>>ตอนที่ 3 [100%]<<
“อ่าวดิว...” ไม้ยกมือโบกทักมาย ถึงอยู่กันคนละกลุ่ม แต่ก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ดิวโบกมือตอบ กวักเรียกอีกต่างหาก
“ไงไม้ นี่ไม้เพื่อนสนิทดิว ส่วนนี่พี่โอม แฟนเรา” ดิวแนะนำน้องผมให้คนของมันรู้จักก่อนจะแนะนำคนรู้จักของมันให้น้องผมกลับ แต่มันไม่พูดถึงผมเลย
“อ่อ ส่วนนี่พี่ชายผม ชื่อต้นครับ” ไม้เป็นฝ่ายแนะนำ
“กูไปหาแม่ก่อน” ผมตบบ่าน้อง มองหน้าดิวและแฟนมันก่อนจะเดินไปหาแม่ในร้าน
ผมทักทายคนงานของแม่อย่างเป็นกันเอง ส่วนไม้นั่งลงอยู่กับพวกนั้น ไม่ได้ตามมา คงคุยอะไรกันไปตามประสา น้องผมต่างากผม มันไม่กวนตีนใครเลยนอกจากพี่ชายตัวเอง แม่ของผมอยู่ในครัว คนสวยที่สุดในโลกของผมกำลังยืนหน้าเครื่องปั่นไอศกรีม ผมสวมกอดเธอจากด้านหลังแล้วก็ขโมยหอมแก้มที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำตาล
“ว้าย เจ้าต้นนี่...เดี๋ยวแม่ตีก้นลายเลย” แม่ตีมือผมเบาๆ
“ก้นผมลายอยู่แล้วไม่ต้องตีครับแม่” ผมว่าขำๆ แม่เองก็พลอยขำไปด้วย
“ไม้ละลูก”
“อยู่กับดิวมั้งแม่ แล้วแม่รู้ยังว่าดิวมาที่ร้านอะ” คลายกอดแล้วยืนมองแม่ทำนั่นทำนี่
“รู้แล้ว แม่บอกให้น้องรอเจอพวกลูกๆ ด้วยน่ะ กะว่าจะเอาเอาไอศกรีมชามโตไปเสิร์ฟ สูตรนี้ รับรองว่าหนุ่มๆ ต้องชอบ” พยักหน้าเข้าใจ
“อะไรที่แม่ทำอะ หนุ่มๆ อย่างต้นกับไม้ชอบทั้งนั้นแหละ”
“เหวย ปากหวานจริงๆ” แม่ตีไหล่ผมเบาๆ
ผมช่วยแม่ด้วยการเอาชามแก้วเผาเป็นลายสวยๆ มาใส่ไอศกรีมสีขาวนวล แม่เอาท็อปปิ้งต่างๆ ใส่มันลงไป เรียกว่าโปะจนมันพูนชามเลยล่ะครับ ขณะที่ตกแต่งแม่ก็ฮัมเพลงเบาๆ ดูแม่มีความสุขกับการได้ทำอาหาร แล้วผมก็ชอบมองดูแม่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ต่อให้เจอเรื่องอะไรมาก็ตาม รอยยิ้มของแม่ปัดเป่าความทุกข์เหล่านั้นได้เสมอ
เมื่อไอศกรีมชามโตถูกตกแต่งจนสวยงาม ผมก็ยกมันออกมาจากครัว แม่ถืออุปกรณ์การกินอย่างถ้วยเล็กๆ สีสันเข้ากับชาม และช้อนเดินตามออกมา ไม้กำลังคุยกับดิวเพลิน มันเห็นแม่ก็เลยลุกขึ้นมาแย่งของจากมือ สวมกอดและหอมแก้มแม่อย่างออดอ้อน ไม่อยากจะโม้ ผมได้กอดแม่ก่อนมันอีกเถอะ ไม้หันมายักคิ้วใส่ เพราะมันทำให้แม่ยิ้มและหัวเราะได้ก็เลยอวด
“แม่รักผมมากกว่าพี่อีก แบร่” เอาที่ไหนมาพูดวะ แม่ต้องรักมากกว่าสิ
“กูเกิดก่อน แม่รักกูก่อน กูได้ความรักมาก่อน แม่ต้องรักกูมากกว่าอยู่แล้วไอ้น้องโง่”คนเป็นแม่ขำ กับการอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ ของพี่น้อง
“พอเลย เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ อายน้องดิวบ้าง อะ...นี่แม่ทำออกมาให้ เจ้าต้นเขาอยากกิน แต่แม่รับรองว่ามันต้องอร่อยถูกปากหนูแน่นอนจ้ะ” แม่แย่งไอศกรีมจากมือผม นำมันไปวางไว้กลางโต๊ะ ส่งยิ้มให้ดิวและแฟนของดิว
“ขอบคุณครับคุณน้า ส่วนเรื่องข้าวเมื่อเช้า...ผมขอโทษนะฮะ” ได้ฟังแล้วผมก็หันไปมองน้องชาย ไม้ไหวไหล่ไม่ใส่ใจ แต่ผมเดาว่าที่มันมาร้านนี้ก็เพราะต้องการขอโทษแม่ผม
“ไม่เป็นไรจ้ะ น้าเข้าใจ นั่งทานกันไปนะ น้าจะไปทำงานก่อน ต้นก็อย่าแกล้งน้อง เป็นพี่ต้องดูแลน้องนะจ้ะสุดหล่อ” โห แม่เล่นพูดดักแบบนี้ คิดว่าผมจะกล้าแกล้งไอ้ดิวไหมล่ะ
หึหึ...กล้าสิ
ผมกับไม้นั่งฝั่งตรงข้ามดิวและแฟน ทั้งคู่ดูไม่ได้อยากต้อนรับผมเท่าไหร่ ต่างจากไม้ที่คุยกับดิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผมเองอยากจะตักไอศกรีมใส่ถ้วยแล้วแยกไปนั่งที่อื่นเหมือนกัน แต่เดี๋ยวแม่จะสงสัยว่าผมทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร คนชื่อโอมมองผมตาขวางๆ มันพยายามจะชวนดิวคุยเรื่องส่วนตัวกันสองคน แม้กระทั่งน้องผมที่ดูเป็นมิตรมันยังทำเหมือนไร้ตัวตน ดิวสีหน้าเริ่มไม่โอเคเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศที่โต๊ะไม่สนุกอย่างที่คาด ยิ่งแฟนมันพาเข้าเรื่องที่ต้องพูดแบบกระซิบกระซาบ มันก็ยิ่งหน้าเจื่อนลงไป
“กูว่า...ย้ายโต๊ะมะ” ผมหันไปพูดกับน้อง ไม้หันมามองผมสลับกับดิว มันเป็นคนกลางเพียงคนเดียวที่อยู่ตรงกลางจริงๆ
“ขี้เกียจนั่งดูพวกไร้มารยาทเขาสวีตกันวะ” แหนะ แล้วความปากดีของผมก็มาจนได้
“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ ใครกันแน่ที่ไร้มารยาท พวกมึงไม่ใช่เหรอที่เข้ามาเสือกเรื่องของกูสองคน” โอมหันมาหาเรื่องทันที เหมือนรอเวลานี้มานานแสนนาน ไม้และดิวต่างเลิกลั่ก ผมเท้าคางมองหน้าคนชื่อโอม กวนตีนมันผ่านสายตา
“เอ๋ ผมเข้ามาเสือกเหรอเนี่ยไม่ยักรู้ เห็นดิวเขาชวนนั่ง ก็เลยมานั่ง...ไม่บอกแต่แรกละครับว่าอย่าเสือก จะได้ไม่เสนอหน้าเข้าเป็นก้างขวางคอหมา...”
ปัง!!!
คนชื่อโอมลุกขึ้น มันตบโต๊ะเสียงดังจนคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว พนักงานในร้านก็เริ่มดูสถานการณ์ตรงหน้า ดิวมันคว้าแขนแฟนมันไม่ทันตอนนี้มันเลยทำได้แค่นั่งมองหวาดๆ ส่วนน้องผมรีบกำข้อมือของผมเอาไว้ กลัวผมจะลุกขึ้นสวนอีกฝ่ายทันที บ้าเหอะ...ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก เดี๋ยวแม่ออกมาเห็นผมทำร้ายคนอื่น แม่จะเสียใจกับลูกคนนี้เปล่าๆ
“ไอ้สัตว์ ปากดีนักนะ...กูหมั่นไส้มึงตั้งแต่เช้าละ อยากแดกตีนมากนักใช่ ฮะ!” เจ้าตัวโน้มเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าคอเสื้อนักศึกษาของผม ดึงจนผมต้องลุกขึ้นยืนประจันหน้า โอมตัวเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย แต่แรงมันน่าจะมากกว่าผม
“พี่โอม อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ” ดิวปากคอสั่น
“ดิวปกป้องมันเหรอ ผัวเก่าหรือไงถึงได้ออกปากปกป้องมันตลอด เมื่อเช้านี้ก็ด้วย อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าอาลัยอาวรณ์ข้าวจากมันมากขนาดไหนน่ะฮะ!” พานผมคนเดียวไม่พอ โอมหันไปตะคอกดิวด้วยอีกคน
บอกตามตรงว่าตอนนี้เดือดจนอยากจะเข้าไปกระทืบมันให้หน้าหงายไปซะ แต่ติดที่ว่านี่เป็นร้านของแม่ผม แล้วแม่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ผมบอกแล้วจะไม่ทำให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดคนนี้เสียใจอีก ดังนั้นผมจึงไม่ตอบโต้อะไร เก็บกดความเคียดแค้นเอาไว้ให้ลึกที่สุด ห้ามมือห้ามเท้าตัวเอง เหมือนที่ไม้ก็พยายามห้ามผม
“ถ้าโกรธกูมาก...ไปเจอกันข้างนอก”
“พี่!” ไม้รีบห้ามทันที รู้ทันไปหมดแหละว่าพี่มันจะทำอะไร
“ทำไมกูต้องเชื่อมึง อัดมึงในนี้ไปเลยไม่ง่ายกว่าเหรอวะ...” ไอ้สัตว์ ผมอยากประเคนส้นเท้าให้มันจิงๆ แต่ไม่ได้...ใจเย็นไว้ต้น มึงต้องใจเย็นเข้าไว้นะ
“พี่ๆ...” ไม้สะกิดเรียกอย่างแรง ผมหันไปมองมันเลยเห็นว่าแม่เดินออกมา ไม่ได้การแล้วล่ะ
ผมรีบปัดมือไอ้โอมออกแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากร้าน ไม้รีบลุกตามแต่ไม่ได้ออกมากับผม มันเดินเข้าไปหาแม่ คือ...พี่น้องมันต้องทำงานประสานกันครับ ไม้มันเข้าไปโกหกตอแหลใส่แม่ ส่วนผมที่รีบออกมาเพราะว่าอีกไม่นานกำปั้นไอ้โอมคงปะทะหน้าผม เพราะผมปัดมือมันออก พอเดินออกมาได้นิดหน่อย ก็ลอบมองดู่นั้น ตอนนี้ดิวน่าจะกำลังโดนด่า มันก้มหน้าก้มตานิ่งงันอยู่ที่โต๊ะ ปล่อยให้อีกคนสาดอารมณ์ใส่มันเงียบๆ
แม่ถูกพาไปที่อื่น และไม่นานโอมก็เดินออกมา ปล่อยดิวทิ้งไว้กับไอศกรีมที่ละลายเป็นน้ำอยู่ในชาม ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าแฟนดิวจากไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แอบซ่อนอยู่ตรงไหน คือน่าอนาถมาก ทำเหมือนตัวเองขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนอื่น อับอายก็อับอาย เสียศักดิ์ศรีแม่งก็เสีย แต่ให้ทำยังไง...ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ แม่ก็ต้องเสียใจที่ลูกไปชกต่อยกับคนอื่น
ผมกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามดิวต่อ มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองส่วนผมก็แค่ตักไอศกรีมกินเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น เรากินข้าวกันสงบสุขดีประมาณนั้น ผมทำเป็นนิ่งได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าผมกำลังร้องไห้ พอสังเกตดีๆ ก็เห็นหยาดน้ำตาที่กำลังหยด
“ทำไม มันทิ้งมึงแล้วอะสิ” ตบปากตัวเองต้น ไอ้ปากเสีย
“เออ เขาทิ้งกูแล้ว...เป็นไงละ สบายใจมึงไหมต้น แค่อยู่ของมึงดีๆ ไม่หาเรื่องกู ไม่ทำให้กูทะเลาะกับแฟนกูมึงจะตายหรือไง” ดิวเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นต่อว่า ผมสงสารมัน...ใจจะขาดเลยแหละ อย่าลืมสิ ผมเองก็รักมัน แค่มันไม่เคยรู้เท่านั้น
“กูเป็นคนทำให้มึงสองตัวเลิกกันเหรอ...ใช่เหรอดิว ถ้ามันรักมึงจริงๆ มันจะเลิกกับมึงง่ายๆ อย่างนี้ไหม อย่างมาก มันก็แค่มาเอามึง เสร็จแล้วมันก็ไป” รู้ว่าตัวเองพูดจารุนแรง แต่ก็ห้ามปากตัวเองไม่ค่อยได้...ผมเสือกเป็นแบบนี้ ดิวกำหมัดตัวเองแน่น มันจ้องผมอย่างอาฆาตแค้นเพราะทำอะไรผมตอนนี้ไม่ได้
“เขารักกู แต่เพราะมึง...”
“มึงเอาอะไรมามั่นใจว่ามันรักมึง มันรักแค่ตัวเอง มันรักแค่ความสนุกและเห็นมึงเป็นควาย” น้ำตาคนตรงหน้าไหลลงมาเป็นสาย หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม เสียงสะอึกสะอื้นของมันคล้ายจะควบคุมไม่อยู่
เป็นผมอีกที่ซ้ำเติมมัน....
“กูเป็นควายแล้วมึงเป็นอะไร มึงทำให้กูเลิกกับแฟน ความสำนึกมึงยังไม่มีเลยต้น ดีแต่ปากหมาใส่ไปวันๆ หาเรื่องด่ากูมีความสุขมากนักหรือไง!”
“กูทำลายความรักของมึงเหรอ ดิว...มึงไม่ได้โง่ มึงรู้ดีว่าที่มันเลิกกับมึงง่ายๆ แบบนี้เป็นเพราะอะไร อย่าเอาแต่โทษกูเพราะมึงหาเหตุผลมาลบล้างความจริง คนรักกันจริง...ทะเลาะกันแค่ไหน เขาก็ไม่ปล่อยมือจากกันหรอกดิว” ผมใช้เสียงที่อ่อนโยนขึ้น เห็นมันร้องไห้หนักขนาดนี้แล้ว เหมือนมีอะไรมาบีบที่หัวใจ
ผมก็อยากเข้าไปคว้าตัวมันมากอดนะ อยากปลอบมันแบบดีๆ สักครั้งเหมือนกัน แต่ดูมันพูดสิ ดูมันกล่าวหาว่าผมเป็นต้นเหตุให้มันกับคนรักเลิกกัน ดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอีกฝ่ายมันก็เข้ามาเพื่อหวังฟันเท่านั้น ไม่มีเรื่องนี้ มันก็ต้องมีเรื่องอื่นเข้ามาเป็นเหตุให้มันทะเลาะกับดิวแล้วเลิกกันอยู่ดี
ดิวมันคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน ผมรู้ว่ามันกำลังจะไปจากตรงนี้ แต่ผมคว้าข้อมือของมันเอาไว้ ดึงมันนั่งลงที่เดิม มันพยายามจะสะบัดข้อมือออก ทว่าเรี่ยวแรงมีไม่มากพอจะต่อต้านกำลังของผมได้
“กินติมกัน” ผมตักเชอร์รี่ขึ้นมาจากไอศกรีมที่ละลายจ่อปากอีกฝ่าย ดิวทำท่าจะปัดทิ้ง ก็เลยชักมือหลบ
“แม่กูอุตส่าห์ทำมาให้นะ กินหน่อยสิ มึงก็รู้ว่าแม่กูทำอร่อย” เอาแม่มาอ้างนี่แหละ แม่ผมมีบุญคุณกับมันมากสุดแล้ว
ดิวมองหน้าผมสลับกับถ้วยไอศกรีมหลากสี ชั่งใจอยู่สักพักมันก็หยิบช้อนขึ้นมาตักท็อปปิ้งกิน ผมฉวยโอกาสที่มันไม่ทันระวังตัวเช็ดน้ำตาให้ แม้ว่ามันจะยังไม่หยุดไหลเสียทีเดียว แต่ก็ไม่อยากให้สิ่งนั้นทำให้คนตรงหน้าเศร้าหมองมากไปกว่านี้ ดิวชะงักมือ มันมองผมตาขวางก่อนจะปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี ผมเข้าใจ มันเกลียดผม มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รักมัน
ไม้เดินกลับมา มองผมและดิวด้วยสีหน้ากระอ่วนใจ ผมกวักมือให้มันมนั่งด้วยกัน เผื่อว่ามันจะช่วยให้ดิวรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ไม้เริ่มต้นชวนดิวคุยเรื่องที่มันจะไปแข่ง นับว่าน้องผมเก่งและฉลาดดีเหมือนกัน ที่ไม่มานั่งถามว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่มันไม่อยู่ มันคงกลัวว่าจะกลายเป็นการซ้ำเติม น้ำตาบนใบหน้าของดิวก็บอกอะไรได้มากอยู่แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
เราสามคนช่วยกันกินไอศกรีมที่แม่ทำจนมันหมด ถึงละลายและแทบจะไม่เย็นแล้วแต่มันก็ยังอร่อย ดิวยิ้มบางๆ กับมุกตลกของน้องชายผม มันไม่มองหน้าผมเลย ไม้ชวนดิวกลับด้วยกัน บอกแม่อยากคุยกับดิว นั่นเป็นข้ออ้างที่ดีทำให้ดิวไม่กล้าปฏิเสธคำชวนของน้องชายผม
ทั้งโต๊ะมีความมาคุ ไม้เป็นคนเดียวเท่านั้นที่พอจะกู้สถานการณ์ได้บ้าง แม่ออกมาในตอนค่ำๆ เรากลับกันก่อนร้านจะปิด แม่ชวนดิวคุยใหญ่เรื่องการเรียน เพื่อนที่คบหรือกระทั่งอวดว่าลูกชายตัวเองกำลังจะลงแข่งแบดมินตัน แม่ชวนดิวไปดู เหมือนที่ไม้ชวน ตอนแรกดิวปฏิเสธคำชวนของไม้ แต่พอเป็นแม่ผมพูด...ดิวก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก
“ถ้าดิวเหงาก็มาหาเจ้าต้นเจ้าไม้ที่นี่ได้นะลูก” แม่บอกกับดิวก่อนเราจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน
“ครับ ขอบคุณนะครับ” ดิวยกมือไหว้แม่ผมก่อนจะเดินกลับบ้านตัวเอง
ผมรีบเดินลิ่วออกมาก่อนที่แม่จะยิงคำถามใส่ ผมเดาออกหรอกว่าแม่รู้เรื่องความไม่ปกติ คนในร้านก็ต้องพูดบ้างแหละเรื่องแฟนและดิวทะเลาะกัน ผมเองก็เหมือนจะมีส่วนเอี่ยวกับเขาด้วย ไม้เข้าไปกล่อมแม่แล้ว ผมเดาว่ามันไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ดังนั้นการหนีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
“หยุดเลยนะเจ้าต้น!” ฮื่อ...ไม่ทัน
“อ่า...ไม้ชิ่งก่อนนะ” แล้วคนที่รอดตัวไปก็คือน้องชายผู้ไม่รักดี แม่เดินเข้ามาจับข้อมือของผมเอาไว้แน่น กลัวผมหนีเหรอครับแม่ บ้านมีแค่นี้ผมหนีไปไหนพ้นล่ะ ไม่มีทางหรอกบอกเลย
“เล่าให้แม่ฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น คนในร้านพูดกันว่าลูกเหมือนจะมีเรื่องกับแฟนดิว ไม้มาบอกแม่ว่าไม่มีอะไร แค่พูดจาไม่ถูกคอกันเท่าไหร่ แฟนดิวก็เลยกลับไป แต่แม่ว่าสภาพแบบนั้นไม่ใช่แค่กลับไป แต่ทะเลาะกันด้วยใช่ไหม...เราทำให้น้องทะเลาะกับแฟนใช่ไหมต้น” แม่ปล่อยมือผมเมื่อเรามาถึงห้องโถง ดวงตาคู่สวยกำลังตำหนิในการกระทำของผม ซึ่งผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ
“ผมเปล่านะแม่ ผมก็แค่...อาจจะปากหมาไปหน่อย แต่ที่เขาทะเลาะกันไม่ใช่เพราะผม”
“ไม่จริง เราไปปากหมาอะไรใส่เขา ถ้าเราไม่พูดจาไม่ดีใส่ทั้งคู่ พวกเขาจะทะเลาะกันไหม...บอกแม่มาดีๆ” ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อ ก็เลยเดินเข้าไปสวมกอดแม่ ซบหน้าลงที่ลาดไหล่บอบบาง
“เขาสวีตกัน และต้นก็ปากหมาใส่ แฟนดิวไม่ชอบต้นอยู่แล้ว ดิวออกปากห้ามมัน มันก็เลยพานใส่ดิว ต้นไม่ได้หาเรื่องนะแม่...ต้นผิดที่ปากหมาต้นขอโทษ แต่ที่เขาทะเลาะกันมันเป็นเพราะไอ้เลวนั่นแหละอยากจะทิ้งดิว” ผมบบอกความจริงทั้งหมดที่จะบอกได้ให้แม่ฟัง
“แล้วยังไง ต่อให้ดูรู้ว่าเขาไม่จริงใจ แล้วเรามีสิทธิ์อะไรไปยุ่งเรื่องของเขาละ ถ้าเขาสวีตกันมาก ก็แยกโต๊ะ มันก็แค่นั้นไม่ใช่เหรอต้น” แม่พูดถูก แถมถูดจนผมรู้สึกผิดเต็มอกไปหมด
“ต้นขอโทษ...”
“คนที่ต้นต้องไปขอโทษคือดิว ไม่ใช่แม่นะ” ผมไม่ผิด ผมต้องขอโทษดิวทำไม
“ต้นทำให้แม่รู้สึกไม่ดี ต้นทำตัวไม่น่ารัก...แม่โกรธต้น ต้นต้องขอโทษแม่สิ” แม่ดึงผมออกก่อนจะเขกหัวผมหนึ่งที
“ไปขอโทษน้องเลย แม่โกรธเพราะเราทำให้น้องทะเลาะกับแฟน โตจนเรียนมหาลัยแล้วยังชอบแกล้งน้องเป็นเด็กๆ ไปได้ นี่ถ้าน้องเป็นผู้หญิง แม่คิดว่าเราน่ะชอบน้องไปแล้วนะ...” จู่ๆ แม่ก็ชะงัก มองหน้าผมด้วยดวงตาที่ค่อยๆ เบิกโพลงขึ้นทีละน้อย อ่า...ผมชิ่งดีกว่า
“พรุ่งนี้ต้นค่อยไปขอโทษ ต้นขอตัวไปทำงานก่อนนะแม่” ผมรีบวิ่งขึ้นห้องทันที เรื่องไรจะอยู่ให้แม่ซักไซ้ต่อ เขาว่ากันว่าเซ้นของผู้หญิงน่ากลัว ผมยังไม่อยากทดสอบสัมผัสที่หกของแม่หรอกนะ
.....100%.....
เราโดนเทเราจิไม่แปลกใจ ฮ่าๆ เราหายหัวไป อยากให้รู้ไว้...เราแกล้งตายเราไม่ได้ตายจริง พอดีเราไปปั่นอีกเรื่องมา ขอโทษด้วย เราจะขยันกว่านี้