~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ของเหลือ Original~ บทส่งท้าย <<จบแล้ว>> [26/09/60]  (อ่าน 47729 ครั้ง)

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
 
 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
 
 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
 หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
 หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
 และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
 ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
 
 เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
 บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
 นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
 (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
 (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
 - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
 - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
 - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
 - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
 - ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
  เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
 วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
 
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2018 22:10:47 โดย GukakST »

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
«ตอบ #1 เมื่อ20-06-2017 19:43:42 »

>>บทนำ<<

Intro
ผมแอบชอบเด็กคนหนึ่งที่อยู่บ้านตรงข้าม...

เด็กคนนั้นชื่อดิว รู้จักมันมาตั้งแต่เด็ก เพราะเราต่างก็เกิดและเติบโตที่นี่ ดิวไม่ชอบผมนัก ผมชอบแกล้งมัน ชอบปากหมาใส่มัน ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่...ผมก็แค่อยากอยู่ใกล้มันเฉยๆ

ดิวชอบผู้ชาย และผู้ชายคนแรกที่ดิวคบก็เป็นเด็กรุ่นน้องที่คณะผมเอง ดิวอาจไม่รู้ว่าผมเรียนคณะอะไร และมันก็ไม่เคยมองมาที่ผมหรือมองหาผมเลยสักครั้ง เสียใจ แต่ไม่เป็นไร เราเป็นแค่คนที่แอบรัก มันจะไปมีสิทธิ์อะไรมากมายในชีวิตเขาละ ทว่าผมก็ไม่ได้อยู่ห่างจากดิวเลย คอยมองอยู่ไกลๆ สืบจากรุ่นน้องและเพื่อนบ้าง ยิ่งสืบ ยิ่งรู้...ก็ยิ่งเจ็บปวด

ถ้าคุณต้องรู้ว่าคนที่คุณรักไปนอนกับแฟนเขา...คุณจะรู้สึกยังไง

ผมหงุดหงิดมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีหน้าที่ห้ามปรามเด็กน้อยที่หัดมีความรัก ดิวยอมอีกฝ่ายมาก จากรุ่นน้องที่มาเล่าให้ฟัง ดิวเป็นของเด็กปีหนึ่งคนนั้นตั้งแต่วันแรกที่คบกัน เหมือนโดนแทงด้วยมีดจนมิดด้าม หลังจากนั้นดิวก็มักพาแฟนมาที่บ้าน พ่อแม่ดิวไม่ค่อยอยู่ ดิวใช้เวลาเหล่านั้นในการมีความสุขกับคนรัก โชคชะตาช่างเล่นตลก ห้องผมกับห้องดิวมันอยู่ตรงกัน ถึงดิวจะเอาม่านลง แต่เงาที่สะท้อนออกมา ก็ฆ่าผมทั้งเป็นได้...

ผมทำได้แค่ทน...มองดูแล้วเจ็บแต่ก็ยังมองอยู่แบบนั้น หลังมีความสุขกัน เจ้าเด็กปีหนึ่งคนนั้นก็จะขับมอเตอร์ไซก์ออกไป ดิวยิ้มส่งมันทุกครั้ง มันเป็นแบบนั้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งดิวไม่กลับบ้านสามวัน พอกลับมา เขาก็มีสภาพที่ย่ำแย่ หยาดน้ำตาและร่องรอยบนตัว ผมกล้าพูดเลยว่านี่คือสภาพของคนที่โดนกระทืบมา แต่ผมก็ถามอะไรไม่ได้ ดิวไล่ผม ก็..ผมมันปากหมาหนิ ผมได้แต่มองดิวเดินเข้าบ้านไป เสียงพ่อแม่ของดิวดังรอดออกมาเบาๆ ให้พอได้ยิน แต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้

เห็นดิวเป็นแบบนั้น...ผมก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลย

ผมสืบจากรุ่นน้องทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เด็กที่ชื่อแมท แฟนดิวมันทำอะไรดิวไหม รุ่นน้องผมไม่รู้ มันยังไม่รู้อะไรเลย เพราะทุกวันนี้ไอ้เด็กแมทมันไม่ค่อยเข้าเรียน แต่มันจะสืบมาให้ ผมมีหน้าที่คือรอ...

และในที่สุด...ผมก็รู้ว่าแมททิ้งดิวแล้ว แต่รอยบาดแผลเหล่านั้นมาจากไหน?

ผมไม่เป็นอันเรียน เฝ้าดูดิวที่ไม่ยอมออกจากบ้านหรือห้อง ผ้าม่านปิดอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน เสียสะอื้นจะดังแว่วมายามดึก ผมปวดใจ แต่ก็อดทน นั่งมอง เพ่งสายตาผ่านผ้าม่านเข้าไปด้านใน ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เห็นเงาดิวอยู่ตรงเตียง นั่งร้องไห้...

นี่ผมต้องทนมองดูคนที่ตัวเองรักร้องไห้ไปถึงเมื่อไหร่วะ!

ผมตัดสินใจลงจากห้องของตัวเอง ถึงจะช่วยอะไรมันไม่ได้แต่ผมก็อยากทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เอาแต่มองมันอยู่แบบนี้ พ่อแม่ของดิวไม่อยู่ ผมแอบย่องเข้ามาเหมือนขโมย ติดที่บ้านไม่ได้ล็อกอะไรเอาไว้เลย เข้ามาในตัวบ้านได้ถึงได้รู้ว่าเสียงร้องไห้ของดิวดังมากขนาดไหน....

มันคงไม่รู้ว่ามีคนที่เจ็บไปพร้อมๆ กับมันอยู่หนึ่งคน ผมเดินขึ้นชั้นบน ตรงไปห้องของดิวโดยไม่การลังเล ผมทนเฝ้าดูมันเสียใจมากพอแล้ว ผมทนไม่ได้อีกแล้ว แค่อกหัก มันจะมาร้องเหมือนจะตายแบบนี้ไม่ได้สิ ผมไม่ยอมให้มันอ่อนแอแบบนี้

ทว่าพอเปิดประตู...

“เฮ้ย!” ดิวกำลังกรีดข้อมือของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ผมรีบเข้าไปแย่งคัตเตอร์

“มึงทำเหี้ยไรเนี่ยดิว บ้าไปแล้วหรอวะ!!!” ผมตะคอก มันเป็นเพราะห่วงและโกรธในเวลาเดียวกัน

“ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู ออกไป” ดิวว่าเสียงเย็นชา

“กูไม่ออก...กูไม่ให้มึงทำร้ายตัวเองหรอก แค่อกหัก จำเป็นต้องทำขนาดนี้ไหมวะ!”

“เรื่องของกู” คำพูดของดิวทำให้ผมเดือดมากขึ้น

“เรื่องของมึงมันก็เรื่องของกูนั่นแหละ!!!” ผมพุ่งตัวเข้าหา จับหลังคอมันเอาไว้ก่อนจะประกบตัวเองลงบนปากที่เห่อช้ำ

“อื้อ!” เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งตัว มันเลยตั้งรับอะไรไม่ทัน ผมบดจูบอย่างเอาแต่ใจ ตักตวงทุกอย่างที่เคยโหยหา แต่ก็ไม่ลืมว่าที่ทำอยู่นี่คือต้องการลงโทษมัน แค่ผู้ชายคนเดียว ไม่จำเป็นเลยที่มันต้องเสียใจจนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ผมไม่พอใจ...

หงุดหงิดเป็นบ้า!

เพี้ยะ!

ดิวตั้งตัวได้มันก็ผลักผมออก ตามด้วยฝ่ามือเรียวเล็กกระทบเข้าที่ใบหน้าจนแทบหัน ดิวมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามละคนไม่พอใจ ผมยิ้มบางใส่มัน สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร

“อย่ามาทำแบบนี้กับกู กูไม่ใช่สิ่งของที่มึงจะเล่นตลกอะไรด้วยก็ได้” ริมฝีปากเล็กสั่นเทา มันพยายามจะเอามือเช็ดคราบสัมผัส เห็นท่าทางขยะแขยงของมันผมก็เจ็บ ผมไม่ดีกว่าไอ้เด็กแมตรงไหน ผมเลวกว่าเหรอ ผมไม่ปฏิเสธว่าเคยทำดิวเสียใจเพราะผมชอบแกล้งมัน แต่...ผมไม่เคยทำให้ดิวเจ็บช้ำขนาดนี้เลยนะ
“กูไม่เคยเห็นมึงเป็นสิ่งของ และก็ไม่เคยเห็นความรู้สึกของมึงเป็นของเล่น มึงต่างหาก...ที่ไม่เคยเห็นกูอยู่ในสายตาเลย แต่ก็ช่างมันเหอะ” ผมตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้อง มันอึดอัด สิ่งที่เก็บเอาไว้มันอยากจะออกมาให้คนตรงหน้ารู้ แต่...ผมรู้ว่ามันยังไม่พร้อม

“ถ้ามึงทำร้ายตัวเองอีก กูจะเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อกับแม่มึง เรื่องของมึงกับเด็กปีหนึ่งคนนั้นกูรู้หมดแล้ว...” ขอโทษที่ต้องขู่ โดนดิวด่ายังดีกว่าต้องมารู้ว่ามันทำร้ายตัวเองเพราะคนที่ไม่เคยจริงใจกับมันเลย...

ผมทนไม่ได้จริงๆ...เห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดแบบนี้มันทรมานเหลือเกิน

.....TBC.....

บทนำมาเบาและไปต้องขออำภัยอย่างสูง เราเคยมีความตั้งใจจะทำเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว จบจากปรานต์เลยมาทำ ช่วงแรกๆ เราอาจมาอัปช้าหน่อยน้า ละถ้ามันไม่สนุกหรือยังไง ติชมได้เด้อจ้า ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2017 20:57:02 โดย GukakST »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
«ตอบ #2 เมื่อ20-06-2017 23:11:14 »

ตามชื่อเรื่องมา
น่าจะอ่านแล้วสนุกถูกใจ

เราชอบมาม่า..เอาแบบเส้นขึ้นอืดเต็มชามรุย
ชอบกิน อร่อยถูกปากดี
อิอิ

+1 ติดตามจ้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
«ตอบ #3 เมื่อ21-06-2017 02:12:11 »

รออ่านอีก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
«ตอบ #4 เมื่อ21-06-2017 02:21:02 »

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: รอออออออออออ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ~ของเหลือ~ บทนำ [20/06/60] ByGukakST
«ตอบ #5 เมื่อ21-06-2017 12:54:59 »

ดิวผิดนั่นละที่ไปคบกับคนมีเจ้าของแล้วแต่คนที่เชี่ยที่สุดก็คือไอแมทนี่ละคบซ้อน เกลียด!! :katai1: :katai1: ถึงเรื่องนู้นมันจะไม่ได้รับผลกรรมไรมากมายก็เถอะ -..- แต่ก็อยากให้แมทโดนกระทืบให้หลาบจำอยู่ดี ค้างจากเรื่องก่อน 5555555 (แต่งให้พระเอกเรื่องนี้ไปลากอิแมทมากระทืบเลยค่ะ อยากอ่าน!!) นี่ก็อินแรง...อิอิ

ปล. ดิวจ๋าาา ไม่รู้ไม่ผิดนะหนู แต่ถ้ารู้ว่าผิดแล้วยังทำนี่เกินเยียวยาเด้อ นั่นละโดนแฟนเค้ากระทืบโดนเค้าทิ้งก็เป็นผลจากการกระทำของตัวเองล้วนๆ ทีนี้ก็รู้ได้แล้วว่าแมทมันไม่ได้รักไรดิวมากมายแค่หลง แค่เอาไว้แก้งี่...  :hao3:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #6 เมื่อ26-06-2017 20:45:25 »

>> ตอนที่ 1 <<

ผ่านมาเกือบอาทิตย์ได้แล้วหลังจากผมเจอดิวทำร้ายตัวเอง เท่าที่มองจากบ้านตรงข้าม มันก็กลับมาใช้ชีวิตปกติได้แล้วนะ สีหน้าอาจดูไม่ดีในวันแรกๆ แต่แค่ไม่นานก็สดใสร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน มันควรไปเรียน ไปเจอเพื่อนตั้งนานแล้ว ไม่ควรเอาแต่หมกตัวอยู่บ้านให้ตัวเองยิ่งรู้สึกแย่หรอก

“แม่ ต้นกลับมาแล้ว...” ดูบ้านตรงข้าไม่เห็นคนถึงเดินเข้าบ้านตัวเอง ผมเป็นแบบนี้เสมอ อยากดูให้รู้ว่าดิวกลับมาหรือยัง

ผมมีน้องชายคนหนึ่งชื่อไม้ เรียนห้องเดียวกับดิว สองคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันพอสมควรแต่อยู่คนละกลุ่ม เพราะงั้นผมไม่สามารถเดาว่าดิวกลับมาแล้วหรือยังจากเจ้าไม้ได้ ไปเรียนสองคนนี้ยังไม่ได้ไปพร้อมกันเลย ตอนเด็กสนิทกันมากนะสองคนนั้น ตัวติดกันเป็นตังเม ทว่าพอเริ่มโต ก็เริ่มห่างๆ กันตามความชอบที่แตกต่างกันไปละมั้ง ไม้มันเด็กกีฬา ชอบเล่นแบดมินตัน เพื่อนรอบตัวไม้ก็จะเป็นเพื่อนที่ชอบเล่นแบดเหมือนกันหรือเพื่อนในชมรมกีฬา

“น้องละลูก” แม่ละสายตาจากทีวีมามอง ผมตรงเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วกอดแม่เอาไว้

คือบ้านผมมีกันสามคนแม่ลูก พ่อเราเสียไปเมื่อแปดปีที่แล้วจากอุบัติเหตุ แม่ก็เลยเป็นหัวหน้าครอบครัว เลี้ยงลูกชายแสนแสบด้วยตัวเอง ยังดีบ้านเรามีกิจการ ก็มีห้องเช่า อพาท์เม้นต์ แล้วก็ร้านอาหารซึ่งเป็นแบรนด์ของแม่ผมเอง ทำให้แม่ไม่ต้องออกไปหางานทำหรือลำบากมากนักยามที่ต้องเลี้ยงดูลูกๆ ผมจำได้ว่าช่วงเสียพ่อไปใหม่ๆ แม่เสียศูนย์มาก ทำอะไรแทบไม่ได้เลย น้ากับน้าสะใภ้ถึงต้องลงมาดูงานแทน กว่าจะกลับมาเป็นปกติก็เกือบปีผมกับไม้ที่เป็นลูกก็ช่วยแม่เท่าที่ช่วยได้

ในวันที่เสียพ่อไป...ผมกับน้องสัญญากันว่าจะเป็นเสาหลักให้แม่เมื่อเราทั้งคู่เรียนจบ เราจะไม่ทำให้แม่เสียใจ เมื่อก่อนทั้งผมและไม้ต่างก็เกเรตามประสาเด็กผู้ชาย ไม่สนใจเรื่องเรียนนัก ก็แค่เรียนไปวันๆ ให้มันจบ หรืออาจจะตั้งใจบ้างยามอยากได้ของ จะได้ขอพ่อกับแม่ ทว่าพอเห็นแม่เศร้า แม่ร้องไห้ในวันที่พ่อจากไป...พวกเราก็ไม่เหมือนเดิมอีก

“ทำกิจกรรมชมรมมั้งแม่” ผมเปลี่ยนจากกอดเป็นไถลตัวลงนอนหนุนตักนุ่มๆ ของแม่

“วันนี้เรากลับเร็วไม่ไปรับน้องหน่อยละ ดูน้องดิวมาด้วยเลย จะได้มากินข้าวที่บ้านกัน วันนี้พ่อแม่น้อดิวคงไม่กลับบ้านอีกแล้ว...น่าสงสารน้องนะ” แม่ลูบหัวผมเบาๆ

“ครับแม่...” พ่อกับแม่ดิวระหองระแหงกันมานานแล้ว พวกเขายังอยู่ด้วยกัน ก็แค่ตัวอยู่น่ะ

เท่าที่เคยได้ยินแม่เล่าให้ฟัง พ่อกับแม่ดิวอยากหย่ากันเพราะต่างคนต่างมีคนรักใหม่ แต่ติดที่ทางผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านไม่ยินยอม เรียกว่าถ้าดึงดันจะหย่า ญาติฝ่ายพ่อจะตัดหางพ่อดิวทิ้ง และญาติทางแม่ดิวก็ยึดกิจการคืน ผมฟังแล้วมันก็ตลกนะ...ชีวิตของพวกเขา มันจำเป็นต้องไปขีดเส้นให้เขาขนาดนั้นเลยหรือไง โตๆ กันแล้วด้วย พ่อกับแม่ดิวก็เลยยังอยู่กันแบบนี้ ที่ไม่ค่อยกลับบ้านก็เพราะมีอีกบ้านต้องไป ดิวเป็นลูกที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยรัก ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ดิวก็เลยถูกทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว นั่นเป็นสาเหตุที่ผมเป็นห่วงดิวมาก...

จากที่เคยแอบชอบเหมือนด็กๆ ความรู้สึกมันก็เติบโตขึ้นจากความเห็นอกเห็นใจ ก็เลยคอยดูแลดิวห่างๆ มองดูห่างๆ แบบที่มันเป็นอยู่ตอนนี้นี่แหละ อืม...ที่เป็นตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ด้วยละ ฮ่าๆ ไปจูบมันแบบนั้น มันไม่โง่หรอกมั้งว่าผมรู้สึกยังไงกับมันน่ะ

เอ...หรือมันโง่กว่าที่ผมคิด

ผมนอนพัก หนุนตักให้แม่สางผมเล่นอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ มันเพลินอะ ไม่อยากลุกเลยนะเอาจริงๆ อยากจะนอนต่อไปและหลับทั้งแบบนี้เลยด้วยซ้ำ นานทีมีหนนะ กับการได้แม่มาเป็นหมอนหนุน แถมด้วยมือนุ่มๆ ลูบหัวกล่อมเนี่ย...

