>>ตอนที่ 29 [100%]<<
ผมย้ายไปจูบและดูดลำคอของมัน จะว่าหน้าไม่อายที่ทำแบบนี้ก็ได้ ผมก็แค่รู้สึกว่าถ้าเรารักเขาเราก็ต้องทำให้เขามีความสุข เรื่องบนเตียงจะมาเกี่ยงมาอาย เขาก็หนีไปหาคนอื่นหมดสิ เราไม่ใช่ผู้หญิงนะ...เราเป็นผู้ชาย ผมพร้อมที่จะทำให้คนที่ผมรักมีความสุข ถึงแม้มันจะฝืนตัวเองมากไปหน่อยก็ตาม
เสียงพ่นลมหายใจหอบกระเส่าของต้นเป็นตัวผลักดันความเขินอายให้กับผม รับรู้ได้ว่ามันพึงพอใจมาก ผมก็รู้สึกดี...มันทำให้คึกคักและมีความอยากเพิ่มพูนขึ้นไป ถึงจะเป็นฝ่ายเล้าโลมมันก็ตาม ขณะที่ผมเลียลำคอของมันอยู่ ต้นก็หอมกกหูของผมทั้งยังเลียมันจนผมขนลุกไปหมด ปกติผมจะเจอแต่นอนเฉยรอให้ผมปรนเปรอ พอโดนทำทั้งที่เล้าโลมมันอยู่ ผมชักไปต่อไม่เป็น ร่างกายชะงักค้างไปชั่วครู่ ผมฮึ้ดขึ้นมาแล้วพยายามพรมจูบมันจนแทบทั่วลำคอ
“มึงอยากอ่อ...” เสียงต้นสั่นมาก มันดูเหมือนคนกำลังทรมานและอดทนอยู่ แต่คำถามของมันทำให้ผมนิ่ง เงยหน้ามองดวงตาเคลือบความต้องการ ต้นมันมองมาด้วยความเร่าร้อน ผมรู้...ผมเข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอก แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามแบบนี้
“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ” ผมถามมันออกไปตรงๆ ผมไม่ปฏิเสธว่าตอนนี้ก็อยาก แต่มากกว่าที่ตัวเองอยากคือผมอยากให้มันมีความสุข
“ก็...เฮ้อ” ถอนหายใจทำไม ผมกำลังจะถาม แต่ต้นมันดึงร่างผมเข้าไปกอดเสียก่อน
“มึงทำแบบนี้ให้กับทุกคนของมึงใช่ไหม” ทำไมรู้สึกว่ามันมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ในน้ำเสียง ไหนว่าไม่รังเกียจที่ผมเป็นแบบนี้ไง
“มึงรังเกียจใช่ไหม”
“ไม่ใช่ แค่อิจฉา” อ่า...จะอิจฉาทำไมกันล่ะ ก็กำลังจะทำให้อยู่นี่
“เดี๋ยวกู...ทะ...อื้อ” ต้นไม่ปล่อยให้ผมบอกให้จบ มันจูบปิดปากผมก่อนจะลูบหัวแล้วมองหน้า
“ฝืนตัวเองอยู่หรือเปล่าวะ” มึงจะทำให้กูไปไม่เป็นไปถึงไหน คนอื่นไม่เห็นถามแบบนี้เลย แล้ว...ผมต้องตอบว่ายังไง
“กู..”
“อายจนใกล้ตายยัง” เน้ อย่ามารู้ทันคนอื่นได้ปะ ผมมองค้อนไอ้ต้น แต่มันกลับขำผมจนไหล่สั่น
“หน้ามึงแดงไปหมดเลย แดงยันหูยันคอไปแล้วเนี่ย...ตื่นเต้นใช่ปะ” ผมพยักหน้า
“นิดหนึ่ง”
“ไม่นิดมั้ง กูถามตรงๆ ว่ามึงอยากไหม...” ถามตอนนี้ก็ต้องพยักหน้าสิ
“อื้ม...”
“มึงอะทะลึ่ง เป็นเด็กเป็นเล็ก” อ่าว ว่ากูอีก มึงถามกูก็ตอบแท้ๆ
“งั้นไม่อยากแล้ว” ผมพยายามจะดันตัวเองออก
“แม่รู้นะ แม่ต้องฆ่าแน่ๆ อีกอย่าง...กูไม่อยากเหมือนคนอื่นๆ ของมึงวะดิว” ผมมองหน้าต้น มองอย่างไม่เข้าใจ มันไม่เหมือนอยู่แล้วปะเพราะมันคนละคนกัน
“กูไม่อยากเหมือนพวกที่เข้ามาเพื่อฟันแล้วทิ้ง แต่บอกก่อนว่ากูไม่ได้รังเกียจ...กูก็อยาก มากด้วย แต่กูไม่อยากทำเหมือนมึงเป็นสิ่งของอะดิว ไม่อยากให้ความรักของเรามันเริ่มต้นด้วยคำว่าเซ็กเลยอะ มึงเข้าใจกูปะ” พอมันอธิบาย หัวใจของผมมันก็เต้นรัวแรงไปหมด รวมทั้งหัวใจของมันด้วย แววตาที่จริงจังและถ้อยคำที่มั่นคงเหมือนตอกลงมาในสมอง ผมโอบกอดมันแนบแน่น ฝังหน้าลงกับคอของต้นพร้อมกับน้ำตาแห่งความปลื้มใจ
ไม่รู้สิ...ไม่เคยมีใครให้คุณค่ากับผมขนาดนี้มาก่อน ทุกคนต้องตักตวงจากผมสิ...ต้องทำในสิ่งที่ร่างกายต้องการ ผมเชื่อว่าทำแบบนี้แล้วทุกคนจะรัก แต่กับต้นมันไม่ใช่ มันไม่ได้รักผมเพราะเรื่องแบบนี้ มันทำให้ผมรู้ว่า...ผมไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าแลกก็สามารถได้ความรักจากคนอื่นได้ ลึกๆ ผมรู้สึกขอบคุณมัน ใช่ผมอยาก...ผมอยากให้มันมีความสุขและอยากให้มันรักผม หากเราทำกัน...มันต้องรักผม ผมคิดแบบนั้น แต่ไม่ใช่...ต้นคิดต่างออกไป
“กูแคร์มึงนะดิว…” ต้นจูบศีรษะของผมเบาๆ มันทำให้ผมสะอื้น
ไอ้ต้นปลอบผมยกใหญ่ แล้วยิ่งปลอบก็ยิ่งร้องไห้งอแงเป็นเด็กเล็กๆ เสียงสะอื้นของผมคลอไปกับเสียงหัวเราะแกมเอ็นดูของมัน ต้นพยายามเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าให้ก่อนจะจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ดวงตาเย้าหยอกของมันทำให้ผมเขิน ผมหนีหน้าด้วยการกอดมันเอาไว้แน่นๆ แล้วซุกลงกับอก
ใช้เวลาอยู่นานกว่าผมจะหยุดสะอื้นได้ หน้าอกไอ้ต้นมันชุ่มน้ำตาผมไปหมด ผมอายมันเหมือนกันที่ต้องดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาต่อหน้ามันแบบนี้ ทั้งที่ผ่านมาก็ทำเป็นกล้าแกร่งมาตลอด ต้นไม่ได้หยอดคำแซ็วอะไรให้ผมอาย มันจับผมนอนบนเตียงดีๆ เช็ดคราบน้ำตาให้สะอาดแล้วขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ก่อนไปยังมีหน้าจูบหน้าผากผมอีก
จะทำให้ใจหวิวไปถึงไหนนะ...
คิดแล้วก็เขินขึ้นมาดื้อๆ ผมดึงผ้าห่มที่มีแต่กลิ่นตัวของมันมาห่ม คลุมปิดหน้าไปเลยเพื่อซ่อนหน้าแดงๆ ของตัวเองจากอะไรก็ไม่รู้ ต้นมันต้องออกไปอาบน้ำข้างนอก ห้องมันกับห้องของไม้ไม่มีห้องน้ำในตัว มีแค่ห้องใหญ่ของแม่ เห็นว่าหยิบไปแต่ผ้าขนหนู เอ...งั้นผมเตรียมชุดให้มันดีไหมถ้าทำให้แล้วมันจะชอบหรือเปล่า ต้องชอบสิเนอะ...ผมเอาใจขนาดนี้มันต้องชอบแน่ๆ เพราะถ้ามีคนทำให้ผมแบบนี้บ้าง ผมคงรู้สึกดีมากเลย
ผมลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้า ขนาดของมันไม่ใหญ่มากนักและลิ้นชักสองชั้นด้านล่าง ผมเปิดดูก็พบกับพวกบ็อกเซอร์และกางเกงในของผู้ชาย แบ่งเป็นชั้นบนบ็อกเซอร์และข้างล่างเป็นกางเกงใน พับเก็บระเบียบขัดกับนิสัยมันมาก ผมมองสำรวจ ชั่งใจอยู่ว่าผมจะเตรียมอันนี้ให้มันดีไหม อ่า...มันก็ชวนเขินอยู่นะ มันชอบใส่แบบไหนผมก็ไม่รู้ งั้นส่วนนี้เอาไว้ก่อน ดูเสื้อผ้าอย่างอื่นก่อนก็แล้วกัน
แล้ว...วันนี้ต้นจะไปไหนหรือเปล่า? ผมค้นๆ ตู้ของมันพลางคิดว่ามันน่าจะมีอะไรต้องไปทำไหม ถ้ามีก็ใส่ชุดลำลองธรรมดาไม่ได้ งั้นเอาเป็นอะไรที่มันดูออกนอกบ้านได้ด้วยก็แล้วกันเนอะ ผมหยิบเอากางเกงยีนส์ขาสั้นประมาณเข่าออกมา แล้วก็เสื้อยืดสีดำมีลายเสือใส่มงกุฎออกมาวางไว้ที่เก้าอี้โต๊ะคอมพ์ เตรียมตรงนี้แล้วยังมีชุดชั้นในมันอีกไง...อ่า เอาแค่กางเกงในก็พอมั้ง กางเกงขาสั้นมันเป็นแบบขาเดฟอะ ผมว่าใส่บ็อกเซอร์ต้องอึดอัดแน่ๆ ผมเลยหยิบเอาชั้นในสีดำมาวางไว้ด้านบนสุด
เขินมาก! ตอนนี้อาการร้อนลามไปทั่วหน้า ผมจะมองหน้าไอ้ต้นยังไงนะ...มันจะล้อผมไหม ถ้าสั่งไม่ให้มันล้อ มันจะทำใช่ปะ ผมเป็นแฟนมันนะ มันต้องไม่แกล้งผมสิเนอะๆ ผมหนีขึ้นไปนอนรอมันบนเตียง ห่มผ้าแทบมิดคอ เฝ้ารอมันเข้ามาด้วยหัวใจที่ระทึกโคตรๆ
“วันนี้มึงอยากไปไหนปะดิว” ต้นเดินเช็ดหัวเข้ามาในห้อง ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างใส่ผ้าขนหนูพันอวเอาไว้ มันเช็ดตัวมาแล้วด้วยก็เลยไม่ค่อยมีน้ำเกาะตามร่างกายเท่าไหร่ ต้นมองผมแล้วเบนสายตาไปที่ตู้เสื้อผ้า มันสะดุดกับชุดที่วางเอาไว้ให้ เจ้าตัวมองผมอีกทียิ้มๆ
“อย่าล้อนะ ถ้าล้อกูจะงอน” ผมรีบพูดดัก หน้าแดงก่ำไปหมด เคยทำแบบนี้ให้คนอื่น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ตื่นเต้นหมดอะครับ
“โอเค ไม่ล้อก็ได้...ขอบใจนะ” มันเดินเข้ามาหอมแก้มผมก่อนจะไปแต่งตัว
จะว่าผมทะลึ่งก็ได้นะ แต่ผมนอนมองดูไอ้ต้นมันแต่งตัว มันไม่ได้หันหน้ามาอะ หันหลังให้ ต้นหยิบชุดเหล่านั้นขึ้นมาดูก่อนว่าผมเตรียมอะไรให้มัน ไม่เห็นสีหน้าหรอกว่าโอเคกับชุดที่ผมเตรียมไว้มากแค่ไหน แน่นอนว่าคนเราแต่งตัวก็ต้องใส่กางเกงในก่อน ผมอายมากนะ...แต่ก็มองอยู่อย่างนั้นแหละ
นี่เป็นอะไรไปเนี่ย ทำบ้าอะไรของเรานะ ใช่เรื่องที่ต้องมาส่องแฟนตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้าปะวะ ดูไปใจก็ระทึกไป ผมกลัวต้นมันหันมาเห็นว่าผมแอบดูมันอยู่ แล้วมันใส่กางเกงในเสร็จมันก็ทิ้งผ้าขนหนูลงไปเลยอย่างนั้นอะ ตายๆ...กางเกงในมันต้องรัดอยู่แล้วอะเนอะ รูปร่างมันดีชะมัดเลย เห็นแค่ข้างหลังนะเนี่ย ต้นผิวไม่ดำมาก ไม่เรียกว่าขาวเพราะต้นเป็นคนผิวคล้ำอมเหลือง เออ...ไม่ค่อยเห็นมันออกกำลังกาย ทำไมมันดูเฟิร์มจังเลย
“เฮ้....แอบดูเหรอ” ผมแทบสะดุ้ง ไอ้ต้นมันใส่เสื้อเสร็จก็เล่นหันมาส่งเสียงดังใส่
“ปะ..เปล่า” ต้นเดินเข้ามานั่ง โน้มหน้าจนเกือบจมูกเกือบชิดกัน
“เห็นอยู่ว่ามองอะ” อย่ามาทำหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นใส่กันนะ ตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย
“ก็...ก็แค่สงสัย ไม่เห็นออกกำลังกายแล้วทำไมหุ่นดีจัง” เอาวะ ทางนี้รอดได้บ้างแหละดิว ไอ้ต้นได้ฟังแล้วก็ทิ้งตัวนอนหนุนท้องของผม
“ใครบอกไม่ออกกำลังกาย ว่างๆ กูชอบไปว่ายน้ำนะ...สนใจไปว่ายน้ำกับกูไหมละ”
“ตอนนี้อะเหรอ”
“เปล่า ไม่ต้องเป็นตอนนี้ก็ได้ เพราะตอนนี้อะกูหิวมากเลย”
“ฮ่าๆ...น่าหิวอยู่หรอก กี่โมงกี่ยามแล้ว ไป ลงไปกินข้าวก่อน” ผมดันไอ้ต้นขึ้นจากท้องตัวเอง มันกลับพลิกนอนคว่ำเพื่อจะได้จูบปากผม ไอ้นี่...พอจะทำกันก็ไม่ยอมทำ แต่ก็ดันตอดเล็กตอดน้อยตลอด
ไอ้ต้นไม่จูบรุนแรงดูดดื่มอะไร มันแค่จุ้บเบาๆ เท่านั้น เราลงมาข้างล่าง ผมอาสาอุ่นอาหารให้ ปล่อยมันนั่งเล่นมือถือรอไปก่อน ผมไม่ได้กินข้าวกับมันเพราะยังอิ่มอยู่ แค่นั่งอยู่เป็นเพื่อน รอเก็บโต๊ะหรือช่วยหยิบน้ำ
“รู้สึกแปลกๆ วะ..” อ่าว รู้สึกแปลกอะไรของมันอีกล่ะ?
“ยังไงวะ”
“ก็รู้สึกแปลกที่มึงมานั่งรอกูแบบนี้” ไอ้ต้นมันเกาท้ายทอย เสตามองไปทางอื่นเล็กน้อย
“นี่เขิน?”
“กูเขินไม่ได้?” ฮ่าๆ ตลกจัง คนอย่ามันเขินเป็นด้วยเหรอ
“เปล่านี่ ดีแล้ว...ทำกูเขินบ่อย ให้ทำมึงเขินบ้างก็แฟร์ดี” จริงไหมล่ะ ไอ้ต้นขำ
“อืมๆ ตามใจมึงเหอะ” แล้วมันก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว
ต้นกินเร็วมาก เหมือนรีบไปไหนทั้งที่ก็ไม่ได้มีธุระอะไร ผมเก็บจานมันไปล้างและเอากับข้าวเก็บเข้าตู้เย็น แต่มันก็จะเก้ๆ กังๆ ไปหน่อย เพราะต้นยืนมองอยู่ไม่ยอมไปไหน เอาแต่อมยิ้มอะไรคนเดียวอยู่ได้
“หาไรดูกัน...” พอผมทำทุกอย่างเสร็จ ต้นก็จับมือผมพาไปนั่งเล่นที่โซฟากลางห้องโถง จะให้นั่งดีๆ ก็ไม่ได้ด้วยนะ ต้องนั่งตัก...พื้นที่มีน้อยนักหรือไง
“ทำไมต้องให้นั่งตัก”
“อยากนั่งกอด” ง่ายๆ เอาแต่ใจชะมัด
“แล้วจะต้องนั่งกอดกันดูหนังไปทั้งวันเลยหรือไง ไม่มีอะไรอย่างอื่นทำเหรอ อย่างปกติมึงอยู่บ้านมึงทำอะไร” ต้นละความสนใจจากการดูรายการหนังมาที่หน้าผม
“วันหยุดปกติจะเอาแต่นอน กินและเล่นเกม...” นี่คือวิถีชีวิตคนหล่อเหรอ?
“เอาจริงดิ”
“จริง มึงล่ะ วันหยุดมึงทำอะไร...” โดนถามกลับบ้างผมชักไม่อยากตอบ
“มึงไม่ค่อยอยู่บ้านวันหยุด ยกเว้นว่าแฟนมาหาที่บ้าน”
“รู้ดีขนาดนี้ นั่งเฝ้ากันตลอดหรือไง” เงยหน้ามองมัน ต้นเอาคางเกยไหล่แล้วพยักหน้า
“ก็ดูมึงจากหน้าต่างที่ห้อง” นั่นสินะ ก็ห้องเราอยู่ตรงข้ามกันพอดีเลยนี่นา
“อืม ไม่อยู่บ้านกับแฟนก็ไปเที่ยวกับเพื่อนในห้อง พวกนั้นชอบไปเดินเล่นที่ห้าง ซื้อของหรือไม่ก็โยนโบล” แหล่งวัยรุ่นเขาเที่ยวกัน ผมไม่อยากบอกด้วยว่าที่ๆ เพื่อนผมพาไปมักจะต้องนัดผู้ชายไปหาอยู่บ่อยๆ ผมไม่ได้ชอบนักหรอก แต่ไม่มีอะไรจะทำ อยู่บ้านคนเดียวผมเหงาจะตาย
“อ่อ ดูเป็นวันที่เปลืองเงินนะ กูอยู่แต่บ้านมึงจะเบื่อกูไหมเนี่ย” ต้นเอียงหน้านิดหน่อยเพื่อจ้องดูผมได้เต็มตาทั้งที่ยังวางคางไว้บนไหล่ผม
“ไม่รู้ดิ ก็ถ้าไม่ทำให้กูเหงากูก็ไม่เบื่อละมั้ง” จะพูดว่าไม่เบื่อไปตรงๆ ก็เขินๆ เลยเอาแบบนี้แหละ แถใส่บ้าง ไม่เป็นภาระต่อการเต้นของหัวใจเท่าไหร่
“งี้ต้องชวนมึงเล่นเกม” ไม่พูดเปล่า ต้นมันให้ผมไปเอาโทรศัพท์มาอีกต่างหาก
“เออกูว่าจะถามตั้งนานแล้ว มือถือมึงหน้าจอแตกได้ไง...แล้วทำไมเอาเครื่องหน้าจอดีมาให้กู” ผมหยิบมือถือเดินกลับมานั่งตักมันเหมือนเดิม ไม่นั่งหันไปทิ้ศทางเดียวกันแต่กลับนั่งคร่อมตักมัน ต้นตกใจ แต่ก็กอดเอวผมเอาไว้
“เออหน่า ไม่ต้องสนใจหรอก...”
“ไม่ตอบกูปล้ำนะ” นี่มุกบ้าอะไรของผมวะเนี่ย
“ฮ่าๆ กูกลัวแล้ว อย่าทำกูนะ หน้าจอแตกตอนโอมมันกระทืบแหละ แต่ที่ไม่เปลี่ยนเพราะมันยังใช้ได้ เลยเอาเครื่องดีให้มึงไป กูไม่เดือดร้อน โอ้ย!” ด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมเอาหัวโหม่งหัวแม่งซะเลย ต้นกุมหน้าผากตัวเองที่โดนกระแทกไปเต็มๆ
“เสียสละไม่ใช่เรื่อง”
“อ่าว ต้องขอบคุณกูสิ เชิดชูความเสียสละของกู ไม่ใช่ทำร้ายกูแบบนี้” ต้นว่ากลับเสียงเครียด คิ้วนี่ขมวดมุ่นเป็นปมไปล่ะ
“จะไม่ขอบคุณตรงปากมึงเนี่ยแหละ” พูดจากวนส้นชะมัด
“งั้นลงโทษกูสิ” อะไร...ทำจู่ๆ มาทำหน้าเจ้าเล่แบบนั้น
“ลงโทษอะไรมึง?”
“ก็...ตบปากกูด้วยปากมึงไง” แหวะ เลี่ยน...เลี่ยนมาก!
แต่ก็...เขินอะ
.....100%.....
หวา...ตัวเองอย่าทะเลาะกันน้า เราเข้าใจทั้งสองฝ่ายจ้า ขอบคุณที่ออกโรงปกป้องเรานิสสสนุง แฮ่ๆ แต่ไม่ต้องห่วงน้า อัปช้าเป็นเพราะเราติดงานเองจ้า วันอาทิตย์เราก็ไม่อัปนิยายด้วยแหละ ส่วนคอมเมนต์ตินั้นถามว่านอยไหม ก็มีบ้างจ้า แต่ต้องยอมรับเพราะมันก็มีส่วนที่ถูกอยู่ในนั้นเนาะ เราไม่กล้าบอกหรอกว่าอย่าติงานเรานะ อย่าว่างานเรานะ แบบนี้...ทุกคนมีสิทธิ์คิดต่างเนอะ แต่ก็ขอบคุณจริงๆ ที่เป็นห่วงความรู้สึกเรานะคะ ขอบคุณมากๆ เลย