~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]  (อ่าน 61850 ครั้ง)

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 28 - 100% [16/09/60]
«ตอบ #210 เมื่อ18-09-2017 17:23:14 »

เราเห็นแล้วไม่สบายใจมากๆติแรงมากๆถ้าเราเป็นคนแต่เราคงนอยถึงขั้นแลกแต่งเลิกลงไปเลยน่ะติได้แต่บางทีแรงไปไหม

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
«ตอบ #211 เมื่อ18-09-2017 21:41:34 »

>>ตอนที่ 29 [100%]<<

ผมย้ายไปจูบและดูดลำคอของมัน จะว่าหน้าไม่อายที่ทำแบบนี้ก็ได้ ผมก็แค่รู้สึกว่าถ้าเรารักเขาเราก็ต้องทำให้เขามีความสุข เรื่องบนเตียงจะมาเกี่ยงมาอาย เขาก็หนีไปหาคนอื่นหมดสิ เราไม่ใช่ผู้หญิงนะ...เราเป็นผู้ชาย ผมพร้อมที่จะทำให้คนที่ผมรักมีความสุข ถึงแม้มันจะฝืนตัวเองมากไปหน่อยก็ตาม

เสียงพ่นลมหายใจหอบกระเส่าของต้นเป็นตัวผลักดันความเขินอายให้กับผม รับรู้ได้ว่ามันพึงพอใจมาก ผมก็รู้สึกดี...มันทำให้คึกคักและมีความอยากเพิ่มพูนขึ้นไป ถึงจะเป็นฝ่ายเล้าโลมมันก็ตาม ขณะที่ผมเลียลำคอของมันอยู่ ต้นก็หอมกกหูของผมทั้งยังเลียมันจนผมขนลุกไปหมด ปกติผมจะเจอแต่นอนเฉยรอให้ผมปรนเปรอ พอโดนทำทั้งที่เล้าโลมมันอยู่ ผมชักไปต่อไม่เป็น ร่างกายชะงักค้างไปชั่วครู่ ผมฮึ้ดขึ้นมาแล้วพยายามพรมจูบมันจนแทบทั่วลำคอ

“มึงอยากอ่อ...” เสียงต้นสั่นมาก มันดูเหมือนคนกำลังทรมานและอดทนอยู่ แต่คำถามของมันทำให้ผมนิ่ง เงยหน้ามองดวงตาเคลือบความต้องการ ต้นมันมองมาด้วยความเร่าร้อน ผมรู้...ผมเข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอก แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามแบบนี้

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ” ผมถามมันออกไปตรงๆ ผมไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้ก็อยาก แต่มากกว่าที่ตัวเองอยากคือผมอยากให้มันมีความสุข

“ก็...เฮ้อ” ถอนหายใจทำไม ผมกำลังจะถาม แต่ต้นมันดึงร่างผมเข้าไปกอดเสียก่อน

“มึงทำแบบนี้ให้กับทุกคนของมึงใช่ไหม” ทำไมรู้สึกว่ามันมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ในน้ำเสียง ไหนว่าไม่รังเกียจที่ผมเป็นแบบนี้ไง

“มึงรังเกียจใช่ไหม”

“ไม่ใช่ แค่อิจฉา” อ่า...จะอิจฉาทำไมกันล่ะ ก็กำลังจะทำให้อยู่นี่

“เดี๋ยวกู...ทะ...อื้อ” ต้นไม่ปล่อยให้ผมบอกให้จบ มันจูบปิดปากผมก่อนจะลูบหัวแล้วมองหน้า

“ฝืนตัวเองอยู่หรือเปล่าวะ” มึงจะทำให้กูไปไม่เป็นไปถึงไหน คนอื่นไม่เห็นถามแบบนี้เลย แล้ว...ผมต้องตอบว่ายังไง

“กู..”

“อายจนใกล้ตายยัง” เน้ อย่ามารู้ทันคนอื่นได้ปะ ผมมองค้อนไอ้ต้น แต่มันกลับขำผมจนไหล่สั่น

“หน้ามึงแดงไปหมดเลย แดงยันหูยันคอไปแล้วเนี่ย...ตื่นเต้นใช่ปะ” ผมพยักหน้า

“นิดหนึ่ง”

“ไม่นิดมั้ง กูถามตรงๆ ว่ามึงอยากไหม...” ถามตอนนี้ก็ต้องพยักหน้าสิ

“อื้ม...”

“มึงอะทะลึ่ง เป็นเด็กเป็นเล็ก” อ่าว ว่ากูอีก มึงถามกูก็ตอบแท้ๆ

“งั้นไม่อยากแล้ว” ผมพยายามจะดันตัวเองออก

“แม่รู้นะ แม่ต้องฆ่าแน่ๆ อีกอย่าง...กูไม่อยากเหมือนคนอื่นๆ ของมึงวะดิว” ผมมองหน้าต้น มองอย่างไม่เข้าใจ มันไม่เหมือนอยู่แล้วปะเพราะมันคนละคนกัน

“กูไม่อยากเหมือนพวกที่เข้ามาเพื่อฟันแล้วทิ้ง แต่บอกก่อนว่ากูไม่ได้รังเกียจ...กูก็อยาก มากด้วย แต่กูไม่อยากทำเหมือนมึงเป็นสิ่งของอะดิว ไม่อยากให้ความรักของเรามันเริ่มต้นด้วยคำว่าเซ็กเลยอะ มึงเข้าใจกูปะ” พอมันอธิบาย หัวใจของผมมันก็เต้นรัวแรงไปหมด รวมทั้งหัวใจของมันด้วย แววตาที่จริงจังและถ้อยคำที่มั่นคงเหมือนตอกลงมาในสมอง ผมโอบกอดมันแนบแน่น ฝังหน้าลงกับคอของต้นพร้อมกับน้ำตาแห่งความปลื้มใจ

ไม่รู้สิ...ไม่เคยมีใครให้คุณค่ากับผมขนาดนี้มาก่อน ทุกคนต้องตักตวงจากผมสิ...ต้องทำในสิ่งที่ร่างกายต้องการ ผมเชื่อว่าทำแบบนี้แล้วทุกคนจะรัก แต่กับต้นมันไม่ใช่ มันไม่ได้รักผมเพราะเรื่องแบบนี้ มันทำให้ผมรู้ว่า...ผมไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกก็สามารถได้ความรักจากคนอื่นได้ ลึกๆ ผมรู้สึกขอบคุณมัน ใช่ผมอยาก...ผมอยากให้มันมีความสุขและอยากให้มันรักผม หากเราทำกัน...มันต้องรักผม ผมคิดแบบนั้น แต่ไม่ใช่...ต้นคิดต่างออกไป

“กูแคร์มึงนะดิว…” ต้นจูบศีรษะของผมเบาๆ มันทำให้ผมสะอื้น

ไอ้ต้นปลอบผมยกใหญ่ แล้วยิ่งปลอบก็ยิ่งร้องไห้งอแงเป็นเด็กเล็กๆ เสียงสะอื้นของผมคลอไปกับเสียงหัวเราะแกมเอ็นดูของมัน ต้นพยายามเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้ก่อนจะจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ดวงตาเย้าหยอกของมันทำให้ผมเขิน ผมหนีหน้าด้วยการกอดมันเอาไว้แน่นๆ แล้วซุกลงกับอก

ใช้เวลาอยู่นานกว่าผมจะหยุดสะอื้นได้ หน้าอกไอ้ต้นมันชุ่มน้ำตาผมไปหมด ผมอายมันเหมือนกันที่ต้องดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาต่อหน้ามันแบบนี้ ทั้งที่ผ่านมาก็ทำเป็นกล้าแกร่งมาตลอด ต้นไม่ได้หยอดคำแซ็วอะไรให้ผมอาย มันจับผมนอนบนเตียงดีๆ เช็ดคราบน้ำตาให้สะอาดแล้วขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ก่อนไปยังมีหน้าจูบหน้าผากผมอีก

จะทำให้ใจหวิวไปถึงไหนนะ...

คิดแล้วก็เขินขึ้นมาดื้อๆ ผมดึงผ้าห่มที่มีแต่กลิ่นตัวของมันมาห่ม คลุมปิดหน้าไปเลยเพื่อซ่อนหน้าแดงๆ ของตัวเองจากอะไรก็ไม่รู้ ต้นมันต้องออกไปอาบน้ำข้างนอก ห้องมันกับห้องของไม้ไม่มีห้องน้ำในตัว มีแค่ห้องใหญ่ของแม่ เห็นว่าหยิบไปแต่ผ้าขนหนู เอ...งั้นผมเตรียมชุดให้มันดีไหมถ้าทำให้แล้วมันจะชอบหรือเปล่า ต้องชอบสิเนอะ...ผมเอาใจขนาดนี้มันต้องชอบแน่ๆ เพราะถ้ามีคนทำให้ผมแบบนี้บ้าง ผมคงรู้สึกดีมากเลย

ผมลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้า ขนาดของมันไม่ใหญ่มากนักและลิ้นชักสองชั้นด้านล่าง ผมเปิดดูก็พบกับพวกบ็อกเซอร์และกางเกงในของผู้ชาย แบ่งเป็นชั้นบนบ็อกเซอร์และข้างล่างเป็นกางเกงใน พับเก็บระเบียบขัดกับนิสัยมันมาก ผมมองสำรวจ ชั่งใจอยู่ว่าผมจะเตรียมอันนี้ให้มันดีไหม อ่า...มันก็ชวนเขินอยู่นะ มันชอบใส่แบบไหนผมก็ไม่รู้ งั้นส่วนนี้เอาไว้ก่อน ดูเสื้อผ้าอย่างอื่นก่อนก็แล้วกัน

แล้ว...วันนี้ต้นจะไปไหนหรือเปล่า? ผมค้นๆ ตู้ของมันพลางคิดว่ามันน่าจะมีอะไรต้องไปทำไหม ถ้ามีก็ใส่ชุดลำลองธรรมดาไม่ได้ งั้นเอาเป็นอะไรที่มันดูออกนอกบ้านได้ด้วยก็แล้วกันเนอะ ผมหยิบเอากางเกงยีนส์ขาสั้นประมาณเข่าออกมา แล้วก็เสื้อยืดสีดำมีลายเสือใส่มงกุฎออกมาวางไว้ที่เก้าอี้โต๊ะคอมพ์ เตรียมตรงนี้แล้วยังมีชุดชั้นในมันอีกไง...อ่า เอาแค่กางเกงในก็พอมั้ง กางเกงขาสั้นมันเป็นแบบขาเดฟอะ ผมว่าใส่บ็อกเซอร์ต้องอึดอัดแน่ๆ ผมเลยหยิบเอาชั้นในสีดำมาวางไว้ด้านบนสุด

เขินมาก! ตอนนี้อาการร้อนลามไปทั่วหน้า ผมจะมองหน้าไอ้ต้นยังไงนะ...มันจะล้อผมไหม ถ้าสั่งไม่ให้มันล้อ มันจะทำใช่ปะ ผมเป็นแฟนมันนะ มันต้องไม่แกล้งผมสิเนอะๆ ผมหนีขึ้นไปนอนรอมันบนเตียง ห่มผ้าแทบมิดคอ เฝ้ารอมันเข้ามาด้วยหัวใจที่ระทึกโคตรๆ

“วันนี้มึงอยากไปไหนปะดิว” ต้นเดินเช็ดหัวเข้ามาในห้อง ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างใส่ผ้าขนหนูพันอวเอาไว้ มันเช็ดตัวมาแล้วด้วยก็เลยไม่ค่อยมีน้ำเกาะตามร่างกายเท่าไหร่ ต้นมองผมแล้วเบนสายตาไปที่ตู้เสื้อผ้า มันสะดุดกับชุดที่วางเอาไว้ให้ เจ้าตัวมองผมอีกทียิ้มๆ

“อย่าล้อนะ ถ้าล้อกูจะงอน” ผมรีบพูดดัก หน้าแดงก่ำไปหมด เคยทำแบบนี้ให้คนอื่น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ตื่นเต้นหมดอะครับ

“โอเค ไม่ล้อก็ได้...ขอบใจนะ” มันเดินเข้ามาหอมแก้มผมก่อนจะไปแต่งตัว

จะว่าผมทะลึ่งก็ได้นะ แต่ผมนอนมองดูไอ้ต้นมันแต่งตัว มันไม่ได้หันหน้ามาอะ หันหลังให้ ต้นหยิบชุดเหล่านั้นขึ้นมาดูก่อนว่าผมเตรียมอะไรให้มัน ไม่เห็นสีหน้าหรอกว่าโอเคกับชุดที่ผมเตรียมไว้มากแค่ไหน แน่นอนว่าคนเราแต่งตัวก็ต้องใส่กางเกงในก่อน ผมอายมากนะ...แต่ก็มองอยู่อย่างนั้นแหละ

นี่เป็นอะไรไปเนี่ย ทำบ้าอะไรของเรานะ ใช่เรื่องที่ต้องมาส่องแฟนตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้าปะวะ ดูไปใจก็ระทึกไป ผมกลัวต้นมันหันมาเห็นว่าผมแอบดูมันอยู่ แล้วมันใส่กางเกงในเสร็จมันก็ทิ้งผ้าขนหนูลงไปเลยอย่างนั้นอะ ตายๆ...กางเกงในมันต้องรัดอยู่แล้วอะเนอะ รูปร่างมันดีชะมัดเลย เห็นแค่ข้างหลังนะเนี่ย ต้นผิวไม่ดำมาก ไม่เรียกว่าขาวเพราะต้นเป็นคนผิวคล้ำอมเหลือง เออ...ไม่ค่อยเห็นมันออกกำลังกาย ทำไมมันดูเฟิร์มจังเลย

“เฮ้....แอบดูเหรอ” ผมแทบสะดุ้ง ไอ้ต้นมันใส่เสื้อเสร็จก็เล่นหันมาส่งเสียงดังใส่

“ปะ..เปล่า” ต้นเดินเข้ามานั่ง โน้มหน้าจนเกือบจมูกเกือบชิดกัน

“เห็นอยู่ว่ามองอะ” อย่ามาทำหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นใส่กันนะ ตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย

“ก็...ก็แค่สงสัย ไม่เห็นออกกำลังกายแล้วทำไมหุ่นดีจัง” เอาวะ ทางนี้รอดได้บ้างแหละดิว ไอ้ต้นได้ฟังแล้วก็ทิ้งตัวนอนหนุนท้องของผม

“ใครบอกไม่ออกกำลังกาย ว่างๆ กูชอบไปว่ายน้ำนะ...สนใจไปว่ายน้ำกับกูไหมละ”

“ตอนนี้อะเหรอ”

“เปล่า ไม่ต้องเป็นตอนนี้ก็ได้ เพราะตอนนี้อะกูหิวมากเลย”

“ฮ่าๆ...น่าหิวอยู่หรอก กี่โมงกี่ยามแล้ว ไป ลงไปกินข้าวก่อน” ผมดันไอ้ต้นขึ้นจากท้องตัวเอง มันกลับพลิกนอนคว่ำเพื่อจะได้จูบปากผม ไอ้นี่...พอจะทำกันก็ไม่ยอมทำ แต่ก็ดันตอดเล็กตอดน้อยตลอด

ไอ้ต้นไม่จูบรุนแรงดูดดื่มอะไร มันแค่จุ้บเบาๆ เท่านั้น เราลงมาข้างล่าง ผมอาสาอุ่นอาหารให้ ปล่อยมันนั่งเล่นมือถือรอไปก่อน ผมไม่ได้กินข้าวกับมันเพราะยังอิ่มอยู่ แค่นั่งอยู่เป็นเพื่อน รอเก็บโต๊ะหรือช่วยหยิบน้ำ

“รู้สึกแปลกๆ วะ..” อ่าว รู้สึกแปลกอะไรของมันอีกล่ะ?

“ยังไงวะ”

“ก็รู้สึกแปลกที่มึงมานั่งรอกูแบบนี้” ไอ้ต้นมันเกาท้ายทอย เสตามองไปทางอื่นเล็กน้อย

“นี่เขิน?”

“กูเขินไม่ได้?” ฮ่าๆ ตลกจัง คนอย่ามันเขินเป็นด้วยเหรอ

“เปล่านี่ ดีแล้ว...ทำกูเขินบ่อย ให้ทำมึงเขินบ้างก็แฟร์ดี” จริงไหมล่ะ ไอ้ต้นขำ

“อืมๆ ตามใจมึงเหอะ” แล้วมันก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว

ต้นกินเร็วมาก เหมือนรีบไปไหนทั้งที่ก็ไม่ได้มีธุระอะไร ผมเก็บจานมันไปล้างและเอากับข้าวเก็บเข้าตู้เย็น แต่มันก็จะเก้ๆ กังๆ ไปหน่อย เพราะต้นยืนมองอยู่ไม่ยอมไปไหน เอาแต่อมยิ้มอะไรคนเดียวอยู่ได้

“หาไรดูกัน...” พอผมทำทุกอย่างเสร็จ ต้นก็จับมือผมพาไปนั่งเล่นที่โซฟากลางห้องโถง จะให้นั่งดีๆ ก็ไม่ได้ด้วยนะ ต้องนั่งตัก...พื้นที่มีน้อยนักหรือไง

“ทำไมต้องให้นั่งตัก”

“อยากนั่งกอด” ง่ายๆ เอาแต่ใจชะมัด

“แล้วจะต้องนั่งกอดกันดูหนังไปทั้งวันเลยหรือไง ไม่มีอะไรอย่างอื่นทำเหรอ อย่างปกติมึงอยู่บ้านมึงทำอะไร” ต้นละความสนใจจากการดูรายการหนังมาที่หน้าผม

“วันหยุดปกติจะเอาแต่นอน กินและเล่นเกม...” นี่คือวิถีชีวิตคนหล่อเหรอ?

“เอาจริงดิ”

“จริง มึงล่ะ วันหยุดมึงทำอะไร...” โดนถามกลับบ้างผมชักไม่อยากตอบ

“มึงไม่ค่อยอยู่บ้านวันหยุด ยกเว้นว่าแฟนมาหาที่บ้าน”

“รู้ดีขนาดนี้ นั่งเฝ้ากันตลอดหรือไง” เงยหน้ามองมัน ต้นเอาคางเกยไหล่แล้วพยักหน้า

“ก็ดูมึงจากหน้าต่างที่ห้อง” นั่นสินะ ก็ห้องเราอยู่ตรงข้ามกันพอดีเลยนี่นา

“อืม ไม่อยู่บ้านกับแฟนก็ไปเที่ยวกับเพื่อนในห้อง พวกนั้นชอบไปเดินเล่นที่ห้าง ซื้อของหรือไม่ก็โยนโบล” แหล่งวัยรุ่นเขาเที่ยวกัน ผมไม่อยากบอกด้วยว่าที่ๆ เพื่อนผมพาไปมักจะต้องนัดผู้ชายไปหาอยู่บ่อยๆ ผมไม่ได้ชอบนักหรอก แต่ไม่มีอะไรจะทำ อยู่บ้านคนเดียวผมเหงาจะตาย

“อ่อ ดูเป็นวันที่เปลืองเงินนะ กูอยู่แต่บ้านมึงจะเบื่อกูไหมเนี่ย” ต้นเอียงหน้านิดหน่อยเพื่อจ้องดูผมได้เต็มตาทั้งที่ยังวางคางไว้บนไหล่ผม

“ไม่รู้ดิ ก็ถ้าไม่ทำให้กูเหงากูก็ไม่เบื่อละมั้ง” จะพูดว่าไม่เบื่อไปตรงๆ ก็เขินๆ เลยเอาแบบนี้แหละ แถใส่บ้าง ไม่เป็นภาระต่อการเต้นของหัวใจเท่าไหร่

“งี้ต้องชวนมึงเล่นเกม” ไม่พูดเปล่า ต้นมันให้ผมไปเอาโทรศัพท์มาอีกต่างหาก

“เออกูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มือถือมึงหน้าจอแตกได้ไง...แล้วทำไมเอาเครื่องหน้าจอดีมาให้กู” ผมหยิบมือถือเดินกลับมานั่งตักมันเหมือนเดิม ไม่นั่งหันไปทิ้ศทางเดียวกันแต่กลับนั่งคร่อมตักมัน ต้นตกใจ แต่ก็กอดเอวผมเอาไว้

“เออหน่า ไม่ต้องสนใจหรอก...”

“ไม่ตอบกูปล้ำนะ” นี่มุกบ้าอะไรของผมวะเนี่ย

“ฮ่าๆ กูกลัวแล้ว อย่าทำกูนะ หน้าจอแตกตอนโอมมันกระทืบแหละ แต่ที่ไม่เปลี่ยนเพราะมันยังใช้ได้ เลยเอาเครื่องดีให้มึงไป กูไม่เดือดร้อน โอ้ย!” ด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมเอาหัวโหม่งหัวแม่งซะเลย ต้นกุมหน้าผากตัวเองที่โดนกระแทกไปเต็มๆ

“เสียสละไม่ใช่เรื่อง”

“อ่าว ต้องขอบคุณกูสิ เชิดชูความเสียสละของกู ไม่ใช่ทำร้ายกูแบบนี้” ต้นว่ากลับเสียงเครียด คิ้วนี่ขมวดมุ่นเป็นปมไปล่ะ

“จะไม่ขอบคุณตรงปากมึงเนี่ยแหละ” พูดจากวนส้นชะมัด

“งั้นลงโทษกูสิ” อะไร...ทำจู่ๆ มาทำหน้าเจ้าเล่แบบนั้น

“ลงโทษอะไรมึง?”

“ก็...ตบปากกูด้วยปากมึงไง” แหวะ เลี่ยน...เลี่ยนมาก!

แต่ก็...เขินอะ

.....100%.....

หวา...ตัวเองอย่าทะเลาะกันน้า เราเข้าใจทั้งสองฝ่ายจ้า ขอบคุณที่ออกโรงปกป้องเรานิสสสนุง แฮ่ๆ แต่ไม่ต้องห่วงน้า อัปช้าเป็นเพราะเราติดงานเองจ้า วันอาทิตย์เราก็ไม่อัปนิยายด้วยแหละ ส่วนคอมเมนต์ตินั้นถามว่านอยไหม ก็มีบ้างจ้า แต่ต้องยอมรับเพราะมันก็มีส่วนที่ถูกอยู่ในนั้นเนาะ เราไม่กล้าบอกหรอกว่าอย่าติงานเรานะ อย่าว่างานเรานะ แบบนี้...ทุกคนมีสิทธิ์คิดต่างเนอะ แต่ก็ขอบคุณจริงๆ ที่เป็นห่วงความรู้สึกเรานะคะ ขอบคุณมากๆ เลย

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
«ตอบ #212 เมื่อ18-09-2017 22:07:12 »

ต้น พระเอกมากกกกกก /ชูป้ายไฟ
ทำให้ดิวได้รู้จักคุณค่าของตัวเอง รู้จักคุณค่าของความรักให้ได้เน้อออ

to นักเขียน ขอบคุณนะคะสำหรับนิยาย
เราชอบนะ ถึงจะหงิกๆกับหลายๆสถานการณ์
แต่เข้าใจว่ามันเป็นพลอตที่กำหนดไว้แล้ว
รวมๆเราชอบเรื่องนี่ ไม่ต้องปวดตับแบบอิแมท
แต่ก็หน่วงๆอยู่ในใจ ขอบคุณน้าาาา เรารออ่านเสมอนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
«ตอบ #213 เมื่อ18-09-2017 22:15:36 »

ตอนนี้มีรถขนอ้อยคว่ำแถวบ้านหลานต้นบ้างปะ รู้สึกคนแก่จะได้ไอความหวานอยู่นะเนี่ย  :haun5: :haun5:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
«ตอบ #214 เมื่อ18-09-2017 23:06:30 »

หวานๆๆๆ

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
«ตอบ #215 เมื่อ19-09-2017 00:51:50 »

น่ารักทั้งสองคนเลยย :mew1:

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 29 - 100% [18/09/60]
«ตอบ #216 เมื่อ19-09-2017 08:26:10 »

มดกัดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
«ตอบ #217 เมื่อ19-09-2017 21:27:35 »

>>ตอนที่ 30 [100%]<<

ถึงเขินแต่ผมก็กล้า ผมวางมือถือตัวเองลงเพื่อจะใช้สองมือประครองใบหน้าไอ้ต้นไว้ จากนั้นก็เป็นฝ่ายจูบมัน บดปากลงไปเบาๆ  ทำให้มันตายใจแล้วผมก็งับริมฝีปากล่างของมัน ต้นสะดุ้ง โอบเอวเล็กของผมเอาไว้แน่น ผมก็เลยยิ่งได้ใจงับมันแรงเข้าไปอีก แถมยังแหงนหน้าไปด้านหลังนิดหน่อยเพื่อดึงปากมันให้ยืด จะได้เจ็บๆ ผมคิดว่ามันเจ็บเดี๋ยวมันก็เอาคืน แต่ไม่...ต้นปล่อยให้ผมทำจนปากล่างมันเจ่อช้ำแดงไปหมด

“ฮ่าๆ น่ารัก” ผมหัวเราะเสียงใส มองปากมันแล้วอดขำไม่ได้จริงๆ

“จริงปะ”

“จริงดิ ปากแดง...” ผมเอนตัวไปซ้ายทีขวาทีอย่างอารมณ์ดี ไอ้ต้นมันก็กอดเอวแล้วยิ้มแป้นแล้น

“ไม่แดงเท่าปากมึงหรอก ไม่ใช่แค่ปากนะ หน้าด้วย” จมูกโดนจิ้มไปหนึ่งทีเบาๆ ผมย่นจมูกพร้อมเบะปากใส่ ไอ้ต้นมันคงหมั่นไส้บ้างล่ะ มันถึงได้กดท้ายทอยผมไปรับจูบของมัน รุนแรงจนฟันเรากระทบกัน แต่ดีที่ไม่มีใครปากแตก

“พอๆ จะสอนเล่นเกมไม่ใช่เหรอ นี่ถ้ากูกลายเป็นเด็กติดเกมมึงจะรับผิดชอบกูยังไง” ผมหลบสายตาซุกซนของไอ้ต้นด้วยการวางหัวไว้บนไหล่ แหงนหน้ามองมันจากตรงนี้ สบตากันห่างๆ ก็พอ

“อืม...ยังไงดีน้า” ต้นมองต่ำ รอยยิ้มเจ้าเล่อีกและ

“นั่นสิ...ยังไง”

“งั้นกูก็จะทำให้มึงเลิกติดเกมเองเพื่อป็นการรับผิดชอบ” หา...ทำให้ติดเกมแล้วก็ทำให้เลิกติดเกมเนี่ยนะ

“ทำยังไงอะ ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย พูดลอยๆ แบบนี้จินตนาการไม่ออกเลย” ผมกอดเอวไอ้ต้นเอาไว้หลวมๆ เราสบตากัน มันไม่ใกล้มากก็เลยยังชิลได้

“อืม...ชวนมึงทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เกม”

“เช่น?”

“เช่นตีแบด...” โห่ คำตอบชวนผิดหวังวะ ผมเบะปากใส่

“ไม่เข้ากับหน้ามึงเลยอะต้น”

“หน้ากูทำไม”

“หน้ามึงดูหื่น” ว่าแล้วก็ขำ ไอ้ต้นก็หัวเราะหมือนกัน

“จริงๆ ก็มีวิธีหื่นๆ ในหัวแหละ แต่ไม่พูดดีกว่า พูดแล้วเดี๋ยวอยาก” อ่า...นั่นสิ พูดไปมันชวนสยิวอะเนอะ

“โอเคๆ งั้นก็ตีแบด” ในเมื่อมันล่อแหลม ผมก็ยินดีตัดจบง่ายๆ เราจะได้ไม่คิดอะไรในเรื่องแบบนั้น

ไอ้ต้นให้ผมนั่งตักมันดีๆ หันหน้าไปทางเดียวกันจะได้สอนผมเล่นเกมได้ ซึ่งจริงๆ แล้วตัวเกมมันก็มีระบบสอนผู้เล่นใหม่อยู่เหมือนกัน ต้นแค่คอยช่วยอธิบายเพิ่มเติม ผมยังเล่นกับมันไม่ได้ ต้องฝึกตามระบบมันไปก่อน ต้นรอจนกระทั่งผมสามารถเข้าเล่นกับมันได้ ตอนแรกคิดว่าเราจะได้เล่นกันสองคน ที่ไหนได้มีพี่ฝุ่นและพี่พิกเข้ามาแจมด้วย ไอ้ต้นโยกหัวผมแล้วบอกว่าเกมมันต้องเล่นเป็นทีม ดังนั้นจะมีแค่เราสองคนมันเริ่มเกมไม่ได้

ผมเล่นแบบเงอะๆ งะๆ ไม่เป็น ต้นมันก็ค่อนใจเย็น ค่อยๆ สอนให้ผมเล่นเพราะรู้ว่าผมยังงงๆ อยู่มันเล่นยังไงแบบไหน แต่พี่พิกนี่โวยวายไปเรียบร้อยแล้วครับ ไอ้ต้นน่ะแหละที่เอาแต่คอยตามดูแลผมจนไม่ได้ดูแลป้อม ทำให้ผมนึกถึงตอนที่พวกเขาเล่นกันเองขึ้นมา ตอนนั้นมันก็สนุกนะ แต่ตอนนี้สนุกกว่า

“หุบปากเลยไอ้หมู นี่แฟนกู...ห้ามด่า กูด่าได้คนเดียวเว้ย!” เป็นไงล่ะ เก่งจังกับเพื่อนน่ะ

(อ่าว น้องดิวเหรอ...โทษๆ พี่ไม่รู้ พี่ขอโทษนะครับ) พี่พิกหยอดเสียงหวานกลับมา

“ไม่ต้องมาเสียงหวานกับแฟนกู เดี๋ยวตบทิ่ม” กูว่าคนหัวทิ่มน่าจะเป็นมึงนะต้น ฮ่าๆ

(ใจเย็นนะทู้กโคนนนนน มันทะลวงเข้ามาแล้วเว้ย!!!) พี่ฝุ่นรีบห้ามทัพพวกผมก็เลยต้องหันกลับไปสนใจเกมกันอีกครั้ง

ในขณะที่ทุกคนเครียดกัน ผมกลับสนุกอยู่คนเดียว ผมเพิ่งเล่นเป็นอะ ผมว่ามันสนุกดีนะ มิน่าละคนอื่นเขาถึงติดเกมกัน พอดีว่าช่วงชีวิตของผม ผมไม่ค่อยได้เล่นเกมเท่าไหร่ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่บ้านบ่อยๆ ก็มักจะอยู่กับแม่แล้วก็นั่งคุยเล่นกับเสียมากกว่า คอยช่วยแม่ทำนั่นทำนี่อยู่เรื่อยๆ ที่บ้านก็ไม่มีเครื่องเกม พ่อไม่อยากให้เล่น กลัวว่าผมจะมีผลการเรียนที่ไม่ดี นี่เล่นเกมจริงจังครั้งแรก แถมยังมีเพื่อนเล่นด้วยแบบนี้....มีความสุขดีจังเลยครับ

“สนุกปะ” จบตาแรกต้นก็ถาม มันเอาปากมาคลอเคลียกับแก้มผม

“สนุกดี มิน่ามึงถึงติดเกม กูว่า...มึงต้องคิดเรื่องแก้อาการติดเกมกูอย่างจริงจังแล้วล่ะต้น” ว่าแล้วก็หัวเราะเอิ้กอ๊ากชอบใจ ต้นโยกหัวผมเบาๆ

“ก็เล่นเฉพาะตอนอยู่กับกูดิ เวลาไม่มีกูก็อย่าเล่น จะได้ไม่ติดมาก” ก็จริงนะ ผมก็อาจจะทำแบบนั้น แต่ว่า...ขอแกล้งหน่อย

“อะไรอ่า มึงไม่มีกูก็เล่นเกมได้ ติดเกมด้วย เรื่องไรกูต้อเล่นเฉพาะตอนอยู่กับมึงล่ะต้น” ผมพูดยิ้มๆ กดเกมไปเรื่อยเพื่อเตรียมตัวเล่นตาต่อไป

“เดี๋ยวโดนฟัดหรอกพูดงี้อะ”

“ฮ่าๆ กดเริ่มได้แล้วเหอะ ช้าวะ” เป็นไงล่ะ อาการติดเกมเริ่มมีเข้ามาแล้ว

“หมั่นเขี้ยว”

“โอ้ย ไอ้นี่หนิ” ไอ้ต้นแม่งงับคอผมซะแรงเขียว ตกใจและเจ็บด้วย

“โอ๋ๆ มาเดี๋ยวทำแผลให้” ไม่ทันได้ถามว่าอะไรคือการทำแผล ไอ้หมาบ้ามันก็เลียคอตรงที่มันกัดเสียแล้ว ผมขนลุกซู่พร้อมกับความหวิวที่กระจายตัวจากจุดนั้น

“เป็นหมาจริงๆ สินะ” พูดแล้วเม้มปาก ต้นมันยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย ใจผมสั่นไปหมดแล้ว อยากปลุกความอยากได้ไหมล่ะ

“อยากให้เป็นก็เป็น...”

“ซะงั้น”

“ก็หมามันซื่อสัตย์ต่อเจ้าของไง ไม่ดีเหรอ...” หน้าร้อนวูบขึ้นมาเมื่อได้ฟัง ผมทำเป็นเบนสายตาไปมองเกม

“ให้มันจริงเถอะ”

“จริงดิ แล้วก็หวังว่าเจ้าของจะรักมันแค่ตัวเดียวนะ” ต้นหอมแก้มผมเบาๆ มันกดเริ่มเกมแล้วเราทุกคนก็เริ่มตาต่อไป

“กูไม่มีหมาตัวอื่นหรอก ในชีวิตกูอะ...มึงเป็นหมาอยู่ตัวเดียว” ฮ่าๆ ได้หลอกด่าไปอีกหนึ่งดอก

“ไม่ต้องเล่นแล้วมั้งเกมอะ” มันเล่นวางมือถือแล้วกอดเอวผมแน่น ไม่พอ ยังจะมาไซ้ซอกคอผมอีก ไอ้บ้าเอ้ย...

“พอแล้วไอ้ต้น! หยุดเลย...” ผมดันหน้ามันออกมองมันงอนๆ ทั้งที่รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนไปหมด

“ทำไมอะ อยากอ๋อ”

“อืม” ผมไม่กล้ามองหน้ามันอีก ต้นเองก็คล้ายจะเก้อเขินไป

เรากลับมาอยู่กับเกมบนมือถืออีกครั้ง ไม่ค่อยหยอดกันอีกเพราะรู้สึกได้ว่ามันอาจจะเลยเถิด ไม่ว่าผมหรือมัน ไม่แปลกเลยถ้าใครคนใดคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมเองต่อให้อาย แต่ถ้ามันอยากแล้วต้นก็เอาด้วย ผมก็เริ่มได้นะ แล้วยิ่งไอ้ต้นไม่ต้องพูดถึงเลยล่ะ...

อ่า...พอเหอะ คิดอะไรของเรานักหนานะ! รู้สึตัวเองหมกมุ่นมากๆ ก็วันนี้แหละ ปกติกับคนอื่นผมไม่เคยหมกมุ่นแบบนี้นะ หรือว่าอยากก็ทำเลย ไม่อยากก็ทำอยู่ดี แต่กับไอ้ต้น เราทั้งคู่ต่างคอยระงับความต้องการพพวกนั้น มันเลยทำให้ผมฟุ้งซ่าน คิดนเรื่องแบบนั้นไปเรื่อยอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เฮ้อ...น่าอายชะมัด

เรียกว่าวันนี้เป็นวันแห่งการติดเกมก็ไม่ผิดอะไรเลย ผมกับไอ้ต้นนั่งเล่นกันอยู่ในห้องนั่งเล่นตั้งแต่สายๆ จนกระทั่งบ่าย นี่ถ้าผมไม่บ่นหิวก็คงไม่ได้วางมือจากมือถือมาหาข้าวกินกัน กับข้าวที่เหลืออยู่มีมากนัก ไอ้ต้นเลยอาสาทำเพิ่มให้ ตู้เย็นบ้านนี้น่ะดีนะ มีของเตรียมเอาไว้พร้อมเสมอ ไม่มีทางหิวตายอย่างแน่นอน ผมนั่งดูไอ้ต้นเข้าครัวด้วยรอยยิ้ม เวลามันทำอาหารมันก็ดูมีเสน่ห์มากไม่หยอกเลย...
แต่นั่งดูอยู่ได้ไม่นาน มือถือของผมก็มีสายเข้า เป็นแม่ที่โทรมา ผมให้เบอร์โทรศัพท์ใหม่แม่ไปตอนที่ได้เครื่องใหม่มานี่แหละ ผมคุยกับแม่ทั้งที่ยังมองไอ้ต้นอยู่ ผมขยับปากบอกมันตอนมันหันมาตั้งคำถามทางสายตาว่าใครโทรมา พอมันรู้ก็หันไปทำต่อ

ตอนแรกนึกว่าแม่จะโทรมาถามว่าเป็นยังไง อยู่สบายดีไหมเหมือนปกติที่มักโทร แต่ที่ไหนได้ วันนี้แม่จะกลับบ้านผมเลยถามถึงพ่อ แม่ค่อนข้างอึกอักไม่อยากพูด ผมก็พอรู้ว่าเขาสองคนไปกันไม่รอด ถึงพยายามทำเหมือนยังรักกันดีตอนอยู่ต่อหน้าผม แต่มันก็ปิดบังความห่างเหินของพวกเขาไม่ได้

ผมจำได้ดีนะ...เมื่อก่อนครอบครัวผมก็อบอุ่นเหมือนครอบครัวไอ้ต้น อาจจะแย่กว่าตรงที่พ่อผมค่อนข้างคาดหวังให้ผมเป็นอย่างที่เขาต้องการ ยัดเยียดการเรียนหนังสือหนักๆ ให้ผม ตอนนั้นผมหงุดหงิด ผมไม่ชอบเรียนพิเศษเลย อยากกลับบ้านมาเล่นกันแม่มากกว่า แต่ตอนนี้ผมอยากให้พ่อกลับมาต่อว่าผมเสียด้วยซ้ำที่ผมทำตัวไม่ดี ความหมางเมินไม่ได้เกิดขึ้นต่อพวกเขาทั้งคู่ แต่มันเริ่มจากผมต่างหาก...

พ่อเริ่มไม่เข้ามาคุยกับผมตอนที่แม่อยู่ แม่เองถ้าเห็นผมอยู่กับพ่อก็จะไม่เข้ามาหา มันเป็นแบบนั้นซ้ำๆ แล้วสุดท้ายก็เริ่มไม่มีใครให้ความสนใจผม ถามบ้างว่าเป็นยังไง เงินพอใช้ไหม แม่กับพ่ออาจจะบอกรักผม แต่ผม...ไม่รู้สึกถึงมันเลย หลังมา...ตั้งแต่ผมเลิกกับพี่แมท แฟนเก่านั่นแหละ พ่อแม่ก็เริ่มไม่ค่อยกลับบ้าน บอกว่ามีงานต้องทำ ผมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้ไม่น่ามีปัญหา จากตอนแรกที่อาทิตย์หนึ่งอยู่บ้านสามสี่วัน เดี๋ยวนี้กลับมากินข้าวด้วยกันแค่อาทิตย์ละวันสองวัน แล้วก็...ไม่กลับมาในที่สุด

ผมยิ้มขมขื่นให้ตัวเอง หูฟังสิ่งที่แม่บอกว่าพ่ออาจจะไม่กลับมากินข้าวกับเรา ก็แค่อาจ พ่อมีงาน พ่องานยุ่ง แม่ก็ยุ่งแต่แม่คิดถึงผม ผมรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่แม่บอกหรอก แต่ให้ทำไงล่ะ...ผมอยากอยู่กับพวกเขานะ ผมรักพ่อแม่ ดังนั้นผมจึงทำเป็นไม่รับรู้การเปลี่ยนแปลง ไม่สนใจแม้พวกเขาจะทะเลาะกันบ้างต่อหน้าต่อตาผม ผมก็แค่เมินมันแล้วบอกกับตัวเองว่า ครอบครัวยังเหมือนเดิม...

แต่ทุกคนรู้ดีแหละนะ...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมทั้งนั้น

พ่อแม่หย่ากันไม่ได้เพราะทางผู้ใหญ่ของทั้งพ่อและแม่ ปู่ย่ากับตายายค่อนข้างซีเรียสเรื่องการหย่าร้าง เอาผมมาพูดว่า...ดิวจะอยู่ยังไงถ้าพ่อแม่มันแยกทาง ผมไม่ได้รู้เรื่องนี้ตรงๆ ต่อหน้าหรอก ก็แค่แอบได้ยิน ไหนจะคำขู่อะไรบางอย่างอีก ทำให้พ่อแม่ยังอยู่กันแบบนี้

บางทีก็คิด...เราทำให้อะไรมันดีกว่านี้ไม่ได้เลยเหรอ

ผมเคยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากานกับคิง มันทั้งคู่ลงความเห็นเหมือนกันว่าอย่าไปสนใจเลย เราโตแล้วเราต้องทำใจยอมรับสภาพไป คิดมากก็เท่านั้น ไม่ทำให้พ่อแม่กลับมาดีกันได้หรอก ผมก็เห็นด้วยนะ สนแต่ตัวเองก็พอ...อยู่ให้ได้ก็แค่นั้น

“มีอะไร...” ต้นถือกับข้าวที่ทำเสร็จแล้วมาที่โต๊ะ มันจูงมือผมมาด้วย ให้ผมนั่งแล้วตักข้าวใส่จาน ส่วนมันเองก็ขนกลับข้าวมาเรียงให้ครบ

“แม่จะกลับมาน่ะ แต่พ่อไม่รู้” ผมบอก บ้านนี้ก็น่าจะรู้เรื่องของครอบครัวผม เพราะผู้ใหญ่เองก็สนิทกัน

“มึงโอเคปะวะ” ผมส่ายหน้าอย่างไม่อาย ผมไม่โอเค ตอนพ่อไม่อยู่ ผมเหงา ผมคิดถึงวันเก่าๆ ที่เราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่มีความสุข แต่มันจะยิ่งเลวร้ายลงทุกครั้งที่พ่อกับแม่กลับมา เพราะมันตอกย้ำว่าครอบครัวเรามันเป็นแก้วที่ร้าวใกล้แตกเต็มที

“กูก็อยากเจอนะ กูคิดถึงเลยแหละ...แต่มันก็เจ็บปวดอะ” ความอยากอาหารลดลงไปเยอะ ต่อให้กลิ่นมันหอมชวนกินแค่ไหน ผมก็แตะมันไม่ลง ไอ้ต้นเดินมานั่งข้างๆ ดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบแผ่นหลังปลอบ

“กูไม่เข้าใจมึงมากขนาดนั้น แต่กู...จะคอยอยู่ข้างมึงนะ” ขอบคุณที่ไม่ใช้คำสวยหรูเพื่อให้รุ้สึกดี เพื่อนผมชอบใช้บ่อย ทว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“อย่าทิ้งกูนะ”

“กูไม่ทิ้งมึงหรอกน่า รวมถึงครอบครัวกูด้วย แม่และไอ้ไม้ต่างก็แคร์มึงนะ”

“อืม...ขอบคุณนะ” มันเป็นเรื่องชวนอ่อนแอ ความรักส่วนนั้นคือส่วนที่ไม่มีใครแทนที่ได้ คุณน้าลีลาก็รู้ดี ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าพวกเขาทำให้ผมอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยก็ไม่โดดเดี่ยว

“กินข้าวกันเถอะ เย็นแล้วมันจะไม่อร่อย กูตั้งใจทำมากเลยนะ อยากให้มึงติดใจแล้วหนีจากกูไปไหนไม่รอดเลยล่ะ นี่ถ้ามียาเสน่ห์กูใส่ลงไปหมดขวดแล้วอะ” คำพูดและท่าทางมึงจริงจังมากอะต้น

“ฮ่าๆ...โชคดีที่มึงไม่ใส่ยาเสน่ห์ลงไป แค่นี้ก็หลงจะแย่ล่ะ” พูดเองก็เขินเอง

“บ้า..ตัวพูดก็ไม่รู้อะ” ต้นใส่มาดดัดจริต ขัดตามากอะ แล้วก็ตลกมากด้วย

“ฮ่าๆ กร๊าก...ฮ่าๆ” ผมหัวเราะมันจนท้องแข็ง หายใจหายคอแทบไม่ทัน ปวดท้องไปหมดแล้วเหมือนจะขำค้างด้วยนะ ไอ้ต้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมมาก มันเสือกขำอยู่กับผมเนี่ยแหละ กับข้าวจะเย็นหมดก็เพราะพวกเราหยุดฮาไม่ได้อะ

ต้องหัวเราะจนเหนื่อยตัวโยน หายใจหายคอไม่ทันอยู่นานกว่าจะหายได้ หัวเราะมากไปมันก็ทรมานนะเนี่ย ผมกับต้นเริ่มกินมื้อเที่ยงตอนบ่ายเกือบบ่ายสองด้วยกัน มันเป็นคนชวนคุย ไม่ปล่อยให้โต๊ะอาหารของราเงียบเฉียบ ผมมีความสุขอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มาก เมื่อกี้ไม่อยากกิน ทว่าพอได้กินกลับกินไม่หยุด ต้นทำอร่อย และตัวมันเองก็ทำให้ผมเจริญอาหาร เรียกว่ากินเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็จานที่สองไปแล้ว...อ้วนทำไงเนี่ย!

.....100%.....

เรายังเติมความหวานให้แก่กัน...

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
«ตอบ #218 เมื่อ19-09-2017 21:35:22 »

 :กอด1: :กอด1: เลิฟ ๆ กันให้มาก ๆ นะหลาน ๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
«ตอบ #219 เมื่อ19-09-2017 21:44:09 »

 o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
« ตอบ #219 เมื่อ: 19-09-2017 21:44:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
«ตอบ #220 เมื่อ19-09-2017 23:30:30 »

หวานกันเชียว,,,

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 30 - 100% [19/09/60]
«ตอบ #221 เมื่อ20-09-2017 02:22:50 »

 :katai2-1: ชอบบ

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
«ตอบ #222 เมื่อ20-09-2017 22:11:23 »

>>ตอนที่ 31 [100%]<<

ผมใช้เวลาอยู่เล่นเกมกับไอ้ต้นทั้งวัน จากตอนแรกเล่นกันอยู่ที่โซฟาชั้นล่างก็กลายเป็นนอนเล่นกันอยู่บนเตียง คุยกัน หัวเราะและก็ทะเลาะกันเวลาเล่นเกมแพ้ ต้นมักจะกอดเอวของผมเอาไว้เสมอหรือไม่ก็ให้ผมนอนหนุนแขนมัน หาความโรแมนติกไม่ได้แต่กลับมีความสุขอย่างที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะสำหรับผม แล้วก็เชื่อว่าช่วงเวลาที่ดีสำหรับต้นเช่นกัน หลายครั้งที่เรามองตากันแล้วเรื่องแบบนั้นก็จะแว้บเข้ามาในหัว ต้นจะพยายามดึงให้บรรยากาศกลับมาอยู่ที่เกม

มันไม่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันรังเกียจที่ผมเป็นของเหลือจากใครๆ แต่มันทำเหมือนว่าถ้าเราเกินเลยกันไปมันจะไม่ดีไม่งาม บางทีผมก็แว้บคิดขึ้นมานะว่านี่มันยุคไหนแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปสนอะไรอย่างนั้นก็ได้ แต่ในเมื่อมันไม่อยากเหมือนใครๆ ที่ผ่านเข้ามา ผมเลยตามใจ...

แม่ผมโทรเข้ามาหาตอนเย็น ประมาณห้าโมงกว่าๆ ได้ ว่าเข้ามาที่บ้านแล้ว แม่ไม่เห็นผมในบ้านก็เลยโทรตาม ผมกับไอ้ต้นจึงแต่งตัวให้ดีขึ้นหน่อย...ถึงไม่ได้มีอะไรกันแต่ถึงเนื้อถึงตัวกันพอควร เสื้อผ้ายับไปหน่อยหนึ่งอ่านะ

ต้นพาผมมาส่งให้แม่ ส่วนตัวมันเองก็ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท กลายเป็นผมเสียอีกที่โผเข้ากอดแม่ทั้งที่ยังไม่ทำความเคารพเลย ครั้งนี้พ่อกับแม่ไปนานมาก ผมต้องอยู่คนเดียว โดดเดี่ยวเดียวดายในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีใครอยู่เลย แม่กอดผมตอบแน่นๆ บอกกับผมเบาๆ ว่าแม่คิดถึงผม...

แต่ก็ยังไม่ทันได้เข้าไปในบ้าน รถของพ่อก็เคลื่อนเข้ามาจอดหน้ารั้ว ที่น่าแปลกคือรถของคุณน้าลีลาก็มาแล้ว นี่เพิ่งช่วงเย็น ปกติคุณน้าจะกลับตอนร้านปิด ผมละความสนใจจากน้าลีลามาที่พ่อ อยากจะเดินเข้าไปกอดบ้าง แต่มันก็มีเส้นบางๆ คั่นกลางระหว่างเรา ผมเลยได้แค่ยกมือไหว้ เหมือนที่ต้นมันทำ

“ฉันไม่คิดว่าคุณจะมา” แม่ผมพูดกับพ่อ แต่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาเลยแม้แต่หางตา

“ผมต้องมาสิ เราต้องคุยกัน” พ่อพูดเสียงเครียด

“เรื่องอะไรคะ?”

“เรื่องที่เราได้คุยกันไว้แล้วไงมณี...” แม่ผมหน้าซีด มองผมหวาดๆ แล้วมองหน้าพ่อ

“ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าเราจะยังไม่พูดเรื่องนี้กับ...” คำที่ขาดหายคือผมใช่ไหม แม่ปล่อยมือจากผม เดินเข้าไปหาพ่อแล้วพูดกันเสียงเบาแค่สองคน ผมหันไปมองหน้าต้น อยากจะเข้าไปหามันแล้วกอดมันเอาไว้

ผมรู้สึกว่าตอนนี้จุดยืดเพียงอย่างเดียวในชีวิตผมกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ที่พ่อกับแม่พูดมามันหมายถึงเรื่องร้ายๆ แน่คงไม่ใช่เรื่องดี ผมเจ็บแปล๊บในอก มันรวดร้าวมากจนไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังยังไง

“ไม่ ยังไงก็ต้องพูด คุณจะอยู่อย่างนี้ต่อไปงั้นเหรอ...เราต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้” จู่ๆ พ่อก็ขึ้นเสียงใส่ แม่สะดุ้งพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่น

“ฉันก็ไม่สนเหมือนกันแหละ เราจะยังไม่พูดเรื่องนี้ ปะ น้องดิวเข้าบ้าน” แม่เคืองพ่อ เธอเดินเข้ามากระชากแขนผมเข้าบ้าน ปล่อยให้พ่อยืนมองแม่แบบหัวเสีย

ผมไม่อยากตามแม่เข้ามา ก็ใช่...นี่แม่ผม แต่อยากอยู่กับต้น อยากอยู่ที่บ้านนั้นมากกว่า สถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ทำร้ายจิตใจของผมแทบทุกครั้ง แล้วผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนรับมันไปได้สักเท่าไหรเหมือนกัน

พ่อเดินตามเข้ามา สาวเท้าเร็วๆ ขวางหน้าแม่เอาไว้ไม่ให้ลากผมไปได้ ไม่ได้เห็นสีหน้าจริงจังแบบนี้ของพ่อนานแล้ว แม่พยายามดันผมให้พ้นสายตาของพ่อแล้วยืนเผชิญหน้าแทน ทั้งคู่เอาแต่ยืนจ้องหน้า ไม่ยอมลดราให้กัน

“ดิวขึ้นห้องไป!” พ่อขึ้นเสียงสั่ง ผมจะทำตาม แต่แม่ไม่ยอมปล่อยมือผมไป

“ให้มันน้อยๆ หน่อยนะคุณสุชาติ คุณจะมาตะคอกลูกเราแบบนี้ไม่ได้!” แม่ขึ้นเสียงตอบโต้ ผมยืนก้มหน้า ไม่กล้ามองสีหน้าของพ่อและไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น พวกเขาจะทะเลาะกันอีกแล้ว ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้ ปล่อยผมไปเถอะ...อย่าเหนี่ยวรั้งผมเอาไว้แบบนี้เลยครับ

“ผมยังไม่ได้ตะคอกเจ้าดิวเลย ผมแค่สั่งให้ลูกขึ้นไป เราจะได้เคลียกันให้รู้เรื่อง คุณนั่นแหละที่อคติ เอะอะก็หาว่าผมตะคอก หาว่าผมไม่รักลูก” เสียงของพ่อแข็งกร้าว แม้ไม่เชิงตะคอกแต่ก็ดุดันจนผมกลัว

“ฉันไม่ได้อคติเลยค่ะ ต่อให้คนอื่นเขามาเห็นเขาก็ต้องคิดอย่างฉันทั้งนั้น คุณน่ะมันรักลูกไม่เท่ากัน...กับบ้านนั้นนี่ปากหวานจะตายไม่ใช่หรือคะ งั้นช่วยพูดจาดีๆ กับลูกของเราบ้าง”

“บ้านนั้น...บ้านนั้นหมายความว่าไงครับ?” ผมถามออกไปด้วยความช็อก ไม่รู้ตัวด้วยว่ากำลังจ้องตาพ่อด้วยความปวดร้าวขนาดไหน

“พ่อบอกให้ขึ้นห้องไป” พ่อสั่งอีกครั้ง แต่ทำไมไม่ตอบคำถามของผม

“เราขึ้นห้องกันเถอะน้องดิว” แม่ตั้งใจจะลากผมขึ้นห้อง แต่พ่อรั้งข้อมือแม่ไว้ แม่ก็ไม่ปล่อยมือจากผม

“เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อนคุณมณี!” เพราะแม่เอาแต่เลี่ยงที่จะคุยเรื่องที่ว่า พ่อก็เลยตะคอกขึ้นมาเสียงดัง

แล้วคำถามที่ผมถามไปล่ะ...ผมขอคำตอบได้ไหมครับ

“ไม่ค่ะ เราคุยกันไปแล้วและฉันจะไม่คุยซ้ำสอง เราจะอยู่กันไปแบบนี้แหละค่ะ” แม่ตะคอกกลับ

“ไม่! คุณจะไปอยู่กันอย่างนี้ได้ยังไง...คุณเองก็ตั้งท้องกับคนนั้นของคุณ แล้วคุณจะให้ผมเอาหน้าไปไว้ไหน เลิกๆ กันให้มันจบๆ กันไปเนี่ยแหละดีที่สุด!!!”

“หน้าก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละค่ะ ทีคุณมีลูกกับบ้านนั้นฉันยังไม่เคยพูดเสียดแทงคุณแบบนี้เลยนะคะคุณชาติ! อีกอย่าง...ยังไงฉันก็ไม่หย่าให้พ่อแม่ฉันมายึดกิจการของฉันหรอกค่ะ คุณเองยังสบายกว่าเพราะยังไงเสียบ้านน้อยคุณก็เป็นเจ้าของกิจการครื่องสำอาง แต่ฉันรักงานของฉัน รักบริษัทของฉัน ฉันจะไม่ยอมเสียมันไปค่ะ” คำพูดของแม่ทำให้พ่อเดือดดาลอย่างที่สุด

“คุณมัน...ได้ๆ ผมจะไปเจรจากับผู้ใหญ่เอง ถ้าเขายอมยกกิจการให้ คุณต้องเซ็นใบหย่าให้ผม”

“ได้ค่ะ...”

ผมได้รับคำตอบแล้ว...ได้รับคำตอบสำหรับทุกๆ คำถามที่วนเวีนอยู่ในหัว อีกบ้านคืออะไร เรื่องพ่อจะคุยคืออะไร แม่ไม่กลับบ้านเพราะอะไร...ผมก็รู้ว่าพวกเขาเหมือนแก้วที่ร้าว มันรอแค่เวลาที่จะแตก แล้วตอนนี้ก็ไม่มีอะไรหยุดแก้วร้าวใบนั้นได้อีกแล้ว ผมเคยคิดว่าพวกเขาทั้งคู่จะกลับมารักกันได้อีก กลับมาเป็นเหมือนเดิมที่เคยเป็นๆ มา มันก็แค่ความฝันโง่เง่าอะเนอะ...แต่ก็ยังจะฝันอยู่ได้

นี่ไงความจริง อยู่กับมันสิ พ่อมีครอบครัวใหม่ แม่ก็มีครอบครัวใหม่และกำลังมีน้อง คิดว่าผมดีใจเหรอ...ผมดีใจจนน้ำตาจะไหลเป็นสายเลือดอยู่แล้ว พ่อมองหน้าผม มองดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเดินจากบ้านหลังนี้ไป แม่ก็ปล่อยมือเดินกลับขึ้นห้อง ผมคือผลผลิตที่ผิดพลาด เป็นของมีตำหนิก็เลยถูกทิ้งอาไว้อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครมาเหลียวแล ไม่มีใครมารักมาสนใจ

ผมทรุดนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย เคยคิดว่าการโดนแฟนที่รักมากคนแรกทิ้งไปคือความเจ็บช้ำอย่างที่ของที่สุดของที่สุดแล้ว มาวันนี้ถึงได้รู้ ว่าผมมันโง่...นี่ต่างหากคือความเจ็บปวดอย่างที่สุดจริงๆ

เอามีดมาแทงผม บีบคอแล้วฆ่าผมให้ตายไปเลยได้ไหม...อย่าทำแบบนี้กับผมได้หรือเปล่า อย่าปล่อยให้ผมโดดเดี่ยวและรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้เลย ความรู้สึกชอกช้ำที่อบอวลอยู่ในอกมันทรมานเหลือเกิน พ่อไปทางแม่ไปทาง แล้วผมล่ะ...ผมจะต้องไปต่อทางไหน เพราะผมไม่ใช่ขยะ เพราะผมไม่ใช่สิ่งของ เลยเอาผมไปหมักห้องใต้บันไดไม่ได้ เอาไปทิ้งถังขยะไม่ได้

ไม่สิ...บ้านหลังนี้อาจเป็นถังขยะใบใหญ่ที่มีเอาไว้ทิ้งผมโดยเฉพาะ

ถ้าผมตายไป...ผมจะหายเจ็บปวดแบบนี้ไหม น้ำตาเยียวยาอะไรผมไม่ได้ ผมร้องไห้เสียงสะอื้นก้องในบ้าน ทว่ามันบรรเทาอะไรในใจผมไม่ได้เลย งั้นผมควรทำอย่างไร...ผมควรหาทางออกให้กับความเจ็บปวดนี้อย่างไร...

สมองของผมมันว่างเปล่า มีแต่ความแตกร้าวในใจเท่านั้นที่กำลังแผ่กระจายอยู่ ผมรู้แค่ผมเจ็บ...ผมเจ็บมากแล้วผมก็ไม่รู้จะทำใจรับเรื่องนี้ยังไง สิ่งเดียวที่ผมรู้ในตอนนี้คือผมอยากหายไปจากโลกใบนี้ โลกที่ทุกคนก็ต่างทอดทิ้งผมเอาไว้ข้างหลัง ไม่เว้นกระทั่งพ่อกับแม่

ผมเดินเหมือนคนไร้วิญญาณ เอาแต่ร้องไห้ มองทางก็ไม่เห็น พาตัวเองไปที่ครัว ผมเคยทำร้ายตัวเองและผมก็คิดว่ามันน่าจะดีถ้าผมตายๆ หนีปัญหาเหล่านี้ไปซะ ผมคว้ามีดเล่มที่คิดว่าคมที่สุดจากชุดมีด ทรุดกายลงกับพื้นครัวที่มองจากด้านนอกไม่เห็น จรดคมของมันไปที่ข้อมืออันสั่นเทา...

ถ้าผมตายไป...ผมจะไม่เจ็บอีก

ถ้าผมตายไป...จะไม่มีใครทอดทิ้งผมได้อีก

มือของผมสั่นไปหมด น้ำตามากมายไหล่ออกมาอย่างไร้การควบคุม ผมสะอื้นจนตัวโยน แค่กรีดมันลงไป...แค่ลากมันเป็นทางยาว แล้วก็รอให้เลือดมันออกจากตัวจนตายไปเอง มันแค่ของง่ายๆ....

แล้วทำไม...ผมถึงไม่ทำ

มีคำพูดของหญิงสาวคนหนึ่งก้องอยู่ในหัวผม ชั่วแว้บหนึ่งในความคิดอันว่างเปล่า ผมปามีดทิ้งแล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปจากบ้านของตัวเอง น้ำตาอาจบดบังหลายสิ่งหลายอย่างตรงหน้า แต่ผมกลับเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงรั้วนั้นอย่างชัดเจน

เขาออกมาจากรั้ว อ้าแขนรับร่างของผมเอาไว้แล้วกอดแนบแน่น ผมซุกหน้าอยู่กับแผ่นอกของมันพร้อมกับร้องไห้โฮเสียงดัง ต้นค่อยๆ พาผมเข้ามาในบ้าน ไม้และคุณน้าเหมือนจะรออยู่ก่อนแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดจะปล่อยแขนจากไอ้ต้น ยึดมันเอาไว้เป็นเสาหลักให้ตัวเองที่กำลังโงนแหงนไร้ทิศทาง

ไม่มีใครพูดอะไร แม้กระทั่งไอ้ต้น สิ่งที่มันทำไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่ ก็แค่กอดผมเอาไว้แล้วไม่ปล่อยมือจากผมเท่านั้นเอง อย่างน้อยๆ...ผมก็มีคนที่คอยซับน้ำตาอยู่ตรงนี้ ผมไม่โดดเดี่ยวใช่ไหม ไม่ต้องตายไปก็ยังสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้หรือเปล่า...

ผมเงยหน้ามองไอ้ต้นทั้งน้ำตา มันยิ้มบางๆ ส่งมาให้ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากของผมอย่างนุ่มนวล คล้ายโดนกล่อม...ผมรู้สึกเบาใจลงบ้าง ซบหน้ากับอกของมันแล้วปล่อยให้ตัวเองหลับใหลหนีความเป็นจริงในวันนี้

แค่มีใครสักคนไม่ทิ้งผม...ผมขอแค่นั้นเอง

“พาน้องขึ้นไปนอนเถอะต้น” ลีลาสั่งกับลูกชาย เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยที่ตนเอ็นดูเริ่มนิ่งคาอกของลูกชายตัวเอง

“ครับแม่” ต้นช้อนตัวของดิวขึ้น อุ้มไปที่ชั้นสองห้องของตนเอง วางคนรักลงเบาๆ แล้วห่มผ้าให้

ต้นหาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับดิว ดวงตาของอีกฝ่ายบวมและช้ำแดง แม้กระทั่งใบหน้าก็แดงก่ำไปหมด ต้นรู้ว่าดิวเจ็บปวดกับเรื่องของพ่อแม่ รู้ว่าดิวเสียศูนย์แค่ไหนในวันนี้ แต่ต้นก็ยังรู้สึกดีใจที่ดิวเลือกจะเดินเข้ามาหาเขาและครอบครัว แทนที่จะขังตัวเองและทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งที่ผ่านมา

ต้นแปลกใจตั้งแต่คุณลุงสุชาติบรถเข้ามาพร้อมๆ กับแม่ของเขาแล้วล่ะ ยิ่งแม่เนี่ยยิ่งแปลก เพราะว่าปกติแม่จะทำงานแล้วเลิกค่ำๆ ไม่ก็จนร้านปิด แต่วันนี้กลับมาแต่หัววัน คุณลุงสุชาติกับแม่เขาเป็นเหมือนเพื่อนกันมานาน เห็นว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันสมัยเรียน คนที่มักมาไหว้วานให้ดูแลดิวก็คือคุณลุงนี่แหละ

สองคนนี้มักปรึกษากันหลายเรื่อง บางเรื่องคุณลุงสุชาติก็พูดกับใครไม่ได้นอกจากแม่ของเขาเอง แต่แม่ก็ไม่ได้เล่าให้เขาฟังหรอก มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ต้นคิดว่าการที่เขามาพร้อมกันแบบนี้ เป็นไปได้มากที่คุณลุงสุชาติจะไปหาแม่ที่ร้านแล้วปรึกษาอะไรบางอย่าง เมื่อครอบครัวดิวพากันเข้าไปด้านใน ต้นก็จำใจเดินออกมา อยากอยู่ข้างๆ ดิวนะ แต่มันเป็นเรื่องกาลเทศะ จะสอดมือเข้าไปในครอบครัวของดิวแบบไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้

มาถึงบ้าน แม่ก็ดึงต้นเข้าไปกอด เสียงของแม่ที่บอกกับต้นยังชัดเจน เพราะเธอย้ำกับลูกชายอยู่หลายครั้งว่า...ต้องดูแลน้องนะลูก ต้นรู้สึกหวิวๆ ในใจตอนได้ยินคำนั้น ในสถานการณ์แบบนี้นี่มันหมายความว่ายังไง จะว่าต้นเสือกก็ได้ แต่เขาขอร้องให้แม่เล่าให้เขาฟังถึงสิ่งที่อาจจะหรือกำลังเกิดขึ้นในบ้านหลังนั้น

วันนี้ตอนบ่ายสุชาติเดินทางไปหาลีลาที่ร้านอาหาร ที่เขามาไม่ใช่มาปรึกษาธรรมดาหรือว่ามาถามว่าลูกชายเป็นอย่างไร แต่เขามาเพื่อฝากฝั่งดิวเอาไว้กับลีลาต่างหาก สุชาติรู้ดีว่าการทำแบบนี้หมายถึงการผลักภาระของตนและภรรยาออกให้พ้นตัว แต่ความสัมพันธ์ของสุชาติและมณีมันยากเกินเยียวยา ตอนนี้ภรรยาคนปัจจุบันของสุชาติค่อนข้างจะน้อยใจที่สามีตนเลิกกับภรรยาหลวงไม่ได้ สุชาติไม่อยากให้อีกฝ่ายช้ำใจเลยไปคุยกับมณีเรื่องการหย่าร้าง

แต่มณีก็ไม่ยอมเจรจา เธอยินดีที่จะอยู่แบบนี้เพราะการขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของสุชาติทำให้เธอยังได้ทำกิจการของทางบ้านและมีเงินซัพพอร์ทจากพ่อแม่บ้าง สามีใหม่ของเธอไม่ใช่คนมีเงินเยอะเหมือนภรรยาใหม่สุชาติ ดังนั้นเธอเสียกิจการนี้ไปไม่ได้ ไหนจะเด็กในท้องที่กำลังเกิดขึ้นมาอีก เธอจึงไม่ยอมอย่างเด็ดขาด เช่นกัน...สุชาติก็ไม่ยอม สุชาติจะบอกเรื่องนี้กับลูกก่อนเพราะเห็นว่าเขาปล่อยปละละเลยลูกมานานมากแล้ว ปล่อยให้ลูกไม่รู้อะไรเลยแบบนี้มันจะยิ่งเลวร้าย อย่างน้อยดิวก็น่าจะโตพอที่รับเรื่องนี้ได้แล้ว

ลีลาได้ฟังก็ถอนหายใจ เธอยื่นมือไปช่วยไม่ได้ แต่เห็นด้วยที่จะบอกดิวถึงความสัมพันธ์องครอบครัว ส่วนเรื่องการหย่าร้างก็ให้ผู้ใหญ่จัดการ เธอรับปากว่าจะดูแลดิวให้ ในขณะที่พวกเขาเคลียปัญหากันอยู่

ทว่า...ผลที่ออกมากลับเลวร้ายกว่าที่คาด

สุชาติและมณีทะเลาะกัน แทนที่จะได้อธิบายและปลอบโยนลูกชายของพวกเขา โทสะเข้ามามีบทบาทสำคัญและมันเป็นตัวทำให้เด็กที่ไม่ผิดอะไรต้องรับผลกระทบที่ตนไม่ได้ก่อ...

ต้นลงมาข้างล่างหลังจากเช็ดหน้าตาดิวจนคราบน้ำตาหายไป แม่และน้องหันมามองเขาเป็นตาเดียว ต้นฝืนยิ้มไม่ออก มันอาจไม่ใช่เรื่องของเขาเลย ไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องมานั่งหนักใจ แต่...เขาทุกข์ใจอย่างสาหัสที่เห็นดิวเป็นแบบนั้น

“น้องเป็นไงบ้างลูก” ลีลาเอ่ยถามพลางเขาไปลูบหลังลูกชายเพื่อปลอบโยน เพราะรักและเอ็นดู เธอถึงเศร้าใจที่เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งต้องร้องไห้

“ดิวหลับไปแล้วแม่ ต้นเป็นห่วงดิว...” ทั้งห่วง ทั้งกังวล กลัวว่าดิวจะมีสภาพจิตใจที่แย่

“เราต่างเป็นห่วงดิวลูก แต่เราก็สอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวเขามากไม่ได้ เราต้องดูแลน้องนะ...ต้องประคับประครองน้องเหมือนตอนที่ลูกๆ ประคับประครองแม่ที่เสียพ่อไป” ต้นเข้าใจความหมายนั้นดี การสูญเสียมันเป็นเรื่องน่าเศร้า ดิวหนักกว่าเขาเพราะดิวเหมือนเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมๆ กัน

“ครับ แล้วทางนั้นเขาจะทำยังไงกันต่อไป แม่พอรู้ไหม” ต้นไม่ได้อยากสู่รู้หรอก ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องกับคนที่เขารัก เขาจะเมินมันเสีย

“พี่ชาติก็คงเข้าไปคุยกับพ่อแม่เขา ยังไงก็คงหย่าขาดอยู่ดี...แม่ไม่เห็นทางไหนเป็นทางที่ดีสำหรับดิวเลย แล้วแม่ก็ห่วงว่าถ้าหย่ากัน ดิวต้องไปอยู่กับครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แม่ว่านั่นจะยิ่งทำร้ายน้องดิว” นั่นสิ...ถ้าต้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่ มันจะยิ่งแย่และซ้ำเติมแผลของดิว

“เราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอแม่” ต้นรู้สึกห่วงดิวจับใจ ทั้งที่ไม่อยากยุ่งเรื่องครอบครัวใคร แต่ครั้งนี้...สอดมือเข้าไปได้เขาอยากจะสอดเข้าไปเหลือเกิน

“แม่จะลองคุยกับพี่ชาติดู ถ้าขอให้ดิวอยู่กับแม่ได้...มันน่าจะดีกับน้องที่สุด” ต้นภาวนาในตอนนั้น ขอให้คุณลุงยินยอมเถอะ...ต่อให้ดิวจะสภาพจิตใจพังยับ แต่เขาจะฟื้นฟูมันให้ได้ ทั้งเขาและแม่กับน้องชายของเขาด้วย

.....100%.....

ปัญหาอะเรื่องแฟน เพื่อน คนที่ทำงาน บลาๆ มันจะดูด้อยมากเมื่อต้องมาเจอปัญหาของคนที่บ้าน เพราะปัญหากับคนอื่นอะ...มันก็คือคนอื่นไง แต่ครอบครัวมันคือคนที่เราอยู่ด้วยมาทั้งชีวิต...งานนี้ดิวเจ็บหน้กของจริง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
«ตอบ #223 เมื่อ20-09-2017 22:18:54 »

เข้มแข็งไว้นะหลานดิว  คนแก่เอาใจช่วย หนูต้องผ่านมันไปได้  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
«ตอบ #224 เมื่อ20-09-2017 23:37:58 »

ปัญหาครอบครัว เป็นอะไรที่หนักสุดจริงๆ

แต่พ่อกับแม่ดิว ทำตัวได้แบบบ อืมมมมม
แคร์คนใหม่ของตัวเอง แคร์ความรู้สึกตัวเอง
แต่ไม่แคร์ความรู้สึกลูกตัวเอง จ้าาาาาา
เต็มที่เลยจ้า เลิกกันแล้วไปมีความสุขกับครแบครัวใหม่ไปเลย ไม่ต้องมาสนใจอะไรเด็กคนนึง ที่มันไม่ได้ผิดอะไรหรอก

อ้าววว ทำไมเราอินอีกแล้วววว 5555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
«ตอบ #225 เมื่อ21-09-2017 00:07:37 »

 :mew4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 31 - 100% [20/09/60]
«ตอบ #226 เมื่อ21-09-2017 20:22:07 »

บีบหัวใจเนาะ พ่อแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้ แล้วพอมีครอบครัวใหม่ ลูกที่มีอยู่ไม่มีความหมายเลยหรอ
สงสารดิวมากเลยค่ะ คนอื่นยังรักมากกว่าอีก

ต้นก็พยายามมากเลยนะ พยายามไม่ล้ำเส้น
ดิวก็เคยชิน ถึงจะบอกว่าไม่อยาก แต่ความรู้สึกมันไปแล้วอะนะ
ไม้ก็ฮาไปอีก แซ็วไปอีก

แม่ลีลาเป็นคนดีมากค่ะ สำหรับการรักและดูแลลูกคนอื่น ไม่ต่างกับลูกตัวเอง
แค่นี้ก็ดีกว่าพ่อแม่แท้ๆ แล้วน่ะ


ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
«ตอบ #227 เมื่อ21-09-2017 21:08:08 »

>>ตอนที่ 32 [100%]<<

(ต้น)

มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับดิว...

ตอนอกหัก มันร้องไห้มันฟูมฟายเหมือนจะเป็นจะตายก็จริง สภาพภายนอกน่ะมันดูไม่แตกต่างกันหรอกระหว่างอกหักกับครอบครัวแตกแยก แต่ลึกๆ ก็รู้ดีว่าอะไรที่เลวร้ายกว่ากัน ตอนนี้ดิวไม่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่มันกลับนั่งเหม่อแล้วน้ำตาก็ไหลเอง มันเหมือนคนพร้อมที่จะลาจากโลกนี้ไปอย่างง่ายดาย มันเกินคำว่าเจ็บช้ำไปแล้วล่ะ มันคือการสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต

ผมกับแม่ลงความเห็นกันว่าวันนี้จะให้ดิวได้พักอยู่บ้าน ไม่ต้องไปเจอความวุ่นวายที่โรงเรียน ดิวไม่หือไม่อือเท่าไหร่ ตอนนี้มันก็เอาแต่นั่งมองไปที่บ้านฝั่งตรงข้าม สายลมอ่อนผสมความร้อนโกรกเข้ามาที่ร่างของเราทั้งคู่ ผมไม่รู้จะปลอบมันยังไง ก็เลยนั่งจับมือของมันเอาไว้ ถึงเหงื่อจะออกจนชุ่มผมก็ไม่คิดที่จะปล่อยมันไป

“มึงว่าพ่อกับแม่ยังรักกูอยู่ไหม” ดิวเอนหัวพิงไหล่ผม มันพยายามที่จะไม่สะอื้นใหผมได้ยิน ผมหันไปกอดมันเอาไว้

“รักสิ...พ่อแม่ต้องรักมึงอยู่แล้ว”

“แล้วทำไมเขาต้องทิ้งกูด้วยวะ ฮึ้ก..ฮื่อๆ” ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจให้ความสัมพันธ์มันพังทลายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่อะไรก็ตามเมื่อมันพังไปแล้วไม่มีทางกลับเป็นอย่างเดิมได้ โดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึก

“เข้าใจนะว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับมึง...แต่กูอยกให้มึงลองใจกว้าง แล้วคิดว่ามันอาจเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับพ่อกับแม่มึง” มันพูดง่าย แต่มันช่างทำยากเสียเหลือเกิน

“แล้วกูก็ต้องเป็นฝ่ายโดดเดี่ยวเหรอ” ดิวเงยหน้าที่มีแต่น้ำตาขึ้นมอง

“มึงไม่ได้โดดเดี่ยวนะ มึงยังมีพ่อและแม่มึงเหมือนเดิม พวกเขารักมึง...แต่พวกเขาแค่ไม่ได้รักกันแล้ว แม่มึงก็โทรมาหาบ่อยๆ นี่ใช่ไหม โทรมาถามว่ามึงเป็นยังไง สบายดีหรือเปล่า พ่อมึงก็รักมึง เขาคอยถามแม่กูประจำว่าดิวสบายดีไหม ดิวเป็นยังไงบ้าง เขาเป็นห่วงมึงมากและฝากฝังแม่กูอยู่เสมอ…”

“แล้วทำไมเขาไม่มาหากูล่ะ ฮึก…ทำไมเขาไม่มาหากู ฮื่อๆ…” ผมจับหัวดิวให้ซบลงกับบ่า ลูบแผ่นหลังสั่นสะท้านนั้นด้วยความอ่อนโยนเท่าที่ตัวเองมี

“มันอาจจะเจ็บ...แต่เพราะเขามีครอบครัวที่พวกเขาต้องดูแล แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักมึงนี่ดิว มันก็แค่เปลี่ยนรูปแบบไปเท่านั้น มันยากที่ต้องรับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องมาอยู่ดี มึงก็รู้...ตอนนี้มึงมีกูนะ มีแม่กูและน้องกูอีกคน กูรู้ว่ามันแทนกันไม่ได้ กูแค่อยากให้มึงรู้ว่ามึงไม่ได้โดดเดี่ยวนะดิว” คำปลอบของผมมันอาจช่วยอะไรดิวแทบไม่ได้ แต่ผมอยากให้มันรับรู้จริงๆ ว่ามันยังมีคนที่คอยเคียงข้างมันนะ

รูปแบบในชีวิตมันก็แค่เปลี่ยนไป เราก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองตามสิ่งเหล่านั้นเพื่ออยู่รอดต่อไปเท่านั้นเอง ผมรู้...มันทำใจยาก มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ผมเข้าใจ ผมเคยเสียพ่อ ครอบครัวผมเคยเป๋มาก่อน มันเป็นความเศร้าที่ยากจะบรรยายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ มันเกินกว่าคำว่าเจ็บปวด...มันล้ำลึกกว่านั้นมากจริงๆ

“เวลาดิว...เวลาจะเยียวยามึง แล้วจนกว่ามึงจะกลับมาเข้มแข็งได้ กูจะอยู่ข้างๆ มึง”

“ขอบคุณนะ...” ดิวบอกเสียงปนสะอื้น

ผมไม่คิดที่จะห้ามให้มันหยุดร้องไห้ ไม่ห้ามให้มันเลิกฟุ้งซ่าน ต้องปล่อยให้มันจมลงไปในความรู้สึกของตัวเองบ้าง ให้เวลามันทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดอย่างกะทันหันนี้ ผมว่าลึกๆ มันก็น่าจะรู้แหละว่าพ่อกับแม่มันไม่มีทางกลับมาเป็นแบบเดิมได้ตั้งนานแล้ว แต่ใครล่ะ...จะอยากยอมรับความจริงข้อนี้

ดิวเศร้าซึมอยู่หลายวัน มันกินได้น้อยลง นอนละเมอแล้วก็ร้องไห้อยู่บ่อยๆ ผมปวดใจมากที่เห็นมันเป็นแบบนั้น แต่เวลาเท่านั้นจริงๆ ที่จะทำให้มันดีขึ้น หน้าที่ที่สำคัญของผมคือการไม่ให้มันรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีคนอยู่ใกล้ ดิวหยุดเรียนเกือบทั้งอาทิตย์เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน ผม แม่และไม้ก็ไม่มีใครว่าอะไร

ด้านพ่อดิว แม่ผมไปคุยแล้วและเขายังให้คำตอบอะไรไม่ได้ ลุงสุชาติยังต้องทำธุระเรื่องการหย่า ทั้งยังเจอปัญหาทางบ้านโวยวายและไม่พอใจที่เขาทำแบบนี้ ฟากแม่ดิวเองก็ไม่พูดอะไร ในเมื่อลุงสุชาติตัดสินใจจะเข้าไปเจรจากับพ่อแม่เองก็ปล่อยไป แม่ผมไม่ได้คุยกับคุณป้ามณี เพราะไม่ค่อยสนิทกันเท่ากับคุณลุงสุชาติ

เราทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เพียงแต่เพิ่มการพูดคุยกับดิวแล้วก็อยู่กับดิวให้มากขึ้น ตอนนี้ดิวได้มานอนห้องผม แล้วผมก็กอดมันทุกคืน กล่อมมันให้หลับหลังจากปล่อยมันร้องไห้ ดิวจะกอดผมเอาไว้แน่นมาก เหมือนหาที่ยึดเหนี่ยวให้กับตัวเอง

มันเป็นช่วงเวลาที่ดิวอ่อนแอมาก...

อย่างน้อยๆ มันก็ร้องไห้น้อยลงในแต่ละวัน เข้าอาทิตย์ที่สองดิวสามารถกลับไปเรียนได้แต่มันไม่ร่าเริงเหมือนเดิม ดิวยิ้มให้ผมได้แค่บางๆ รวมถึงคนอื่นๆ ด้วย แล้วมันก็ต้องการความรักมากกว่าเดิม ต้องการการกอดและการหอมอยู่ทุกวัน และผมก็ป้อนให้มันไม่ขาด มันต้องเยียวยาได้อยู่แล้ว...สัมผัสของคนที่ตัวเองรักเปรียบเสมือนยาพิเศษ ผมเชื่อแบบนั้น และผมเคยก้าวข้ามห้วงแห่งความเศร้ามาได้ด้วยการทำแบบนั้น...

“กอดหน่อย...” ผมมารับดิวที่ชมรมแบด มันดีขึ้นก็มาออกกำลังกายทันที ไม้นี่แหละที่เป็นคนชวนดิวมา

“มากอด” ผมเดินเข้าไปกอดเจ้าตัวเล็กเอาไว้แน่น ท่ามกลางสายตาของคนอื่นที่จ้องมอง อาจมีสายตาที่ชื่นชมและรังเกียจปะปนกันไป แต่ผมไม่สนใจหรอก คนที่ผมสน คือคนในอ้อมแขนเท่านั้น

“ขี้อ้อนขึ้นเยอะเลย ปกติอ้อนคนอื่นแบบนี้ปะเนี่ย” คลายกอดแล้วจ้องหน้าถามยิ้มๆ ดิวเบะปาก ส่ายหน้า

“ไม่มีใครอ้อนขนาดนี้หรอก”

“แน่ใจ?”

“แน่ใจที่สุดอะ” เล่นกลับด้วยได้แบบนี้ก็ถือว่าดีขึ้นเยอะแล้วล่ะเนอะ

“ปลื้มใจจัง” ว่าแล้วก็ยีหัวมันเบาๆ

ผมเดินกอดคอดิวไปนั่งที่อัฒจัน เจ้าไม้ยังซ้อมอยู่และเดี๋ยวสักพักดิวก็ไปซ้อม นี่เป็นช่วงพักของมันพอดี ผมเอาหลังมือตัวเองเช็ดเหงื่อที่เกาะอยู่บนใบหน้าและไรผมให้คนตัวเล็ก ไม่มีผ้าเช็ดหน้า ไม่ชอบพก แต่มือสะอาดครับไม่ต้องห่วง

“ต้น...” ดิวจ้องตา

“หืม? มีอะไรหรือเปล่า ทำไมมองแบบนั้นล่ะ” ผมว่าแปลกๆ ก็เลยถาม

“วันนี้พ่อโทรมา บอกว่าวันศุกร์ให้เข้าไปที่บ้านใหญ่” พูดแล้วเจ้าตัวก็เม้มปาก น้ำตาคลอ ผมรีบดึงมัเข้ามากอดแล้วลูบหลังปลอบ

“กูไปส่งนะ”

“อยู่กับกูได้ไหม มึงอยู่กับกูนะ...” ดิวดันตัวออก มองหน้าผมทั้งที่น้ำตากำลังจะไหล

“ได้ดิ กูจะอยู่กับมึง สบายใจเถอะนะ” ดิวพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ มันเอาแขนเสื้อผมไปเช็ดหน้าและน้ำตาของมัน เสร็จก็ยิ้มแป้นแล้นใส่ ผมไม่ได้สนใจหรอกตอนแรกอะ เห็นมันยิ้มแบบนี้ก็รู้สึกดี แต่พอดูแขนเสื้อตัวเอง...

“เดี๋ยวโดน!” แขนเสื้อผมดำเป็นปื้นเลย เฮ้ นี่ผมต้องซักเองนะเว้ยเนี่ย

“ฮี่ๆ...” หัวเราะแบบนี้ชักหมั่นเขี้ยว ผมบีบจมูกเจ้าดิวแล้วหัวเราะเยาะใส่มันให้ดังกว่า

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

“โอ้ยเจ็บ...มึงรังแกกูอ๋อ ใจร้าย คนอะไรรังแกแฟนตัวเองรุนแรงแบบนี้ กูน้อยใจนะเนี่ย ทำกับกูแบบนี้ได้ไง...กูจะไปฟ้องคุณน้า ไม่นอนกับมึงแล้วด้วย ขนเสื้อผ้าออกไปนอนกับคุณน้าแล้วไม่เอาแล้ว” อ่าว แกล้งแค่นี้บ่นยาวเชียว ยังมามีหน้าขู่อีก ไม่เห็นว่านี่ที่สาธารณะพ่อจับจู่ให้ปากเจ่อเลยเหอะ

“หยอกเล่นเอง โอ๋ๆ ขอโทษๆ ไม่แกล้งแล้วคร้าบ....” เห็นผมขอโทษเสียงงุ้งงิ้งเจ้าตัวก็หัวเราะ

“ฮ่าๆ น่ารัก” อย่าๆ อย่ามาบอกกูน่ารักแบบนี้ เดี๋ยวของมันขึ้นนะน้อง

ผมยีหัวดิวด้วยความเอ็นดู เห็นมันดีขึ้นผมก็มีความสุข เรานั่งเล่นกันสักพักดิวก็ต้องลงสนามไปซ้อมแบด ไม้เปลี่ยนขึ้นมานั่งพัก มันก็บ่นเรื่องของมันไปตามเรื่องตามราวอะ ผมฟังมันพล่ามพลางมองดิวเล่นแบดไปด้วย ท่าทางคล่องแคล้วว่องไวใช้ได้ ดูเหมือนว่าเล่นจนร่างกายเริ่มชินกับการเคลื่อนไหวแบบนี้แล้ว ผมดูดิวเพลินจนไม่ได้ฟังเจ้าไม้บ่นอีกเลย แว่วๆ แค่ว่าจ้องดิวตาเป็นมันแล้ว...

เลิกซ้อมเราก็ไปที่ร้านอาหาร แม่ทำมื้อเย็นไว้รอพวกเราอยู่ก่อนแล้ว พอเดินเข้าร้าน แม่ก็ออกมาต้อนรับแล้วกอดดิวเอาไว้ ลูบแผ่นหลังเบาๆ พลางพาเดินไปที่โต๊ะประจำของเรา ดูไปดูมา เราชักจะเหมือนครอบครัวเดียวกันไปทุกที ไม่เหมือนเป็นแค่เด็กข้างบ้านเลย แต่ผมชอบนะ...อนาคตดิวมันก็สะใภ้บ้านนี้อะ ครอบครัวเดียวกันชัวร์ๆ อยู่แล้วถูกมะ

“น้าคุยกับพ่อหนูได้แล้วนะลูก...” อาหารมาเสิร์ฟครบ แม้เปิดประเด็น ผมตื่นเต้นมากที่แม่บอกมาแบบนี้

“ครับ?” อ่อใช่ ดิวยังไม่รู้ว่าผมคุยกับแม่ไว้

“ก็หลังจากหย่ากันแล้ว น้าขอให้หนูอยู่กับน้าแทนที่จะต้องเลือกไปกับใครคนใดคนหนึ่ง น้าตัดสินใจไปเอง...น้องดิวโกรธน้าไหม” เออ ผมก็ลืมเรื่องนี้ไป เราตัดสินใจกันโดยไม่สอบถามความสมัคใจของดิวเลย มันได้ฟังแล้วก็ยิ้มบางๆ

“ผมกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่เลยครับ ผมกลัวว่าจะต้องเลือกไปอยู่กับใครสักคน...ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมจะไปอยู่กับพวกเขาได้ยังไง” ความเศร้าแผ่กระจายออกมาอีกเมื่อมันหวนกลับไปคิดเรื่องนี้ แต่ก็ไม่หนักมากเท่าช่วงแรก

“ใช่ น้าก็เป็นห่วง กลัวหนูจะลำบากใจถ้าต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่เคยอยู่ น้าเลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อหนู แล้วพี่ชาติเขาก็โอเค แต่ที่รอนานก็เพราะต้องถามแม่หนูด้วย”

“แม่ผมยอมใช่ไหมครับ”

“ใช่จ้ะ วันนี้น้าเพิ่งได้คำตอบ”

“ขอบคุณนะครับ ผมรบกวนคุณน้ามากเลย” ดิวน้ำตาคลออีกครั้ง แม่ผมดึงดิวมากอดเอาไว้

“รบกงรบกวนอะไร ไม่เลยลูก...ว่าที่ลูกอีกคนในอนาคต” แม่พูดแล้วก็ขำ มีเหลือบมามองหน้าผมอีกแหนะ ดิวมันยิ้ม หน้าแดงหน่อยๆ แสดงว่าเขิน

“แต่ว่านะ…” จู่ๆ ไม้ก็แทรกขึ้นมา

“อะไรของมึง?” ผมหันไปถามไม้ที่นั่งข้างกัน

“ช่วยสนใจผมบ้างดิ ผมจะงอนแล้วเนี่ย...” ทำเป็นพูด แม่ผมยังดูแลไม้ดีเหมือนเดิม ดีขึ้นด้วยเพื่อให้เท่าเทียมกับดิว มันจะได้ไม่เกิดช่องว่างในความรู้สึก ส่วนผมไม่ต้องห่วง...แม่ไม่ดูแลผมก็อ้อนได้

“นี่แม่ทำของโปรดไม้ทั้งนั้นเลยนะ ไม้ยังว่าแม่ไม่สนใจอีกเหรอ งั้นแม่เอาไปเก็บดีกว่า”

“เดี๋ยวๆ! ไม้ล้อเล่นเอง...แค่เรียกร้องความสนใจ” เจ้าตัวเบะปาก แต่ไม่ได้น่ารักเท่าดิวทำ ก็เลยได้รับเสียงหัวเราะจากพวกเราแทน

มื้อเย็นเริ่มคึกครื้นขึ้นมาบ้าง กลบเกลื่อนความอึมครึมที่ดิวยังมีอยู่ในตัว สองอาทิตย์ฟื้นได้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานมันจะผ่านเรื่องนี้ไป และมีความสุขกับสิ่งที่มันเป็นอย่างทุกวันนี้ได้แน่ๆ

จบมื้อค่ำก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ หมายถึงผมนะ ไม่ใช่ดิวกับไม้ สองคนนั้นมีการบ้าน พวกเขาต้องนั่งทำการบ้านกันไปก่อน ส่วนผมหาผ้ากันเปื้อนมาใส่ หยิบสมุดจดแล้วเดินร่อนเป็นเด็กรับออเดอร์บวกเสิร์ฟอาหาร

ดิวลอบมองผมอยู่ตลอด หันไปกี่ทีก็แทบจะสบตากันทุกที มันเอาแต่ยิ้มบางๆ มองผมเหมือนคนเพ้ออะไรสักอย่าง เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวมากเลย อยากจะเข้าไปฟัดติดที่ทำงานและนี่มันร้านอาหารไม่ใช่ห้องนอน

ประมาณสองทุ่มกว่าๆ ไม้กับดิวก็ทำการบ้านเสร็จ ร้านอาหารใกล้ปิดแล้ว พวกนี้จะต้องช่วยกันทำความสะอาดร้าน ดีที่ไม่มีใครอิดออดให้ผมต้องดุ ผมเข้าไปที่เคาน์เตอร์ ช่วยแม่ทำบัญชี อนาคตผมต้องทำงานบริหาร เรื่องแบบนี้จะไม่รู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ผมเลือกเก็บประสบการณ์จากแม่นี่แหละ แม่จะคอยบอกคอยสอน บางอย่างผมก็เรียนรู้หลักการมาจากมหาลัยแล้ว แต่พอได้มาทำจริงๆ มันค่อนข้างต่างกันเยอะทีเดียวนะ มันปวดหัวกว่าและตัวเลขก็ไม่แน่นอน

เมื่อทุกอย่างที่ร้านเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางกลับบ้านกัน รถสองคัน ของผมและแม่ที่ขับมาทำงานเองเมื่อเช้านี้ ไม้ไปกับแม่ส่วนผมกลับกับดิว วันนี้เรามีขนมหวานติดไม้ติดมือกลับไปที่บ้านด้วย พวกผมก็ไม่ได้ชอบของหวานนะ แค่ชอบทุกอย่างที่แม่ทำเท่านั้นเอง

ผมกับดิวนั่งพูดคุยกันไปตามทาง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เรียนอยู่ ในหลักสูตรที่ดิวเรียนมันจะมีบางอย่างที่เจ้าตัวสงสัยแล้วก็ถาม ผมก็พลอยได้ทวนความรู้ที่เรียนไปกับดิว นั่งคิดนั่งวิเคราะห์ตอบคำถามมันจนกระทั่งถึงบ้าน ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า แล้วลงมานั่งเล่นดูทีวีกันอีกสักพักนู้นแหละถึงจะไปนอนกัน คือบ้านผมทำแบบนี้กันจนติดเป็นนิสัยอะครับ บางบ้านอาจติดละคร แต่บ้านผมก็ติดรายการต่างๆ ที่มีในแต่ละวัน อย่างนี่ก็คนอวดผี แม่ชอบมาก ผู้ชายแมนๆ สามตัวนี่นั่งหงอเลย กลัวนะ แต่ดู

“น่ากลัววะ...ทำไมต้องเป็นผีในตู้วะ” ดิวบ่น เราขึ้นมาที่ห้องกันแล้วนั่งลงบนเตียง

“แหม่ ผีมันก็มีทุกที่ทุกอย่างนั่นแหละ” ผมบอก ฉวยโอกาสกอดมันพร้อมลากไปนอน

“จริงดิ แล้วมึงไม่กลัวมั้งเหรอ”

“หึ ไม่กลัวอะ ชอบด้วย...” ดิวเลิกคิ้วสงสัย จู่ๆ ผมบอกชอบผี ฮ่าๆ เห็นหน้ามันแล้วตลกอะ

“มึงชอบผีเหรอ?”

“ใช่ ผีผ้าห่ม...ชอบมาก” มันนิ่งไปอึดใจหนึ่ง จากนั้นหน้าก็เริ่มแดง...

ผมดันปลายคางดิวขึ้นเพื่อจะได้ละเลียดริมฝีปากมันได้ ดิวไม่อิดออด มันเงยหน้าตามแรงดันอย่างง่ายดาย เรายิ้มบางๆ ให้กันก่อนผมจะเป็นฝ่ายป้อนจูบให้ดิว เริ่มจากย้ำริมฝีปากบนและล่าง ย้ำมันลงไปซ้ำๆ เพื่อซึมซับความนุ่มละมุนจนกระทั่งพอใจ ดิวอ้าปากน้อยๆ ผมสอดลิ้นเข้าไปเพื่อช่วงชิงลมหายใจมันอย่างอ่อนโยน ก็รู้นะว่าพอทำแบบนี้แล้วจะเกิดความต้องการ แต่ผมก็ยังอยากทำมันทุกๆ วัน

“ฝันดีนะ...” แล้วก็ถึงเวลาห้ามใจ ผมย้ำจูบหนักๆ ที่ปากมันอีกครั้งก่อนนอนกอดมันเอาไว้

“อืม ฝันดี” ดิวขยับจูบปากผมแผ่วเบา ใจผมนี่ระรัวไปหมด...จับมันกดแม่จะตีหัวแตกไหม

.....100%.....

เรื่องความพีค ความดราม่าตีกันแบบผัวเมียคุ่นี้คงไม่มีมาให้ชม แล้วเราก็ได้แต่หวังว่า....มันจะไม่ทำให้คนอื่นเบื่อ ในตอนที่เราเป๋จากคนในครอบครัวมันยากจริงๆ นะ ที่จะก้าวผ่านปัญหาไป แต่ถ้ามีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งเราไว้ มันจะทำให้เรารู้สึกฮึ้ดขึ้นมาได้อีก...แล้วต้นก็เป็นคนนั้นของดิว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
«ตอบ #228 เมื่อ21-09-2017 21:19:11 »

หลานไม้มีงอนแล้ว ขอคู่ให้หลานไม้ด่วน  :laugh3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
«ตอบ #229 เมื่อ21-09-2017 21:57:13 »

เล่นผีผ้าห่มกันเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
« ตอบ #229 เมื่อ: 21-09-2017 21:57:13 »





ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
«ตอบ #230 เมื่อ21-09-2017 22:42:59 »

ดิวน่ารักขึ้นเยอะมากก

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
«ตอบ #231 เมื่อ23-09-2017 00:03:04 »

ดีแล้วที่ทีครอบครัวนี้ดูแล

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 32 - 100% [21/09/60]
«ตอบ #232 เมื่อ23-09-2017 12:34:51 »

ดิวโชคดีกว่าถูกหวย
ได้จวยต้นมานอนกอด
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 33 - 100% [24/09/60]
«ตอบ #233 เมื่อ24-09-2017 20:38:25 »

>>ตอนที่ 33 [100%]<<

วันที่เราสามคนแม่ลูกรวมถึงดิวไม่อยากให้มาถึงก็มาจนได้ ทกคนเป็นห่วงความรู้ของดิวาก มันต้องไปที่บ้านใหญ่เรื่องที่พ่อกับแม่มันจะหย่ากัน ทางนั้นไม่ได้แจ้งอะไรเอาไว้ แค่กำชับว่ามันต้องไป เป็นเรื่องสำคัญที่เขาอยากให้ดิวเป็นคนตัดสินใจ

ดิวปฏิเสธไม่ให้พ่อกับแม่มารับ เพราะมันต้องการให้ผมไปด้วย รู้ว่ามันไม่ควรเพราะนี่มันเรื่องครอบครัวของมัน แต่ในเมื่อนี่คือสิ่งที่ดิวต้องการและมันสามารถทำให้ดิวก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้ ผมก็จะไปอยู่ข้างๆ มัน

เราเดินทางกันแต่เช้า แม่และไม้เป็น่วง คอยบอกว่าดิวต้องสู้ๆ และต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่วายกำชับผมด้วยว่าให้ดูแลน้องดีๆ ผมรับปากแม่เป็นหมั่นเป็นเหมาะก่อนจะเริ่มเดินทาง ดิวกระวลกระวาย นั่งไม่ค่อยติด น่าจะกำลังจินตนาการไปต่างๆ นาๆ ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้

“มึงว่ากูจะโดนบังคับให้ไปอยู่ที่อื่นไหม กูไม่อยากไป” ในที่สุดดิวก็พูดออกมาเป็นคำแรกหลังจากเดินทางใกล้ถึงที่หมาย

“มึงสิบเจ็ดแล้วดิว กำลังจะสิบแปด...อีกไม่นานก็ต้องเลือกทางเดินในชีวิตตัวเอง เขาบังคับมึงไม่ได้มากขนาดนั้นหรอก” ผมพยายามให้กำลังใจ แต่ดิวกลับมองหน้าผมเศร้าๆ

“ไม่จริงหรอก เขายังบังคับให้พ่อกับแม่แต่งงานกันเลย แล้วพอจะหย่ากันก็ไม่ยินยอมด้วย กูจะรอดจากการบังคับขีดเส้นทางริงเหรอวะ” เออนั่นสิ ผมไม่ได้อยู่ในครอบครัวที่เข้มงวดแบบนั้นด้วย ก็เลยให้คำตอบที่ดีที่สุดไม่ได้ ผมเอื้อมมือไปกุมมือของดิวเอาไว้ บีบมันแน่นๆ

“อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย เผชิญหน้ากับมันก่อนแล้วเราค่อยหาทางออกดีกว่า คิดตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาในแบบที่เราคิดหรือเปล่า ทำใจให้สบายนะ...ไม่ต้องเครียด” เจ้าตัวเล้กครางตอบอืมเบาๆ มันบีบผมตอบขณะทอดสายตาไปด้านนอก

รู้ว่ายังไงมันก็คิดแล้วเครียดอยู่ดี เข้าใจว่ามันทำไม่ได้ง่ายๆ หรอก ผมปล่อยให้ดิวอยู่กับตัวเองจนกระทั่งมาถึงที่หมาย ดิวบอกบ้านและเส้นทางเข้าสู่ที่จอดรถ เราเดินจับมือกันไปยังประตูใหญ่ พ่อกับแม่ของดิวยืนอยู่คู่กันตรงนั้น ดิวบีบมือผมแน่นขึ้นไปอีก

“อย่าปล่อยกูไว้คนเดียวนะ” มันเงยหน้ามามอง น้ำเสียงเจือความอ้อนวอนอยู่

“อยู่แล้วหน่า” ใช้อีกมือยีหัวดิว มันพยายามยิ้มบางๆ

เราทั้งคู่ยกมือไหว้สวัสดีพ่อกับแม่ของดิว ทั้งคู่มองมือที่กุมกันของผมก่อนมองมาที่ใบหน้า ดิวกระชับมือแน่น เหมือนไม่ต้องให้ผมปล่อยแม้ว่าคุณลุงคุณป้าจะมองด้วยสายตาอย่างไร ผมเข้าใจ ดิวในเวลานี้ต้องการความมั่นคงเพื่อให้ตัวเองมีที่ยึดเหนี่ยว ดังนั้นผมจึงกระชับมือตอบกลับ ไม่ปล่อยแม้จะโดนสายตาสงสัยทิ่มแทง

พวกเขาไม่ได้ยิงคำถามกลับมา แต่แม่ดิวจะเข้ามาดึงดิวออกไปจากผม ติดที่ดิวปฏิเสธจะเดินไปพร้อมแม่ตัวเอง คุณป้ามณีเลยต้องเดินนำเข้าบ้านไปพร้อมคุณลุง ปล่อยเราสองคนเดินตามหลังในระยะประชิด

บ้านหลังนี้ใหญ่มาก เป็นบ้านของครอบครัวฝั่งพ่อดิว แม่บ้านเดินกันขวักไขว่ ซึ่งที่ผมเห็นส่วนใหญ่ก็มีแต่แม่บ้านเนี่ยแหละ เราตรงไปที่ห้องโถงรับแขก ที่นั่นมีคนสูงอายุนั่งกันอยู่สี่คน สองคนบนโซฟาตัวยาวผมคิดว่าน่าจะเป็นพ่อแม่ของคุณลุงสุชาติ เพราะหน้าตาคล้าย พวกท่านยังดูแข็งแรงดี ไม่ได้อ่อนแอไปตามกาลเวลา ส่วนโซฟาฝั่งซ้ายมือก็คงเป็นพ่อแม่ฝั่งแม่ดิว สีหน้าพวกท่านไม่ดีเลย เหมือนโกรธเคืองกับสิ่งที่ลูกสาวเลือกจะทำ

พ่อกับแม่ดิวเดินไปนั่งโซฟาฝั่งขวา เราสองคนได้เก้าอี้จากแม่บ้านมาเพิ่ม จากตอนแรกที่ผู้หลักผู้ใหญ่มองพ่อแม่ดิว ตอนนี้พวกเขากลับจ้องมาที่มือของผมและหลานชาย เท่าที่รู้ ดิวไม่ใช่หลานชายเพียงคนเดียวของสองครอบครัวนี้ แต่อาจเป็นหลายชายคนเดียวที่รักชอบเพศเดียวกัน

“ปล่อยมือจากกันซะ” คุณปู่ของดิวชี้ไม้เท้ามาที่เราทั้งคู่ ท่าทางคุกคามและไม่พอใจ ดิวมองหน้าผมและผมก็มองหน้ามัน เราควรปล่อยมือจากกันก่อน

“เพราะพวกแกสองคนมันเหลวแหลก ลูกแกก็เลยผิดเพศแบบนี้” เสียงหยามหยันออกมาจากปากของคุณยายดิว เธอมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่หรอกครับ ผมเป็นของผมเอง” ดิวตอบ ท่าทางนอบน้อมและมันก็เป็นฝ่ายคลายมือของผม

“ไม่ต้องมาออกกตัวแทนแม่แกเลย ยายเลี้ยงแม่แกมา ใส่ใจแม่แกถนอมแม่แกไง แม่แกเลยไม่ผิดเพศ” ฟังความคิดแบบนี้ผมก็ฉุนนะ แต่ทำอะไรไม่ได้

“ค่ะ ความผิดณีเอง พอใจไหมคะคุณแม่” คุณป้ามณัดบทแม่เธอเอง

“ช่างมันเถอะ ไม่ฆ่าคนตายก็พอแล้ว” คุณย่าดิวปัดประเด็นนี้ให้ตกไป ท่าทางที่สง่างามและหยิ่งผยองในเวลาเดียวกันทำให้เธอดูเหมือนนางพญา แม้ว่าอายุจะเลยเลขหกแล้วก็ตาม

“แกรู้เรื่องพ่อแม่แกแล้วใช่ไหมดิว” คุณปู่เอ่ยถาม

“ครับ ผมทราบแล้ว”

“แล้วแกคิดว่ายังไง แกอยากให้พ่อแม่เลิกกันอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหม” คำถามพุ่งตรงเข้าหาดิว แน่นอนว่าคำตอบคือไม่ ดิวเงยหน้ามองผมเล็กน้อย มันเม้มปากแน่นเหมือนไม่รู้จะเอายังไงดี ผมจะจับมือให้กำลังก็กลัวมันจะรุ่มร่ามเกินไปในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้

“ถ้าพ่อแม่แกเลิกกัน แกมันก็หมาหัวเน่าไม่มีใครเอา แกอยากให้เป็นแบบนั้นจริงเหรอดิว” ฝ่ายคุณยายดิวไซโคต่อ ผมละอยากหัวเราะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดิวไม่ใช่หมาหัวเน่าเหรอไง

“ปู่ย่าและตายาย รวมถึงพ่อแม่แกยกให้แกตัดสินใจว่าจะยอมให้พวกเขาเลิกกันไหม แต่แกต้องคิดดีๆ นะดิว...โตมาแบบไม่มีพ่อแม่น่ะเหรอที่แกต้องการ” ฝ่ายตาดิวก็ทับถมลงมาอีก ผมรู้สึกว่าดิวอาจไม่แกร่งพอที่จะต้องรับความกดดัน ฝ่ายปู่ย่าตายายอยากให้ดิวตัดสินใจที่จะให้พ่อแม่อยู่ด้วยกัน แต่ฝ่ายพ่อแม่กลับอยากให้ดิวตอบในอีกรูปแบบเพื่อให้พวกเขาได้เดินทางจากกันไปเสียที

“คุณพ่อครับ อย่ากดดันดิวแบบนั้น” คุณลุงสุชาติกล่าวกับพ่อตาเสียงนุ่ม

“ฉันเนี่ยนะกดดัน ไม่มีใครกดดันอะไรดิวสักคน เราแค่หวังดีกับพวกแกแล้วก็ลูกของแก คิดดู...ดิวมันจะต้องอยู่อย่างไรถ้าไม่มีพ่อแม่...”

“มีเหมือนไม่มีก็ไม่ต้องมีดีกว่าครับ” จู่ๆ ดิวก็โพล่งขึ้นมากลาปล้อง ซึ่งมันเป็นคำพูดที่แม้แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะกล้าพูด

เกิดความเงียบขึ้นฉับพลัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรในเวลานี้ พ่อแม่ของดิวเองก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำต่อว่าของลูกตัวเอง ดิวเงยหน้ามองผม ดวงตาของมันถูกเคลือบไปหยาดน้ำ เอาวะ...ไม่ถูกไม่ควรไปหน่อยแต่เพื่อความรู้สึกมัน ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันเอาไว้ ดิวยิ้มให้บางๆ แล้วมองหน้าทุกคน

“ปล่อยให้พ่อกับแม่เลือกทางของเขาเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไร”

“ใช่สิ ริอาจมีผัวแต่น้อย มันก็พูดได้ว่าไม่เป็นอะไร วันหนึ่งแกโดนทิ้งมา แกจะยังมีหน้ามาพูดว่าไม่เป็นอะไรอีกไหม หือ...จะกลับมาซมซานหาปู่ย่าตายายล่ะสิ เฮอะ ฉันบอกเลยนะนังมณี ลูกผิดเพศของแกน่ะ...ฉันไม่เอาหรอกนะ” คุณยายของดิวกล่าวเหยียดเต็มที่ ไม่รู้โกรธอะไรใครมานักหนา จะเถียงก็ไม่ได้ ปากหมาใส่เดี๋ยวไม่ได้ออกจากบ้านอีก

“ไม่ต้องเอาก็ได้ครับ เราจะยังเลี้ยงลูกของเราเหมือนเดิม แค่เราต้องการจะหย่ากันเท่านั้น เรื่องของดิว ผมไม่ให้เขาเป็นภาระใครหรอกครับคุณแม่” คุณลุงสุชาติมองลูกตัวเองขณะพูดกับแม่ยาย

“ก็ดี ให้มันได้แบบนั้นก็ดี แค่นี้ก็ทำฉันอับอายขายขี้หน้าไปหมด ทั้งลูกสาวลูกเขย” อะไรคือความขายขี้หน้าวะครับ แค่เลิกรากันไปมันไปหนักส่วนไหนของหน้าคุณยายครับผมอยากรู้จริงๆ

“ตระกูลฉันไม่เคยมีเรื่องหย่าร้างเกิดขึ้น นี่มันอัปยศที่สุด ทั้งหย่า ทั้งลูกผิดเพศ แกนี่มัน...” คุณตาของดิวต่อว่าคุณป้ามณี ผมชักพอเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณป้าถึงไม่อยากหย่า กิจการที่ต้องสูญเสียมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ต้องมาโดนพ่อแม่ตัวเองต่อว่าแบบนี้ก็เลวร้ายเหมือนกัน

ดิวนั่งกลั้นน้ำตาเอาไว้จนตัวสั่นเทาไปหมด มันก้มหน้ามองมือของเราไม่ยอมมองหน้าใครอีก ตากับยายของดิวชี้หน้าด่าลูกสาวตัวเองแล้วมองเหยียดหยามดิวก่อนจากไป ฝ่ายปู่ย่าที่เห็นนิ่งๆ ก็ลุกขึ้นมาบ้าง

“ฉันผิดหวังในตัวแกมากไอ้ชาติ” ปู่ของดิวตบหน้าคุณลุงสุชาติอย่างแรง เสียงมือกระทบใบหน้าทำให้คนตัวเล็กข้างกายผมสะดุ้งผวา มันไม่กล้าเงยหน้ามอง ส่วนผมตาค้างด้วยความตกใจ ผมไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้มันต้องตบต้องตีเลยเหรอ

“ผมขอโทษครับพ่อ”

“เอาคำขอโทษของแกกองไว้ตรงนั้นแหละ” แล้วคุณปู่ก็เดินจากไป คุณย่าดิวเองก็เดินตาม เธอมองหน้าลูกชายของเธอแค่แว้บเดียว เหมือนไม่สนใจว่าลูกจะรู้สึกอย่างไร ปล่อยไว้อย่างไม่ใยดี

ผมว่าผมไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ ผมไม่ควรมานั่งหัวโด่ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายนี้เลย มันเป็นเรื่องภายในโคตรๆ ซ้ำยังรู้สึกอย่างกับว่าตัวเองเป็นคนทำให้ป้ามณีและคุณลุงสุชาติโดนด่า โดนตำหนิเรื่องลูกชายด้วย

แต่หันไปมองดิว...ผมมาอยู่ตรงนี้เพื่อมันนี่นะ ถ้าไม่มีผมมันจะตอบว่ายังไง ถ้าผมไม่ได้อยู่ข้างมันในวันนี้ผมจะอดทนจนผ่านมาได้ไหม ผมคว้าร่างของดิวมากอด อาจจะไม่ค่อยเหมาะแต่ผมเห็นใจและสงสารมัน ดิวปล่อยโฮทันทีที่ผมโอบแขนรวบรัดร่างกาย เจ้าตัวซบหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมไม่เห็นว่าคุณลุงกับคุณป้าจะมองอย่างไรแล้วรู้สึกแบบไหน ตอนนี้สิ่งสำคัญคือดิวต่างหาก

ดิวคือคนที่ต้องมารับผลกระทบในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อ เป็นบาปบริสุทธิ์จากการกระทำของคุณลุงคุณป้าโดยแท้ ผมได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่มาต่อว่าหรือบังคับอะไรดิวอีก แค่นี้ดิวก็เจ็บช้ำมากพอแล้ว ต้องเสียทั้งพ่อและแม่ไปในเวลากัน...

“ต้นพาน้องกลับบ้านทีนะ ลุงฝากน้องด้วย...” คุณลุงเดินมาตบบ่าผมที่ยังกอดดิวเอาไว้ เขาลูบหัวลูกชายแล้วจากไป

“แม่จะติดต่อหาหนูนะลูก...” ดิวผละกอดจากผม มันโผเข้ากอดแม่ตัวเอง

มันคงอยากพูดอะว่า...มันไม่อยากให้ใครเดินจากมันไป ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่มันก็ตาม แต่คำพูดของลูกอาจเป็นตัวเหนี่ยวรั้งให้เขายังฝืนอยู่ด้วยกันต่อไป แม่ดิวพยายามปลอบลูกชายด้วยความเป็นจริงที่มันไม่อาจเปลี่ยนไป เขาทั้งคู่ไม่ได้รักกันแล้ว จะฝืนต่อมันก็มีแต่ทรมานใจ เธอกล่าวโทษลูกชายที่ไม่สามารถมอบความรักให้เขาได้มากพอ เธอกล่าวโทษตัวเองที่เป็นแม่แย่ๆ ทั้งน้ำตา

ทั้งคู่กอดเข่ากันร้องไห้ เป็นภาพที่สะเทือนใจเพราะมันทำให้ผมนึกย้อนไปตอนที่เสียพ่อไป มันอาจจะแตกต่างกันที่เหตุผล แต่ความเจ็บปวดของคนเป็นลูกนั้นไม่ได้แตกต่างกันนักหรอก ผมอยากบอกดิวว่ามันโชคดีที่ทั้งคู่ไม่ได้ตายจากมันไป สถานะต่างหากที่เปลี่ยนไป วันหนึ่งในอนาคมันจะยอมรับสิ่งนี้ไปเอง และค่อยๆ เข้าใจในเหตุผลของผูใหญ่ได้มากกว่าตอนนี้

“ป้าฝากน้องด้วยนะต้น” คุณป้ามณีจูงมือดิวมาหาผม เธอเอามืออันสั่นเทาของคนตัวเล็กวางลงบนมือของผม และผมยินดีที่จะกอบกุมมือเล็กนี้เอาไว้

“ครับ ผมจะดูแลน้องอย่างดี ผมสัญญาครับ” เธอยิ้มบางส่งให้ก่อนจะตบบ่าผมเพื่อฝากฝังดิวเอาไว้

เราจับมือยืนมองคุณป้าเดินจากไปอีกคน ใบหน้าของดิวยังคงเต็มไปด้วยน้ำที่อาบไหล เมื่อคุณป้าหายลับสายตาไป ผมก็ดึงมันมากอด ปลอบมันด้วยสัมผัสอ่อนโยนที่แผ่นหลัง ดิวสะอื้นหนักมากจนน่าสงสาร เห็นมันทรมานผมก็พลอยทรมานไปกับมันด้วย ผมดึงมันออกจากอ้อมอก เช็ดน้ำตาหล่านั้นให้หมดไปจากใบหน้าก่อนจะบรรจงจูบที่หน้าผากมัน

“เรากลับบ้านกัน...” ดิวพยักหน้าโดยไม่ตอบอะไร

ระหว่างทางมันไม่พูดอะไรเลย เอาแต่สะอื้นไห้กับเหตุการณ์ที่ยังคงตราตรึงในใจ มันเป็นความเลวร้ายที่แสนเศร้าหมอง ต้องใช้เวลาเพื่อเยียวมันไปเรื่อยๆ ผมไม่สั่งให้หยุดร้อง ไม่ห้ามปรามแม้ว่าจะสงสารมันมากแค่ไหน ผมแค่พยายามกุมมือมันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

หน้าที่ของผมคืออย่าทิ้งมัน...ยืนอยู่ข้างๆ มันในวันที่มันย่ำแย่ที่สุดนี้

แม่และไม้รอต้นรับเราที่บ้าน ผมต้องปล่อยมือจากมันเพื่อให้มันได้รับการปลอบโยนจากคนอื่นบ้าง วันนี้เป็นวันที่เลวร้ายอีกหนึ่งวัน เป็นวันที่มันต้องการความรักเพื่อชดเชยและเติมเต็มหัวใจที่ที่เจ็บช้ำ

พวกเราให้กำลังใจกันและกัน นั่งอยู่ด้วยกันไม่ยอมลุกจากไปไหน แม่พยายามทำเท่าที่ทำได้ด้วยการรังสรรค์ขนมขึ้นมาปลอบใจ ไม้พยายามชวนดิวเล่นเกมและผมก็พยายามที่เย้าหยอกให้มันรู้สึกดีขึ้น

แต่ความพยายามของเราในวันนี้ไม่ส่งผลเท่าไหร่นัก...

เมื่อเราขึ้นมาที่ห้อง ดิวก็กอดผมแล้วร้องไห้ออกมาอีก เสียงสะอื้นข้างใบหูกรีดหัวใจคนฟังอย่างผมไม่ต่างกับผมเป็นคนโดนเอง ไม่รู้จะเอาคำไหนมาปลอบโยนมัน ปล่อยให้มันร้อง...ปล่อยให้มันได้เสียใจให้เต็มที่

ไม่นานมันก็เพลียและหลับไป...

ผมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาของมัน ก่อนจะค่อยๆ เช้ดเนื้อตัวให้ มันจะได้นอนหลับอย่างสบาย ก่อนจะผ่านคืนนี้...ผมกระซิบข้างหูของมันว่าฝันดี ผมสัญญาจะอยู่ข้างๆ มันแม้ว่าความรักของเราอาจจะต้องหยุดลง ผมจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย และจะไม่ทอดทิ้งมันไปเหมือนที่คนอื่นๆ ทำ

“ต้น...” เสียงแม่เรียกเบาๆ ที่หน้าห้อง ผมละสายตาจากดิวเพื่อออกไปหาแม่

“ครับ” แม่ดึงมือผมให้ลงไปข้างล่างด้วยกัน

“เราไหวไหม...” ไม่แปลกใจกับคำถาม ผมยิ้มบางๆ ให้แม่

“ไหวดิ ต้นไม่เป็นอะไร ดิวต่างหากที่เป็น”

“แม่รู้ และแม่ก็รู้ว่าความเศร้าเสียใจองดิวจะมีผลกระทบต่อหนูด้วย แม่แค่อยากมั่นใจว่าหนูไหวจริงๆ เป็นห่วงนะ...ทั้งต้นและดิวเลย” เราหยุดเมื่อลงมาถึงชั้นล่าง แม่ดึงให้ผมหันไปมองหน้า แล้วผมก็สวมกอดแม่เอาไว้

“ต้นโชคดีที่มีแม่เป็นแม่ ต้นไม่รู้เลยว่าถ้าต้นต้องอยู่สถานการณ์เดียวกับดิวต้นจะเป็นยังไง แม่รู้ไหม วันนี้ปู่ย่าตายายของดิวต่อว่าดิวที่เป็นแบบนี้ พวกเขาพูดเหมือนกับว่าการที่ดิวรักเพศเดียวกันมันเป็นเรื่องผิดปกติ ผมฟังแล้วก็เจ็บแทน...ผมอยากตอบโต้” ผมระบายความอึดอัดใจของตัวเองให้แม่ฟัง

“แต่ต้นก็ไม่ได้ทำใช่ไหม” ผมพยักหน้า “ดีแล้ว เราเปลี่ยนความคิดคนไม่ได้หรอกลูก เขาไม่ชอบ เขารังเกียจ ก็ช่างเขาเถอะ...ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เราแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คุณค่าของเราก็เท่าเดิม อย่าเก็บมันมาใส่ใจนะลูกนะ...เป็นอย่างที่เป็นนี่แหละ” ผมพยักหน้ารับรู้อีกครั้ง

“ครับแม่...ต้นรักแม่นะ”

“แม่ก็รักลูก”

.....100%....

ตอนแรกว่าจะอัปจนจบเลย...ขอตอนสุดท้ายไว้พรุ่งนี้ละกัน เดี๋ยวมาให้อีกหนึ่งตอน รอสักครู่

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
«ตอบ #234 เมื่อ24-09-2017 21:11:19 »

>>ตอนที่ 34 [100%]

“!!!!”

ผมสะดุ้งตกใจ เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นดิวนอนคว่ำเท้าคางจ้องหน้าผมอยู่ ระยะประชิดอีกต่างหาก มิน่าถึงรู้สึกเหมือนมีลมเป่าโดนหน้าอยู่ตลอด พอมันเห็นผมสะดุ้ง เจ้าตัวก็ขำเบาๆ

“ตกใจอะไรกูขนาดนั้น ไม่ใช่ผีเสียหน่อย หรือว่าตอนนี้หน้ากูเหมือนผีไปแล้ว แน่ๆ เลยใช่ไหม ตากูต้องบวมแล้วหน้าก็บวมด้วยสินะ” มันคิ้วขมวดเป็นกังวล ผมรีบเอามือมายีหัวมันทันที

“ไม่เหมือนหรอกน่า กูแค่ตกใจ ไม่คิดว่ามึงจะมานอนมองหน้ากันแบบนี้”

“อ่าว ทำไมล่ะ นอนมองหน้ากูได้คนเดียวหรือไง” ทำมาเป็นรู้ดี ผมนี่ชอบนอนมองหน้ามันมาก ทั้งก่อนนอนและตื่นนอน

“ก็เปล่านี่ ดีขึ้นหรือยัง” ผมดึงให้มันมานอนุนแขน แต่ดิวไม่ยอม มันกระดื้บขึ้นมานอนบนตัวผมแทน

“จริงๆ ก็ยัง แต่ร้องไห้เหนื่อแล้วอะ ปวดหัวด้วย แล้วก็...” ดิวหลบตา เฉไฉไปมองอย่างอื่น

“แล้วก็อะไร?” ผมดันห้มันหันกลับมามองสบตา

“ก็...ทำให้มึงทุกข์ใจไปด้วย ทั้งมึงทั้งคุณน้าและไอ้ไม้เลย ไม่อยากให้ใครมารู้สึกแย่กับเรื่องนี้ ก็เลย...ช่างๆ มันไปเถอะ” เลิกคิ้วใส่ พูดเหมือนง่ายแต่มันไม่น่าทำได้ง่ายขนาดนั้น

“เอาความจริงสิ กูรู้มันช่างมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” ดิวถอนหายใจ

“ก็ไม่ง่าย แต่พยายามบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอก มีมึงอยูทั้งคน” ปากหวานจริงๆ ผมดึงท้ายทอยของมันเพื่อจะได้จูบปากมันหนักๆ ได้

“ปากหวานแต่เช้าแบบนี้ ต้องการอะไรหรือครับคุณหนูดิว” ผมว่าอย่างเย้าแหย่ เจ้าตัวหน้าแดง เอนหัวไปมา

“ต้องการคุณต้น...คุณต้นจะว่าอย่างไรครับ” พูดแบบนี้ น้ำลายแตกฟองเลยทีเดียว ไม่อยากจะบอกว่าที่ผ่านมาก็อยากจะมันกดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ แค่พยายามหักห้ามใจเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตดิว

“พูดแบบนี้...ล่อแหลมเกินไปนะเนี่ย” ผมว่าไปตรงๆ ไอ้ดิวหัวเราะ

“ฮ่าๆ กูไม่เคยเห็นใครเก้อเวลากูชวนทำอย่างนั้นสักที มีแต่มึงเนี่ย ถามจริงๆ นะต้น...มึงไม่เคยแล้วก็อายชะปะ” มันทำหน้าเหมือนอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ แต่ก็จริง ผมไม่เคยกับผู้ชาย แต่...แต่ครับแต่ ผมไปศึกษามาแล้ว มีขั้นตอนยุ่งยากกว่าผู้หญิงนิดหน่อย แต่ไม่ลำบากอะไรเท่าไหร่เลย

“ก็ไม่เคยกับผู้ชาย อีกอย่าง...ถ้ามึงไม่ได้สำคัญสำหรับกู กูก็คงกดมึงไปแล้ว” คนฟังหน้าแดง แต่ไม่ยอมหลบตา ผมเลยบดขยี้ริมฝีปากสีอ่อนของมันด้วยควมหมั่นเขี้ยว เช้าวันนี้ว่าจะไม่มีเรื่องให้รู้สึกหื่นแล้วเชียวน้า ดิวดันมายั่วยวนเสียดาย

แม่ครับ...ต้นรู้สึกล่อแหลมเหลือเกิน

จะให้ดิวกลับไปนอนกับแม่เพื่อไม่ให้เราเกินเลยกันมันก็ทำใจยาก ผมกับมันนอนด้วยกันมาขนาดนี้แล้ว ไม่มีมันผมเหงาตายเลยสิ หมอนข้างมีชีวิตเป็นสิ่งวิเศษสำหรับมนุษย์โลกเราเลยนะครับ ชอบที่ได้นอนกอดมันเอาไว้ ชอบที่ได้จูบมันก่อนนอนและตอนตื่นนอนแบบนี้ แม้ว่ามันจะอยู่ในสถานการสุ่มเสี่ยงแค่ไหนก็ตามที

จริงๆ ต้องบอกว่าเสี่ยงทุกคืนและทุกเช้าครับ...

“เพื่อนกูบอกว่าถ้าเครียดหรือเศร้ามากๆ ให้มีอะไรกับแฟน มันจะช่วยได้” ตอนแรกว่าจะไหลอารมณ์ไปกับจูบดูดดื่มนี่จนกว่าจะฉ่ำปอด แต่พอละปากออกหน่อยหนึ่งดิวกลับพูดขึ้นมาแบบนี้

“ใครเขาสั่งเขาสอนมึงวะ เพื่อนคนไหน...” ผมหงุดหงิดขึ้นมาทันที เพื่อนที่ดีสอนเพื่อนแบบนี้หรือไง ไอ้เลว

“ก็...” ดิวมันรู้แล้วล่ะว่าผมไม่พอใจ

“ก็อะไร เพื่อนคนไหน ทุกวันนี้คบอยู่ไหม จะเดินไปตบให้กะโหลกแตกเลย สอนห่าเหวอะไรแบบนี้วะ” ไม่ได้อยากจะก้าวร้าวนะ แต่ไม่พอใจจริงๆ อะ

“ไม่ได้คบแล้ว แต่มันก็จริงไม่ใช่เหรอ เคยอ่าในบทความด้วย” ดิวเสียงอ่อนลง มันซบหน้ากับอกเปล่าเปลือยของผม คือผมเป็นคนชอบนอนถอดเสื้อแล้วก็ไม่ใส่ซับใน เวลานอนอยากสบายเนื้อสบายตัวน่ะ

“เด็กทะลึ่ง” ผมดีดหน้าผากมันเบาๆ ความหงุดหงิดผ่อนลงหน่อยเมื่อมันบอกว่าเลิกคบเพื่อนกลุ่มนั้นแล้ว เจ้าตัวเบะปากคล้ายกับงอน

“ไม่ได้ทะลึ่งนะ ก็แค่พูดเฉยๆ” ดิวอ้อมแอ้มตอบ

“แล้วเคยทำไหมล่ะ?”

“ทำคลายเครียดอะเหรอ” ผมพยักหน้า “ไม่เคยอะ...ไม่เคยทำตามความต้องการของตัวเองหรอก ปกติ...มันจะอ่า...เอ่อยังดีล่ะ”

“ปกติพวกนั้นมันเรียกร้องใช่ไหม” ผมต่อให้จบ มันคงกลัวที่จะตอบ

“อื้อ”

“เฮ้อ...ดิวเอ้ย บอกมาตรงๆ ว่าตอนนี้อยากใช่ไหม” จ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง ผมเฝ้ารอคำตอบ เราถึงเนื้อถึงตัวกันบ่อย และมันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่พอถึงเนื้อถึงตัวกันแล้วจะมีความต้องการขึ้นมา เพศชายเป็นเพศที่ไฟติดง่ายและสะสมอยู่ร่างกายในง่ายมาก มีความต้องการเอาน้ำออกสูงประมาณนั้นเลย

“เปล่า” ดิวหน้าแดง ควบคุมระบบไหลเวียนเลือดให้ได้ก่อนแล้วค่อยตอบดีไหม

“เปล่าเหรอ แน่ใจ...”

“อืม ก็...กูเห็นมึงอดทนไม่ยอมทำแบบนั้น กูรู้นะว่ามึงต้องใช้ความพยายามมากอะ แล้วก็ต้องมาคอยปลอบกู มึงต้องเหนื่อยต้องเครียดแน่ๆ กูก็เลย...” โอเค เข้าใจแล้ว ผมกอดมันแน่นขึ้น กดจมูกลงกับกลุ่มผมดำขลับของมัน

“ก็เลยอยากคลายเครียดให้กู ไม่เอาน่า...กูตักตวงจากมึงด้วยการจูบ การหอมการกอดนี่ก็โอเคแล้วนะ”

“บางทีกูก็คิดว่ามึงอาจรู้สึกรังเกียจกูอยู่ลึกๆ ก็ได้ หรือไม่มึงก็กลัวอะไรสักอย่างที่กูไม่รู้...กูกังวลนะต้น” สีหน้ามันบอกผมแบบนั้นจริงๆ

“กูทำมึงคิดมาก...”

“ก็...ไม่เชิง แค่ไม่มั่นใจในตัวเอง กูทำให้มึงไม่มีความสุข กู...กลัวว่ามึงจะทิ้งกู” มองอ้อนขนาดนี้ เสียงอ่อยหนักมากขนาดนี้...

แม่...ต้นขอโทษ!!!

“ถ้างั้น...มึงจะมาโทษกูทีหลังไม่ได้นะ” ดิวคิ้วขมวด

“ยังไง...?”

“ก็ถ้ากูทำมึงลุกไม่ขึ้นไง” ว่าจบผมจัดการประกบปากจูบดิวอีกครั้ง พร้อมทั้งพลิกให้มันลงไปนอนอยู่ใต้ร่าง

มึงทำให้ความอดทนของกูหมดลงเอง...เวลาแบบนี้มันต้องโทษดิวคนเดียวเลยล่ะ ผมไม่ผิดนะที่มาตบะแตกเพราะมันอ้อนด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดแบบนี้ เอาแค่นอนกอดกันทุกวัน จูบกัดดูดดื่มทุกคืนนี่ก็ยากจะห้ามใจแล้ว นี่มาปูทางทอดยาวให้ขนาดนี้อีก...ทนได้ก็ผมตายด้านแล้วล่ะ!

อีกอย่างที่ไม่เคยบอกหรือพูดเลยคือ...ผมเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งเจลหล่อลื่นและถุงยาง! ผมไม่ได้หื่นขนาดนั้นนะ ก็แค่เตรียมไว้เฉยๆ แบบว่า...เผื่อวันไหนสถานการณ์มันพาไปแบบตอนนี้เนี้ย จะได้ไม่ต้องมาชะงักเพราะว่าไม่มีของเหล่านั้นไงครับ เป็นแค่คนรอบคอบไม่ใช่หื่นนะ

ถึงปากจะป้อนจูบดูดดื่มให้กับดิวไม่ผละจาก แต่มือของผมก็ใช่จะอยู่เฉย ค่อยๆ สอดใส่เข้าไปในเสื้อยืดสำหรับใส่นอนของดิวแล้วลูบไล้ผิวกายอ่อนนุ่ม ปกติผมแทบไม่อยากแตะต้อง ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่กลัวห้ามใจเอาไว้ไม่ไหว ดิวมันเล่นกีฬามากขึ้น ช่วงนี้เลยมีกล้ามเนื้อบ้าง ทว่ามันไม่ได้ลดสัมผัสเนียนนุ่มของผิวมันเลยสักนิดเดียว

“อื้อ...” ผมละริมฝีปากออก ตามเลียหยาดน้ำลายมุมปาก มูมมามไปหน่อยก็เลยเลอะเทอะ แต่เดี๋ยวมันจะยิ่งเลอะมากกว่านี้

“อยากให้แม่ไม่อยู่จัง” ผมกระซิบเสียงเบาข้างหู เจ้าตัวเล็กหน้าแดงซ่าน สองมือโอบรอบลำคอของผมเอาไว้คล้ายจะไม่ยอมให้ผมลุกจากไป

“กูจะไม่เสียงดัง” น้ำเสียงอออดอ้อนไม่ได้สะเทือนใจเท่ากับดวงหน้าที่ยั่วยวน

ผมหันไปทางประตู ปกติเป็นคนที่นอนไม่ล็อกห้อง ทั้งผมแม่และไม้เลยครับ ดังนั้น...ผมต้องลุกไปปิดประตูก่อน เดี๋ยวแม่หรือไม้เปิดเข้ามาเห็นล่ะก็ ตายทั้งคู่ หรือว่าสวรรค์อาจจะล่มก่อนก็เป็นได้ ล็อกห้องเสร็จสรรพผมก็เดินไปหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมเอาไว้ ผมไม่ชักช้ารีบกลับขึ้นเตียงเพราะดิวกำลังนอนรอผมอยู่

“ไม่ค่อยเลยนะ...” มันว่าอายๆ

“จะให้กูบอกว่ากูไม่หวังก็ไม่ได้อะนะ” วางของสองสิ่งนั้นไว้ข้างกาย ผมจับดิวถอดเสื้อออกซึ่งมันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ผมนั่งคร่อมเอวคอดเล็กแต่เทน้ำหนักไปที่เข่าทั้งสอง สายตาจับจ้องเรือนร่างของมันที่เริ่มมีกล้ามเนื้อนิดๆ ไม่มากมายเท่าไหร่ ผิวขาวนวลเนียนแบบนี้เพราะเป็นคนไม่ค่อยออกกำลังกายตอนเด็กล่ะสินะ ผมลูบไล้มันด้วยความเบามือ หัวใจสั่นไหวไม่ใช่น้อย เล่นเอาแทบจะควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่นตามหัวใจไม่ได้ มันตื่นเต้นอยู่ลึกๆ เพราะผมไม่เคยมาก่อน ทั้งยังมีความกังวลว่ามันจะไม่ดีอีก...

ทว่า...สิ่งเหล่านั้นอยู่รองความต้องการของผมไปมากโข

ดิวยื่นมือทั้งสองมาตรงหน้า ผมโน้มร่างให้มันสวมกอดพร้อมจูบที่ริมฝีปากของดิว ความนุ่มนิ่มนี้ชวนหลงใหลเป็นที่สุด ผมชอบที่จะย้ำปากตัวเองลงบนปากเล็กๆ ของมัน ที่ชอบมากกว่าคือลิ้นเล็กๆ แสนซนข้างใน ดิวเป็นคนมีประสบการณ์ และเรื่องแบบนี้มันผ่านมาแล้ว จึงไม่แปลกที่มันจะจูบตอบกลับได้ดีมาก ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแย่หรือเอาความไม่ซิงของดิวมาเป็นอารมณ์

เพราะว่า...คนมีประสบการณ์ร้อนแรงทุกคนครับผม!

ฝ่ามือเล็กคอยลูบไล้แผ่นหลังและต้นคอของผมสลับกันไป ลิ้นเล็กเองก็ผลัดเข้ามาในปากผมบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งผมก็ยินดีที่จะให้ดิวได้เป็นฝ่ายโหมจูบผมอย่างมูมมาม ลิ้นเล็กๆ เข้ามาสำรวจโพรงปากของผมอย่างซุกซน มันว่องไวแว้บไปทางนั้นและทางนี้ สร้างความวาบหวิวให้กับผม แต่ว่า...เราจะอยู่แค่ตรงนี้ไม่ได้ ผมละริมฝีปากออกทั้งที่เสียดาย ไม่เป็นไร ลำคอขาวๆ นี่ก็น่าขบกัดไม่ใช่เล่น...

“อื้อ!” ร่างของคนตัวเล็กผวาสั่นขึ้นมาทันทีที่ผมงับลงไป ร่างกายที่แอ่นเข้าหาผมเนี่ย...ทำเอาผมรู้สึกอยากมากขึ้นเป็นเท่าตัว

ความสนุกหนึ่งของผู้ชายคือการทำให้คนรักดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียวซ่าน ฟังเสียงครางหวานๆ และมองท่าทางเขินอายเหล่านั้น ผมเป็นผู้ชายที่ชอบอะไรแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะสร้างความหวิวไหวให้กับร่างเล็กด้านใต้

ค่อยๆ พรมจูบผ่านลำคอมาที่หน้าอก ผมเงยหน้าสบตากับดิวขณะที่เรียวลิ้นสีแดงสดกำลังยื่นออกไปสัมผัสยอดอกเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อน ดิวหอบหายใจอย่างหนัก มันมองตอบไม่ลดละ เมื่อผมแตะต้องจุดอ่อนไหวช่วงบน ร่างดิวก็สั่นไหวขึ้นมาเบาๆ ดิวรีบเอามือไปปิดปากตัวเอง ทั้งที่อีกมือยังคงอยู่บนหัวของผม

ดูท่าทางมันสิ ดูปฏิกิริยาตอบรับของมัน...น่ารักน่าชังจะตาย ผมฮึกเหิมมากกว่าเดิม ตัดสินใจครอบปากลงไปแล้วดูดจุดเล็กๆ ที่แสนอ่อนไหวนี้ ทั้งยังตวัดลิ้นขึ้นลงเล่นกับมันอีก สนุกปากไหมบอกเลยว่ามาก แต่ที่ยิ่งกว่าคือร่ากายของคนตัวเล็กกำลังบิดไปมาเบาๆ ดิวจิกหัวของผม แผ่นอกแอ่นขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับอยากให้ผมทำมากขึ้นไปอีก ในขณะที่จุดน้อยๆ อีกฝั่งก็โดนนิ้วของผมบดขยี้ จากที่อ่อนโยนและเบามือ มันก็กลายเป็นความรุนแรงขึ้นอีกระดับ

เพราะความหมั่นเขี้ยวนั่นแหละนะ...

“พี่ต้นตื่นยัง!” ทว่าเสียงเรียกของไม้กลับหยุดการกระทำของเราชั่ววินาทีหนึ่ง หัวใจของผมและดิวเต้นแรงมาก ถ้ามันหลุดออกมาจากหน้าอกได้มันคงกะดอนไปทั่วห้องด้วยความตื่นเต้น

ไม่...ผมไม่หยุดหรอก

หลายครั้งแล้วที่ผมเกือบจะร่วงเกินแล้วมีคนเข้ามาขัดจังหวะ ครั้งนี้ผมไม่ยอม ผมดำเนินการต่อด้วยการย้ายริมฝีปากไปยังยอดอกอีกฝั่ง ดิวสะดุ้งเฮือกใหญ่ มันรีบเอามืออีกข้างไปช่วยกันอุดปากตัวเองเอาไว้กันเสียงร้องคราง ดวงตาของดิวเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ มันไม่ใช่ความเศร้าเสียใจผมรู้...แต่มันเป็นความเสียวซ่านต่างหาก

ผมรุกคืบไปที่ดิวน้อยในกางเกงนอน มันตื่นเต็มตาและมีการแข็งค้าง ไอ้ไม้โดนปล่อยเบลอไป ผมไม่ฟังเสียงบ่นของมันที่ว่าผมตื่นสาย แต่กำลังลูบไล้ดิวน้อยด้วยฝ่ามือร้อนๆ ของตัวเอง เสียงหอบหายใจของดิวรุนแรงมากขึ้น พอๆ กับร่างกายที่เกร็งจนสั่นไปหมด...

“ฮึ้ก...อื้อ” ผมเริ่มให้ความสนใจสิ่งอื่นนอกจากยอดอกของมัน จูบซับผิวกายต่ำลงไปยังท้องน้อย ไม่ใช่แค่ประทับริมฝีปากลงไป แต่ยังขบและงับมันเบาๆ อีกด้วย

ดิวเกร็งหน้าท้องของตัวเอง ผิวเนื้อสั่นไหวไปหมด ผมยกยิ้มให้กับความทรมานอันหอมหวานที่ดิวเผชิญอยู่ รู้สึกดีมากที่ได้เป็นฝ่ายมอบความรัญจวนนี้ให้กับมัน เมื่อก่อนทำได้แค่มองเงาแล้วก็วาดฝันไปตามเรื่องตามราว แต่ตอนนี้สิ...นี่สิความเป็นจริงที่ผมได้มันมาอยู่ในมือแล้ว

ผมดึงขอบกางเกงนอนของมันออก เจอซับในสีอ่อนที่มีร่องรอยของหยาดน้ำเป็นจุด ผมไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ที่จะเอาปากตัวเองวางลงบนส่วนปลายผ่านเนื้อผ้าบาง

“อ๊ะ...อื้อต้น...” กลั้นเสียงไม่ไหวเสียแล้ว ผมยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ ขบและงับมันด้วยความสนุกปาก ดิวแทบดิ้นพล่าน มือหนึ่งปิดปากตัวเองไว้ส่วนอีกมือก็จิกที่นอนของเราจนยับยู่

“อ๊ะ..อ๊ะ...ฮื่อ...” ถึงแม้จะพยายามกลั้นเสียงเท่าไหร่ แต่ผมก้เร่งเร้ามันด้วยปากจนมันส่งเสียงออกมาจนได้

มันเพราะ...แล้วก็กระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง ผมหน้ามืดตามัวไปหมด ลึกๆ อยากให้ดิวส่งเสียงครางออกมาให้เต็มที่เพราะผมอยากฟังเสียงของมัน อยากให้มันครางเป็นชื่อผมเยอะๆ แต่แม่กับน้องยังไม่ไป ตอนนี้คงกำลังกินมื้อเช้าอยู่ข้างล่าง ผมจะให้แม่รู้ไม่ได้ ยังไม่อยากหัวแตกหรือโดนแยกห้องนอน

.....100%.....

เอาอีกละ ทิ้งให้เคว้งคว้างกับความลุ้นระทึกอีกละ ฮ่า...น้องโดนแน่ๆ รอบนี้ แต่เราจะอัปต่อในวันพรุ่งนี้ คืนนี้รอวนไปจ้าาาา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
«ตอบ #235 เมื่อ24-09-2017 21:21:11 »

ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
«ตอบ #236 เมื่อ24-09-2017 21:37:18 »

ต้นนนนนนนน ต้องสำเร็จนะคราวนี้ 5555554

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
«ตอบ #237 เมื่อ24-09-2017 22:23:15 »

ลุ้นระทึก

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
«ตอบ #238 เมื่อ25-09-2017 00:39:07 »

จะรู้รึป่าว แม่น่ะ 555

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 34 - 100% [24/09/60]
«ตอบ #239 เมื่อ25-09-2017 00:55:53 »

ค้างงงอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด