{ { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]  (อ่าน 33034 ครั้ง)

ออฟไลน์ paper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ทำไมพี่วีฉวยโอกาสแบบนี้  :a5:
แวมเข้าร่างด่วนๆ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
โรงพยาบาลเอาสัตว์เข้าได้ด้วยหรอคะ แล้วยิ่งเป็นห้องที่ต้องใช้เครื่องหายใจด้วยแล้วนี่ไม่น่าอนุญาติใหญ่เลยนะคะ แถมบีมเรียนหมอ เป็นลูกหมออีก น่าจะเคร่งครัดกับอะไรแบบนี้นะคะ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
แวมน่ารักอ่ะ  พอไม่หยิ่งแล้วมีเสน่ห์หมอบีมก็นิ่งๆ แต่ใจดี   ติดตามต่อค่ะ

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
โรงพยาบาลเอาสัตว์เข้าได้ด้วยหรอคะ แล้วยิ่งเป็นห้องที่ต้องใช้เครื่องหายใจด้วยแล้วนี่ไม่น่าอนุญาติใหญ่เลยนะคะ แถมบีมเรียนหมอ เป็นลูกหมออีก น่าจะเคร่งครัดกับอะไรแบบนี้นะคะ
โรงพยาบาลไม่ควรเอาสัตว์เลี้ยงเข้าจริงๆครับ อันนี้ผมผิดเองที่ลืมคิดไป ขอโทษจริงๆครับ อาจจะเขียนไม่สมจริงไปบ้าง อ่านเพื่อความบันเทิง ให้อภัยคนเขียนด้วยครับ  :hao5: :hao5: :hao5: วิงวอนนนน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2017 00:43:39 โดย lostboy »

ออฟไลน์ ppapple

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แวมน่ารัก รีบฟื้นเร็วๆนะ รอๆๆ  :hao7:

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 10



“ คุณหมอมาทำอะไรครับ? ”

“ มาร้านกาแฟจะให้ทำอะไรล่ะ นายนี่ขี้สงสัยจริงๆเลยนะ ”

ตอนเช้าผมจะแวะซื้อชาเย็นที่ร้านกาแฟเล็กๆหน้ามหาลัยเป็นประจำ ร้านนี้อร่อยครับ เจ้าของร้านก็เป็นกันเองมาก

“ เอ่าหมอบีม หวัดดีจ่ะ ”

“ เหมือนเดิมนะครับคุณน้า ”

“ ได้เลย นี่จ่ะ ชาเย็นใส่นมเยอะๆเหมือนเดิม ”

“ ขอบคุณครับ ”

“ คุณหมอชอบกินชาเย็นเหรอครับ? ”

“ ชอบมากเลยแหละ กินทุกวัน ”

“ แบบนี้ไม่เสี่ยงเป็นเบาหวานเอาเหรอครับ? ”

“ ก็ฉันชอบนี่นา”

แวมตามผมไปทุกที่จริงๆ ไม่ว่าผมจะขยับไปไหนหรือทำอะไร วันนี้เขาก็ตามมาที่คณะด้วย

นั่นนาวาขับรถมาส่งเฟย์อีกแล้ว ผมเห็นดังนั้นก็รีบไปนั่งบนโต๊ะหินอ่อนที่อยู่ข้างตึกแล้วเรียกแวมให้มาทางนี้ทันที เพื่อไม่ให้เขาเห็นเฟย์มากับผู้ชายคนนั้น กลัวเขาจะรับไม่ได้

แต่ผมกลับคิดผิด

“ ผมรู้แล้วล่ะครับ ”

แวมหันกลับไปทางเฟย์ ผมมองสีหน้าและแววตาของเขาที่ก็ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่

“ รู้แล้ว? แล้วนายไม่โกรธแฟนนายเลยเหรอ? เขานอกใจนายนะ ”

“ ครับ ”
แวมตอบหน้าตาเฉย

“ คนแบบนี้ก็มีด้วย? ”

“ หมอบีมครับ ร้านไอติมเปิดใหม่ที่แคนทีนอร่อยมาก ตกแต่งถ้วยก็สวยอย่างกับไอติมในห้างแน่ะ ”
อยู่ดีๆไอ้เกื้อก็เดินถือไอติมรสมะนาวถ้วยใหญ่มาวางข้างๆผม แถมยังตักไอติมมาป้อมผมอีกต่างหาก
“ อร่อยไหมครับ? ”

“ อืม อร่อยจริงๆด้วย วันหลังเดี๋ยวกูไปซื้อมากินบ้าง ”
ผมพูดว่าอร่อยไอ้เกื้อก็ยื่นช้อนอีกอันมาให้ผมช่วยกิน เพราะถ้วยใหญ่ขนาดนี้คงกินคนเดียวไม่หมดแน่ๆ

“ ทำไมต้องป้อนด้วย ”

“ ฮะ? ”
ผีที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมทำหน้าไม่พอใจ

“ หมอบีมว่าอะไรนะครับ? ”

“ อ๋อ เปล่าๆ กูพูดลอยๆน่ะ ”

“ ช่วงนี้อ่านหนังสือหนักไปรึเปล่าครับเนี่ย ”

“ โว้ย เจอหมาเห่าอีกแล้วว่ะ แม่ง หงุดหงิดชะมัด ”
ไอ้ก่อทำหน้าอารมณ์เสียมาแต่ไกล แถมยังเดินเข้ามานั่งอยู่ฝั่งเดียวกับผีที่ทำหน้าอารมณ์เสียพอกันอีก ผมมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาทันที

ไอ้เกื้อเห็นพี่ชายตัวเองทำหน้าหงุดหงิดก็เอ่ยปากถาม
“ เป็นอะไรก่อ? อารมณ์เสียแต่เช้าเลย ”

“ ก็ไอ้เชี่ยเมฆดิ กูเจอมันอยู่ร้านกาแฟหน้ามอ แม่งกวนตีนกูอีกแล้ว กูเลยเอามอคค่าปั่นสาดหน้ามันไป โชคดีนะที่กูไม่ได้สั่งกาแฟร้อน ”

“ เฮ้ย! ”
พอได้ยินแบบนั้นแล้วพวกผมสามคนถึงกับอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แวมเปลี่ยนสีหน้าบึ้งตึงกลายเป็นเบิกตาตกใจทันที

“ แล้วไอ้เมฆไม่สวนกลับเลยเหรอ? ”

“ เอ่อ แล้วใต้เมฆไม่ทำไรมึงเลยเหรอวะ? ”
แวมถามแล้วไอ้ก่อคงไม่ได้ยิน ผมเลยถามคำถามนี้ซ้ำ

“ ก็ไม่นะ เหอะ มันก็ทำหน้าอารมณ์เสียแล้วเดินหนีไปแค่นั้น สะใจชะมัด ”

“ อย่างไอ้เมฆนี่นะจะยอมใคร ปกติถ้าใครทำแบบนี้กับมันคงไม่รอดแน่ๆ ”
แวมพูดพร้อมขมวดคิ้วทำหน้างง

หวังว่าไอ้ก่อจะไม่โดนดักตีหัวหลังเลิกเรียนแล้วมีข่าวนักศึกษาแพทย์มหาลัยดังโดนฆ่าหั่นศพหรอกนะ

“ ไอติมไรวะ? หน้าตาหน้ากินดีว่ะ ชิมหน่อย ”
ไอ้ก่อเห็นถ้วยไอติมแล้วทำตาลุกวาว

“ อ่ะ ”
ผมยื่นช้อนให้มัน

“ ป้อนๆๆ ”
มันอ้าปากรอ ยื่นหน้ามาใกล้ๆให้ผมป้อนไอติม

ถ้าเป็นเวลาอื่นผมก็คงตักไอติมเข้าปากมันแบบไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตักไอติมในถ้วยขึ้นมายัดเข้าปากไอ้ก่อไปอย่างรวดเร็ว

“ หื้อ อร่อยดี ”
มันได้ชิมแล้วก็แย่งช้อนจากมือผมไปตักกินเองอย่างเอร็ดอร่อย

“ เอ่า แล้วมึงจะให้กูป้อนเพื่ออะไรวะ? ”

“ เฉยๆ ”
ไอ้ก่อพูดกวนตีนแล้วตักไอติมเข้าปากต่อ

ผมหันไปยิ้มแหยๆให้กับคนที่ยังทำหน้าบึ้งไม่หาย แต่ก็ได้รับเพียงแววตาเย็นชาตอบกลับมาซะงั้น

“ หึงเหรอ? ”
พอไอ้ก่อกับไอ้เกื้อไปแล้วผมก็เอ่ยถามคนที่กำลังโกรธผมอยู่แบบตรงๆ

“ อืม ”
ไม่ปฏิเสธเลย

“ ง้อได้มั๊ย? ”

“ ครับ? ”
แววขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของผม

“ ง้อยังไง? ง้อไม่เป็น เอางี้ ง้อนะ ”

ผมยื่นนิ้วก้อยขึ้นมาค้างอยู่แบบนั้นพร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสารที่สุด คนตรงหน้าเงียบไปสักพักก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“ แน่ะ นายยิ้มแล้ว ”

“ ยอมแพ้แล้วครับ ”
แวมยกมือขึ้นเหมือนผู้ร้ายโดนตำรวจต้อนให้จนมุม แล้วเขาก็ชูนิ้วก้อยอีกข้างมาแตะกับนิ้วของผม นิ้วมือเรียวกำลังทับซ้อนกันคนละมิติ ไม่รับรู้ถึงสัมผัสทางกายใดๆ แต่ในใจกลับรู้สึกได้

รอยยิ้มของเขานั้นทำให้ผมต้องยิ้มตามอยู่เสมอ แล้วผมก็ยังคงจ้องมองเจ้าของรอยยิ้มนั้นอย่างไม่ละสายตา

“ เวลานายยิ้มมันทำให้โลกสดใสนะรู้มั๊ย? หัดยิ้มบ่อยๆซะบ้าง ”

“ หมอไม่รู้ตัวเหรอครับ ว่าหมอเองนั่นแหละที่ทำให้ผมยิ้มได้ ”



“ โหว คณะแพทย์เรียนไรเยอะแยะครับเนี่ย? ภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลย ต้องจำศัพท์อะไรวุ่นวายไปหมด ผมไม่ค่อยเก่งภาษาเท่าไหร่ ว่างๆหมอมาสอนผมบ้าง... ”

“ พูดมากจังวะ ”

“ นักศึกษาแพทย์บริรักษ์ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? ”

“ เปล่าครับอาจารย์ ”

“ เดี๋ยวเถอะ ผมได้ยินที่คุณพูดไม่ค่อยถนัดหรอกนะ แต่ถ้าคราวหน้าพูดแทรกเวลาผมสอนอีก ผมจะหักคะแนนคุณ ”

“ ครับอาจารย์ ”

ผมโดนอาจารย์หมอดุเข้าให้เพราะเจ้าผีนี่แท้ๆเลย แวมตามผมไปทุกที่จริงๆ ขนาดในคลาสเรียนก็ยังเข้ามาด้วย แถมไม่อยู่เงียบๆ พูดมากจนผมเรียนไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย

“ ผมขอโทษนะครับหมอ แต่อาจารย์คนนี้ใจดีนะครับ ถ้าเป็นอาจารย์คณะผมคงขว้างยางลบมาแล้ว หรือถ้าหนักๆหน่อย อาจารย์โกรธมากก็ขว้างไม้ทีลงพื้นเสียงดัง ตอนนั้นผมแค่คุยกับเพื่อนเบาๆ อาจารย์ยัง... ”
ผมรีบยกมือห้ามไม่ให้เขาพูดมากกว่านี้ พร้อมกับขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า ‘ เงียบก่อน ’

จากนั้นผมก็เขียนข้อความลงไปบนแผ่นกระดาษบนโต๊ะว่า ‘ เรียนไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย ไม่ต้องตามเข้ามาอีกนะ ไปอยู่ที่อื่นบ้างก็ได้ ’

แวมทำหน้ารู้สึกผิดแล้วหายวับไปทันตา ผมเห็นแววตาเศร้าๆนั่นแล้วก็สงสารนะ เข้าใจว่าเป็นผีที่ใครมองไม่เห็นคงจะเหงาเป็นธรรมดา ตอนนี้เขาคงมีแค่ผมคนเดียว แต่ผมก็ต้องเรียน ต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง

เฮ้อออ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย ได้แต่อ่านข้อความที่ผมเขียนบนกระดาษซ้ำไปซ้ำมา คนอ่านจะคิดว่าผมไล่เขามั๊ยนะ? แล้วตอนนี้เขาจะกำลังโกรธอยู่รึเปล่า? เขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้?

ก่อนหน้านี้แวมเป็นคนเงียบมาก แต่เดี๋ยวนี้ทำไมถึงพูดมากขนาดนี้ ไม่รู้อะไรเข้าสิง แต่มันก็ดีที่ผมเห็นเขาร่าเริงมากขึ้น ดีกว่าเงียบทำหน้าหยิ่งไม่เป็นมิตรกับผมเหมือนแต่ก่อน

แต่เขาคงคิดว่าผมรำคาญเขาไปแล้วน่ะสิ

“ หมอบีม เลิกคลาสแล้วเว้ย กินข้าวกัน ”
ไอ้ก่อเอาสันหนังสือยื่นข้ามโต๊ะมาสะกิดไหล่เรียกผม

“ พวกมึงไปกินเหอะ วันนี้กูอยากอ่านหนังสือ ”

“ อ่านหนังสือคนเดียวไม่เหงาเหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อถาม

“ เหงาอะไรล่ะ อ่านคนเดียวจนชินแล้วเนี่ย ถ้าเอาพวกมึงมาอ่านด้วยนะ มีหวังไม่รู้เรื่องแน่ๆ ไอ้ก่อแหละตัวดี ชอบกวนเวลาเพื่อนอ่านหนังสือ ”

“ ใช่ครับ ผมต้องตื่นตีสามตีสี่มาอ่านทุกวัน เพราะต้องให้ก่อเขาหลับ ”

“ ไอ้ก่อ มึงเห็นมั๊ยว่าน้องมึงลำบากขนาดไหน ”

“ เออ กูขอโทษ กูจะไม่กวนพวกมึงแล้วคร้าบบบ กูจะรูดซิบปากในเวลาอ่านหนังสือให้พวกมึงก็ได้ ”

“ เออๆ ไปแดกข้าวได้แล้ว ”

“ ไม่ไปกับพวกกูจริงดิ ”

“ เออ ”

“ อินดี้ตลอดเลยนะมึง ทำตัวอย่างกับเพื่อนไม่คบ ”

“ สัด ”

“ หมอบีมจะฝากซื้ออะไรมั๊ยครับ? ”

“ ไม่เป็นไร ไปกินข้าวได้แล้วพวกมึง ไม่ต้องห่วงกูหรอก ”

“ เออๆ ไปละ ”
ว่าจบไอ้ก่อก็กอดคอไอ้เกื้อออกไปกินข้าว ส่วนผมก็นั่งอยู่ในห้องเรียนที่เดิม มองหาใครบางคนที่ผมอาจจะทำให้เขาโกรธอยู่

ผมเดินตามหาแวมรอบตึกคณะแพทย์แต่ก็ไม่เจอซะที ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้ว แล้วจะกลับมารึเปล่าเนี่ย? หรือว่าโกรธจนไม่ยอมออกมาให้ผมเห็นหน้าแล้ว

ผมขับรถมาอีกตึกนึง เปลี่ยนมาเดินรอบตึกวิศวะแทน เผื่อว่าเขาอาจจะอยู่แถวนี้ บางทีอาจจะมานั่งเรียนอยู่กับเพื่อนๆก็ได้ ถึงมันจะเป็นความคิดที่มีความเป็นไปได้น้อยนิดก็เถอะ แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าจะไปตามหาแวมที่ไหน เขาอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้

เจอพี่เทียนพอดีเลย แวะเข้าไปทักทายหน่อยดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้มีเจ้าถิ่นคอยคุ้มกัน ผู้ชายคณะนี้ยิ่งชอบแซวผมอยู่ด้วย ผู้หญิงไม่มีให้แซวกันรึไงวะ?

“ เทียน ”
นั่นไม่ใช่เสียงทักทายของผมหรอกนะครับ แต่เป็นเสียงของผู้หญิงคนนึงที่ผมจำหน้าได้แม่น เธอคนนั้น!

เธอคือผู้หญิงที่ขับรถไปส่งแวมที่บ้านในคืนวันเกิดเหตุ ใช่เธอแน่ๆ ผมเอี้ยวตัวหลบหลังเสาต้นข้างๆแทบจะไม่ทัน ดีนะที่ตึกคณะนี้เสาต้นใหญ่พอที่จะบังตัวผมมิด

ว่าแต่ผมจะหลบทำไมเนี่ย? ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักผมสักหน่อย ตำรวจก็ไม่ได้บอกว่าผมให้ข้อมูลเกี่ยวกับเธอ คงไม่แปลกอะไรถ้าผมจะเข้าไปทักทายพี่เทียนตอนนี้ จะได้รู้ด้วยว่าเธอเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับพี่เทียนกันแน่ คิดได้ดังนั้นผมก็พุ่งตัวออกมาจากหลังเสาทันที

สองคนนั้นหายไปแล้ว ผมพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย บ้าเอ้ย

“ หมอบีมมาทำอะไรที่นี่ครับ? ”

“ เอ่าแวม นายไปไหนมา ฉันตามหานายแทบแย่ ”

อยู่ดีๆแวมก็โผล่มาข้างหน้าผมแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เล่นซะตกใจนิดๆเหมือนกัน

“ ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ผมก็อยู่กับหมอตลอดแหละ ”

“ แล้วทำไมปล่อยให้ฉันตามหาฮะ? น่าโมโหจริงๆเลย ”

“ ก็ผมคิดว่าหมอไม่อยากเห็นหน้าผมซะอีก ไล่ผมไปที่อื่นด้วย ”

“ ขอโทษ ฉันไม่ได้ไล่นายซะหน่อย ”

แวมยังคงทำหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา ผมยืนจ้องหน้าเขาด้วยสายตาวิงวอนอยู่แบบนั้น มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมาอยู่นานก่อนที่คนตรงหน้าจะเผยรอยยิ้มนิดๆ

“ เฮ้อ รู้มั๊ยครับว่าผมแพ้สายตาแบบนั้น ”

“ เย้ หายโกรธซะทีนะ ได้เวลาเรียนแล้ว ฉันต้องไปแล้วล่ะ ส่วนนายจะตามไปก็ได้ แต่ต้องอยู่เงียบๆนะ ”
ผมพูดด้วยความเร่งรีบเพราะผมมัวแต่ตามหาแวมจนใกล้เวลาเรียนแล้ว

“ ครับ ”



“ เฮ้อออ วันนี้เหนื่อยเป็นบ้าเลยว่ะ ”

“ ไม่ใช่แค่วันนี้หรอก ก่อบ่นว่าเหนื่อยทุกวันเลยนะ ”

“ มันเหนื่อยจริงๆนี่หว่า ”

สองพี่น้องยังคงบ่นถึงความเหนื่อยล้าหลังเลิกคลาสเป็นปกติ

“ ไอ้บีม วันนี้มึงกลับบ้านหรือนอนหอวะ? ”

“ กูว่าจะนอนหอว่ะ กูรู้สึกเหนื่อยแปลกๆ ”

“ ไม่แปลกหรอก ที่ยืนอยู่นี่ก็เหนื่อยกันทั้งนั้นแหละ ออกจากห้องเรียนมาไม่เคยเจอดวงอาทิตย์เลย เลิกช้ากว่าชาวบ้านตลอด ”

“ ปกติกูไม่เหนื่อยเท่าวันนี้ว่ะ มันรู้สึกแบบ... ”

ฟึ่บ
ผมเผลอทำกระเป๋าตังค์หลุดมือ พอมันตกกระทบพื้นก็มีรูปถ่ายเก่าๆใบหนึ่งหลุดออกมา มันเป็นรูปของคุณพ่อ

ผมเริ่มใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณพ่อ และสิ่งที่ผมคิดก็เป็นจริงเมื่อแวมโผล่แว๊บมาหลังจากที่หายไปสักพัก

“ คุณพ่อของหมอแย่แล้ว รีบกลับบ้านเร็วครับ ”

“ เฮ้ยพวกมึง กูกลับบ้านก่อนนะ ”
ผมหันไปบอกไอ้ก่อกับไอ้เกื้อ

“ ไหนหมอบีมบอกว่าวันนี้จะนอนหอไม่ใช่เหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อขมวดคิ้วงุ้น

“ กูเป็นห่วงคุณพ่อว่ะ ”
ผมทำสีหน้าร้อนรนใจอย่างเห็นได้ชัดจนไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็เริ่มจะกังวลไปด้วย

“ งั้นพวกกูไปด้วย ไปรถกูน่าจะเร็วกว่า ”
ไม่รอช้าไอ้ก่อก็รีบเดินนำพวกเราไปที่รถของมันทันที

“ ขับเร็วๆหน่อยดิวะ ”

“ เออ เร็วอยู่ ”

“ เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อของหมอบีมเหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อถามอย่างสงสัย

“ ไม่รู้ว่ะ ”

“ เอ่า แล้วมึงให้กูรีบ? ”

“ เออ มึงรีบขับเถอะ กูขอร้อง ”

“ ได้ๆๆ ใจเย็นๆ ”



พอมาถึงบ้าน ผมก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นคุณพ่อนอนนิ่งอยู่บนพื้นห้องรับแขก ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อช่วยผมพาคุณพ่อไปส่งที่โรงบาล ผมรออาจารย์หมอตรวจอาการคุณพ่ออยู่นาน ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนใจมากๆ กลัวว่าคุณพ่อจะเป็นอะไรไป

“ คุณพ่อเป็นไงบ้างครับอาจารย์? ”
ผมวิ่งไปถามอาจารย์หมอทันทีที่ออกมาจากห้องตรวจ

“ หมอบีม ตามผมมานี่หน่อย ”
อาจารย์หมอทำหน้าเครียดก่อนจะเดินนำผมไปที่ห้องพักแพทย์

“ นี่คุณยังไม่รู้ใช่มั๊ยว่าพ่อของคุณเป็นโรคอะไร? ”

“ ครับ ”

“ อืม ผมอยากให้คุณทำใจไว้ล่วงหน้านะ ”

ผมเริ่มที่จะใจสั่นเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นจากปากอาจารย์หมอ
 “ อาจารย์หมายความว่าไงครับ? ”

“ หมอบดินทร์เป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย ผลกระทบต่อระบบประสาททำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตอนนี้เนื้อร้ายลุกลามไปถึงไขสันหลัง อาจารย์คิดว่าคงจะรักษาไม่ทันแล้ว เราทำได้แค่ยื้อไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ”

“ อาจารย์ ฮึก... ”
ผมน้ำตาไหลทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น รู้สึกสับสนไปหมด ผมอยากให้สิ่งที่ได้ยินมันเป็นแค่ความฝัน มันไม่ควรเกิดขึ้นจริง

“ เป็นไงบ้างครับหมอบีม? ”

“ เฮ้ย มึงเป็นอะไรวะ? ”
ผมโผลเข้ากอดไอ้ก่อกับไอ้เกื้อที่รออยู่หน้าห้อง ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือร้องไห้ออกมาเท่านั้น

“ คุณพ่อ ”
ผมเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่มีคุณพ่อนอนอยู่บนเตียง ท่านฟื้นแล้ว แววตาของคุณพ่อไม่ได้เศร้าโศกอะไร แวมก็กำลังยืนอยู่ข้างๆท่านด้วย

“ มานี่สิลูก ”
ท่านเรียกผมให้เข้าไปหา

“ ฮึก ทำไมคุณพ่อไม่บอกเรื่องนี้กับผมครับ?”

“ หยุดร้องไห้ได้แล้ว พ่อยังไม่ตายซะหน่อย ”
คุณพ่อยังคงส่งรอยยิ้มมาปลอบใจผม
“ พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกต้องมาคอยเป็นห่วงพ่อ ทุกวันนี้ก็เรียนหนักไม่ใช่เหรอ? เฮ้อ แล้วอีกอย่างพ่อก็รู้ตัวว่ามันรักษาไม่ทันแล้ว ”

“ คุณพ่อ ฮึก ฮือ ”

“ แน่ะ ร้องไห้ทำไม พ่อยังอยู่นี่ นี่ไง ”
ผมโผลเข้ากอดคุณพ่อด้วยน้ำตา
“ แต่ถ้าพ่อไม่อยู่แล้ว ลูกต้องดูแลตัวเองนะ ต้องเข้มแข็งเข้าใจมั๊ย? ”

“ อย่าพูดแบบนี้สิครับ ”

“ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา พ่อเองก็แก่แล้ว จะตายช้าตายเร็วยังไงก็ต้องไปอยู่ดี ลูกเองยังต้องเติบโต ต้องอยู่ต่อด้วยตัวเองให้ได้นะลูก สัญญากับพ่อสิ ”

“ ไม่เอา ”
ผมส่ายหัวร้องไห้ไม่หยุด ยิ่งคุณพ่อพูดผมก็ยิ่งเศร้า

“ อย่าทำให้พ่อตายตาไม่หลับสิ เลิกร้องไห้ได้แล้วลูก ทำเพื่อพ่อนะ สัญญากับพ่อ ”

“ ก็ได้ครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเอง ฮือ ”

“ เอาล่ะๆ เลิกร้องไห้สิ พ่อยังไม่ตายวันนี้ซะหน่อย ”
คุณพ่อยิ้มและหัวเราะปกติ ท่านคงไม่อยากให้ผมเศร้า แต่ยังไงผมก็เศร้าอยู่ดี ทั้งชีวิตผมก็มีคุณพ่อคอยอยู่ด้วยตลอด ถ้าต้องเสียท่านไป ผมเองก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง

คุณพ่อต้องนอนที่โรงพยาบาลให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด หลังเลิกเรียนผมก็จะมานอนเฝ้าท่านที่นี่ทุกวัน ใช้เวลากับท่านให้มากที่สุด ก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป ผมทำทุกอย่างให้คุณพ่อมีความสุข พูดเรื่องอดีตที่เราเคยไปเที่ยว ชวนท่านคุยเรื่องตลก ดูหนัง ฟังเพลง ทำกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันตอนที่ผมเด็กๆ เช่น วาดรูป ร้องเพลง ทำให้เวลาที่เหลืออยู่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ

ผมจะคอยอ่านหนังสือให้คุณพ่อฟังก่อนนอน เจ้าผีที่ตัวติดกับผมไปทุกที่ก็คอยมานั่งฟังด้วย แวมก็เป็นอีกคนที่คอยอยู่กับผมในทุกเวลา เขาทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเลย

และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ผมต้องเสียคนที่รักมากที่สุดไป คุณพ่อจากไปอย่างสงบ ท่านขอให้ผมอย่าร้องไห้ ขอให้ผมเข้มแข็ง เมื่อท่านหลับตา ผมรู้แล้วว่าผมจะไม่ได้เห็นคุณพ่อลืมตาขึ้นมาอีก หัวใจของผมแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆแต่ก็ไม่มีน้ำตาสักหยดรินไหลออกมาให้ใครเห็น

ศพของคุณพ่อถูกนำไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดชลบุรีบ้านเกิดของท่าน เพื่อนๆผมทุกคนก็ไปร่วมแสดงความเสียใจ พี่วีก็มางานนี้ด้วย แต่ตอนนี้ผมยังไม่สนิทใจกับเขานัก เลยไม่พร้อมที่จะเข้าใกล้เขาเท่าไหร่

“ นายเห็นคุณพ่อบ้างมั๊ยแวม? ”
ผมถามแวมเมื่อทำพิธีเผาศพเรียบร้อยแล้ว

“ ไม่เห็นเลยครับ ผมว่าคุณหมอท่านไปสู่สุขติแล้วล่ะครับ ”
ได้ฟังแบบนั้นผมก็อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้ คุณพ่อที่คอยดูแลผมมาด้วยตัวคนเดียว วันนี้ท่านไม่อยู่กับผมแล้ว



“ ช่วงนี้คุณหมอไม่ร่าเริงเลยนะครับ ”
หลังจากเสียคุณพ่อไปผมก็รู้ตัวว่าผมยังทำใจไม่ได้ ผมรู้สึกเศร้า ยังไม่ชินที่ต้องกลับบ้านมาแล้วไม่เจอใคร  แล้วก็ไม่มีอาหารฝีมือคุณพ่อวางอยู่บนโต๊ะอีก ผมมองเจ้าหมาน้อยที่กระดิกหางไปมาอย่างไร้เดียงสา มันคงกำลังสงสัยว่าเจ้าของอีกคนของมันไปไหนสินะ

“ คุณหมอยังมีผมกับเจ้าชาเย็นอยู่นะครับ ”

“ ฉันคิดถึงคุณพ่อ ”
พอคิดถึงหน้าท่านน้ำตาผมก็ไหลออกมาอีกจนได้

“ ท่านไปดีแล้วนะครับ คุณหมอต้องเข้มแข็งอย่างที่ท่านบอกนะ คุณพ่อของคุณหมอจะได้สบายใจ ”

“ ฮึก ก็ได้ ฉันจะพยายามเข้มแข็งแล้วกันนะ ”
ผมเอามือปาดน้ำตาแล้วกลั้นความเสียใจเอาไว้

“ ผมจะคอยอยู่ข้างๆคุณหมอเองครับ ”

“ ขอบใจนะ ”

“ ผมอยากกอดปลอบใจคุณหมอนะ แต่ผมคงทำไม่ได้หรอก เอางี้ คุณหมออ่านหนังสือเล่มนี้ให้ผมฟังหน่อยสิครับ ”

“ อารมณ์ไหนเนี่ย? ”

“ ก็ผมไม่อยากให้คุณหมอเศร้าไงครับ นี่ๆๆ อ่านเล่มนี้ ผมอยากฟัง ”
แวมชี้ไปที่หนังสือเล่มนึงที่วางอยู่บนชั้นหนังสือในห้องนอนของผม

ผมเผยรอยยิ้มบางๆกับการกระทำของเขา อย่างน้อยการมีแวมอยู่ข้างๆก็ช่วยลดความเศร้าของผมลงมากเลยทีเดียว ผมเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดอ่านออกเสียง คนที่บอกอยากฟังก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ และกิจกรรมตรงหน้าก็สามารถทำให้ผมลืมความเศร้าไปชั่วขณะหนึ่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2017 23:51:35 โดย lostboy »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สงสารบีม  ที่สูญเสียคุณพ่อ  :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
หมอบีมม แงงงง :hao5: :mew6:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สงสารหมอ :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ worry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น่าสงสารขึ้นมาเลย

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 11



คุณพ่อทิ้งเงินในบัญชีก้อนใหญ่ไว้ให้ผมมากพอที่จะใช้จนเรียนจบ แต่ผมก็คงไม่สามารถใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยได้อีก ผมขายสัญญาหอพักทิ้งไปแล้วกลับมาอยู่บ้าน ญาติๆที่ชลบุรียินดีจะช่วยเหลือเรื่องเงินทองให้ผมเต็มที่ คุณลุงของผมเป็นนายตำรวจใหญ่ฐานะค่อนข้างร่ำรวย ท่านเสนอที่จะส่งผมเรียนต่อ แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากรบกวนใคร

“ ถ้าผมไม่เป็นแบบนี้ ผมก็คงจะช่วยคุณหมอได้นะครับ ”

“ ช่วยเรื่องอะไร? เรื่องเงินน่ะเหรอ? ไม่จำเป็นหรอก ถึงฉันจะไม่ร่ำรวยแบบนาย แต่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินของนายหรอกนะ คนรวยคิดว่าคนอื่นต้องการเงินมากขนาดไหนกัน? สำหรับฉันแค่พออยู่พอกินก็พอแล้ว ”

“ ผมขอโทษครับที่ผมคิดแบบนั้น ผมแค่... ”

“ ขอโทษทำไม? นายคงจะชินกับการใช้เงินมากมายเท่านั้นเอง ”

“ คงงั้นมั้งครับ ”

“ เอาเถอะ มีเงินให้ใช้ก็ดีแล้ว ”

“ เอ่อ คุณหมอครับ คือผมมีเรื่องจะบอก ”

“ เรื่องอะไรเหรอ? ”
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ เรื่องที่คุณพ่อของหมอป่วย ที่จริงผมรู้นานแล้วครับ ”

“ ว่าไงนะ แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน? ”
ผมทำสีหน้าไม่พอใจใส่แวมทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“ ท่านขอไว้ว่าอย่าบอกคุณหมอครับ ”

“ ฮะ? นายหมายความว่าคุณพ่อมองเห็นนายงั้นเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ท่านมองเห็นผมแต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น ”

“ ทำไมคุณพ่อถึงต้องทำแบบนี้ด้วย? ”

“ คุณหมอเคยได้ยินเรื่องที่ว่าคนใกล้ตายมักจะมองเห็นผีมั๊ยครับ? อย่างที่คุณพ่อท่านบอกว่าไม่อยากให้คุณหมอเป็นห่วง ท่านเลยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นผม ”

“ เหอะ งั้นฉันก็คงเป็นคนใกล้ตายสินะ ”

“ คุณหมอทำไมพูดแบบนี้ครับ? คุณหมอโกรธผมเหรอ? ”

“ ใช่ มีฉันคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่อง ทำไมต้องปิดบังกันด้วย ถ้านายบอกฉัน ฉันจะได้มีเวลาใส่ใจคุณพ่อมากกว่านี้ ”

“ ไม่มีใครอยากให้คนที่เรารักรู้สึกไม่สบายใจหรอกครับ ”

“ ... ”

“ เอ่อ ผมหมายถึงท่านคงไม่อยากให้หมอบีมรู้สึกไม่สบายใจครับ ”

“ อืม นายไม่ผิดหรอก ”

“ แต่คุณหมอโกรธผม ”

“ เปล่า ฉันอยากอยู่คนเดียว ”

“ คุณหมอ ”
แวมทำหน้าเศร้าพยายามที่จะเดินเข้ามาหาผม

“ ฉันบอกว่าอยากอยู่คนเดียวไง ”

“ คุณหมอไล่ผมเหรอครับ? ”

“ อืม ”
ผมตอบโดยพยายามไม่มองแววตาน่าเศร้าๆของคนตรงหน้า

“ ก็ได้ครับ ผมไปก็ได้ ”
แล้วเขาก็หายวับไปทันที

ผมโกรธที่ผมเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำไมต้องปิดบังกันด้วย ผมควรรับรู้เรื่องนี้มากที่สุดไม่ใช่เหรอ?

ผมได้แต่คิดทบทวนอยู่นาน พออารมณ์โกรธเริ่มบรรเทาลง ก็เริ่มที่จะเข้าใจ คุณพ่อคงไม่อยากให้ผมเป็นกังวล แวมก็เช่นกัน ผมไม่น่าไล่เขาเลย

“ แวม อยู่รึเปล่า? ”
ผมเรียกหาแวมดังๆ คิดว่าเขาน่าจะได้ยินเพราะเขาคงอยู่กับผมตลอด ไม่น่าจะไปไหน

แต่เขาไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
“ แวม นายหายไปไหน? ออกมาได้แล้ว ฉันขอโทษที่ไล่นายไปนะ ออกมาสิ ”

เงียบ...
ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆกลับมา เขาคงจะโกรธผมมาก ความใจร้อนทำให้ผมพลาดอีกแล้ว



การหายไปครั้งนี้ของแวมเป็นการหายไปที่ยาวนานสำหรับผมมาก เขาหายไป 2 วันแล้ว เขาเคยอยู่กับผมตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมต้องใช้ชีวิตแบบเหงาๆคนเดียว
“ แวม นายหายไปไหนนะ? กลับมาเถอะขอร้อง ”

เขาอาจจะโกรธผมจริงๆ หรือไม่แวมก็อาจจะกลับเข้าร่างไปแล้วก็ได้ พอคิดได้ดังนั้นผมก็เริ่มรู้สึกเศร้าขึ้นมา นี่ผมต้องใช้ชีวิตคนเดียวแล้วจริงๆใช่มั๊ย?

บ๊อกๆ บ๊อกๆ
“ ไงชาเย็น เห่าแบบนี้หิวข้าวแล้วล่ะสิ นี่ฉันซื้อข้าวผัดใส่หมูเยอะๆของโปรดแกมาด้วยนะ ”
เจ้าชาเย็นเป็นหมาที่ชอบกินเนื้อหมูมาก กินทุกอย่างที่ใส่หมู แต่ถ้าวันไหนเอาอาหารที่ไม่มีหมูให้กินมันก็จะเมินอาหารจานนั้นทันที

“ เอ่า ทำไมไม่กินล่ะ ไม่ชอบเหรอ? งั้นวางไว้นี่นะ ถ้าหิวก็มากินเองละกัน ”

บ๊อกๆ

“ ตอนนี้ก็เหลือเราสองคนแล้วนะ ไม่สิ อย่างแกต้องเรียกเป็นตัวนี่นา ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันรักแกมากนะเจ้าหมาน้อย อย่าจากฉันไปไหนล่ะ ฉันเหงานะรู้มั๊ย เฮ้อ ไม่รู้เจ้าของอีกคนของแกจะเป็นยังไงบ้าง ป่านนี้เขาจะอยู่ไหนกันนะ ”
ผมอุ้มชาเย็นขึ้นมากอด หนักจริงๆเลยเจ้าหมาตัวนี้ ตัวมันเริ่มโตขึ้นแล้ว อีกหน่อยก็คงอุ้มไม่ได้แล้วล่ะ

“ ให้ตายเถอะ คิดถึงว่ะ ”

คืนนี้ผมอ่านหนังสือจนดึกดื่นเช่นเคย มองนาฬิกาก็ใกล้จะเที่ยวคืนแล้ว เริ่มง่วงแล้วสิ ไม่มีคนคอยเฝ้าเวลาอ่านหนังสือแล้วรู้สึกไม่อยากอ่านต่อเอาซะเลย ผมตัดสินใจปิดหนังสือเพื่อเตรียมเข้านอน คืนนี้อากาศค่อนข้างเย็น คงหลับสบายน่าดู

พอผมปิดไฟแล้วรู้สึกวังเวงแปลกๆ คืนนี้เป็นคืนข้างขึ้น พระจันทร์ค่อนข้างสว่างทำให้มองเห็นสิ่งของต่างๆในตอนปิดไฟได้ลางๆ ผมมองเห็นผ้าม่านปลิวไสวและมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา แต่ทว่า ผมปิดหน้าต่างไปแล้วนะ!

ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น และเหมือนใครคนนั้นกำลังพยายามบิดลูกบิดประตูห้องอยู่ด้านนอก ดีนะที่ผมล็อคประตูแล้ว แต่ใครกันล่ะจะมาหาผมดึกขนาดนี้ แถมผมก็ล็อคประตูเข้าบ้านแล้วด้วย ขโมยงั้นเหรอ?

หรือว่าจะเป็น...ผี

พอคิดได้ดังนั้นผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ถึงผมจะคลุกคลีกับผีตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นผีตัวอื่นที่ไม่ใช่แวมผมก็กลัวนะ กลัวมากด้วย

“ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย จะทำบุญไปให้ ”
ผมพูดอย่างหวาดหวั่น แต่เสียงบิดลูกบิดประตูยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ผ้าม่านก็ปลิวไสวอยู่เช่นเดิม ตอนนี้ผมกลัวมาก ขนลุกซู่ไปหมด ผมตัดสินใจสลัดความกลัวทิ้งแล้ววิ่งไปเปิดไฟอย่างรวดเร็ว

พอหลอดไฟถูกเปิด แสงสว่างทำให้ทุกอย่างเงียบลง ผ้าม่านอยู่นิ่ง ไม่มีเสียงบิดกลอนประตูแล้ว

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับคุณหมอ ”
แวมโผล่มากระซิบข้างหูผมจากด้านหลัง ผมตกใจเล็กน้อย หันหลังไปเจอเขาผมก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจทันที

“ นายหายไปไหนมา ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอนายแล้วรู้มั๊ย ”

“ ผมก็แค่แกล้งหายไปเพื่อมาเซอร์ไพซ์วันเกิดหมอนี่ไงครับ ”

“ วันเกิดฉันพรุ่งนี้ต่างหากล่ะ ”

“ คุณหมอดูนาฬิกาสิครับ ”

ผมหันไปมองนาฬิกาแขวนที่ติดอยู่ข้างผนังก็ปรากฏเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาที นี่เขามาตรงเวลาเป๊ะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

“ เห็นมั๊ยครับว่าวันนี้วันเกิดหมอแล้ว และผมเป็นคนแรกที่มาแฮปหมอนะครับ ถึงจะไม่มีเค้กก็เถอะ ”

“ ฮึก... ”

“ คุณหมอร้องไห้ทำไมครับ ”
แวมทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผมร้องไห้ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่น้ำตามันไหลออกมาเอง ผมคิดถึงพ่อ

“ ทุกปีคุณพ่อจะเป็นคนมาอวยพรวันเกิดฉันเป็นคนแรก ท่านจะมาเคาะประตูห้องฉันหลังเที่ยงคืนแบบที่นายทำ พร้อมกับมีเค้กวันเกิดมาให้ฉันเป่า แต่ปีนี้ไม่มีแล้ว ฮือ ”
ผมพูดด้วยน้ำตา

“ อย่าร้องสิครับคุณหมอ ปีนี้ผมมาอวยพรคนแรกนี่ไง คุณหมอยังมีผมอยู่นะครับ ”

“ ว่าแต่นายรู้วันเกิดฉันได้ยังไง? ”

“ เอาเป็นว่าผมรู้แล้วกัน เลิกร้องไห้ได้แล้วนะครับ ”
ผมพยายามกลั้นน้ำตาแล้วส่งยิ้มบางๆให้เขา

“ อืม ช่างเถอะ ขอบใจนะที่เข้ามาในชีวิตฉัน อย่างน้อยวันเกิดปีนี้ฉันก็มีนายอยู่ด้วย ”

“ ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณคุณหมอ ที่อนุญาตให้ผมเข้ามาในชีวิต ”

ผมโผลเข้ากอดแวมจนลืมคิดไปว่าเขาเป็นวิญญาณ ทำให้เสียหลักไปข้างหน้าเล็กน้อย แต่เจ้าตัวกับหัวเราะซะงั้น

“ จะแต๊ะอั๋งผมเหรอครับหมอ? ”

“ บ้า ”

“ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะครับ ”

“ ใครหน้าแดง? เปล่าซะหน่อย ”
ว่าแล้วผมก็เดินหนีไปทิ้งตัวลงที่นอนทันที ผมแอบกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้เขาเห็น

“ คุณหมอยิ้มแล้ว อย่าร้องไห้อีกเลยนะครับ ”

“ ใครอนุญาตให้นายขึ้นมาบนเตียงฉันเนี่ย ”
เผลอแป๊ปเดียว อยู่ดีๆแวมก็โผล่มานอนข้างๆผมแล้ว

“ วันนี้ผมขอนอนบนเตียงด้วยแล้วกัน ยังไงผมก็ทำอะไรหมอไม่ได้หรอกครับ ”

“ ไม่เอา ลงไปเลย ”

“ ไม่ลง ”
เขาตอบหน้าตาเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะยอมฟังผมเลยสักนิด

“ เฮ้อ แล้วแต่เลยละกัน ”

“ ขอบคุณครับ ”

แล้วเขาก็เอาแต่นอนจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นจนผมนอนไม่หลับ

“ นี่ จะจ้องกันอีกนานมั๊ย? ”

“ อืม ก็หมอน่ารักนี่ครับ ”
ชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เลยเหรอ? ผมมองแววตาคมนั่นที่จ้องมาแล้วรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูก ผมต้องผลิกตัวหนีไปอีกทางเพื่อหลบสายตา

“ ถ้าผมมีเค้กวันเกิดให้หมอก็คงจะดีกว่านี้ ”
น้ำเสียงเศร้าๆนั่นทำให้ผมพลิกตัวกลับไปหาเขาอีกครั้ง

“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ดีซะอีก ฉันจะได้ไม่อ้วน ”
พอได้ยินแบบนั้นแวมก็หลุดยิ้มทันที

“ คุณหมอโชคดีจริงๆนะครับที่ได้รับเค้กวันเกิดจากคุณพ่อทุกๆปี เท่าที่จำความได้ พ่อกับแม่ของผมไม่เคยอวยพรวันเกิดผมเลย พวกท่านไม่ค่อยมีเวลาให้ผมหรอกครับ ท่านจะถามว่าผมอยากได้อะไรแล้วก็โอนเงินเข้าบัญชีของผมแค่นั้น ”
เอ่า ทำไมเข้าโหมดดราม่าอีกแล้วล่ะ

“ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงเป็นเด็กมีปัญหา ”

“ เด็กมีปัญหา? ”

“ ฉันหมายถึงเมื่อก่อนน่ะ แต่ช่างมันเถอะ พ่อแม่นายรักนายมากนะ วันที่นายโดนยิงพ่อนายเขาเสียใจมากรู้มั๊ย? ”

“ ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาน่ะสิครับ ผมโตมาเพราะได้แม่นมเลี้ยงดู พ่อแม่ของผมแทบจะไม่มีเวลามาสนใจผมเลยด้วยซ้ำ ”

“ อย่าพูดแบบนั้นสิ เอาเป็นว่าตอนนี้นายมีฉันอยู่นี่ไง อย่าเศร้าไปเลยน่า ”

“ นั่นสินะครับ ผมกะว่าจะมาทำให้คุณหมอหายเศร้า ทำไมมาเศร้าเองซะงั้น ”

“ แต่ฉันยังไม่หายโกรธนายหรอกนะที่นายหายไปตั้ง 2 วัน รู้มั๊ยว่าฉัน... ”

“ คิดถึง? ”

“ ... ”

“ คิดถึงผมก็บอกสิครับ ผมรู้นะ ผมอยู่กับหมอตลอดเวลา อยากออกมาหาใจแทบขาด แต่ต้องคอยหลบ แถมต้องไม่ให้เจ้าชาเย็นเห็นอีก ”

“ ไม่รู้แหละ ฉันโกรธนายแล้ว ”

“ ผมขอโทษนะครับ หายโกรธผมนะ ”
แวมค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผมมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ใบหน้าเราห่างกันไม่ถึงสองเซนอยู่แล้ว ผมมองแววตาที่จ้องมาแล้วใจสั่นจนต้องหลับตาเพื่อตั้งสติ
“ นี่ถ้าผมไม่ใช่วิญญาณ ผมคงปล้ำหมอไปแล้วนะเนี่ย ”
แวมผละตัวออกไป ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขายิ้มดีใจที่แกล้งผมได้

“ ถ้านายไม่ใช่วิญญาณฉันก็คงจะถีบนายตกเตียงได้น่ะสิ ”

“ คุณหมอไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ”

“ รู้ได้ไง ”

“ ก็ดูเมื่อกี้สิ หลับตาพริ้มเชียวนะครับ เสียดายจังที่ผมทำต่อไม่ได้ ”

“ ไอ้บ้า โว้ยยย ลงไปจากเตียงเลยนะ ไอ้ผีโรคจิต ”

“ ฮ่าๆ ผมไม่แกล้งแล้วครับ ”

ผมค้อนใส่คนตรงหน้าแล้วพริกตัวหนีทันที คืนนี้กว่าจะข่มตาหลับได้ เพราะไอ้ผีโรคจิตนี่แท้ๆเลย กวนประสาทผมอยู่นั่นแหละ คราวหลังจะไม่ให้นอนบนเตียงด้วยแล้ว



วันนี้ที่โรงอาหาร ผมได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆอีกแล้ว อย่างกับตอนที่เจอแวมไม่มีผิด แต่ตอนนี้แวมนั่งอยู่ข้างๆผมโดยที่ผมมองเห็นเขาคนเดียว แล้วนี่ดาราหรือเดือนคณะไหนโผล่มาอีกล่ะเนี่ย หนวกหูจริงๆเลย

ผมรู้แล้วว่าต้นเหตุของเสียงมาจากใคร หนุ่มหล่อสองคนกำลังเดินมาพร้อมกับร้องเพลงวันเกิด ใต้เมฆถือเค้กก้อนใหญ่ที่จุดเทียนเรียบร้อยแล้วไว้ในมือ เขาเดินมาพร้อมกับนาคิมด้วย ไม่น่าล่ะทำไมสาวๆถึงกรี๊ดดังนัก

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู... ”
ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมและเสียงกรี๊ดก็เริ่มเงียบลงเปลี่ยนเป็นเสียงฮือฮาแทน

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะหมอบีม ”

“ มีความสุขมากๆนะครับ ”

“ รู้ได้ไงครับว่าวันนี้วันเกิดผม? ”

ใต้เมฆเอี้ยวตัวมากระซิบข้างหูผมเพื่อตอบคำถาม
“ ไอ้แวมมันบอก ”
คนที่โรงอาหารต่างไม่ได้ยินว่าใต้เมฆพูดอะไรก็ซุ๊บซิ๊บกันใหญ่ คงจะคิดไปต่างๆนาๆ

ผมหันไปหาแวมเขาก็พยักหน้ารับ
“ นี่เค้กวันเกิดของคุณหมอครับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนให้ด้วยตัวเองก็เถอะ ”

“ ขอบใจนะ ”
ผมหันไปขอบใจแวม ใต้เมฆกับนาคิมมองหน้ากันแล้วก็เข้าใจทันทีว่าผมคุยกับใคร

“ เป่าเค้กสิ ”
ใต้เมฆบอกให้ผมรีบเป่าเค้กก่อนที่เทียนจะละลายจนหมด

ผมหลับตาอธิฐานบางอย่างลงไปก่อนจะเป่าจนเทียนดับรวดเดียวทุกเล่ม

“ คุณหมออธิฐานอะไรครับ? ”

“ ไม่บอกหรอก ถ้าบอกเดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริง ”

...ความจริงแล้วผมอธิฐานขอให้แวมเข้าร่างได้แค่นั้นเอง...

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู... เอ่า ”
ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อเดินถือเค้กมาด้วยเช่นกัน แต่พอมาถึงแล้วเจอสองคนนี้ไอ้ก่อก็ชักสีหน้าอารมณ์เสียทันที ไอ้เกื้อก็ดูเกร็งๆเอาแต่ก้มหน้าก้มตา

ผมมองบรรยากาศกดดันตรงหน้าแล้วรีบเป่าเค้กในมือไอ้ก่อเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ ขอบใจนะเว้ยพวกมึง ”

“ อะไรวะ พวกกูไปเอาเค้กแป๊ปเดียวแม่งโดนตัดหน้าซะแล้ว ”
ไอ้ก่อบ่นอย่างหงุดหงิด

“ มาช้าเองช่วยไม่ได้ ”
ใต้เมฆทำเหมือนพูดลอยๆไม่ได้หันมองไอ้ก่อ เป็นการกวนตีนที่น่าหมั่นไส้มาก

“ เอ่อ กินเค้กกันดีกว่า มาๆๆ ”
ผมรีบชวนทุกคนกินเค้ก แต่ก็ไม่มีใครกินเลยสักคน

“ มึงกินเลย กูแดกไม่ลงละ ”
ว่าจบไอ้ก่อก็เดินหนีไป

“ กูก็ด้วย ”
ใต้เมฆก็ไปอีกคน

เอาแล้วไง เหลือนาคิมกับไอ้เกื้อแล้วสิ สองคนนี้จะยังไงกันนะ

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะหมอบีม ผมไปก่อนนะครับ ”
ไอ้เกื้อหันมาบอกผมแล้วรีบเดินหนีไป ผมเหลือบมองนาคิมที่มองตามไอ้เกื้อจนลับสายตาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ ผมไปแล้วนะหมอ กินไม่หมดก็เอากลับไปกินที่บ้านนะครับ ”
นาคิมพูดจบก็เดินหนีไปเป็นคนสุดท้าย

ผมหันไปมองหน้าแวมแล้วส่ายหัวอย่างเอือมๆ
“ นี่ฉันต้องกินคนเดียวหมดนี่ใช่มั๊ย? ”

“ ใช่แล้วครับหมอ ฮ่าๆ ”

“ ยังจะหัวเราะอีก มาช่วยกินเลย ”

“ ผมกินได้ที่ไหนกันล่ะ ”

เฮ้อ ผมตักเค้กเข้าปากจนอิ่มก็ยังไม่ถึงครึ่งก้อนเลย สงสัยต้องเก็บกลับบ้านอย่างที่นาคิมว่าแล้วล่ะมั๊ง



“ หมอบีม ตื่นได้แล้ว สายแล้วครับ ”
แวมยังคงปลุกผมไปเรียนเช่นทุกวัน แต่วันนี้ไม่มีเรียนโว้ยยย

“ วันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาส นายจำไม่ได้รึไง? ”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะอยากนอนต่อ

“ ผมลืมไปเลย ขอโทษครับ ”

“ อืม ”
แล้วผมก็หลับตาลงอีกครั้ง

“ คุณหมอครับ ไปเที่ยวกัน ”

“ เที่ยวไหน? ”
ผมงัวเงียตอบแบบยังไม่ลืมตาลุกจากเตียง

“ แล้วแต่หมอเลยครับ ผมอยากไปเที่ยว ที่ไหนก็ได้ หมออุตส่าห์มีวันหยุดทั้งที นะครับๆๆ ”

“ เฮ้อ ”
ผมลุกจากเตียงมามองหน้าแวม เห็นแววตาอ้อนวอนนั่นแล้วก็ปฏิเสธไม่ลงจริงๆ
“ อาบน้ำแป๊ป ”



“ สวนสนุก? ”

วันนี้ผมนึกสนุกอยากพาแวมมาเที่ยวดรีมเวิลด์ มาล่าสุดก็ตอนผมอยู่ประถมนู้น ตอนนั้นผมแทบไม่ได้เล่นเครื่องเล่นอะไรเลย เพราะผมเป็นเด็กที่มีนิสัยขี้กลัวมาก ผมว่าความคิดที่จะออกมาเที่ยวก็ดีเหมือนกันนะ ปลดปล่อยความเครียดซะบ้าง พาไอ้ผีคุณชายนี่ออกมาเปิดหูเปิดตาด้วย ตอนเด็กๆพ่อแม่เขาคงไม่พามาเล่นที่แบบนี้หรอก

เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆด้วย แวมไม่เคยมาที่นี่ เขาทำหน้าตื่นเต้นมากตั้งแต่เดินเข้าประตูมาแล้ว เป็นผีก็ดีที่เข้ามาได้เลยโดยไม่ต้องซื้อบัตร

ผมเลือกขึ้นเครื่องเล่นเคเบิลคาร์เป็นอันดับแรก มันเป็นกระเช้าลอยฟ้าที่นั่งชมวิวเพื่อที่จะมองเห็นได้ว่าเครื่องเล่นอะไรอยู่ตรงไหน

“ ทำไมขึ้นมาแล้วมันน่ากลัวขนาดนี้วะ ”
ผมได้แต่หลับตาปี๋เพราะมันสูงมาก ขาสั่นไปหมดแล้ว ตอนดูอยู่ข้างล่างไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรเลย พอขึ้นมาเล่นเองเท่านั้นแหละ แทบจะเป็นลม

“ คุณหมอกลัวความสูงเหรอครับ? ”

“ นายไม่กลัวรึไง? ดูข้างล่างนั่นสิ ดูๆๆ หวาดเสียวชะมัด ”

“ ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย ”
แวมทำหน้าตาเฉย มองวิวทิวทัศน์อย่างชิลๆ

และเครื่องเล่นอันต่อไปที่ผมจะเล่นคือไวกิ้งนั่นเองครับ เห็นคนเล่นที่ลงไปเมื่อกี้กรี๊ดเสียงดังสนั่นเหลือเกิน ดูซิว่าจะขนาดไหนกันเชียว มีที่นั่งให้เลือกตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันที่นั่งชั้นมหาลัย นั่งชั้นมหาลัยเลยแล้วกัน

“ อ๊ากกกกกกก ช่วยด้วย ไม่เอาแล้วๆ อ๊ากกกกก ”
ผมกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดเสียว เวลาไอ้เรือผีนี่มันแกว่งขึ้นสูงที่สุดผมรู้สึกเหมือนหัวใจหลุดไปอยู่ที่ตาตุ่ม เคว้งคว้างเหมือนล่องลอยบนท้องฟ้าแล้วถูกปล่อยให้ตกลงมาอย่างน่ากลัว

แวมยืนมองผมอยู่ข้างล่างแล้วยังหัวเราะอีก เหอะ ถ้าได้ขึ้นมาแล้วจะรู้สึก

“ ไหวมั๊ยครับเนี่ย? ”

“ ยังจะถามอีก ดูหน้าด้วย ”
ผมเอามือชี้หน้าตัวเอง ซึ่งสภาพตอนนี้ผมว่าดูไม่ได้แล้วล่ะ

“ ไปเล่นบ้านผีสิงกัน ผมอยากเล่น ”

“ ไม่เอา นายเข้าไปคนเดียวดิ กลัว ”

“ กลัวทำไมครับ มีผมอยู่นี่ทั้งคน ”

“ นายเป็นผีจะกลัวอะไรล่ะ ”

“ นะครับหมอ นะๆๆ ”
โอ้ย ทำตัวขี้อ้อนอีกแล้ว แววตาแบบนี้มันปฏิเสธไม่ลงจริงๆนะเนี่ย

“ ก็ได้ๆ ”

พอเข้ามาในบ้านผีสิง บรรยากาศไม่ได้เงียบวังเวงอย่างที่ผมคิด แต่มันกลับมีเสียงกรี๊ด เสียงเอฟเฟคครึกโครม กดประสาทไปอีกแบบ ทั้งเสียงซาวด์หมาหอน เสียงตุ๊กแก มีตุ๊กแกปลอมด้วย น่าขยะแขยงสุดๆ โว้ย ผีแหกปากเสียงดังชะมัด ตกใจหมด

“ หมอครับ เดินต่อดิ ”
แวมหันมาบอกผม

“ ไม่เอา กลัว ”

“ ไม่ต้องกลัวครับ เดินตามผมมา  ”
พอมาถึงจุดที่มีผีอยู่ในกรงมันจะเด้งตัวมาหลอกให้คนตกใจเมื่อเดินผ่าน ผมไม่กล้าผ่านกรงนั่นเลย ถึงผมจะรู้ว่ามันเป็นผีปลอมก็เถอะ

“ เอ่าน้อง เดินสิครับ ”
ผู้ชายข้างหลังสะกิดไหล่ผมให้เดินต่อ

“ ไปก่อนเลยครับ ”
ผมหลีกทางให้เขา

“ กลัวเหรอ? มานี่ พี่พาไป ”
ว่าแล้วเขาก็ดึงมือผมให้เดินตามไปทันที ด้วยสัญชาติญาณความกลัวผมจึงเกาะแขนพี่คนนั้นไว้แน่นจนถึงทางออก

“ ขอบคุณนะครับ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ”
พี่เขายิ้มให้แล้วก็เดินจากไป

“ หน้าบึ้งอีกแล้วนะ ”
ผมหันไปพูดกับแวมที่หน้าบึ้งตึงตั้งแต่ออกมาจากบ้านผีสิงแล้ว

“ ก็หมอไปจับมือผู้ชายคนนั้นทำไมล่ะครับ? ”

“ ก็คนมันกลัวนี่นา ”

“ ผมก็แค่น้อยใจที่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ”

“ ดราม่าทำไมเนี่ย มาทางนี้ๆ หาไรสนุกๆเล่นดีกว่า ”
ผมยิ้มให้เขา เขาก็พยักหน้าแล้วเดินตามมาจนได้

ผมเล่นเครื่องเล่นไปหลายอย่างจนเหนื่อยล้าสุดๆ เครื่องเล่นที่น่ากลัวที่สุดผมยกให้เฮอร์ริเคนเลย ตับไตใส้พุงนี่แทบจะพันกันหมดแล้วเนี่ย ผมแวะพักกินเคเอฟซีเพื่อตากแอร์เย็นๆ จากนั้นจึงไปเล่นเครื่องเล่นต่อ และปิดท้ายด้วยการดูหนัง4D

“ เฮ้อออ วันนี้เหนื่อยเป็นบ้าเลย นายว่ามั๊ย? ”
หลังจากกลับบ้านมาผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย

“ ผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลยนะครับ ”

“ นั่นสิ นายจะรู้สึกเหนื่อยได้ไงล่ะ ”

“ หมอบีม ชาเย็นหิวข้าวแล้วนะ ”

“ จริงด้วย ”
ผมลุกจากโซฟาแล้วเอาข้าวกล่องที่ซื้อมาเทใส่จานให้เจ้าหมาน้อยกิน

“ ชาเย็นอ้วนแล้วนะครับเนี่ย สงสัยจะกินเยอะ ”

“ นั่นสิ โตไปจะเป็นหมูรึเปล่าเนี่ย? ฮ่าๆ ”
ผมกับแวมนั่งดูเจ้าหมาน้อยเคี้ยวข้าวตุ้ยๆอยู่อย่างนั้น

“ ขอบคุณนะครับหมอ ที่พาผมไปเที่ยววันนี้ ผมไม่เคยไปสวนสนุกมาก่อนเลย ”

“ ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ฉันก็สนุกมากๆเลยล่ะ ”

วันนี้ผมมีความสุขมาก ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้ว ผมมองหน้าคนที่อยู่ข้างๆแล้วนึกขอบคุณเขาในใจที่เข้ามาเติมสีสันในชีวิตผม ทำให้ผมมีความสุขและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว





---------------------------------------

ผมอยากให้แวมเข้าร่างแล้วเหมือนกัน
ใกล้แล้วล่ะครับ -_-

รักคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเมนต์ครับ  :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2017 00:16:57 โดย lostboy »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รีบๆๆเข้าร่าง  :mew2:

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อยากได้แวมแบบสัมผัสลูบไล้ได้ 55

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอแวมคืนร่าง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kawoat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ขอบใจจ้า

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ worry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ตูว่าต้องมีดร่าม่าตอนกลับเข้าร่างแน่ๆ

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
Chapter 12



“ ไอ้บีม มีคนปล่อยคลิปหลุดมึงลงเน็ตด้วยว่ะ ”
ไอ้ก่อยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมดู คนโพสต์คลิปนี้ผมไม่รู้จักหรอกครับ แต่ในคลิปเป็นภาพผมกำลังยืนพูดคนเดียวในสวนสนุก
“ ตลกว่ะ ”
ไอ้ก่อดูคลิปแล้วทำหน้าขำ

“ หมอบีมไม่สบายรึเปล่าครับ? ”
ไอ้เกื้อไม่พูดเปล่า มันเอามือมาแตะหน้าผากผมด้วย เอิ่ม กูไม่ได้ป่วยนะเว้ย

“ มึงคุยกับใครวะ? สติเพื่อน สติ”

“ กูพูดคนเดียว ”
ผมตอบปัดๆไป เพราะจะให้บอกว่าคุยกับวิญญาณได้ก็คงไม่มีใครเชื่อ

“ ช่างมันเถอะ ว่าแต่คนโพสต์คลิปนี้เขาต้องการอะไรกันแน่วะ? เขากำลังแกล้งมึงชัดๆ ”

“ ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกแฟนคลับใต้เมฆกับนาคิมนะครับ ตั้งแต่วันเกิดหมอบีมที่สองคนนั้นเอาเค้กมาให้ ก็เห็นมีกลุ่มแอนตี้หมอบีมในเฟสด้วย ”
ไอ้เกื้อเปิดเฟสบุ๊คเอาเพจกลุ่มนั้นให้ผมดู เฮ้อ ไร้สาระสิ้นดี

“ คนสมัยนี้ไปกันใหญ่แล้วว่ะ กูว่าช่างมันเถอะ พอแฟนคลับพวกนี้มันเบื่อ เดี๋ยวมันก็เงียบกันไปเองแหละ ”
ไอ้ก่อตบไหล่ผมเบาๆ

“ เออ กูไม่ใส่ใจหรอกว่ะ ”
ที่จริงผมก็ไม่ใส่ใจอะไรกับคนพวกนี้นักหรอก ถ้าเอาความจริงมาพูดก็คงไม่เป็นไร อย่าใส่ร้ายกันก็พอ อยากเกลียดอยากด่าอะไรก็ทำไปเถอะ พวกเขาไม่มีผลกับชีวิตผมอยู่แล้ว



“ หมอบีมครับ วันนี้เรียนเสร็จไปดูหนังกัน ”
แวมถามผมขณะนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหาร ผมมองไปเห็นกลุ่มผู้หญิงโต๊ะข้างๆซึ่งมาจากคณะไหนก็ไม่รู้ พวกเธอกำลังซุ๊บซิ๊บนินทาผมอยู่แน่ๆ เฮ้อ มองขนาดนี้ไม่เข้ามาทักเลยล่ะ?

“ คิดยังไงอยากดูหนังขึ้นมาล่ะเนี่ย? ”
ผมหันไปพูดกับแวมโดยไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไง จะหาว่าผมบ้าพูดคนเดียวก็ช่างเถอะ

“ ผมอยากดูสไปเดอร์แมนภาคใหม่นี่ครับ ”

ผมจำได้ว่าวันที่ใต้เมฆมาเยี่ยมแวมที่โรงบาล เขาเอาแบดแมนภาคใหม่มาเปิดให้ดูด้วยนี่ เห็นบอกว่าแวมชอบ คราวนี้อยากดูสไปเดอร์แมน? คงจะชอบดูหนังแนวฮีโร่สินะ

“ นายนี่ชอบดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่อะไรพวกนี้มากเลยอ่ะดิ ”

“ ใช่ครับ ชอบสุดๆ ”
ผมหลุดขำเมื่อแวมทำท่าปล่อยใยเหมือนสไปเดอร์แมน

“ ตลกละ พอๆๆ นายนี่เริ่มบ้าเข้าไปทุกวันแล้วนะเนี่ย ”

“ ผมไม่ได้บ้านะ แต่เวลาอยู่กับหมอแล้วผมรู้สึกร่าเริงนี่ครับ ”

ชักจะเพี้ยนเข้าไปใหญ่แล้ว ผมขำกับท่าทางของเขาตอนนี้มาก ร่าเริงเกินไปแล้ว แต่แวมในมุมนี้ก็น่ารักดีนะ

“ อืม ก็ดี ”

“ หมอบีมยิ้มอะไรครับ? ”
แวมทำหน้างงเมื่อเห็นผมยิ้ม

“ กลั้นขำกับท่าเมื่อกี้อยู่ ฮ่าๆ ”

“ โถ่ว เลิกขำได้แล้วนะครับ ”

“ ก็มันหยุดไม่ได้นี่นา ”



“ ทานอาหารร้านนี้กันครับ ร้านนี้อร่อย ”
แวมแนะนำให้ผมเข้าร้านอาหารร้านนึงในห้างเล็กๆใกล้กับมหาลัยระหว่างรอเวลาดูหนัง ตอนนี้หิวมาก อีกตั้งเกือบชั่วโมงกว่าหนังจะฉาย หาอะไรกินก่อนละกัน

ร้านนี้เป็นร้านอาหารเล็กๆ เมนูก็แสนจะธรรมดาเหมือนอาหารตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไป ไม่ได้มีเมนูหวือหวาอะไรเลย ตอนแรกคิดว่าแวมจะติดหรูกว่านี้ซะอีก

“ นายชอบมากินร้านนี้เหรอ? ”

“ อืม เคยมาไม่บ่อยนะครับ ไอ้เมฆชอบชวนมา แต่อร่อยมาก ”

“ ว่าแล้ว อย่างนายนี่นะจะเข้าร้านอาหารธรรมดาๆแบบนี้ คงกินแต่อาหารหรูๆสินะ ”

“ คงงั้นมั้งครับ นานๆผมจะได้กินอาหารแบบนี้ที ถ้าไอ้เมฆไม่ชวนก็คงไม่มา เพราะไอ้คิมก็ติดหรูเหมือนกัน ”

“ เอาเถอะ ไหนลองดูซิว่าร้านนี้อร่อยขนาดไหนถึงทำให้คุณชายแวมเอ่ยปากชมได้ ”

ผมเดินเข้าไปนั่งแล้วสั่งอาหาร
“ เอาแกงจืดเต้าหู้ แล้วก็ผัดเปรี้ยวหวานครับ ”

“ หมอบีม สั่งผัดเผ็ดปลาดุกด้วยครับ สั่งให้ผมหน่อย ”

“ นายกินไม่ได้สักหน่อย ”

“ เอ่อ ว่าไงนะคะ ”
พนักงานร้านอาหารถึงกับงงเมื่อผมพูดคนเดียว

“ เอ่อ เอาผัดเผ็ดปลาดุกด้วยครับ ”
ผมสั่งให้แวมก็ได้ ขี้เกียจเถียงด้วย คนยิ่งเยอะๆอยู่ เดี๋ยวเขาหาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวอีกล่ะ

“ ชิมดูครับ ผัดเผ็ดปลาดุกร้านนี้อร่อยสุดๆ ”
พออาหารมาเสิร์ฟ แวมก็ชี้ให้ผมชิมอาหารจานโปรดของเขาทันที

“ นี่นายให้ฉันสั่งมาเพื่อจะได้รู้ว่ามันอร่อยสินะ ”

“ ครับ ผมอยากให้หมอชิม ”

“ อื้อ อร่อยจริงๆด้วย ว่าแต่นายกินอาหารพวกนี้เป็นด้วยเหรอ? ”

“ โถ่ว กินเป็นสิครับ ”

“ หือ โคตรเผ็ดอ่ะ แต่อร่อยมาก ”
อาหารจานนี้รสชาติจัดจ้านสุดๆ ปลาดุกก็สดมาก อื้อหือ เผ็ดจนขึ้นจมูกเลยนะเนี่ย แต่มันอร่อยจนหยุดตักเข้าปากไม่ได้จริงๆ

“ ท่าทางคงจะอร่อยมากนะครับ ผมหิวเลยนะเนี่ย ”

“ เสียใจด้วยที่นายไม่ได้กิน ฮ่าๆ ”
ผมตักอาหารเข้าปากพร้อมทำหน้าฟินสุดๆ

“ อยากกินครับ อยากกินหมอ ”

“ แฮ่กๆๆ ”
ผมแทบสำลักข้าวตายเมื่อได้ยินประโยคนั้น แวมหัวเราะหน้าตาเฉย ทำไมชอบแกล้งกันนักนะ เดี๋ยวเถอะ

“ ร้านนี้มีชาเย็นด้วยนะครับ แต่ไม่รู้อร่อยเท่าร้านหน้ามอรึเปล่า ”

“ จริงดิ พี่ครับ เอาชาเย็นแก้วนึงครับ ”
ว่าแล้วผมก็เรียกพนักงานเพื่อสั่งชาเย็นมาชิมสักหน่อย
“ อืม ชาเย็นร้านนี้ก็อร่อยนะ แต่ลืมบอกว่าใส่นมเยอะๆ ”

“ ระวังอ้วนนะครับหมอ ”

“ อ้วนก็อ้วนดิ ”
ผมยกแก้วชาเย็นขึ้นมาดื่มอย่างเอร็ดอร่อย อาหารวันนี้เกลี้ยงทุกจานครับ แทบจะเดินไม่ไหวกันเลยทีเดียว

เสร็จแล้วผมก็พาแวมไปดูหนังสไปเดอร์แมนที่เขาอยากดูนักหนา พอดูจบเขาบอกว่าสนุกมาก แต่ผมเฉยๆนะ ผมว่าเวอร์ชั่นก่อนสนุกกว่านี้อีก

“ สนุกจริงๆนะครับ ตอนสไปเดอร์แมนช่วยเพื่อนที่ลิฟท์ตก ผมนี่ตื่นเต้นสุดๆ ไอรอนแมนก็เก่งนะครับ มาช่วยคนบนเรือได้ทันด้วย ”

“ อืม สนุกดีๆ ”
ผมเออออไปกับเขาด้วยก็ได้ครับ เห็นหน้าตาตื่นเต้นนั่นแล้วขัดไม่ลงจริงๆ

“ วันหลังเรามาดูหนังด้วยกันอีกนะครับ ”

“ ได้สิ ”



ระหว่างที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่นั้น เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา พร้อมกับหน้าจอที่ปรากฏชื่อใต้เมฆ

“ หมอบีม เห็นเพจแอนตี้อะไรนั่นยัง? ”

“ เห็นแล้วครับ ”

“ คือกูไม่ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้นะ เดี๋ยวกูจัดการพวกแฟนคลับพวกนี้เอง ”

เป็นอย่างที่ไอ้เกื้อบอกจริงๆด้วย พวกเพจแอนตี้ผมเป็นแฟนคลับใต้เมฆจริงๆ

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ”

“ ถ้าทนไม่ไหวก็แจ้งความได้นะหมอ ”

“ ช่างเขาเถอะครับ ”

“ หมอนี่โคตรใจดีเลยว่ะ แต่ยังไงพวกกูก็ต้องจัดการเรื่องนี้ ขอโทษอีกครั้งนะ ไอ้คิมก็ฝากมาขอโทษด้วย ”

“ เอ่อ ครับ ”
ที่จริงปล่อยพวกเขาไปก็ได้นะ ผมไม่ได้สนใจอะไรคนพวกนี้นักหรอก กลุ่มแฟนคลับบ้าๆนี่จะคิดยังไงกับผมก็ไม่เห็นว่าจะเดือดร้อนอะไรตรงไหนเลย ปล่อยให้ฝ่ายนั้นเขาดิ้นกันไปเถอะ ผมไม่แคร์อยู่แล้ว

พอวางสายจากใต้เมฆ เสียงไลน์ไอ้ก่อก็ดังตามมาติดๆทันที

( ไลน์ )

KK0101 : ไอ้บีม กลุ่มแฟนคลับบ้าๆนั่นลงคลิปมึงพูดคนเดียวกลางห้างว่ะ แถมยังซื้อตั๋วหนังสองใบเพื่อดูคนเดียวอีก จริงป่ะวะ?
- 00.14น.

Beam : อืม
- 00.15น.

KK0101 : แล้วมึงซื้อตั๋วหนังทำไมตั้งสองใบวะ?
- 00.15น.

Beam : พอใจ
- 00.16น.

KK0101 : สัด อย่าอ่านหนังสือหนักไปนะมึง กูเป็นห่วง
- 00.17น.

Beam : อืม กูสบายดี ขอบใจมากเว้ย
- 00.17น.

เฮ้อออ ผมล่ะเบื่อคนลงคลิปนี้จริงๆ อยากลงก็ลง อยากด่าก็ด่าไปเถอะ ด่าไปผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะผมไม่ได้กดเข้าไปอ่านไอ้เพจบ้าบอนี่อยู่แล้ว

“ คุยกับใครครับ? ”

“ ไอ้ก่อน่ะ ”

“ เรื่องคลิปของหมอเหรอครับ? ”

“ ใช่ ”

“ ผมขอโทษนะครับหมอ ที่เป็นต้นเหตุทำให้คนอื่นเขาคิดว่าหมอเอ่อ... ”

“ คนอื่นเขาคิดว่าฉันเป็นบ้างั้นเหรอ? ช่างดิ ไม่เห็นจะแคร์เลย ”

“ คุณหมอทำไมไม่แจ้งความคนที่ลงคลิปล่ะครับ เพจนั่นด้วย ”

“ ช่างเขาเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ”

“ คุณหมอนี่ใจดีไม่เปลี่ยนจริงๆนะครับ แต่อย่าใจดีจนคนอื่นทำร้ายหมอได้ล่ะ ผมกลัวว่าถ้าวันนึงผมไม่อยู่แล้ว... ”

“ อย่าพูดแบบนั้น ”

“ ถ้าผมกลับเข้าร่างไปแล้วจำหมอไม่ได้ หมอจะทำยังไงครับ? ”
แวมถามด้วยสีหน้าเครียด

“ ฉันจะทำอะไรได้ ”

“ คุณหมอทำให้ผมกลับมาจำได้อีกครั้งได้มั๊ยครับ? ”

“ ฉันก็อยากทำแบบนั้นนะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ”

“ ผมไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย ”

“ ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันมีนายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว ”
ผมพูดด้วยรอยยิ้มเพื่อดึงแวมออกจากโหมดเศร้าก่อนที่ผมจะร้องไห้ซะก่อน

“ ผมจะใช้เวลาอยู่ข้างๆหมอให้คุ้มค่าที่สุดเลยครับ ”

“ ขอบใจนะ ”

“ คุณหมอพูดคำนี้หลายรอบแล้ว ”

“ ก็ขอบคุณไง ขอบคุณทุกๆเรื่องเลย ”

“ ผมก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ”



วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนที่คุณพ่อจากไป โชคดีจริงๆที่ผมมีเรียนแค่รอบเช้า ผมเลยได้โอกาสขับรถไปกราบอัฐิท่านที่ชลบุรีในตอนบ่าย อัฐิของคุณพ่ออยู่ที่วัดเล็กๆแห่งหนึ่ง

“ ป่านนี้พ่อของคุณหมอคงอยู่บนสวรรค์แล้วนะครับ ”

“ ถ้างั้นคุณพ่อคงสบายน่าดูเลยล่ะ ”
ผมวางดอกมะลิซ้อนที่คุณพ่อชอบไว้ที่หน้าอัฐิของท่าน ก่อนจะเล่าสารทุกข์สุกดิบให้ท่านฟัง แล้วกล่าวลาเพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเองต่อ

คนตายจากไปคงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่คนเป็นนี่สิ ยังต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

“ ผมสัญญาว่าจะดูแลหมอบีมให้ดีที่สุดครับ ”
ก่อนไปผมก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินแวมเอ่ยประโยคนั้นต่อหน้าอัฐิของคุณพ่อ

“ อะไรของนายเนี่ย? ”

“ สัญญากับพ่อตาไงครับ ”

“ ตลกแล้ว ”

“ ผมพูดจริงๆนะ ”

“ คุณพ่ออย่าไปฟังแวมเลยนะครับ ไป กลับบ้านได้แล้ว ”
ผมเขินจนทำอะไรไม่ถูกเลยเดินหนีแวมมาอย่างรวดเร็ว

“ รอด้วยครับคุณหมอ ”

“ เดี๋ยวก่อนโยม ”
พอถึงหน้าวัด พระท่านก็เรียกผมให้เข้าไปหา แต่ท่านไม่ได้หันมาพูดกับผม แต่กลับพูดกับวิญญาณข้างๆผมราวกับว่าท่านมองเห็นเขา

ใช่ ท่านมองเห็นแวมจริงๆ

“ ที่โยมพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เพราะเคราะห์กรรมของโยมเมื่อชาติปางก่อน แต่บุญที่โยมทำก็มีมากมายโยมจึงยังอยู่ตรงนี้ได้ และตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรก็ปล่อยวางแล้ว เข้าร่างได้แล้วโยม ก่อนที่มันจะสายเกินไป ”
พระท่านพูดจบก็เดินเข้าไปในกุฏิทันที

ผมมองหน้าแวมที่เอาแต่ทำหน้าเครียดไม่พูดอะไร

“ แวม ถ้าพระท่านบอกเป็นเรื่องจริง นายก็กลับไปเข้าร่างได้แล้วนะ ”

แวมมองหน้าผมแล้วเงียบอยู่นาน ก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มฝืนๆส่งให้ผม

“ ไม่เห็นต้องรีบเลยครับหมอ ผมอยากอยู่กับหมอมากกว่า เรามาที่นี่ทั้งทีเนี่ย ไปเที่ยวทะเลกันนะครับ ”
ถึงเขาจะพยายามเปลี่ยนเรื่องแต่ผมก็เห็นความกังวลในแววตานั้นอยู่ดี

“ ก็ได้ ไปเที่ยวทะเลกัน ”

บางทีการเที่ยวครั้งนี้อาจจะเป็นการเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้ายของเราสองคนก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ

ผมกับแวมมานั่งที่ริมหาดด้วยกัน มองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวลับขอบฟ้า ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งไปมาอย่างเศร้าๆ

แวมกำลังทอดสายตาไปที่ภาพทะเลตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ผมมองหน้าเขา พอคิดว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วความเหงาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาในใจทันที

“ คุณหมอรู้มั๊ยครับว่าผมเพิ่งเคยนั่งดูพระอาทิตย์ตกริมทะเลครั้งแรก ”

“ อืม สวยเนาะ ”

“ ดูสิ เหมือนกับว่าพระอาทิตย์ดวงใหญ่นั่นกำลังจมลงไปในทะเลเลยนะครับ ”

“ มันก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้นแหละ ยังไงพระอาทิตย์ก็ยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่เราไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมองเห็นมันเท่านั้นเอง ”

“ ผมไม่อยากกลับเข้าร่างเลย ไม่อยากไปจากคุณหมอ ”
เขาพูดขึ้นโดยที่สายตายังคงทอดยาวไปที่ทะเลเช่นเดิม

“ แต่นายต้องไปนะ ไม่งั้นนายอาจจะตายจริงๆ ”

“ ถ้าผมไปแล้วคุณหมออย่าลืมคิดถึงผมนะครับ ”

“ ฉันคงคิดถึงนายทุกวัน แต่มันไม่ยุติธรรมเลยว่ามั๊ย? ที่ฉันเป็นฝ่ายคิดถึงนายอยู่ฝ่ายเดียว ”

“ คุณหมอ ”
แวมหันมามองหน้าผมด้วยแวมตาเศร้ายิ่งกว่าเดิม อยู่ดีๆน้ำตาผมก็ไหลจนห้ามไม่ได้
“ คุณหมออย่าร้องไห้สิครับ ผมขอโทษ ”

“ ขอโทษทำไม? นายไม่ผิดซะหน่อย ”

“ ผมไม่อยากไปจากคุณหมอแล้ว ”

“ แต่ยังไงนายก็ต้องไป ”

ทั้งผมและแวมต่างรู้สึกเศร้า ถึงเวลาที่เราต้องจากกันจริงๆแล้วสินะ แวมคงจะดีใจเมื่อฟื้นขึ้นมา คนที่เขารักยังรอการกลับมาของเขา และต่อไปเขาก็จะกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม ชีวิตที่ไม่มีผมอยู่

เราสองคนปล่อยให้ใจล่องลอยไปกับภาพท้องทะเลอยู่เนิ่นนาน ทั้งคู่ต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศยิ่งเศร้ามากขึ้นเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดเข้าไปทุกทีๆ

“ ดูสิ คืนนี้ดาวสวยนะ ”
ผมปาดน้ำตาพยายามลืมความเสียใจแล้วเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ผมไม่อยากให้ความเศร้ามาทำลายความสุขสุดท้ายของเรา

“ ใช่ครับ ที่นี่ไม่มีแสงไฟมากมาย ดวงดาวเลยส่องแสงสว่างขึ้น ”

“ ตอนนี้ฉันเข้าใจดาวพลูโตแล้วล่ะ อยู่ดีๆก็มีนายเดินเข้ามาในชีวิต ทิ้งความรู้สึกมากมายเอาไว้ แล้วก็เดินจากไป นายคงจะลืมทุกอย่าง แต่ฉันนี่สิ ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เหมือนกับดาวที่ถูกลืม ”

แวมหันมามองหน้าผมอีกครั้ง ผมเห็นความวูบไหวในตาคู่นั้น ความรู้สึกของเราคงไม่ต่างกัน มันเต็มไปด้วยความเศร้า

“ แต่จะว่าไป ผมก็เหมือนกับดาวพลูโตนะครับ ”

ผมขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“ หืม? ”

“ ผมก็เป็นดาวที่ถูกลืมเหมือนกับพลูโตนั่นแหละครับ ถึงมันจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระบบสุริยะแล้ว แต่ก็ยังคงหมุนรอบดวงอาทิตย์ไม่ไปไหน มันแค่โคจรแตกต่างจากดาวดวงอื่นเท่านั้นเอง ”

“ นายหมายความว่าไง? ”






------------------------------------

หายไปหลายวัน ได้อัพตอนใหม่ซะที ช่วงนี้มหาลัยกิจกรรมเยอะมาก ผมนี่แทบไม่มีเวลานอนเลย
 :heaven :heaven :heaven

รักคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ครับ  :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2017 00:35:15 โดย lostboy »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แอบสงสัยว่าทำไมหมอบีมไม่ใส่สมอล์ทอล์ค เวลาคนอื่นมองมาก็จะเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่งี้

ออฟไลน์ lostboy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
แอบสงสัยว่าทำไมหมอบีมไม่ใส่สมอล์ทอล์ค เวลาคนอื่นมองมาก็จะเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่งี้

นั่นสินะหมอบีม
( คนเขียนนี่โง่จริงๆ555 )
 :mew5: :sad4:

ออฟไลน์ มาย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กำลังสนุกเลย :z13:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
รีบๆกลับเข้าร่างเถ้อะ  เดี๋ยวค่อยๆมารู้จักหมอกันใหม่ก็ได้นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด