>>ตอนที่ 26 [100%]<<
ผมร้องไห้งอแงเป็นเด็กอยู่กับต้นจนหลับไป ตื่นมาอีกตัวเองก็นอนอยู่บนเตียงของมัน แต่ตัวเจ้าของกลับไม่อยู่ข้างกายผมอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ว่ามันทำงานยังไม่เสร็จหรอกนะ ผมไปกวนเวลาทำรายงานของมันเสียด้วย
ผมรีบลุกจากเตียง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเพื่อลงไปข้างล่าง สภาพห้องโถงยังเละเทะเหมือนเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด เพื่อนของต้นหลับเป็นตายอยู่ตรงโซฟาและพื้นบ้าน ส่วนต้นมันฝุ่บหน้าหลับอยู่กับโต๊ะเล็กหน้าโซฟา
“อ่าวน้องดิว น้ากำลังสงสัยเลยว่าหนูหายไปไหน...ตื่นมานานหรือยังล่ะลูก” คุณน้าลีลาเดินลงมา เธอลูบหัวจัดทรงผมให้
“เอ่อ...สักพักแล้วฮะ” จะพูดว่าลงมาหาต้นเมื่อคืนก็แปลกประหลาดปาก จะบอกว่าไปนอนห้องไอ้ต้นมาก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เลย
“อ่อ ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะจ้ะ อ้อ น้าวานปลุกเจ้าไม้ให้น้าหน่อยนะ” ผมพยักหน้ารับคำอย่างง่ายดาย
ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จ ผมบุกเข้าห้องของไม้ มันไม่ได้ล็อก เหมือนพี่ชายมันเด๊ะเลย เวลานอนชอบไม่ล็อกห้องกัน แต่จะว่าไปคุณน้าลีลาเองก็ไม่ล็อกห้องนอนนะ ไม้ยังหลับอุตุอยู่บนที่นอน นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงครึ่งเอง แถมยังเป็นวันเสาร์ด้วย ปกติผมต้องตื่นสายมาก ตื่นมาก็หาข้าวใส่ท้องเลย
ผมปลุกไม้แค่สองสามครั้ง มันตื่นไม่ยากแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะนอนต่อ เจ้าตัวตาสว่างโร่อย่างไว คนบ้านนี้ตื่นเช้ากันจนเป็นนิสัยสินะ ไม้ลุกขึ้นมานั่งงัวเงียอยู่บนเตียงก่อน หัวฟูเป็นรังนกเหมือนผมเมื่อกี้นี้เลย
“นั่นคอมึงไปโดนอะไรมา..” ไม้ชี้มาที่คอของผม ซึ่งผมก็ค่อนข้างแปลกใจกับคำถาม ผมส่ายหัว
“ไม่หนิ...ทำไม”
“มีรอยแดง ชัดเชียว...พี่ทำเหรอ” ไม้ยิ้มเย้า ผมหน้าร้อนวูบขึ้นมา ไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าไอ้ต้นมันทำรอยบนคอด้วย ก็หลังจากร้องไห้งอแงอยู่แบบนั้น มันก็แค่กอดผมเอาไว้ เราไม่ได้สานต่อเรื่องอย่างว่ากันเสียหน่อย
“เอ่อ...”
“พี่แกล้งหรือคบกันแล้วล่ะ” ทำไมไม้พูดเหมือนเรื่องธรรมดานักล่ะ แถมยังดูสนอกสนใจมากอีกด้วย
“ก็....คบกันแล้ว” ยอมรับออกไปตรงๆ ยังไงนั่นก็พี่ชายมันนี่ ถึงผมไม่พูด ไอ้ต้นต้องพูดแน่ๆ ไม้ได้ฟังแล้วยิ้มกว้าง.
“วันนี้เป็นวันดี ฉลองกันเย้!” เอิ่มไม้ ดูสภาพพี่มึงแล้วมึงจะฉลองไม่ออก
ไม้มันรีบคว้าผ้าขนหนูเดินออกจากห้อง มุ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วอย่างกับรีบไปเรียน อีกอย่างนี่ผมคบกับต้นเอง ไม่ได้กำลังจะแต่งงานกัน จะดีใจอะไรขนาดนั้น แล้วผมเองก็พลอยใจเต้นแรงไปด้วย ตื่นเต้นอะไรกันเรา...ไม่ใช่ป๊อปปี้เลิฟเสียหน่อยนะ
“พี่กับดิวคบกันแล้วแม่!!!” เฮ้ย...ตะโกนอย่างนี้เลยเร้อะ!
ผมสะดุ้งโหยง ได้ข่าวว่ามันไปอาบน้ำ แล้วไหงมาตะโกนบอกคุณน้าแบบนี้เล่า พวกต้นเองก็นอนอยู่ข้างล่าง ตื่นกันหมดแล้วไหมเนี่ย ตายๆ ผมจะทำยังไงดี...ลงไปมองหน้าใครไม่ติดแน่เลยกู แค่ไอ้ต้นคนเดียวก็เขินแย่ล่ะ...ร้องไห้เป็นเด็กน้อยเลยด้วยเมื่อคืนนี้อะ
ไม้อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ลากผมลงไปข้างล่าง พี่ชายมันและเพื่อนยังหลับเป็นตายอยู่ที่เดิม คุณน้าทำได้แค่ยิ้มบางๆ เวลามองพวกนั้น จะปลุกก็ไม่กล้า เล่นทำงานกันมาทั้งคืนคงเพลียกันเป็นธรรมดา แต่ว่านั่นยิ่งทำให้ผมกลายเป็นเป้าสนใจของไม้และคุณน้าลีลา
ก็...ไม่เชิงโดนสอบสวนหรอก แต่ก็โดนถามถึงเรื่องที่ผมกับไอ้ต้นคบกัน ผมเล่าข้ามๆ นะ ไม่เล่าหมดทุกอย่าง น่าอายไปหน่อยทำใจไม่ได้ คุณน้าและไม้ยิ้มกันตลอด ราวกับมันมีความสุขมากเลยอย่างนั้นแหละ ผมเองก็พลอยยิ้มไปด้วย ก็แล้วจะให้ผมทำหน้าบึ้งหรือยังละครับ...มันเป็นสถานการณ์บังคับน่ะ
“เราไม่ปลุกแบบนี้จะดีเหรอแม่ เดี๋ยวพี่หิวนา...” หลังเรากินข้าวกันเสร็จ ไม้ก็เดินเข้าไปมองหน้าพี่มันใกล้ๆ ผมเองก็เป็นห่วง แต่ไม่กล้าปลุกเหมือนกัน
“ปล่อยพี่เรานอนไปเถอะ แม่ดูแผนรายงานแล้วยุ่งยากอยู่ ดีไม่ดียังไม่เสร็จด้วยนะ” คุณน้าลีลากอดอก มองสภาพลูกชายตัวเอง
“งั้นเดี๋ยววันนี้ไม้ไปช่วยงานแม่แทนพี่ที่ร้านนะครับ” ไม้กอดเอวแม่ตัวเอง
“ก็ดีนะ...ใช้งานเราได้บ้าง”
“ผมไปด้วยสิฮะ” ผมรีบทักท้วง อยากไปช่วยคุณน้าเหมือนกัน
“ไมต้องหรอก หนูดิวอยู่ดีดูแลเจ้าต้นดีกว่า เกิดทำงานโหมมากไปจะแย่เอา หนูก็ห้ามๆ เจ้าต้นหน่อยนะ” คุณน้าลูบหัว พูดเหมือนฝากฝังแบบนี้กดดันเหมือนกัน
“ก็ได้ครับ เอ่อ...แล้วปกติถ้าเป็นแบบนี้ใครดูไอ้ต้นล่ะฮะ” ผมว่ามันต้องไม่ได้หมดสภาพแบบนี้ครั้งแรกแน่นอน
“ก็เราไง ปกติเราดูพี่อะ” อ่อ เป็นไม้นี่เองที่คอยห้ามพี่ชายตัวเอง
ก็ตามนั้นเลยครับ ไม้ไปทำงานที่ร้านกับคุณน้า ส่วนผมอยู่ดูแลต้นที่บ้านแทนไม้ ก่อนไปไม้มีแซวๆ ด้วยว่าต่อจากนี้พี่จะมีคนอื่นดูแลเสียที ลำบากมันมาตั้งนาน โถเพื่อน...ดูแลต้นคงไม่ยากเท่าไหร่มั้ง เห็นมาตั้งแต่เด็ก มันก็เป็นคนง่ายๆ ไม่มีอะไรเยอะ ไม่จุกจิกแต่คงบ้างานไปหน่อย ดูจากสภาพมันตอนนี้สิ หลับแล้วเสื้อก็ไม่ใส่ ผมเดินเข้าไปนั่งข้าง จับมันมานอนหนุนตักตัวเองจะได้ไม่เมื่อยคอ
“อื้ม...” หวา นี่ทำเบามือที่สุดแล้วนะ ต้นดันรู้สึกตัวปรือตาขึ้นมอง
“กูทำมึงตื่นเหรอ...”
“เปลี่ยนคำเรียกดีมะ” ช่วยไปเรื่องเดียวกันที
“เปลี่ยนอะไรอ่า...”
“เปลี่ยนเป็นเรียกพี่ต้นแทนไงครับน้องดิว” หน้าร้อนไม่พอ รู้สึกขนลุกด้วย ไม่ชินกับคำพูดแบบนี้ของมันเลย ถึงจะไม่หวานหรือออดอ้อนเท่าแฟนเก่า แต่แบบ...มันก็หวานสำหรับต้นอะ
“ถ้าบอกว่าไม่...”
“งอนได้ปะละ” ดูหน้าเจ้าตัวสิ งอนได้น่าหมั่นเขี้ยวที่สุด
“ไม่ง้อนะถ้างอน”
“เออ ไม่งอน..ไม่เปลี่ยน ตามนั้น” แล้วต้นก็หลับตานอนต่อ หลับหนีกันง่ายๆ แบบนี้เรียกไม่งอนใช่ไหมครับเนี่ย
ผมไม่คิดจะปลุกมันขึ้นมาเถียงกันต่อ ปล่อยให้มันนอนหนุนตักอยู่อย่างนั้น ส่วนผมขยับเอาคอมพ์มันมาดู มีใบรายงานที่ถูกเขียนแผนผังไว้จำนวนหนึ่ง กับอีกกองหนึ่งที่อยู่ทางขวามือ ผมลองอ่านร่าวๆ กองขวามือนี่พิมพ์เสร็จแล้ว แต่กองซ้ายคือที่ยังไม่ได้พิมพ์ แถมไอ้ที่พิมพ์ไปนี่ก็ถูกบ้างผิดบ้าง คำตกคำหายมั่วไปหมด ทำงานจนตาลายไปแล้วหรือไง
ผมค่อยๆ ไล่แก้งานให้ต้นระหว่างที่มันหลับ ไหนๆ ก็ว่าง ไม่รู้จะทำอะไรก็ทำงานให้มันนี่แหละ ตื่นมาจะได้มีเวลาพักไปอีกสักหน่อย รู้สึกว่ามันดูยุ่งยากกว่าตอนทำให้แฟนเก่าเยอะเลย แฟนเก่าผมอยู่ปีหนึ่ง งานเลยมันเลยไม่วุ่นวายขนาดนี้ละมั้งเนอะ
ทำอยู่สี่ชั่วโมงกว่าๆ งานกองฝั่งซ้ายของมันก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ผมกดเซฟงาน คนตัวผอมๆ ที่นอนบนโซฟาก็สลึมสลือตื่น เขาแตะคนตัวอ้วนที่นอนข้างล่างก่อนเป็นอันแรก แทนที่จะลืมตามองสภาพเพื่อนๆ
“อืม...กูจะนอน” เสียงทุ้มใหญ่ของคนตัวอ้วนดังงึมงำ
“ตื่นเว้ย กูหิว” ถ้าไม่หิวพี่จะไม่ตื่นใช่ไหมครับ
“อืม...” ไอ้ต้นพลิกตัว เอาหน้าเข้าหน้าท้องผมหนีเสียงรบกวน
“อ่า...อรุณสวัสดิ์ครับน้องดิว” คนตัวผอมลืมตาแล้ว เขาลุกนั่งก่อนกล่าวทักทาย ผมส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ครับ อรุณสวัสดิ์ตอนเที่ยงครับพี่”
“ฮะ เที่ยงแล้วเหรอ...ตายๆ มิน่าหิวจัง” ตัวผอมๆ แบบพี่ไม่น่าบ่นหิวเป็นคำแรกเลยครับ ไม่เหมาะเลย
“มีข้าวกับข้าวอยู่ในตู้ฮะ พี่เอาไปอุ่นแล้วกินก่อนเลย” คือผมลุกไม่ได้ ไอ้ต้นนอนหนุนตักอยู่ พี่คนนั้นชะโงกมองร่างเพื่อนตัวเองก่อนจะพยักหน้า
“โอเค ขอบคุณมาก” เขาลุกเดินไปเข้าห้องน้ำก่อน น่าจะล้างหน้าล่าตาให้เสร็จแล้วถึงไปกินข้าวละมั้ง
ผมนั่งลูบหัวคนนอนหลับบนตักตัวเองฆ่าเวลา อยากปลุกก็อยากปลุก แต่ก็ไม่อยากรบกวนเท่าไหร่ มันน่าจะไม่ได้นอนเลยแทบทั้งคืน ผมชดใช้เรื่องลงมากวนด้วยการพิมพ์งานให้เรียบร้อยแล้วมันไม่น่างอนผมแน่นอน
กลิ่นอาหารที่ถูกอุ่นด้วยไมโครเวฟ ปลุกคนตัวอ้วนได้ดีมาก เขาค่อยๆ ลุก ไม่ได้มองมาทางผมแต่มองไปทางกลิ่นอาหาร แล้วสัญชาตญาณก็พาร่างใหญ่นั้นไปที่โซนครัว ไอ้ต้นเองก็ขยับตัวแล้วเหมือนกัน มันพลิกนอนหงายดีๆ ทำจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่น นี่เป็นหมาจริงๆ เหรอไงครับ
“ตื่นได้ยัง ไปกินข้าวก่อนค่อยมานอนก็ได้นะ” ผมบอกแม้อีกฝ่ายจะยังไม่ลืมตาขึ้นมา
“กี่โมงแล้ว”
“เที่ยงแล้ว”
“กูนอนตักมึงตลอดเลยปะ ปวดขาไหมเนี่ย...” ต้นลืมตาขึ้นมาสบตาผม
“ปวดสิ แต่ไม่เป็นไร เออ...พิมพ์งานให้แล้วนะ เสร็จเรียบร้อย ตรวจทานให้แล้วด้วย” ผมเสนอผมงานตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“โห แฟนใครเนี่ยเก่งชะมัดเลย” หืม...ทำมาปากหวาน
“ไม่ต้องมาหยอด ลุกไปกินข้าวกับเพื่อนเถอะ”
“มึงไม่กินเหรอ ไปกินกับกูดิ เที่ยงแล้วเนี่ย”
“ได้ ลุกสิ” แทนที่มันจะลุก มันกลับพลิกตัวกอดเอวของผมเสียแน่น
เกือบจะหงายหลังลงไปนอนทับกันบนพื้นบ้านอยู่แล้ว ดีที่เพื่อนของไอ้ต้นมันส่งเสียงแซวพวกเราเสียก่อน ไอ้ต้นก็เลยปล่อยผมแล้วเดินไปตบหัวเพื่อนร่างยักษ์ของมันเสียงดังลั่นบ้าน ผมก็อยากจะขำนะ แต่กลัวว่าขำไปแล้วจะกลายเป็นศพ พี่คนนั้นกระโดดทับผมทีเดียวผมคงไส้แตกแน่นอน
ผมมารู้ชื่อพวกเขาจริงๆ ก็ตอนที่ไอ้ต้นมันแนะนำ คนผอมชื่อฝุ่นและคนอ้วนชื่อพิกที่แปลว่าหมู พี่ฝุ่นบอกให้ผมเรียกพี่พิกว่าพี่หมูได้เลยมันไม่โกรธ แต่สายตาที่พี่พิกมองพี่ฝุ่นนี่คือ...พร้อมจะจับพี่ฝุ่นเชือดแล้วอะ กินเมื้อเที่ยงกันเสร็จ ผมอาสาล้างจานชามและเก็บโต๊ะให้ เผื่อพวกเขาจะไปทำรายงานกันต่อ ไอ้ต้นมันขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ส่วนเพื่อนเขาทั้งสองคนก็อยู่กันชุดเดิม เน่ากันไปข้างละวันนี้
ผมเลือกจะตามไอ้ต้นขึ้นไปข้างบน มีคำถามอยากจะถาม ไม่กล้าถามต่อหน้าคนอื่นอับอายเขาน่ะ มาถึง ไอ้ต้นมันก็อยู่ในห้องน้ำแล้ว ผมนั่งลงมันบนเตียงพลางสำรวจห้องของมันไปด้วย เมื่อเช้าผมรีบลงไปดูมันก็เลยไม่ได้สำรวจห้องนี้เท่าไหร่ ห้องของต้นไม่กว้างมากนัก มีตู้เสื้อผ้าขนาดกลางๆ กับเตียงนอนสองคนทั้งที่มันนอนคนเดียว แล้วก็โต๊ะคอมพ์สำหรับมันนั่งทำงาน พื้นที่ให้เดินมีไม่มาก เหมือนห้องผมนั่นแหละ หมู่บ้านเดียวกันก็เป็นแบบนี้แทบทุกหลัง
“อ่าว...มานอนอ่อยอยู่นี่ได้ไง” แค่เอนหลังรอเองเหอะ ไอ้ต้นใส่แค่ผ้าขนหนูพันเอวเข้ามาในห้อง
“มึงทำรอยบนคอกูทำไม” นี่แหละที่จะถาม ผมลุกขึ้นนั่งพลางมองหน้ามัน
“ทำสัญลักษณ์เอาไว้ไง ว่านี่...ของกู” เอ่อ...มันไม่มีอย่างอื่นที่เป็นตัวบ่งชี้แล้วหรือไงนะ
“อย่างอื่นก็ได้เหอะ” รู้สึกเก้ออีกแล้วเรา
“อย่างอื่น? อะไรวะ...นั่นมันตีสามได้ละมั้งมึง จะให้กูไปหาแหวนจากพงหญ้าหน้าบ้านหรือไง” ไอ้ต้นเดินเข้ามาผลักหัวเบาๆ ผมสวนกลับทันทีจนหลังมันเป็นรอยแดง
“หายกัน..” เป็นรอยเหมือนกันแล้วไง แค่ของมันเป็นรอยตี แต่ผมนี่เป็นรอยดูดคอ คุ้มไหมเนี่ย...
“เล่นแบบนี้เหรอ”
“ใครเล่น...กูไม่ได้เล่นเลยน้า” อย่าจ้องกันด้วยสายตาแบบนั้น หวั่นใจนะเนี่ย
ต้นย่างสามขุมเข้ามาใกล้ เสื้อผ้าก็ยังไม่ใส่แบบนี้ล่อแหลมสุดๆ ผมกระถดตัวหนีมันไปจนติดหัวเตียง ไม่มีทางไปต่อแล้ว ไอ้ต้นคลานมาคร่อมผมเอาไว้ก่อนจะประกบปากลงมาที่ปากของผม ไม่ได้นุ่มนวลแต่ก็ไม่รุนแรงจนน่ากลัว ผมตกใจนิดหน่อย ตั้งตัวไม่ค่อยจะทัน ไอ้ต้นมันดึงขา ลากผมให้ไปนอนอยู่ใต้ร่างของมัน มือที่ว่างจากการค้ำยันตัวเองถูกสอดเข้ามาในเสื้อยืดสีขาว มือต้นเย็นมาก...มันเล่นเอาผมขนลุกไปหมด
“อ๊ะ...อื้ม” เรียวนิ้วเย็นเฉียบสัมผัสเข้ากับยอดอก ผมถึงกับแอ่นร่างตอบสนองมันไปอย่างลืมตัว ไอ้ต้นยกยิ้มพอใจ ทั้งที่มันยังคงตะโบมจูบริมฝีปากของผมเหมือนหิว ผมเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของมัน จากตอนแรกที่หวาดๆ ตั้งตัวไม่ทัน ตอนนี้ผมเลือกจะคล้องแขนกับคอของมันเอาไว้ แล้วตอบสนองจูบที่เร่าร้อนนี้อย่างเต็มใจ
.....100%....
เฮ้ๆ นี่จะลากเข้าฉาก...ตั้มมมมม ปะเนี่ย น้องดิวเราก็ไม่ย่อยนะ เรื่องแบบนี้ดิวจะสู้ไม่ถอย พอดี...ไม่ใช่สายใส น่อว