Chapter 14
ผมตื่นมาในตอนเช้าเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังจนต้องกดรับสาย ผมกรอกเสียงไปอย่างงัวเงียโดยยังไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา
“ หมอบีม ไอ้แวมฟื้นแล้ว ”
เสียงใต้เมฆนี่นา
“ อือ ”
“ ... ”
“ ฮะ! อะไรนะ? ”
ผมลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที
“ ไอ้แวมฟื้นแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่โรงพยาบาล ให้หมอตรวจร่างกายอยู่ มันหลับไปนานคงต้องฟื้นฟูร่างกายอีกซักระยะเลยว่ะ ”
“ ครับ ผมจะไปเยี่ยมแวมเดี๋ยวนี้แหละ ”
ผมกดตัดสายแล้วลุกจากเตียงอย่างตื่นเต้น แวมฟื้นแล้วจริงๆด้วย ผมดีใจมากที่วิญญาณของเขาเข้าร่างได้อย่างปลอดภัย
ไม่นานผมก็มาถึงโรงพยาบาล พยาบาลที่นี่ยังจำผมได้เช่นเคย พอเธอเห็นผมก็เข้ามาเอ่ยทักอย่างรู้ใจทันที
“ เอ่าหมอบีม มาเยี่ยมคุณแวมแน่ๆเลย แหม ยิ้มอารมณ์ดีมาแต่ไกลเลยนะคะ ”
“ สีหน้าผมดูอารมณ์ดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ”
ว่าแล้วผมก็พยายามหุบยิ้มลงทันที จะดีใจอะไรขนาดนั้นเนี่ย
“ อืม แต่จะว่าไปก็รู้สึกแปลกๆนะคะที่เห็นคุณแวมฟื้น ”
“ ทำไมครับ? ”
“ ก็ตอนนั้นยังเห็นเป็นผีอยู่เลยนี่คะ ว่าแล้วก็ขนลุก ”
เธอว่าพร้อมแกล้งทำท่าทางหวาดกลัว
“ ฮ่าๆ เขาก็ฟื้นแล้วไงครับ ว่าแต่ตอนนี้แวมอยู่ไหนเหรอครับ? ”
“ อ่อ ไม่ได้อยู่ห้องเดิมหรอกค่ะ ย้ายมาห้องใกล้ๆนี้เอง ห้อง 108 ตรงไปเลี้ยวขวาเลยค่ะ ”
“ เขาเป็นยังไงบ้างครับ? ”
“ แขนขายังไม่ค่อยมีแรงเป็นปกติของคนที่หลับไปนาน ทำกายภาพอีกไม่กี่วันก็หายแล้วค่ะ ส่วนสติก็ถือว่าอยู่ครบอย่างเหลือเชื่อเลย ที่จริงเคสแบบนี้ตื่นมาไม่ความจำเสื่อมก็ปัญญาอ่อนนะคะ เอ่อ ขอโทษค่ะ พูดตรงไปหน่อย ”
เธอยิ้มแหยๆก่อนจะตบปากตัวเองสามทีเหมือนเด็กๆ
“ งั้นผมขอตัวไปเยี่ยมแวมก่อนนะครับ ”
ผมยืนอยู่หน้าประตูห้อง 108 อย่างตื่นเต้น จะได้เจอหน้าแวมแบบมีชีวิตจริงๆซะที ไม่ใช่วิญญาณแล้วสินะ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เขาจะจำผมได้รึเปล่า? เขาจะยังรู้สึกเหมือนเดิมไหม? แต่ช่างเถอะ แค่เขาฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้วนี่นา
แก๊ก
ผมแง้มเปิดประตูเข้าไปเบาๆ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมหยุดชะงักทันที
“ อร่อยมั๊ยคะ? เฟย์ทำเองกับมือเลยนะ ”
“ อร่อยมากเลยครับ ”
“ งั้นก็กินเยอะๆนะ มา เดี๋ยวเฟย์ป้อน ”
แวมกับเฟย์ดูเหมือนคู่รักที่สวีทกันอย่างมีความสุขจนผมไม่อยากที่จะเดินเข้าไปขัดจังหวะเขาสองคนเลย จริงสิ เขาสองคนก็ยังคบกันอยู่นี่นา ส่วนผมน่ะเหรอ เขาจะจำได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้
“ เธอมายืนทำอะไรตรงนี้? ”
ผมหันไปตามต้นเสียงก็พบกับผู้หญิงที่แต่งตัวหรูหราประดับเครื่องเพชรหลายชิ้นบ่งบอกฐานะ เธอคือคุณหญิงแม่ของแวมนั่นเอง
“ เอ่อ สวัสดีครับ ผมมาเยี่ยมแวมครับ ”
“ ออกมาคุยกับฉันหน่อยสิ ”
ท่าทางของคุณหญิงดูไม่เป็นมิตรกับผมเอาซะเลย ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมเดินตามเธอมาถึงสวนหย่อมที่ห่างออกไปไม่ไกล
“ คุณหญิงมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ? ”
“ เอาตรงๆเลยนะ ฉันอยากให้เธอออกไปจากชีวิตลูกชายฉันซะ จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลย ”
“ เดี๋ยวนะครับ ผมไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้น ”
ผมพูดอย่างโมโหนิดๆ
“ เอาเถอะ เธอฟังฉันนะ ฉันรับไม่ได้หรอกถ้าลูกชายของฉันจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ฉันคงอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ”
“ แล้วคุณหญิงมาบอกผมทำไมครับ? ”
“ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฉันเคยเจอรูปเธอในห้องของแวม ลูกชายฉันชอบเธออยู่ แต่ฉันขอร้องล่ะ เลิกยุ่งกับเขาเถอะ เห็นแก่หัวอกคนเป็นแม่อย่างฉันบ้าง ฉันอยากจะมีลูกสะใภ้เป็นผู้หญิง มีหลานไว้สืบสกุล อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้วงศ์ตระกูลของฉันต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกนะ ”
“ แต่ผม... ”
“ ฉันรักลูกชายของฉันมาก แล้วฉันก็ไม่อยากผิดหวังในตัวเขา เธอเข้าใจใช่ไหม? ”
“ ครับ ”
ผมเข้าใจแล้ว...
“ เรื่องที่เธอเห็นผีลูกชายฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่านะ แต่ฉันอยากให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ รวมถึงเรื่องที่เธอคอยดูแลตอนเขาป่วยด้วย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของแวมกับเฟย์กำลังไปได้ดี ฉันอยากให้แวมคิดว่าเฟย์เป็นคนดูแลเขา ฉันขอร้องล่ะ เธอช่วยฉันได้ไหม? ”
คุณหญิงพูดด้วยน้ำเสียงวิงวอน ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ความรู้สึกที่ผมให้แวมมันมากจนยากจะตัดใจแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแวมก็ลืมผมอยู่ดี ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะยังชอบผมอยู่รึเปล่า สับสนจนไม่รู้จะเอายังไงต่อ ความรักของผมกับเขามันยากเหลือเกิน เหมือนมันเป็นเพียงแค่ความฝัน แล้วคุณหญิงก็เป็นคนปลุกให้ผมตื่นจากฝันมาอยู่กับความเป็นจริงซะที
“ ครับ ผมจะไม่บอกเรื่องของผมกับแวม และจะไม่ยุ่งกับแวมอีก พอใจแล้วใช่มั๊ยครับคุณหญิง? ”
พูดจบผมก็เดินหนีไปทันที รู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ
ทำไมนะ ทำไมแวมต้องเข้ามาทำให้ผมรัก ทำให้ผมรู้สึกดีกับเขา แล้วสุดท้ายเขาก็ทิ้งให้ผมอยู่กับความรู้สึกดีๆนั้นฝ่ายเดียว นึกแล้วน้ำตาก็ไหลมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ ผมคิดถึงคนที่เคยอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา ต่อไปไม่มีเขาแล้วชีวิตผมคงเงียบเหงามากเลยล่ะ
ผมกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า หนังสือทุกเล่มที่เคยอ่านให้แวมฟังก็ยังวางอยู่ที่เดิม เฮ้อ ไม่มีคนคอยอ้อนให้อ่านหนังสือให้ฟัง ไม่มีคนอ้อนให้พาไปเที่ยว ไม่มีคนคอยกวนใจแล้ว ต่อไปนี้ผมคงต้องอยู่คนเดียวจริงๆสินะ
“ ไงชาเย็น หิวข้าวเหรอ? ”
ผมลูบหัวเจ้าหมาน้อยที่กำลังเลียมือผมอย่างออดอ้อน
“ อย่างน้อยฉันก็ยังมีนายอยู่กับฉันนี่นา ขอบใจนะชาเย็น ”
“ ไอ้บีม ช่วงนี้มึงทำไมดูเศร้าจังวะ? ทำตัวเหมือนคนอกหัก ”
ไอ้ก่อถามผมขณะนั่งติวหนังสือในร้านกาแฟ
“ อือ ”
“ จริงเหรอครับ? แล้วใครกันนะที่หักอกหมอบีม? อยากรู้จริงๆเลย ”
“ มึงก้มหน้าอ่านหนังสือไปเลยไอ้เกื้อ ไม่ต้องมาอยากรู้เรื่องของกูหรอก ”
“ บอกแต่ไอ้เกื้อ มึงเองก็เปิดหนังสือขึ้นมาอ่านได้แล้ว ใกล้จะสอบแล้วเนี่ย ติดเอฟมาไม่รู้ด้วยนะเว้ย ”
ไอ้ก่อหยิบหนังสือตรงหน้าผมขึ้นมากางแล้วก็ยัดใส่มือผมเรียบร้อย ให้ตายเถอะ ตอนนี้อ่านยังไงก็คงไม่เข้าหัว
ผมมัวแต่คิดถึงคนบางคน ซึ่งฟ้าก็คงเห็นใจผมมาก จึงส่งคนๆนั้นมาให้ผมเห็นหน้าอีกครั้ง แวมกำลังเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเฟย์ที่ควงแขนเขามาด้วย เฮ้อ ว่าแล้วผมก็เบนหน้าหนีแทบไม่ทัน
“ เฮ้ย นั่นมันเฟย์กับคุณแวมนี่ครับ ”
“ ไหนวะ? ”
ไอ้ก่อหันไปทางที่ไอ้เกื้อบอกก็เจอสองคนนั้นกำลังเลือกโต๊ะที่จะนั่งอยู่ และดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะเดินเข้ามาใกล้กับโต๊ะพวกผมเหลือเกิน
อย่าบอกนะว่าจะนั่งตรงนี้น่ะ!
“ กูกลับก่อนนะพวกมึง ”
“ เอ่า รีบไปไหนวะไอ้บีม? ”
“ กูปวดหัวว่ะ ว่าจะกลับไปนอนพักสักหน่อย ไปละ ”
ผมรีบหาเรื่องออกจากตรงนี้ทันทีเมื่อแวมดันเลือกมานั่งโต๊ะตรงข้ามผม และตำแหน่งที่เขานั่งก็มองมาตรงผมเต็มๆ ยิ่งเห็นหน้ายิ่งคิดถึง แต่คิดถึงเท่าไหร่ก็เจ็บเท่านั้น ผมไม่อยากเจอหน้าเขาตอนนี้หรอก เห็นเขากับแฟนรักกันดีก็รู้สึกแย่สุดๆแล้ว
ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้เฟย์จะรักแวมจริงหรือเปล่า เพราะเฟย์ก็คบผู้ชายหลายคน เธออาจจะมาหลอกอะไรแวมอยู่ก็ได้ แล้วจะผิดไหมถ้าผมรู้สึกว่าอยากให้เฟย์ไม่จริงจังกับแวม?
โอ้ย ผมควรเลิกคิดเรื่องนี้ซะที เครียดโว้ยยย
ครืดดด ครืดดด
ใต้เมฆโทรมาทำไม?
“ หมอบีม ว่างมั๊ย? ”
ตอนนี้ผมกำลังนั่งกินเหล้าอยู่ในผับโดยมีใต้เมฆและนาคิมเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ หนังสงหนังสือสอบไม่ต้องอ่านกันแล้วล่ะครับ พอใต้เมฆชวนกินเหล้าผมก็ตอบตกลงแบบไม่คิดเลย เผื่อดื่มแล้วจะบรรเทาความเครียดได้บ้าง
แต่ผมจะเครียดกว่าเดิมเพราะเห็นหน้าสองคนนี้นี่แหละ ทั้งใต้เมฆและนาคิมต่างทำหน้าเครียดกว่าผมซะอีก
“ เฮ้อออ ”
“ เฮ้อออ ”
“ เฮ้อออ ”
“ พวกมึงจะถอนหายใจพร้อมกันทำไมเนี่ย? ”
ใต้เมฆบ่น
“ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ”
นาคิมหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ทำไมหมอบีมถึงไม่บอกไอ้แวมว่าหมอเป็นคนดูแลมันล่ะครับ? ”
“ นั่นดิ พวกกูบอกมันเรื่องที่มันเป็นวิญญาณ มันหาว่าพวกกูโกหก ตอนนี้มันคิดว่าเฟย์คือคนที่ดูแลมัน แล้วมันก็ดูรักเฟย์มากกว่าเดิมอีก ”
“ ก็ดีแล้วนี่ครับ ”
ผมว่าพร้อมกระดกเครื่องดื่มในแก้วเข้าปากรวดเดียวหมด
“ ดีที่ไหนกันล่ะ กูรู้แล้วว่าเฟย์น่ะเป็นยังไง กูไม่อยากให้ไอ้แวมโดนหลอกว่ะ ”
“ ตอนนี้เฟย์พูดอะไรมันก็เชื่อไปซะทุกอย่าง พาลหาว่าพวกผมเป็นเพื่อนขี้โกหกไปแล้วครับ ”
นาคิมพูดด้วยสีหน้าเครียดจัด เขาดูเป็นคนคิดมากกับชีวิตสุดๆ
“ ถ้าผมตื่นมาแล้วมีคนบอกว่าเห็นวิญญาณผมตอนผมหลับ ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ น่าตลกสุดๆ ”
“ ใช่ น่าตลกสิ้นดี ”
แวมที่มาจากไหนไม่รู้ อยู่ดีๆเขาก็เดินมานั่งร่วมโต๊ะกับผมแบบไม่ทันตั้งตัว เสียงที่ผมคุ้นเคยได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นโหมดเรียบนิ่งจนน่าหมั่นไส้
แวมคนเดิมกลับมาอีกครั้ง ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ชอบไอ้ขี้เก๊กนี่ซะเลย น้ำเสียงก็เย็นชาเหมือนปนหาเรื่องจนน่าต่อย ทำไมกางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ตสีเข้มธรรมดาๆถึงทำให้เขาดูหล่อได้ขนาดนี้นะ วันนี้เซ็ตผมทรงใหม่ดูเท่ห์กว่าเดิมอีก เอ่อ มองเขานานเกินไปแล้วนะเนี่ย พอนึกได้ดังนั้นผมก็ก้มหน้าหลบทันที
“ คุณคือหมอบีมสินะ หึ เก่งจริงๆเลยที่ปั่นหัวเพื่อนผมได้ ... พวกมึงมาแดกเหล้าไม่เห็นชวนกูเลยนะ ”
แวมพูดกับผมจบก็หันไปคุยกับเพื่อนของเขาที่นั่งทำหน้าไม่รับแขกทั้งคู่
“ กูก็นึกว่ามึงจะไปแดกกับแฟนมึงไง ”
ใต้เมฆพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน
“ กลับกันเหอะ กูเหนื่อยจะพูดกับมันแล้วว่ะ ”
นาคิมพูดจบก็ลุกออกไปทันที ตามติดๆไปด้วยใต้เมฆอีกคน เอ่า งี้ก็เหลือแค่ผมคนเดียวน่ะสิ
“ จะก้มหน้าอีกนานมั๊ยครับหมอบีม? ไม่มีเรื่องอะไรมาโกหกผมอีกเหรอ ผมรอฟังอยู่ ”
แวมยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้พร้อมเหยียดยิ้มมุมปากนิดๆ ผมเงยหน้ามองแววตาคุ้นเคยอยู่เนิ่นเนินราวกับถูกมนต์สะกด แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาบอกว่าผมโกหกงั้นเหรอ? ผมลุกขึ้นจ้องคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างโมโหทันที ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาหาว่าคนอื่นโกหก โดนหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
“ นายนี่หล่อซะเปล่า เสียอย่างเดียว โง่ว่ะ ”
แวมทำหน้าอึ้งทันทีเมื่อผมพูดแบบนั้นออกไป ไม่รอให้เขาด่ากลับหรอกครับ ตอนนี้ผมวิ่งสี่คูณร้อยเมตรออกมาข้างนอกเรียบร้อยแล้ว
----------------------------
ไม่ได้มาต่อซะนาน จะมีคนคิดถึงผมรึเปล่านะ? ฮ่าๆ คนอ่านหายหมดแล้วมั้งครับ
ทั้งงานทั้งกิจกรรมเต็มไปหมด เฮ้อออ