Chapter 16
ผมนอนอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉินโดยมีแพทย์รุ่นพี่นั่งเย็บแผลจากการถูกยิงที่แขนให้ แผลลึกจนต้องเย็บไปหลายเข็มเลยทีเดียว
“ มึงไปมีเรื่องกับใครมาวะ? ดีนะที่กระสุนแค่เฉียดๆ นี่ถ้ารปภ.ไปช่วยไม่ทันคงโดนยิงตายไปแล้วมั้ง ”
ผมยิ้มแหยๆให้พี่หมอก่อนจะโดนเขาบ่นอีกยาวเหยียดทั้งๆที่มือก็ทำแผลไปด้วย
พี่กล้าเป็นแพทย์ฝึกประสบการณ์อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ ผมเรียกเขาว่าพี่หมอจนติดปาก เราค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะผมต้องพึ่งบารมีให้เขาติวให้อยู่บ่อยๆ พี่หมอเรียนเก่งมาก เก็บเอได้เกือบทุกวิชา หน้าตาก็ดี เสียอย่างเดียว ชอบทำนิสัยเหมือนคนแก่ โดยเฉพาะนิสัยจู้จี้ขี้บ่นเนี่ย
ผมไม่น่าเข้าโรงบาลตอนที่พี่กล้าเป็นแพทย์เวรพอดีเลย ต้องมานั่งฟังเขาบ่นหูชาอีก
“ บ่นเป็นคนแก่เลยนะครับ โอ้ย ”
พูดจบก็โดนคนแก่เขกหัวไปเต็มๆครับ
“ เย็บแผลเสร็จแล้ว พอหมดฤทธิ์ยาชาก็จะปวดนิดหน่อยนะ เดี๋ยวกูเอายาให้กิน แล้วนี่มึงเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า? ”
“ ผมไม่เป็นไรแล้วครับ แค่นี้สบายมาก ”
“ เฮ้ย อย่าเพิ่งรีบลุกขึ้นดิ ”
พี่หมอประคองผมแทบไม่ทันเมื่อผมรีบลุกจากเตียงจนเกือบวูบล้มลง ลืมไปเลยว่าตัวเองเสียเลือดมาก แผลก็ลึกอยู่เหมือนกัน
“ ทำอะไรกัน? ”
ผมหันไปตามเสียงของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิด
“ เป็นไงบ้างแวม ตำรวจจับคนร้ายได้ไหม? ”
ร่างสูงส่ายหัวช้าๆแทนคำตอบ สีหน้าไม่สบอารมณ์แบบนั้นแสดงว่าตำรวจคงจับคนพวกนั้นไม่ได้แน่ๆ
“ นี่แฟนมึงเหรอวะ? ”
“ เฮ้ย ไม่ใช่นะครับพี่หมอ ”
ผมรีบหันไปปฏิเสธทันที
แวมไม่ได้พูดอะไรแต่เดินผ่านพี่หมอเข้ามาหาผมหน้าตาเฉย
“ กลับได้รึยังครับ? ผมจะไปส่ง ”
น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นพลางดึงแขนอีกข้างของผมให้เดินตาม
“ เดี๋ยว ”
แวมหยุดเดินและหันไปตามเสียงเรียกของพี่หมอด้วยสีหน้าหงุดหงิดกว่าเดิม
“ มีอะไร? ”
น้ำเสียงเหยียบเย็นของคนที่จับแขนผมตอนนี้ทำให้บรรยากาศดูตึงเครียดกว่าเดิม พี่หมอติดสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันทีเมื่อคนที่อายุน้อยกว่าแสดงกริยาไม่เคารพเขา
“ อย่าลืมพามันไปรับยาด้วยล่ะ เค้าเตอร์อยู่ทางขวามือ ”
พี่หมอปรับสีหน้าเป็นปกติ เก็บอาการไม่พอใจและทำหน้าที่แพทย์ได้ดีเช่นเคย
“ เออ ”
พูดจบแวมก็ใช้มือหนาลากผมให้เดินออกจากประตูห้องฉุกเฉินทันที เขาปล่อยมือออกก่อนจะเดินนำไปอย่างไม่สนใจคนป่วยอย่างผมที่ก้าวเท้าเดินตามแทบไม่ทัน
แวมรับยาและจ่ายค่ารักษาให้ผมเรียบร้อย เขาเดินนำผมมาที่ลานจอดรถโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
“ นี่ นายจะทำหน้าบึ้งแบบนี้อีกนานไหม? เป็นอะไรก็พูดมาสิ ”
ผมบ่นอุบทันทีเมื่อเดินตามเขามาถึงที่จอดรถ
“ ดูท่าทางหมอบีมจะสนิทกับไอ้หมอคนนั้นจังเลยนะครับ ”
“ นายไปเรียกพี่เขาแบบนั้นได้ยังไง? ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ
“ หมอบีมโกรธผมเพราะมันงั้นเหรอ? ”
“ ฉันไม่ได้โกรธ แต่แค่ไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของนาย ”
“ ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามใจ ”
พูดจบเขาก็ขึ้นรถทันที สีหน้าบ่งบอกว่าไม่แคร์อะไรทั้งนั้น
พวกเราต่างคนต่างเงียบมาตลอดทาง มีแค่เสียงแอร์เบาๆที่ยิ่งฟังก็ยิ่งอึดอัด
“ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายซอยนี้ก็ถึงแล้ว ”
แวมหักพวงมาลัยไปทางซ้ายตามที่ผมบอก ไม่นานรถหรูก็มาจอดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านหลังเล็กๆห่างจากใจกลางเมืองไม่มากนัก ภายในบ้านเงียบสงบเพราะไม่มีคนอยู่ มีเพียงสุนัขหนึ่งตัวที่ส่งเสียงเห่าเบาๆก่อนจะวิ่งมาเกาะรั้วพร้อมกระดิกหางไปมา
“ ชาเย็น วิ่งมาเร็วเชียวนะ หิวข้าวแล้วล่ะสิ มา เดี๋ยวหาอะไรให้กินนะ ”
ผมลูบหัวสุนัขตัวโปรดผ่านช่องว่างระหว่างรั้วเหล็กสีขาว
“ ขอบคุณที่มาส่งนะ ”
ผมหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ในรถ เขาพยักหน้าช้าๆก่อนจะขับรถออกไป
รถราคาแพงเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่ไกลก็จอดลงข้างทางอีกครั้ง ผมมองร่างสูงที่ขมวดคิ้วงุ่นเปิดประตูลงจากรถอย่างหัวเสีย
“ รถเสียเหรอ? ”
ผมเดินไปถามแวม
“ ครับ อยู่ๆก็ดับไปเลย ”
นี่มันวันซวยอะไรเนี่ย? รถผมก็ยางแบน เจ็บตัวเพราะโดนยิง แถมรถแวมก็มาเสียอีก
“ ต้องมีใครแกล้งพวกเราแน่ๆ ”
ผมบอกอย่างโมโห
“ ผมคงสร้างศัตรูไว้เยอะจริงๆ ”
“ แล้วนี่นายจะเอาไงต่อ? ดึกป่านนี้อู่ซ่อมรถแถวนี้คงปิดแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกช่างให้แล้วกัน ”
“ กว่าจะซ่อมเสร็จคงอีกนาน ผมต้องขอค้างที่นี่สักคืนแล้วล่ะครับ ”
“ ฮะ? ค้างที่นี่? ”
“ แต่ถ้าหมอบีมลำบากใจ งั้นผมหาทางกลับเองก็ได้ครับ ”
“ เอ่อ ตอนนี้ดึกมากแล้ว งั้นนายพักที่นี่ก่อนก็ได้ ”
ผมตอบไปอย่างลังเล
ร่างสูงเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย แม่ง ทำไมผมรู้สึกไม่ไว้ใจคนตรงหน้ายิ่งกว่าคนร้ายที่ยิงผมวันนี้ซะอีก
บ๊อก บ๊อก บ๊อก
สุนัขแสนรู้วิ่งเข้ามาหาผมทันทีที่เข้ามาในบ้าน ตัวมันก็ไม่ได้เล็กเหมือนแต่ก่อนแล้ว กระโดดมาทีนี่ผมแทบล้มลงกับพื้น
“ หิวเหรอ? รอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวไปหาอะไรให้กิน ”
ผมลูบหัวเจ้าชาเย็นเบาๆ มันกระดิกหางดีใจก่อนจะเดินไปหาสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามา
“ ช่วยเอามันไปไกลๆผมหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่ชอบหมา ”
แวมถอยห่างทันทีที่ชาเย็นเดินไปใกล้
“ ชาเย็น มานี่เร็วลูก ”
ผมเรียกมันก็ไม่ยอมมา เจ้าชาเย็นยังคงเดินดิ๊กๆไปทางแวมไม่หยุด
“ มันคงอยากเล่นกับนายน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปหาข้าวให้มันกิน ส่วนนายก็เล่นกับมันไปก่อนนะ ”
ไม่ชอบหมางั้นเหรอ? แกล้งให้อยู่กับหมาไปนั่นแหละดีแล้ว
“ เฮ้ย หมอ เดี๋ยวก่อนครับ หยุดเลยนะไอ้หมาดื้อ ไม่ต้องเข้ามาใกล้ ”
อยากจะหัวเราะให้กับคนที่ทำหน้ายุ่งหลบสุนัขที่เอาแต่วิ่งตามจริงๆเลย ปล่อยไว้แบบนี้แป๊ปนึงแล้วกันนะ
วันนี้ไม่ได้ซื้อข้าวมาให้เจ้าชาเย็นกินเพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องวุ่นวายอยู่ คงต้องให้มันกินอาหารสำเร็จรูปไปก่อนแล้วกัน
ผมหยิบอาหารสุนัขในครัวมาเทใส่จานเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาจากก็เจอเจ้าชาเย็นตัวยุ่งกำลังนั่งกระดิกหางอยู่ข้างโซฟาตัวยาว โดยมีแวมนั่งลูบศีรษะมันเบาๆ โหว เป็นภาพที่โคตรน่ารักเลยว่ะ คนที่เมื่อกี้ทำหน้าบึ้งตึงได้เผยรอยยิ้มเล็กๆให้กับสุนัขตรงหน้าอย่างเอ็นดู
“ ไหนว่าไม่ชอบหมาไงล่ะ? ”
ผมนั่งลงข้างๆแวมก่อนจะวางจานอาหารลง ไม่รอช้าสุนัขตรงหน้าก็ลุกขึ้นมากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“ เจ้าชาเย็นของหมอมันน่ารักดีครับ ดูเชื่องมากเลย ”
“ มันก็น่ารักเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ ”
เจ้าของใบหน้าหล่อหลุดขำในลำคอเบาๆ ตาคมมองหน้าผมก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มต่ำกับประโยคที่ทำให้คนฟังถึงกับไปต่อไม่เป็น
“ ครับ น่ารักจริงๆด้วย ”
“ เออ ฉันจะไปนอนแล้ว น่ะ...นายก็นอนโซฟานี่แล้วกันนะ ”
ผมรีบพูดติดๆขัดๆหาโอกาสปลีกตัวออกจากสถานการณ์นี้ทันที
“ เดี๋ยวก่อนครับ หมอจะให้ผมนอนตรงนี้จริงๆเหรอ? ถ้ายุงกัดจนผมเป็นไข้เลือดออกขึ้นมาล่ะครับ ใจร้ายจริงๆเลย ”
“ งั้นนายก็ไปนอนห้องคุณพ่อแล้วกัน ”
“ เอ่า แล้ววันนี้คุณพ่อของหมอไม่อยู่บ้านเหรอครับ? ”
“ พ่อฉันอยู่นั่นไง ”
ผมพยักพเยิดไปที่รูปถ่ายขาวดำของคุณพ่อที่ติดอยู่อีกมุมของผนังห้องรับแขก
แวมดูตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้แบบนั้น
“ เอ่อ ผมเสียใจด้วยนะครับ ”
“ อืม ”
ผมยิ้มบางๆให้กับคำพูดที่ออกจากใจของคนพูดจริงๆ ตอนนี้ผมทำใจเรื่องพ่อได้แล้วล่ะ ต้องขอบคุณคนที่คอยอยู่ข้างๆผมในวันที่ไม่มีใคร คนๆนั้นหน้าเหมือนเจ้าของใบหน้าหล่อที่นั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้ ราวกับเป็นคนๆเดียวกันเลยว่าไหม?
“ แบบนี้หมอบีมก็ใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอดเลยสิครับ? ”
“ คงงั้นมั้ง ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ ”
ตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีสองกว่าแล้วจริงๆ ผมมีเรียนเช้าซะด้วยสิ
“ ผมขอไปนอนห้องหมอนะครับ ผมกลัวผี ”
“ ฮะ? นายนี่นะกลัวผี? ”
“ ครับ ”
“ งั้นฉันนอนห้องคุณพ่อแล้วกัน ”
“ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยครับ นอนห้องเดียวกันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ”
“ ฉันไม่ชอบนอนร่วมห้องกับใคร มันอึดอัดเข้าใจไหม? ”
“ แต่ผมกลัวผีนะครับ ”
“ นั่นมันเรื่องของนาย ”
“ ผมอยากนอนกับหมอ ”
“ ... ”
“ ผมหมายความว่าถ้ามีหมอนอนข้างๆก็คงอุ่นใจกว่านอนคนเดียวน่ะครับ ไม่งั้นผมคงกลัวผีจนนอนไม่หลับแน่ๆ ”
“ เรื่องมากว่ะ ”
“ นะครับ ”
ทำหน้าวิงวอนแบบนั้นคิดว่าจะใจอ่อนงั้นเหรอ? ดูก็รู้ว่าแกล้งทำชัดๆ โว้ยยย แต่ถ้ายังมัวแต่เถียงกันแบบนี้ผมคงไม่ได้นอนแน่ๆ
“ เออ ก็ได้ ”
ผมตอบแบบขอไปทีก่อนจะเดินนำไปที่ห้อง เกลียดที่ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นกับการพาผู้ชายเข้าห้องนี่แหละ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย
ผมเป็นผู้ชายธรรมดานะครับ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน ให้มาอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองรักแบบนี้จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ?
แต่นี่ไม่ใช่แวมคนเดิม เขาคนนั้น คนที่ผมรักได้ตายไปแล้วต่างหากล่ะ
“ หมอจะไปไหนครับ? ”
“ ไปอาบน้ำ ถ้านายง่วงก็นอนเลยก็ได้นะ ”
ผมบอกคนที่นั่งอยู่บนเตียงสีขาวที่ผมใช้นอนอยู่ทุกวัน
“ ผมยังไม่ง่วงครับ กะว่าจะอาบน้ำก่อน ”
“ อืม งั้นฉันอาบก่อนนะ ”
ผมถอดแว่นสายตาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัว
“ เวลาหมอบีมถอดแว่นก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ ”
“ โว้ยยย เลิกพูดอะไรแบบนั้นซะทีเถอะ จะอ้วก ”
ผมแกล้งโวยวายกลบเกลื่อน
“ ครับ งั้นผมขอดูหนังสือพวกนี้รอหมออาบน้ำนะครับ ”
แวมเดินไปที่ชั้นหนังสือที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าผมชอบสะสมหนังสือมากๆนั่นแหละครับ
“ อืม อยากอ่านเล่มไหนก็หยิบตามสบาย ”
ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่นานพอสมควร ก็แผลที่แขนข้างซ้ายโดนน้ำไม่ได้ แถมตอนนี้ยาชาหมดฤทธิ์แล้วรู้สึกปวดแผลสุดๆ
พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแวมกำลังนั่งขมวดคิ้ว สายตาจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ
“ อ่านอะไรอยู่เหรอ? ”
“ หนังสือเกี่ยวกับดาวพลูโตน่ะครับ ผมจำได้ว่าตอนสมัยประถมเคยเรียนว่ามันอยู่ในระบบสุริยะด้วย ”
เขาเอ่ยตอบทั้งๆที่สายตายังจ้องอยู่กับการอ่านหนังสือในมือ
เหอะ ดูท่าทางคงจะสนใจหนังสือเล่มนั้นมาก
“ อ่านได้ตามสบายเลยนะ ฉันนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า ”
ผมว่าก่อนจะทิ้งตัวจนหัวติดหมอนเรียบร้อย
“ เดี๋ยวครับหมอ ”
แวมเก็บหนังสือเข้าที่เดิมของชั้นวางก่อนจะเดินมานั่งข้างๆเตียง
“ มีอะไร? ”
“ ทำไมวันนี้หมอถึงช่วยชีวิตผมไว้ ไม่กลัวตายรึไงครับ? ”
“ กลัวดิ ใครเขาจะไม่กลัวตายล่ะ ฉันแค่เห็นนายยืนซื่อบื้ออยู่ เลยวิ่งเข้าไปช่วยผลักออกเท่านั้นเอง ไม่ได้เอาตัวไปรับกระสุนแทนซะหน่อย แต่มันแค่ผิดพลาดทางเทคนิค ฉันเลยเจ็บตัวแบบนี้ไง ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง
“ เอาเถอะ ยังไงผมก็ต้องขอบคุณหมอบีมมากนะครับ ตอนนี้ผมติดหนี้ชีวิตหมออยู่ หมออยากได้อะไร ถ้าให้ได้ผมก็จะให้ ”
“ ฉันไม่อยากได้อะไรจากนายทั้งนั้นแหละ ”
“ งั้นเหรอครับ? ผมก็นึกว่าหมออยากได้... ”
แวมโน้มตัวเข้ามาใกล้ทำให้ผมเห็นรอยยิ้มร้ายที่มุมปากนั่นชัดเจน เมื่อกี้ผมมองสีหน้าเขาไม่ชัดเพราะไม่ได้ใส่แว่น สายตาผมสั้นมากจริงๆ
เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าทำหน้าสีหน้าแบบนี้ตลอด
“ นายคิดอะไรอยู่กันแน่? ”
ผมถามพร้อมจ้องตาคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
“ ผมรู้นะว่าตอนที่ผมหลับเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล หมอสร้างเรื่องหาว่าผมเป็นผี กุเรื่องว่าตัวเองดูแลผมทั้งๆที่เฟย์ต่างหากที่เป็นคนดูแล หึ หลักฐานมันก็บอกอยู่ว่าผมตื่นขึ้นมาเจอเฟย์เป็นคนแรก แต่หมอไม่เคยมาเยี่ยมผมเลยด้วยซ้ำ หมอเก่งมากเลยครับที่หลอกพวกเพื่อนสนิทของผมได้ แต่หมอหลอกผมไม่ได้หรอก หมอสร้างเรื่องโกหกนี่ขึ้นมาเรียกร้องความสนใจจากผม แถมยังเอาตัวเองมาบังกระสุนให้ผม น่าประทับใจจริงๆเลยนะครับ ผมก็นึกว่าหมอ...ชอบผมซะอีก ”
ทุกประโยคที่เกิดจากความเข้าใจผิดถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็น ดวงตาคมฉายแววร้ายกาจจนผมเริ่มกลัวคนตรงหน้า
แสดงว่าที่ผ่านมาเขาคิดแบบนี้มาตลอดเลยสินะ?
“ นายคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นงั้นเหรอ? เหอะ แล้วอย่าบอกนะว่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้นายตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อแกล้งฉัน? ”
“ จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกครับ ไว้ว่างๆผมจะเล่าให้ฟังแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันครับ ”
แวมผละตัวลุกจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเดิมที่ผมวางไว้เข้าห้องน้ำไป
“ ต้องการอะไรกันแน่วะ!? ”
ผมลุกขึ้นตะโกนไล่หลังร่างสูง แต่ก็ได้รับการตอบกลับมาเพียงความเงียบ
ตอนนี้ผมทั้งโกรธทั้งสับสนว่าเขาคิดอะไรกันแน่? แววตาแบบเมื่อกี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้รู้แค่ว่าเขาคงเกลียดผมเพราะเชื่อว่าผมเป็นคนสร้างเรื่องโกหกหลอกลวง เขาไม่ใช่แวมคนเดิมที่ผมเคยรู้จักอีกต่อไป ผมไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของผู้ชายคนนี้ได้เลยจริงๆ
............................................................
แวะมาอัพตอนใหม่ก่อนสอบครับ หายไปนานเช่นเคย กราบขออภัยคนอ่านจริงๆ
อาจจะหายแต่แวะเข้ามาส่องคอมเม้นต์ตลอดนะครับ บ่นๆรออาจจะมาลงตอนใหม่ไวๆก็ได้555
สำหรับใครที่ไฟนอลลนตูดเหมือนกันก็ขอให้ผ่าน F ไปได้ด้วย D นะครับ
#รักคนอ่าน