“เย็นนี้แม่จะทำอะไรกินอ่า...” ปรือตามองหน้าสละสวยของแม่

“ต้นอยากกินอะไรละ”

“ต้นอยาก...กินไข่ยัดไส้”

“ความปรารถนาของเจ้าจะสัมฤทธิ์ผล...” ว่าแล้วจมูกผมก็โดนหยิกเบาๆ

“ฮ่าๆ แม่ก็” เสียงหัวเราะสดใสของแม่ทำให้โลกของผมสว่างขึ้นเป็นกอง ผมชอบรอยยิ้มของแม่มากกว่ารอยยิ้มของใครๆ...แม่ของผมคือคนที่ผมรักที่สุดในโลกเลยละครับ

“ปะ ไปรับน้องมาได้แล้ว”

“คร้าบ...” ผมดีดตัวขึ้นนั่ง ขโมยหอมแก้มแม่อีกทีก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถ

ปกติผมมีรถเก๋งของตัวเองคันหนึ่ง แม่ซื้อเอาไว้ให้เผื่อใช้ไปเรียนไปทำอะไรต่างๆ แต่เอาเข้าจริงผมดันไม่ค่อยใช้ ผมเกลียดรถติด กว่าจะไปถึงมหาลัยได้ใช้เวลาเกือบชั่วโมง นั่งวินไปแป๊บเดียวถึงเลย ก็เลยชอบนั่งวินมอเตอร์ไซก์มากกว่า นี่เมื่อไม่นานมานี้แม่ก็บ่นๆ จะออกมอเตอร์ไซก์ให้ผมขับแทน แต่ผมเบลกแม่เอาไว้ก่อน ยังไม่อยากได้ตอนนี้ ไว้ทำงานหาเงินออกเองน่าจะดีกว่ารบกวนแม่

ระหว่างขับรถไปโรงเรียนของน้อง ผมก็อาศัยช่วงที่รถติดโทรหาไม้ ถามดูว่าอยู่ไหนผมจะได้เดินไปรับเจ้าตัวถูก ซึ่งน้องชายของผมก็ตอบสถานที่ที่ผมคาดเอาไว้แล้ว นั่นคืออาคารอเนกประสงค์ เล่นเเบดอยู่กับคนในชมรม รู้ว่าน้องอยู่ไหนต่อไปก็ถามหาดิวเพราะแม่ให้ชวนดิวมาด้วย แต่คำตอบที่ได้รับให้จุกไปเหมือนกัน...

(ไปกับแฟนใหม่แล้วพี่ เห็นว่าเพิ่งคบกัน...เดี๋ยวพี่มารับจะเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้ผมไปตีแบดกับเพื่อนก่อน)

“อืม” แล้วก็วางสาย

ไม้ก็รู้ว่าผมแอบชอบดิวมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ผมเพิ่งเข้ามัธยม น้องมันให้สารภาพรักอยู่หรอกแต่ผมไม่กล้าเอง ตอนั้นมันกลัวจะมองหน้ากันไม่ติดนี่ครับ ผมเองก็ชอบแกล้งดิวมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว ด้วยดิวเป็นเด็กตัวเล็กดูอ้อนแอ้นก็เลยแกล้งง่าย แถมยังเป็นคนหัวอ่อน ตอนที่ไม้มาเล่าให้ฟังว่าดิวคบเพื่อนแปลกๆ ผมก็เป็นห่วง นั่นเป็นช่วงที่ดิวขึ้นมอสี่และผมอยู่ปีหนึ่ง ผมค่อนข้างห่วง จากที่ไม้เล่าเด็กพวกนั้นเป็นเด็กผู้ชายที่ไม่แท้ ชอบเที่ยวกันตั้งแต่เล็กแต่น้อย พูดถึงพวกผู้ชายกันสนุกปาก ไม่รู้ดิวไปคบพวกแบบนั้นได้ยังไง

ช่วงที่รู้ ผมพูดจากใส่ดิวค่อนข้างแรงทีเดียว ทั้งที่พูดดีๆ ให้ดิวเลิกคบเพื่อนแบบนั้นก็ได้แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนแบบนั้นมั้ง ปากหมาไปหน่อยน่ะ ดิวเลยเกลียดขี้หน้าผมไปใหญ่ ผมเข้าใจอย่างหนึ่งว่าดิวเข้ากับเด็กผู้ชายปกติไม่ค่อยได้เพราะเขาเหมือนจะเอนเอียงไปทางชอบเพศเดียวกัน พวกผู้ชายเลยแซวเขาบ่อยๆ และเขาก็ไม่ชอบมันเอาเสียเลย นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ดิวคบเพื่อนแบบนั้นก็ได้....

พอคบเพื่อนแบบนั้น ดิวก็...ตกเป็นของไอ้แมท รุ่นน้องปีหนึ่งคณะผม ตอนนั้นคิดนะว่าถ้ามันจะง่ายกับคนอื่นขนาดนั้น ผมจีบเองซะแต่แรกก็ดีหรอก แม่งเอ้ย...นึกแล้วก็เจ็บใจเหมือนกัน

“พี่ต้นหวัดดีครับ” เพื่อนไม้ยกมือไหว้เมื่อผมเดินเข้ามา คนอื่นๆ ก็ยกมือไหว้ตามเพราะพวกนี้ค่อนข้างคุ้นหน้าผมอยู่แล้ว

“หวัดดีๆ”

“พี่รอแป๊บได้ป่ะ เล่นเกมนี้ก่อน” ไม้ตะโกนบอก

“อืม” ผมเดินไปนั่งรอข้างสนาม มองดูน้องเล่นแบดมินตันกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน

เพื่อนไม้ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับไม้ แต่มาเจอและสนิทกันเพราะชมรมนี้นี่แหละ เป็นพวกชวนกันเล่นแบดแทบทุกวัน ขนาดวันเสาร์อาทิตย์ก็ยังไม่เว้น ไม่รู้จะไวไฟกันไปไหน แต่ดีแล้วล่ะ น้องผมได้เพื่อนแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมเองเสียอีกที่ด้อย มีแต่พวกชวนเมามากกว่าเล่นกีฬา ชมรมที่มหาลัยก็เป็นชมรมกลับบ้านเสียด้วย ผมเองมีความสนใจด้านธุรกิจมากกว่าเลยทำให้ดูเนิร์ดกว่าน้องในเรื่องของการใช้ชีวิต

ไม้ตีแบดกับเพื่อนประมาณครึ่งชั่วโมงก็แยกตัวออกมา พวกนั้นเข้ามาไหว้ผมก่อนจะแยกย้ายกันไปเล่นต่อ มีแค่ไม้คนเดียวที่จะกลับก่อนเพื่อน จริงๆ เจ้าตัวบ่นเหมือนกันว่ายังไม่อยากรีบกลับ แต่พอบอกว่าแม่รอกินข้าวน้องก็ตัดใจจากการเล่นกับเพื่อนๆ เพื่อกลับไปกินข้าวกับแม่ที่บ้าน เราพากันเดินกลับไปที่รถ ไม้เล่าเรื่องการแข่งแบดมินตันที่จะมาถึงเร็วๆ นี้ให้ผมฟัง มันว่ามันจะลงแข่งด้วย อาจารย์ก็สนับสนุน ชั่วโมงที่ไม่สำคัญมากนักสามารถไปซ้อมแบดได้เต็มที่ และเสาร์อาทิตย์ก็จะเน้นไปทางซ้อมอีกเช่นกัน แม่รู้แม่ต้องดีใจมากๆ ที่มันเอาดีได้ขนาดนี้

“เล่าเรื่องดิวให้ฟังบ้างสิ...” พอขึ้นรถผมก็เปิดประเด็นที่อยากรู้

“ฝ้ายกลุ่มดิวอะแนะนำรุ่นพี่คนหนึ่งให้มัน บอกว่าพี่เขากำลังสนใจดิวอยู่ แต่ดิวอะไม่ยอมรับเพื่อนพี่เขาสักที ก็เลยแอดมาทางฝ้ายเพื่อให้ฝ้ายพูดกับดิวให้ หลังจากนั้นดิวก็คุยกับฝ่ายนั้น สองวันได้แล้วมั้งที่คุยกันน่ะ ผมลืมบอกพี่เพราะมัวแต่คิดเรื่องซ้อม แต่เห็นว่าเพิ่งจะคบกันวันนี้ นี่มันก็ไปเดตกับพี่เขา...” รู้นะว่าการรู้เรื่องดิวไปคบคนอื่นทำให้ตัวเองเจ็บ แต่ก็ยังอยากจะรู้อยู่ดี

“เขาเป็นคนไงรู้ป่ะ เรียนที่ไหนคณะอะไร...”

“เฮ้พี่ชาย...ผมไม่ใช่ดิวนะครับ รู้แค่เรียนที่มอเค ปีสองมั้ง ปีเดียวกับพี่หนิ ส่วนคณะนี่ไม่รู้วะ...ไม่ได้ถาม ไม่ค่อยอยากคุยกับดิวตอนมันอยู่กับเพื่อนๆ มันเท่าไหร่ พี่รู้ป่ะ ปีนี้ไอ้พวกนั้นยิ่งแรง ขนาดผมเป็นเพื่อนในห้องแม่งยังชอบมาแซะๆ เข้าใกล้บ่อยๆ ผมไม่ชอบวะ...เหมือนโดนลวนลาม” นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม้กับดิวเริ่มห่างกัน

“ดิวก็น้า...ดูก็รู้แล้วว่าพวกนั้นเป็นเพื่อนที่ไม่เอาไหน ยังจะไปคบอยู่ได้ รักกันจริงเชียว ผมคุยด้วยกับดิว ไอ้พวกนั้นก็ชอบแทรกประจำ เบื่อชิบ เพื่อนผมคนหนึ่งถึงกับบอกว่าดิวอะร่าน...” ผมเกือบเหยียบเบลกเมื่อได้ยินน้องบอก

“ขนาดนั้นเลยอ่อวะ”

“เออดิพี่ มันก็แค่เรื่องพูดกันปากต่อปากของพวกผู้หญิงอะแหละ แต่แม่งแบบ...เหมือนไฟลามทุ่งอะพี่ พูดกันไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งเลวร้าย ว่ากันว่ารุ่นพี่มอหกก็อยากได้ดิว มีคนกำลังจีบดิวหลายคนและดิวก็ไม่ยอมเล่นด้วย พวกผู้หญิงที่ไม่ชอบบอกว่าดิวอะเล่นตัวเพื่อให้ตัวเองมีคุณค่า ทั้งที่เขาก็รู้กันหมดว่าดิวอะไม่ซิง” อ่อ ผมจำได้ว่าไม้เคยเล่าให้ฟัง ดิวไปเรียนทั้งที่คอเป็นรอยดูดเต็มไปหมด ก็ฝีมือแฟนเก่าของน้องมันนั่นแหละ

“ผมจะแก้ต่างก็หาว่าเข้าข้างดิว บ้างว่าผมจะเอาดิวด้วยอีกคน หรือไม่ก็ผัวเก่า โห...ดูปากไอ้พวกนี้ดิ ผมปวดหัวเลยไม่อยากยุ่งเยอะ ในเมื่อดิวไม่สนใจ ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องสนใจว่ามะละ” คิดแบบนั้นไม่ผิดแต่ผมก็ว่ามันไม่ถูก

“แต่ดิวมันเพื่อนเรานะ ปกป้องดิวบ้างก็ดี”

“ก็เท่าที่ทำได้อะพี่ เรื่องข่าวลือหรือเรื่องการทำตัวเองมันอยู่ที่ดิวนะ ผมเป็นเพื่อนก็จริง แต่ถ้ามันเลือกทางนั้นผมก็ทำอะไรมากไม่ได้หรอก เตือนก็เตือนแล้ว” อืม ผมรู้ว่าไม้เตือนดิวไปบ้างแต่ดิวไม่สนใจเท่าไหร่ ทั้งที่พวกนี้สนิทกัน เหมือนจะเชื่อแต่คงโดนไซโคจากเพื่อนกลุ่มนั้น

บ้านก็แตก เพื่อนยังแย่...ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าดิวจะหลุดพ้นจากวงจรแบบนี้ไปได้ยังไง ผมกลัวว่ายิ่งผ่านเวลาไป ดิวจะยิ่งถลำลึกมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ ครั้งนี้ก็เพิ่งคุยกันแต่ไปกับมันอีกแล้ว เหมือนครั้งที่แล้วไม่มีผิดเลย

ผมไม่อยากคิดต่อว่าหลังจากเดตพวกเขาจะทำอะไรกัน...

“พี่ต้น...” ผมกำลังจะเลี้ยวรถเข้าหมู่บ้าน

“ผมไม่อยากอะไรกับความรู้สึกพี่นักหรอกนะ แต่ตัดใจจากดิวมันเหอะ...ผมไม่ได้ว่าดิวไม่ดี แต่พี่ไม่มีความสุขเลย” หันไปมองหน้าหนักใจของน้องชายแล้วก็ต้องยิ้มให้

“เออหน่า เจ็บมากๆ เดี๋ยวก็เบื่อไปเองแหละ”

“เจ็บข้างเดียวมาเป็นปีแล้วไม่เห็นดีขึ้นเลย...” ไม้ถอนหายใจหนักๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

แม่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้เรา เจ้าไม้ลงจากรถได้มันก็วิ่งไปกอดแม่เป็นคนแรก ตัวปลิวเลยของเขิงก็ไม่เอาไป ให้พี่ชายอย่างผมถือไปให้ นี่เอ็งไม่ได้อายุห้าหกขวบแล้วนะเนี่ย

“แม่เห็นน้องดิวเขากลับมาบ้านแล้ว หนูไปตามน้องมากินข้าวไปลูก” แม่พยักเพยิดไปทางบ้านตรงข้าม

“ดิวมาคนเดียวเหรอแม่” ไม้ถามทั้งที่ยังกอดเอวแม่อยู่ ผมมองตาม หน้าบ้านมีรถเก๋งสีดำจอดอยู่ ไม่ใช่รถพ่อหรือแม่ดิว

“ไม่นะ มากับเพื่อนหรือเปล่า...ชวนมากินด้วยกันเลยไง แม่ทำอาหารไว้เยอะเลยน้า” ผมถอนหายใจ มองหน้าแม่ที่ยิ้มแย้ม แม่คงตั้งใจทำเผื่อดิว

“เขาไม่มาหรอกแม่ เรากินกันแค่นี้แหละ ไม้เอาของไปเก็บ ล้างมือแล้วมากินข้าวกัน” ผมส่งกระเป๋าของน้องให้มัน

“ใช่แม่ เรากินกันแค่นี้แหละ” แม่ดูจะหนักใจ แต่เห็นว่าลูกๆ ไม่อยากพูดก็ไม่ซักไซ้ต่อ

ผมเข้าไปกอดเอวแม่บ้าง เอาหัวโตๆ คลอเคลียกันไปที่โต๊ะกินข้าว แค่เดินเข้ามาก็ได้กลิ่นอาหารแล้ว ฟุ้งทั่วบ้านแบบนี้เชื่อว่าต้องอร่อยจนเหมือนจะเหาะได้เลย ผมพยายามเอาตัวเองอยู่ที่บ้านไม่ใช่ห้องของดิว เลิกคิดมันไปชั่วคราวเพราะไม่อยากให้แม่เห็นอะไรก็ตามที่จะหลุดออกมาทางสีหน้าของผม ถึงแม่จะไม่ค่อยได้ให้เวลากับพวกผมเหมือนเมื่อก่อน แต่แม่ก็คือแม่ แค่มองหน้าก็รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรอยู่...

เจ้าไม้ตามมาหลังผมกับแม่นั่งได้ไม่ถึงห้านาที เจ้าตัวอาสาตักข้าวใส่จานแล้วมองกับข้าวด้วยสายตาที่แวววาวโคตรๆ น้ำลายแทบไหลยืดออกมาแล้วมั้งนั่น เล่นกีฬามาคงหิวกว่าผมเป็นเท่าตัว เจ้าน้องชายเริ่มเล่าเรื่องที่จะแข่งแบดมินตันให้แม่ฟัง เล่นเอาคนฟังยิ้มแก้มปริ ลูกชายแม่ยังไม่ได้ชนะเลยนะ แค่จะแข่งเอง แต่เข้าใจ...แม่ภูมิใจในตัวน้อง

ไม่ต้องห่วง...ผมไม่อิจฉาน้อง เพราะผมเองก็โดนแม่ปลื้ม วันหยุดผมจะไปช่วยงานแม่ที่ร้านเป็นประจำ ไม่ได้ตำแหน่งสูง แค่แคชเชียร์ เก็บโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร เราต้องเรียนรู้จากระดับล่างๆ ก่อนถูกไหม เวลาเราขึ้นบริหารเราจะได้รู้ว่าคนที่ทำหน้าที่เหล่านี้วันๆ ต้องเจอะไรบ้าง เหนื่อยแค่ไหน ปวดหัวแค่ไหน แม่บอกว่าเข้าใจลูกน้องมากเท่าไหร่ ก็จะได้ใจลูกน้องมากเท่านั้น

อาหารจำนวนมากทที่ทำเผื่อดิวโดนลูกชายตัวเท่าควายของบ้านทั้งสองคนกวาดใส่ท้องจนเกลี้ยง แม้ปลื้มใจขั้นสุด ที่ลูกชายกลายร่างเป็นหมอนยัดนุ่นเข้าไปขนาดนั้น พวกผมสองพี่น้องช่วยกันเก็บและล้างจาน ปล่อยให้แม่ได้พักผ่อนกับรายการโปรดของแม่ เจ้าไม้เป็นคนเช็ดโต๊ะ มันทำเสร็จก่อนก็เลยหนีไปนอนหนุนตักแม่เป็นที่เรียบร้อย ผมที่ล้างจานกลับต้องยืนมองน้องแลบลิ้นให้อย่างกวนประสาท

เราชอบแย่งกันนอนตักแม่...

เมื่อเห็นตักแม่ไม่ว่าง ล้างจานเสร็จผมก็เดินขึ้นห้องเพื่อจะเข้าไปอาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยลงไปนั่งเล่นกับแม่และน้องข้างล่าง ทว่าสายตาก็ดันเหลือบไปเห็น...เงาที่หน้าต่างบ้านตรงข้ามเสียก่อน ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเดินไปใกล้หน้าต่างเพื่อมองดูเงานั้นด้วย เป็นแบบนี้ทุกที รู้ว่าเจ็บ...แต่ก็ยังดู

ร่างบอบบางกำลังขย่มขึ้นลง...แค่นั้น ไม่เห็นมากไปกว่านั้น แต่ไม่ต้องเยอะกว่านี้ก็รู้ว่ามันคืออะไร เมื่อเงาของดิวหายไป ผมก็ยืนเอาหลังพิงบานหน้าต่าง หลับตา สงบจิตใจ...ไม่งั้นมันจะฟุ้งซ่านมากๆ เหมือนสติจะแตก อยากจะดุ่มๆ เข้าไปกระชากคู่นั้นออกจากกัน บอกกับไอ้นั่นว่านี่ของผม แต่แล้วไง ทำได้ทำไปนานแล้ว ไม่ยืนเป็นหมามองเครื่องบินอยู่แบบนี้หรอก

พอเย็นลงมาได้บ้างก็หันกลับไปมองอีก เหมือนทั้งคู่กำลังแต่งตัวอยู่ อีกสักพักไอ้นั่นก็คงจะกลับไป ผมเดินออกมาจากหน้าต่าง ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวก่อนลงไปนั่งเล่นกับแม่ แต่ก็ไม่วายแอบมองไปยังอีกบ้าน...

.....TBC.....

แรกๆ เราจิมาช้ามากถึงมากที่สุด สักพักใหญ่ๆ เราจะเริ่มมาเร็วขึ้น ไม่ได้ปั่นบ้าขนาดนั้นนะ แต่เราทำเรื่องอื่นควบด้วยน่ะ แฮ่ๆ หวังว่าจะไม่รอจนเบื่อกันไปเสียก่อน ประมาณอาทิตสองอาทิตย์อะจะเริ่มถี่ขึ้น อดทนรอเรานิสสสนึงน้า ขอบคุณมากๆ งับ ^^

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #7 เมื่อ26-06-2017 21:40:29 »

เฮ้อออ ทำไมดิวทำตัวแบบนี้นะ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #8 เมื่อ26-06-2017 22:00:12 »

งือออ พอจะเข้าใจดิวนะ เราว่าฮีน่าสงสารอ่ะ เหมือนแบบ ครอบครัวไม่อบอุ่น พ่อไปทางแม่ไปทาง เลยอยากได้ความรัก โหยหาที่จะเป็นสิ่งสำคัญของใครสักคน 

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #9 เมื่อ26-06-2017 22:09:34 »

คนแต่ง..อย่าบอกนะว่า

ดิวกลับไปลากไอ่แมทกลับมา
เย่อกันอีกๆๆๆๆๆๆๆๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้น..ตรูจะบ้า
อ๊ากสสสส พ่นไฟใส่เล้า

+1 จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
« ตอบ #9 เมื่อ: 26-06-2017 22:09:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #10 เมื่อ26-06-2017 22:25:16 »

มารอ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #11 เมื่อ26-06-2017 23:18:34 »

เราว่าน่ารังเกียจพิกล   เอาเรื่องความซิงของคนมาตัดสินกัน

ด้อยค่าเพราะไม่ซิง?   น่าสะอิดสะเอียดที่สุด

ดิวปล่อยตัวเพราะคนเอาไปลือ?

ไม่น่าใช่   ปล่อยตัวเพราะเสียใจมากกว่าไหม?

เริ่มต้นควรรักตัวเองก่อนรักใครนะ ดิวเอ๊ย

กับอิแมทจะยังไงก็ให้เพราะรักมัน

ถือว่ายังมีค่าอยู่นะลูกเอ๊ย

ชื่อเรื่องน่าแสลงใจดีค่ะ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #12 เมื่อ26-06-2017 23:47:44 »

จะไหวไหมเนี๊ยะ. มั่วไปหมดเลย,,,

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 1 [26/06/60] ByGukakST
«ตอบ #13 เมื่อ27-06-2017 07:17:40 »

 :pig4:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 2 [100% - 2/0760] ByGukakST
«ตอบ #14 เมื่อ02-07-2017 21:02:24 »

>>ตอนที่ 2 [100%]<<

ชะเง้อคอมองอยู่แบบนั้นได้ไม่นาน ผมก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งเล่นที่ม้านั่งหน้าบ้าน เสียงต้นชวนแม่คุย เดาว่าแม่กำลังจะถามว่าผมไปไหน น้องชายที่น่ารัก รู้ใจพี่มันจริงๆ เลย ผมนั่งตากลมตากยุงได้ครู่เดียว ดิวกับผู้ชายคนนั้นก็เดินจับมือกันออกมา หน้าบ้านนั้นไม่ได้เปิดไฟแต่ผมมองเห็นจากแสงไฟหมู่บ้าน พวกเขาจับมือกันอยู่แบบนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะจูบปากกับดิวแล้วขึ้นรถ ดิวเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้ ปล่อยให้รถถอยออกมา เจ้าตัวยืนส่งพร้อมรอยยิ้มปริ่มใบหน้า...

สายตาอาจจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของดิวแต่ขาผมดันเดินไปประชิดรั้วบ้านเสียแล้ว ผมเท้าแขนทั้งสองข้าง วางคางตัวเองลงไปพลางสำรวจร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับดิว ชัดๆ ก็ปากบวมเจ่อและคอแดงเป็นจ้ำๆ ดิวไม่ได้มองมาทางผม มันโบกมือให้กับแฟนคนใหม่จนรถเก๋งคันนั้นหายไป

“คนใหม่เหรอวะ...ทางคนนี้จะดีกว่าคนเก่านะ มีรถเก๋งด้วย ว้าว...” ดิวลดมือลง หันมามองผมด้วยหางตา

“แล้วลีลาเขาดีเท่าคนก่อนไหมดิว อวดสรรพคุณให้ฟังบ้างสิ” เมื่อเห็นว่าดิวยังเงียบ ผมก็เห่าหอนต่อไป เจ้าตัวไม่ใช่คนมีความอดทนนัก จากที่จะเดินกลับเข้าบ้านก็หันมาเผชิญหน้ากับผม

“แล้วมาเสือกอะไรเรื่องของกูวะ” กับคนอื่นพูดโคตรเพราะ แต่กับผมแบบนี้ประจำ

“เอ้า กูก็อยากสอดรู้สอดเห็นบ้าง”

“เอาเวลามาเสือกเรื่องกูไปสนใจเรื่องตัวเองดีกว่าไหม”

“เรื่องตัวกูเองอะกูรู้ดีอยู่แล้ว แต่กูยังไม่รู้เรื่องมึงดีเลยดิว นี่...จะขึ้นห้องกับมึงได้นี่ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างวะ พอดีกูเห็นเงาในห้องมึงแล้วเกิดสนใจอะ อยากรู้อยากลองมั้งได้ปะวะ” ผมไม่กล้าพูดดังมากแต่ก็พูดให้มันได้ยิน แอบเหลือบไปมองในบ้านนิดหน่อยเพราะกลัวแม่ได้ยินที่ผมพูดใส่ดิว แม่ตบปากผมแตกแน่ๆ

“โอ้ย!!!” แต่แค่เหลือบไปมองแม่แป็บเดียวหน้าผมก็โดนอะไรไม่รู้มาปะทะ พอหันไปมองไอ้ดิวก็โดนรองเท้าเข้าหน้าเต็มๆ ไปอีกอัน นี่แม่งเล่นปารองเท้าใส่ผมเลยอ่อวะ!

“ปากหมาแบบมึงอะมองเงากูต่อไปนั่นแหละไอ้สัตว์ต้น” ผมไม่สนที่มันด่าแล้ว เปิดรั้ว หยิบรองเท้าทั้งสองข้างของมันแล้วก้าวยาวๆ ประชิดตัวดิวทันที

“มองเงามันไม่ชัดวะ มันเห็นแค่รางๆ คราวหน้าช่วยเปิดม่านแล้วเล่นกันตรงหน้าต่างดิ กูจะได้เห็นชัดๆ หน่อย อ่อ บอกเวลากูนิดหนึ่งด้วย กูจะได้เอาอะไรไปนั่งกินเวลาดูอะ” ท่าทางคุกคามของผมไม่ได้ทำให้ดิวกลัวมากนัก มันถอยห่างากผมไปสองสามก้าว เชิดหน้าชูคอที่เต็มไปด้วยรอยแดง

“ได้ดิ...พรุ่งนี้เป็นไง” ยั่วโมโหมันนะ แต่กลายเป็นผมนี่ที่โมโหเสียเอง ผมเอารองเท้าของดิวปาใส่พื้นเบื้องหน้าด้วยความโมโห

“เออ ได้...ดูรีวิวก่อนได้ลองจริงมันก็...”

เพี้ยะ!!!

“ถ้าจะมาพูดจาเหี้ยๆ ใส่กูก็ออกไป! มึงไม่มีวันได้ตัวกูหรอกต้น!” พูดจบผมก็โดนผลักด้วยแรงน้อยๆ ของดิว ใบหน้าด้านซ้ายชาไปครู่หนึ่ง

ดิวเดินเข้าบ้าน ปิดรั้วใส่หน้าผมก่อนจะวิ่งหายไปในความมืด ผมได้แค่ยืนมองมันอยู่แบบนั้น...เจ็บใจแต่ก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ จะให้ใช้กำลังกับมันผมก็ทำไม่ลง สุดท้ายผมก็ต้องเดินกลับเข้าบ้านตัวเอง

“ก็เงี้ย...ชอบปากหมาใส่เขา” ยังไม่ทันจะถอดรองเท้าเสียงไอ้ไม้ก็ดังขึ้น

“แม่อะ”

“ขึ้นห้องไปได้สักพักละ มีคนโทรมาคุยธุระ ว่าแต่พี่เหอะ ไปล้างหน้าก่อนดีไหมวะนั่น ดำเป็นปื้นเลย” ผมพยักหน้า เดินเข้าห้องน้ำเพื่อเอาคราบสกปรกออกจากใบหน้าตัวเอง มุมปากผมแดงหน่อยๆ แต่แก้มนี่แดงจัดเชียว มันท่าจะโมโหมากนะ ตบมาซะแรง

ผมกลับมานั่งบนโซฟาข้างเจ้าไม้ มันนั่งหัวเราะกับมุกตลกในทีวีเสียงดังเอิ๊กอ๊าก มันก็น่าหัวเราะอยู่แต่ผมดันหัวเราะไม่ออกเอง ไอ้ผู้ชายคนใหม่ของดิวนี่ก็มาดเดียวกับไอ้คนเก่าเลย เน้นสูงหล่อไว้ก่อนหรือไงวะ แล้วก็ทุกทีอะ...ผมชอบเผลอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับแฟนดิว ซึ่งผลของมันก็บั่นทอนผมเองเนี่ยแหละ ผมไม่ได้ต่างอะไรกับคนที่ดิวคบหรอก แต่มันเพราะดิวไม่ได้สนใจผมเลยต่างหาก ผมไม่ใช่คนในสายตามัน เป็นแค่คนที่มันเกลียดขี้หน้า

“พ่อแม่ดิวไม่กลับมาอีกแล้วอ่อวะพี่” ไม้พูดทำลายความเงียบของเรา ผมมองไปบ้านตรงข้ามอีกครั้งก่อนหันกลับมาจ้องทีวี

“ก็คงงั้น อาทิตย์กว่าแล้วที่พ่อแม่มันไม่กลับมา” รู้สึกครั้งนี้จะไม่กลับบ้านนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ปกติพ่อแม่ดิวจะกลับบ้านวันเว้นวันหรือสองสามวันครั้ง แต่ครั้งหนึ่งที่กลับมาก็แค่มากินข้าวกับลูก ส่งลูกเข้านอนแล้วเช้าพวกเขาก็ไปอีก

“ชวนดิวมานั่งเล่นกับเรามะ มันยังไม่นอนหรอกเนี่ย”

“มันมีแฟนต้องสวีตนะมึง”

“เออวะ ลืมไป...” ไม้มองไปบ้านตรงข้ามแล้วถอนหายใจ

ผมนั่งเล่นอยู่กับน้องได้สักพักก็ขึ้นห้อง มีรายงานต้องทำส่งอาจารย์แต่ไม่รีบมาก มีเวลาอีกสองสามวันก่อนถึงกำหนดส่ง ผมนั่งหมุนปากกาเล่นยามที่เขียนงานต่อไม่ออก สมองมันดันวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของดิวอะสิ วันนี้ผมเองก็พูดจารุนแรงไปเหมือนกัน อารมณ์แม่งพาไปจริงๆ คำพูดดีมีมากมายไม่เคยเอามาใช้กับมันเลยสักครั้ง มันเองก็ไม่เคยพูดจากับผมดี ด่าได้เป็นด่าตลอด ผมไม่เอาจุดนั้นมาเป็นเหตุผลหรอกนะ แต่เถียงไม่ได้ว่าผมก็อยากต่อปากต่อคำกับมันชนะ ชอบเวลาที่มันโกรธจนทำอะไรไม่ถูก ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆ ที่มันไม่เคยเอาคืนผมได้เลยสักครั้ง

บ้านที่มืดมิด นอนคนเดียว ไม่มีใคร มันจะว้าเหว่ขนาดไหนนะ... ดิวมันจะเหงาหรือเปล่า หรือกลัวอะไรบ้างไหม ผมเชื่อว่ามันต้องรู้เรื่องพ่อแม่มันไม่เหมือนเดิม มันแค่ไม่เคยพูดอะไรออกมา เก็บเรื่องครอบครัวเอาไว้ในใจเพียงคนเดียว ไม่อกแตกตายอ่อวะ เป็นผม ผมต้องบ้าแน่ๆ

ผมลุกจากโต๊ะ วางงานกองเอาไว้แบบนั้น แล้วหยุดยืนมองหน้าต่างบ้านตรงข้าม ป่านนี้หลับหรือยัง หรือกำลังนอนคุยกับแฟนตัวเองอยู่ ผมว่ามันต้องเป็นอย่างหลังแน่ๆ ช่วงคบกันใหม่เนี่ยเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลยหนิ มันคงกำลังแฮปปี้ก็ได้

มันคงไม่เหงา..คงไม่กลัว แล้วมันก็คงนอนฝันดี

ผมผละจากหน้าต่าง เดินไปทิ้งตัวนอนเหยียดยาวลงบนเตียง คำพูดจาแย่ๆ วนเวียนอยู่ในใจ พรุ่งนี้อาจจะไปขอโทษมัน ถ้ามันไม่ทำตัวแย่ๆ กับผมก่อนจนผมเผลอปากหมาใส่อีกอะนะ แต่ก่อนอื่นเลย...ผมต้องตื่นให้ทันมัน ผมข่มตัวเองให้หลับทั้งที่ยังไม่ดึกเท่าไหร่ แค่รู้สึกเหนื่อยกับการคิดอะไรเยอะแยะในหัว หลับไปก็ไม่ต้องคิดอีก ตอนเช้าผมลุกเพราะได้ยินเสียงแม่เรียกให้ตื่นลงไปกินข้าว นาฬิกายังไม่ทันปลุกผมเลยด้วยซ้ำ

“เอาข้าวเช้าไปให้น้องดิวด้วยสิลูก ป่านนี้น้องคงตื่นแล้ว” พอผมลงมาข้างล่าง กำลังกลัดกระดุมข้อมือของเสื้อนักศึกษาแม่ก็ยกชามข้าวต้มมา

“ครับ เจ้าไม้ละแม่...”

“กำลังลงมา” ผมพยักหน้า รับชามมาก่อนจะหอมแก้มแม่หนึ่งทีให้ชื่นใจ นี่แหละ...กำลังใจที่ดีที่สุดของผม

นอนเร็วแล้วตื่นเช้าทำให้อารมณ์ค่อนข้างดี ผมกำลังเปิดประตูรั้วเพื่อเดินไปยังอีกบ้าน แต่กลับมีรถคุ้นตาขับเข้ามาจอดหน้าบ้านดิวเสียก่อน แม่ง...ทำลายบรรยากาศยามเช้าที่สดใสของผมซะย่อยยับเลย แต่เมื่อแม่จะให้เอาข้าวไปให้ดิว ผมก็ต้องทำตามความต้องการของแม่ ผมเมินรถคันนั้น เดินอ้อมเตรียมจะกดกริ่ง ดิวเปิดประตูออกมาพอดีก็เลยไม่ได้กด ตอนแรกแม่งยิ้มหวาน คงรู้อยู่แล้วว่าที่รักมารับ ทว่าพอเห็นผม มันก็หุบยิ้มทันที

“แม่ให้เอามาให้...” ผมบอกสั้นๆ ไอ้ที่รักดิวเดินมายืนข้างๆ เหลือบมองผมและข้าวในมือ

“พี่หิวจังเลยครับน้องดิว ไปหาอะไรทานกัน” คิ้วกระตุกทันทีที่ได้ฟัง แม่งจงใจให้ดิวปฏิเสธข้าวจากผมใช่ไหม ผมหันไปมองพอดีกับที่มันเหลือบมาพร้อมรอยยิ้ม ถ้าไม่ติดว่าแม่อยู่ในบ้าน ผมจะเอาข้าวต้นราดมันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“เอ่อ...มึงเอาข้าวกลับไปเหอะ เดี๋ยวกูจะไปกินกับแฟน” ดิวเลือกปฏิเสธ ผมชักสีหน้ามองมันทันที

“ผัวหมาดๆ มีค่ากว่าแม่กูอีกสินะ” คำพูดผมสร้างความไม่พอใจให้กับคนข้างๆ มันหันกลับมาเตรียมหาเรื่อง แต่ผมไม่พร้อมจะมีเรื่องตรงนี้ ผมจะไม่ทำให้แม่เสียใจถึงแม้มันจะขัดใจผมมากแค่ไหนก็ตาม

“แม่กูเป็นห่วงมึงมาก แต่ถ้ามึงเลือกมัน...เห็นมันมีความกว่าความห่วงใยของแม่กูก็ไม่เป็นไร กูเข้าใจ ข้าวใหม่ปลามันก็งี้” ผมหันหลัง เดินเลี่ยงแฟนดิวเพราะไม่อยากปะทะ แต่ก็ต้องชะงักเพราะเจ้าของบ้านเรียกเอาไว้

“เดี๋ยว เอาข้าวมา...” หันกลับไปมอง แฟนมันหน้าหงิกและมันเองก็ดูจะหนักใจ

“ไม่ละ กูไม่อยากสร้างปัญหาให้มึง” ถ้าดิวรับของไป แฟนมันต้องเอาเรื่องแน่ๆ แค่นี้ดิวก็น่าจะโดนแหน็บแนม ละมั้ง ดูจากสีหน้าแฟนมัน

ผมเดินถือชามข้าวกลับมาที่บ้าน แม่เห็นก็แสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมา คงไม่คิดว่าดิวจะปฏิเสธข้าวที่แม่ผมตั้งใจทำให้ ผมกอดแม่ด้วยมือที่ยังว่าง ปลอบแม่ว่าดิวมันจะไปกินข้าวกับแฟนก็เลยรับไว้ไม่ได้ แล้วดิวก็ฝากมาขอบคุณ แม่ผมเองก็พอเข้าใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของวัยรุ่นอยู่บ้าง ถึงจะรู้แย่นิดหน่อยแต่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจนานนัก

เราสามคนแม่ลูกนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน วันนี้แม่จะไปส่งผมกับไม้ไปเรียน น้องชายผมโคตรดีใจ ผมก็ดีใจแต่พอนึกถึงรถติดๆ แล้วก็แอบเครียดนิดหน่อย หลังจัดการมื้อเช้าเสร็จเราก็ออกเดินทาง ตลอดเวลาบนท้องถนน น้องผมนี่จ้อไม่หยุดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมเองก็ชอบแทรกขัดใจมันบ่อยๆ ทำให้เกิดการทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ ของพี่น้อง คนเป็นแม่ยิ้มกว้าง หัวเราะมีความสุข แต่ลูกชายเถียงกันหน้าดำหน้าแดงไปหมด การต่อปากต่อคำของเราจบลงด้วยผมเป็นผู้พ่ายแพ้ แต่ผมก็ฝากให้น้องชายเจ็บใจเล่นๆ ว่าที่แพ้เพราะอ่อนข้อให้หรอก ไม้เดินลงจากรถ หัวเสียหน้าหงิก ดูแล้วตลกชะมัด

“เรานี่ชอบแกล้งน้องจริงๆ...” แม่บ่นเบาๆ ตอนเคลื่อนรถออกมานอกโรงเรียน

“ไม่ให้แกล้งแล้วจะให้ทำอะไรละแม่ มันก็ต้องอย่างนี้แหละ...ไม่งั้นไม่สนุกหรอกเนอะ”

“จ้า คุณชายน้อยของแม่” ผมหัวเราะ

“ต้นไม่น้อยนะแม่”

“หราจ้ะ ใช่จริงเหรอ” สายตาหยอกเอินของแม่ทำเอาผมหน้าแดง แม่พูดเรื่องไหนเนี่ย..

“ต้นหมายถึงต้นตัวใหญ่อ่า...แม่ก็” หัวเราะทีหลังดังกว่าจริงๆ แม่ขำชุดใหญ่กับความเก้อเขินของผม

ว่าผมเหมือนเด็กก็ได้ แต่ผมนั่งหน้ามุ่ยเหมือนโดนแม่รังแกอยู่ในรถ เสียงหัวเราะอันสดใสของแม่ยังคงก้องอยู่ มีหันมามองผมเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวเป็นการปลอบโยน แต่แม่...ผมไม่หายงอนหรอกนะเอาจริงๆ

“อายุเท่าไหร่แล้ว หน้ามุ่ยเป็นเด็กหกขวบเลย”

“ไม่ต้องเลย ต้นงอน”

“งั้นแม่เลี้ยงติม” นั่นจะยิ่งทำให้ผมงอน

“ได้ แต่แม่ต้องเป็นคนทำนะ ไม่งั้นต้นไม่กิน” แม่ทำหน้าคิดนิดหน่อย แต่แล้วก็ยกมือบอกโอเค ผมถึงได้ยิ้มกว้างๆ ขโมยหอมแก้มอีกหนึ่งทีให้ชื่นใจ

ไม่นานผมก็มาถึงมหาวิทยาลัย ก่อนลงรถหอมแก้มแม่ไปอีกสองทีหนักๆ โดยไม่สนใจสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนอื่นที่มองเข้ามา ผมหอมแก้มแม่ตัวเองมันไม่มีอะไรให้ต้องอายนี่ แม่เองก็หอมแก้มผมเหมือนกัน เราต่างเติมกำลังใจให้กันและกันก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ใต้อาคารวันนี้เด็กปีหนึ่งนั่งรวมตัวกันหลายกลุ่ม สุมหัวทำรายงาน ถัดกลุ่มปีหนึ่งไปไม่ไกลก็มีพวกปีสองและปีสามบ้างเป็นบางจุด ประปราย กลุ่มเพื่อนผมอยู่เยื้องไปเกือบหลังอาคาร ตรงนั้นสงบกว่าเพราะไม่มีคนอื่นสนใจเท่าไหร่ ผมมุ่งหน้าไปหาเพื่อนของตัวเอง ซึ่งก็มีสนิทกันอยู่แค่สองคนเท่านั้น คือพิก ตัวอ้วนกลมสมชื่อหมูนั่นแหละ มันสูงเท่าผม คือร้อยแปดสิบปลายๆ แต่น้ำหนักนี่ล้ำหน้าไปไกล หน้าใสไร้หนวดไม่ได้ทำให้ยักษ์อย่างมันดูน่าคบหาเท่าไหร่ อีกคนชื่อฝุ่น รูปร่างสมส่วนแต่เอนเอียงไปทางเตี้ย นับกันตามมาตรฐานไทยมันก็ไม่เตี้ยหรอกนะ ร้อยหกสิบปลายๆ เนี่ย แต่พอมาอยู่กับผมสองคนมันเลยดูเตี้ยเท่านั้นเอง

“พี่ต้นหวัดดีครับ” ผมละสายตาจากเพื่อนที่ส่งไม้ส่งมือเรียกไปรับไหว้รุ่นน้องปีหนึ่ง

“ดี สุมหัวลอกการบ้านอ่อวะพัน” นี่คือสายสืบของผมเองตอนที่ดิวคบเด็กในคณะเดียวกับผม มันชื่อพัน เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าดิวที่ชื่อแมทนั่นแหละ กลุ่มนี้มีกันสามคน อีกคนเป็นทอมชื่อแก้ว พอพันยกมือไหว้ผม คนอื่นๆ ก็เงยหน้าขึ้นมายกมือไหว้ตามๆ กันไป

“ครับพี่ ทำไม่ทัน”

“ไม่ทันหรือเมาค้างเอาดีๆ” พอโดนจี้ถูกจุด พันกับแก้วก็หัวเราะ ต่างจากแมทที่แค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน

ผมไม่เคยชอบรอยยิ้มของแมท มันขัดตา...เกลียดคือเกลียดอะ ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมลงในคำว่าเกลียดขี้หน้าถูกไหม ผมโบกมือลารุ่นน้องร่วมคณะ เดินไปนั่งสุมหัวกับเพื่อนๆ ของตัวเองเหมือนทุกๆ วัน

กลุ่มผมไม่มีงานต้องส่ง เราเลยนั่งจับกลุ่มเล่นเกมมือถือรอเวลาเข้าเรียนอีกร่วมชั่วโมง ตอนแรกกลุ่มผมก็นั่งเล่นกันเงียบๆ อยู่หรอก แต่พอคนในตี้มันไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มบ่นกัน พิกนี่หัวร้อนสุดแล้ว มันเปิดไมค์ด่าฝั่งนั้นเสียงดัง พอเขาตอบมาเป็นเสียงผู้หญิงเท่านั้นแหละ...

“งั้นเธอก็เล่นดีๆ หน่อยสิคะ” เลว เสียงหวานเลย ผมกับฝุ่นมองหน้าเป็นอันว่ารู้กัน

หลังจากนั้นไอ้พิกแม่งก็ไม่สนใจพวกพ้องคนอื่นๆ อีก มันตามดูแลผู้หญิงในเกมคนนั้นจนทีมเราแพ้ ผมกับฝุ่นเลยร่วมมือกันเชือดคอหมู ตัวแม่งใหญ่เลยเป็นเรื่องยากนิดหนึ่งฟัดกันสองสามตัว เสียงด่าสารพัดสัตว์ดังทั่วไปหมด คนอื่นมองมาที่พวกเราเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่ได้รับรู้จนกระทั่งพวกพี่ว้ากเดินมาด่านั่นแหละ เงียบกริบเลยพวกผม ถึงเราจะเหนือกว่าปีหนึ่งแต่ก็เป็นน้องปีสามกับสี่อยู่ดีอะนะ

ตอนเย็นแม่ให้ผมแวะไปรับน้องแล้วพาไปที่ร้านอาหารของแม่ ที่นั่นแม่เตรียมไอศกรีมเอาไว้ให้เราสองพี่น้องตามคำขอของผม เจ้าไม้บ่นว่าทำไมแม่ไม่ถามมันบ้างว่ามันต้องการอะไร ให้พี่ขอคนเดียวแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย ผมก็ได้แต่หัวเราะเสียงแง้วๆ ของน้องชายตัวดี แล้วบอกมันว่าเพราะแม่รักผมมากกว่ามันไง มันเลยตั้งมั่นว่ามันต้องคว้าที่หนึ่งมาครองในการแข่งที่จะถึงนี้ให้ได้

“ว้าว...ร้านนี้สวยเหมือนกันนะ ไม่คิดว่าน้องดิวจะมีร้านประจำน่ารักขนาดนี้ น่ารักเหมือนน้องดิวของพี่เลยละครับ” พอผมกับไม้เปิดประตูเข้ามาในร้านก็สบเข้ากับดวงตากลมโตของดิว และคำพูดแสนหวานชวนอ้วกของแฟนมัน...

โลกแม่งกลมจริงๆ เลยให้ตาย...

.....100%....

บอกแล้วเรามาช้ามากช่วงนี้ อาทิตย์จะแบ่งอัปละกันเนอะ จะได้ไม่รอนานเกินไป ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ทำให้อารมณ์ค้างขนาดนี้ แฮ่ๆ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 2 [100% - 2/0760] ByGukakST
«ตอบ #15 เมื่อ03-07-2017 00:08:26 »

บุกมาถึงที่เลยหรอ??

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
«ตอบ #16 เมื่อ20-07-2017 21:37:45 »

>>ตอนที่ 3 [100%]<<

“อ่าวดิว...” ไม้ยกมือโบกทักมาย ถึงอยู่กันคนละกลุ่ม แต่ก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ดิวโบกมือตอบ กวักเรียกอีกต่างหาก

“ไงไม้ นี่ไม้เพื่อนสนิทดิว ส่วนนี่พี่โอม แฟนเรา” ดิวแนะนำน้องผมให้คนของมันรู้จักก่อนจะแนะนำคนรู้จักของมันให้น้องผมกลับ แต่มันไม่พูดถึงผมเลย

“อ่อ ส่วนนี่พี่ชายผม ชื่อต้นครับ” ไม้เป็นฝ่ายแนะนำ

“กูไปหาแม่ก่อน” ผมตบบ่าน้อง มองหน้าดิวและแฟนมันก่อนจะเดินไปหาแม่ในร้าน

ผมทักทายคนงานของแม่อย่างเป็นกันเอง ส่วนไม้นั่งลงอยู่กับพวกนั้น ไม่ได้ตามมา คงคุยอะไรกันไปตามประสา น้องผมต่างากผม มันไม่กวนตีนใครเลยนอกจากพี่ชายตัวเอง แม่ของผมอยู่ในครัว คนสวยที่สุดในโลกของผมกำลังยืนหน้าเครื่องปั่นไอศกรีม ผมสวมกอดเธอจากด้านหลังแล้วก็ขโมยหอมแก้มที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำตาล

“ว้าย เจ้าต้นนี่...เดี๋ยวแม่ตีก้นลายเลย” แม่ตีมือผมเบาๆ

“ก้นผมลายอยู่แล้วไม่ต้องตีครับแม่” ผมว่าขำๆ แม่เองก็พลอยขำไปด้วย

“ไม้ละลูก”

“อยู่กับดิวมั้งแม่ แล้วแม่รู้ยังว่าดิวมาที่ร้านอะ” คลายกอดแล้วยืนมองแม่ทำนั่นทำนี่

“รู้แล้ว แม่บอกให้น้องรอเจอพวกลูกๆ ด้วยน่ะ กะว่าจะเอาเอาไอศกรีมชามโตไปเสิร์ฟ สูตรนี้ รับรองว่าหนุ่มๆ ต้องชอบ” พยักหน้าเข้าใจ

“อะไรที่แม่ทำอะ หนุ่มๆ อย่างต้นกับไม้ชอบทั้งนั้นแหละ”

“เหวย ปากหวานจริงๆ” แม่ตีไหล่ผมเบาๆ

ผมช่วยแม่ด้วยการเอาชามแก้วเผาเป็นลายสวยๆ มาใส่ไอศกรีมสีขาวนวล แม่เอาท็อปปิ้งต่างๆ ใส่มันลงไป เรียกว่าโปะจนมันพูนชามเลยล่ะครับ ขณะที่ตกแต่งแม่ก็ฮัมเพลงเบาๆ ดูแม่มีความสุขกับการได้ทำอาหาร แล้วผมก็ชอบมองดูแม่ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ต่อให้เจอเรื่องอะไรมาก็ตาม รอยยิ้มของแม่ปัดเป่าความทุกข์เหล่านั้นได้เสมอ

เมื่อไอศกรีมชามโตถูกตกแต่งจนสวยงาม ผมก็ยกมันออกมาจากครัว แม่ถืออุปกรณ์การกินอย่างถ้วยเล็กๆ สีสันเข้ากับชาม และช้อนเดินตามออกมา ไม้กำลังคุยกับดิวเพลิน มันเห็นแม่ก็เลยลุกขึ้นมาแย่งของจากมือ สวมกอดและหอมแก้มแม่อย่างออดอ้อน ไม่อยากจะโม้ ผมได้กอดแม่ก่อนมันอีกเถอะ ไม้หันมายักคิ้วใส่ เพราะมันทำให้แม่ยิ้มและหัวเราะได้ก็เลยอวด

“แม่รักผมมากกว่าพี่อีก แบร่” เอาที่ไหนมาพูดวะ แม่ต้องรักมากกว่าสิ

“กูเกิดก่อน แม่รักกูก่อน กูได้ความรักมาก่อน แม่ต้องรักกูมากกว่าอยู่แล้วไอ้น้องโง่”คนเป็นแม่ขำ กับการอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ ของพี่น้อง

“พอเลย เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ อายน้องดิวบ้าง อะ...นี่แม่ทำออกมาให้ เจ้าต้นเขาอยากกิน แต่แม่รับรองว่ามันต้องอร่อยถูกปากหนูแน่นอนจ้ะ” แม่แย่งไอศกรีมจากมือผม นำมันไปวางไว้กลางโต๊ะ ส่งยิ้มให้ดิวและแฟนของดิว

“ขอบคุณครับคุณน้า ส่วนเรื่องข้าวเมื่อเช้า...ผมขอโทษนะฮะ” ได้ฟังแล้วผมก็หันไปมองน้องชาย ไม้ไหวไหล่ไม่ใส่ใจ แต่ผมเดาว่าที่มันมาร้านนี้ก็เพราะต้องการขอโทษแม่ผม

“ไม่เป็นไรจ้ะ น้าเข้าใจ นั่งทานกันไปนะ น้าจะไปทำงานก่อน ต้นก็อย่าแกล้งน้อง เป็นพี่ต้องดูแลน้องนะจ้ะสุดหล่อ” โห แม่เล่นพูดดักแบบนี้ คิดว่าผมจะกล้าแกล้งไอ้ดิวไหมล่ะ

หึหึ...กล้าสิ

ผมกับไม้นั่งฝั่งตรงข้ามดิวและแฟน ทั้งคู่ดูไม่ได้อยากต้อนรับผมเท่าไหร่ ต่างจากไม้ที่คุยกับดิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ผมเองอยากจะตักไอศกรีมใส่ถ้วยแล้วแยกไปนั่งที่อื่นเหมือนกัน แต่เดี๋ยวแม่จะสงสัยว่าผมทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร คนชื่อโอมมองผมตาขวางๆ มันพยายามจะชวนดิวคุยเรื่องส่วนตัวกันสองคน แม้กระทั่งน้องผมที่ดูเป็นมิตรมันยังทำเหมือนไร้ตัวตน ดิวสีหน้าเริ่มไม่โอเคเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศที่โต๊ะไม่สนุกอย่างที่คาด ยิ่งแฟนมันพาเข้าเรื่องที่ต้องพูดแบบกระซิบกระซาบ มันก็ยิ่งหน้าเจื่อนลงไป

“กูว่า...ย้ายโต๊ะมะ” ผมหันไปพูดกับน้อง ไม้หันมามองผมสลับกับดิว มันเป็นคนกลางเพียงคนเดียวที่อยู่ตรงกลางจริงๆ

“ขี้เกียจนั่งดูพวกไร้มารยาทเขาสวีตกันวะ” แหนะ แล้วความปากดีของผมก็มาจนได้

“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ ใครกันแน่ที่ไร้มารยาท พวกมึงไม่ใช่เหรอที่เข้ามาเสือกเรื่องของกูสองคน” โอมหันมาหาเรื่องทันที เหมือนรอเวลานี้มานานแสนนาน ไม้และดิวต่างเลิกลั่ก ผมเท้าคางมองหน้าคนชื่อโอม กวนตีนมันผ่านสายตา

“เอ๋ ผมเข้ามาเสือกเหรอเนี่ยไม่ยักรู้ เห็นดิวเขาชวนนั่ง ก็เลยมานั่ง...ไม่บอกแต่แรกละครับว่าอย่าเสือก จะได้ไม่เสนอหน้าเข้าเป็นก้างขวางคอหมา...”

ปัง!!!

คนชื่อโอมลุกขึ้น มันตบโต๊ะเสียงดังจนคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว พนักงานในร้านก็เริ่มดูสถานการณ์ตรงหน้า ดิวมันคว้าแขนแฟนมันไม่ทันตอนนี้มันเลยทำได้แค่นั่งมองหวาดๆ ส่วนน้องผมรีบกำข้อมือของผมเอาไว้ กลัวผมจะลุกขึ้นสวนอีกฝ่ายทันที บ้าเหอะ...ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก เดี๋ยวแม่ออกมาเห็นผมทำร้ายคนอื่น แม่จะเสียใจกับลูกคนนี้เปล่าๆ

“ไอ้สัตว์ ปากดีนักนะ...กูหมั่นไส้มึงตั้งแต่เช้าละ อยากแดกตีนมากนักใช่ ฮะ!” เจ้าตัวโน้มเข้ามาใกล้ก่อนจะคว้าคอเสื้อนักศึกษาของผม ดึงจนผมต้องลุกขึ้นยืนประจันหน้า โอมตัวเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย แต่แรงมันน่าจะมากกว่าผม

“พี่โอม อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ” ดิวปากคอสั่น

“ดิวปกป้องมันเหรอ ผัวเก่าหรือไงถึงได้ออกปากปกป้องมันตลอด เมื่อเช้านี้ก็ด้วย อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าอาลัยอาวรณ์ข้าวจากมันมากขนาดไหนน่ะฮะ!” พานผมคนเดียวไม่พอ โอมหันไปตะคอกดิวด้วยอีกคน

บอกตามตรงว่าตอนนี้เดือดจนอยากจะเข้าไปกระทืบมันให้หน้าหงายไปซะ แต่ติดที่ว่านี่เป็นร้านของแม่ผม แล้วแม่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ผมบอกแล้วจะไม่ทำให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดคนนี้เสียใจอีก ดังนั้นผมจึงไม่ตอบโต้อะไร เก็บกดความเคียดแค้นเอาไว้ให้ลึกที่สุด ห้ามมือห้ามเท้าตัวเอง เหมือนที่ไม้ก็พยายามห้ามผม

“ถ้าโกรธกูมาก...ไปเจอกันข้างนอก”

“พี่!” ไม้รีบห้ามทันที รู้ทันไปหมดแหละว่าพี่มันจะทำอะไร

“ทำไมกูต้องเชื่อมึง อัดมึงในนี้ไปเลยไม่ง่ายกว่าเหรอวะ...” ไอ้สัตว์ ผมอยากประเคนส้นเท้าให้มันจิงๆ แต่ไม่ได้...ใจเย็นไว้ต้น มึงต้องใจเย็นเข้าไว้นะ

“พี่ๆ...” ไม้สะกิดเรียกอย่างแรง ผมหันไปมองมันเลยเห็นว่าแม่เดินออกมา ไม่ได้การแล้วล่ะ

ผมรีบปัดมือไอ้โอมออกแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากร้าน ไม้รีบลุกตามแต่ไม่ได้ออกมากับผม มันเดินเข้าไปหาแม่ คือ...พี่น้องมันต้องทำงานประสานกันครับ ไม้มันเข้าไปโกหกตอแหลใส่แม่ ส่วนผมที่รีบออกมาเพราะว่าอีกไม่นานกำปั้นไอ้โอมคงปะทะหน้าผม เพราะผมปัดมือมันออก พอเดินออกมาได้นิดหน่อย ก็ลอบมองดู่นั้น ตอนนี้ดิวน่าจะกำลังโดนด่า มันก้มหน้าก้มตานิ่งงันอยู่ที่โต๊ะ ปล่อยให้อีกคนสาดอารมณ์ใส่มันเงียบๆ

แม่ถูกพาไปที่อื่น และไม่นานโอมก็เดินออกมา ปล่อยดิวทิ้งไว้กับไอศกรีมที่ละลายเป็นน้ำอยู่ในชาม ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าแฟนดิวจากไปแล้วจริงๆ ไม่ได้แอบซ่อนอยู่ตรงไหน คือน่าอนาถมาก ทำเหมือนตัวเองขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนอื่น อับอายก็อับอาย เสียศักดิ์ศรีแม่งก็เสีย แต่ให้ทำยังไง...ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ แม่ก็ต้องเสียใจที่ลูกไปชกต่อยกับคนอื่น

ผมกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามดิวต่อ มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองส่วนผมก็แค่ตักไอศกรีมกินเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น เรากินข้าวกันสงบสุขดีประมาณนั้น ผมทำเป็นนิ่งได้สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าผมกำลังร้องไห้ พอสังเกตดีๆ ก็เห็นหยาดน้ำตาที่กำลังหยด

“ทำไม มันทิ้งมึงแล้วอะสิ” ตบปากตัวเองต้น ไอ้ปากเสีย

“เออ เขาทิ้งกูแล้ว...เป็นไงละ สบายใจมึงไหมต้น แค่อยู่ของมึงดีๆ ไม่หาเรื่องกู ไม่ทำให้กูทะเลาะกับแฟนกูมึงจะตายหรือไง” ดิวเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นต่อว่า ผมสงสารมัน...ใจจะขาดเลยแหละ อย่าลืมสิ ผมเองก็รักมัน แค่มันไม่เคยรู้เท่านั้น

“กูเป็นคนทำให้มึงสองตัวเลิกกันเหรอ...ใช่เหรอดิว ถ้ามันรักมึงจริงๆ มันจะเลิกกับมึงง่ายๆ อย่างนี้ไหม อย่างมาก มันก็แค่มาเอามึง เสร็จแล้วมันก็ไป” รู้ว่าตัวเองพูดจารุนแรง แต่ก็ห้ามปากตัวเองไม่ค่อยได้...ผมเสือกเป็นแบบนี้ ดิวกำหมัดตัวเองแน่น มันจ้องผมอย่างอาฆาตแค้นเพราะทำอะไรผมตอนนี้ไม่ได้

“เขารักกู แต่เพราะมึง...”

“มึงเอาอะไรมามั่นใจว่ามันรักมึง มันรักแค่ตัวเอง มันรักแค่ความสนุกและเห็นมึงเป็นควาย” น้ำตาคนตรงหน้าไหลลงมาเป็นสาย หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม เสียงสะอึกสะอื้นของมันคล้ายจะควบคุมไม่อยู่

เป็นผมอีกที่ซ้ำเติมมัน....

“กูเป็นควายแล้วมึงเป็นอะไร มึงทำให้กูเลิกกับแฟน ความสำนึกมึงยังไม่มีเลยต้น ดีแต่ปากหมาใส่ไปวันๆ หาเรื่องด่ากูมีความสุขมากนักหรือไง!”

“กูทำลายความรักของมึงเหรอ ดิว...มึงไม่ได้โง่ มึงรู้ดีว่าที่มันเลิกกับมึงง่ายๆ แบบนี้เป็นเพราะอะไร อย่าเอาแต่โทษกูเพราะมึงหาเหตุผลมาลบล้างความจริง คนรักกันจริง...ทะเลาะกันแค่ไหน เขาก็ไม่ปล่อยมือจากกันหรอกดิว” ผมใช้เสียงที่อ่อนโยนขึ้น เห็นมันร้องไห้หนักขนาดนี้แล้ว เหมือนมีอะไรมาบีบที่หัวใจ

ผมก็อยากเข้าไปคว้าตัวมันมากอดนะ อยากปลอบมันแบบดีๆ สักครั้งเหมือนกัน แต่ดูมันพูดสิ ดูมันกล่าวหาว่าผมเป็นต้นเหตุให้มันกับคนรักเลิกกัน ดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอีกฝ่ายมันก็เข้ามาเพื่อหวังฟันเท่านั้น ไม่มีเรื่องนี้ มันก็ต้องมีเรื่องอื่นเข้ามาเป็นเหตุให้มันทะเลาะกับดิวแล้วเลิกกันอยู่ดี

ดิวมันคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน ผมรู้ว่ามันกำลังจะไปจากตรงนี้ แต่ผมคว้าข้อมือของมันเอาไว้ ดึงมันนั่งลงที่เดิม มันพยายามจะสะบัดข้อมือออก ทว่าเรี่ยวแรงมีไม่มากพอจะต่อต้านกำลังของผมได้

“กินติมกัน” ผมตักเชอร์รี่ขึ้นมาจากไอศกรีมที่ละลายจ่อปากอีกฝ่าย ดิวทำท่าจะปัดทิ้ง ก็เลยชักมือหลบ

“แม่กูอุตส่าห์ทำมาให้นะ กินหน่อยสิ มึงก็รู้ว่าแม่กูทำอร่อย” เอาแม่มาอ้างนี่แหละ แม่ผมมีบุญคุณกับมันมากสุดแล้ว

ดิวมองหน้าผมสลับกับถ้วยไอศกรีมหลากสี ชั่งใจอยู่สักพักมันก็หยิบช้อนขึ้นมาตักท็อปปิ้งกิน ผมฉวยโอกาสที่มันไม่ทันระวังตัวเช็ดน้ำตาให้ แม้ว่ามันจะยังไม่หยุดไหลเสียทีเดียว แต่ก็ไม่อยากให้สิ่งนั้นทำให้คนตรงหน้าเศร้าหมองมากไปกว่านี้ ดิวชะงักมือ มันมองผมตาขวางก่อนจะปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี ผมเข้าใจ มันเกลียดผม มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่รักมัน

ไม้เดินกลับมา มองผมและดิวด้วยสีหน้ากระอ่วนใจ ผมกวักมือให้มันมนั่งด้วยกัน เผื่อว่ามันจะช่วยให้ดิวรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ไม้เริ่มต้นชวนดิวคุยเรื่องที่มันจะไปแข่ง นับว่าน้องผมเก่งและฉลาดดีเหมือนกัน ที่ไม่มานั่งถามว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่มันไม่อยู่ มันคงกลัวว่าจะกลายเป็นการซ้ำเติม น้ำตาบนใบหน้าของดิวก็บอกอะไรได้มากอยู่แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

เราสามคนช่วยกันกินไอศกรีมที่แม่ทำจนมันหมด ถึงละลายและแทบจะไม่เย็นแล้วแต่มันก็ยังอร่อย ดิวยิ้มบางๆ กับมุกตลกของน้องชายผม มันไม่มองหน้าผมเลย ไม้ชวนดิวกลับด้วยกัน บอกแม่อยากคุยกับดิว นั่นเป็นข้ออ้างที่ดีทำให้ดิวไม่กล้าปฏิเสธคำชวนของน้องชายผม

ทั้งโต๊ะมีความมาคุ ไม้เป็นคนเดียวเท่านั้นที่พอจะกู้สถานการณ์ได้บ้าง แม่ออกมาในตอนค่ำๆ เรากลับกันก่อนร้านจะปิด แม่ชวนดิวคุยใหญ่เรื่องการเรียน เพื่อนที่คบหรือกระทั่งอวดว่าลูกชายตัวเองกำลังจะลงแข่งแบดมินตัน แม่ชวนดิวไปดู เหมือนที่ไม้ชวน ตอนแรกดิวปฏิเสธคำชวนของไม้ แต่พอเป็นแม่ผมพูด...ดิวก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก

“ถ้าดิวเหงาก็มาหาเจ้าต้นเจ้าไม้ที่นี่ได้นะลูก” แม่บอกกับดิวก่อนเราจะแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน

“ครับ ขอบคุณนะครับ” ดิวยกมือไหว้แม่ผมก่อนจะเดินกลับบ้านตัวเอง

ผมรีบเดินลิ่วออกมาก่อนที่แม่จะยิงคำถามใส่ ผมเดาออกหรอกว่าแม่รู้เรื่องความไม่ปกติ คนในร้านก็ต้องพูดบ้างแหละเรื่องแฟนและดิวทะเลาะกัน ผมเองก็เหมือนจะมีส่วนเอี่ยวกับเขาด้วย ไม้เข้าไปกล่อมแม่แล้ว ผมเดาว่ามันไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ ดังนั้นการหนีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้

“หยุดเลยนะเจ้าต้น!” ฮื่อ...ไม่ทัน

“อ่า...ไม้ชิ่งก่อนนะ” แล้วคนที่รอดตัวไปก็คือน้องชายผู้ไม่รักดี แม่เดินเข้ามาจับข้อมือของผมเอาไว้แน่น กลัวผมหนีเหรอครับแม่ บ้านมีแค่นี้ผมหนีไปไหนพ้นล่ะ ไม่มีทางหรอกบอกเลย

“เล่าให้แม่ฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น คนในร้านพูดกันว่าลูกเหมือนจะมีเรื่องกับแฟนดิว ไม้มาบอกแม่ว่าไม่มีอะไร แค่พูดจาไม่ถูกคอกันเท่าไหร่ แฟนดิวก็เลยกลับไป แต่แม่ว่าสภาพแบบนั้นไม่ใช่แค่กลับไป แต่ทะเลาะกันด้วยใช่ไหม...เราทำให้น้องทะเลาะกับแฟนใช่ไหมต้น” แม่ปล่อยมือผมเมื่อเรามาถึงห้องโถง ดวงตาคู่สวยกำลังตำหนิในการกระทำของผม ซึ่งผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ

“ผมเปล่านะแม่ ผมก็แค่...อาจจะปากหมาไปหน่อย แต่ที่เขาทะเลาะกันไม่ใช่เพราะผม”

“ไม่จริง เราไปปากหมาอะไรใส่เขา ถ้าเราไม่พูดจาไม่ดีใส่ทั้งคู่ พวกเขาจะทะเลาะกันไหม...บอกแม่มาดีๆ” ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อ ก็เลยเดินเข้าไปสวมกอดแม่ ซบหน้าลงที่ลาดไหล่บอบบาง

“เขาสวีตกัน และต้นก็ปากหมาใส่ แฟนดิวไม่ชอบต้นอยู่แล้ว ดิวออกปากห้ามมัน มันก็เลยพานใส่ดิว ต้นไม่ได้หาเรื่องนะแม่...ต้นผิดที่ปากหมาต้นขอโทษ แต่ที่เขาทะเลาะกันมันเป็นเพราะไอ้เลวนั่นแหละอยากจะทิ้งดิว” ผมบบอกความจริงทั้งหมดที่จะบอกได้ให้แม่ฟัง

“แล้วยังไง ต่อให้ดูรู้ว่าเขาไม่จริงใจ แล้วเรามีสิทธิ์อะไรไปยุ่งเรื่องของเขาละ ถ้าเขาสวีตกันมาก ก็แยกโต๊ะ มันก็แค่นั้นไม่ใช่เหรอต้น” แม่พูดถูก แถมถูดจนผมรู้สึกผิดเต็มอกไปหมด

“ต้นขอโทษ...”

“คนที่ต้นต้องไปขอโทษคือดิว ไม่ใช่แม่นะ” ผมไม่ผิด ผมต้องขอโทษดิวทำไม

“ต้นทำให้แม่รู้สึกไม่ดี ต้นทำตัวไม่น่ารัก...แม่โกรธต้น ต้นต้องขอโทษแม่สิ” แม่ดึงผมออกก่อนจะเขกหัวผมหนึ่งที

“ไปขอโทษน้องเลย แม่โกรธเพราะเราทำให้น้องทะเลาะกับแฟน โตจนเรียนมหาลัยแล้วยังชอบแกล้งน้องเป็นเด็กๆ ไปได้ นี่ถ้าน้องเป็นผู้หญิง แม่คิดว่าเราน่ะชอบน้องไปแล้วนะ...” จู่ๆ แม่ก็ชะงัก มองหน้าผมด้วยดวงตาที่ค่อยๆ เบิกโพลงขึ้นทีละน้อย อ่า...ผมชิ่งดีกว่า

“พรุ่งนี้ต้นค่อยไปขอโทษ ต้นขอตัวไปทำงานก่อนนะแม่” ผมรีบวิ่งขึ้นห้องทันที เรื่องไรจะอยู่ให้แม่ซักไซ้ต่อ เขาว่ากันว่าเซ้นของผู้หญิงน่ากลัว ผมยังไม่อยากทดสอบสัมผัสที่หกของแม่หรอกนะ


.....100%.....

เราโดนเทเราจิไม่แปลกใจ ฮ่าๆ เราหายหัวไป อยากให้รู้ไว้...เราแกล้งตายเราไม่ได้ตายจริง พอดีเราไปปั่นอีกเรื่องมา ขอโทษด้วย เราจะขยันกว่านี้  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
«ตอบ #17 เมื่อ20-07-2017 23:21:19 »

ก็นะ ดิวก็ใจง่ายไป คบกันไม่กี่วันก็ให้เขาเอา
ก็โดนทิ้งง่ายอย่างนั้น จะโทษต้นไปทำไม

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
«ตอบ #18 เมื่อ20-07-2017 23:33:46 »

ไม่เลิกวันนี้ก็วันหน้า. มันไม่ใช่คู่กันอ่ะ 555

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
«ตอบ #19 เมื่อ21-07-2017 09:41:03 »

เพิ่งมาตามอ่าน จากเธอมีชู้ บอกเลยว่าอินเว่อร์ๆ

เรื่องนั้นเกลียดดิว แต่เกลียดแมทมากกว่า ดิวคือเหยื่ออะ

ในเรื่องนี้ิเราว่าดิวกำลังพยายามหาคุณค่าให้ตัวเองหรือเปล่า พ่อแม่ก็เหมือนไม่รัก ตอนกับแมท ก็ทุ่มเท ยอมทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็แค่คู่นอนเขา ยังไงเขาก็เลือกตัวจริง
พอหลังจากแมท ดิวเลยพยายามหาคนที่จะรักดิวจริงๆมั้ย สงสารนะ แต่ดิวก็ทำตัวเอง เข้าใจแหละว่าพยายามรักษาใจตัวเองอยู่

ไม้เอ้ยยย ถ้าพูดดีๆกับดิวบ้างก็จะดีนะเอ็งงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 3 - 100% [20/07/60]ByGukakST
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-07-2017 09:41:03 »





ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
«ตอบ #20 เมื่อ21-07-2017 20:56:34 »

>>ตอนที่ 4 [100%]<<

สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากวางกระเป๋าลงบนพื้นห้องก็คือถอดเสื้อผ้าออก คว้าผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำรวม ชั้นนี้มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ คือห้องน้ำส่วนตัวแม่หนึ่งห้อง ผมกับน้องใช้ห้องน้ำรวมข้างนอก เพราะงั้นบางครั้งก็จะเดินสวนกับน้องชายบ้าง

“ผมรอในห้องพี่นะ” ไม้บอกสั้นๆ ผมพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจ

ผมใช้เวลาอาบน้ำอาบท่าแค่ห้านาที ไม่เกินนี้ เอาผ้าขนหนูพันเอวเดินเข้าห้อง ไม้นั่งอยู่หน้าคอม เปิดเว็บนั่นนี่ดูเล่นไปตามเรื่องตามราว ผมปล่อยให้น้องชายรอไปก่อน มุ่งไปยังตู้เสื้อผ้า เลือกกางเกงขายาวมาตัวหนึ่งแล้วก็ใส่มันแค่นั้น คงไม่มีใครมานั่งว่าผมใช่ไหม...ผมว่าใส่แบบนี้มันนอนสบายดีน่ะ

“เพื่อนดิวปลอบใจดิวใหญ่เลย...” ไม้หลบให้ผมเห็นข้อความบนหน้าไทม์ไลน์ดิว

“ปลอบว่าไง ให้หาคนใหม่?” ผมไม่ได้ใส่ใจ เดินไปนั่งเช็ดผมที่ปลายเตียง

“บอกให้มาเอาเรื่องพี่ต่างหาก ที่ทำให้ดิวกับแฟนเลิกกัน ตอนที่ผมกลับเข้ามานั่ง...ดิวมันร้องไห้เพราะเลิกกับแฟนใช่มะ พี่ต้นเหตุเหรอพี่ต้น” ไม้หมุนตัวมาเผชิญหน้า

“แกก็อยู่ในเหตุการณ์ส่วนหนึ่งนี่ ไอ้นั่นมันพานดิวอยู่แล้ว...ไม่มีปากหมาๆ ของกู มันก็หาเรื่องเลิกกับดิวอยู่ดี แต่ดิวก็โทษกูนั่นแหละที่ทำให้มันทะเลาะกับแฟน ทำให้มันสองคนเลิกกัน” ผมไม่รู้สึกผิดหรอกนะ เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนทำ ผมแทบไม่ได้ยุ่งอะไรกับดิวตอนอยูต่อหน้าคนรักของมันเลย แค่ปากหมา...พูดจากวนประสาทไปหน่อย ถ้ามันโกรธผมมันควรเล่นงานแค่ผม ไม่ใช่ลามไปยังดิวแบบนั้น

“มึงได้ยินที่มันพูดไหมละ มันด่าแบบไม่ให้เกียรติดิวเลยนะ ถึงดิวมันจะไม่ใช่ชายแท้แล้วไงวะ...มันไม่ควรได้รับเกียรติหรือไง กูโคตรหงุดหงิด” แค่นึกถึงก็ของขึ้นแล้ว คนแบบนั้นเรียกคนรักได้จริงเหรอ ด่าดิวไม่ไว้หน้าแบบนั้น ไม่คิดว่าแฟนตัวเองจะเสียใจหรือไงวะ

“ก็จริงพี่ เป็นผม...ผมคงหน้าชาเหมือนกันแต่ประเด็นสำคัญคือตอนนี้ทุกคนคิดว่าพี่เป็นคนทำลายความรักครั้งใหม่ของดิว พี่เป็นตัวร้ายนะ โดยเฉพาะในสายตาดิวอะ ผมถามตรงๆ...พี่จะเอายังไงต่อไป จะรุกจีบดิวเอง หรือจะแก้ตัวเรื่องนี้ดี” คำถามวัดใจมาก รวมถึงถ้าลงมือทำก็วัดใจตัวเองเหมือนกัน

หากผมเลือกข้อแรก แน่นอน...ผมเอาตัวเองมาก่อน การได้รุกดิวที่ตัวเองแอบชอบมานาน ใครๆ ก็อยากทำใช่ไหมละ ตอนนี้ดิวโสดเป็นโอกาสที่ไม่เลว ติดที่ดิวคงไม่ชอบขี้หน้าผมอย่างแรง แต่ถ้าเลือกข้อที่สอง...ผมเห็นแก่ความรู้สึกของดิว มันอาจจะได้คนรักของมันคืนแล้วผมก็เจ็บไปตามระเบียบ

“เลือกข้อแรกก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี ดิวเกลียดกูจะตาย”

“ก็ดูปากตัวเองมั้ง รักเขาแต่ด่าเขาจังเลย เอาเถอะ...พี่จัดการเองแล้วกัน มีอะไรอยากให้ช่วยก็บอก ผมไปนอนดีกว่า โคตรเพลีย โกหกแม่ด้วย ผมต้องบาปมากแน่ๆ” เจ้าไม้ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วก็เดินออกจากห้องผมไปโดยไม่ยอมออกจากเฟซตัวเอง ไม่คิดว่ากูจะแกล้งมึงหรือไงไอ้น้องคนนี้

ผมนั่งลงหน้าคอมพ์กวาดตามองไทม์ไลน์ของดิวแล้วก็อ่านมันไปเรื่อยๆ โพสต์เศร้าเสียใจของมันได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากเด็กหัวเกรียนอยากลองของแปลกทั้งหลายแหล่ และยังมีเฒ่าหัวงูอยากกินเด็กอีกหลายคน ทั้งที่มันเป็นผู้ชาย สังคมโซเชี่ยลที่มันอยู่น่ากลัวไม่ใช่เล่น ผมเลื่อนดูด้านล่างๆ เห็นโพสต์ไปหาไอ้โอมเพื่อขอโทษ อยากให้กลับมาดีกันบลาๆ อ่านข้ามๆ ครับ ปวดใจ แต่ที่ข้ามไม่ได้คือคำตอบของโอม...ดิวดราม่าแล้ว โอมดราม่าหนักกว่า

ผมตัดสินใจล็อกเอ้าท์ออกจากเฟซไม้ เข้าไฟล์งานของตัวเองเพื่อจะทำงาน ทว่าสายตาก็ยังเหลือบไปมองอีกฝากของหน้าต่าง บ้านดิวมืดและเงียบเชียบเช่นเคย ราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่ในนั้น เป็นบ้านร้างปราศจากผู้คน

ป่านนี้มันคงจะนอนร้องไห้ เหมือนตอนอกหักครั้งก่อน...เดี๋ยวนะ ครั้งก่อนดิวมันทำร้ายตัวเองด้วยนี่ แว้บคิดเรื่องนี้ขึ้นมาผมก็ปวดหัวใจจี๊ดๆ ผมไม่อยากให้มันทำแบบนั้นเลย มันปวดใจยิ่งกว่าการเห็นดิวร้องไห้อีก...

ผมพยายามบอกตัวเองให้อดทน อย่าเดินออกจากบ้านตัวเองเพื่อปีนบ้านตรงข้ามในค่ำคืนนี้เด็ดขาด มีเรื่องเสียงดงเสียงดังขึ้นมาอื้อฉาวเลยนะ ทั้งผมแล้วก็มันด้วยนั่นแหละ ผมหันมาให้ความสนใจกับงาน โดยวิดีโอคอลไปหาไอ้พิกและไอ้ฝุ่นเพื่อช่วยกันทำงาน พวกมันโอดโอย บ่นเหนื่อย บ่นขี้เกียจกันไปตามประสา ผมเลยต้องด่ามันเรียงตัวเพื่อเรียกสติ...ไม่ใช่สติพวกมันนะ สติผมเนี่ยแหละ

ใจผมมันไปนู้นแล้ว...ไปบ้านตรงข้ามน่ะ

การเอาเพื่อนเข้ามาวุ่นวายกับการทำรายงานเป็นเรื่องบัดซบมากๆ งานแทบไม่เดินแถมยังไปด้วยเสียงบ่นและก่นด่า ผ่านไปสักพักเริ่มกลายเป็นชวนเล่นเกม เฮ้...นี่ทำงานนะพวกคุณ งานน่ะงาน! แม่งน่าวุ่นวายชะมัด ติดที่ข้อดีของมันคือการทำให้ผมไม่ฟุ้งซ่านมากไปกว่าที่เป็นอยู่

หลังจากเคลียรายงานเสร็จตอนตีสองกว่าๆ ผมและพรรคพวกพากันเล่นเกมแทนที่จะนอน ถ้าเป็นปกติผมจะปฏิเสธ หนีไปนอนดีกว่านะเวลาแบบนี้เนี่ย แต่วันนี้ผมไม่ปกติไง ผมเลยเล่นกับพวกมันทั้งที่ตาปรือไปหมด อยากจะหลับคาคอมพ์ไปเลยด้วยซ้ำถ้าทำได้ เจ้าพิกแม่งเป็นคนที่ถึกสุด คอยตะคอกกรอกหูเพื่อนอย่างผมและฝุ่นให้ลืมตาตื่นขึ้นมาเล่นเกม เวลาเรียนไม่เห็นเรียกสติพวกกูแบบนี้บ้างเลยเพื่อนรัก ทีอย่างนี้ละกระปรี้ปะเปร่าไม่เกรงใจคนอื่นเลย

เสียงที่ดังไม่อาจขวางกั้นความง่วงที่จู่โจม ประมาณตีห้ากว่าผมและฝุ่นพากันสลบไสลไปตรงหน้าคอมพ์ ได้ยินเสียงพิกแว่วมาจากไกลๆ ก่อนที่มันจะหายกลายเป็นความเงียบเข้าครอบงำ ตื่นมาอีกทีก็เกือบสาย ไม้ตะโกนเรียกผมให้ลุกไปอาบน้ำที่หน้าห้อง ผมขานตอบเบาๆ แล้วทำท่าจะหลับต่อ แต่เสียงกรนของเจ้าหมูทำให้ผมหลับไม่ลง ต้องกดตัดสายเพื่อนทิ้งล้วลุกไปอาบน้ำจนได้

“เพิ่งหกโมงครึ่งเอง...” ผมบ่นเมื่อลงมาถึง เจ้าไม้หรี่ตามองจับผิด

“ก็เวลานี้อะถูกแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าพี่ไม่ได้นอน หรือว่า...” ผมรีบปิดปาดเจ้าไม้ แม่เดินออกมาจากครัวพร้อมข้าวต้มร้อนๆ หม้อขนาดกลาง

“ตาปรือขนาดนี้เชียว ทำงานดึกเหรอลูก” ผมพยักหน้า ในใจลึกๆ หวาดกลัวแม่พูดเรื่องดิวขึ้นมาชะมัด

“มันติดเกมแม่!” เอ้าไอ้น้องเลว เขกมันสักหนึ่งทีข้อหาฟ้องแม่

“แหนะ ทำน้องแบบนั้นแสดงว่าเล่นจริงสิเนี่ย” แม่ทำตาดุ

“โหยแม่ ต้นทำรายงาน ไม่ได้เล่นเกม...” ต้องเดินเข้าไปออดอ้อน เพื่อไม่ให้แม่ทำหน้าดุไปมากกว่านี้ ไม้บ่นเบาๆ ตามประสาน้องสู้พี่ไม่ได้ ผมลอบแลบลิ้นใส่เยาะเย้ย มันก็ทำท่าจะเอาเรื่องแต่ก็เก็บอาการไว้

ถึงจะง่วงแทบขาดใจ แต่อาหารมื้อเช้าที่พร้อมหน้าพร้อมตาก็ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นไปได้บ้าง วันนี้เรียนสายๆ แม่จะไปส่งน้องแล้วผมค่อยนั่งวินมอเตอร์ไซก์ไปมหาลัยคนเดียว นี่ขนาดเรียนสายนะ ยังต้องมาตื่นเช้าเพื่อกินข้าวกับครอบครัว อิจฉาไอ้พิกและไอ้ฝุ่น ป่านนี้มันโดนพ่อแม่ทิ้งให้กินอาหารกล่องเซเว่นไปแล้วมั้ง เจ้าฝุ่นไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้พิกเนี่ยมันกินข้าวเซเว่นไม่เคยอิ่ม มันบ่นน้อยและไม่อร่อย แต่เสือกตื่นไม่ทันแม่ทำกับข้าว สมน้ำหน้ามัน มึงเล่นเกมดึกแบบนี้บ่อยๆ ไง

ผมยืนส่งแม่กับน้องที่หน้าบ้าน เมื่อรถเก๋งขับผ่านไปถึงได้เห็นหน้าบ้านของดิว ผมเป็นคนที่ชอบมองบ้านนี้มาก แน่นอนว่าคงรู้เหตุผลกันดีอยู่แล้ว และพอมองเป็นประจำ เราจะสังเกตได้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือผิดปกติ อย่างวันนี้...ผมเห็นว่ารองเท้านักเรียนของดิวยังอยู่ คือเห็นไม่ชัดแต่เห็น จะว่าใส่คู่อื่นก็ไม่ใช่ ดิวมีรองเท้านักเรียนคู่เดียวกับรองเท้าพละอีกคู่ วันนี้ไม่มีเรียนสุขศึกษา ผมสรุปกับตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่ามันคงช้ำใจจนไปเรียนไม่ไหว

ไม่ใช่ว่าทำร้ายตัวเองจนเป็นอะไรไปแล้วหรอกนะ...

ความเป็นห่วงเป็นตัวขับเคลื่อนให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็ว เสร็จคว้าของที่จำเป็น ปิดบ้านแล้วเดินมาที่หลังตรงข้าม คือคนเราต้องเตรียมพร้อม เผื่อดูดิวเสร็จแล้วผมจะได้ออกไปมหาลัยเลย ถึงห่วงมันมากแค่ไหนผมต้องไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง

ผมวางกระเป๋าตัวเองไว้ที่โซฟาบ้านดิว ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเข้ามาได้ง่ายดายนัก ผมมีกุญแจสำรองของบ้านนี้ ดิวมันแค่มอห้าเองนี่ครับ พ่อแม่มันก็เป็นห่วงอยู่บ้าง เลยเอากุญแจสำรองมาให้แม่ผมไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้ช่วยทัน พวกผู้ใหญ่เขาคุยกันและรู้กันดี แต่ผมนี่แหละที่เอากุญแจมาปั๊ม บอกแม่ว่าต้นอยู่บ้านบ่อย เดี๋ยวต้นดูน้องให้ แค่นั้นแหละ ทุกอย่างก็ราบรื่น รวมถึงการเข้าออกบ้านนี้ด้วย

ผมตรงไปยังห้องของดิวทันที หลับตาก็ยังจำทางได้ ไม่ได้มาบ่อยหรืออะไร แต่เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่เรารัก เราถึงได้จดจำมันแม่นเสมอ ผมค่อยๆ บิดลูกบิดประตู ดิวไม่ล็อกห้องผมเลยสามารถเปิดมันออกเบาๆ แง้มดูภายในที่มืดทึบ ข้าวของกระจัดกระจายอยู่รอบตัว ต้องใช้เวลานิดหน่อยกว่าตาผมจะชินกับความมืด แล้วสิ่งที่ได้เห็นหลังจากมองทุกอย่างชัดก็คือร่างของดิวที่นั่งอยู่บนพื้น หน้าฝุ่บกับที่นอน...

ดิวยังอยู่ในชุดนักเรียนที่ยับยู่ มือของมันกำมือถือตัวเองเอาไว้แน่น ผมลองย่องเข้ามาดูใกล้ๆ เจ้าตัวหลับอยู่...น่าร้องไห้จนหลับล่ะสิท่า คราบน้ำตาเกลื่อนใบหน้าที่อิดโรย ผมค่อยๆ ดึงมือถือออกมามาวางไว้ที่พื้น จากนั้นช้อนตัวมันด้วยความแผ่วเบา เอาวางลงบนเตียง ตอนที่สัมผัสผมรู้สึกว่าตัวมันร้อนมากไปหน่อย ก็เลยลองเอามืออังหน้าผากเนียนดู น่านแหละ...ร้องไห้จนไข้ขึ้นไปเลยไอ้เด็กโง่

การเอาแต่ร้องไห้แล้วก็จมอยู่กับความทุกข์เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างหนึ่ง ดีแค่ไหนที่ไม่เข้ามาเห็นมันกำลังฟูมฟาย ผมไม่ชอบน้ำตาของมัน และเชื่อว่าทุกคนคงไม่มีใครชอบน้ำตาแห่งความเสียใจของคนที่ตัวเองรัก ผมมองหน้าดิว...ลูบไล้ใบหน้ามันด้วยความอ่อนโยน ก็คิดเล่นๆ อะนะ...ถ้ามันคบกับผม ผมจะไม่ทำให้มันเสียใจแบบที่มันอยู่ตอนนี้เลย

“เฮ้อ...บ้าบอ” ผมลุกไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ กับกาละมังเผื่อใส่น้ำ จะเอามาเช็ดตัวมันเสียหน่อย เออ...หาอะไรมาให้มันกินด้วย

ผมเดินว่อนทั่วบ้านของดิว ตู้เย็นของมันโล่งและมีแค่น้ำเปล่า อย่างว่าละนะ พ่อแม่ไม่กลับบ้านเลยนี่ ผมต้องกลับเข้าบ้านตัวเองอีกครั้งเพื่อจะทำข้าวต้มง่ายๆ โง่ๆ และสิ้นคิดโคตรให้มันหนึ่งชาม จากนั้นเอายาจากตู้ยาสามัญที่บ้านมาด้วย เพราะบ้านดิวไม่มีอะไรเลยสักอย่างเดียว ใช้ชีวิตอยู่แบบทุกอย่างหาจากข้างนอก แม้กระทั่งความรัก...ก็ต้องหามันจากข้างนอกเหมือนกัน

เตรียมทุกอย่างพร้อม ผมก็พับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นมาถึงศอก นั่งข้างกายเจ้าตัวก่อนจะปลดกระดุมเสื้อนักเรียน รอยแดงจ้ำต่างๆ ปรากฏให้เห็นทันที มันเด่นมากจนน่าโมโห ผมกัดปากตัวเองเรียกสติ อย่ามางี่เง่าใส่คนป่วยนักเลย อยากดูแลเขาก็ทำไปเงียบๆ แกะกระดุมให้หมด เบลอภาพเหล่านั้นและเก็บกดความรู้สึกตัวเองเอาไว้ลึก จากนั้นก็เริ่มลงมือเช็ดตัวให้ดิวโดยเริ่มจากใบหน้า

แต่คนอะครับ ยังไม่ตายพอโดนอะไรกระตุ้นมันก็รู้สึกตัว ผมรีบเช็ดลวกๆ ก่อนที่ดิวจะลืมตาตื่น แต่ถึงจะรีบแค่ไหน...ความหนาวเย็นของแอร์และน้ำก็ทำให้ดิวลืมตามองผมจนได้ มันตกใจมาก รีบเด้งตัวนั่งทันที

“มึงเข้ามาได้ไง ออกไปเลยอนะไอ้เหี้ยต้น” เอาผ้าเก็บใส่กาละมัง หันไปจ้องหน้ามันแล้วก็ยิ้ม

“กูไม่ออก...มึงจะทำอะไรกูละหืม”

“กูจะแจ้งตำรวจ” กลัวตายละ

“แจ้งว่าอะไร ว่ากูบุรุกหรือว่ากูข่มขืน หรือว่าทั้งสองเลยดีละ” ผมคลานเข่าขึ้นไปบนเตียง ค่อยๆ ขยับเข้าหามันจนใบหน้าเราอยู่ในระยะประชิด

“มึงอย่ามาเล่นอะไรงี่เง่านะต้น กูไม่เล่นนะ...” พอโดนคุกขามเข้าหน่อยก็กลัวเสียละ

“เล่นเหี้ยไร เรื่องแบบนี้เขาทำกันจริงจังทั้งนั้นแหละมึง ไหนๆ ตอนนี้ก็โสด...สนุกกันได้ไม่มีใครว่าหรอก” พูดจบก็โดนตบเข้าไปหนึ่งฉาด ผมหงุดหงิดก็เลยคว้าข้อมือทั้งสองของมันเอาไว้แล้วกดลงกับเตียง

“ไอ้เหี้ยต้น ปล่อยกูนะ! มึงแม่งเหี้ย จะแกล้งกูไปถึงไหน...มึงทำกูเลิกกับแฟนกูมึงยังไม่พอใจอีกเหรอฮะ! ฮึก...เพราะมึงคนเดียว พี่โอมถึงทิ้งกู เพราะมึงเลย...เพราะมึงฮื่อๆ” โทสะทั้งหมดมันพังทลายลงเมื่อน้ำตาคนตรงหน้าผมไหล ผมค่อยๆ คลายมือมันออก ดิวรีบกอดเข่าตัวเองเอาไว้แล้วร้องไห้ราวกับจะตายให้ได้

“กูขอโทษ...”

“ขอโทษ! ขอโทษแล้วยังไง มันมีอะไรดีขึ้นบ้าง...ย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรได้ไหมล่ะ ทำให้กูกับพี่โอมกลับมาคืนดีกันได้ไหม!! ตอนทำอะเสือกไม่คิด ทีงี้มาขอโทษ...ตลกเหอะต้น ออกไปจากห้องกูเลย ออกไป!!!” จากที่ตั้งใจจะพูดดีๆ ทำดีกับมันเป็นอันต้องตกไปเพราะคำพูดเหล่านี้ ผมยิ้มเยาะให้ความตั้งใจของตัวเอง

ได้...พูดดีๆ แล้วไม่ฟัง ผมก็ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรต้องพูดจาดีๆ กับมันอีก ผมขยับตัวออกมาให้ห่างมันมากขึ้นแต่ไม่ได้ลุกออกจากเตียง หยิบมือถือบนพื้นมันขึ้นมา ดิวตั้งใจจะแย่งมันคืนแต่ผมผลักมันออก เสร็จก็เปิดอ่านข้อความที่มันส่งไปง้อไอ้โอม ผู้ชายที่มันรักนักรักหนา บอกตามตรง...เหมือนเห็นว่ามันเป็นยาพิษแต่ก็เสือกหยิบมากินเองอะ แม่งโคตรทรมานจิตใจ แต่ผมก็กัดฟันทน อ่านมันให้จบแล้วหันไปสบตาก้าวร้าวของดิว

“อยากได้มันคืนมากใช่ไหม...”

“ใช่ กูอยากได้เขาคืนมา มึงน่ะเอาคำขอโทษไร้ค่าของมึงคืนไปแล้วคืนเขามาให้กูสิ!” ผมไม่อยากทำสิ่งที่คิดอยู่ ไม่ได้อยากให้มันกลับไปคืนดีกับคนที่ทิ้งมันง่ายๆ ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนที่เห็นแค่ตัวเองไม่ให้เกียรติแฟน คนสารเลวแบบนั้น...คนที่ดิวต้องการ

“งั้นมึงถอดเสื้อผ้าออกสิ”

“พูดเหี้ยไรของมึง กูไม่ทำ...” ดิวหวาดระแวง

“อยากได้เขาคืนมาก็ทำตามที่กูบอก หรือมึงไม่อยากได้...หวงอะไร ตัวมึงเหรอ? เห่อๆ...อย่าพูดให้กูขำดิว กูเห็นมึงเอากับผัวมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องหวงกู” รู้ดีว่าคำพูดที่พ่นออกไปมันรุนแรงแค่ไหน แต่ในเมื่อพูดดีๆ มันไม่สนใจ ผมก็จะพูดแม่งแบบนี้แหละ...สมน้ำสมเนื้อดีกว่าไม่ใช่เหรอ

ดิวกัดฟันแน่น มันไม่ตอบโต้อะไรแต่ก็ไม่ยอมทำตามคำพูดของผม ก็แล้วแต่...ผมไม่บังคับให้มันทำหรอก ปล่อยให้ความเงียบโรยตัวอยู่แม่งแบบนี้แหละ ผมไม่ออกไปด้วย ถึงจะใกล้ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว แต่เวลานี้ช่างแม่งไปก่อน...สมองผมไม่รับข้อมูลใดๆ ทั้งนั้นนอกจากเรื่องตรงหน้านี่แหละ

“ถ้ากูทำตามมึง กูจะเชื่อได้ไงว่ากูจะได้พี่โอมกลับมา” ผมไหวไหล่

“ถ้ามันไม่กลับมาหามึงจริงๆ กูจะยอมหายไปจากชีวิตมึงเลยดีไหมละ...” ผมเอาเรื่องที่ผมไม่น่าทำได้ขึ้นมาพูด ก็เพื่อต้องการให้มันได้อย่างที่มันต้องการ

“ก็ได้ แต่มึงห้ามทำอะไรกู”

“อืม...” กูจะพยายาม ผมตอบกับตัวเองในใจ

ดิวค่อยๆ ถอดเสื้อนักเรียนออก พอมันปาเสื้อทิ้งผมก็ดึงข้อเท้าของมันจนล้มลงมานอนอยู่ใต้ร่าง ดิวพยายามดิ้นรน แต่ผมล็อกมันเอาไว้ด้วยมือและเท้าของตัวเอง ต่อให้มีแรงมากกว่านี้ก็ทำอะไรผมยาก ผมตัวใหญ่และแรงเยอะกว่า ผมกดอัดวีดีโอเอาไว้ พยายามจะตั้งในจุดที่พอจะเห็นหน้าผมชัดๆ และเห็นดิวแว้บๆ หัวเตียงเป็นจุดที่ดีที่สุด เสร็จแล้วผมก็หันมาสนใจร่างเล็กด้านใต้ ใบหน้าหวาดกลัวและน้ำตาสั่นไหวความรู้สึกอย่างที่สุด

ผมรู้....ผมกำลังฉวยโอกาสจากความอ่อนแอของคนที่ผมรัก แต่ในเมื่อผมต้องเจ็บ ผมก็ขอตักตวงบางสิ่งบางอย่างจากมันบ้างไม่ได้เหรอ ผมก้มลงไปไซ้ซอกคอของดิว คนตัวเล็กร้องไห้และดิ้นรนเพราะคิดว่าผมกำลังจะข่มขืนมัน ก็ใช่...ท่าทางผมมันเป็นแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ทำมากไปกว่านั้นหรอก ผมใช้ริมฝีปากจูบผิวกายขาวของดิวตั้งแต่ลำคอไปจนถึงแผ่นอก ดอมดมความเป็นดิวและเก็บมันเอาไว้ ผมทำได้แค่นี้...และไม่มีสิทธิ์ไปมากกว่านี้

ดิวดิ้นรนจนรู้สึกเหนื่อย มันนอนแผ่และปล่อยให้ผมทำตามอำเภอใจ ทว่าเสียงร้องไห้เหมือนใจจะขาดนั้นทิ่มแทงผมเหลือเกิน ผมยันตัวขึ้น ยิ้มเยาะใส่มันก่อนจะหันไปยิ้มให้มือถือ ทิ้งความหยามหยันเอาไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิด ผมดีดตัวออกจากดิว หันมาสนใจส่งคลิปวิดิโอนั้นให้โอมแทน ก็บอกแล้ว...ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่ผมเชื่อว่านี่จะลากให้ไอ้สารเลวนั่นกลับมาหาดิวได้ มันหมั่นไส้ผม มันต้องกลับมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของดิวอย่างแน่นอน

“มึงทำแบบนี้ทำไม...” ดิวถามเสียงเบา มันเห็นว่าผมทำอะไรอยู่

“ทำให้มึงสมหวังไงดิว”

.....100%.....

วันนี้ปั่นได้ครบตอนเลยเอามาปาใส่ทั้งตอนเบยยยย อยากบอกว่าสงสารต้นมาก  :katai1:

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
«ตอบ #21 เมื่อ21-07-2017 23:41:42 »

จะเป็นไงต่อละที่นี้

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
«ตอบ #22 เมื่อ22-07-2017 01:52:07 »

ต้นก็น้าา ชอบเขาแต่ก็ไม่เคยพูดดีกับเขา  :ling3:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 4 - 100% [21/07/60]ByGukakST
«ตอบ #23 เมื่อ22-07-2017 05:05:42 »

สนุกเข้มข้นครับ

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
«ตอบ #24 เมื่อ24-07-2017 20:31:33 »

>>ตอนที่ 5 [100%]<<

หลังคลิปเหมือนผมปล้ำดิว ผมก็ส่งข้อความตามไปด้วยว่าของเก่าของมึงแต่ของใหม่ของกูวะ ประโยคหยามกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ยังไงมันก็ต้องโพล่หัวมาอย่างแน่นอน ผมโยนมือถือคืนให้ดิวพร้อมกับเสื้อนักเรียนของมัน

“ไปอาบน้ำไป เน่าฉิบหาย...ชุดตั้งแต่เมื่อวาน”

“เกี่ยวไรกับมึงละ เสือก”

“อ่าว แล้วเมื่อกี้ใครเรียกร้องให้กูเอาแฟนมาคืนนะ...”

“หึ มึงทำแบบนี้มึงโดนแน่ต้น พี่โอมไม่ปล่อยมึงไว้แน่”

“อ่าฮะ มึงก็หุบปากไว้ละ...เดี๋ยวมันจะหาว่าปกป้องกูอีก” ดิวมองหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ผมไม่มองตอบ หยิบมือถือตัวเองมาเล่นแทน

ไอ้พิกและไอ้ฝุ่นส่งข้อความเข้ามาในไลน์รัวๆ ว่าป่านนี้ผมอยู่ไหน ผมตอบสั้นๆ แค่กูไม่เข้าเรียน โห นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว อีกอย่าง เดี๋ยวโอมมันก็มา ผมต้องอยู่รอมันถึงจะถูกตามหลักการที่วางเอาไว้ คงมีการปะทะกันบ้าง เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้

ดิวเอาผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ ผมลงมาข้างล่าง เอาข้าวต้มที่ตัวเองทำเอาไว้เข้าเวฟอุ่น กินแบบเย็นชืดมันไม่อร่อยหรอก เสร็จแล้วก็ยกมันขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของดิว ป่านนี้เจ้านั่นยังอาบน้ำไม่เสร็จ ไม่รู้ทำไมอาบนาน เป็นผมนี่เสร็จตั้งแต่ชาติที่แล้วแล้วล่ะ

ผมนั่งลงข้างเตียง เล่นมือถือเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ ทั้งที่ข้างในซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ ผมรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะผมเป็นคนกำหนดมันด้วยตัวเอง ก็ดิวต้องการแบบนั้นมากกว่าคำขอโทษของผมนี่ ผมก็พยายามไถ่โทษด้วยการเอาคนรักของมันกลับคืนมาให้อยู่นี่ไง บางที ผมควรเห็นแก่ตัวมากกว่านี้สักหน่อย เผื่อดิวจะได้กลายมาเป็นของผมบ้าง ไม่ใช่ได้แค่มองแล้วก็ปากหมาใส่ไปวันๆ อย่างที่เป็นอยู่

ดิวพันผ้าขนหนูผืนเดียวออกมา ผมเห็นแว้บเดียวก็ละสายตาหนี ปากเก่งใส่มันก็จริง แต่ผมชอบมันนะ...ผมเห็นแบบนี้ผมก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นรูปปั้นเสียหน่อยจริงไหม ดิวมันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ทว่าเหลือบเห็นข้าวต้มแล้วก็ยาที่วางอยู่คู่กันมันเลยชะงักเท้า

“อะไร...” ถามควายๆ ข้าวไง

“มึงเห็นเป็นอะไรอะ”

“อย่ากวนตีนดิ้”

“ข้าวไง อุ่นมาให้แดก ยาด้วย มึงตัวร้อนหน่อยๆ”

“เสือกเรื่องของกูจริงๆ นะ”

“ก็บอกแล้ว...เรื่องของมึงก็เหมือนเรื่องของกูนั่นแหละ” จบประโยคก็เกิดความเงียบ

ดิวเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างมิดชิด กางเกงวอมขายาวและเสื้อยืดแขนยาว ไม่รู้หนาวหรือกลัวผมทำอะไรมันขึ้นมากลางคัน ว่ากันตรงๆ ใส่ขายาวแขนยาวก็ไม่ได้ทำให้การปลุกปล้ำยากขึ้นหรอก แค่เห็นแล้วมันมีอารมณ์ได้น้อยเท่านั้นแหละ พอเจ้าตัวใส่เสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ จับจ้องชามข้าวและยา ลังเลขนาดนั้น ปัดแม่งทิ้งไปเลยก็ได้นะเอาจริงๆ

“ใครทำ...”

“แม่” ผมตอบกลับทันที ทั้งที่ผมเนี่ยเป็นคนทำเองกับมือ

ดิวถอนหายใจเบาๆ มันเริ่มตักข้าวต้มกินพลางเล่นมือถือตัวเอง ผมก็ทำเป็นเล่นนะ แต่สายตาจับจ้องอยู่แต่ดิว มองมันยิ้ม มองมันเศร้า มันเองก็ลุ้นว่าพี่โอมสุดที่รักของมันจะมาหามันไหม คิดอีกแง่ ถ้าโอมไม่มา ผมก็ต้องออกไปจากชีวิตมัน ไม่ว่าจะทางไหน ดิวก็มีแต่ได้เห็นๆ เลย ส่วนผม...เจ็บทุกทางจริงๆ

ไอ้เด็กโง่นั่งกินข้าวต้มนานมาก กว่าจะหมด มีการมองยาแล้วอิดอออดด้วยนะ ดีที่ยังกินยาลดไข้สองเม็ดนั้นหมดไม่งั้นผมจะจับมันยัดเข้าปาก ดิวดันถ้วยและแก้วน้ำออกห่าง มันหันมามองหน้า เลิกคิ้วใส่เชิงตั้งคำถาม

“ทำไมไม่ไปไหนสักที จะสิงอยู่ห้องกูเลยไหมละ” ผมกระตุกยิ้ม

“ได้ปะละ เผื่อกูจะได้ดูหนังสดไง...” สมุดการบ้านของดิวปลิวมาใส่หน้าผมเต็มๆ

“มึงหน้าตาดีนะต้น เสียที่ปากมึงเป็นแบบนี้ไง ถึงไม่มีใครเอาคนอย่างมึงไปทำพันธุ์” รู้ดีจังนะ...แต่ไม่เห็นรู้จริงเลยนี่

“คนจะเอากูอะเยอะแยะดิว แต่กูจะเอาไหมก็แค่นั้น...ไม่เหมือนเด็กอย่างมึงหรอก”

“เด็กอย่างกูมันทำไม!”

“อืม...มันทำไมน้า” ความกวนตีนทำให้ผมกินกระดาษไปอีกหนึ่งเล่มใหญ่ๆ แต่ผมไม่ได้เอาคืน กลับขำมันมากกว่า เดือดดานเข้าไป ทำผมได้แค่นี้แหละ

“มึงพูดมาเดี๋ยวนี้นะต้น เด็กอย่างกูมันทำไม” เจ้าตัวโกรธลืมระวังตัว สาวเท้าเข้ามาหาผมทั้งที่ตอนแรกระวังผมอย่างกับอะไรดี

“เด็กอย่างมึงมันอดอยากไง....” ว่าจบก็กระชากข้อมือเล็กๆ ดิวล้มลงใส่ร่างผมที่นั่งพิงเตียงเต็มรัก ไม่ต้องห่วง คนเจ็บคือผม มันอยู่บนร่างผมสบายดี

“เหี้ย! เล่นอะไรของมึงเนี่ย...ปล่อยกูเลยนะไอ้หมาต้น” เด็กโง่ดิ้นรนทันที ผมล็อกคอของมันเอาไว้ก่อนจะกระซิบชิดใบหูขาว

“หมาน่ะ...มันซื่อสัตย์มากนะ” ผมเลียติ่งหูดิวเบาๆ กลิ่นหอมของสบู่โชยเข้าจมูก เป็นกลิ่นที่ผมได้จากตัวมันมาตั้งแต่เด็ก ดิวไม่เคยเปลี่ยนสบู่และแชมพูที่ใช้ ไม่รู้ว่าไม่ใส่ใจดีหรือว่าขี้เกียจดี

“พร่ำบะ...บ้าอะไร” เสียงของดิวเริ่มสั่นเทา เมื่อผมดูจะมึนเมากับกลิ่นหอมๆ จากเจ้าตัว

ผมไซ้จมูกไปที่หลังใบหู สูดดมกลิ่นกายให้ฉ่ำปอด ดิวพยายามจะผลักอกผมเพื่อจะลุกหนี แต่ผมไม่ยอมคลายวงแขน มีแต่รัดมันแน่นเหมือนความต้องการที่ค่อยๆ ทะยานขึ้นทีละน้อย ผิวอ่อนตรงคอขาวน่าหมั่นเขี้ยว ผมงับแล้วดูดมันเบาๆ สติสตางค์เลือนรางลงทุที ผมชอบมัน...ผมรักมัน แล้วผมก็อยากครอบครองมันใจจะขาด เรี่ยวแรงน้อยๆ ของคนตัวเล็กราวกับเป็นการกระตุ้นผมไปในตัว ผมยิ่งเพิ่มความรุนแรงในการซุกไซ้ไปทุกที รอยแดงที่อยู่ก่อนหน้า...ผมอยากจะลบมันทิ้งด้วยริมฝีปากของผมเอง

“หยุดเดี๋ยวนี้นะต้น...” เสียงของดิวเบาหวิว มันเริ่มมีอารมณ์เหมือนผมแล้วใช่ไหม เคลิ้มแบบเดียวกับผมใช่หรือเปล่า...

“ตัวมึงหอม...อื้ม...หอมมากดิว” กลายเป็นผมที่เพ้อไปก่อน ผมอยากผูกมัดมัน อยากเก็บมันเอาไว้กับตัวเพียงคนเดียวจัง...

ในขณะที่สติผมเตลิดไปไกล เสียงประตูถูกเปิดอย่างรุนแรงได้ฉุดกระชากผมกลับมายังความเป็นจริง ดิวโดนดึงออกจากอ้อมกอดของผม มันตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ต่างจากผมที่ไม่ทันได้ประมวลผมอะไร หน้าก็โดนถีบเข้าอย่างจังเสียก่อน...

“พี่โอม!” ดิวเรียกชื่อคนที่บุกเข้ามาในห้อง ส่วนผมเสียหลักล้มลงไปนอนกองกับพื้นเรียบร้อย

“มึงว่าใครเป็นของเก่ากู กูกับดิวยังไม่ได้เลิกกัน!!” โอมตะคอกเสียงดัง ผมยันตัวลุกขึ้นยืนประจันหน้าอีกฝ่ายที่เดือดดานได้ที่

“อ่าวเหรอ กูเห็นพวกมึทะเลาะกันเลยนึกว่าเลิกกันไปแล้วนะเนี่ย...แต่กูว่าเลิกกันไปก็ดีนะ คนอย่างมึงมันไม่เหมาะเป็นแฟนกับน้องดิวของกูหรอก” พูดตอบโต้ยิ้มๆ โอมดันดิวหลบไปด้านหลังก่อนจะกระชากคอเสื้อผมอย่างแรง

“มึงเป็นใคร มีหน้ามาตัดสินกูกับดิว”

“ผัวใหม่ไงครับ” รอยยิ้มของผมรับกำปั้นอีกฝ่ายเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้ล้มลงไปกับพื้น โอมมันรั้งคอเสื้อของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ดิวเป็นแฟนกูไอ้สัตว์ มึงมันสารเลว เข้ามายุ่กับแฟนชาวบ้านเขา เห็นดิวอ่อนแอหน่อยก็ใช้กำลังข่มเหง มึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปหรือไงไอ้ชาติหมา!!!” โอมแทงเข่าเข้าลิ้นปี่ผมอย่างจัง พร้อมกับมันปล่อยคอเสื้อ ผมก็เลยล้มคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่าย

“ช่วยไม่ได้ มึงทำร้ายจิตใจน้องเขาก่อน...กูเห็นช่องว่างกูก็ต้องเสีย..อุ๊ก!” ยังไม่ทันได้พูดจบ โอมก็เตะเข้าไหล่อย่างแรง

ผมเดาไว้ไม่ผิด มันเตี้ยกว่าผมไม่มากแต่แรงมันเยอะกว่าผมจริงๆ ผมล้มลงนอนกับพื้นห้องของดิว พยายามขดตัว เอามือกันใบหน้าของตัวเองเอาไว้ในขณะที่โอมมันเตะผมไม่ยั้ง ซ้ำยังกระทืบเข้าที่หัวของผมจนมึนเบลอไปหมด ผมเจ็บ...ผมกล้าพูดว่าตอนนี้ผมเจ็บมากจริงๆ แรงปะทะเหมือนจะพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง ทั้งลำตัว ท้อง ไหล่ หลังและหัว ผมแค่พยายามไม่ให้ใบหน้าบอบช้ำ

ไอ้โอมมันหยุดเพื่อถ่มถุยน้ำลายใส่หน้า แล้วก็พ่นคำด่าอีกสารพัดที่ผมไม่ได้ยิน ดิวเอามือป้องปากตัวเองยืนด้านหลังร่างใหญ่เงียบๆ คงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวโอมมันจะคิดว่าดิวปกป้องผมอีก ทีนี้มันก็อาจจะเลิกกันถาวรก็ได้

เพล้ง...!!!

มองดิวอยู่เพลินๆ ถ้วยข้าวต้มที่ผมเอามาจากบ้านก็กระแทกเข้าที่หน้าอย่างจัง ดีที่ผมเอาแขนกันเอาไว้ มันเลยโดนแขนเท่านั้น โอมแตะซ้ำอีกสองสามที ลากผมที่ขดเป็นก้อนอะไรสักอย่างออกมาจากห้อง

“มึงออกไปเลยนะ แล้วอย่ามายุ่งกับแฟนกูอีก...ถ้ากูรู้ว่ามึงมายุ่งกับดิว กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุด” โอมโอบกอดดิวเอาไว้ ทั้งคู่มองมาที่ผมเหมือนผมเป็นส่วนเกิน ผมยิ้มให้ตัวเองนิดหน่อย ค่อยๆ ลุกยืนแล้วเดินไปตรงบันได

ดวงตาผมพล่าเบลอไปหมด ไม่แน่ใจว่าเพราะสมองโดนกระแทกแรงเกินไหรือเปล่าผมถึงมองอะไรไม่ค่อยชัด เกิดอาการปวดหัวจี๊ดๆ แทรกเข้ามาเป็นระยะ ต้องประครองสติตัวเองเอาไว้ให้มากที่สุด พวกเขาทั้งคู่กอดกันมองผมอยู่จากด้านบน ตาเจ้ากรรมก็เสือกเหลือบไปมอง โอมมันก้มลงจูบปากดิวอย่างดูดดื่มต่อหน้าต่อตา...เจ็บกว่าโดนกระทืบก็ไอ้ฉากนี้แหละวะ

ผมกระแผลกกลับบ้านซึ่งมันอยู่แค่ตรงข้ามกัน หวังว่าโอมจะไม่บ้าพอมาระรานบ้านผมหรอกนะ พอมาถึงห้องได้ตัวเองได้ ผมก็ทิ้งร่างเอาไว้ที่ปลายเตียง นอนมองเพดานเบลอๆ ไปเรื่อย พร้อมกับคิดถึงสิ่งที่ได้ทำลงไป...

คำขอโทษไม่มีค่า ต้องแบบนี้สิถึงมีค่าสำหรับดิว ได้คนรักคืน ได้กระทืบผู้ชายปากหมาอย่างผมด้วย โอ้โห น่าอิจฉาดิวจังเลยเนอะ...มันคงมีความสุขน่าดู ป่านนี้สวีตกับแฟนจนไม่ลืมหูลืมตาแล้วล่ะมั้ง

ผม...เสียใจวะ จู่ๆ มันก็เกิดอาการน้อยใจขึ้นมา ผมรู้จักกับดิวมาตั้งแต่เด็ก ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่คำขอโทษของผมไม่ได้ทำให้ดิวรู้สึกดีได้ คำขอโทษกลายเป็นของไร้ค่าเมื่อเทียบกับผู้ชายคนนั้น เออ ผมนิสัยแย่ที่ชอบแกล้งมัน แต่ความสัมพัน์ของเรากลับไม่มีความหมายแลย ผมยังจำใบหน้าของดิวได้ดี ตอนที่มันบอกว่าคำขอโทษของผมไม่มีความหมาย คำขอโทษของผมมันไร้ค่าเพราะมันทำให้อะไรกลับคืนมาเป็นอย่างเดิมไม่ได้ ดิวเอาแต่โทษผม...โยนความผิดทั้งหมดให้ผม โดยที่มันไม่ได้ดูความเป็นจริงเลย

ช่างเหอะต้น...เสียใจไปก็เท่านั้น มึงก็ทำอย่างที่ดิวต้องการแล้วไง เอาแฟนมันกลับคืนมาให้ เท่านี้ก็ไถ่โทษได้หมดแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่มึงเอง ว่าจะยังไปมองดูภาพเหล่านั้นให้เจ็บปวดอีกไหม จะไปคิดถึงมันอีกหรือเปล่า ส่วนดิว...ถ้ามันโดนทิ้งก็ไม่เกี่ยวกับมึงแล้ว

ผมพยายามกล่อมตัวเองจนกระทั่งหลับไปทั้งสภาพแบบนั้น มันหนักหัวไปหมด รวมถึงความรู้สึกของผมในตอนนี้แหละนะ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปาไปเย็นแล้ว บอกเลยว่าอาการหนักกว่าเมื่อเช้าที่โดนกระทืบอีก แม่งระบมไปทั้งตัว ผมต้องฝืนลุก ตรวจดูว่าตัวเองมีร่องรอยอะไรตรงไหนบ้าง

“แม่เล่นกูแน่...” ทันทีที่เห็นแขนตัวเอง ผมก็หน้าซีดไปเลย คือมันช้ำหนักมาก...มีรอยโดนบาดด้วยเล็กน้อย เลือดแห้งเกรอะประปราย

ผมตัดสินใจถอดเสื้อนักศึกษาออกเพื่อดูร่องรอย เยี่ยมเลยล่ะ ผมช้ำไปทั้งตัว ถอดเสื้อเดินในบ้านไม่ได้อีกนาน แผลช้ำๆ อย่างนี้หายยากกว่าแผลแบบมีดบาด หรือโดนอะไรบาด ผมเอี้ยวตัว ขยับตัวเพื่อทดสอบภาพตัวเอง บิดไปด้านขวาไม่เท่าไหร่ แต่พอด้านซ้ายเท่านั้น กูล้มหน้าทิ่มที่นอนเลยครับ โอ้ย...กระดูกร้าวเรอะ ปวดฉิบหาย!

RrrRrrrrr

เสียงมือกระตุ้นให้ผมตะเกียกตะกายไปขึ้นนั่ง มันอยู่ในกางเกงผมเนี่ยแหละ แต่ว่าผมขยับตัวลำบากไง พอหยิบมือถือออกมาก็เจอหน้าจอที่แตกร้าว แม่ฆ่าผมตายอีกรอบในทันใด ยังไงผมก็ยังขอเงินแม่อยู่นะ ทั้งสภาพคนและมือถือ แถยังไงถึงรอดได้วะเนี่ยกู!

“เออ ว่าไง” ผมกดรับสายเจ้าน้องชาย ในใจยังอาลัยให้กับความโชคร้ายของตัวเอง

(พี่ไปทำอะไรดิว!)  ทำไมคำถามแรกมันยิงมาแบบนี้วะ

“เปล่าหนิ กูไม่ได้ทำอะไรดิว”

(ไม่ได้ทำบ้าอะไร เนี่ย...แฟนดิวมันโพสต์ว่าพี่ไปข่มขืนดิวที่ห้อง มีรูปแคปมาจากวีดีโอเป็นหลักฐานด้วย ดูยังไงพี่ก็ทำดิวอะ แล้วนี่คนเข้าไปด่าอย่างเยอะ คนเชียร์ให้แจ้งความด้วย!) ได้ฟังข่าวแล้วผมก็ยิ้มขื่นให้ตัวเอง

“เหรอ...”

(พี่จะไม่แก้ตัวหน่อยเหรอพี่...) เสียงของไม้เหมือนผิดหวังในตัวผม

“กูจะแก้ตัวอะไรได้วะ”

(ความจริงก็ได้ พี่บอกผมสิ....)

“กลับมากูจะเล่าให้ฟัง” ผมบอกกับน้องชายแค่นั้นแล้วก็วางสาย

ผมไม่ได้คาดคิดเอาไว้หรอกว่ามันจะเอาผมไปประจานแบบนั้น แต่ก็ช่างมัน ชื่อเสียงเสียหายก็ปล่อยไปเถอะ ที่สำคัญจริงๆ ผมกลัวแม่จะรู้...ผมพยายามทำตัวดีๆ ไม่ให้แม่เสียใจ ถ้าแม่รู้เรื่องนี้ แม่ต้องร้องไห้เพราะผมแน่ๆ ดิวเองก็เป็นเด็กที่แม่ให้ความเอ็นดูมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ตอนนี้ผมก็คิดนะ...ว่าน้ำตาของแม่กับรอยยิ้มของดิว มันคุ้มไหมกับที่ผมได้ทำมันลงไป

คำตอบจริงๆ มันง่ายมาก...มันไม่คุ้มเลย

.....100%.....

ทำเพราะประชดดิว แต่พอเจ็บตัวมีสติถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปไม่คุ้มเลย...  :hao5:

ออฟไลน์ poommy_TY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
«ตอบ #25 เมื่อ24-07-2017 20:50:49 »

นึกไม่ออกเลยจะลงเอยกันยังไง เฮ่อออออ

รักเค้าแต่ทำตัวแย่กับเค้าทุกครั้ง
ใครจะรักลงอะต้นเอ้ยยยยยยยย

ดิวเองก็ควรจะรักตัวเองให้มากๆมันก็จะดีนะ

อึดอัดเด้อออออ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
«ตอบ #26 เมื่อ24-07-2017 23:35:10 »

สงสารต้น,,,

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
«ตอบ #27 เมื่อ25-07-2017 01:00:08 »

เออ เท่าที่อ่านมานี้ไม่เห็นว่าต้นจะไปทำอะไรดิวนะ  ที่ว่าปากหมาใส่นี่คือ ก็พูดความจริงไปตรงๆ ไม่ใช่? แล้วหมาตรงไหน เห็นแต่ดิวมันทำตัวเองทั้งนั้น เลือกแฟนเองเลือกทางเดินชีวิตตัวเองเลือกเพื่อนเอง ไหน ต้นมันทำอะไรบ้าง แน่ใจ? ว่าต้นคือตัวการ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
«ตอบ #28 เมื่อ25-07-2017 04:58:41 »

ไม่รักคือไม่รักเปล่าวะ
ต้นเอาตัวเข้าไปพัวพันให้เจ็บขนาดนี้ทำไม

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
Re: ~ของเหลือ~ ตอนที่ 5 - 100% [24/07/60]ByGukakST
«ตอบ #29 เมื่อ25-07-2017 08:19:00 »

ต้นคงได้แค่ตัวของดิวล่ะนะ เจ็บซ้ำๆ คงชินเอง มองเป็นน้องชายแบบไม้ดีที่สุดแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด