยังคีพคูลอีก

“ แล้วนายไปหลอกคนอื่นทำไม? เขากลัวจนไม่มีใครกล้าอยู่ชั้นนี้แล้ว เดือดร้อนกันหมด ”
ผมบ่นจนลืมไปเลยว่าคุยกับผีอยู่ ความกลัวเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ

“ ผมไม่ได้ตั้งใจ ”
มันทำหน้าเศร้าๆแล้วเหม่อลอยมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง จะว่าไปมันก็น่าสงสารนะ

“ เออๆๆ อย่าทำอีกแล้วกัน คนเขากลัว ”

“ ผมไม่ใช่ผีนะ ”

“ จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ ดูนั่น ร่างนายอยู่ตรงนั้น ”
ผมชี้ไปที่ร่างของมันที่แยกออกจากวิญญาณเรียบร้อยแล้ว

“ ผมยังไม่ตายนะครับหมอ ”
มันเดินไปที่เตียงช้าๆ ผมมองลงไปที่พื้น เห้อ ยังดีที่ขาไม่ลอยเหนือพื้นแบบผีในหนัง ผมลุกขึ้นเดินตามมันไป

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
มันชี้ไปที่เครื่องวัดชีพจรที่แสดงการเต้นของหัวใจเป็นจังหวะปกติ

อืม มันยังไม่ตายจริงๆด้วย

แต่ผมกำลังคุยกับวิญญาณเนี่ยนะ!

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
น่าเห็นใจอยู่นะ
ว่าแต่เห็นกันทุกคนเลยเหรอ

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 3



( Line group : The Doc )

Beam : ตื่นกันยังวะ?
- 4.45น.

เกื้อกูล : ผมตื่นมาอ่านหนังสือครับ ก่อหลับอยู่ ให้ปลุกมั๊ย?
- 4.46น.

Beam : เออๆ
- 4.46น.

KK0101 : มีไรแต่เช้าวะ?
- 4.59น.

Beam : ไปเที่ยวกัน
- 5.00น.

KK0101 : ไรของมึงวะหมอบีม? ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนพวกกูไปเที่ยว ไปไหนมึงก็ชอบไปคนเดียวตลอด
- 5.02น.

เกื้อกูล : ไปไหนครับ?
- 5.02น.

Beam : ไปวัด
- 5.03น.

KK0101 : สัส กูนอนต่อละ
- 5.03น.

เกื้อกูล : เราไม่ได้เข้าวัดนานแล้วนะ ไปกันๆๆ
- 5.04น.

Beam : เออ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย ช่วงนี้กูไม่อยากไปไหนมาไหนคนเดียว
- 5.05น.

KK0101 : ไรของมึงวะ? เออๆๆ ก็ได้ เดี๋ยวไปรถกูละกัน
- 5.06น.

Beam : เคๆ ออกมาเลย ให้ไว
- 5.06น.

KK0101 : เออ
- 5.06น.


“ มาทำบุญก็ดีเหมือนกันนะครับ จะได้อุทิศส่วนกุศลให้เหล่าอาจารย์ใหญ่ด้วย ”
ไอ้เกื้อถือเครื่องสังคทานมาพร้อม ดูมันจะดีใจมากที่ผมชวนเข้าวัด

“ ไอ้หมอบีม วันไม่มีเรียนทั้งที ทำไมไม่หาอะไรสนุกๆทำวะ? ”
ไอ้ก่อบ่นแบบนี้ตั้งแต่ออกจากบ้าน จนตอนนี้ก็ยังบ่นไม่เลิก

“ เออ นี่แหละสนุก มาๆๆ ”
ผมลากแขนไอ้ก่อกับไอ้เกื้อให้ตามเข้ามาในวัด

หน้าตาไอ้เกื้อดูมีความสุขสุดๆ ส่วนไอ้ก่อตอนแรกทำหน้าบึ้งยังกะตูดเป็ด แต่พอพระท่านเริ่มบรรยายธรรม มันก็ดูสนอกสนใจ ตั้งใจฟังมาก แถมมันยังบอกอีกว่าได้ข้อคิดเยอะเลย

“ ชาติก่อนคงทำบุญร่วมกันมาเยอะ ชาตินี้จึงยังไม่ถึงคราวต้องพลัดพรากจากกันน่ะโยม ”
พอพระท่านเทศน์เสร็จ ก่อนจะไป ท่านก็พูดประโยคนี้กับผม และอยู่ดีๆภาพของไอ้ผีขี้เก๊กก็แว๊บเข้ามาในหัวซะอย่างนั้น

ทำบุญร่วมกันมาเยอะงั้นเหรอ?

“ พระท่านหมายถึงกูกับมึงป่ะวะ? ”

“ ไม่รู้สิครับ ”
ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ

พอไหว้พระ ฟังเทศน์ฟังธรรมเสร็จ พวกผมก็กรวดน้ำ แล้วก็ปล่อยนกปล่อยปลาไปหลายตัว

“ ในวัดสงบมาก รู้สึกสบายใจจริงๆนะครับ ”
ไอ้เกื้อดูอารมณ์ดีมาก ท่าทางมันจะชอบวัดจริงๆ

“ อือ ก็ดี ”
ไอ้ก่อตอนนี้สีหน้ามันสดใสกว่าเมื่อเช้าเยอะ

“ เออ พวกมึงไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงบาลเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ ”
ตั้งแต่ที่เจอผีครั้งนั้นผมก็ไม่กล้าไปที่นั่นคนเดียวอีก แต่ผมยังรู้สึกอยากเจอหน้ามันอยู่ตลอด งงตัวเองเหมือนกัน กลัวก็กลัว อยากเจอก็อยากเจอ อะไรของกูวะเนี่ย?

“ ไปเยี่ยมใครวะ? ”
ไอ้ก่อถาม

“ เออน่า ไปเถอะ ”

แล้วไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็พาผมมาโรงพยาบาลจนได้ วันนี้มีพยาบาลมาเช็ดตัวและทำกายภาพให้ไอ้แวมตั้งห้าหกคน เธอบอกว่ามากันเยอะๆจะได้อุ่นใจ ไอ้เกื้อได้ฟังเรื่องที่พยาบาลเล่าแล้วก็ออกอาการหวาดกลัวทันที

“ ผีเผออะไร ไม่มีจริงหรอกน่า ”
ไอ้ก่อตบไหล่น้องมันเบาๆ ไอ้นี่มันไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเท่าไหร่ครับ

เฮ้ย!

ผมเบิกตาโพลงเมื่อเห็นไอ้ผีขี้เก๊กกำลังนั่งทำหน้าหล่ออยู่ตรงโซฟา มันขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองหน้าผม

“ ตอนกลางวันหมอก็เห็นผมเหรอ? ”
มันถามผมด้วยสีหน้าตื่นเต้น ผมก็พยักหน้าเบาๆ เพราะถ้าผมตอบมันเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวน่ะสิ

พอมันรู้ว่าผมเห็นมัน มันก็ดูดีใจเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่มุมปากให้ผมเห็นแว๊บนึง แค่แว๊บเดียวจริงๆ แล้วมันก็เก๊กขรึมต่อ

“ พวกเธอ ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ ”

“ ใช่ๆ เริ่มจะขนลุกแล้วอ่ะ ”

“ ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ”
พอเช็ดตัวและทำกายภาพให้คนไข้เสร็จ เหล่าพยาบาลต่างชวนกันรีบออกจากห้อง และหันมากล่าวลาพวกผมอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทั้งห้องก็เหลือแค่พวกผม 3 คน เอ่อ...  4 คนก็ได้

“ ผีคุณแวมมีจริงเหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อเดินมาเกาะหลังผม มันยังคงมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง

“ ไร้สาระน่าเกื้อ ”
ไอ้ก่อเขกหัวน้องมันเบาๆหนึ่งที

“ เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ”
ผมบอก

แก๊ก
เสียงใครบางคนเปิดประตูเข้ามา

สองคนนี้ใครวะ? หน้าคุ้นๆ

หนุ่มสองคนในชุดนักศึกษา คนนึงน่าจะเรียนคณะเกษตรเพราะมันใส่ช็อปคณะมาด้วย ส่วนอีกคนดูเนี๊ยบมาก ดูจากบลุคลิกและนาฬิกาเรือนละหลายแสนที่มันใส่อยู่ บ่งบอกถึงความรวยสุดๆ แต่จะว่าไปสองคนนี้หล่อมาก หล่อพอๆกับไอ้ที่นอนอยู่บนเตียงนั่นเลย พวกนี้มันไม่ใช่คนแล้ว มันคือเทพบุตรชัดๆ

“ ผมขอตัวก่อนนะ ”
ไอ้เกื้อทำหน้าอึ้งตั้งแต่สองคนนั้นเข้ามา แล้วมันก็รีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วจนผมงง ไอ้ก่อกระซิบบอกผมว่าปล่อยมันไปเถอะ

“ พวกนายเป็นใคร? กิ๊กไอ้แวมเหรอ? ”
คนที่ใส่ช็อปคณะเกษตรพูดขึ้น

“ กิ๊กพ่องดิ ”
ไอ้ก่อสวนกลับทันควัน

“ เอ่าไอ้เปี๊ยก ตัวแค่นี้ทำเป็นปากดี ”

“ หรือจะเอาวะ! ”
ไอ้ก่อยกหมัดขึ้นจนผมต้องดึงมันไว้แทบไม่ทัน หนุ่มคณะเกษตรคนนั้นยังคงสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม สามคนนี้มันทำไมนิสัยเหมือนกันจังวะ? นิ่งๆ เก๊กหล่อพอๆกันเลย

“ ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ ”
ผมกล่าวขอโทษแทนเพื่อน ไอ้ก่อถอนหายใจอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกจากห้องไป แต่ก่อนไปมันก็ไม่วายเอาไหล่ไปกระแทกคู่กรณีอย่างแรงจนเขาต้องกัดฟันเก็บอาการโมโห

ปัง!
ไอ้ก่อปิดประตูเสียงดังใส่อีกหนึ่งที

“ ผมก็ขอโทษแทนเพื่อนผมเหมือนกัน แต่คุณก็ควรอมรมณ์มารยาทเพื่อนคุณด้วยนะครับ ”
ไอ้คุณชายสุดเนี๊ยบกล่าวตักเตือนผมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนผมพูดไม่ออก

ผมหันไปมองไอ้ผีขี้เก๊กด้วยสายตาบ่งบอกถึงคำถามประมาณว่าเพื่อนนายเป็นคนแบบนี้เหรอ? และมันก็เหมือนจะรู้ใจผม มันพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีแบบหล่อๆ พร้อมคำว่า “ เออ ”

ครับ...

“ แล้วตกลงคุณเป็นใคร? ”
ไอ้คุณชายถามผม

“ อ่อ หมอบีม ”
ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร ไอ้คณะเกษตรก็ทำหน้านึกขึ้นได้ก่อนจะพูดชื่อผม

“ รู้จักผมด้วยเหรอครับ? ”

“ เห็นในเพจ Cute Boy ของมหาลัย อืม หมอก็น่ารักดีนะ ไอ้แวมสอยมาได้ไงวะ? ”

“ สัส ”
ไอ้คุณชายตบหัวไอ้คณะเกษตรไปทีนึง
“ ขอโทษนะ เพื่อนผมมันปากไวแบบนี้แหละ คิดอะไรก็พูดทันทีเลย ”
ยังดีที่มันขอโทษแทนเพื่อนนะ ว่าแต่ ทำไมคนผิดถึงไม่มีใครเอ่ยขอโทษเลยวะ? ต้องให้เพื่อนรับผิดแทนทั้งคู่ เฮ้อ

“ ผมไม่ได้เป็นกิ๊กแวมหรอกครับ ผมเป็นเพื่อนเค้า ”
ผมแถตอบไป สองคนนั้นก็มองหน้ากันอย่างงงๆ

“ นอกจากเราแล้วไอ้แวมมีเพื่อนด้วยเหรอวะ? ”

“ นั่นดิ ”

“ ช่างเถอะ กูชื่อใต้เมฆนะ เรียกเมฆเฉยๆก็ได้ กูอยู่คณะเกษตรฯ ”
เออ รู้ชื่อซะที เรียกไอ้คณะเกษตรมาตั้งนาน

“ ส่วนผมชื่อนาคิม เรียกคิมแล้วกัน เรียนคณะบริหารฯ ”
ไอ้คุณชายสุดเนี๊ยบก็เอ่ยแนะนำตัวเช่นกัน

“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ”
ผมยิ้มตอบทั้งสองคน

“ ยิ้มน่ารักว่ะ ขอไลน์หน่อยดิ ”
ใต้เมฆยื่นมือถือมาให้ผม

“ เชี่ยเมฆ! ”
ทันใดนั้นเสียงไอ้ผีหน้าหล่อก็ดังเข้ามาในโสตประสาททันที ท่าทางมันดูโมโหมาก

“ เกินไปละมึงอ่ะ ”
นาคิมรีบคว้ามือถือจากมือใต้เมฆเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเอง

“ สัสคิม มึงแม่งขัดกูตลอด หวงกูก็บอก ”
ใต้เมฆแกล้งทำท่าจะเข้าไปหอมแก้มนาคิม แต่ก็โดนฝ่ายนั้นผลักหัวออกมาซะก่อน

“ พอเลย นู้น คนป่วยนอนอยู่นู้น ”
นาคิมเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียงไอ้แวม ส่วนใต้เมฆก็วิ่งไปกอดไอ้แวมราวกับเพื่อนรักที่พลัดพรากจากกันมานาน

“ คิดถึงพวกกูอ่ะดิมึง ”

“ กูไปช่วยงานธุรกิจพ่อที่ต่างประเทศตั้งหลายวัน ”

“ ส่วนกูก็ไปดูแลน้องๆค่ายอาสามา พอพวกกูกลับมาก็รีบรวมตัวมาหามึงเลยนะเว้ย ”

“ พวกกูคิดถึงมึงมาก รีบๆตื่นดิวะ ”

“ เออ กูมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟังเยอะเลย นี่ๆ หนังที่มึงบอกว่าอยากดูกูไปซื้อแผ่นมาละ เดี๋ยวกูเปิดให้ดู ”
ไอ้เมฆใส่แผ่นเข้าไปในเครื่องเล่นดีวีดี หน้าจอก็ปรากฏหนังแบดแมนภาคพิเศษขึ้น

ไอ้แวมยิ้มและหัวเราะกับการกระทำของเพื่อนที่ทำเหมือนมันไม่ใช่คนที่กำลังหลับใหลอยู่ แต่กลับทำราวกับว่ามันสามารถรับรู้ทุกอย่างได้ พูดคุยเล่นกันปกติทุกอย่าง ผมมองรอยยิ้มของไอ้แวมแล้วเหมือนโลกทั้งใบแทบจะหยุดหมุนอยู่ตรงนี้เลย ผมไม่เคยเห็นมันยิ้มมาก่อน รอยยิ้มนั้นดูสดใสมาก ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันผมยังแทบจะละลาย ผู้หญิงที่ไหนมาเห็นคงต้องเป็นลมล้มพับกันไปข้างแน่ๆ

ผมอยากให้ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อมาเห็นสามหนุ่มพวกนี้เวลาอยู่ด้วยกันจริงๆ พวกมันเปลี่ยนโหมดนิ่งขรึมกลายเป็นโหมดสดใสเฮฮาได้อย่างเหลือเชื่อ

มองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกมีความสุขจนต้องยิ้มตามเลยทีเดียว พวกเขาคงลืมไปแล้วว่ามีผมอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น ส่วนเกินอย่างผมจึงค่อยๆถอยหลังย่องออกจากห้องช้าๆเพื่อไม่ให้รบกวนเหล่าเทพบุตรแก๊งค์นี้

“ คุณหมอครับ ”
ผมชะงักหยุดอยู่กับที่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากไอ้แวม

“ ... ”
ผมยืนฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ มันก็อ้ำอึ้งอยู่นานไม่ยอมพูดสักที

“ คุณหมอมาเยี่ยมผมบ่อยๆนะ ผมคิดถึง ”
ผมชะงักกับคำพูดนั้นจนพูดอะไรไม่ออก ใครก็ได้บอกทีว่าผมไม่ได้หูฝาด ผมรู้สึกได้ถึงการสูบฉีดเลือดในตัวที่แรงมากขึ้นเพราะจังหวะหัวใจเต้นเร็วขึ้น

ทันใดนั้นเสียงเครื่องวัดชีพจรของไอ้แวมก็ดังถี่รัว พร้อมแสดงบนหน้าจอบ่งบอกว่าระยะห่างของเส้นกราฟแคบลงกว่าเดิม ไอ้เมฆกับไอ้คิมต่างตกใจหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ เป็นอะไรวะ? ”
ผมขมวดคิ้วมองวิญญาณไอ้แวมที่ดูเหมือนมันกำลังพยายามหลบตาผม สักพักมันก็หันมาทำหน้าเก๊กขรึมอีกครั้ง และเครื่องวัดชีพจรจึงดังปกติเช่นเดิม

ผมไม่อยากจะคิดอะไรไปไกลว่ามันหัวใจเต้นแรงเพราะผม เหมือนที่ผมใจสั่นเพราะคำว่าคิดถึงของมัน

ผมกับมันต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ร่างกายของมันตอบสนองผิดปกติ อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับผมก็ได้ ผมส่ายหัวปัดความคิด ก่อนที่จะรีบเดินออกจากห้องทันที

“ ทำไมมึงหน้าแดง? ”
เสียงไอ้ก่อ

“ เฮ้ย ยังไม่กลับอีกเหรอ? ”
ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อนั่งเรียงตัวกันอยู่หน้าห้องผู้ป่วย พวกมันต่างหน้าบึ้งทั้งคู่ ไอ้ก่อคงยังหงุดหงิดกับไอ้เมฆ ส่วนไอ้เกื้อผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร

“ พวกผมรอหมอบีมตั้งนาน ”
ไอ้เกื้อลุกขึ้นเดินนำไปที่ลิฟท์เป็นคนแรก ไอ้ก่อก็เดินตาม รอกู รอทำไมวะ?

“ เออกูไม่ได้เอารถมานี่หว่า รอด้วยดิวะ ”
พอคิดได้แล้วผมก็วิ่งตามพวกมันไปแทบไม่ทัน

“ ไอ้หมอเกื้อ มึงรู้จักสองคนนั้นด้วยเหรอวะ? ทำไมมึงเจอมันแล้วต้องหนีออกมาด้วย? ”
ผมชะเง้อคอไปถามไอ้เกื้อที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ส่วนผมนั่งอยู่เบาะหลังเช่นเคย

“ รู้จักครับ ”
ไอ้เกื้อตอบแค่นั้น

“ กูรู้จักทุกคน ไอ้ใต้เมฆเดือนคณะเกษตร นาคิมเดือนบริหาร คุณแวมเดือนวิศวะและเป็นเดือนมหาลัยด้วย ตอนประกวดก็ติดท็อปทรีทั้งสามคน ความหล่อกินกันไม่ลง แต่คุณแวมตอบคำถามโดนใจกรรมการมากกว่า ”
ไอ้คนที่กำลังจับพวงมาลัยขับรถอยู่ก็ร่ายประวัติสามคนนั้นซะยาวจนผมได้แต่พยักหน้ารับรู้ แหม ทีคนอื่นเรียกไอ้ แต่พอไอ้แวมเรียกคุณเชียวนะ ก็เป็นลูกเจ้าของผับที่มันขึ้นชื่อว่าเป็นลูกค้าวีไอพีไง

“ หมอก่อครับ กูอยากรู้ว่าไอ้เกื้อมันหลบหน้าพวกนั้นทำไมครับ มึงจะบอกประวัติความหล่อมันทำเพื่อ? ”

“ อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ ก็ไอ้คิมเป็นแฟนเก่าไอ้เกื้อตอนสมัยมัธยม ”

“ ฮะ? จริงดิ? ”
ผมหันไปหาไอ้เกื้อทันที

“ หมอบีมอย่าไปฟังนะครับ ก่อ ผมบอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีกไง ”
ไอ้เกื้อพูดกับผมแล้วหันไปทำหน้าดุใส่ไอ้ก่อ

“ ตอนเลิกกันแม่งร้องไห้ให้กูโอ๋อยู่ตั้งหลายเดือน ทั้งๆที่ตัวเองทิ้งเขาแท้ๆ ”
ไอ้ก่อส่ายหัวอย่างเอือมๆ

“ แต่ผมมีแฟนใหม่แล้วนี่ครับ ”

“ น้องทับทิมกรอบอะไรของมึงน่ะเหรอ? ”

“ น้องเขาชื่อทับทิมเฉยๆ ”
ไอ้เกื้อเถียง

น้องทับทิมแฟนไอ้เกื้อก็สวยใช่เล่นนะครับ เห็นคบกับมาตั้งแต่อยู่ปี 1 แต่ก็เห็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เท่าที่ผมดูนะ มีแต่น้องทับทิมที่คอยตามไอ้เกื้อ ไม่เห็นไอ้เกื้อจะสนใจน้องเขาสักนิด แฟนกันประสาอะไรวะ?

“ คบกันไปถึงไหนแล้วล่ะ? ”

“ ก็เรื่อยๆครับ ”

“ เมื่อไหร่จะเลิกวะ น้องทับทิมกรอบของมึงแม่งทำตัวแรดจะตาย กูยังเห็นควงหนุ่มคนอื่นอยู่เลย ”

“ ว่าผู้หญิงแบบนั้นไม่ดีเลยนะก่อ ”

“ ก็มันจริงมั๊ยล่ะ ”

“ พอ! พวกมึงไม่เถียงกันซักวันจะตายมั๊ยวะ? หยุดเลยๆ ”
ผมรีบห้ามทัพสองพี่น้องคู่นี้ ก่อนที่มันจะทะเลาะกันจนรถคว่ำตายไปข้าง ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อนะ

ทั้งไอ้ก่อและไอ้เกื้อต่างหน้าบึ้งทั้งคู่ ไอ้เกื้อหันหน้าหนีไปอีกทางบ่งบอกว่ามันงอน ผมส่ายหัวอย่างปลงๆกับพี่น้องคู่นี้ แต่ผมก็เห็นภาพแบบนี้จนชินตาแล้วล่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2017 15:03:46 โดย lostboy »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ซะอย่างนั้น
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ความสัมพันธ์ของเพื่อนๆก็น่าสนใจนะ  :-[

ออฟไลน์ Poy07

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :ruready :ruready เรื่องน่าติดตามมากเลย ว่าแต่จะมีncมั้ยคะเนี่ย  :-[ :-[ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2017 23:35:07 โดย Poy07 »

ออฟไลน์ worry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ความสัมพันธ์ของเพื่อนๆก็น่าสนใจนะ  :-[

เห็นด้วยครับ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
สนุกทุกคู่เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 4



การสอบบทใหญ่ใกล้เข้ามา ทำให้ช่วงนี้ผมต้องอ่านหนังสือค่อนข้างหนัก เลยไม่ค่อยได้ไปไหน และไม่ได้ไปเยี่ยมไอ้แวมที่โรงพยาบาลด้วย เรียนเสร็จก็กลับไปอ่านหนังสือต่อที่หอ เพราะจะให้ขับรถไปโรงพยาบาลก็ไกล ป่านนี้ไอ้ผีขี้เก็กคงกำลังนั่งหน้าหล่ออยู่ในห้องคนเดียว เหงาแย่แล้วล่ะมั้ง ไม่รู้ไปหลอกใครเขาอีกรึเปล่า?

“ เอ่าเฟย์ ได้ข่าวว่าแฟนแกโดนยิงเข้าโรงบาลเหรอ? ”
ผมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างตึกบังเอิญได้ยินเฟย์กับแพรวเพื่อนสนิทต่างคณะคุยกันอยู่ใกล้ๆพอดี แต่ด้วยความที่มีต้นมะขามต้นใหญ่บดบังตัวผมอยู่ ทำให้พวกเธอไม่สังเกตุเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้

“ เออ เซ็งว่ะ ”

“ แล้วไม่คิดที่จะไปเยี่ยมเขาบ้างรึไง? ”

“ ไปทำไม? เขาจะฟื้นรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ”

“ เออ งั้นก็ช่างเขาเถอะ ไม่เป็นหรอก แกก็ยังมีอีกหลายคนนี่ ”

“ แต่คนนี้ฉันจริงจังสุด ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้นไม่ได้หาง่ายๆนะ ”

“ ได้ข่าวว่ารวยขนาดซื้อกระเป๋าใบละเป็นล้านให้แกเลยนี่นา ”

“ ใช่ แต่ฉันอยากได้ใบใหม่แล้วเนี่ย ผู้ชายในสต็อกฉันก็ไม่มีใครรวยขนาดนี้เลย ”

“ เสียดายเนาะ ไม่น่าเลย เอาไว้แกค่อยหาคนใหม่แล้วกัน สวยๆอย่างแกยังมีให้เลือกอีกเพียบ ช่วงนี้ก็ใช้เงินผู้ชายในสต็อกไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ ไปล่ะ พอดีนัดกับกิ๊กไว้ ”

“ บายจ๊ะ ”

ผมได้ฟังบทสนทนาที่สองสาวคุยกันแล้วถึงกับต้องอ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่านางฟ้าของผมจะเป็นคนแบบนี้

ทันใดนั้นผมก็เห็นหนุ่มหล่อที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาขับรถมารับเฟย์ ดูจากยูนิฟอร์มแล้วน่าจะเรียนมหาลัยอื่น ท่าทางดูสนิทสนมกับเฟย์มากจนผมอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถามเฟย์ตรงๆ
   
“ เฟย์ ”

“ หมอบีม มีอะไรเหรอ? ”
สีหน้าเธอดูเกร็งๆเล็กน้อยแต่ก็ยังพยายามยิ้มร่าเริงเช่นเคย หนุ่มหล่อต่างมหาลัยเปิดประตูจากรถลงมาดูประมาณว่าผมเป็นใคร? ผมมองหน้าไอ้หนุ่มคนนั้นก่อนจะถามต่อ

“ ผู้ชายคนนี้ใครเหรอ? ”

“ ฟะ...แฟนเฟย์เองอ่ะ ”
เธอดูอ้ำอึ้งที่จะตอบ

“ ไหนบอกคบกับไอ้แวมไง? ”

“ บอกตอนไหน? บ้าเปล่า ”
เธอหัวเราะกลบเกลื่อนแต่สีหน้าบ่งบอกว่ากังวลอยู่ไม่น้อย

“ แวมคือใครอ่ะเฟย์? ”
ผู้ชายคนนั้นถามเฟย์อย่างจับผิด

“ แวมไหน? เราไม่รู้จักอ่ะ? ”
ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอากับคำตอบที่ได้ยิน เธอโกหกหน้าตาเฉยจนผมต้องมองเธอใหม่ เฟย์ที่ผมคิดว่าเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก เป็นคนที่ผมชอบ แต่ตอนนี้ไม่ใช่

“ คบกับเฟย์นานยัง? ”
ผมหันไปถามผู้ชายคนนั้นแทน

“ ปีกว่า ”

อืม...

ผมไม่นึกเลยว่าเฟย์จะเป็นคนแบบนี้ มีแฟนอยู่แล้วยังจะมาหลอกไอ้แวมอีก ผมมองหน้าเฟย์แล้วส่ายหัวแบบขอไปที นี่ผมหลงคิดว่าเธอเป็นนางฟ้าแสนดีมาตั้งนาน ไม่น่าเลย

“  นาวา เรารีบกลับกันเถอะค่ะ? ”
ผู้ชายคนนั้นชื่อนาวา ดูเหมือนว่าเฟย์จะอยากให้ผู้ชายคนนั้นออกไปจากการสนทนานี้โดยเร็ว เธอคงกลัวว่าผมจะพูดเรื่องของเธอกับไอ้แวมให้เขาฟัง แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก

ผมมองเฟย์อย่างเอือมๆก่อนจะเดินออกมาโดยไม่สนใจเธอ และเธอก็คงจะไม่อยู่ในสายตาผมอีกต่อไป นี่กูหลงผิดไปชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงวะเนี่ย?

ว่าแล้วก็สงสารไอ้แวมจริงๆ มันต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่โรงบาลก็น่าสงสารมากแล้ว ยังจะมาโดนแฟนสวมเขาอีก



ผมกลับบ้านวันแรกในรอบสองสัปดาห์ หลังจากที่ต้องเรียนภาคค่ำและติวกับรุ่นพี่จนดึกดื่นเกือบทุกวัน ผมเลยพักที่หอ ไม่ได้กลับบ้าน

บ้านผมอยู่ติดกับโรงพยาบาล แต่ก็ไกลจากมหาลัยพอสมควร วันไหนเลิกดึกก็นอนหอ แล้วช่วงก่อนหน้านี้ก็เลิกดึกทุกวันจริงๆ แพทย์ปี 3 สอบต้องผ่าน ทฤษฎีต้องแม่นยำ อดทนเหนื่อยหน่อย จะได้ไม่ไปลำบากในชั้นคลีนิก

“ คุณแวมอาการเป็นไงบ้างครับคุณพ่อ? ”
ผมเข้าบ้านมาก็วางกระเป๋าแล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างอิดโรยด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“ หมอบีม สอบเหนื่อยมั๊ยน่ะ กลับบ้านมาก็ถามถึงคุณแวมเลยนะ นึกว่าไม่สนใจเคสนี้แล้วซะอีก แต่ก่อนเห็นมาดูพ่อตรวจคนไข้แทบทุกวัน เลิกเรียนดึกก็ยังมา ห้ามไม่ฟัง แต่เดี๋ยวนี้ไม่มาเลยนะ ”
คุณพ่อทำอาหารเสร็จก็ยกจานมาไว้บนโต๊ะข้างๆผม พร้อมเข้ามาขยี้หัวผมอย่างที่ท่านชอบทำเป็นประจำ

คุณพ่อเลี้ยงผมด้วยตัวคนเดียว เพราะแม่เสียชีวิตตั้งแต่ผมเกิด ผมรักและเชื่อฟังท่านมาก ท่านเป็นไอดอลของผมในทุกๆเรื่อง โตขึ้นผมอย่างเก่งเหมือนคุณพ่อ

“ คุณพ่อก็รู้ว่าผมสนใจเคสนี้มาก แต่ว่าผมไม่ค่อยมีเวลา แล้วผมก็... ”

“ กลัวผี? ”

“ กลัวสิครับ คุณพ่อไม่กลัวเลยเหรอ? ”

“ พ่อก็ไม่เคยเห็นนะ ได้ยินแต่พวกพยาบาลเล่าให้ฟัง คนไข้ห้องข้างเคียงก็กลัวกันไปหมด ”

“ แล้วคุณพ่อเชื่อเรื่องผีมั๊ยครับ? ”

“ ของแบบนี้ก็ลบหลู่ไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าผีมีจริง เขาไม่ทำร้ายเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใช่มั๊ยล่ะ มาๆ ลุกมากินข้าวได้แล้ว ”
พ่อจัดอาหารหลายจานวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยก็ดึงผมให้ลุกขึ้นมากินข้าว ผมก็ยอมลุกเดินตามพ่อมานั่งแหมะลงบนโต๊ะอาหารแต่โดยดี

“ คุณพ่อครับ ผมเจอผีคุณแวม ”
ผมเปิดประเด็นบอกความจริงให้คุณพ่อฟัง

“ ลูกพูดจริงเหรอ? ”

“ จริงครับ คุณพ่อไม่เชื่อผมเหรอ? ”
ผมพูดจริงจังแต่ท่านกลับหัวเราะ

“ เชื่อสิ ตอนเรียนแพทย์พ่อก็ฟังเรื่องผีจากเพื่อนที่เรียนด้วยกันบ่อยๆ แต่พ่อไม่เคยเจอกับตัวซะที อยากเจอเหมือนกัน แล้วผีที่ลูกเจอเป็นยังไงล่ะ? ”
คุณพ่อถามอย่างสนอกสนใจ

“ ก็เหมือนคนนะครับ แต่ทำตัวแปลกๆ ”

“ ฮึ? แปลกยังไง? ”

“ ไม่รู้สิครับ เขาพูดจาแปลกๆ ”
ก็แปลกที่มันพูดจาหวานๆบอกว่าคิดถึงผมน่ะสิ ปกติเห็นเย็นชาจะตาย ทำหน้าหยิ่งยังกะไม่อยากสนทนากับผม แต่อยู่ดีๆมาบอกว่าคิดถึงเนี่ยนะ? หรือว่ามันจะเหงา มันเลยหลอกล่อผมเพราะอยากมีคนไปอยู่ด้วยเหมือนในหนังผี ต้องใช่แน่ๆ ว่าแล้วก็ขนลุก

“ ฮะ? เมื่อกี้ลูกบอกว่าได้ยินที่เขาพูดด้วยเหรอ? เหลือเชื่อมาก พ่อเคยอ่านเจอมาว่าวิญญาณจะปรากฏตัวให้เราเห็นได้ในช่วงที่จิตเราอ่อนและเขาอยากให้เราเห็นในช่วงนั้นพอดี แต่ถ้าเขาสื่อสารกับเราได้แสดงว่าช่วงนั้นจิตเราอ่อนมาก ตอนนั้นลูกคงรู้สึกกลัวเขามากใช่ไหมล่ะ? ”

“ ไม่นะครับ ตอนแรกก็กลัว แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันแล้วมีเพื่อนอยู่ด้วย ผมก็ไม่กลัวเท่าไหร่ ผมยังคุยกับเขาอยู่เลย ”

“ เป็นไปได้ไง ถ้าแบบนั้นแสดงว่าจิตของเขาคงผูกกับลูกด้วยเหตุผลบางอย่าง ”

“ ไม่ใช่แล้วล่ะครับ คุณพ่อไปเอามาจากไหน? อย่างคุณแวมเนี่ยนะ ผมเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นานนี้เอง ”

“ นั่นสิ พ่อคงอ่านหนังสือแนวนี้หลายเล่มนะ ”
คุณพ่อหัวเราะขำกับความคิดตัวเองเบาๆ

“ ทำวิจัยเรื่องนี้เลยมั๊ยครับด็อกเตอร์? ”

“ อืม ก็ดีนะ ”

“ ผมประชดครับ กินข้าวได้แล้ว มัวแต่คุยเรื่องไร้สาระเดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอกครับ ผมไม่อยู่หลายวันไม่เห็นบอกคิดถึงผมเลยนะครับคุณพ่อ ”
ผมปิดประเด็นด้วยการตักอาหารคำแรกเข้าปาก แล้วก็ชวนคุณพ่อคุยเรื่องอื่นต่อ

หลังจากกินอาหารแสนอร่อยฝีมือคุณพ่อจนอิ่ม ผมก็เข้ามาในห้องนอนของผมที่ท่านทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแม้ผมจะไม่อยู่บ้าน ผมทิ้งตัวลงไปบนที่นอน เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ฟังเพลงสบายๆ พอคิดว่าพรุ่งนี้ไม่มีเรียนตัวผมก็แทบปลิว อดหลับอดนอนอ่านหนังสือสอบตั้งสองสัปดาห์ หยุดแค่วันเดียว เฮ้อ แต่ก็เป็นวันเดียวที่มีค่ามหาศาลจริงๆ
 
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกถึงแรงสั่นของมือถือในกระเป๋ากางเกง

ครืดดด ครืดดด ครืดดด
ใครโทรมาวะ?

‘ เบอร์โรงพยาบาล ’
ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ จะรับดีมั๊ย?

“ สวัสดีครับ ”
ผมกรอกเสียงงัวเงียไปตามสาย

“ หมอบีมคะ กะ..เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ”
เสียงพยาบาลที่ผมคุ้นเคยพูดด้วยน้ำสียงสั่นเทา

“ มีเรื่องอะไรครับ? ”

“ ผะ...ผีห้อง 502 ค่ะ ”
ผมรีบดันตัวเองลุกจากเตียงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ไอ้ผีหน้าหล่อสร้างเรื่องอีกจนได้

“ เกิดอะไรขึ้นครับ? ”

“ มีเสียงดังมาจากห้อง 502 ไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูเลยค่ะ ดิฉันก็เห็นมีแต่หมอบีมที่น่าจะพอช่วยได้ คุณหมอช่วยมาดูหน่อยนะคะ ”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“ ก็ได้ครับ ”
ผมรีบล้างหน้าล้างตาให้ตื่นจากความง่วง แล้ววิ่งไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลห่างจากบ้านของผมแค่ 300 เมตรเท่านั้น

ผมรีบขึ้นลิฟท์วิ่งมาถึงห้อง 402 อย่างเหน็ดเหนื่อย ผมมาดูห้องนี้เพราะมันเป็นห้องที่ได้ยินเสียงดังชัดสุด แต่ขอบอกก่อนว่าผมไม่ใช่หมอผีนะ ที่จะได้เรียกมาปราบผีเนี่ย ถึงผมจะคุ้นกับไอ้แวมบ้างแล้ว แต่เรื่องแบบนี้จะทำใจให้ชินง่ายๆได้ยังไง

ผมเข้ามาดูคนไข้ห้อง 402 เป็นคุณตาอายุมากที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูก คุณตาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น กลัวจนน้ำตาไหล ตัวสั่นเทาไปหมด หลานชายของคุณตาก็กอดคุณตาไว้แน่นทั้งๆที่ตัวเองก็กลัว เหล่าพยาบาลต่างพยายามทำหน้าที่ปลอบคนไข้ทั้งๆที่พวกเธอหวาดกลัวพอๆกัน

เสียงดังตุ้บๆเหมือนใครโยนอะไรบางอย่างให้หล่นกระทบพื้น สลับกับเสียงลากจูงสิ่งของครืดๆตลอดเวลา เสียงมันดังไม่หยุด และยังคงดังขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ฟังแล้วน่าขนลุกมาก

ถ้าผมเจอแบบนี้คนเดียวคงอาจจะกลัวจนหัวหดวิ่งหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้คนที่เดือดร้อนคือคนไข้ที่อยู่ตรงหน้าผม แค่ต้องมาล้มป่วยก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้อีก

ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเดินขึ้นบันไดทางหนีไฟจากชั้น4ไปที่ชั้น5 เพียงไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง502 ผมมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยใจมุ่งมั่นอยากจะช่วยเหลือคน แต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับแสดงอาการตรงกันข้าม มือไม้ผมสั่นเทาไปหมดเพราะแค่คิดจะเอื้อมไปหมุนลูกบิดกลอนประตูตรงหน้า กลัวอะไร? เคยเจอแล้วนี่ ผีไอ้แวมก็ไม่ได้น่ากลัวซะหน่อย ผมปลอบใจตัวเอง

เอาว่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว กลัวอะไรกับแค่วิญญาณบ้าๆนั่น ชอบสร้างปัญหานักใช่มั๊ย? ได้ วัดกันให้รู้ไปเลยว่าคนกับผีใครจะแน่กว่ากัน!

แก๊ก
ผมบิดกลอนประตูผลักเข้าไปภายในห้อง ก็เจอเพียงแต่ความมืดมิด กับสิ่งของอะไรเต็มพื้นจนผมเผลอเดินไปสะดุดตั้งแต่ก้าวเข้ามา ผมพยายามก้าวไปเปิดสวิชไฟอย่างยากลำบาก

พอไฟติดผมก็เห็นสิ่งของมากมายเต็มห้องไปหมด เป็นกล่องของขวัญ ตุ๊กตา ขนม ดอกไม้ และอะไรต่างๆอีกมากมาย

“ อะไรวะเนี่ย? ”

“ แฟนคลับผมฝากไอ้คิมกับไอ้เมฆมาให้น่ะ ”

“ เฮ้ย! อย่ามาเงียบๆดิวะ ”
ผมหันไปตามเสียงก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อพบว่าอยู่ดีๆไอ้แวมก็แว๊บโผล่มายืนกอดอกพิงประตูอยู่ด้านหลังผม

“ หมอหายไปไหนมาตั้งหลายวัน? ”
มันถามเสียงเรียบ สีหน้าโมโหนิดๆ ยืนกอดอกอย่างกดดันเหมือนตำรวจกำลังสอบสวนผู้ร้าย

“ มันเรื่องของฉัน ว่าแต่นายเถอะ สร้างปัญหาอีกแล้วนะ ทำไมต้องทำให้ชั้นอื่นเขากลัวด้วย อยู่เฉยๆไม่เป็นไรไง? ”
ผมพูดอย่างโมโห

“ เพราะหมอนั่นแหละครับ ”

“ เกี่ยวอะไร? ”

“ ก็หมอไม่ยอมมาหาผมตั้งนาน บอกให้มาบ่อยๆไงครับ ผมเหงา ”

“ เหงาอะไร? เพื่อนนายก็มาเยี่ยมทุกวันไม่ใช่เหรอ? ”

“ แต่ผมอยากให้หมอมาหา ก็ผมคิดถึงหมอนี่ครับ ”
มันทำหน้าหงอยเล็กน้อย ดูน่ารักเหมือนเด็กงอแงจนผมอยากจะเดินเข้าไปกอด เฮ้ย บ้าไปแล้ว ผมกำลังโดนผีหลอกอยู่รึเปล่าเนี่ย?

“ นายเลยหลอกคนอื่นเพื่อเรียกร้องความสนใจว่างั้น? ”
ผมทำเสียงดุใส่มัน

“ ครับ ”
มันตอบหน้าตาเฉย ทำสีหน้าเก็กหล่อจนน่าหมั่นไส้เช่นเดิม

“ ไอ้ผีนิสัยไม่ดี ไอ้ผีชอบสร้างปัญหา ไอ้ผีกวนตีน ไอ้ขี้เก๊ก ไอ้หน้าหล่อ ไอ้... ”
หมดคำจะด่ามันแล้วจริงๆ แล้วดูมันทำหน้าตาเฉยเหมือนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดใดๆของผมเลย ตรงกันข้าม มันกับมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปากอีกต่างหาก

“ ยิ้มอะไรของนาย? ฉันด่านายอยู่นะ ”

“ เวลาหมอบ่นแล้วปากขยับไปมาน่ารักดีนะครับ เสียดายจัง ถ้าผมเป็นคนผมคงจะสามารถดึงหมอเข้ามาจูบได้ ”
??? ไม่พูดเปล่า มันยังเดินเข้ามาหาผมแล้วเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ไม่ใช่เพราะผมกลัวหรือโดนผีอำอะไร แต่เป็นเพราะหน้ามันอยู่ใกล้ผมห่างไม่ถึงเซนจนผมรู้สึกเขิน ใจสั่นที่ได้มองแววตาคมนั่นใกล้ๆ แววตาที่สามารถสะกดทุกคนให้หลงใหลได้อย่างง่ายดาย แม้ไม่รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดเข้ามา แต่ก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นบางๆที่แผ่ซ่านอบอวลอยู่ใกล้ๆอย่างไม่น่าเชื่อ

“ ผมอยากจูบคุณหมอจังครับ ”

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

ผมสะดุ้งถอยออกห่างจากไอ้แวมทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังถี่รัวจากเครื่องวัดชีพจรที่ตั้งอยู่ข้างเตียง

“ เป็นอะไรเนี่ย? ”
ผมวิ่งเข้าไปดูร่างของมันอย่างเป็นห่วงเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย

“ เดี๋ยวก็หายครับ ”

“ ชีพจรนายเต้นผิดปกติแบบนี้บ่อยรึเปล่า? แล้วพยาบาลสังเกตเห็นบ้างไหม? เดี๋ยวฉันไปบอกหมอให้ ”

“ นี่หมอบีมไม่รู้จริงๆเหรอว่าหัวใจของผมเต้นแรงเพราะอะไร? ”
มันเริ่มเข้ามาใกล้ผมแบบเมื่อกี้อีกแล้วครับ ผมเริ่มหวั่นๆจึงลองแอบเอามือไปแตะแขนมันนิดหน่อย โล่งอกที่สัมผัสมันไม่ได้ เพราะถ้าเป็นคนผมคงกลัวกว่านี้แน่ๆ แต่นี่เป็นผีมันคงทำอะไรไม่ได้ ขนาดจะแตะตัวยังไม่ได้เลย

“ ... ”

“ เพราะผมชอบหมอครับ ”
มันกระซิบข้างหูแผ่วเบาจนผมขนลุกซู่ไปหมด

“ พอเลย ไอ้ผีโรคจิต เลิกทำตัวน่าขนลุกได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะ... ”
ผมถอยห่างออกมาด่ามันเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน อยู่ดีๆเดือนมหาลัยที่หล่อราวกับเทพบุตรมาบอกว่าชอบผมเนี่ยนะ หลอกกันชัดๆ

“ หมอบีมจะทำอะไรผมครับ? แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย? ”
มันเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เป็นผีแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้รึไง? คงสนุกที่ได้หลอกคนสินะ

“ ฉันจะไม่คุยกับนายแล้ว ”
ผมตั้งใจเดินทะลุผ่านตัวมันไปอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกอายที่ดันเผลอไปหน้าแดงให้มันเห็น

แก็ก แก็กๆๆ
ลูกปิดประตูเสียซะอย่างงั้น

เอ๊ะ หรือว่า?

“ นายทำเหรอ! ”
ผมเดินกลับเข้าไปถามไอ้ผีตัวปัญหาอย่างหงุดหงิด

“ ครับ ”
มันตอบหน้าตาเฉย นอนเอนกายเหยียดขาอยู่บนโซฟา แถมยังชันเข่าขึ้นหนึ่งข้างให้ดูเท่ห์ ก็เข้าใจนะว่าตอนเป็นคนมันชอบถ่ายแบบเป็นงานอดิเรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องโพสต์ท่าได้ทุกสถานการณ์แบบนี้นะ มันอาจจะติดเป็นนิสัย แต่สำหรับผู้ชายที่หล่อสู้มันไม่ได้อย่างผมเห็นแล้วก็หมั่นไส้มาก น่าโมโหชะมัด

ทำไมผมต้องโชคร้ายมาเจอกับไอ้ผีนี่ด้วย?

“ คืนนี้หมออยู่เป็นเพื่อนผมนะครับ หรือจะพังประตูออกไปก็ได้ เพราะคงไม่มีใครกล้ามาช่วยหมอหรอก ”

“ เออ ฉันมีทางเลือกอื่นมั๊ยล่ะ? ”

ผมเดินไปนั่งทิ้งตัวลงบนโซฟา ตั้งใจจะแกล้งทับขามันแรงๆแต่ก็ไม่เป็นผล ตัวผมทะลุผ่านขามันลงไปนั่งซ้อนบนผิวโซฟาเหมือนภาพวาดคนละใบซะอย่างนั้น

นี่ผมจะทำอะไรมันไม่ได้เลยใช่มั๊ยเนี่ย?

“ แต๊ะอั๋งผมเหรอครับ? ”

“ จะบ้าเหรอ? ”
ผมรีบดีดตัวเองลุกออกจากโซฟาอย่างรวดเร็ว

“ ผมล้อเล่นครับ หมอมานอนโซฟาสิ เดี๋ยวผมลุกให้ ”
พอมันลุกขึ้นผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย ก่อนมายังนอนไม่เต็มอิ่มเลย เรียนหนักมาหลายวันนึกว่าจะได้หลับยาวๆซักคืน หมดกันเวลาพักผ่อนของผม ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ถ้ามันไม่ปล่อยผมไป ผมก็นอนตรงนี้เลยแล้วกัน ตอนนี้ง่วงและเหนื่อยมาก

ไอ้แวมทิ้งตัวลงนั่งพื้นข้างๆผม จ้องผมยังกับกลัวว่าผมจะหายไปไหน ตอนนี้ผมไม่รู้สึกกลัวมันแล้ว ยังไงมันก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่ดี มีแค่คำพูดกับสายตาของมันเท่านั้นแหละที่รบกวนผมได้ แต่แค่นี้ก็เกินพอแล้ว อย่าให้มันได้ลุกขึ้นมาทำอะไรผมมากกว่านี้เลย ว่าแล้วก็ต้องพลิกตัวหนีไปอีกทางเพื่อหลบสายตามัน ก่อนที่ผมจะหลับใหลลงสู่ห้วงนิทรา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2017 00:30:07 โดย lostboy »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เฟย์เธอหมดสิทธิ์แล้วล่ะ  ไว้เอาลัยชะนีเฟย์ 0.3 วินาที :call:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วเมื่อไหร่แวมจะกลับเข้าร่างได้ล่ะเนี่ย

เฟย์ ดาวแพทย์ ที่บีมเฝ้าจีบเฝ้าชอบแต่ปีหนึ่ง
ไม่เคยเห็นมุมที่ชีคบคนหลายคน แปลกมาก
แสดงว่าบีม ซื่อ หรือไม่ชีก็เขี้ยวลากดิน

แล้วแวมชอบบีมได้ยังไงแต่เมื่อไหร่
แวมคบเฟย์ ซื้อกระเป๋าใบเป็นล้านให้
omg แวมป๋ามาก ใช้เงินไม่เป็นสินะ หรือไม่ทันเกมนาง น่าสงสัย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 5



ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาในห้องผู้ป่วย แต่ที่แปลกคือมีผ้าห่มของผู้ป่วยคลุมตัวอยู่นี่สิ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ที่ทำ ว่าแต่ผีหยิบจับสิ่งของได้ด้วยเหรอ? คงไม่แปลกหรอกมั๊ง ขนาดทำเสียงหลอนๆหลอกคนอื่นยังได้เลย อืม จะว่าไปไอ้ผีหน้าหล่อมันก็มีมุมคนดีเหมือนกันนะเนี่ย ว่าแต่ผ้าห่มผู้ป่วยนี่มันไปเอามาจากไหน?

ผมกวาดสายตาไปรอบห้องก็เห็นวิญญาณไอ้แวมนั่งกอดอกตัวสั่นอยู่บนเตียงคนไข้ที่มีร่างของมันนอนไร้ผ้าห่มอยู่

“ นี่นายทำอะไรของนายฮะ! ถ้าเป็นไรขึ้นมาจะทำยังไง? ”
ผมรีบวิ่งไปที่เตียง เอามือไปแตะหน้าผากของร่างที่นอนอยู่ก็โล่งอกที่ไม่มีไข้ ผมจึงเอาผ้าห่มมาห่มคืนให้มัน

“ ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ”

“ นายเอาผ้าห่มของนายมาห่มให้ฉันแล้วก็ปล่อยให้ร่างของตัวเองต้องนอนหนาวอยู่แบบนี้เนี่ยนะ? ทำอะไรไม่คิด ถ้าเกิดหนาวตายหรือมีไข้ขึ้นมาจะทำยังไง? ”

“ ผมขอโทษครับ ก็ผมกลัวว่าหมอจะหนาว ”
มันทำหน้ารู้สึกผิดจนผมใจอ่อนยอมเลิกด่ามัน จากไอ้ขี้เก๊กที่ทำตัวหยิ่งจนหน้าหมั่นไส้ ตอนนี้มันดูเป็นคนดี แถมว่านอนสอนง่ายอีกต่างหาก ทำตัวแปลกราวกับเป็นคนละคนเลย

“ อือ ขอบใจนะ แต่คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ”
มันพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยที่มันทำไปก็เพื่อผมล้วนๆ มันสละผ้าห่มเพื่อให้ผมหลับสบายโดยไม่ห่วงตัวเองเลย ผมก็ดันลืมผ่อนแอร์ลงอีก ดีนะที่มันไม่ช็อคตายซะก่อน

“ หมอบีมจะไปไหนครับ? ”
มันเอ่ยถามผมทันทีที่ผมจะก้าวเท้าไปที่ประตูห้อง

“ ก็กลับบ้านน่ะสิ ”

“ ผมไม่ให้กลับ หมอต้องอยู่เป็นเพื่อนผม ไม่งั้นผมจะหลอกคนทั้งตึกจริงๆด้วย ”
มันทำตัวเอาแต่ใจเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ติดเจ้าของ และผมว่ามันเริ่มจะติดผมมากขึ้นทุกทีแล้วนะ

“ กลับไปอาบน้ำ ไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเนี่ย แล้วก็จะไปเอาหนังสือมาอ่านด้วย อยู่เฉยๆมันน่าเบื่อ ”

“ ก็ได้ครับ อย่าไปนานนะ ”

“ อือๆ ”



“ เอ่า หมอบีม ได้ข่าวว่าเมื่อคืนไปปราบผีมา เป็นยังไงบ้างล่ะ? ”
คุณพ่อถามผมทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในบ้าน สีหน้าท่านดูไม่แปลกใจกับการที่ลูกตัวเองไปปราบผีเลยซักนิด

“ ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ หนังสือไสยศาสตร์ที่พ่อชอบอ่านอยู่ไหนครับ? ผมอยากอ่านบ้าง ”

“ อยู่ในห้องพ่อมีอีกหลายเล่ม อยากอ่านก็เข้าไปหยิบได้ตามสบายเลยนะ ”

“ ขอบคุณครับ ”



“ การที่วิญญาณออกจากร่างล้วนมีเหตุผล เหตุผลหลักๆคือการถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต แต่บางกรณีก็ไม่เป็นเช่นนั้น วิญญาณที่ออกจากร่างแต่ยังไม่ถึงแก่กรรมสามราถกลับเข้าร่างได้ ยกเว้นว่ายังมีจุดประสงค์อื่นอยู่ และถ้ายังไม่บรรลุความต้องการนั้นก็จะไม่สามารถกลับเข้าร่างของตัวเองได้ เช่น ยังอยากจะทำอะไร ยังอยากรู้บางสิ่ง หรือยังค้างคาบางอย่างอยู่  ”

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็กลับมานั่งอ่านหนังสือไสยศาสตร์อยู่ข้างเตียงไอ้แวมทั้งวัน เมื่อเช้ากลับบ้านไปยืมหนังสือพวกนี้จากพ่อมาอ่านด้วย เผื่ออ่านแล้วจะช่วยอะไรไอ้ผีเอาแต่ใจนี่ได้บ้าง จะได้เข้าร่างไปซะที สร้างปัญหาให้ผมเหลือเกิน

“ หมอครับ ”
ผีตัวปัญหากำลังนั่งหย่อนขาไปมามองผมอยู่บนเตียงคนไข้

“ ว่า? ”

“ อ่านอะไร? ผมเหงานะ สนใจผมบ้างสิ ”
มันทำหน้าหงุดหงิด คงอยากจะเรียกร้องความสนใจ เพราะผมมัวแต่อ่านหนังสือจนไม่สนใจมัน ดูมันจะติดผมมากจริงๆด้วย

“ นี่ไง ”
ผมชูหนังสือในมือให้มันดู

“ หนังสือเกี่ยวกับวิญญาณ? ”

“ ใช่ ในหนังสือบอกว่า ที่นายยังไม่เข้าล่างเพราะนายยังไม่บรรลุจุดประสงค์อะไรสักอย่าง คิดสิว่านายต้องการอะไร? ”

มันนั่งนึกอยู่นาน ผมก็รอมันนึกอย่างใจจดใจจ่อ แต่คำตอบที่ได้คือ...
“ ไม่รู้สิครับ ”

“ หรือว่านายยังไม่รู้ว่าใครฆ่านาย ต้องใช่แน่ๆ ฉันดูมาจากหนังผีหลายเรื่อง ”

“ อืม ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนฆ่าผม ”

“ นั่นไง ฉันว่าแล้ว คงเพราะนายยังไม่รู้ นายเลยไม่ยอมเข้าร่างไง ”

“ อาจจะใช่มั้งครับ ”
ถึงหน้าตามันจะดูไม่เชื่อกับตรรกะนี้เท่าไหร่ แต่ก็ดูจะเป็นความหวังเดียวที่พอจะทำให้มันเข้าร่างได้ ลองดูก็ไม่เสียหายนิ

“ นายมีศัตรูที่ไหนรึเปล่า? ”

“ ไม่มีรู้สิครับ คงจะเยอะมั้ง ใครๆก็ไม่ชอบนิสัยผมทั้งนั้นแหละ ”
มันตอบหน้าตาเฉย

“ นายนี่มันขยันสร้างศัตรูจริงๆเลย ดูจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยคดีนี้ก็รู้ มีฉันอยู่ด้วยอีกต่างหาก เพราะวันนั้นฉันดันไปต่อยปากนายพอดีนี่สิ ถ้าไม่มีพยานว่าฉันอยู่ไหนคงซวยแน่ๆ ”

“ ผมผิดใช่มั๊ยครับ? ”

“ นายไม่ผิดหรอก นายจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิของนาย ฉันผิดเองแหละที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย เดี๋ยวฉันจะช่วยนายหาคนร้ายเอง จะได้พ้นมลทินจากการเป็นผู้ต้องสงสัยซะที เผลอๆนายรู้ตัวคนร้ายแล้วนายอาจจะกลับเข้าร่างก็ได้ ”

“ หมออยากให้ผมกลับเข้าร่างมากเลยเหรอครับ? แล้วถ้าผมกลับเข้าร่างได้จริงๆ หมอจะทำยังไงครับ? ”
มันถามเสียงเครียด สีหน้าที่ดูกวนตีนเมื่อกี้เปลี่ยนมาเป็นโหมดจริงจังทันที

“ ฉันก็ดีใจกับนายน่ะสิ ”

“ แล้วผมจะจำช่วงที่ผมเป็นวิญญาณได้มั๊ย? ผมจะจำหมอได้รึเปล่าครับ? ”
มันทำหน้าเศร้าๆ

“ อันนี้ฉันก็บอกไม่ได้หรอกนะ แต่ช่างมันเถอะ นายจำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก เออ ช่วยเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังหน่อยสิ ”
ผมไม่อยากจะเข้าโหมดดราม่า จึงชวนให้มันเปลี่ยนเรื่องมาช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่มันโดนยิงให้ผมฟังแทน เผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง

“ ก็ได้ครับ แต่ว่าวันนั้นหมอต่อยผมเพราะคิดว่าผมกับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกันใช่มั๊ย? หมอเข้าใจผมผิดนะ ผู้หญิงคนนั้นเขาเข้ามาหาผมเอง ”

“ ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้ซะหน่อย ”
พอมันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วผมก็อารมณ์เสียอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็นอะไรอีกวะเนี่ย?

“ หมอหายโกรธผมรึยัง? ”

“ โกรธ? โกรธอะไร? ”

“ ก็โกรธเรื่องที่ทำให้หมอต่อยผมนี่ไงครับ ”

“ ฉันไม่ได้โกรธ เล่าต่อได้แล้ว ”
ทำไมมันต้องมาใส่ใจด้วยว่าผมจะโกรธอยู่รึเปล่า? ตอนนั้นผมแค่ไม่พอใจที่คิดว่ามันนอกใจเฟย์ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นฝ่ายถูกนอกใจซะเอง ผมสงสารมัน ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับมันจริงๆ

“ วันนั้นหลังจากที่หมอกลับไป ผมก็ดื่มต่อกับผู้หญิงคนนั้นจนเกือบๆตีสาม ผมรู้สึกเมาจนขับรถไม่ไหว แต่ก็ยังพอมีสติอยู่ ผู้หญิงคนนั้นอาสาจะไปส่งผมที่บ้าน ผมก็ให้กุญแจรถเธอไป และผมก็บอกเส้นทางให้เธอจนมาถึงหน้าบ้าน เธอบอกว่าจะเรียกแท็กซี่กลับเอง พอผมยืนส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่เสร็จ อยู่ดีๆก็เหมือนทุกอย่างดับวูบไป ภาพตัดมืดสนิท ผมมาอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมกับเห็นร่างของตัวเองในห้องผ่าตัด แล้ว... ”

“ เดี๋ยวนะ นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า? ”

“ เปล่าครับ ”

ผู้หญิงคนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ ผมมั่นใจ

“ ถ้านายไม่ลงจากรถ นายอาจจะไม่โดนยิงก็ได้ ฉันว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีเอี่ยวด้วยแน่ๆ ถ้าเราจับผู้หญิงคนนี้ได้ เราอาจจะรู้ว่าใครอยู่เบื่องหลังเรื่องนี้ แต่โชคร้ายที่วันนั้นกล้องวงจรปิดบ้านนายดันมาเสียพอดีนี่สิ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ช่างเถอะ ฉันว่าฉันจำหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ ฉันจะลองคุยกับตำรวจที่ทำคดีนี้ดู ”

“ ฉลาดสมกับที่เรียนหมอจริงๆเลยนะครับ ”
ประโยคนั้นไอ้แวมไม่ได้พูดครับ แต่เป็นคำพูดของคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องนี้ต่างหาก มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่เคาะประตูเลย

พวกเขาเดินเข้ามารัศมีความหล่อก็เตะตาผมทันที ทั้งสองคนยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เพราะเพิ่งจะเลิกเรียน พวกเขามักจะแวะมาที่นี่ทุกวันเป็นปกติ

“ เมฆ คิม หวัดดีครับ ”
ผมหันไปเอ่ยทักทายทั้งสองคน

“ หวัดดีหมอบีม ได้ข่าวว่าเมื่อคืนมาช่วยปราบผีไอ้แวมงั้นเหรอ? ”
ใต้เมฆถามผมเสียงเรียบ ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟาพร้อมกัน หน้าตายังเก๊กหล่อเหมือนกันทั้งแก๊งค์เช่นเดิม จะลองนึกภาพพวกนายแบบกำลังคีพลุคถ่ายภาพนิ่งก็ได้นะครับ ประมาณนั้นแหละ บอกเลยว่าถ้าไม่หล่อจริงทำไม่ได้ ทั้งสองจ้องมาที่ผมซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้เหมือนจะคาดคั้นอะไร
 
“ แล้วเมื่อกี้หมอกำลังคุยกับไอ้แวมใช่มั๊ยครับ? ”
นาคิมถามอย่างสงสัย

“ ถ้าบอกว่าจริง คุณสองคนจะเชื่อเหรอครับ? ”
ผมตอบแบบปัดๆด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง เพราะถ้าจะให้บอกใครว่าผมคุยกับผีได้ ใครเขาจะเชื่อกันล่ะครับ เขาคงหาว่าผมโกหกเปล่าๆ

“ เชื่อดิ / เชื่อครับ ”
พวกเขาต่างพูดพร้อมกันจนผมอึ้ง ผมมองสองคนนั้นงงๆอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“ ... ”

“ ตอนแรกพวกผมฟังที่เขาเล่ากันเรื่องผีไอ้แวม ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นะครับ แต่วันก่อนไอ้แวมมันมาเข้าฝันพวกผมทั้งสองคน ”
นาคิมเล่า

“ ใช่ ในฝันมันบอกว่าให้เชื่อหมอบีม บอกอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ จะว่าบังเอิญฝันก็ไม่ใช่ เพราะพวกกูฝันแบบนี้ติดต่อกันมา 3 วันแล้ว แถมยังฝันเหมือนกันทั้งสองคนอีกต่างหาก ”
ใต้เมฆเสริม

“ เหลือเชื่อ นายเข้าฝันคนได้ด้วยเหรอ? ”
ผมหันไปถามไอ้แวม มันก็พยักหน้า

“ ผมเข้าฝันได้แค่สองคนนี้แหละครับ แค่นึกถึงพวกมันก็เข้าไปอยู่ในฝันมันได้ซะงั้น ”

“ เมื่อกี้หมอพูดกับไอ้แวมเหรอครับ? มันอยู่ตรงนี้รึเปล่า? ”
นาคิมเดินไปตามสายตาของผม แล้วก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าไอ้แวมที่นั่งอยู่ขอบเตียงพอดี
“ คิดถึงกูมั๊ยเพื่อน? รีบๆฟื้นดิวะ พวกกูรออยู่ ”

“ มึงคุยกับอากาศก็เป็นเหรอวะไอ้คิม ”
ใต้เมฆก็ลุกจากโซฟาเดินมาหาไอ้แวมเช่นกัน
“ มึงอยู่ตรงนี้สินะ แต่มองไม่เห็นแล้วเหมือนกูคุยกับอากาศยังไงก็ไม่รู้ว่ะ ฮ่าๆ”

ไอ้แวมเผยรอยยิ้มให้กับการกระทำของสองหนุ่มเพื่อนรักของมัน ดูทั้งสามคนจะรักกันมากจริงๆ ขนาดรู้ว่าเพื่อนเป็นวิญญาณยังไม่กลัว ไม่ทิ้งเพื่อนไปไหน แถมยังทำตัวปกติเหมือนมันเป็นคนอีกต่างหาก

“ กูก็คิดถึงพวกมึงเหมือนกัน ไอ้คิม มึงอย่าเอาแต่ทำธุรกิจช่วยพ่อมึงจนหนักเกินไปนะเว้ย ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มบ้าง ไอ้เมฆ กูไม่อยู่ก็ชวนไอ้คิมมันออกไปเที่ยวบ้างนะ ไว้กูฟื้นเมื่อไหร่กูจะกลับไปสังสรรค์กับพวกมึงให้ครบแก๊งค์เหมือนเดิม ”
ไอ้แวมพูดกับเพื่อนทั้งสองคน แต่ดูเหมือนสองคนนั้นคงจะไม่ได้ยินที่มันพูดเลยซักนิด

“ แวมบอกว่าอย่าโหมงานหนักมากนะคิม เมฆก็ชวนคิมออกไปเที่ยวบ้างนะครับ ”

“ ไอ้แวมอยู่ตรงนี้จริงๆด้วย มันชอบบ่นว่าไอ้คิมทำงานหนักตลอด ”
ใต้เมฆหันมาคุยกับผม

แต่ระหว่างที่กลุ่มเพื่อนรักแก๊งค์นี้กำลังดีใจที่ได้พูดคุยกันอยู่นั้น เสียงเคาะประตูจากใครบางคนก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
 
ก็อกๆๆ

“ หมอบีมใช่มั๊ยครับ? ”
ผมเดินไปเปิดประตูห้องก็พบหนุ่มหล่อมาดนักธุรกิจ อายุน่าจะประมาณยี่สิบปลายๆท่าทางดูเป็นมิตร

“ ใช่ครับ ”

“ สวัสดีครับ ผมชื่อวี เป็นพี่ชายของแวมครับ ”

“ สวัสดีครับคุณวี ”
ผมยิ้มทักทายพร้อมเชิญเขาเข้ามานั่งในห้อง

“ เรียกพี่วีก็ได้นะครับ ”
เขาเอ่ยอย่างเป็นมิตร

“ เอ่าพี่วี หวัดดีครับ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ”
ใต้เมฆกับนาคิมกล่าวทักทายพี่วี ดูแล้วพวกเขาน่าจะคุ้นเคยกันพอสมควร

“ พี่เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน พอได้ข่าวแวมพี่ก็เคลียร์ธุรกิจที่ต่างประเทศแล้วรีบบินกลับมาทันทีเลย ”

“ มาคราวนี้จะมาอยู่ซักกี่วันล่ะครับ? ”
ใต้เมฆถาม

“ คงจะอยู่ยาวเลยน่ะ กะว่าจะมาช่วยดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้างของคุณแม่ด้วย เห็นว่ากำลังทำกำไรไปได้สวย ”

“ หัวการค้าจังเลยนะครับ ”
นาคิมเอ่ยเช่นนั้นพี่วีก็หัวเราะยิ้มรับเบาๆ

“ เออพี่อยากคุยเรื่องธุรกิจห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่กับพ่อคิมพอดีเลย ท่านพอจะมีเวลาว่างบ้างรึเปล่า? ”

“ คุณพ่อบ่นถึงพี่วีอยู่บ่อยๆเหมือนกัน ว่างๆก็แวะมาทานอาหารเย็นที่บ้านผมบ้างสิครับ ”

“ งั้น ผมขอตัวไปธุระก่อนนะครับ ไปก่อนนะมึง ไปก่อนนะหมอ ”
อยู่ดีๆใต้เมฆก็รีบขอตัวลากลับก่อน

“ ไอ้เมฆมันไม่ค่อยถูกกับพี่วีน่ะ ”
ไอ้แวมบอก อืม ก็ว่าอยู่ น้ำเสียงเวลาใต้เมฆคุยกับพี่วีดูห้วนๆยังไงก็ไม่รู้ ที่แท้ก็ไม่ถูกกันนี่เอง

“ งั้นผมก็ขอตัวลากลับเช่นกันนะครับ หวัดดีครับพี่วี หวัดดีครับหมอบีม ไปก่อนนะมึง แต่กูไม่รับปากมึงนะว่าจะไม่โหมงานหนัก ช่วงนี้ธุรกิจพ่อกูกำลังขาขึ้น คงบริหารกันหนักหน่อยว่ะ เดี๋ยววันหลังกูมาเยี่ยมใหม่นะ ไปแล้วเว้ย ”
พี่วีเลิกคิ้วเล็กน้อยกับการที่นาคิมพูดคุยกับไอ้แวมทั้งๆที่มันหลับอยู่ ก่อนจะเอ่ยลาทั้งสองคนเช่นกัน

“ ผมได้ข่าวว่าน้องชายของผมสร้างปัญหาให้ที่นี่ ที่จริงผมก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเท่าไหร่หรอกนะครับ แต่เพื่อความสบายใจของทุกคน ถ้าเค้าถอดเครื่องช่วยหายใจได้เมื่อไหร่ ผมก็จะพาเค้าไปอยู่ที่บ้านนะครับ ”
พอทุกคนออกไปจากห้องแล้วพี่วีก็หันมาคุยกับผม

“ เอ่อ ครับ ”
ผมมองหน้าไอ้แวมมันก็นิ่งเฉย ไม่ได้อยากจะคัดค้านอะไร มันอาจจะอยากกลับบ้านก็ได้ แต่ก็เป็นผลดีกับผมแล้วนี่นา ทำไมผมไม่ดีใจเลย

“ ผมขอบคุณหมอบีมมากนะครับที่ช่วยดูแลน้องชายของผม ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณหมอซักมื้อนะครับ ”

“ เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ”

“ นะครับ ผมอยากขอบคุณจริงๆ จะเป็นไรมั๊ยครับถ้าผมจะขอเบอร์ติดต่อหมอไว้ เผื่อว่าผมมีปัญหาอะไร เพราะหมอคงจะรู้จักวิธีจัดการกับผีน้องชายผมดี ใช่มั๊ยครับ? ”
พี่วียื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผม ผมก็ลังเลนิดๆก่อนจะรับมากดเบอร์ของผมลงไป

“ นี่ครับ ”
ผมยื่นมือถือคืนพี่วี

“ ขอบคุณครับ ”

“ ดูก็รู้ว่าพี่วีชอบหมอ ยังจะให้เบอร์ไปอีก ”
ไอ้แวมทำหน้าโมโหก่อนจะหายตัวไป เอ่า มันโกรธผมเหรอ? ผมผิดอะไรเนี่ย?   

“ เอาไว้ถ้าหมอว่างเมื่อไหร่ ให้เกียรติไปทานข้าวกับผมสักมื้อนะครับ ”

“ เอ่อ ผมเกรงใจจริงๆครับ ”

“ นะครับ ”
พี่วียังตื้อผมต่อไม่ยอมหยุด

“ ก็ได้ครับ ”

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด