~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]  (อ่าน 47776 ครั้ง)

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #30 เมื่อ27-07-2017 21:49:44 »

>>ตอนที่ 6 [100%]<<

เจ้าไม้มาถึงบ้านตอนสี่โมงเย็น มันโดดซ้อมแบดมินตันมาเพราะเรื่องของผมทำให้น้องชายร้อนรนเกินกว่าจะมีสมาธิซ้อม ผมก็ขอโทษมันนะ ไม่ตั้งใจทำให้ใครเดือดร้อนนอกจากตัวเองหรอก แต่เจ้าไม้ดันช็อกกับสภาพของผมจนไม่ได้ฟังคำขอโทษเลย...

“เกิดอะไรเรื่องบ้าอะไรเนี่ย...” เจ้าน้องชายพึมพำออกมาเบาๆ มันตรงเข้ามาหมุนผมซ้ายขวา แทบจะหมุนเป็นวงกลมเพื่อให้มันสำรววจร่างกาย ก็ผมดันใส่แต่กางเกงขาสั้นอะสิ ก็เลยเห็นรอยช้ำหมดเลย

“ฝีมือโอมใช่ไหม” ผมพยักหน้า

ผมเริ่มเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้ไม้ฟังโดยไม่ข้ามส่วนใดเลยสักส่วน มันเป็นคนเดียวที่รู้ความรู้สึกของผมที่มีต่อดิวทั้งหมด ก็เลยไม่มีอะไรให้น่าปิดบัง นั่งฟังไปเรื่อยๆ เจ้าน้องชายตัวดีก็ชักจะคิ้วขมวดเป็นปมใหญ่ ก็รู้แหละว่าน่าจะไม่พอใจ ทั้งดิวและโอม แต่หนักสุดก็ผมนี่แหละ...

“พี่กลัวแม่จะรู้...” ผมมองหน้าน้องเมื่อบอกทุกอย่างจนเกลี้ยง

“ผมขอให้ดิวลบโพสต์นั้นแล้ว แม่ก็ไม่ค่อยเล่นมือถือ...แม่ไม่รู้หรอกพี่”

“ไปขอแบบนั้นเดี๋ยวไอ้โอมก็หาเรื่องดิวอีกหรอก” ความเป็นไปได้มีสูงเชียวแหละ

“ไม่หรอก เพราะผมขอร้องเขาเอง...” คำตอบของไม้ทำผมฉงน

“นี่ไม้ไปคุยกับมันมาเหรอ” น้องชายพยักหน้า

“ความรู้สึกของแม่สำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอพี่...” เท่านั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกอีกเลย

แค่คิดว่าต้องเห็นแม่ร้องไห้เพราะผมทำตัวแย่ ผมก็แทบจะร้องไห้บ้าง ไม่รู้ดิ...ปวดใจวะ นั่นก็คนที่ผมรักอะ แต่นี่ก็แม่ที่ผมรักที่สุดเหมือนกัน ผมรู้ว่าไม้ต้องไปอ้อนวอนมัน ปล่อยให้มันด่าสารพัดโดยที่ไม่ตอบโต้เพื่อผมและแม่

“พอแล้วได้ปะวะพี่...อย่าทำเพื่อคนอื่นจนตัวเองเป็นแบบนี้ได้ปะวะ” ไม้ก้มหน้าพูด มันไม่สบตาผมและผมเองก็ไม่กล้าสบตามันหรอก

“ผมไม่ได้ว่าที่ทำแบบนี้แล้วเสี่ยงแม่รู้หรอกนะ มันคนละส่วนกัน แต่...ดูสภาพพี่ดิ พี่ต้องมาเจ็บตัวเพื่อให้ดิวมันได้กลับไปคนกับคนแบบนั้นอะนะ ถึงผมจะเป็นเพื่อนสนิทดิว แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยที่พี่ทำแบบนี้” ผมพูดอะไรไม่ออก ผมเข้าใจควมรู้สึกของไม้...มองกลับด้าน ไม้ไปทำแบบนี้กับใครสักคน ผมก็ต้องไม่พอใจเหมือนกัน อาจจะโกรธมากกว่าที่มันกำลังแสดงใส่ผมในตอนนี้ด้วยซ้ำ

“ถ้าทำแล้วดิวมันรักพี่บ้าง...ผมก็คงไม่มีเรื่องมาโต้หรอก” เหมือนโดนแทงใจดำอะ ขอบตาแม่งร้อนขึ้นมาเลย ผมรีบก้มหน้าเพราะรู้ว่าตัวเองกำลังเสียน้ำตา คำพูดของน้องตัวเองนี่เจ็บสัตว์

“รับปากไม่ได้วะ” วันนี้ที่ทำลงไปยังเป็นเพราะอารมณ์ช่วงวูบเลย บางที...เราก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ทุกสถานการณ์

“จนปัญญากับพี่เลยวะ โรคจิตอ๋อ หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บทั้งกายและใจแบบนี้อะ” ไม้เดินหัวเสียไปนั่งที่เก้าอี้คอมพ์

“คงงั้น”

“หงุดหงิดกับพี่วะ ไปซ้อมแบดนะ” ไม้กระแทกเก้าอี้เสียงดัง คือหงุดหงิดกูก็ไม่ควรทำกับเก้าอี้กูแบบนั้นอะน้องรัก

ผมเลือกจะนอนลงบนที่นอนอีกครั้ง น้ำตาก็ยังซึมออกมาเรื่อยๆ โทษไอ้ไม้เลย พยายามไม่คิดมาก พยายามไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป เสือกมาพูดแทงใจดำแบบนี้มันก็ต้องเป๋กันบ้างปะละ แล้วผมเองก็เหนื่อยกับการที่ต้องเก็บกดความรู้สึก ในเมื่อมันไหลออกมาแล้ว ก็ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ นั่นแหละ เผื่อว่าบางที...มันอาจจะเป็นผลดีกับผมก็ได้นะ มันอาจจะสบายใจขึ้น อาจจะหาทางออกให้กับความรู้สึกของตัวเองได้ก็ได้

หลังจากร้องไห้เป็นไอขี้แยจนพอใจ ผมก็ตัดสินใจโทรหาไอ้ฝุ่น เพื่อนคนนี้อยู่หอนอก ไม่มีรูมเมต ผมจะไปค้างกับมันสักระยะหนึ่งเพื่อให้แผลมันหายก่อน แต่ก็ไม่ลืมบอกแม่ว่าจะไปค้างกับเพื่อนนะ มีโครงงานต้องทำอะไรก็ว่าไป ส่วนเจ้าไม้ แค่บอกมันคำเดียวสั้นๆ มันก็เข้าใจดี มันปล่อยผมไปแต่ก็ไม่ลืมย้ำว่าให้ผมไปดูมันแข่งแบดมินตันด้วย

(เออพี่ ผมขอโทษที่พูดจาแบบนั้นใส่พี่นะ) ก่อนวางสาย เจ้าไม้บอกกับผมเสียงค่อย ถึงไม่ได้เห็นหน้าก็รู้ว่ามันรู้สึกผิด ผมไม่โกรธน้องหรอก...ผมทำตัวเองทั้งนั้น ถ้าคนอื่นจะต่อว่าผมบ้าง จะพูดจาจี้ใจดำผมบ้าง มันก็ไม่ผิดอะไร

ผมใส่เสื้อมีฮู้ดแขนยาวสีดำ และกางเกงยีนส์ขายาว สะพายเป้ที่อัดแน่นไปด้วยชุดนักศึกษาสามชุดและอุปกรณ์การเรียนอื่นๆ อีกเล็กน้อย ไม่อยากไปนอนบ้านเพื่อนหรอก ผมเป็นคนติดบ้าน...ไม่สิ ผมติดแม่ต่างหาก แต่นี่มันจำเป็นจริงๆ ก็เลยต้องทำแบบนี้

ดิวยืนอยู่หน้าบ้านคนเดียว มันมองมาทางบ้านของผม ไม่มีรถของโอมหรือร่องรอยของโอม ผมก็ช้ำหนักไปอะนะ เลยไม่ได้มานั่งสนใจจะมองไปที่ห้องฝั่งตรงกันข้าม ผมทำเป็นไม่เห็นดิว ล็อกบ้านให้เรียบร้อยเพราะแม่กับน้องจะกลับค่ำหน่อยวันนี้ อ่อ...อีกเรื่องที่น่าอิจฉาคือแม่จะไปรับเจ้าไม้ไปดินเนอร์กันสองต่อสอง เสียใจอะ หน้าผมก็ช้ำถึงไม่มากแต่แม่รู้แน่ ผมต้องตัดใจเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายละนะ

“นั่นมึงจะไปไหน...” ดิวตะโกนถาม ผมหันไปมองหน้า...สีหน้ามันดีขึ้นเยอะ ไม่มีคราบน้ำตา ไม่มีร่องรอยของอาการป่วย สงสัยจะได้ยาดี น่าอิจฉามันจังเนอะ

“กูถามเนี่ยได้ยินไหม!” เพราะผมไม่ตอบ มันก็เลยตะโกนถามมาอีก

“ไอ้ต้นอย่าทำเป็นเมินกูนะ...” ผมไม่สนใจจะตอบคำถาม ไม่สนแม้กระทั่งจะหันไปมองหน้าของดิวอีก

ผมสาวเท้าออกจากหมู่บ้าน ดิวเดินมาที่รั้วประตูเพื่อจะเรียกแต่ผมก็ไม่หันไป มีความสุขดีแล้ว ก็อย่ามาเยาะเย้ยคนที่เกือบซวยอย่างผมเลย เจ็บตัวผมทนได้ แต่ถ้าแม่รู้แล้วเสียใจนี่ผมทนไม่ได้จริงๆ

ไม่นานเสียงร้องเรียกของดิวก็เงียบไป ผมเอาหูฟังขึ้นมาเสียบแล้วก็เดินฟังเพลงไปเรื่อยระหว่างเดินทาง ตอนแรกจะขึ้นรถเมล์นะ แต่ไปๆ มาๆ แท็กซี่เหอะ...ระบมอะ ต้องขึ้นไปเบียดเสียดกับผู้คนผมไม่โอเคจริงๆ ใช้เวลาฝ่าดงรถติดเกือบสองชั่วโมง ค่าแท็กซี่ทำเอาผมหน้าซีดไปเหมือนกัน เสียดายตังวะ คิดไปคิดมา นั่งรถเมล์แต่แรกก็ไม่เปลืองขนาดนี้แล้วเนี่ย

ไอ้ฝุ่นมันอยู่หอนอกแต่ใกล้มหาลัยมาก ถ้าพักกับมันที่นี่ ตอนเช้าก็แค่เดินไปไม่ถึงสิบนาทีก็เข้าเขตมหาลัย ทีนี้เราสามารถหารถกอล์ฟในการนั่งไปยังคณะตัวเองได้ง่ายดาย โคตรสะดวกสบายจน่าอิจฉา แต่อยู่นี่ก็แลกกับการหาข้าวกินเองอะนะ ซึ่งผมไม่โอเคเท่าไหร่

“เฮ้ย ไปยำกับใครมาวะเนี่ย” นั่นเป็นคำทักทายของฝุ่น ผมยิ้มแหย

“ขอเข้าห้องหน่อยดิ” ยืนขวางอยู่ได้ กระเป๋ากูหนักมากอะเพื่อน

“เออๆ เข้ามา เดี๋ยวไอ้พิกมันจะมาด้วย...มันมาชวนดื่ม” นั่นไง รวมตัวกันไม่เล่นเกมก็กินเหล้า

แต่เวลานี้...สักหน่อยก็ดีนะ

“มึงไปทะเลาะกับใครมาหรอวะ นี่ที่มาค้างกับกูเพราะกลัวแม่มึงรู้ใช่ปะ”

“อืม เจอคนปากหมาน่ะ ก็เลยกัดกันนิดหน่อย”

“เดี๋ยว...มีใครปากหมากว่ามึงด้วยเหรอวะ?” อ่าว พูดแบบนี้อยากโดนเหรอเพื่อน

“กินตีนกูไหม...”

“ไม่ดีกว่า เห่อๆ” ฝุ่นอัญเชิญให้ผมเอาของไปเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ห้องมันไม่กว้างมากเพราะงั้นอย่าทำรก ไอ้ห่า รกเพราะมึงนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะกูเลย นี่ผมเพิ่งจะเข้าห้องมันมาก็นึกว่าห้องนี้เป็นห้องเก็บขยะแล้วซะอีก

ผมเอาชุดนักศึกษาไปใส่ไม้แขวนๆ ไว้ในตู้ให้เรียบร้อย จะอยู่สภาพไหนได้หมด แต่ชุดไปเรียนต้องเนี้ยบเป็นคอนเซ็ปของผม ฝุ่นเองมันก็ดีอย่างที่เก็บชุดนักเรียนเอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตู้เสื้อไม่เหม็นอับถือว่าใช้ได้สำหรับชายโสดที่อยู่คนเดียว ไอ้ผมกับไม้นี่ไม่นับ สภาพห้องดีและทุกอย่างดูสะอาดเนี้ยบเพราะแม่ล้วนๆ ถึงจะทำกันเอง แต่ที่ทำก็ไม่อยากให้แม่เหนื่อยทำให้เราไง

พอจัดทุกอย่างเสร็จสรรพ ไอ้พิก หมูอ้วนก็มาถึง มีมาม่าหลายห่อและเหล้าอีกชุดใหญ่ จัดเต็มมากเพื่อน ผมนั่งบนเตียง มองดูเพื่อนๆ จัดวงเหล้ากันอย่างสบายใจเฉิบ โดยอ้างว่ากูคนเจ็บนา...แค่นี้เราก็ได้สิทธิพิเศษเกินพวกมันแล้วล่ะครับ

แน่นอนว่าไอ้พิกก็ต้องถามเรื่องร่องรอยบนร่างกายของผมเหมือนที่ฝุ่นถาม ผมบอกกับมันเหมือนที่บอกกับฝุ่นเป๊ะ ได้ไม่ได้ความจำดีอะไร มันเพิ่งพูดไปไม่นานเลยยังจำได้อยู่ วงเหล้าเล็กๆ เริ่มขึ้น

นักร้องจำเป็นเกิดขึ้นเมื่อเหล้าเข้าปาก สามคนแย่งกันร้องอย่างกับกลัวว่าเราจะไม่ได้ร้องเพลงกันอีกแล้วชีวิตนี้ ดีนะที่มันเป็นหอนอก กฎระเบียบมันไม่ได้เยอะเท่าไหร่ก็เลยพอจะเสียงดังกันได้บ้าง ไม่งั้นคงโดนตะเพิดออกจากห้องแน่นอน ผมเน้นหนักไปทางเพลงรักช้ำๆ ไอ้ขี้เมาอีกสองตัวก็ร่วมร้องอย่างเข้าถึงอารมณ์ ทั้งที่พวกมันก็แค่เมา ผมเองไม่ต่างกัน ร้องไปร้องมาเหมือนจะร้องไห้เสียอย่างนั้น

ผมรีบดื่มเหล้าให้ตัวเองไม่มีสติอีก กระดกรัวๆ จนเพื่อนห้ามกันไม่ไหว สุดท้ายมันก็ปล่อยให้ผมเมาเป็นหมา นอนกองอยู่ข้างเตียง ภาพตอนนี้หมุนติ้วไปหมด โลกหมุนเร็วมากจนน่าเวียนหัว อยากจะอาเจียนแต่ก็ไม่อยากจะลุก ปล่อยไปสักพักเดี๋ยวมันก็หลับเอง...

ดิวก้มมองนาฬิกาข้อมือสลับกับถนนและบ้านฝั่งตรงข้าม เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ยังวนเวียนอยู่ในใจของเขาไม่ยอมหายไปไหน ถึงเขากับโอมจะเคลียปัญหากันแล้ว ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันเพราะต้นเป็นคนทำ ดิวไม่คิดว่าคำพูดที่ประชดประชันอีกฝ่ายออกไป จะทำให้ไอ้คนปากหมาพรรณ์นั้นยอมทำแบบนี้ได้ ภาพที่ต้นโดนทำร้ายยังฉายซ้ำๆ อยู่ในหัว

ตอนนั้นดิวกลัวมาก....มีคำถามเกิดขึ้นว่าจะเลือกอะไร ระหว่างรุ่นพี่บ้านตรงข้ามกับคนที่เขารัก สุดท้ายดิวก็เลือกโอม ผู้ชายคนนี้เข้ามาเยียวยาจิตใจของดิวได้ หลังจากที่เป๋เพราะโดนแฟนเก่าทิ้งมา โอมเป็นผู้ชายปากหวาน เอาใจเก่ง ถึงจะมีลับลมคมในบ้าง แต่ดิวก็เข้าใจดี ผู้ชายมักเป็นแบบนี้ มีโลกส่วนตัวของตัวเอง ที่ไม่ยอมให้ใครแม้กระทั่งแฟนได้เข้าไป

ดิวพยายามบอกกับตัวเองว่าเขาไม่ผิดที่เลือกแฟนมาก่อน โอมคือคนที่จะเคียงข้างเขาไม่ใช่ไอ้ผู้ชายปากหมาชอบแกล้งกันคนนั้น หนำซ้ำต้นยังเป็นคนที่ทำให้เขาทะเลาะกับแฟนจนเลิกกันอีก การที่ต้นเลือกรับผิดชอบด้วยวิธีนี้ก็เป็นเพราะต้นเลือกเอง เขาไม่ได้บังคับให้ต้นทำ เพราะงั้นก็ไม่ต้องไปรู้สึกอะไรมากมาย เขาต้องหวานชื่นกับแฟนเขา มีความสุขที่โอมกลับมาน่ะถูกต้องแล้ว

แต่ทั้งที่สะกดจิตตัวเองแบบนี้มาทั้งวัน มัวเมากับการร่วมรักกับโอมจนกระทั่งโอมกลับไป แต่ดิวก็ไม่สามารถลบรอยยิ้มหยันและภาพที่ต้นโดนทำร้ายออกไปไม่ได้ มันรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ทำยังไงก็ไม่หายไป

แล้วพอจะออกมาพูดด้วย ต้นกลับเดินหนีไปไม่ฟังเขาเลย.... ดิวบอกกับตัวเองว่าก็ช่างหัวมันสิ มันไม่อยากคุยกับเขาแล้วยังไง ไม่เห็นต้องแคร์เลยคนหัวดื้อแบบนั้น คนที่ไม่เคยจะพูดดีด้วยได้เลย

ทว่าเขาก็ยังรออีกฝ่ายกลับมา...

รถเก๋งญี่ปุ่นคันไม่เก่าไม่ใหม่เคลื่อนตัวช้าๆ เข้ามา ดิวยืนจากที่ม้านั่งหน้าบ้านอันเงียบเหงา เขาว่าต้นต้องกลับมาแล้วแน่ๆ ก็เลยพาตัวเองมาที่ประตูรั้วเพื่อจะพูดกับคนปากเสียคนนั้น จนรถเข้าไปจอดด้านใน มีแค่สองคนที่ลงมาจากรถ ดิวไม่เห็นเงาอีกคนที่เขารอ...

“อ่าวน้องดิว ยังไม่นอนอีกเหรอจ้ะ...ออกมาทำอะไรน่ะหืม” ลีลาแม่ของต้นเอ่ยทักทายเด็กน้อย ดิวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ตรงหน้า

“อ่อ...ผมยังไม่ง่วงครับน้า”

“งั้นเข้ามากินขนมด้วยกันไหมจ้ะ น้ามีขนมติดมาด้วยนะ” ลีลาพยักเพยิดให้ไม้เอาขนมมาให้น้อง

“ไม่ดีกว่าครับ เอ่อ...พี่ต้นละฮะ” ดิวทำใจกล้าถามออกไป

“ต้นเหรอ ต้นไปนอนบ้านเพื่อนลูก...คงไม่กลับอีกหลายวันเลย” ดิวพยักหน้าเข้าใจ ต้นคงหนีหน้าเขา...คงไม่อยากเจอหน้าเขา แล้วไง เขาก็ไม่อยากเจอต้นเหมือนกัน

ลีลาเดินเข้าบ้านหลังบอกฝันดีดิว แต่ไม้ยังไม่ยอมเดินกลับเข้าไป เพราะดิวยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มมองผู้เป็นแม่ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนตัวเองที่หน้าบ้าน ในมือถือขนมมาด้วยเพราะตั้งใจจะเอามาให้อยู่แล้ว อีกอย่าง ไม้คิดว่าที่ดิวมายืนอยู่ตรงนี้น่าจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง อาจจะมาส่งแฟนแล้วยังไม่เข้าบ้าน หรือไม่..ก็อาจจะรอพี่ชายเขาอยู่ เพราะเมื่อกี้ดิวก็ถามหาพี่ของเขา

“อะ เอาไปเหอะ แม่เรากับเราตั้งใจเอามาให้นะ” ดิวรับไปแต่เหมือนไม่มีสติอยู่กับตัว

“ขอบคุณนะ”

“อืม ไม่เป็นไร คืนดีกันแฟนแล้ว...ดีใจด้วยนะ” ทำไมดิวรู้สึกว่าไม้กำลังพูดจากระทบเขายังไงไม่รู้
 
“ไอ้ต้นมันโกรธเราใช่ไหม...” ดิวตัดสินใจถาม ยังไงเสียก็เพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เล่นกันมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงแม้พอเข้ามอปลายจะเริ่มห่างกันบ้างก็ตาม อันที่จริงดิวรู้ว่าทำไมระหว่างเขากับไม้ถึงห่างกัน มันเป็นเพราะเพื่อนเราคนละกลุ่ม และเพื่อนเราเข้ากันไม่ได้

“พี่ต้นไม่โกรธดิวหรอก พี่ไม่เคยโกรธดิวเลย...” ไม้นึกเสียใจขึ้นมาหน่อยๆ เขาเองก็ไม่อยากให้พี่ตัวเองต้องเจ็บตัวแบบนั้น แต่นั่นก็เรื่องของพี่ ที่เขายุ่งมากเกินไปไม่ได้ ทำได้แค่พูดเตือนด้วยความเป็นห่วง

“ไม่จริงหรอก มันหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะมันโกรธเรา” ดิวว่าเสียงเยาะ นั่นทำให้ไม้ไม่พอใจนิดหน่อย ก็อีกฝ่ายเป็นพี่ชายตัวเอง

“พี่ต้นไปเพราะไม่อยากให้แม่เห็นว่าตัวเองมีรอยฟกช้ำ กลัวแม่เสียใจก็เลยไปอยู่ที่อื่น แล้วเราก็ไม่ได้โกหก...พี่ต้นไม่เคยโกรธดิว” ไม้อยากบอกว่าคนที่โกรธดิวจริงๆ คือตัวเขาเอง แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดให้เกิดความบาดหมาง

“อืม...” ดิวไม่รู้จะพูดอะไร ไม่เข้าใจด้วยทำไมไม่โกรธ ก็ดูมึนตึงใส่แบบนั้นน่าจะโกรธกันมากนี่นา

“บางที...ต่อให้ดิวเอามีดแทงพี่ชายเรา พี่เราก็คงไม่โกรธดิวเลย” ไม้พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วหันหลังเดินจากไป

“เดี๋ยวสิไม้ หมายความยังไง” ดิวเรียกอีกฝ่ายที่ทิ้งความคาใจเอาไว้ ไม้แค่หันมายิ้ม แล้วเข้าบ้านไป ปล่อยให้ดิวยืนงงกับคำพูด เขาไม่เข้าใจ...เอามีดไปแทงต้นไม่โกรธจริงเหรอ บ้าเหอะ...มันไม่โกรธแต่มันฆ่ากลับเลยละสิ

.....100%....
เราว่าครอบครัวแบบต้นเป็นครองครัวที่น่าอิจฉานะ ถึงไม่สมบูรณ์มีครบทั้งพ่อแม่ แต่ก็อบอุ่นและรักกันดี ถ้าเราเป็นดิว เราคงอิจฉาไม้เพืาอนตัวเองมากๆ เลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #31 เมื่อ27-07-2017 22:30:38 »

ถ้าคบคน ดูที่หล่อ คะอวยสวย
เลือกหาคน จ้องหา_วย ช่วยกระสัน
ก็เหมาะแล้ว ที่เจอะเจอ คนอย่างมัน
มีเอาไว้ แค่แก้คัน ตะบันรู

//ยกกลอนนี้ให้ดิว โดยเฉพาะเลย
 :m16:

อ่านมาหลายตอนแล้วแต่ไม่ได้เข้ามาเม้นท์
บอกตรงๆเลย รู้สึกไม่ปลื้ม แอนด์ หงุดหงิดมาก

โธ่เอ๊ยยยยย..จะอะไรมากฟ่ะ
กะอิแค่ของเหลือ....เดน

+1 คนแต่ง
ดีใจที่กลับมาสร้างแรงบันดาลใจ
กระตุ้นให้คนอ่านคึกขึ้นมาอีก

ขอบคุณหลายเด้อออออ
 :L2:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #32 เมื่อ27-07-2017 23:38:47 »

สงสารต้นมาก,,,  ปล่อยดิวไปเหอะว่ะ. หาคนใหม่มาเร็วๆๆๆ

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #33 เมื่อ28-07-2017 00:43:12 »

หงุดหงิดดิวง่ะ แต่พยายามเข้าใจอยู่
ว่ายังเด็กด้วย ต้องการความรักมาก พอมีคนมาดีด้วย
ก็ทุ่มเทสุดชีวิต ไม่แปลกใจ แต่หงุดหงิดเบาๆ
อยากเจอความรักดีๆ แต่ยอมเขาทั้งที่รู้ว่าเขามีลับลมคมใน ก็เอาเถอะจ้าาาาา

ส่วนต้น มีสติและเลิกปิดบังความรู้สึกด้วยการพูดหมาๆใส่เค้าได้แล้ว

อินอีกแล้ว

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #34 เมื่อ28-07-2017 14:15:06 »

ก็เข้าใจทั้งคู่แหละนะ ต่างก็ตาบอดเพราะความรักกันทั้งนั้น  :mew6:

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #35 เมื่อ28-07-2017 17:35:43 »

ต้น...ถ้ามึงไม่ปากหมา มึงอาจจะได้รักกับดิวตั้งนานแล้วนะ ใครๆก็ไม่ชอบคนปากหมาใส่หรอก แต่ก็นะ...ให้เขาค่อยๆรักในแบบหมาๆงี้แหละ เผื่อว่าวันนึงหมาตัวนั้จะได้รับการดูแลจากเจ้าของหัวใจมัน  :hao5:

ออฟไลน์ plearnly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #36 เมื่อ28-07-2017 19:36:26 »

สงสารต้นอะเมื่อไหร่ดิวจะรู้สักที

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #37 เมื่อ28-07-2017 23:02:02 »

ตามๆ

ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #38 เมื่อ29-07-2017 00:21:44 »

ต้นปากหมาเกินไป ไม่มีใครชอบคนปากหมาหรอกนะถึงจะดียังไงก็ตาม ส่วนดิวสมองไม่คิดเรื่องอื่นนอกจากผู้ชายเลย อยากให้มีคนมาจีบต้นแล้วให้ต้นไม่ต้องมาสนใจดิวเลย อยากรู้ว่าถ้าดิวถูกโอห์มทิ้งมาใครจะเปนคนปลอบดิว เพราะต้นก็จะไม่มายุ่งอีกแล้ว

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
«ตอบ #39 เมื่อ29-07-2017 21:50:32 »

>>ตอนที่ 7 [100%]<<

มาอยู่กับเจ้าฝุ่นได้สองวัน แม่ก็ส่งข้อความมาหา บอกคิดถึง...น้ำตาแทบร่วง อยากวิ่งแจ้นกลับไปหาแม่เลย ทว่าพอหันไปมองกระจก รอยช้ำบนหน้ามันเด่นเกินไป คงใช้เวลาอีกหน่อยถึงสามารถไปพบหน้าแม่ ผมจำต้องโกหก หาทางเลี่ยงที่จะไปหาแม่ที่ร้าน เชื่อว่าแม่รู้ทันแหละ ผมไม่ใช่คนที่ทนคำหวานของแม่ได้นานขนาดนี้ ที่มันเป็นอย่างนี้คงมีเหตุผลบางอย่าง แต่ผมก็ขอบคุณแม่นะ...ที่แม่ไม่พูดไล่ต้อนให้ผมจนมุม

ไม้ส่งข้อความมาหาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ถามว่าผมเป็นยังไงบ้าง แล้วก็เล่าเรื่องดิวกับโอมให้ผมรับรู้ เขากลับไปรักกันดี แต่เหมือนจะเริ่มมีมือที่สาม นี่คืนดีกันไปได้แค่สองวันเองนะ ไม้ได้ยินดิวพูดกับเพื่อนในกลุ่มว่าช่วงนี้พี่โอมแปลกๆ ไป ไม่ค่อยมาหา ถ้ามาก็มาหาแค่ที่บ้าน แป๊บเดียวก็กลับไป คงไม่ต้องสาวลึกขนาดนั้นก็เดาได้ว่าโอมมาทำอะไรกับดิว แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ...เพื่อนดิวแนะนำให้ดิวหาคนคุยเผื่อเอาไว้ และดิวก็ดันทำตาม เป็นรุ่นพี่มอหกที่โรงเรียน

รู้ข่าวก็หงุดหงิดแหละ...อยากเดินไปหาแล้วด่ามันให้เสียคนเลยจริงๆ นะ แต่ก็ไม่ทำ ปล่อยมันไปตามทางของมันบ้าง ผมยุ่งเรื่องของดิวทุกเรื่องไม่ได้ ที่ทำได้ก็คือคอยดูมันอยู่ห่างๆ หาเรื่องกวนตีนบ้างแค่นั้น แล้วถ้ายุ่งมากไปมันอาจจะลงเอยแบบที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้

แต่เอาจริงๆ นะ...ผมรู้สึกเหมือนเจ็บตัวฟรีโคตรๆ แถมยังคิดถึงแม่มากเพราะต้องหลบหน้าแม่ เรื่องก็แค่เล็กน้อย ให้เขาสองคนกลับมารักกัน ช่วยรักกันให้นานหน่อยได้มะ อุตส่าห์ระบมไปขนาดนี้แล้วเนี่ย!

“มึงกลับไปอยู่บ้านวันไหนวะ...” ระหว่างเดินลงไปพักกินข้าว ไอ้ฝุ่นก็ถาม

“น่าจะกลับบ้านวันเสาร์นี้แหละ” เพราะวันอาทิตย์นี้ไม้มันมีแข่งที่โรงเรียน ผมสัญญากับแม่และมันเอาไว้แล้วว่าจะไปเชียร์

“แน่ใจว่ากลับไปจะไม่มีปัญหานะ หน้ามึงอะไม่ช้ำเท่าไหร่แล้วก็จริง แต่ตัวมึงนี่อย่างกับคนไปเล่นเพ้นบอลมาเลย จ้ำเป็นจุดๆ” พูดอย่างกับเคยเล่นแหนะไอ้ฝุ่น

“ก็อย่าถอดเสื้อผ้าต่อหน้าแม่สิวะ แม่ไม่มานั่งส่องเนื้อหนังกูหรอกหน่า”

“ว่าแต่มึงจะไม่บอกจริงๆ เหรอว่าใครกระทืบมึง” ไอ้พิกกจี้ถาม ผมไม่เคยเล่าสาเหตุจริงๆ ให้พวกมันฟัง บอกแค่กัดกับหมา

“ช่างมันเหอะ...” ผมปัดประเด็นให้ตกไป

ผมกับฝุ่นไปเข้าแถวซื้อข้าว ส่วนให้อ้วนประจำกลุ่มเสือกเลือกงานสบายอย่างนั่งจองโต๊ะ มันบอกว่าร้อนมากเดี๋ยวเป็นลม โคตรสำออยเลยไอ้ห่านี่ แต่ผมและฝุ่นก็ไม่บังคับมันนะ มันอดหลับอดนอน เล่นแต่เกมก็เลยมีความเป็นไปได้มากที่มันจะเป็นลมไป

หลังจากได้ข้าวพูนๆ มาสามจาน ผมอาสาถือข้าวไปที่โต๊ะเองด้วยความทุลักทุเล ส่วนฝุ่นไปซื้อน้ำต่อ ไม่ใช่ว่าเพื่อนผมคนนี้เป็นคนดีอะไร มันแค่น้ำฟรีมันก็เลยอาสาไปเอง แต่ผมต้องเป็นคนจ่ายน่ะ นี่แหละเพื่อนที่ประเสริฐ มีเงินปรนเปรอพวกมันหน่อยก็สามารถใช้งานมันได้เยี่ยงทาสแล้ว นี่ทุกวันนี้อยู่ห้องไอ้ฝุ่น ผมก็ให้มันซักเสื้อให้นะ รีดผ้าด้วย โดยให้ค่าจ้างกับมัน ฝุ่นนี่ยิ้มรับหน้าบาน อะไรก็ได้ ได้เงินกูเอาหมด ที่เป็นงี้เพราะมันอยู่คนเดียวไง ได้เงินรายเดือนจากพ่อแม่ บางทีก็ไม่พอกิน ครั้นจะขอเพิ่มก็โดนด่า เลยหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ไปตามเรื่องตามราว แต่ที่ฝุ่นถนัดที่สุดก็คงเป็นการขายไอเทมในเกม ชิ้นหนึ่งหลายร้อย บางชิ้นก็หลักพัน

“พี่ต้นหวัดดี..” มาถึงโต๊ะก็มีแขกไม่ได้รับเชิญอีกสามหน่อนั่งอยู่ ไอ้พันเป็นคนแรกที่ยกมือไหว้ผม ตามด้วยแมทและแก้ว

“เออ ดี”

“น้องมันนั่งด้วยนะมึง โต๊ะเต็มหมดเลยวะ...” ไอ้พิกบอกทั้งที่ไม่ยอมเงยหน้าจากเกมบนมือถือ ผมวางจานข้าวให้เรียบร้อยก่อนโบกหัวมันหนึ่งที

“เลิกเล่นก่อนไหมสัตว์ ติดเกมนักนะมึง”

“โหบ่นกู แล้วมึงไม่ติดเลยสัตว์ เล่นยันดึกยันดื่นทุกคืน” ใครมันชวนกูกับไอ้ฝุ่นเล่นละวะ

“แต่นี่เวลากินข้าวปะวะ วางเลยมึงวาง ไม่งั้นกูตัดแขนมึงทิ้ง...” พิกเบะปาก ไม่น่ารักสัตว์น่าเกลียด

“มึงมันใจร้ายกับเพื่อนกับฝูงได้ลงคอ” เอาเข้าไป ดราม่าเข้าไปเหอะมึง ไม่สนใจหรอก

ผมส่ายหัวให้กับความบ้าบอของเพื่อนตัวดี ฝุ่นหอบหิ้วน้ำมา เป็นโค้กสามและกาแฟเย็นหนึ่ง ไอ้นี่ซื้อมาแบบพิเศษให้ตัวเองโดยเฉพาะ คนจ่ายตังอย่างผมได้แค่โค้กเท่านั้น ฝุ่นทักทายน้องๆ ที่รวมโต๊ะอีกสามคน เสร็จแล้วก็นั่งจ้วงข้าวพลางพูดคุยกันไปด้วย มีแต่ผมที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จะพูดอะไร ไอ้เด็กปีหนึ่งหน้าหล่อนั่นก็เคยเป็นอริหัวใจด้วยไงประเด็น

แต่นั่งเล่นกันได้ไม่นานก็มีคนมาเพิ่มที่โต๊ะอีกสาม พันแนะนำคนกลุ่มนั้นให้ คนที่นั่งข้างแมทชื่อบอม เป็นแฟนกัน อีกคนชื่อกล้าเด็กติดเกมและเต้ไอ้ขี้เมา เพื่อนอะไรขัดแย้งกันชะมัดเลยวะ และด้วยความออดอ้อนของบอม ทำให้โต๊ะเรามีอาหารเพิ่มขึ้น เป็นพิซ่าถาดโตๆ สี่ถาด และอื่นๆ อีกหลายต่อหลายอย่าง ไอ้เพื่อนผมก็เสือกกับน้องเขา แค่พันเอ่ยชวนเท่านั้น พิกก็ลุยก่อนเลยคนแรก

“เกรงใจน้องมันบ้างมึง” เอาน้ำแข็งปาหัวไอ้อ้วน

“น้องเขาชวน บอกไม่ต้องเกรงใจมึงไม่ได้ยินเหรอ มึงเหอะ อย่าวางฟอร์มจัดมากนัก เดี๋ยวก็กินตีนอีก” เอ้า ด่ากูเฉย กูไม่ได้หาเรื่องใครก่อนนะเนี่ย

“อย่าบอกนะว่ารอยจ้ำบางๆ บนหน้าพี่นี่โดนตีนแนบมา” ไอ้แก้ว เด็กทอมคนเดียวในกลุ่มเอ่ยแซะ

“น้องอยากได้มั้งไหมครับ พี่ทาบให้”

“อ่าวๆ พี่ต้นคร้าบ...นี่น้องนะนี่น้อง” แก้วรีบประท้วงหาความยุติธรรมทันที

“พี่จะทำเบาๆ นะครับ” ผมทำเสียงหล่อ แก้วขนลุกแล้วรีบส่ายหนี

ท่าทางของเด็กนี่น่ารักดี ไม่ติดว่าเป็นทอมผมว่าก็คงมีผู้ชายมาขายขนมจีบกันจนตื้อแน่นอน แมทเอาพิซ่าแบ่งมาให้ผมเพราะเห็นว่าผมไม่ยอมเอาไปกินเสียที ไม่ได้หยิ่งนะ แต่อิ่มข้าวมาก ผมยิ้มเป็นการขอบคุณก่อนจะค้นหาเงินจำนวนหนึ่ง

“อะ พี่ช่วยค่าอาหาร”

“เฮ้ยไม่ต้องพี่ ไอ้นี่มันรวย” บอมรีบแย้ง

“ไม่ได้ๆ เอาไปเหอะ” ผมยัดเงินใส่มือแมท มันก้มหัวเป็นการขอบคุณ

ผมเกรงใจอะ ไอ้ผมไม่ค่อยกินก็ไม่เท่าไหร่ แต่เพื่อนผมนี่สิ สวาปามของน้องเขาได้น่าเกลียดมาก ฝุ่นเริ่มเข้ากับเด็กที่ชื่อกล้าได้อย่างรวดเร็ว คุยเรื่องเกมกันเป็นหลัก เจ้าพิกก็อีกตัว ต่างจากผมที่เล่นเกมแต่ก็ไม่ค่อยคุย เป็นคนเดียวด้วยที่เลือกจะนั่งเล่นมือถือแทนสนใจกลุ่มคนตรงหน้า

ข้อความเด้งเตือนเข้ามาได้จังหวะพอดี ไม้ส่งรูป? ยัดพิซ่าเข้าปากก่อนจะเปิดดูรูปที่ส่งมา เป็นดิวกำลังเดินกับผู้ชายคนหนึ่ง หน้าตีและมีรอยยิ้มน่ารัก ไม้ส่งข้อความต่อมาว่ารุ่นพี่มอหกที่จีบดิว...

ไอ้เด็กโง่มันยิ้มแย้มแจ่มใสดีเวลาพูดคุยกับผู้ชายคนนั้น ไหนเมื่อไม่กี่วันก่อนยังจะเป็นจะตายเพราะโดนผู้ชายทิ้งอยู่เลย ทีงี้มาระริกระรี้กับผู้ชายอีกคน นี่มันมีสมองไหม...คิดได้หรือเปล่าว่าการทำตัวแบบนี้มีแต่สร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเอง หรือว่าคนจะมองยังไงก็ช่าง กูมีความสุขเท่านั้นก็เพียงพอสินะ หึ...ผมไม่น่าเข้าไปขอโทษมันวันนั้น ไม่น่าเจ็บช้ำกับคำด่าของมันจนลงมือทำเรื่องโง่ๆ เจ็บตัวฟรีๆ ให้มันกับแฟนได้กลับมาเอากัน

“หน้าหงิกเลย...พิซ่าไม่อร่อยเหรอวะ” เสียงของฝุ่นเข้าหูซ้ายแล้วทะลุไปหูขวา

ผมกดปิดหน้าจอหลังตอบข้อความน้องไปสั้นๆ ว่าขอบใจ มองบรรยากาศรอบโต๊ะ เจ้าพิกและฝุ่นหันมาสนใจผม เห็นว่าหน้าหงิกก็เลยอยากเสือกสิท่า แต่ผมไม่พูดอะไร แค่ยิ้มแล้วก็กินอาหารต่อเหมือนไม่ได้เป็นอะไร พอเห็นว่าผมไม่คิดจะพูดเพื่อนทั้งคู่ก็เงียบ เรากลับไปอยู่กับการพูดคุยร่วมกับน้อง พิกนี่สนใจสาวอีกคณะเป็นพิเศษ ซึ่งคนที่ออกหน้าออกตาเล่าอย่างตื่นเต้นคือคนชื่อบอม ผมเห็นว่าแมทมองบอมตาขวางหลายทีเหมือนกัน แต่บอมไม่ได้สนใจหรือไม่ก็ไม่ได้สังเกตเห็น

เป็นพักเที่ยงที่ทำให้รุ่นพี่และรุ่นน้องเข้ากันได้ดีมากยิ่งขึ้น แถมรุ่นน้องอีกคณะมาด้วยเป็นของสัมมนาคุณ ยกเว้นผมที่ไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยเท่าไหร่ ก่อนจะแยกย้าย ผมขอโทษเจ้าพันที่ทำหน้าเบื่อโลกใส่ อธิบายไปสั้นๆ ว่ามีเรื่องเครียด ผมไม่อยากให้รุ่นน้องรู้สึกไม่ดีอะนะ พันก็เข้าใจดี มีการให้เลี้ยงเหล้าบ้างถ้าอารมณ์ดีแล้ว ซึ่งผมก็โอเค เจ้าพิกและฝุ่นอารมณ์ดีมาก กินอิ่มหนำสำราญไม่เสียสักบาท รุ่นน้องก็คุยถูกปากกันดี ยิ่งไอ้ฝุ่นนี่พูดเรื่องกล้าไม่หยุดเลย พิกก็โต้เรื่องหญิงที่เจ้าบอมพูดถึง

ตอนแรกผมก็ฟังไปนิ่งๆ อะนะ สักพักเริ่มรำคาญเลยนั่งฟังเพลงแม่งเลย อะไรจะแย่งกันโม้ขนาดนั้นเพื่อน ปกติไม่ค่อยได้คุยกันเหรอฮะ เห็นเวลาเล่นเกมก็โต้วาทีกันตลอด ผมชักเพลียจิต ยิ่งต้องมาอยู่กับพวกมันแบบยี่สิบชั่วโมงด้วย ผมรู้สึกประสาทจะกิน

ในที่สุดก็ถึงวันเสาร์เสียที ผมรีบเก็บเสื้อผ้ารอไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่เลยว่าอยากกลับบ้านใจจะขาด โธ่...อยู่นี่กินแต่มาม่านะครับ อยู่บ้านกินข้าวฝีมือแม่ มีใครไม่ชอบกับข้าวฝีมือแม่ตัวเองบ้างละ จะไปซื้อกินก็ไม่อร่อย ได้ข้าวจึ๋งเดียวเอง แม่ค้าขี้งกโคตรๆ และเพื่อเป็นการส่งท้ายให้ผมผู้จะได้กลับไปสู่อ้อมกอดของมารดา ไอ้ฝุ่นและพิกก็ชวนเล่นเกมโต้รุ่ง ครับ...เช้านี้ตาปรือโคตร แต่ไม่มีอะไรมายับยั้งการกลับบ้านของเราได้ครับผม!

ผมส่งข้อความไปบอกแม่ว่ากำลังกลับบ้าน หิวมากเลย ตอนแรกลั้นลานะครับ แม่ส่งภาพกลับมาเท่านั้นแหละ ผมไม่น่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย มีแต่ของโปรดเต็มโต๊ะไปหมด มีการบอก ไม้กำลังกระซวกกับข้าวของผมอย่างเอร็ดอร่อย ผมมาช้าคงอดกิน จากตอนแรกว่าจะนั่งรถเมล์กลับบ้าน ตอนนี้ผมโบกแท็กซี่ให้ไวเลยครับ ช่วงวันเสาร์เช้าๆ รถไม่ค่อยติด ก็เลยใช้เวลาไม่นาน

“แม่...ต้น....” ผมชะงักกลางทาง กำลังจะตะโกนเรียกแม่ให้รู้ว่าผมกลับมาแล้ว เพราะดิวที่กำลังกินข้าวอยู่กับไม้ที่โต๊ะ

“มาช้า แม่ได้คนช่วยกินอีกคนแล้วเนี่ย” แม่ใจร้าย นั่นของผมนะ ผมหันไปมองแม่ ทำหน้างอใส่ขณะเดินเข้าไปสวมกอด

คิดถึงมากก็กอดแน่นมาก แม่ตีหลังผมเพื่อประท้วงที่ผมกอดแน่นไป ทว่าผมกลับหัวเราะแล้วไม่ยอมปล่อย จนแม่ต้องตีแรงขึ้น โอเค ผมยอมรามือจากแม่ก็ได้ แต่ก่อนจะไปกินข้าว ขอหอมแก้มสักทีให้ชื่นใจ

“รีบเลย น้องแย่งกินหมดแม่ไม่รู้ด้วยนะ” แม่ตีผมเบาๆ

“คร้าบ ต้นรู้แล้วหน่า...” ผมนั่งลงฝั่งเดียวกับไม้ หยิบโถข้าวมาตักแบ่งใส่จานตัวเองประมาณหนึ่ง

“ทำตัวเป็นเด็กทั้งที่โตเป็นควายแล้ว” เสียงดิวดังขึ้นมาเบาๆ เงยหน้ามองก็เจอกับสายตาล้อเลียน ผมอยากโต้ตอบนะ...แต่คำที่แล่นในหัวเป็นคำที่แรงและน่าจะสะเทือนใจมันมากที่สุด ผมก็เลยทำเมินมันแทน

“งี้แหละ เด็กชอบเรียกร้องความสนใจ” น้องผมทับถมเข้ามาอีกดอก

“พูดเหมือนมึงไม่เป็นอะไม้”

“ผมไม่เป็น เพราะได้รับความสนใจจากแม่มากอยู่แล้วน่ะ” ไอ้เด็กขี้อวด

ผมมองหน้าดิว มันขำที่เห็นผมโดนน้องชายตัวเองทับถม รอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่ายเป็นอะไรที่ผมชอบมาก ก็เลยเงียบ ปล่อยให้น้องชายตัวดีเผาพี่ชายและทัมถมกันต่อไปเรื่อยๆ ผมทำเป็นหิวข้าวหนักมาก ไม่สนใจคำพูดของน้องและดิว ทั้งที่ตัวเองลอบมองรอยยิ้มของมันอยู่ตลอดเวลา ไม้และดิวกินข้าวเสร็จก่อน แม่ก็เลยยกขนมหวานมาเสิร์ฟให้ เป็นฟรุ๊ตสลัดนมสด มีทั้งนม ผลไม้ ดิวดูตื่นเต้นกับของกินอันนี้มาก เพราะนี่เป็นของชอบของมันเอง...

“เล่นกันดีๆ ละเด็กๆ แม่ต้องไปทำงานก่อน ต้นดูแลน้องด้วยนะ” แม่ตีบ่าผมเบาๆ ฝากฝั่งเด็กแสบสองคนเอาไว้ให้

“ครับแม่ จะดูแลอย่างดี...” จ้องตาดิวแน่วแน่ มันเองก็จ้องตอบก่อนจะละสายตาไปบอกลาแม่ผม

ผมกวาดทุกอย่างลงท้องจนเกือบเกลี้ยง เหลือแค่บางอย่างเอาไว้เพื่อจะได้มีกินตอนกลางวัน ไม้และดิวไปนั่งเล่นที่ห้องโถงกันแล้วทิ้งให้ผมเก็บโต๊ะคนเดียว เพราะผมดันกินเสร็จเป็นคนสุดท้าย ผมปิดจ็อบมื้อเช้าด้วยขนมหวานที่แม่ทำไว้เผื่อ เดินไปนั่งใกล้กับดิว เจ้าไม้มันลุกไปหาหนังดู

“มึงเป็นไงบ้าง...” จู่ๆ ดิวก็ถามผมเสียงเบา ผมหันไปมองหน้ามันแว้บหนึ่ง

“ก็ดี...เจ็บดี”

“สมน้ำหน้ามึง” มีหน้ามาสมน้ำหน้าคนอื่น ไม่ดูตัวมึงเองเลยไอ้ดิว

“ไว้มึงโดนทิ้งเมื่อไหร่กูจะไปสมน้ำหน้ามึงบ้างไอ้ดิว” จากที่ไม้บอก มันกระท่อนกระแท่นกับแฟน เชื่อว่าอีกไม่นานผมจะได้สมน้ำหน้ามันจริงอย่างที่ได้พูดไว้ ดิวกัดปากตัวเองนิ่ง มันเองก็คงไม่พอใจที่ผมพูดไปแบบนั้น

“กูไม่โดนทิ้งง่ายๆ หรอก ถ้ามึงไม่เข้ามาเสือกเรื่องของกูกับแฟนกูอะ” ไม้ได้หนังที่อยากดูแล้ว มันกันกลับมามองผมและดิวที่มีบรรยากาศมาคุ

“มั่นใจไปเหอะ อีกไม่นานไอ้โอมนั่นก็ต้องทิ้งมึงไปอยู่ดี คิดว่ามันกลับมาเพราะรักมึงเหรอ...มันกลับมาเพราะอยากเอาชนะกูมากกว่า มึงอะมันโง่เว้ย ก็เลยดูไม่ออก” หันไปสบตากรุ่นโกรธกับอีกฝ่ายตรงๆ ดิวกำหมัดเอาไว้แน่น พร้อมที่จะปล่อยมันใส่ปากผมได้ทุกเมื่อ

“คนที่โดนกระทืบเหมือนหมาข้างถนนอย่างมึงน่ะหุบปากไปเหอะ ไม่รู้เรื่องของพวกกูจริงๆ มีสิทธิ์มาพูดอะไร” ผมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองด้วยความเจ็บใจ นึกถึงตอนโดนไอ้โอมกระทืบแล้วก็ยังแค้นไม่หาย

“แล้วกูจะรอดูคนโดนทิ้งอย่างมึง ว่าสภาพมันจะเหมือนหมาโซเซไหม” ผมตัดสินใจลุกขึ้น มองหน้ามันกับไม้ก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเอง

นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าน้องชาย ผมจะเถียงต่อเอาให้มันไปไม่เป็นเลย เห็นแม่งอ้าปากต่อว่าผมฉอดๆ แล้วหงุดหงิด ยังมีหน้ามาเชื่อมั่นว่าไอ้โอมนั่นจะรักแล้วไม่ทิ้งมันไปอีก ตัวเองน่ะรู้ดีที่สุดอยู่แล้วใม่ใช่เหรอว่า มันไม่มีทางไปรอดกับผู้ชายคนนี้ ไหนจะยังผู้ชายอีกคนที่เข้ามาจีบมาอีก ไอ้รุ่นพี่ในโรงเรียนนั่น นึกแล้วก็โมโห ผมอยากจะกีดกันทุกคนออกจามันให้หมด เอาให้มันไม่เหลือใครแล้วมีแค่ผมคนเดียว

ผมอาบน้ำอาบท่าให้ตัวเองรู้สึกเย็นลงมาบ้าง เสียงหนังข้างล่างและเสียงพูดคุยแว่วๆ ทำให้ผมรู้ว่าน้องผมและดิวยังนั่งดูหนังอยู่ด้วยกัน ปล่อยพวกเขาไปเถอะ ไม้กับดิวไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้ด้วยกันมาสักพักใหญ่แล้ว นี่ดิวคงว่างจากแฟนก็เลยมาเล่นที่บ้านผมได้ ไม่งั้นป่านนี้คงเดตกันอยู่ที่เตียงนอน ออกกำลังกายกันไปในตัว

เฮ้อ...เจ็บใจวะ ผมจะต้องทำยังไงให้ได้เป็นคนที่มันรักบ้าง ได้แต่แอบรักมันอยู่แบบนี้โคตรเหนื่อยเลย มองดูมันคบคนอื่น จู๋จี๋กับคนอื่นแล้วก็มีอะไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่เรา เหมือนทำร้ายตัวเองไปวันๆ

ถ้าผมเปลี่ยนแปลงตัวเอง พูดจาดีๆ กับมันบ้างแล้วก็สารภาพกับมันไปตรงๆ อะไรระหว่างเรามันจะดีขึ้นไหม ผมกลัวว่าดิวจะหัวเราะเยาะ แล้วก็พูดจาถากถางใส่ผมเหมือนที่ผมเคยพูดใส่มัน แบบนั้นต้องเจ็บยิ่งกว่าที่มันเป็นอยู่ตอนนี้แน่ ผมอยากบอกมันนะ...อยากบอกว่าชอบมานานแล้ว แต่ก็ยังหวาดกลัวกับปฏิกิริยาของมันอยู่ดี ถ้าเราเป็นมิตรกันมากกว่านี้ ผมจะมีความมั่นใจกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า...

.....100%....

เจอหน้าก้นทีก็ทะเลาะก้นที ถ้าต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ดิวยังเป็นแบบนี้ มันก็จะกลายเป็นต้นเจ็บต่อซ้ำๆ หรือเปล่า..  ตบมือข้างเดียวอะ ยังไงมันก็ไม่ดังหรอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
« ตอบ #39 เมื่อ: 29-07-2017 21:50:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
«ตอบ #40 เมื่อ29-07-2017 22:08:47 »

ต้น เลิกชอบดิวเหอะ ดูแววละดีกับเขาให้ตายเขาก็ไม่รัก

เลิกๆๆ เลิกปากหมาด้วยจะดีมาก 5555

ส่วนดิว ถ้ายังคิดว่าใครดีด้วยก็รักเค้าไปซะหมด รักคนง่าย ต้องการความรัก เมื่อไหร่จะเจอคนที่จริงใจกับตัวเองล่ะ เฮ้อออออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
«ตอบ #41 เมื่อ29-07-2017 22:19:31 »

 :z6: ขอสักที

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 6 - 100% [27/07/60]ByGukakST
«ตอบ #42 เมื่อ29-07-2017 23:50:59 »

ถ้าคบคน ดูที่หล่อ คะอวยสวย
เลือกหาคน จ้องหา_วย ช่วยกระสัน
ก็เหมาะแล้ว ที่เจอะเจอ คนอย่างมัน
มีเอาไว้ แค่แก้คัน ตะบันรู

//ยกกลอนนี้ให้ดิว โดยเฉพาะเลย
 :m16:

อ่านมาหลายตอนแล้วแต่ไม่ได้เข้ามาเม้นท์
บอกตรงๆเลย รู้สึกไม่ปลื้ม แอนด์ หงุดหงิดมาก

โธ่เอ๊ยยยยย..จะอะไรมากฟ่ะ
กะอิแค่ของเหลือ....เดน

+1 คนแต่ง
ดีใจที่กลับมาสร้างแรงบันดาลใจ
กระตุ้นให้คนอ่านคึกขึ้นมาอีก

ขอบคุณหลายเด้อออออ
 :L2:

โดนใจทุกบทเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ชอบบบบ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
«ตอบ #43 เมื่อ30-07-2017 00:09:14 »

มองความรัก ชักสับสน ปนความใคร่
ใช้สายตา หาหัวใจ ใช่จริงหรือ
มันแยกแยะ แงะไม่ออก นอกในคือ
ทำบ้าบื้อ หรือที่แท้ แพ้หื่นกาม

//-ยกกลอนนี้ให้ดิว(อีกแล้ว)
หุหุ

ทำตัวเหมือนจะใสไร้มลพิษ
แต่ปนเปื้อนสารตะกัว..เพียบบบบบบบบบ
ฮ่าฮ่า

ยังทำได้กว่านี้อีกนะ อินู๋
ดิ้วดิว
อิอิ

ขอบคุณฮับ คนแต่ง

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
«ตอบ #44 เมื่อ30-07-2017 10:41:02 »

มองหาแต่คนใหม่เรื่อยๆ ไม่ไหวมั้งครับ,,,

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 7 - 100% [29/07/60]ByGukakST
«ตอบ #45 เมื่อ31-07-2017 04:18:53 »

ปัญหาของดิวคือนางต้องการความรักความอบอุ่นจากใครสักคนมาถมแทนที่ขาดไปเพราะไม่ได้จากพ่อกับแม่   สำหรับนางจากที่เป็น *ใครสักคน* แล้วดันมาเจออิแมทที่นางยอมทุกอย่างเพื่อให้อีกฝ่ายรักตัวเอง หลงคิดว่าที่ได้คือความรัก  พอเสียแมทไปอย่าเจ็บปวดเลยกลายมาเป็น*ใครก็ได้*  นางก็กุ่ไม่กลับแล้วทีนี้  ลึกๆนางรู้ว่าโอมทิ้งตัวเองแน่ๆถึงได้ไปหาคนอื่นมาเสียบรอโอมทิ้งไปพลางๆ

ของเหลือ ณ ที่นี้เอาจริงๆนางทำตัวเอง  ต่อให้ใครบอกยังไงนางก็ไม่มีทางเข้าใจ
ดิวนางขาดความรัก ในขณะที่ต้นก็ได้รับจนมากเกินไป  ต้นให้มาตลอดแต่ความเขลาผสมกับความขาดวุฒิภาวะเลยแสดงออกมาในแบบที่แสดงออกมา

ส่วนตัวแล้วเราไม่ได้คิดว่าการที่มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นบ่อยๆจะเป็นการทำให้ตัวเองด้อยค่า  แต่ในกรณีนี้คงต้องว่าดิวทำให้ตัวเองกลายเป็น*ของเหลือ* ก็เพราะนางไม่ได้คุณค่ากับตัวเองเลย  รักตัวเองมากกว่านี้หน่อยเถอะ

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
«ตอบ #46 เมื่อ31-07-2017 22:54:33 »

>>ตอนที่ 8 [100%]<<

“พี่ต้น กินข้าว” เสียงเรียกของไม้ทำให้ผมสะดุ้งตื่น เผลอหลับทั้งที่กะจะนอนพักสายตานิดหน่อย แต่คงเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน ก็เลยหลับเป็นตาย

“ดิวล่ะ...” พอลงมาด้านล่าง ก็เห็นไม้จัดโต๊ะอยู่คนเดียว

“แฟนมันมารับไปตั้งนานแล้ว เออ เดี๋ยวผมต้องออกไปซ้อมด้วยนะ”

“อ่าว วันนี้ต้องซ้อมเหรอ นึกว่าหยุดพักแล้วค่อยลุยทีเดียวพรุ่งนี้” ผมนั่ง ปล่อยให้น้องจัดจาน

“ไม่หรอก จริงๆ ผมต้องไปตั้งแต่เช้าแล้วแหละ แต่ดิวมันมาหาก็เลยอยู่เป็นเพื่อนมัน มันมาปรึกษาเรื่องที่มีรุ่นพี่มาชอบมันแล้วมันก็มีแฟนอยู่นี่แหละ เห็นว่าลำบากใจยังไงไม่รู้” ลำบากใจเหรอ ตลกไปละ ถ้าลำบากใจแล้วทำไปทำไมวะ

“มันทำตัวเอง”

“ก็ใช่ เพื่อนมันยุไง มันก้เสือกไปทำตามคำยุยงของเพื่อนจนรู้สึกแย่อยู่ตอนนี้ มันบอกว่าพี่มอหกก็ดีกับมันมากเลยนะ พี่โอมมันก็รัก มันว่ามันพูดกับเพื่อนกลุ่มมันแล้วพวกนั้นบอกให้ดิวอย่าใส่ใจ คนเราก็ต้องมีโมเมนต์นี้บ้างอะไรเถือกนั้น ผมก็พูดแรงใส่ไม่ได้ แต่อยากบอกว่าไอ้พวกนั้นแม่งเลวจริงๆ สอนเพื่อนผมให้เป็นคนแบบนี้ได้ไง ดิวจะเสียคนเพราะพวกแม่งนี่แหละ” ไม้บ่นยาว มันนั่งตักข้าวเข้าปากด้วยสีหน้ามึนตึง

“ก็บอกแล้วว่าให้ช่วยดูมันบ้าง”

“ก็มันเพิ่งจะมาเข้าหาผมนี่ เคยบอกไปแล้วว่าก่อนนี้ผมช่วยไรมันไม่ได้หรอก มันเลือกทางของมันเอง”

“แล้วนี่แนะนำไปว่าไง...”

“ก็บอกว่าให้เลือกคนที่ตัวเองรักสักคนสิ มันก็ลำบากใจ มันรักพี่โอมของมัน แต่มันก็รู้สึกดีกับพี่มอหกคนนั้น รู้สึกจะชื่อชินมั้ง ผมฟังผ่านๆ พอมันพูดมาแบบนั้น ผมก็ปล่อยมันอะ มันจะเอายังไงต่อก็ขึ้นอยู่กับตัวมันเอง”

“ไม่แนะนำให้มันมารักพี่ชายแกแทนวะ” ไม้แทบสำลักข้าวเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น

“ดิวมันยังด่าพี่อยู่เลย ที่ไปแช่งความรักของมัน ขืนผมแนะนำอีก มันคงเบ้หน้าใส่อะ” ไม้ทำหน้าแหยง ส่วนผมก็ขำ อย่างกับมันเป็นเรื่องตลก คนที่เราชอบเกลียดเรานี่เอาจริงๆ มันก็ไม่ตลกนะครับผม

“พี่ลองจีบมันจริงจังดูบ้างดีปะวะ...” ผมพูดลอยๆ เป็นอีกครั้งที่น้องผมเบ้หน้าใส่

“ป่านนี้เนี่ยนะจะไปจีบมัน มันคงเอาพี่หรอก” อ่าว พอจะจีบก็ว่าซะงั้น ตอนแอบชอบเฉยๆ เจ็บเงียบๆ ก็ว่าเรา

“เอาไงกันแน่วะ...”

“จะไปรู้พี่เหรอ” เขกหัวมันสักทีดีไหม เผื่อสติมันจะเข้าที่เข้าทาง

“คิดว่าจะสำเร็จปะละถ้าจีบ”

“ไม่อะ” ขอบคุณน้องรัก พี่รู้สึกดีมากที่คำตอบแสนจริงใจนี้

“งั้นไม่จีบ...”

“พี่ก็แอบรักแบบเจ็บๆ ไปเรื่อยๆ” นั่นไง พอจะจีบก็ไม่ให้จีบ

“เอาไงแน่วะ กูเริ่มมึนกับมึงละนะ...”

“แหงะ สุดท้ายมันก็ต้ออยู่ที่พี่อยู่ดีปะละ อีตอนที่ดิวมันใสๆ ก็ไม่จีบมัน ตอนนี้มันมีคนนั้นคนนี้ไปทั่วพี่เสือกจะไปจีบมัน พี่แม่งปากหมาที่สุดในหมู่แฟนดิวอะ พี่คิดดิว่าพี่มีเปอร์เซ็นแค่ไหนที่จะจีบติด ผมเห็นมันคบแต่ละคนเป็นพวกปากหวานเอาใจเก่งทั้งนั้น” ขอโทษที่กูปากหมาอะนะน้องชาย

“ไม่ลองไม่รู้วะ...”

“ลองดีๆ เหอะ ระวังจะยิ่งทำให้ดิวเกลียดขี้หน้าพี่ไปมากกว่านี้” ไม้รีบโกยเข้าวเข้าปาก

ผมเองก็กินข้าวเอื่อยเฉื่อย คิดอะไรในหัวไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ไม่พ้นเรื่องของดิวมันหรอกครับ เผลอแป๊บเดียวเจ้าไม้มันก็ลุกออกไป ทิ้งโต๊ะไว้ให้ผมเก็บอีกตามเคย แต่ช่างมัน เห็นว่ารีบไปซ้อมผมก็ไม่อยากรั้ง เมื่อเช้าอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนดิว ไม้มันตั้งใจกับการแข่งครั้งนี้ มันอยากความชัยชนะมาฝากแม่ โดยเฉพาะที่หนึ่ง อ้างเรื่องของกิน ทั้งที่จริงก็อยากให้แม่ภูมิใจในตัวมัน

เก็บโต๊ะเสร็จผมก็ขึ้นห้อง มองไปรอบห้องแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย ก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปเดินเล่นที่ห้างใกล้บ้าน เที่ยงๆ อย่างนี้แดดแรงสุดยอด ผมไม่มีทางเดินตากแดดไปยันหน้าหมู่บ้านเพื่อนั่งรถเมล์หรอกครับ เอารถตัวเองไปนี่แหละ แอร์เย็นฉ่ำสบายใจ มาถึงผมก็มุ่งไปที่ชั้นโรงหนัง คนโสดแสนเปล่าเปลี่ยวอย่างผมจะทำอะไรได้นอกจากหาหนังสักเรื่องดูแล้วค่อยไปเดินเล่น

ระหว่างทางเจอร้านขายเสื้อผ้า ตกแต่งด้วยสีพาสเทล หน้าเจ้าดิวแว้บเข้ามาในหัว รู้ตัวอีกทีผมก็เดินดูเสื้อยืดคอกลมสีต่างๆ เสียแล้ว ผมว่ามันเหมาะกับสีชมพู ไม่ใช่สีที่เข้ากับเด็กผู้ชายเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวขาวโบ๊ะไง ใส่สีไหนก็โอเค หน้าตาน่ารัก...สีชมพูก็เลยเหมาะสุด ผมมองหาเสื้อแบบลายเรียบๆ ไม่การ์ตูนจ๋าแล้วก็ไม่อาร์ตจนเกินไป ดูอยู่นานอะ แต่ในที่สุดก้ได้ลายการ์ตูนที่เป็นเด็กผู้ชายผมสั้นใส่แว่นกลมอมจูปาจุ๊บ เออ...เหมาะกับเด็กโง่นั่นมากทีเดียว

“เอาตัวนี้ครับ” ผมส่งเสื้อยืดสีชมพูพาสเทลให้พนักงาน เธอยิ้ม รับเสื้อและเงินจากมือ

กลับไปค่อยเอาไปโยนใส่หน้าบ้านมัน แนบการ์ดไปด้วยเผื่อมันไม่รู้ว่าหมาข้างบ้านส่งมา รับรองได้ว่ามันต้องด่าผมอีกแน่นอน งั้นต้องบอกว่าแม่ซื้อให้ มันจะได้ไม่กล้าเอาเสื้อตัวนี้ทิ้งไป เป็นไง เจ้าแผนการพอไหม

ผมเดินออกจากร้านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แม้มีเรื่องของดิวให้คิดเยอะ ทั้งที่ทำให้เจ็บปวด ทว่ามันก็มีเรื่องดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดีอยู่ ผมมักเอารอยยิ้มที่ได้เห็นมาตั้งแต่เด็กนั้นเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เวลารู้สึกแย่เรื่องดิว เดินไปสักพักก็สะดุดสายตากับเด็กหนุ่มร่างเล็ก ใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนและเสื้อยืดสีชมพู จากที่จะเดินขึ้นบันไดเลื่อนก็ต้องหยุดดู

ดิวนี่ และนั่น...โอม

ดิวเงยหน้ายิ้มแย้มใส่โอมที่ซื้อตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลอ่อนให้ ตัวไม่ใหญ่มากนักแต่ก็น่ารัก โอมโน้มหน้าลงไป จิ้มแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อขอรางวัลจากอีกฝ่าย ดิวยิ้มเขิน ใบหน้าขาวใสดงระเรื่อ อยู่ไกลยังมองเห็นชัด ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ทั้งคู่เรื่อยๆ ไม่ได้จะเข้าไปทำลายความรักของเขาหรอก ก็แค่อยากดู...

“ไอ้โอม!” แต่ไม่ทันทีดิวจะได้หอมแก้มโอมต่อหน้าต่อตาคนอื่น เสียงผู้หญิงก็แว้ดใส่เสียก่อน โอมโดนดึงด้วยมือเล็กๆ และมือนั้นก็ฝาดเข้าหน้ามันเต็มๆ

“ไหม...นะไหน...ไหนว่าไปต่างจังหวัด”

“ถ้ากูไป กูจะได้เห็นไหมว่ามึงมามีกิ๊กเป็นอีตุ๊ดนี่!” แล้วคนชื่อไหมก็หันไปมองหน้าดิวอย่างเอาเรื่อง ผมรีบสาวเท้าเข้าไปเร็วๆ ตอนนี้ดิวนิ่งไปแล้ว

“เฮ้ย ไม่ใช่...มันแค่รุ่นน้อง โอมไม่ได้เป็นอะไรกับมัน”

“เหรอ แล้วที่จะให้หอมแก้มกันเมื่อกี้มันอะไร กูเห็นหมดแล้ว มึงนี่ก็หน้าด้าน...หาผู้ชายคนอื่นไม่ได้แล้วหรือไง ถึงได้มายุ่งกับผัวชาวบ้านเขาน่ะอีตุ๊ด!” ผู้หญิงคนนั้นตบหน้าดิวอย่างแรง จนดิวถึงกับเซ ผมเองก็ช็อกไป...ไม่คิดว่าจะได้เห็นคนที่ตัวเองรักโดนทำร้ายต่อหน้าแบบนี้

“ทำร้ายน้องผมอีกที ผมจะแจ้งความจับคุณทั้งคู่!” ดีที่คว้าข้อมือของหญิงสาวทัน ไม่งั้นดิวก็คงโดนอีก โอมตกใจที่เห็นผม ส่วนดิวมันเอาแต่ก้มหน้าอยู่เยื้องไปด้านหลัง

“มาเสือกอะไรไม่ทราบ ไม่ใช่เรื่องของคุณ!” เธอดึงมือตัวเองออกแล้วถอยเท้าห่างผม

“นี่น้องผม ทำไมผมเสือกไม่ได้ แฟนคุณมันพรากผู้เยาว์แถมคุณยังทำร้ายร่างกายน้องผมอีก อ่อ นี่ยังมีเรื่องที่แฟนคุณทำร้ายผมด้วย จะเอายังไง...ผมจะได้เอาเรื่องให้ถึงที่สุดบ้าง” คนฟังทั้งสองหน้าซีด ผมไม่สน แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำท่ากดเบอร์

แต่ก็ไม่ทันได้กดโทรจริงๆ ไอ้โอมมันรีบลากแฟนของมันออกไป ฝ่ายหญิงก็โวยวายจะเอาเรื่องผู้ชาย ผมไม่ได้สนใจคู่นั้นอีก จะตบตีกันหรือเลิกกันก็ตามสบาย ไม่ใช่เรื่องของผม คนด้านหลังผมต่างหากที่ผมสนใจ ผมแย่งตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออกมาจากอ้อมกอดของดิว สภาพมันตอนนี้เหมือนเมื่อก่อน เวลาผมแกล้งมันจนร้องไห้

“สมน้ำหน้า!” ผมด่าอีกฝ่ายเบาๆ

“กูพูดไปไม่ทันข้ามวันเลย เป็นไงล่ะ...กูพูดผิดไหมว่าเดี๋ยวมันก็ทิ้งมึง” ดิวเงยหน้ามองผมทันที

“สมใจมึงเลยสิ หึ...รีบตามมาทับถมกูเลยนะ” เสียงมันสั่น ดิวพยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าผม

“เออ สมใจกูมาก..อยากให้เลิกกันตั้งนานแล้วล่ะ ผู้ชายเหี้ยๆ พรรณ์นั้นไปรักมันทำไม แล้วถ้ามึงร้องไห้...กูจะด่ามึงซ้ำคอยดู” ผมชี้หน้า ดิวกัดฟันกำหมัดแน่น

ผมหันไปมองหาถังขยะ เดินเอาตุ๊กตาเวรนี่ไปทิ้งแล้วคว้าข้อมือเด็กถูกทิ้งไปด้วยกัน ดิวพยายามยื้อมือของมันออกจากมือผม แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยมันไป มันเองจะด่าผมเสียงดังก็ไม่ได้ ยังมีความหน้าบางอยู่อะนะ

“ทุเรศฉิบหาย...โดนทิ้งซ้ำๆ ซากๆ” ผมบ่นลอยๆ

“ไม่เกี่ยวกับมึงหนิต้น เสือกอะไรเรื่องของกูนักหนา...เจอหน้ากูทีก็ด่ากู ว่ากู เกลียดกูมากมายุ่งกับกูทำไมล่ะ!” ผมชะงักเท้า หันจ้องหน้ามัน

“เออ เกลียดมึงแล้วจะโพล่หน้ามาหามึงบ่อยๆ ทำไมละ เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้ ไอ้โง่!”

“ก็มึงจะแกล้งกูไง” อ่าฮะ...ข้อนี้ผมไหวไหล่ไม่เถียง

ผมพาดิวไปหาที่นั่งเงียบๆ เดี๋ยวนี้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แทบทุกที่มักจะมีมุมสงบๆ ให้นั่งเล่นทั้งนั้น แถมยังจัดเป็นเหมือนสวนย่อมก็มี ผมมีมุมประจำ ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ส่วนตรงไหนคนจะเยอะจะน้อยให้ดูว่าตรงนั้นใกล้ปั๊กไฟไหม ถ้าใกล้หรือมีปั๊ก ตรงนั้นคนจะเยอะมากเป็นพิเศษ

“มึงรอกูอยู่นี่นะ ถ้าหายไปกูตามเอาเรื่องถึงบ้านแน่” ผมเหวี่ยงดิวเบาๆ ให้นั่งรอบนโซฟาที่เขาจัดไว้ให้ มีสามตัวกับเก้าอี้นวมชิลๆ อีกสี่ แต่มีคนนั่งอยู่ตรงนี้แค่สองคน

ดิวพยักหน้ารับ มันก้มหน้าก้มตาหยิบมือถือออกมาเล่น คงโพสต์อะไรในนั้นหรือไม่ก็คุยกับเพื่อนของมัน ผมเดินไปหาซื้อน้ำขวดกับน้ำแข็งมาหนึ่งแก้ว และก็ผ้าเช็ดหน้า พอดีไม่ใช่คนชอบพกอะไรนอกจากโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ ผมเลยต้องมาเสียเงินกับผ้าผืนน้อยๆ ผืนนี้ เสร็จแล้วก็กลับมาหาดิว มันนั่งพิมพ์ไรหยิกๆ อยู่ไม่สนใจรอบด้านเลย ผมนั่งลงข้างๆ ด้านที่มันโดนตบ ดิวเหลือบตามองนิดหน่อย แล้วก็หันไปสนใจมือถือ

“คุยกับกิ๊กอีกคนหรือไง...”

“เสือกอีกแล้ว” มันบ่นกลับ ผมถือวิสาสะชะโงกหน้ามอง หึ...ตอนเดาข้อสอบไม่เห็นถูกแบบนี้เลยวะ

ผมเอาน้ำแข็งใส่ไปตรงกลางผ้าเช็ดหน้า จัดดีๆ เอาชายผ้ามามัดเอาไว้ตรงกลางเพื่อเก็บน้ำแข็งเอาไว้ จากนั้นก็เอามันไปโปะที่แก้มไอ้ดิว มันสะดุ้งแล้วก็ปัดออกทันที แม่งดื้อด้าน ต่อต้านกันได้ตลอด

“อยู่เฉยๆ ดิ้!” ต้องให้ดุหรือไง ดิวหน้าหงิกแต่ก็ไม่ยอมให้ผมเอาน้ำแข็งโปะหน้ามัน

“จะทำอะไร แม่งเย็นนะเว้ย...ไม่คิดว่ากูจะหนาวมั้งหรือไงฮะ!”

“แต่แก้มมึงบวมแล้ว ประคบก่อน มือถืออะเดี๋ยวค่อยเล่นก็ได้ กิ๊กมึงอะไม่ตายหนีมึงไปก่อนมันจะได้เอามึงหรอกดิว” คนฟังได้แต่กำหมัดแค้น ทำอะไรผมกลับไม่ได้ก็เลยต้องยอมเก็บมือถือตามที่บอก

ดิวมันแย่งน้ำแข็งไปประคบหน้ามันเอง เจ้าตัวเองหลังพิงพนัก มองเหม่อไปที่ไหนสักที่ก็ไม่รู้ ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้มันเสียใจมากแค่ไหนที่โดนทิ้ง ถ้าจำไม่ผิด คล้ายกับการอกหักครั้งก่อนเลยหนิ คนที่มันรักมีเจ้าของตัวจริงอยู่แล้ว ผมว่ามันต้องเสียใจมากที่มารู้ความจริง ตัวเองเป็นได้แค่ชู้คนอื่น มีค่าแค่ตอนที่เขาเหงาหรือมีปัญหากับแฟน ทั้งๆ ที่ตัวมันเองก็โหยหาความรัก

“ทำไมทุกคนถึงทิ้งกูวะ...” ไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้มันถามคำถามนี้กับผม แต่ผมก็เลือกจับมือข้างที่ว่างของมันมากุมแล้วนั่งเอนพนักไปกับมัน

“มึงก็แค่โชคร้ายดิว”

“โชคร้ายที่ทุกคนไม่รักกูงั้นเหรอ ฮ่าๆ...” เสียงหัวเราะมันแหบแห้งมาก สามารถสะท้อนความเจ็บปวดลึกๆ ในใจของมันออกมาได้อย่างดี

“คนที่รักมึงอะมี แต่มึงไม่เคยมองไปที่เขาเอง” ดิวเหลือบตามามอง แล้วเราก็สบตากันเงียบๆ ท่ามกลางเสียงประชาสัมพันธ์ เสียงคนคุยกัน หรือแม้กระทั่งเสียงมือถือของคนที่มานั่งหลับ

ดิวยื้อมือตัวเองออกพร้อมกับลดน้ำแข็งประคบหน้า  มันเอาผ้าวางบนแก้วแล้วก็นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมมองมันอยู่ตลอด สมองตอนนี้ลังเลว่าควรจะบอกความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อมันไหม แล้วมันจะเชื่อผมหรือเปล่า จะให้โอกาสคนที่ชอบแกล้งมันคนนี้ไหม

ทว่าสมาธิของผมก็พังทลายลงเมื่อมือถือมีคนโทรเข้า ดิวกรอกเสียงใสๆ ที่ยังมีความเศร้าเจืออยู่ลงไปในสาย คิดว่าเป็นเพื่อนที่โทรมา แต่เมื่อดิวเรียกชื่ออีกฝ่ายผมก็ต้องหงุดหงิดไปทันที

เหอะ...พี่ชินครับ ครับพี่ชิน ทีกูแม่งไม่เรียกพี่สักคำ ดีสุดคือไอ้ต้น ร้ายสุดคือไอ้เหี้ยต้น กูก็อายุมากกว่ามึงนะ ทำเหมือนกูเป็นเพื่อนเลยให้ตาย แล้วนี่ก็ต้องมานั่งฟังมันดราม่าใส่ผู้ชายอีกคนของมันเอง อ้อนกันเข้าไป จู๋จี๋กันเข้าไป เห็นหัวกูบ้าง นั่งทนโท่อยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่ใช่หมูหมากาไก่นะ ทำอย่างกับกูไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของมึงเลย

ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาบ้าง  เข้าโปรแกรมเฟซบุ๊กเพื่อโพสต์ความน้อยใจละคนหงุดหงิดลงไป เผื่อว่ามันจะดีขึ้นมาบ้างหากได้ระบายออก แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย เมื่อเสียงของดิวและชินแว่วเข้าหูอยู่อย่างนี้ ผมอยากลุกหนี...ไม่อยากฟัง แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงยังนั่งทำตัวไร้ตัวตนอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครสนใจผมสักหน่อย...

.....100%.....

ต้นอาจต้องกดบัตรคิว ไม่งั้นไม่ทันได้ง้าบดิวอย่างใจหมายแน่นอนครับผม ว่าแต่ดิวโดนตบเจ็บไหม? จะสมน้ำหน้าก็แบบ...จะว่าสงสารมันก็แบบ... //กรอกตาวนเป็นเลขแปด

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
«ตอบ #47 เมื่อ01-08-2017 00:05:06 »

ต้นดีขึ้นนิดนึงละ /ตบบ่า สู้ต่อไป
เถื่อนน้อยลงหน่อยนะเอ็งอะ

ส่วนดิว หมดจะพูดแล้วจริงๆ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
«ตอบ #48 เมื่อ01-08-2017 00:07:34 »

สมน้ำหน้าดีมั้ย???

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
«ตอบ #49 เมื่อ01-08-2017 09:22:34 »

โห เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดดีเนอะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่อยากให้ตัวเอกของเรื่องเขาคู่กัน ฝ่ายนึงก็จริงใจเกิน พูดตรงปากหมา แบบภักดีกับความรักครั้งนี้สุดๆ อีกฝ่ายก็ทำตัวเป็นของเหลือ ไร้ค่า ทั้งมุมมองความคิด การกระทำ การดำเนินชีวิต แม้กระทั่งเลือกคบเพื่อน พ่อแม่ไม่รักแล้วยังไง ขนาดตัวเองมันยังไม่รักเลย ไม่ควรคู่และคู่ควรกับอีกคนหนึ่งจริงๆ วู้ววววว คนเขียนก็เขียนแนวนี้ให้ได้อึดอัดกันทุกเรื่องจริง เก่งเกินไปละ //ปรบมือ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
« ตอบ #49 เมื่อ: 01-08-2017 09:22:34 »





ออฟไลน์ plearnly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 8 - 100% [31/07/60]ByGukakST
«ตอบ #50 เมื่อ01-08-2017 21:56:54 »

อ่านแล้วเศร้าใจมาก เมื่อไหร่ดิวจะเห็นค่าพี่เค้ามั่งละลูก

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #51 เมื่อ01-08-2017 23:10:05 »

>>ตอนที่ 9 [100%]<<

“มึงไม่ไปไหนหรือไง นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” กว่าจะวางสายได้ แบตแม่งหมดก่อนไม่งั้นมันไม่วางแล้วหันมาสนใจผมหรอก

“เอ้า กูจะนั่งตรงไหนแล้วเกี่ยวไรกับมึงละดิว นี่ก็ไม่ใช่ที่ของมึงสักหน่อยปะวะ” ดิวคิ้วขมวด

“งั้นกูไปละ”

“กูไม่ให้ไป” ผมรีบคว้าข้อมือของดิว รั้งไว้ตรงตัก

“อะไรของมึงเนี่ย ปล่อยกูเลย ไม่อยากอยู่กับคนปากหมาอย่างมึง”

“คนปากหมาอย่างกูแล้วทำไม กูไม่เหี้ยเหมือนคนปากหวานที่มึงคบๆ อยู่ก็แล้วกันดิว!” ผมใส่อารมณ์กลับ ก็ชอบว่าผมก่อนปะละ

“แหม พูดให้ตัวเองดูดี มึงแม่งเหี้ยกว่าคนที่กูคบอีก”

“ตรงไหน มึงพูดสิตรงไหน” ของชักขึ้นละนะ กูนี่รักเดียวใจเดียวมากนะ ไม่เคยทำตัวเหี้ยๆ กับใครแบบที่ผู้ชายพวกนั้นทำกับดิวสักคน

ไอ้ดิวพอถูกจี้ให้ตอบ มันก็ตอบไม่ได้ เอาแต่อ้ำอึ้งแล้วเสหน้ามองไปทางอื่น พยายามคิดละสิว่านอกจากปากหมากับกวนตีนแล้วผมเหี้ยตรงไหนบ้าง เอาเลย หากหาข้อเสียผมเจอก็เอา ผมนี่นะลูกที่ดีของแม่ เป็นพี่ที่ดีของน้องและเป็นนักเรียนที่เกรดไม่แย่ด้วย ดูซิ...หน้าอย่างมันจะเอาอะไรมาว่าผมได้บ้าง

“มึงมันเหี้ยแหละ” คิดตั้งนานได้แค่นี้

“แค่เนี้ย...พูดมาได้แค่นี้ แล้วอะไรในคำนี้บอกว่ากูเหี้ยกว่าผู้ชายที่มึงคบมา บอกอะไรให้นะดิว กูเหี้ยจริงอะ วันนั้นกูเอามึงไปละ กูไม่จำเป็นต้องอดทนเลย ไม่ต้องยืนเฉยๆ ให้โอมมากระทืบกูด้วยซ้ำ” คนตัวเล็กเม้มปากแน่น เป็นไงละ...เถียงไม่ออกอะดิ

“อย่าเอากูไปเปรียบเทียบกับคนที่ผ่านมาของมึง กูไม่ชอบ”

“แล้วคิดว่ากูชอบที่มึงด่ากูนักหรือไง คนดีๆ ที่ไหนเจอหน้าต้องแดกดันกูตลอดเวลา กูไปเผาบ้านมึงไงถึงต้องทำงี้กับกู” ดิวขึ้นเสียง หาเรื่องที่ผมแย่ได้แค่พูดคำจา

“แล้วมึงพูดดีกับกูตายละ เรียกกูพี่สักคำก็ไม่มี มีแต่ไอ้กับเหี้ย แล้วไง...กูต้องพูดดีกลับปะละ”

“ก็ที่เป็นแบบนั้นเพราะมึงอะชอบแกล้งกูนั่นแหละ!” ดิวเถียงแบบไม่ยอมแพ้ แต่ข้อนี้ผมก็เถียงมันลำบากวะ

“มึงไม่เคยได้ยินคำว่ารักหรอกจึงหยอกเล่นเหรอ...ฟาย” นั่นแหละ คำแถของผมเอง ผมเป็นงั้นจริง...ผมชอบแกล้งมัน

“แถโง่ๆ มึงจะไปไหนก็ไปเลยไป..เหม็นขี้หน้าวะ” ดิวสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง มือนี่ก็พยายามรั้งออกแต่ออกไปไม่ได้

“กูไม่ไป...”

“อะไรของมึงนักหนาวะ...”

“กูอยากอยู่กับมึง” ผมพูดแทรกขึ้นก่อนที่มันจะพูดอะไรจบ ดิวหันมามองเหมือนผมเป็นตัวประหลาด แต่ผมก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนั้น

จริงๆ ผมว่าผมพูดไปขนาดนี้มันน่าจะเอะใจได้บ้าง ผมคาดหวังให้มันรับรู้ความรู้สึกของผมเหมือนกัน เพราะไม่กล้าที่จะบอกมันออกไปตรงๆ ผมเคยคบคนอื่นนะ แต่มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนี้ เหมือนกับว่า...ถ้าเขาปฏิเสธ เราก็ต่างคนต่างไป ไม่เจอกันสักพักก็ทำใจได้ แต่กับดิวมันไม่ใช่ ต้องเจอหน้ากันตลอด ต้องเห็นหน้าบ่อย ผมตัดใจไม่ได้หรอก

นั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้นได้พักเดียว ผมก็ชักเบื่อ มีมันอยู่ข้างๆ ก็ดีนะ แต่จะนั่งนิ่งกันแบบนี้ไปตลอดคงไม่โอเคเท่าไหร่ ไหนๆ ก็มาอยู่ห้างกันแล้ว พากันไปเที่ยว ไปเดินเล่นมันน่าจะดีกว่า

“เดี๋ยว มึงจะพากูไปไหน..ปล่อยกูจะกลับบ้าน”

“ค่อยกลับพร้อมกัน กูอยากดูหนัง...” ผมดึงมันให้เดินตาม แต่ดิวดื้อ มันยื้อตัวเองเอาไว้

“ก็ไปดูคนเดียวเซ่ ปล่อยกู”

“เฮ้อ....เวลามึงปากร้ายใส่เนี่ย กูรู้สึกอยากจูบมึงชะมัด” หันไปส่งยิ้มเจ้าเล่ใส่ ดิวตาโตตกใจ แต่ก็ครู่เดียว มันเตะขาจนผมเกือบเซ

“พูดเหี้ยไรของมึง ไม่ต้องหว่านคำหวานกวนประสาทกูเลย” เออดี...ตีความอย่างนั้นไป

“พูดดีๆ ก็ไม่เอา พูดเหี้ยๆ ก็ด่ากู มึงจะเอาไงกันแน่...” จ้องตาหาเรื่อง ดิวโดนจี้เข้าแบบนี้ก็เริ่มลอกแลก

เมื่อมันตอบผมไม่ได้ ผมก็ลากมันไปที่ซื้อตั๋ว เลือกหนังที่ตัวเองอยากดูโดยไม่ถามความสมัคใจของดิว แต่ไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าดิวชอบหนังแนวนี้ ดีไม่ดีก็น่าจะอยากดูอยู่แล้ว เหลือบเห็นแววตาดีใจของมันตอนผมจิ้มเลือกหนังอะนะ ผมจ่ายเงินค่าตั๋วเอง ไม่ให้มันออกสักบาท และเชื่อว่ามันต้องไม่ยอมออกแน่นอน ก็มันไม่ได้อยากมาดูกับผมนี่นา

“ถือดิ้” ผมยัดถุงเสื้อที่ตั้งใจจะให้ดิวใส่มือมัน

“เฮ้ย กูไม่ใช่เบ๊มึงนะต้น”

“ตอนนี้ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ หุบปากแล้วเดินตามดีๆ เจ้าทาสหน้าโง่” พอพูดไปแบบนั้น ดิวก็เตะขาผมอีก แม่งเล็งข้อพับเข่า กะให้ล้มหน้าขมำกันไปข้าง ไม่นึกบ้างว่าผมจับมือมันอยู่ ล้มทีก็ล้มคู่เลยนะ แต่ดีที่ผมไหวตัวทัน ก็เลยรอดจากการเป็นเป้าสายตาของผู้คน

“กูเกลียดมึง!”

“เขาว่า...เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น ระวัง ได้กูเป็นผัวนะ” ยักคิ้วใส่แบบกวนตีน ดิวฮึดฮัดขัดใจ ทำอะไรผมไม่ได้ก็เลยมีสภาพเป็นอย่างนั้น เหมือนเด็กน้อยงอแงมากเลยล่ะ โคตรน่ารัก

“ไม่มีทาง กูไม่มีวันเอาคนอย่างมึงหรอก”

“แล้วจะรอดูคนผิดคำพูด” ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ เสียงที่ออกมานี่อย่างกับตัวร้ายในละคร แล้วดิวก็เป็นนางเอกที่โดนผมลักพาตัวมา

หนังเข้าตอนหกโมงสิบห้า มันมีรอบที่ใกล้เข้าแหละแต่ตำแหน่งที่ผมชอบมันไม่ว่าง ก็เลยเลือกรอบถัดไปซึ่งต้องรอนาน ผมเก็บบัตรใส่กระเป๋าอย่างดี พลางลากเจ้าเด็กดิวไปตามทาง ไม่มีจุดหมายอะครับ ไม่มีที่ไปตายตัวอะไร กะว่าเดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงจะรู้เองว่าอยากไปไหน อยากได้อะไร

“เออ มึงมีที่ชอบไปมะ” ผมลองหันไปถามคนข้างๆ ที่เดินหน้ามุ่ย บอกบุญไม่รับ

“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีมึงอะ” อ่าว พูดจา...เดี๋ยวด่ากลับเลยไอ้เด็กนี่

“กูถามดีๆ อย่าทำให้หงุดหงิดได้ไหมวะ”

“แล้วคิดว่าหงุดหงิดคนเดียวเหรอ กูก็หงุดหงิดนะเว้ย มึงอยากทำอะไร ไปไหนก็ไปคนเดียวดิ มายุ่งกับกูทำไม” และแล้วเราก็หาเรื่องทะเลาะกันอีกจนได้ ผมมองหน้ามันตาขวาง เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเพื่อลดอาการหงุดหงิดของตัวเอง

“ถ้ากูไม่ยุ่ง...มึงคงโดนตบหน้าแหกอยู่ตรงหน้าไอ้โอมอะ”

“ก็ไม่ได้ขอปะวะ กูเอ่ยปากขอมึงเหรอต้น”

“ไม่ กูเสือกเอง โอเคไหม...กูเสือกเข้าไปยุ่งมึงทุกอย่างนั่นแหละ แต่ยังไงกูก็ช่วยมึง คำขอบคุณไม่มีสักคำมีแต่ด่าและหาเรื่องกูอยู่นี่ หาว่ากูปากหมา ไม่เคยพูดจาดีด้วย พอกูพูดดีแล้วมึงก็แบบนี้...มึงจะเอายังไงดิว พูดดิ้สัตว์พูด!” เสียงตะคอกของผมดังจนคนเริ่มหันมามอง ผมโมโห...ผมหงุดหงิดที่มันเป็นแบบนี้ เราจะเดินด้วยกัน ดูหนังด้วยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ไม่ได้อยากเอาเรื่องช่วยมันมาเป็นข้ออ้างหรอกนะ แต่มันเป็นแค่เรื่องเดียวที่ผมสามารถใช้เพื่อรั้งมันเอาไว้ใกล้ตัวได้

“ปล่อยกู...” มันตอบผมกลับได้แค่เสียงที่เบาหวิว ไม่เคยเจอผมโมโหใส่ขนาดนี้ก็เลยกลัวสินะ ผมก็ไม่ได้อยากโมโหใส่มัน แต่ดูมันทำตัว ความอดทนคนมันมีขีดจำกัดนะ

“กูไม่ปล่อย กูจะไม่มีวันปล่อยมึงดิว...” พอเห็นว่ามันกลัวหัวหด ผมก็ตะคอกมันอีกไม่ออก ได้แต่ลากมันเดินไปตามทางเรื่อยๆ ในเมื่อมันไม่มีที่ไป ผมเองก็ไม่มีเป้าหมาย งั้นก็เดินแม่งให้ทั่วห้างมันเลยเนี่ยแหละ ถือว่าออกกำลังกาย

ระหว่างเรามันมาคุมาก ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย ดิวไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ มันเอาแต่เดินก้มหน้าก้มตา ที่พื้นมีอะไรดีนักหนาอันนี้ผมไม่รู้ แต่คงดีกว่าได้มองหน้าผม คนที่มันเกลียดละมั้ง ผมปวดใจอยู่ลึกๆ ที่มันแสดงท่าทีแบบนี้ใส่...แต่ผมไม่อยากปล่อยมันไป มันเป็นความเห็นแก่ตัวที่ไม่ได้ทำให้ตัวเองรู้สึกดีเลย

ปกติได้อยู่กับคนที่เรารัก ไม่ว่าจะสถานะไหนมันก็น่าจะมีความสุขใช่ไหม แล้วหากต้องรู้ว่าคนที่เรารักเขาไม่เคยอยากอยู่กับเราเลย ช่วงเวลานั้นมันจะมีความสุขอยู่อีกหรือเปล่า เดินไป ผมก็ถามตัวเองไปว่าผมทำไปเพื่ออะไร ทุกอย่างบ้าบอไปตามอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของตัวเองทั้งนั้น ตอนนี้ก็ต้องมานั่งเสียใจว่ากูทำอะไรลงไป...จับมือเดินด้วยกันทั้งที่มันทำให้เขาทรมานใจน่ะเหรอ

ผมหันไปมองหน้าดิว เป็นจังหวะที่มันเงยหน้ามามองผมพอดี แววตาคู่นั้นมีความสับสน ส่วนมันจะเป็นเรื่องอะไรผมไม่รู้ ที่รู้คือมันไม่ได้อยากอยู่ตรงนี้ มันอยากกลับบ้านไปหาคนที่มันชอบ คนที่ใช้คำพูดหวานๆ ปลอบมันได้ ซึ่งคนนั้นไม่ใช่ผม

“เฮ้อ...ไปไหนก็ไปเหอะ” ผมตัดสินใจปล่อยมันไป ทนความอึดอัดและทรมานใจไม่ไหวแล้ว ทุกๆ ย่างก้าวมันเหนื่อยมันล้าไปหมด

อย่าทำหน้าแบบนั้นตอนอยู่ด้วยกันได้ไหม สีหน้าที่แสดงออกชัดว่ารังเกียจ ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากมองหน้า อยากหนีไปไกลๆ ผมไม่กล้ามองดิวอีก...ได้แค่มองปลายเท้าของมัน รอดูเท้าเล็กๆ คู่นั้นเดินจากไป ทว่ารออยู่นานมันก็ยังอยู่ที่เดิม ผมก็เลยเป็นฝ่ายจะเดินไปเอง

ผมเริ่มออกเดินวนกลับไปทางเดิม ว่าจะไปนั่งเล่นมันที่โรงหนัง เล่นเกมมือถือโง่ๆ หรือโทรหาเพื่อนมาดูด้วยกัน อะไรก็ได้ที่ไม่ต้องคิดถึงสีหน้าอึดอัดใจของดิว เดินไปได้สักพัก หางตาดันเหลือบไปด้านหลัง ตั้งใจว่าจะหันไปดูดิวว่ามันไปหรือยัง แต่กลับโดนคนชนหลังเข้าเต็มๆ

“โอ้ย! หยุดทำไมวะไอ้หมาต้น” ดิวกุมจมูกตัวเอง ส่วนผมก็ยืนยิ้มๆ ให้กับความคาดไม่ถึงนี้

“ตามมาทำไม”

“โกรธอ่อวะ” อย่าช้อนตามองกันแบบนั้น ผมเกาจมูกแก้เก้อ ต้องเสหน้าไปทางอื่นเพียงเบี่ยงสายตา

“โกรธอะไร ใครโกรธมึง...”

“มึงไง”

“กูไม่เคยโกรธมึง” เพื่อย้ำให้มันรู้ เลยหันมาสบตากับมัน

“ไม้ก็บอกแบบนี้...” มันพูดเสียงเบามากจนผมไม่ได้ยิน ผมโน้มตัวลงเพื่อให้หน้าเราใกล้กัน

“มึงว่าอะไรนะ กูได้ยินไม่ชัด”

“ไอ้ห่า เอาหน้าออกไปไกลๆ เลย!” ดิวผลักหน้าผม ไม่ได้แรงมากเพราะผมขยับออกเอง

“ก็กูไม่ได้ยิน”

“ก็ไม่ต้องได้ยินไปสิ ตอนนี้กูหิว...มึงเลี้ยงข้าวด้วย” ง่ายๆ แบบนี้ก็ได้เหรอคนเรา?

ดิวเดินนำไปด้านหน้า เดินดุ่ยๆ เหมือนโกรธอะไรใครสักคนมานั่นแหละ มันไม่ได้รู้เลยว่าผมมีความสุขมากแค่ไหนที่มันไม่เลือกเดินจากไป แต่กลับยอมอยู่ด้วยกันต่อ ผมหุบยิ้มแทบไม่ลงอีกเลย ยกเว้นเวลามันหันมาดู ผมจะทำเป็นนิ่ง มองนู้นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย กลัวเสียฟอร์มเป็นอะนะ

ดิวเลือกร้านอาหารญี่ปุ่น เจ้าตัวสั่งๆ ไม่เกรงใจคนจ่ายตังค์เลยสักนิดเดียว ผมเองสั่งไปแค่เบนโตะ เดาว่าไอ้ที่ดิวสั่งมันน่าจะกินไม่หมด ผมต้องกินส่วนเหลือนั้นอยู่ดี ดิวเอาถุงเสื้อวางไว้บนโตะ ตานี่จ้องมองอย่างกับมันสามารถพุ่งเข้าไปเห็นด้านในได้

“อยากรู้ว่าคืออะไรก็หยิบออกมาดูสิ” เท้าคางบอกมันยิ้มๆ

“ใครบอกกูอยากรู้ มั่ว...”

“สีหน้ามึงมันบอก เอาออกมาดูเหอะ...กูซื้อมาให้” เวร! ตั้งใจจะบอกว่าแม่ซื้อให้ หลุดไปแบบนี้แม่งต้องเอาเสื้อนี่ไปทิ้งแน่เลย

“มึงเนี่ยนะซื้อให้กู บอกกูอีกทีว่ากูไม่ได้หูฝาดไป”

“อืม กูซื้อมาให้ ลายเสื้อมันหน้าโง่เหมือนมึงดี” เราเอาความปากหมาเข้าสู้ ดิวขมวดคิ้ว มันเมินถุงเสื้อนั้นอย่างสิ้นเชิง

“งั้นกูไม่เอาหรอก เอาไปก็เอาไปทิ้งเปล่าๆ” ลอยหน้าลอยตานักนะ

“เนี้ย มีคนทำดีให้ก็ไม่เอา...อีกหน่อยคงไม่มีใครอยากทำดีให้ละมั้ง” พูดจบผมก็เมินดิวบ้าง หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ไม่สนใจอีกฝ่าย ดิวลนลานและคิดหนัก ตัวเองเมินผมได้แต่พอโดนผมเมินบ้างกลับอยู่ไม่สุก

“เออ กูเอาก็ได้ แต่คราวหลังไม่ต้อง เสื้อกูเยอะแล้ว” หึหึ...เด็กโง่

.....100%.....

คนที่แอบรักก็ได้แต่ความขื่นใจนี้เอาไว้~
จุฟๆ.ช่วงนี้เรากำลังอยู่ในเทสกาลย้ายบ้าน อาจมาๆ หายๆ เพราะติดต้องย้ายเน็ต นี่อัปดึกเพราะไปทำความสะอาดบ้านมา ยังไงถ้าหายไปอย่าเพิ่งเทข้าเจ้าเน้อ เดี๋ยวข้าเจ้ามาอีปเช่นเดิมน้า ^^

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #52 เมื่อ01-08-2017 23:19:36 »

ต้นก็เกิดในครอบครัวที่อบอุ่นแต่ทำไมไม่รู้จักแสดงออกให้เหมาะสม ปากร้ายแถมยังไม่รู้จักแสดงความรู้สึก สร้างกำแพงเองแล้วใครละจะก้าวข้ามไปได้ง่ายๆ  o22 :mew5:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #53 เมื่อ01-08-2017 23:29:31 »

เริ่มรู้สึกดีแล้วป่ะ ดิว,,,

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #54 เมื่อ01-08-2017 23:40:17 »

เริ่มดีละต้น เริ่มดีละ ทำดีต่อไป เลิกด่าเค้า

ส่วนดิว เปิดใจกว้างๆมองต้นดูบ้างนะ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #55 เมื่อ02-08-2017 12:24:22 »

อ่านถึงตอนแค่คลิป แต่อยากเมนต์ก่อนนนน จะออกไปข้างนอก


อยากกอดดิวอ่ะ กอดแบบให้กำลังใจ เมื่อไหร่หนูจะเจอคนที่รักจริง ที่ไม่ใช่แค่เปลือกและร่างกาย
ต้นก็นิสัย กวนทรีน แต่เจ็บแทนเลยอ่ะ ยอมเจ็บตัวเพื่อให้เขากลับมาคืนดีกัน คุ้มป่ะ แล้วตัวเองก็มาเสียใจเองงี้อ๋อ 

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #56 เมื่อ06-08-2017 19:26:57 »

อยากอ่านต่อแล้วครับรบกวนมาต่อด้วยค้าบ

ออฟไลน์ mamaree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #57 เมื่อ06-08-2017 22:35:59 »

รออยู่น้าาาา :pig4:

ออฟไลน์ Bk borz.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 9 - 100% [01/08/60]ByGukakST
«ตอบ #58 เมื่อ08-08-2017 22:01:28 »

หายเลยเมื่อไหร่จะมาต่อครับ

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 10 - 100% [12/08/60]ByGukakST
«ตอบ #59 เมื่อ12-08-2017 19:59:08 »

>>ตอนที่ 10 [100%]<<

ผมและดิวพยายามกินข้าวกันให้ช้าที่สุด กว่าหนังจะเข้าก็อีกนานเลยครับ มีโทรศัพท์ก็ฆ่าเวลาได้อยู่แต่ของดิวมันแบตหมดแล้ว ผมไม่มีทางเอามือถือตัวเองให้มันเล่นแน่ๆ เดี๋ยวมันจะดอดไปคุยกับไอ้รุ่นพี่มอหกคนนั้นอีก ทีผมอยู่ข้างๆ มันไม่เห็นจะสนใจ ชอบนักนะแหละคนปากหวานน่ะ

เฮ้อ...นึกแล้วก็หงุดหงิด

แต่ต่อให้กินช้าก็ยังต้องออกมาเดินเล่นฆ่าเวลาอีกนานเหมือนกันกว่าหนังจะเข้า ผมพยายามจะเดินตามหลังดิว เพื่อให้มันได้เดินไปในที่ที่มันอยากจะไป เจ้าตัวหันมามองผมเป็นพักๆ เหมือนถามว่าจะไปไหน ผมไม่ตอบ เสหน้ามองไปทางอื่นอีกต่างหาก เจ้าตัวชักสีหน้าหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ก็ยอมต่อ เท่าที่สังเกต ดิวไม่มองอะไรเป็นพิเศษ เหมือนเดินไปครุ่นคิดไปมากกว่า

“ไปโรงหนังกัน หนังจะเข้าล่ะ” พอได้เวลา ผมก็เดินไปจับมือดิว เจ้าตัวพยายามยื้อมือออก แต่ผมไม่ยอมปล่อย

“ไม่ต้องจับมือก็ได้ปะ”

“ไม่ได้ เดี๋ยวเด็กหลง” พูดไปส่งๆ ได้ยินเสียงจิ้ปากขัดใจ ดิวไม่ได้รั้งมืออกอีก เดินตามเงียบๆ เหมือนที่เดินกันเงียบๆ มาตลอดนั่นแหละ

ผมฉวยโอกาสจับมือมันตลอด แกล้งขยับเข้าไปใกล้จนตัวแทบจะชิดกันระหว่างเดิน ดิวไม่ได้เอะใจเท่าไหร่นัก มันดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย ไม่มองมาทางผม ก็เข้าใจ ผมไม่ใช่สิ่งเจริญตาสำหรับมัน ก่อนเข้าโรงผมแวะซื้อขนมและน้ำเอาไว้สำหรับกินเล่นตอนดูหนัง ดิวเลือกสาหร่ายและน้ำชา ผมเป็นป๊อปคอนและน้ำอัดลม เราเข้ามาในโรงก่อนหลังเริ่มห้านาที ผมยังไม่ยอมปล่อยมือเจ้าตัวเลย ยึกเอาไว้เป็นหลักประกันว่ามันจะไม่วิ่งหนีไป...ซะเมื่อไหร่ ก็แค่อยากจับมือมันเอาไว้เท่านั้นเอง เป็นกำไรให้ตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งดิวก็ไม่ได้ยอมง่ายนักหรอก ก็มีบ้างที่พยายามรั้งมือตัวเองกลับไป หรือด่าผมเบาๆ ไม่ให้เป็นที่สังเกตของคนรอบข้าง แต่ผมหน้าด้านสู้เข้าไว้

เมื่อหนังเริ่มฉาย ไฟถูกดับออกจนหมด ผมแทบจะดึงทั้งแขนของมันมาอยู่ในอ้อมกอด ยื้อกันอยู่พักใหญ่แบบไม่มีเสียง แล้วผมก็เป็นฝ่ายชนะได้แขนดิวมากอดแก้หนาว มันกัดกรามจ้องตาผมแทบถลน ตัวเองคงนั่งดูไม่ถนัดเท่าไหร่นักละมั้ง ผมก็เลยถือโอกาสดันหัวมันมาซบไหล่ ไม่ง่ายแบบ...ดันมาปุ้บซบปั้บหรอกนะ ก็ยื้อกันเหมือนมือมันนั่นแหละ สุดท้ายดิวยอมเพราะเหนื่อยจะต่อต้าน อีกทั้งผู้คนหันมาจ้องเราเยอะเกินไป

หนังก็สนุก คนดูด้วยก็เป็นคนที่เราชอบ...วันนี้ผมได้กำลังวังชามาเยอะเหมือนกันนะ เรียกว่าที่ลงทุนเจ็บตัวเพื่อมันไปตั้งมากายได้คืนเอาก็วันนี้เนี่ยแหละวะ โดนบึ้งตึงใส่ไปบ้างก็ช่างมัน มองข้ามเรื่องแย่ๆ ไปบ้างเพื่อให้เราได้มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ผมเสพบรรยากาศและมองหน้าดิวมากกว่าหนังที่ฉาย เจ้าตัวอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว พอได้ดูก็สนใจแต่หนังไม่ได้หันมาเห็นว่าผมจ้องมันอยู่ เฝ้ามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เครียดเอย กดดันเอยหรือแม้แต่มีความสุขกับตัวละคร เป็นช่วงเวลาที่ดิวเป็นตัวของตัวเองและเป็นธรรมชาติที่สุดตั้งแต่อยู่กับผมมาเลยละมั้ง

RrrrRrrrr

ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกจากโรงหนัง เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมหยิบขึ้นมาดูว่าใครเป็นคนโทรเข้า เห็นเบอร์น้องแล้วก็แปลกใจ นี่เกือบจะสามทุ่มแล้ว มันโทรมาทำไมหรือว่าไม่เห็นผมอยู่บ้าน

“ว่าไง” ผมยังคงจับมือดิวเอาไว้ ไม่ปล่อยแม้มันจะทำหน้าหงิกใส่

(พี่อยู่ไหนอะ มารับหน่อยดิ...เหนื่อยวะ ไม่อยากกลับเองเลย) โห นี่ซ้อมกันหนักไปหรือเปล่าวะเนี่ย

“เพิ่งดูหนังจบ เดี๋ยวพี่ไปรับ ที่ยิมป่ะ...”

(ใช่พี่ เร็วนะ ผมอยากอาบน้ำนอนแล้วเนี่ย)

“ใครใช้ให้ซ้อมหนักวะ” ผมพาดิวเดินไปเรื่อยๆ คงไม่เดินเล่นต่อแล้ว ร้านต่างๆ ในห้างก็พากันปิดไปเยอะ

(ก็ผมกลัวพรุ่งนี้ทำได้ไม่ดีอะพี่ นี่ก็เครียดๆ...กังวลชะมัดเลย)

“เออ แต่ซ้อมหนักแบบนี้ระวังร่างกายบาดเจ็บแล้วพรุ่งนี้ลงแข่งไม่ได้นะมึง”

(ไม่ต้องห่วง ผมเซฟอย่างดีหน่า มารับได้แล้ว...เร็วๆ)

“เออ แค่นี้แหละ” ผมกดวางสาย หันไปมองหน้าดิว

“กลับพร้อมกูเลยละกันนะ เดี๋ยวแวะไปรับไอ้ไม้ก่อน มึงหิวปะ...กินไรก่อนไหม” คนตัวเล็กส่ายหน้า

“หิวบ้าอะไร ก่อนเข้าโรงเพิ่งกินไปเอง นี่อย่าบอกนะว่ามึงหิวแล้ว?” ดิวเลิกคิ้ว

“ไม่อะ ห่วงมึงเฉยๆ” ว่าลอยๆ แล้วเดินต่อไปยังที่จอดรถ

“เมื่อไหร่จะปล่อยมือกู” เราเดินมาใกล้จะถึงที่จอดรถผมแล้ว ดิวถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ คงเพราะผมจอดรถไว้ในจุดที่คนไม่ค่อยจอด มันก็เลยวังเวงไม่น้อย

“หวงเหรอของแค่นี้?” หันไปมองหน้า ดิวทำตาดุที่ไม่ได้ดูดุดันเลยสักนิด

“เออ กูหวง” ผมแกล้งบีบมือมันให้แรงกว่าเดิม

“ดี...ยิ่งหวงก็ยิ่งอยากจับ” ว่าแล้วก็ลากมันเดินต่อไวๆ ไปที่รถ

ดิวตั้งใจจะไปนั่งด้านหลัง แต่ผมดุแล้วบังคับให้มันมานั่งข้างๆ ไม่งั้นเราจะไม่ออกไปจากที่นี่ อยู่ค้างแม่งในชั้นจอดรถนี่แหละ ดิวก็เลยยอมแบบโคตรจะจำใจเลย ช่วงค่ำแบบนี้รถราบนถนนเริ่มไม่ค่อยมีเท่าไหร่นัก และห้างนี้ก็ไม่ไกลจากโรงเรียน ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีผมก็มาถึงโรงยิมที่ไม้ใช้ซ้อมแบดมินตัน ลงไปรับน้องที่นอนแผ่หราอยู่บนพื้นกับเพื่อนๆ

“ช้าอะ...” เจ้าไม้บ่นเบาๆ แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นว่าดิวมากับผมด้วย

“ขยันซ้อมจัง พรุ่งนี้จะแข่งอยู่แล้วหนิไม้” ดิวเดินเข้าไปหาน้องชายผม เขาช่วยกันเก็บของแล้วปล่อยให้ผมยืนมองเฉยๆ

“เรากลัวทำได้ไม่ดี แม่ไปดูด้วยเครียดสุดๆ” ไม้กอดคอดิวเดินมา

“ไม้ทำได้อยู่แล้ว เพื่อนเราเก่งจะตาย” ดิวยิ้มกว้างใส่ไม้ เห็นแล้วเกิดความอิจฉาจนตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“กากจะตาย ไม่เห็นเก่งตรงไหน”

“เอ้า อะไรของมึงเนี่ยไอ้น้น นี่น้องมึงกำลังจะแข่งนะ...แทนที่จะใหกำลังใจ ยังมีหน้ามาปากหมาใส่น้องอีก น่าเบื่อเนอะไม้ คนแบบนี้ไม่น่านับพี่นับน้องเลย” แค่เอ่ยออกไปอย่างกวนตีน ดิวก็สวนกลับมาทันที นี่หาโอกาสด่าผมอยู่แล้วป่ะ ก่อนหน้านี้อยู่ท่ามกลางผู้คนเลยด่าไม่ได้งี้เหรอ เฮอะ!

“เออ พี่แม่งปากเสีย ตบปากตัวเองสิบทีปฏิติบัติ!!” ไม้ออกคำสั่ง ไอ้นี่ก็เป็นไปด้วยกับดิว

“ได้ แต่พวกมึงกลับกันเองนะ” ผมทำท่าจะเดินหนี เจ้าไม้รีบวิ่งมากระโดดกอดคอผมเอาไว้

“ผมล้อเล่น นะนะ..ไม่โกรธน้องนะ” เห็นท่าทางง้องอนแล้วก็ขำ

“เออๆ ไมโกรธ ไปกันได้แล้ว...เหนื่อยแล้วไม่ใช่หรอ” เจ้าไม้พยักหน้า ผมเหลือบตาไปมองดิว เจ้าตัวมองทางเรายิ้มๆ มันมีความขมขื่นและเศร้าหมองอยู่ในนั้น...บ่อยครั้งที่ดิวทำได้แค่มองดูเราสองพี่น้องเล่นกันแล้วซ่อนความเจ็บปวดของตัวเอง ดิวพยายามจะยิ้มให้ พยายามจะไม่คิดอะไร แต่ผมก็พอจะรู้ว่าดิวน่าจะอิจฉาที่ครอบครัวของเขาไม่อบอุ่นเหมือนครอบครัวเรา

ผมกระทุ้งศอกใส่ไม้เบาๆ พยักเพยิดไปทางดิว ไม้หันไปมองก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร น้องชายผมวิ่งไปกอดคอดิวเหมือนเดิม แสร้งทำเป็นเหนื่อยแล้วให้ดิวพยุงตัวเองเดินไปตามทาง ผมเลยจำเป็นต้องถือสัมภาระให้น้อง การที่ไม้ไปให้ความสำคัญกับดิวแบบนั้นบ้างจะลดความรู้สึกเป็นส่วนเกินออกไปได้ ผมรู้ว่าไม่ทั้งหมด แต่แค่ได้บ้างมันก็ยังดี ทั้งผม ไม้และแม่ก็พยายามทำแบบนั้นเสมอเมื่อเราอยู่ต่อหน้าดิว ไม่ได้ทำเพราะสงสารหรอกนะ...แต่เพราะแคร์มันถึงได้ทำแบบนั้น

ทว่าการกระทำของคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมันไม่สามารถเยียวยาจิตใจของดิวได้มากนักหรอก พ่อแม่ของมันยังเมินมัน นั่นคือความเป็นจริงที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับลูกที่เคยได้รับความรักมาก ตอนนี้ไม่เหลือแล้ว...ทั้งพ่อและแม่

มาถึงรถ ไม้ขอให้ดิวนั่งหน้ากับผมเพราะมันอยากจะเอนหลังนอนพักหน่อย ดิวก็เข้าใจ ไม้มันซ้อมมาหนักก็อยากพักเป็นเรื่องธรรมดา ดิวยอมนั่งหน้าง่ายๆ ไม้นั่งหลังได้มันก็เอนหลังนอนราบลงไปทันที บ่นเหนื่อยๆ อยู่นั่นแหละ มือก็กดมือถือไปเรื่อย

“ผมบอกแม่ละว่าดิวไปกินมื้อเย็นด้วย พรุ่งนี้ดิวไปพร้อมเราเลยป่ะ...นะๆ” ที่เอาแต่มือถือนี่คือคุยกับแม่สินะ

“ไม้ไม่ต้องรีบไปเตรียมตัวก่อนเหรอ” ดิวเอี้ยวตัวไปถาม

“รีบดิ แต่เราจะไม่ยอมรีบคนเดียวไง ทุกคนต้องรีบไปพร้อมกับเราเลย” ไอ้ตัวดียิ้มแฉ่ง

“เลว” ผมด่าสั้นๆ

“เออ ผมเลว...มีไรป่ะครับคุณพี่ชายผู้แสนดี” นั่น มีแดกดันกันด้วย

ผมจับดิวเอาไว้ก่อนจะเบลกแรงๆ หนึ่งที เจ้าไม้ที่นอนอยู่บนเบาะถึงกับกลิ้งตกลงมาร้องโอดโอย ดิวตกใจ แต่พอมันรู้ว่าผมแกล้งน้องตัวเองมันก็หัวเราะเยาะคนเจ็บด้านหลัง ไม้ด่าเป็นชุด แต่พอเห็นว่ามันทำอะไรผมไม่ได้มันก็ดราม่าใส่ดิว หวังให้ดิวช่วยโจมตีผม ดูยังไงมันก็แกล้งอะ ดิวเองก็ดูรู้ มันแหน็บเนมไม้อยู่สองสามประโยคแล้วหันมาด่าผม ไม้มีพวกแล้ว....

เราโต้เถียงกันจนกระทั่งมาถึงบ้าน ลงรถแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด ไม้นี่วิ่งโล่ไปฟ้องแม่ก่อนเพื่อน ผมยิ้มระรื่น อารมณ์ดีที่เห็นน้องงอแงเหมือนเด็กไม่รู้จักโต แต่ที่ทำให้ผมอารมณ์ดีมากจริงๆ คือดิวมันหัวเราะมาตลอดทางเลยต่างหาก

รอยยิ้มของมันคือต้นกำเนิดความสุขในวันนี้เลยล่ะ...

มื้อค่ำแม่ไม่ได้กินด้วย แต่ก็นั่งเล่นอยู่กับเด็กๆ อย่างเราสามคน ช่วยน้องซ้ำเติมผม ตอนนี้กลายเป็นผมโดนรุมต่อว่าอยู่คนเดียว ไม่น้อยใจหรอกไม่ต้องห่วง ต้นคนนี้ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ความกวนตีนมีมากพอจะทำให้ไม้และดิวหัวเสียได้ไม่ยาก มีแค่แม่คนเดียวที่ไม่หัวเสีย กลับหัวเราะเอิ้กอ๊ากสนุกดีด้วยซ้ำไป ก็นี่ไม่ใช่สงครามของแม่ แต่เป็นสงครามของผมกับเด็กน้อยทั้งสองนี่นา

กินเสร็จ ดิวอาสาล้างจานกับแม่ ปล่อยให้ผมกับไม้ไปอาบน้ำอาบท่า ไม้จะขอตัวนอนก่อนเลย แต่ผมนี่รีบอาบแล้วลงมาข้างล่าง กลัวไม่ทันดิวกลับบ้านก่อน ดีที่ดิวยังยืนล้างจานอยู่กับแม่ผมในครัว ผมนั่งเล่นรออยู่ห้องโถง

“อ่าว แม่นึกว่าเราจะนอนเลย” พอแม่ยังเห็นผมนั่งเล่นอยู่ก็เอ่ยทัก

“ต้นยังไม่ง่วงอะแม่ วันนี้นอนไปเยอะเหมือนกัน” อันนี้ไม่ได้โกหกนะ ผมนอนเยอะแล้ว วันนี้น่าจะนอนดึกอยู่แหละมั้ง

“งั้นไปส่งน้องด้วยนะ แม่ขึ้นห้องก่อน มีงาน”

“ครับแม่”

“ฝันดีนะครับคุณน้า ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ ด้วย...อิ่มตื้อเลย” ดิวยิ้มหวานส่งให้แม่ ซึ่งแม่ผมก็ยิ้มตอบก่อนจะดึงดิวมากอด

“หนูก็ฝันดีนะลูก” แม่จูบหน้าผากดิวเบาๆ มันหน้าแดง ก้มหน้าเขินๆ กล่าวขอบคุณแม่เสียงเบา

แม่ยีหัวดิวเล็กน้อยก่อนจะแยกขึ้นชั้นสอง เหลือแค่ผมกับมันสองคนแล้ว ผมมองไปที่ถุงเสื้อ หยิบแล้วลุกขึ้นยืน มันคงไม่มานั่งเล่นอยู่ด้วยกันหรอก ท่าทางแบบนั้นพร้อมกลับบ้านตัวเองแล้วล่ะ

“ปะ กูไปส่ง”

“ไม่ต้อง” ชะงักเท้าทันที

“อย่าดื้อดิ้ไอ้เด็กโง่”

“มึงอะอย่าเสือกไอ้ปากหมา” ดูปากมัน น่าน่าโดนสักทีจริงๆ วะ

“อย่าทำให้กูอารมณ์เสียหน่าดิว ปะ...กูไปส่ง” ถือวิสาสะเดินไปจับมือมันมาจูง เจ้าตัวพยายามรั้งมือตัวเองออกเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ

เวลาแบบนี้อยากให้บ้านมันอยู่ไกลสักหน่อยจัง ผมจะได้เดินอยู่กับมันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ขนาดเดินเล่นด้วยกันมาแทบทั้งวันยังไม่รู้สึกพอเลยด้วยซ้ำ ผมเดินเข้าไปส่งมันยันหน้าห้อง ทำหูทวนลมทุกคำคัดค้านการเข้าออกบ้านมันเหมือนบ้านตัวเอง ตีมึนเข้าไว้ ต้นหน้าด้านถ้าอยากจะทำอะไรอยู่แล้ว

“ล็อกห้องดีๆ ละ” ผมยัดถุงเสื้อยืดใส่มือดิว

“ยุ่ง ไปไหนก็ไปเลยไป” รีบไล่กันจังเนอะ

ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงขับไล่ ตีมึนมองหน้ามันนิ่ง แค่ครู่เดียวดิวก็มีท่าทีลนลาน เหมือนเกร็งไปหมดไม่รู้จะทำอะไรดีหากโดนจ้องตาไม่กระพริบอย่างนี้ เห็นแล้วก็น่ารักดีอะ ผมอาศัยจังหวะที่มันเหลือบตาไปทางอื่น อ้าปากเตรียมไล่อีกรอบ ผมโน้มหน้าเข้าไปจูบปากเล็กนั่นเร็วๆ ดิวผงะหน้าเหวอ ต่างจากผมที่ยิ้มแก้มปริ

“ฝันดี...”

“ไอ้...!!!” ผมเดินลั้นลาลงมาก่อนที่มันจะด่าผมสาดเสียเทเสีย ไม่อยากฟังคำด่า...ผมจะเก็บเอาความนุ่มนิ่มของริมฝีปากมันไปฝันดีในคืนนี้ อย่างน้อยวันนี้เราก็มีเรื่องดีให้ชื่นใจอยู่บ้างละเนอะ

.....100%.....

มาแล้วๆ ขออภัยที่หายหัวไปนานมาก! เรารอเน็ตมาติดอยู่ คือย้ายบ้านใหม่แล้วเน็ตมือถือกากเกินจะแชร์เพื่ออัปนิยาย แฮ่ๆ ขอโทษจริงๆ จะมาบ่อยๆ แล้วไม่ต้องห่วง ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด