[END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] High School Neighbor มัธยมปลายกับพี่ชายข้างบ้าน บทที่ 50 งานแต่ง (17-11-17) จบแล้ว  (อ่าน 56580 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 44
ด้วยความคิดถึง





“ย้ายมาอยู่คอนโดตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”เค้ารับแก้วน้ำจากผมไปพร้อมกับเอ่ยถาม เพราะตอนนี้เราออกจากร้านอาหารที่เจอกันในตอนแรกแล้ว และมาอยู่ที่คอนโดของผมแทน

“ก็ไม่ได้อยู่ประจำหรอก แค่ถ้าวันไหนเหนื่อยๆ ขี้เกียจกลับบ้าน หรือวันไหนมีงานเช้ามากก็มาค้างที่นี่”ผมนั่งลงที่โซฟา มองดูอีกคนที่เดินสำรวจห้องผมอย่างสนอกสนใจ

“เคยมีผู้ชายคนไหนมาที่นี่ก่อนผมหรือเปล่า”

“ก็มีนะ”แต่เดี๋ยวนะครับ นี่มันคำถามอะไรของเค้าครับเนี่ย แอบหึงผมละสิ อดที่จะอมยิ้มกับปฏิกิริยาของเค้าไม่ได้

“ใคร”เค้าวกกลับมายืนคร่อมผม ถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แค่บอกว่าเคยพาผู้ชายมาคอนโดแค่นี้ทำเป็นหึง แล้วดูทำท่าทางเข้าผมต้องรีบยกมือขึ้นยันไว้เพราะนี่เค้าก้มมาจนหน้าเราจะชิดกันอยู่แล้ว ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกันเยอะแยะ แต่ถ้ามาใกล้มากๆ แบบนี้ผมกลัวมันจะไม่ได้คุยเสียมากกว่าแหละครับเนี่ย

“คอนโดมันก็ไม่เชิงของพี่คนเดียว บางทีเจ้ปอกับเฮียต๊าฟก็มาค้างบ้าง โน่นนะห้องเจ้ปอ ส่วนนี่ห้องพี่”ผมอธิบายพร้อมชี้บอกรายละเอียดก่อนที่อีกคนจะเข้าใจผิดอะไรไปอีก

“แล้วไป”

“มาคุยเรื่องภู่ต่อดีกว่า ตกลงกลับมาทำไมไม่บอกกันมั่ง”ผมถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อนิดหน่อย ก็จะไม่ให้น้อยใจได้ไงละครับ ที่จริงเค้ากลับมาตั้งเกือบสัปดาห์แล้ว เพิ่งจะมาเจอผมเนี่ย คนนับวันรออย่างผมนี่ก็รอไปเถอะ

“อย่าน้อยใจไปสิครับ ผมก็แค่อยากเซอร์ไพรส์ อยากให้เราสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ เลยคิดว่าทำธุระอะไรให้เสร็จแล้วค่อยมาเจอดีกว่า”ผมพยักหน้าเข้าใจเรื่องที่เค้าบอก แต่ที่ไม่เข้าใจคือการที่นั่งลงข้างๆ ผมแล้วดึงจะให้ผมไปนั่งตักเนี่ยแหละครับ

“ทำไรเนี่ย”

“ทำให้แปงหายคิดถึงผม”เค้าตัวโตขึ้นหรือผมตัวเล็กลงเนี่ย รู้สึกตั้งแต่ตอนกอดเค้าแล้วว่านอกจากเค้าจะสูงขึ้นแล้วตัวยังหนากว่าเดิมอีก นี่ตัวผมก็แทบจะปลิวตามแรงดึงของเค้าให้ขึ้นมานั่งตักหันหน้าชนกันแล้วครับเนี่ย จมูกของเค้ากดลงมาที่ซอกคอของผม

“คะ…คุยกันก่อน”ผมบอกเสียงตะกุกตะกักเพราะเหมือนเราจะอยู่ในท่าที่หมิ่นเหม่ไปในทาง 18+ แล้วแถมมือไม้เค้าก็ดูจะหลุดเข้าไปข้างในเสื้อผมเรียบร้อยแล้ว

“ทำอย่างอื่นให้หายคิดถึงก่อน ค่อยคุยทีหลังนะครับ…นะ…นะ”ไอ้น้ำเสียงอ้อนๆ กับไอ้การเอาจมูกเค้ามาเขี่ยจมูกผมเนี่ยเกือบทำผมเคลิ้มไปกับคนเจ้าเล่ห์นี่แล้วครับ แต่นี่มันเพิ่งจะกี่โมง และผมเองก็ยังมีอะไรอีกเยอะที่อยากถาม อยากคุย อยากเล่าให้ฟัง ถ้าเกิดผมยอมเค้าตอนนี้ผมรู้เลยว่าอย่างผู้ชายตรงหน้าเนี่ย คงไม่ใช่รอบเดียวแน่ๆ และมันคงทำผมหมดแรง จนไม่สามารถคุยอะไรได้แน่ๆ เพราะงั้นเราสองคน ควรคุยกันก่อนครับ

“เมื่อกี้เรียกพี่ว่าไง”คุ้นๆ ว่าเค้าไม่เรียกผมลุงไม่เรียกผมพี่แล้วนะครับ ถามจบผมก็ผละเอนตัวออกจากเค้าเล็กน้อย เกลี่ยนิ้วไปบนริมฝีปากของเค้า นี่ไม่รู้เป็นการถ่วงเวลาของผม หรือจะเป็นการเร่งให้เค้าหมดความอดทนกันแน่ ผมเองก็ชักไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกัน

“แปงครับ แปงของภู่”ผมขมวดคิ้วกับการย้ำในคำตอบของเค้า

“ไม่ชอบเหรอครับ”

“มันก็ไม่ใช่ แต่มันไม่คุ้น มันไม่ชิน”ผมบอกออกไปตามตรง เพราะแต่ก่อนก็เรียกผมลุงบ้าง พี่บ้าง อยู่ๆ จะมาเรียกชื่อกันเฉยๆ มันก็รู้สึกแปลกๆ แหละครับ อีกอย่างอายุเราก็ไม่ได้ไล่เลี่ยกันขนาดนั้น

“ก็ไม่อยากเรียกลุงหรือเรียกพี่แล้ว”แหนะมาทำหน้างอใส่ผมอีก ผมไหมละที่ต้องเคืองเค้าบทจะอยากเรียกลุงก็เรียกทั้งที่เราไม่เต็มใจ แต่พอเราชินไปแล้ว ก็จะมาหักดิบเปลี่ยนเองเสียดื้อๆ ทีคำทักทายคำแรกที่เจอกันยังเรียกผม “ลุง” อยู่เลย

“ทำไมกลัวคนมองว่าคบคนแก่เหรอ”ประชดไปก็เจ็บจี๊ดเองครับ ถึงจะไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองแก่ แต่ความจริงที่ว่าผมอายุมากกว่าเค้าตั้งหลายปีมันก็คือเรื่องจริง และผมก็คงวิ่งเข้าหาคำว่าแก่ได้ก่อนเค้าแน่นอน

“เปล่า…ก็แค่ไม่อยากเป็นน้อง ไม่อยากเป็นหลาน ก็เลยจะเลิกเรียกพี่ เลิกเรียกลุง”แหมพูดชงมาขนาดนี้ ผมต้องรับมุกสินะครับเนี่ย จะบอกว่าอยากเป็น “แฟน” ละสิ

“แล้วอยากเป็นอะไร”ผมแกล้งถามเหมือนรู้ไม่ทัน ส่วนอีกคนนะเหรอครับ ทำเป็นยิ้มกริ่มกะว่าผมจะเขินละซิ ฝันไปเถอะไม่ได้แอ้มผมหรอกครับ

“อยากเป็นผัว”อ้าวเฮ้ย เล่นงี้เลยเหรอนี่ แล้วไหนจะสองมือที่เอื้อมมาบีบสะโพกผมด้วย เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ ก็ใครจะไปคิดว่าจะมาเสียฮาร์ดคอร์ขนาดนี้

“ทะลึ่ง”ผมตีแขนเค้าเบาๆ

“เขินอะดิ เขินอะดี๊”ยังครับยัง ยังจะมาแซวอีก สรุปนี่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลยใช่ไหมเนี่ย โอเคผมยอมแพ้ เรื่องคุยคงต้องพักไว้ก่อนผมตอนนี้คงต้องหาอะไรทำให้เราทั้งคู่หายคิดถึงกันเสียก่อน ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเค้าก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา และมันคงเป็นรอยยิ้มออกจะเอ่อ…ยั่วยวนไปสักนิด แต่ก็นั่นแหละครับ ไหนๆ นี่มันคือครั้งแรกในรอบ 4 ปีของเราทั้งคู่ มันก็น่าจะเป็นอะไรที่น่าจดจำสักหน่อย

“ยิ้มแบบนี้นี่ บอกไว้เลยนะครับว่าอาจจะไม่ได้ออกจากคอนโดนี้ หึหึ”แล้วเราทั้งคู่ก็เหมือนมีแรงดึงดูดเข้าหากัน ริมฝีปากบดเบียดกันประหนึ่งว่าต่างคนต่างโหยหา แต่จะว่าไปตอนนี้เราสองคนเหมือนพวกอดอยากมานานเสียมากกว่า นี่ผมเองก็เหมือนเพิ่งจะรู้ว่าไม่ควร เล่นตัวอยู่เสียตั้งนาน

“อื้อ…คิดถึงรสจูบนี้ อ่าห์”ผมบอกเสียงกระเซ่า หอบหายใจถี่เพราะต้องรีบสูดอากาศเข้าปอดหลังถอนริมฝีปากออกจากกัน เสื้อผ้าของเราทั้งคู่ต่างถูกถอดทิ้งอย่างไม่ใยดี มือผมถูกจับลากไปตามแผงอกของเค้า ลากต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง

“แล้วคิดถึงนี่ด้วยไหมครับ”มือของผมสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง และร้อนรุ่ม แต่แทนที่จะดึงมือกลับ  ผมก็หันไปส่งสายตาให้เค้าแบบที่คิดว่าหวานเยิ้มมากที่สุด และครอบปากลงไปที่แกนกลางลำตัวของเค้า แทนคำตอบที่เค้าเอ่ยถามมา

“อืม…อ่าห์”เค้าส่งเสียงครางออกมาอย่างพอใจ นั่นยิ่งทำให้ผมเองก็มีความรู้สึกต้องการเพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วยเช่นกัน ผมใช้ปากให้กับเค้าอยู่พักนึง ก่อนจะถูกเค้าดึงตัว เลื่อนขึ้นไปจูบกับเค้าอีกครั้ง ผิวหนังของเราทั้งคู่ที่เสียดสีกันแทบทุกสัดส่วนนั้น เหมือนยิ่งเพิ่มความกระสันของเราทั้งคู่มากขึ้นไปอีก

แกนกลางลำตัวของเราทั้งคู่ ถูกมือหนาของเค้ากอบกุมไว้ด้วยกัน ค่อยๆ รูดขึ้นลงช้าๆ แล้วเปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมต้องบิดตัว เม้มปากพยายามไม่ส่งเสียงออกมา แม้จะรู้สึกเสียวซ่านมากก็ตามที แม้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกระหว่างเรา แม้ผมจะตั้งใจว่าครั้งนี้จะให้ความร่วมมือกับอีกฝ่ายให้เต็มที่ แค่สุดท้ายผมก็ยังเขินอายอยู่ดี

“ถ้า แฮ่ก เสียวก็ร้อง แฮ่ก ออกมา”เสียงแหบพร่าที่กระซิบมาแบบกระท่อนกระแท่น ทำให้ผมคล่อยๆ ผ่อนคลายอาการพยายามกลั้นเสียงนั้น แล้วก็หลุดครางเสียงต่ำออกมาจนได้

“อ๊ะ อ๊า”อีกฝ่ายเหมือนจะพออกพอใจที่ได้ยินเสียงของผม

“ร้องอีกสิ ผมชอบเสียงร้องของแปงนะ”เสียงกระซิบที่ข้างหูยังคงส่งเสียงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่างกับมือของเค้าที่เร่งจังหวะขึ้น และคงเพราะผมเองไม่ได้ปลดปล่อยมาเสียนาน ทำให้การที่โดนเค้าจู่โจมเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ผมก็จะปล่อยออกมาเสียแล้ว ผมพยายามแล้วที่จะกลั้นไว้ก่อน แต่อีกคนก็เหมือนจงใจแกล้งเร่งมือขึ้นไปอีกจนในที่สุด

“อ๊ะ..อ๊ะ…อ้าห์”ผมโผเข้ากอดอีกคนแน่น ก่อนจะกระตุกตัวอีกหลายครั้ง ขาเกร็งปลายเท้าจิกเข้าหากัน รับรู้ได้จากความรู้สึกว่าผมปลดปล่อยออกมา มากมายเหลือเกิน แถมตอนนี้มันเปรอะเปื้อนไปหมด ทั้งบนตัวผมและตัวเค้า แถมมีกระเด็นลงโซฟาอีกด้วย หวังว่าเจ้ปอคงยังไม่มีแพลนมาค้างที่นี่ในช่วงนี้นะครับเนี่ย

“แฮ่ก แฮ่ก”ผมหอบหายใจ ทั้งที่ก็ยังเกาะร่างอีกฝ่ายเอาไว้เสียแน่น

“นี่แค่เริ่มต้น วันนี้ผมจะทำให้แปงปลดปล่อยออกมาจนหมดตัวเลยคอยดู”มันช่างเป็นคำขู่ที่น่ากลัว แต่มีเหรอครับที่วันนี้ผมจะกลัว ผมรีบสูดหายใจเข้าเต็มปอด  แม้จะยังหอบหายใจอยู่ ก็ต้องรีบเตรียมรับมือกับคนตรงหน้านี่เสียก่อนครับ แน่นอนอยู่แล้วว่าเค้าไม่ปล่อยให้ผมได้พักหายใจหายคอหรอกครับ ก็เจ้าตัวเค้ายังไม่ได้ปลดปล่อยออกมาเลยนี่สิ

เค้าผละจากผมไปควานหาบางอย่างในกระเป๋ากางเกงของเค้า สิ่งที่เห็นทำเอาผมเกือบหลุดขำ นี่เค้าถึงขั้นพกเจลหล่อลื่นติดตัวมาตั้งแต่วันแรกที่จะมาพบผมเลยใช่ไหมเนี่ย

“หื่น”ผมพูดหยิกแกมหยอกตอนที่เค้ากลับมาประกบปากจูบผมอีกครั้ง

“ก็ไม่อยากให้เจ็บไงครับ”น้ำเสียงที่ตอบกลับผมมานี่ผมว่าอีกไม่นานผมคงต้องรับศึกหนักแน่ๆ เพราะดูเค้าจะอดทนไม่ไหวแล้ว เร็วยิ่งกว่าความคิดผมเสียอีกครับ เพราะนิ้วเรียวของเค้าเหมือนจะป้ายเจลไปที่ช่องทางคับแคบของผมแล้ว

“อ่ะ”เมื่อรับรู้ได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย แม้มันเพิ่งจะเป็นเพียงนิ้วมือเพียงนิ้วเดียวของเค้าก็เถอะ แต่การร้างลาเรื่องนี้มานาน ทำให้ผมต้องบิดตัวผ่อนลมหายใจ เพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองเกร็งมากจนเกินไป จากหนึ่งนิ้ว กลายเป็นสองและสามในเวลาเพียงไม่นานแม้มันจะไม่ได้เจ็บสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องใช้เวลาสักนิดให้ผมได้รับความคุ้นเคย

จากความรีบร้อนของอีกคน นี่คงอดใจไม่ไหวแล้วละครับ นิ้วมือของเค้าถูกถอนออกไปกดวนอยู่ที่ปากทางแป๊บเดียว เสียงฉีกซองถุงยางก็ดังมาเบาๆ นี่ดูเค้าเตรียมพร้อมมาทุกอย่างเหลือเกินนะครับเนี่ย ช่างมั่นใจเสียเหลือเกินว่าวันนี้จะเผด็จศึกผมได้ แต่มันก็ได้จริงๆ นั่นแหละเนอะ

“ช้าๆ ก่อนนะ”มือผมยกขึ้นมาดันตัวเค้าไว้เล็กน้อย เจลหล่อลื่นถูกเทลงมาที่ปากทางเพิ่มอีก จากนั้นแท่งแกนกลางของเค้าก็ค่อยๆ กดเค้ามาทีละนิด นี่ขนาดว่ามีการช่วยเปิดช่องทางบ้างแล้ว มันก็ยังเหมือนเข้ามายากอยู่ดี

“ผมจะทนไม่ไหวแล้ว อยากกระแทกแปงเหลือเกิน”เค้าสอดใส่เข้ามาจนสุดแล้ว แต่โดนสองขาของผมเกี่ยวรัดลำตัวเค้าไว้ยังไม่ให้ขยับมากนัก จนผมเริ่มรู้สึกว่าคุ้นชิ้นแล้ว จึงค่อยๆ คลายขาที่รัดตัวเค้าไว้ เค้ากดสะโพกเบียดเข้ามาช้าๆ แล้วถอดกลับไปเป็นจังหวะ จากเนิบนาบ อ่อนโยนมันก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงและเร็วขึ้น

“ภะ…ภู่ เบา เบาหน่อย”เมื่อความเสียวซ่านเล่นงานผมอย่างหนักตอนแรกมันก็เป็นความเสียว แต่พอมันเริ่มรุนแรงขึ้นผมก็ต้องร้องปรามเพราะเริ่มจะรับไม่ไหว แถมนี่ผมว่าตัวเค้าโตขึ้นกว่าเดิมมากเลยทีเดียว เรี่ยวแรงก็คงอยู่ในวัยหนุ่มเต็มตัวแล้วสินะ เค้าไม่ใช่แค่เด็กมัธยมอีกแล้ว

“โทษทีครับ มันยั้งอารมณ์ไม่อยู่จริงๆ”เค้าผ่อนจังหวะลง แต่เหมือนหลอกให้ผมตายใจ เพราะพอตั้งใจโดนจุดกระสันของผมแล้ว เค้าก็กระแทกใส่ผมมาแรงกว่าเดิมเสียอีก กลายเป็นว่าผมเองก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามสัญชาตญานแล้ว ก็ตอนนี้สมองผมมันแทบจะขาวโพลนไปหมดแล้ว เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังระงมไปหมด เหงื่อของเราทั้งคู่ที่ผุดขึ้นมาแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

มือที่เอื้อมมารูดรั้งแกนกลางของผม ทำให้ผมกำลังจะปลดปล่อยออกมาอีกแล้ว

“รอก่อน รอพร้อมกัน”อีกคนที่เหมือนจะรู้ว่าผมใกล้ถึงเต็มที บอกพร้อมเร่งจังหวะขึ้น เพียงไม่นานผมก็กลั้นไว้ไม่อยู่ปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่สอง และก็ต้องสะดุ้งเมื่ออีกคนเองถึงตามมาติดๆ แถมเหมือนมันจะออกมามากมายจนผมยังรู้สึกได้ เค้าขยับอีกสองสามครั้งแล้วดึงผมเข้าไปกอดแน่น เสียงหอบหายใจของเราทั้งคู่ดังแข่งกันจนแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนเสียงใครกันแน่

“ขอพักก่อนนะ”ผมร้องขอเมื่อเห็นว่าเค้าไม่ยอมถอนกายออกไป ผมไม่ได้จะขัดถ้าเค้าจะยังไม่พอเพียงเท่านี้ แต่แค่จะขอผ่อนปรนให้ผมได้เว้นช่วง หายใจหายคอบ้าง แล้วก็อีกอย่างผมจะได้ถามถึงข้อตกลงของพ่อเค้าด้วย ว่านี่ยอมรับในตัวผมหรือยัง

“พักได้ แต่วันนี้คงมีต่อกันอีกหลายยกนะครับกว่าจะหายคิดถึง”เค้าพรมจูบลงมาที่หน้าผากของผม ก่อนจะค่อยๆ ถอนกายออกไป














 
TBC
————————————————————————————
จั่วหัวมา NC แต่กะอาจจะไม่ค่อยถึงใจ

ยังไงขออภัยไว้ก่อนเลย

และแน่นอนว่าพอตอนนี้เป็น NC

เนื้อเรื่องกะเลยยังไม่เดิน ฮา

ยังไงรอตอนหน้า แปงคงจะได้เคลียร์เรื่องฝั่งครอบครัวภู่แล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ให้สาสมกับที่ห่างกันไปตั้งนาน ให้หายคิดถึงกัน  :z1: :pighaun: :haun4:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
อยากอ่านตอนหน้าเเล้สวววว

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ต่อไปคงไม่มีอุปสรรคแล้วเนอะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 45
ข้อตกลง






“ตกลงกันไว้ว่ายังไง ก็ตามนั้นงั้นเหรอ”ผมทวนในสิ่งที่ได้ฟัง นั่นคือคำบอกเล่าจากภู่เมื่อผมถามว่าตกลงตอนนี้คุณพ่อของเค้ายอมรับเรื่องระหว่างเราแล้วหรือยัง

“ใช่แล้ว จากนี้ไปเราก็ใช้ชีวิตด้วยกันแบบไม่มีใครมาขัดขวางอีกแล้ว”ทำไมผมไม่คิดแบบนั้นละเนี่ย คือฟังดูผมว่าคุณพ่อของภู่ออกจะอยู่ในภาวะจำยอมเสียมากกว่า เพราะตอนนี้เรียกว่าผมยังไม่เคยเจอคุณพ่อของภู่ตัวจริงเลยสักครั้ง และผมก็คิดว่าคุณพ่อคงยังไม่ได้ยอมรับคนที่ยังไม่เคยแม้แต่จะเจอหน้ากันอย่างผมหรอกนะครับ

“แล้วนี่คุณพ่อรู้หรือเปล่าว่าเรามาเจอกัน”ผมคว้ามือของเค้าที่ลากวนบนหน้าอกผมให้หยุดก่อน คือตอนนี้ผมยังไม่มั่นใจเลยว่าครอบครัวเค้าเปิดรับผมขนาดไหนแล้ว ถ้าเป็นพี่ปุ๊กกับคุณแม่เค้าผมก็ไม่กังวลเท่าไหร่หรอกนะครับ ก็เหลือแต่คุณพ่อเค้านี่แหละครับ

“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมอยู่นี่แล้วไง ดึกแล้วนอนเถอะครับคนดี พรุ่งนี้ค่อยคุยเรื่องนี้กันต่อ”มันก็ยังดูเป็นคำตอบที่ฟังดูบ่ายเบี่ยงอยู่ดี แต่ด้วยความที่เราทั้งคู่เพิ่งผ่านสมรภูมิกันมาอย่างหนักหน่วง และยิ่งผมเองที่เหมือนจะฝืนสังขารต่อไม่ไหว เลยต้องทำตามที่เค้าบอก ผมขยับเข้าซุกที่หน้าอกเค้า สัมผัสสุดท้ายที่รู้สึกคือการจูบเบาๆ ที่หน้าผากก่อนผมจะหลับไป

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนสาย ข้างๆ ผมไม่มีอีกคนอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนข้าวของเค้าจะยังอยู่ ผมค่อยๆ ประคองร่างตัวเองลุกเพราะเหมือนคืนที่ผ่านมาผมจะใช้ร่างกายหนักเกินไป ตอนนี้เรียกว่าปวดเมื่อยไปทั้งตัวเลยทีเดียวเชียวครับ ผมเดินตามหาเค้าจนมาเจอว่ากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ที่ห้องครัว

“ไปเอาของสดมาจากไหน”ผมถามออกไปด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าเค้ากำลังทำอาหารอยู่ ก็จะไม่ให้แปลกใจได้ไงละครับ ทั้งผมทั้งเจ้ปอ เคยซื้ออะไรมาทำที่ไหนกันละ แต่ข้าวของที่เค้ากำลังทำนี่สิ เครื่องครัวบางอย่างผมยังไม่รู้เลยว่ามี อย่างว่าแหละครับ ผมกับเจ้ปอก็แค่แวะมานอนเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง

“ตื่นแล้วเหรอครับ ไปล้างหน้าแปรงฟันรอก่อน ใกล้จะเสร็จแล้วจะได้มาทานพร้อมกัน”เค้าไม่ได้ตอบคำถามผม แต่ไล่ให้ผมไปจัดการธุระตัวเอง แถมส่งสายตาห้ามไม่ให้ผมเข้าไปข้างในอีกต่างหาก แล้วผมจะทำอะไรได้ละครับก็ต้องทำตามที่เค้าบอก พอผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จออกมา อาหาร 2-3 อย่างก็จัดวางรอผมเรียบร้อย

“ตกลงออกไปซื้อมาแต่เช้าเลยเหรอ”ผมคาดเดา พร้อมส่งยิ้มให้เค้า นึกถึงบรรยากาศเมื่อก่อนที่เราได้อยู่ด้วยกัน

“ก็ไม่ได้ทำให้ทานตั้งนาน นี่ฝีมือผมพัฒนาไปมากแล้วนะ รับรองว่าติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้นแน่ๆ”

“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ยังเหมือนเดิม”ผมเดินเข้าไปสวมกอดเค้า มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ดีจนผมกลัว กลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่รสชาติอาหารที่ผมจะถอนตัวไม่ขึ้น แต่มันคือทุกอย่างที่เป็นเค้า ตอนนี้ผมทุ่มทั้งตัวและใจไปที่เค้าจนไม่เผื่ออะไรไว้อีกแล้ว

“กินข้าวดีกว่า ก่อนที่ผมจะอดใจไม่ไหว”เค้าหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ก่อนจะดันตัวผมให้นั่งลง และเริ่มทานมื้อแรกของวันด้วยกัน เราแทบจะกินไปมองหน้ากันไป แอบขำกันเองกับท่าทีของกันและกัน ทุกอย่างมันดูดีไปหมด จนกระทั่งผมนึกถึงครอบครัวเค้า

“เรื่องที่บ้านภู่…”ผมตัดสินใจถามเค้าอีกครั้ง แต่เค้าก็เพียงยิ้มสบายๆ กลับมาให้ผม

“เดี๋ยววันนี้พ่อกับแม่ผมจะมาจากเชียงใหม่ จะมาเจอแปง”เดี๋ยวนะครับ

“แล้วทำไมเพิ่งบอก”ผมถามหน้าตาตื่น ก็เมื่อคืนผมก็ถาม นี่ไม่กะให้ผมเตรียมตัวทำใจอะไรเลยใช่ไหม ใช่อยู่ว่าผมก็คิดว่าคงต้องเผชิญหน้ากันสักวัน แต่ไม่นึกว่าจะกะทันหันขนาดนี้ ทีแรกก็กะว่าจะโทรไปสวัสดีก่อนไรงี้ แต่นี่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ลงมาจากเชียงใหม่เพื่อเจอผมเนี่ยนะ มันจะดูไม่ค่อยดีไหมเนี่ย ที่จริงให้ผมไปเจอพวกท่านที่เชียงใหม่ยังจะดูเหมาะกว่าอีก

“ฮ่าๆ ผมล้อเล่น”เค้าหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นอาการตื่นตระหนกของผม ผมมองเค้าตาขวางอย่างเคืองๆ

“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งโกรธนะครับ คืองี้วันนี้พ่อกับแม่มาธุระที่กรุงเทพฯ พอดี เลยบอกพวกท่านไปว่าจะพาแปงไปไหว้”ถ้าแบบนี้ก็ดีขึ้นมาหน่อย แต่ผมก็ยังกังวลอยู่ดีแหละครับ เอาน่าไหนๆ ถ้าทั้งคุณพ่อคุณแม่ยอมให้ผมไปเจอขนาดนี้ เรื่องระหว่างผมกับภู่ก็คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่แล้วมั้ง

“ไม่ต้องกังวล ผมบอกแล้วไงว่าทุกคนโอเคแล้วที่จะให้เราคบกัน”มันก็อยากจะสบายใจไม่คิดอะไรมากนะครับ แต่มันก็ยังอดคิดมากไม่ได้อยู่ดี

“แล้วนี่ภู่นีดคุณพ่อคุณแม่ไว้กี่โมงละ”มาถึงขั้นนี้มันก็คงต้องลุยต่อแหละครับ จากนี้ไประหว่างผมกับเค้าจะได้อยู่ด้วยกันอย่างราบรื่นเสียที

“คงสัก 3-4 โมงเย็นแหละครับ”ผมถอนหายใจ อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาให้ผมตั้งตัวบ้าง แต่บอกตามตรงว่าผมตื่นเต้นไปหมดเลยครับตอนนี้ จะไม่ให้ตื่นเต้นยังไงไหว ก็การที่ผมก็รับรู้มาตลอดว่าคุณพ่อของภู่ไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเรา มาวันนี้ถึงภู่จะยืนยันว่าท่านโอเคแล้ว ผมก็ยังเกร็งอยู่ดีแหละครับ

พอถึงเวลานัด สิ่งที่ทำเอาผมแทบช็อคอีกอย่างคือ การที่ภู่เพิ่งบอกกับผมว่าเค้าแค่พาผมมาส่ง และจะปล่อยผมไว้กับคุณพ่อ คุณแม่ผมตามลำพัง

“แล้วทำไมภู่ไม่อยู่ด้วยกัน”ผมถามอย่างลนลาน นี่อาการผมเหมือนเด็กโดนผู้ปกครองทิ้งเข้าไปทุกทีแล้วครับ

“ใจเย็น มันไม่มีอะไรหรอก แปงก็เคยเจอแม่แล้วนิ แม่ใจดี ส่วนพ่อก็เก๊กดุไปงั้นแหละอย่าไปกลัว”เค้าปลอบพร้อมจูงมือผมเดินเข้าร้ทนที่นัดกันไว้ ส่วนผมนี่แทบไม่อยากก้าวขาเลย

“ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะทิ้งกันแบบนี้”ผมบ่นอย่างเคืองๆ เพราะดูผมจะโดนเซอร์ไพร์สเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องกันเลยทีเดียว

“พ่อเพิ่งบอกก่อนมานี่เองว่าอยากคุยกับแปงโดยที่ไม่มีผมด้วย ยังไงถ้าเสร็จแล้ว แปงไปเจอผมที่บ้านเดิมของเรานะครับ”ผมถอนหายใจอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แทบจะไม่ฟังที่เค้าพูดด้วยซ้ำ

“บ้านเดิม…ของเราคือที่ไหน”

“ก็บ้านที่แปงเช่าจากน้าปุ๊กไงครับ แก่แล้วขี้ลืมนะเราเนี่ย”ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่เค้าพูดสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ผมมองเห็น คุณแม่ของภู่แล้ว และที่นั่งข้างๆ นั่นคงเป็นคุณพ่อเค้าสินะครับ

ผมยกมือไหว้ทั้งคู่ทันทีที่ถึงโต๊ะ คุณแม่รับไหว้พร้อมส่งยิ้มกลับมาอย่างเป็นมิตร แต่คุณพ่อรับไหว้ผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย เล่นเอาใจแป้วไปเหมือนกันนะครับเนี่ย

“คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันมากเนอะ”ผมได้แต่ยืนยิ้มเก้ๆ กังๆ อย่างทำตัวไม่ถูก ปกติผมก็เป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีนะครับ แล้วก็ไม่ใช่คนจะประหม่ากับอะไรง่ายๆ แต่ครั้งนี้ เหมือนผมคุมสติตัวเองไม่ได้จริงๆ

“งั้นผมไปนะ หวัดดีครับ ไว้เดี๋ยวโทรหานะครับแม่”เค้าบอกลาพ่อกับแม่เค้า ก่อนจะหันมากระซิบย้ำกับผมเรื่องนัดเจอกันหลังจากนี้ นี่ตกลงจะทิ้งกันแบบนี้จริงดิ

“พี่แปงนั่งสิลูก”

“ครับ”แม้คุณแม่จะเชิญนั่งด้วยท่าทีสบายๆ มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมหายเกร็งขึ้นสักเท่าไหร่หรอกนะครับ ตอนนี้ก็ได้แต่ยิ้มสู้อย่างเดียวแหละครับ

“ได้เจอกันสักทีเนอะ”น้ำเสียงจากคุณพ่อ ดูนิ่งจนผมเดาไม่ออกว่าตกลงคุณพ่ออยู่ในโหมดไหนกันแน่ แต่บอกเลยว่าฟังแล้ว เสียงดุไม่ใช่เล่นเลยแหละครับ

“ครับ”เหมือนผมจะพูดเป็นอยู่คำเดียวแล้วครับตอนนี้

“ไม่ต้องเกร็งลูก คุณก็อย่าทำท่าดุมาก ดูพี่แปงเกร็งหมดแล้ว”คุณแม่ตีแขนคุณพ่อเบาๆ จนผมเผลออมยิ้มไปด้วย ผมพยายามตั้งสติ พยายามคิดว่าที่ทั้งคู่นัดผมมาวันนี้มันก็คงเป็นเรื่องดีๆ แหละครับ เพราะถ้าให้คิดดูดีๆ ถ้ามีอะไรจะกีดกันผมกับภู่อีก คงไม่จำเป็นต้องมามีพิธีรีตองอะไรขนาดนี้

“งั้นก็เอาตรงๆ เลยแล้วกันเนอะ ที่พ่อกับแม่มาเจอวันนี้ก็จะมาขอโทษที่ ต้องทำให้แปงกับภู่ต้องห่างกันเสียนาน พ่อผิดเองแหละ”

“ไม่เป็นไรครับคุณพ่อ ไม่ต้องขอโทษ”แม้จะยังเหวอๆ อยู่แต่ก็ต้องรีบห้าม เพราะผมเองก็ไม่ได้นึกโทษอะไรทางครอบครัวของภู่เลย

“พ่อผิดเองแหละ ที่ยังยึดติดกับอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งที่ควรรู้ว่าอะไรที่ลูกๆ ทำแล้วมีความสุข ก็ควรมีความสุขกับลูกด้วย ของภู่เนี่ยยังดี ที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป แต่ของผึ้งนี่สิ”คำพูดของคุณพ่อสะดุดลงแค่นั้น เพราะคุณแม่สะกิดไม่ให้พูดต่อ ซึ่งผมเองก็คงไม่ละลาบละล้วงต่อหรอกครับ แต่ถ้าให้เดา ชีวิตหลังแต่งงานของพี่สาวภู่มันคงจะไม่โอเคสักเท่าไหร่

“ไม่หรอกครับ ผมสิต้องขอบคุณ คุณพ่อที่ทำข้อตกลงนี้กับภู่ อย่างน้อยมันก็ดีกับเค้าที่ยอมไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ อีกอย่างมันจะได้ทำให้เค้าโตขึ้นด้วยครับ”ผมยิ้มให้ทั้งคู่อีกครั้ง ตอนนี้ผมเหมือนยกภูเขาออกจากอก บรรยากาศมันดูผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยครับ

“ไม่ผิดจากที่แม่เค้าพูดไว้จริงๆ ว่าภู่มันเลือกคนไม่ผิด”จากที่ตอนแรกเกร็งๆ กลายเป็นว่าเราทั้งสามคนพูดคุยถูกคอ และมีแต่เสียงหัวเราะออกมาเป็นระยะๆ ส่วนนึงคงเพราะครอบครัวเราก็มีธุรกิจที่ทำร่วมกันอยู่แล้ว มันเลยเหมือนเป็นจุดเชื่อมความสัมพันธ์ที่ไม่ยาก

“ยังไงเรื่องงานก็ช่วยสอนน้องมันหน่อยแล้วกัน จะได้เก่งๆ เหมือนพี่แปง”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ว่าแต่ทำไมวันนี้ไม่ให้ภู่อยู่ด้วยตอนที่เราคุยกันนี่ละครับ”ผมถามอย่างสงสัย เพราะดูๆ แล้วมันก็เหมือนการมาพูดคุย ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับภู่ ทำไมถึงไม่ให้ภู่มารับรู้ด้วยละ

“ก็พ่อนะสิ เขิน ไม่อยากให้ภู่มาเห็น ปกติมีแต่ทำขรึมดุลูกๆ เลยอายลูกกลัวหลุดคาแรกเตอร์”คุณแม่พูดจบก็หัวเราะชอบใจ จนคุณพ่อทำท่างอนๆ คุณแม่เลยต้องง้อ ดูแล้วเป็นภาพที่น่ารักไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

“เออแปงลูก แล้วนี่เรื่องสินสอด เอายังไงดี ภู่คุยหรือยัง”

“อะไร…นะครับ สินสอดอะไร”ผมงงกับคำถาม แล้วที่ว่าภู่คุยหรือยังนี่คือ ผมก็ไม่เห็นว่าจะคุยอะไร อีกอย่าง สินสอดนี่เค้าไว้สำหรับคนจะแต่งงานกัน แล้วผมกับภู่มันคงไม่ต้องมีอะไรแบบนั้นหรอกมั้งครับ

“เอ้าไอ้ลูกคนนี้ ไม่ทันใจเลย พ่ออุตส่าห์บอกว่าถ้ารักกันจริงก็คุยอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว พ่อพร้อมไปสู่ขอ สินสอดเท่าไหร่ไม่เกี่ยงเลย”นี่คุณพ่อจะมองการไกลมากไปหรือเปล่าครับเนี่ย

“คงไม่ต้องยุ่งยากหรอกครับ แค่ทั้งคุณพ่อคุณแม่ยอมรับในความสัมพันธ์ของพวกผมสองคนให้ใช้ชีวิตด้วยกันแค่นี้ มันก็ดีมากแล้วครับ”

“งั้นแม่ว่าเอางี้ ไหนๆ อีกเดี๋ยวก็คงย้ายไปอยู่ด้วยกัน ยังไงพ่อกับแม่ก็คงต้องไปคุยกับญาติผู้ใหญ่ฝั่งแปงไว้แหละเนอะ ส่วนจะมีอะไรเป็นทางการไหมก็ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันเนอะ”ฟังแล้วก็ทำเอาเครียดเลยสิครับงานนี้ ไม่คิดว่าอะไรมันจะดูเป็นทางการขนาดนี้ เดี๋ยวงานนี้ผมคงต้องรีบดักทางพ่อแม่ผมก่อนว่า ไม่ต้องเล่นใหญ่เหมือนฝั่งพ่อแม่ภู่

“งั้นขอผมตกลงกับภู่ก่อนแล้วกันนะครับ”ผมแบ่งรับแบ่งสู้ไว้ก่อน

“ได้ๆ แต่บอกเลยนะว่าสินสอดพ่อสู้เต็มที่ นี่พ่อน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่าธุรกิจเราก็มีด้วยกัน ลูกๆ ได้กันเองก็ดีจะตายไป เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน”เอ่อ คือคุณพ่อครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น





TBC
————————————————————————————-
ก็ถือว่าคลี่คลายแล้วเนอะ คงไม่มีอุปสรรคอะไรอีกแล้ว

ให้เค้าลงเอยกันเสียที

ตอนหน้าก็เหมือนตอนจบกลายๆ

แต่คงมีตอนพิเศษอีกสัก 2-3 ตอน แล้วแต่ความขยัน

และปิดท้ายด้วยบทสรุปอีกสัก 1 ตอน

ก็คาดว่าถ้าไม่ผิดพลาดก็จะปิดเรื่องนี้ที่ ตอน 50 พอดี

ยังไงก็ขอบคุณทุกคนอีกทีที่ติดตามให้กำลังใจกันมานะฮ่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องภู่กลับมาแล้ว เป็นผู้ใหญ่มากๆ  คุณพ่อเหมือนจะดุ แต่ก็แอบใจร้อนไม่เบา  ดีใจแทนคู่นี้จะสมหวังกันซะที   :katai2-1:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
น่ารักก คุณพ่อขรึมมานาน  :hao7:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โอยยย ดีงามมากค่ะ
คนอ่านชอบเรืีองhappy ^^

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 46
ผูกมัด





“จะโทรมาบอกว่าคืนนี้จะไม่กลับบ้านอีกละสิ”เสียงของผู้เป็นแม่ดักคอผม ก็เห็นว่าจะต้องไปเจอภู่ที่บ้านเช่าที่เราเคยอยู่ ซึ่งผมก็กะว่าภู่ไม่น่าจะปล่อยผมกลับแน่ๆ เลยกะว่าจะโทรบอกที่บ้านไว้ก่อน นี่ผมก็เพิ่งจะแยกกับคุณพ่อคุณแม่ของภู่เมื่อสักครู่นี่เอง

“พอดีมีธุระนิดหน่อยครับแม่”ผมจำต้องยอมรับออกไปเพราะสิ่งที่แม่ผมคาดเดามันดันถูกนี่แหละครับ

“ใช่ซี้ แฟนมาก็ลืมบ้านเลยนะ”ใครคาบข่าวไปบอกแม่ผมละครับเนี่ย ผมว่าผมยังไม่ได้บอกใครเลยนะว่าผมเจอภู่ หรือวันนี้มีนัดกับภู่ เจ้ปอน่าจะยังไม่รู้แน่นอน ส่วนข้าวหอมอันนี้ไม่แน่

“ใครนินทาอะไรผมให้ฟังอีกละครับเนี่ย”ถามกลับไปอย่างไม่ได้จริงจังนักหรอกครับ

“เปล๊า ก็แค่พอดีลูกเขยคนเล็กเอาของฝากมาให้แม่”หืมลูกเขยคนเล็ก ลูกเขยคนเล็ก นี่ผมจะทวนคำพูดแม่ในหัวตัวเองทำไมเนี่ย

“ภู่ไปที่บ้านมาเหรอครับ”แม่ผมนี่ก็ใช่เล่นนะครับ แทนที่จะบอกมาตรงๆ มีแอบแซวผมอีก แล้วนี่ภู่ก็ไม่บอกผมมั่งเลยว่าจะแวะไปหาพ่อแม่ผม กลับมานี่ชักเอาใหญ่แล้วนะเนี่ย ทำอะไรไม่บอกกันมั่งเลย ผมคุยกับแม่อีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย และก็ได้รู้ว่าภู่เอาของฝากไปให้ทุกคนที่บ้านผม แล้วของผมละไม่เห็นได้มั่งเลย

ผมถึงบ้านเช่าที่เราเคยอยู่ตอนมืดแล้ว ผมยืนยิ้มมองที่ๆ คุ้นตา ที่ๆ เราสองคนได้รู้จักกัน ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาช่วงนึง มันดูไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ เรื่องราวมากมายเหลือเกินที่เคยได้เกิดขึ้นที่นี่ ใครจะไปคิดละครับว่าเด็กตัวสูงๆ ท่าทางกวนๆ ในวันนั้นจะกลายมาเป็นคนรักของผมจนถึงวันนี้ ทุกอย่างมันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่นี่ก็ 5 ปีเข้าไปแล้วมั้งครับ

“มาแล้วเหรอครับ ไปล้างไม้ล้างมือก่อนแล้วมานั่งนี่นะครับ”พอผมก้าวเข้าบ้าน อีกคนก็รีบสั่ง ผมส่งยิ้มให้เค้าอย่างเป็นสุข บรรยากาศเก่าๆ กำลังจะกลับมาสินะครับ

“นี่จัดเต็มขนาดนี้ มีอะไรพิเศษหรือเปล่าน้า”ผมแกล้งแซวนิดหน่อยเพราะโต๊ะอาหารนี่ ถูกจัดออกมาอย่างกับภัตราคาร เป็นใครก็มองออกแหละครับว่ามันต้องมีอะไรพิเศษๆ แน่นอน

“อยากให้มีไหมละครับ”เค้าบอกกลับมายิ้มๆ นี่ตกลงจะเซอร์ไพรส์หรือไม่เซอร์ไพรส์กันแน่ครับเนี่ย ชักจะทำตัวไม่ถูกเสียแล้วสิ

“เห็นว่าเอาขอบฝากไปให้ที่บ้านพี่”แต่ผมเองก็เปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ ครับงานนี้

“อ่ะๆ พูดใหม่ครับ”คำพูดผมถูกขัดจังหวะ เหมือนกับว่าผมพูดอะไรผิด

“ตกลงกันแล้วไงครับ ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง ไม่มีลุงแล้วด้วย”นี่ผมตกลงด้วยแล้วเหรอทำไมผมไม่ยักกะจำได้

“ก็มันไม่ชิน แล้วถ้าไม่ให้แทนตัวเองว่าพี่จะให้พูดว่าไงละ”ผมเริ่มบ่น แต่ก็บ่นไปงั้นแหละครับที่จริงก็ไม่ติดหรอกถ้าสรรพนามระหว่างเราจะเปลี่ยนไป ต่อให้เค้าจะให้เรียกอะไรแปลกๆ ก็ยอมครับ แต่ต้องสงวนท่าทีไว้ก่อนนิดนึง

“ก็เรียกชื่อไปเลยไงครับ”ผมทำท่าคิดนิดนึง ก่อนพยักหน้าตกลง

“แล้วไหนของฝากแปงละ เห็นแม่บอกว่ามีของฝากให้ทุกคนที่บ้าน แต่แปงไม่เห็นได้เลย”พอพูดแบบนี้แล้วผมว่ามันไม่ค่อยจะเข้ากับผมสักเท่าไหร่เลยอายุผมก็ไม่ใช่น้อยแล้วด้วย เอาเป็นว่าไว้ค่อยตกลงกันอีกทีดีกว่า ว่าตอหน้าคนอื่นผมคงขอไม่มุ้งมิ้งอะไรกับเค้ามาก แต่ถ้าอยู่กันตามลำพังนี่จะยอมตามใจเค้าเต็มที่

“โหเล่นทวงกันแบบนี้เลยเหรออุตส่าห์ว่าจะทำซึ้งเสียหน่อย มันจะซึ้งไหมละเนี่ย”เค้าทำท่าเซ็ง แต่ผมว่าน่าเอ็นดูเชียวแหละครับ

“ทำไมนี่กะทำซึ้งขอแต่งงานหรือไง”ผมแกล้งแซวต่อเนื่อง เพราะนึกถึงคำที่คุณพ่อเค้าพูดขึ้นมาพอดี แต่เหมือนผมจะเล่นผิดเวลาหรือเปล่า เพราะอีกคนสีหน้าเปลี่ยน จากที่ยิ้มแย้มกลายเป็นหน้าเครียดเอาเสียดื้อๆ

“แปงอยากแต่งเหรอครับ แต่ผมยังไม่พร้อม แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากแต่งนะ แปงอย่าเพิ่งโกรธผมนะ นะครับ”เค้ารีบละล่ำละลักเข้ามาบอกกับผม จนผมเองต้องรีบปราม

“เดี๋ยวๆ ภู่ ใจเย็น แค่แซวเล่นเฉยๆ ทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น”เค้ายังคงมองหน้าผมนิ่งอย่างเหมือนไม่ค่อยเชื่อ นี่คิดว่าผมอยากแต่งงานจริงๆ เหรอเนี่ย

“คือวันนี้คุณพ่อของภู่พูดเล่นๆ ขำๆว่าจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ท่านสู้เต็มที่ เลยกะเอามาแซวภู่เฉยๆ ไม่ได้อยากแต่งอะไร จริงๆ”ผมรีบย้ำ แต่ดูอีกฝ่ายจะยังไม่พอใจในคำตอบของผมสักเท่าไหร่

“แล้วแปงไม่อยากแต่งกับผมเหรอ”อ้าว เป็นงั้นไปอีกไหนเพิ่งบอกผมว่าไม่พร้อม กะนึกว่ากลัวผมไม่พอใจที่ไม่พร้อมแต่ง พอบอกผมยังไม่ได้อยากแต่งก็มามุมนี้อีก แฟนใครเนี่ยเอาใจยากจริงวุ้ย

“มันไม่ใช่แบบนั้น แต่คือแค่เราอยู่ด้วยกันมันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ส่วนเรื่องอะไรพวกนี้ ถ้าวันนึงภู่อยากให้มี พี่ก็จะไม่ขัด แต่ไม่มีพี่ก็ไม่ได้ซีเรียส”แม้จะรู้ว่าพอแทนตัวเองว่าพี่แล้วเค้าอาจจะไม่พอใจ แต่ผมก็ยังทำ อาจเพราะอยากให้เค้ามองในมุมที่โตขึ้นด้วยแหละครับ

“โอเคครับ วันนี้แปงอาจจะยังไม่ยอมรับเต็มร้อยว่าผมโตแล้ว แต่ไม่นานหรอกครับผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมจะเป็นหัวหน้าครอบครัวให้ได้ ส่วนเรื่องแต่งงาน สักวันนะครับ สักวันมันจะต้องมีงานของเรา ที่จริงพ่อผมก็ยินดีจ่ายให้ก่อนแหละ แต่ผมมองว่าถ้าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และจะดูแลคนรักได้ ทุกอย่างผมก็ควรจะรับผิดชอบมันด้วยตัวเอง จริงไหมครับ”จริงสินะ ถ้ามองในมุมเค้ามันก็คงกดดันไม่น้อย

“งั้นพักเรื่องอื่นไว้ก่อน ตอนนี้กลับมาที่ภู่เตรียมไว้วันนี้ดีกว่าเนอะ ไหนมีอะไรจะทำซึ้งบ้าง รอจะซึ้งแล้วเนี่ย”ผมยิ้มให้เค้า ไม่อยากให้เค้าเก็บเรื่องพวกนี้มาเครียด อยากให้เค้ารู้ว่าที่จริงผมดีใจมากที่มีคนอย่างเค้าจะมาเดินเคียงข้างไปด้วยกัน

“แปงรักภู่นะ จากนี้ไปไม่ว่ามันจะมีปัญหา หรืออุปสรรคอะไร อยากให้ภู่รู้ไว้ว่าแปงพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน”เมื่อเห็นว่าเค้ายังดูกังวลอยู่ ผมเลยบอกความในใจออกไปอีก เค้าค่อยๆ คลี่ยิ้ม และเข้ามาสวมกอดผม

“ขอบคุณ ขอบคุณที่รักกันนะครับ”แค่นี้แหละ แค่นี้ที่ผมต้องการจากเค้า

“ขอบคุณเหมือนกัน ขอบคุณที่เข้ามาทำให้แปงได้มีแฟน”พูดจบ เราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เราต่างมองหน้ากัน นี่อาหารบนโต๊ะคงจะน้อยใจแล้วที่เราสองคนไม่สนใจเลย เป็นอันว่าเราเลยตกลงว่าทานอาหารกันก่อน ก่อนที่มันจะเย็นชืดเสียหมด

“ที่จริงวันนี้ที่นัดมา เพราะผมมีเรื่องสำคัญ แต่อย่างที่บอกว่าผมเองยังไม่พร้อมในหลายๆ อย่างแต่ก็อยากจะขอ ขอให้แปงมาใช้ชีวิตด้วยกัน ที่นี่”ผมจ้องมองเค้าด้วยรอยยิ้ม แต่ยังไม่ตอบอะไรออกไป ที่จริงเรื่องการจะใช้ชีวิตด้วยกันนี่ ถ้าเค้าไม่พูดออกมาก่อน ผมก็อาจจะเป็นคนพูดก็ได้

“ถ้าแปงตกลง ผมจะพาพ่อกับแม่ไปคุย ขออนุญาตกับคุณพ่อคุณแม่ของแปง นะครับ”

“แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่”ที่จริงผมก็ไม่ได้ติดขัดอะไรนะครับ แต่คือถ้าเมื่อไหร่ที่เจ้ปอแต่งงานไปตอนนั้นผมอาจจะต้องกลับเข้าไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นถ้าผมจะชวนเค้าไปอยู่ที่บ้านด้วย เค้าจะโอเคหรือเปล่า

“ก็ผมเพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีเงินเก็บมากพอที่จะไปซื้อที่ดีๆ สำหรับอยู่ด้วยกัน แล้วที่นี่น้าปุ๊กก็ยกให้ผมแล้ว อีกอย่างที่นี่มันก็มีความทรงจำของเราสองคนด้วยไง ไว้ถ้าผมเก็บเงินได้พอแล้วเราค่อยย้ายไปอยู่ที่ดีๆ กว่านี้นะครับ”อย่างที่บอกว่าผมไม่ติดอะไรหรอกครับ ทั้งการจะย้ายออกมาอยู่กับเค้า หรือจะอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้อยากแกล้งเค้านิดหน่อย

“ถ้ายังไม่มีตังค์ก็หากู้มาก่อนสิ จะได้ไปอยู่ที่ดีกว่านี้”ผมแกล้งตีหน้านิ่งบอกออกไป แต่ดูว่าผมจะเล่นไม่ถูกกาลเทศะอีกแล้ว เค้ามองผมด้วยสายตาค่อนข้างผิดหวัง สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“แปงต้องการแบบนั้นเหรอ”เค้าบอกเสียงหม่น จนผมหมดสนุกที่จะเล่นต่อ

“เฮ้ย นี่เชื่อจริงๆ เหรอ แค่ล้อแล่นเฉยๆ ทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยกันเลยเดี๋ยวก็งอนเสียเลยนิ”

“ใจหายหมดเลย นี่นึกว่าต้องไปขอเงินพ่อแล้วนะเนี่ย โม้กับพ่อไว้ตั้งเยอะว่าจะสร้างทุกอย่างเอง ถ้ากลับไปขอนี่เสียหน้าแย่”สองพ่อลูกนี่อะไรกันครับเนี่ย ต่างคนต่างกลัวเสียหน้ากันหรือไงเนี่ย

“งั้นต่อไปถ้าลำบากเรื่องเงินก็บอกนะ”ผมบอกไปอย่างไม่ได้จริงจังนักเพราะคิดว่าขนาดพ่อเค้าจะให้ยังไม่รับ แล้วกับผมมีเหรอที่เค้าจะรับ

“อย่าเพิ่งปฏิเสธ แค่บอกเผื่อไว้ ถ้าวันไหนมันจำเป็นจริงๆ อีกอย่างไม่ได้จะให้ฟรีๆ สักหน่อย”ผมส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับเค้า

“พูดแบบนี้จะเป็นสายเปย์ แล้วให้ผมชดใช้ด้วยเรื่อนร่างหรือเปล่าน้า”นี่ก็รับมุกแถม จะเล่นใหญ่กว่าผมเสียอีกครับ

“ก็ไม่ขนาดนั้น แค่จะให้อยู่ดูแลไปตลอดชีวิตแค่นั้นแหละ”สายตาของเราประสานกัน ก่อนเค้าจะลุกไปหยิบบางอย่างออกมา

“ไหนบอกไม่ได้จะขอแต่งงาน”ผมแกล้งแซวอีกครั้งเมื่อเห็นเค้ายื่นกล่องกำมะหยี่มาให้ผม แต่มองจากขนาดก็รู้แล้วละครับว่ามันไม่ใช่แหวนหรอก

“พูดบ่อยๆ แบบนี้ผมต้องรีบเก็บเงินไปสู่ขอแล้วมั้งเนี่ย”ผมค่อยๆ เปิดกล่องเล็กๆ นั่นออกดู

“ชอบไหมครับ ผมทำมา 2 เรือนไว้ใส่เหมือนกัน”มันคือนาฬิกาครับ ดูจากราคาก็คงแพงเอาเรื่องอยู่ แถมด้านในมีสลัก P&P ที่เป็นชื่อย่อของเราทั้งคู่ด้วย เค้าเป็นคนแกะออกมาสวยให้ผมก่อน แล้วยื่นแขนมาให้ผมเป็นคนสวมให้เค้า

“มัดจำไว้ก่อนนะครับ ให้นาฬิกานี้เป็นสื่อว่าผมเป็นเจ้าของกันและกันแล้ว จากนี้ไปก็ห้ามไปทำตัวน่ารักกับใครเด็ดขาด ทำกับผมได้คนเดียว ใครมาจีบก็ต้องบอกไปด้วยว่ามีแฟนแล้ว แฟนหวงมากด้วย”

“ขอบคุณนะ ที่จริงแปงก็เตรียมของไว้ให้ตอนภู่กลับมาเหมือนกัน  แต่พอดีมันอยู่ที่บ้านแม่ ไว้ค่อยเอาแล้วกันเนอะ”ผมรีบบอกเพราะกลัวเค้าจะน้อยใจว่าเค้าเรียนจบกลับมาแล้วผมไม่มีอะไรให้เค้า

“ได้ครับ แล้วนี่ตกลงว่าแปงจะย้ายมาอยู่กับภู่ที่นี่ใช่ไหม”อ้าวนี่ผมยังไม่ได้ตอบเค้าใช่ไหมครับเนี่ย

“ก็ต้องมาอยู่แล้ว แต่ว่า…”ผมหยุดคิดเมื่อนึกถึงว่าหากวันนึงเจ้ปอแต่งงานออกไป ภู่มองผมอย่างรอฟังคำอธิบายต่อเมื่อเห็นว่าผมเว้นช่วงไปนาน

“คือถ้าวันนึง เจ้ปอแต่งงานไป แล้วน่าจะย้ายไปอยู่บ้านเฮียต๊าฟ ตอนนั้นอาจจะต้องย้ายกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ที่บ้าน ภู่สะดวกไปอยู่ด้วยกันไหม”เค้านิ่งคิด คงเพราะอาจยังไม่เคยได้คิดถึงเรื่องนี้

“แบบนี้ผมก็ต้องแต่งเข้าบ้านแปงสินะครับ”

“ไม่ได้พูดเรื่องแต่งเลยนะเนี่ย วนไปวนมาถ้าเก็บตังค์ช้านักจะเป็นฝ่ายไปขอเองเสียเลยดีไหม”ผมบอกกลับไปขำๆ

“ไม่เอาสิครับ ผมเป็นสามีผมต้องเป็นคนไปขอ แต่ว่าสงสัยคงต้องไปแอบกระซิบเจ้ปอ ว่าอย่าเพิ่งยอมเฮียต๊าฟ”ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องทำแบบนั้น

“ไม่ต้องงงครับ ก็ถ้าพี่ปอแต่งงานเร็ว ผมก็ยังเก็บตังค์ไม่พอไปขอแปงสิครับ”นี่ผมไม่น่าแซวเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเลยนะครับ ไปๆ มาๆ เลยเหมือนจะกลายเป็นกดดันเค้าไปเลย

“สรุปว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย แค่ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ก่อนก็พอแล้ว”ผมตัดบทเพราะไม่งั้นเดี๋ยวได้ตกลงอะไรกันยาวเหยียดอีกแน่

“งั้นวันนี้เราซ้อมเข้าหอกันไว้รอเลยแล้วกันนะครับ”นี่เมื่อผลจากเมื่อวานยังทำเอาผมเพลียๆ อยู่เลย นี่วันนี้ผมก็ยังจะไม่ได้พักเหรอเนี่ย แต่ไม่เป็นไรถือว่าชดเชยที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเสียนาน






TBC
—————————————————————————————

มาต่อให้อีกนิด ว่าเค้าตกลงปลงใจจะไปอยู่ด้วยกันแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ใครจะไปสู่ขอใครก็รีบหน่อยนะจ๊ะ
อยู่ด้วยกันช่วยกันเก็บเงินก็ได้จ้า

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 47
ความในใจที่ไม่เคยรู้



พาร์ทของภู่

—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�

“เหม่ออะไรของมึงเนี่ย”เสียงของเพื่อนมาพร้อมกับฝ่ามือที่เบิดกะโหลกผมเบาๆ ถ้าเป็นปกติผมคงตบหัวมันสวนไปแล้ว แต่ครั้งนี้ผมกลับนิ่ง นิ่งเสียจนเพื่อนของผมเองก็ต้องหยุดมอง

“เป็นไรป่ะวะ”น้ำเสียงที่ถามประโยคต่อมาของไอ้ยิวแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนลง

“เปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อย”ผมบอกปัดเพราะอยากจะตัดบทสนทนาจบเพียงเท่านั้น แม้ในใจจะอยากเปิดใจคุยกับเพื่อนสนิท 2 คนนี้แต่ผมก็ยังสับสนเกินไปที่จะเข้าใจตัวเองว่านี่ผมเองเป็นอะไรกันแน่

“นิดหน่อยนี่เกี่ยวกับพี่แปงด้วยหรือเปล่า”ผมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลังจากคำพูดของไอ้ยิว  พยายามประเมินพวกมันว่านี่มันสองคนกำลังคิดอะไรอยู่ แม้สิ่งที่พวกมันคาดเดาจะถูก แต่ในใจผมกลับรู้สึกว่าควรปฏิเสธและโกหกพวกมันออกไป

“ไม่ใช่สักหน่อย”ผมปฏิเสธอย่างใจคิด แต่มันคงเป็นการโกหกที่ไม่เนียนที่สุดในโลกก็ว่าได้ มันเลยไม่แปลกเท่าไหร่ที่เพื่อนสนิททั้งสองของผม ต่างส่ายหน้าหน่ายๆ อย่างไม่เชื่อในคำพูดของผม

“มึงคิดว่าพวกกูโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ”ไอ้สอถามกลับมาด้วยท่าทีสบายๆ แต่เหมือนกำลังเย้ยผมอยู่ในทีว่าผมโกหกมันไม่ได้หรอก อันที่จริงผมก็ไม่ได้อยากจะโกหกเพื่อนนะครับ แต่ผมแค่กำลังสับสนกับความรู้สึกตัวเอง ก็เมื่อวานผมดันเผลอไปจูบกับ “ลุง” ข้างบ้านมานี่สิ ไม่ต้องแปลกใจกับสรรพนามหรอกครับ ลุงนั่นแหละถูกแล้ว

แม้ลุงแกจะดูอินโนเซนต์ อายุก็ยังไม่จัดว่าแก่ แต่ทีแรกผมอยากแกล้งเรียกแหย่เล่นนิดหน่อย แต่ไปๆ มาๆ เรียกแล้วมันก็ติดปาก แถมหลังๆ มานี่เราสองคนก็ดูสนิทกันมากแล้ว มากจนบางทีผมก็แปลกใจว่าทำไมเวลาเลือกเรียนผมต้องรีบกลับบ้านไปทำกับข้าวให้ลุงนั่นทานด้วย

จนมาถึงเมื่อวาน วันเกิดของผมแทนที่ผมจะไปเมากับเพื่อนตัวเอง ผมดันเลือกที่จะซื้อเค้กไปรอฉลองกับลุงนั่น แต่ลุงก็ทำเอาผมรอเก้อ ดื่มเบียร์รอจนเผลอหลับไป ผมอาจจะเริ่มเคยชินกับการมีอีกคนที่ทานข้าวด้วยกันทุกเย็น มันเลยเหมือนเป็นวันแรกที่ผมดันรู้สึกเหงา แล้วยิ่งในวันเกิดของผมเอง มันเลยยิ่งย้ำว่ามันไม่มีใครให้ความสำคัญกับผมเลย

“ลุงงงง”ผมเผลอยิ้มกว้างอย่างลืมตัวเมื่อรู้ว่าเค้ากลับมา และอาจเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกแปลกๆ กับคนตรงหน้า ผมลุกพรวดขึ้นไปกอดเค้าโดยไม่ได้มีต้นสายปลายเหตุอะไรเลย เค้าถามผมถึงวันเกิดคงเพราะเห็นเค้กที่ผมเตรียมมาแล้ว แค่เห็นสีหน้า แววตาที่รู้สึกผิดของเค้า นั่นกลับทำให้ผมดีใจว่ายังทีเค้าอีกคนที่สนใจผมอยู่บ้าง เพราะนี่คนอื่นๆ ในครอบครัวผมคงลืมกันหมดว่าวันนี้วันเกิดผม

“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”เอาแล้วไงละ ผมจะน้ำตาไหลทำไมละเนี่ยก็เสียฟอร์มกันพอดี หมดกันลุคเท่ห์ๆ ของผม ว่าแต่ผมจะมาอยากเท่ห์ให้ลุงเค้าเห็นทำไมละเนี่ย

“ก็ลุงมาช้า ผมกลัวลุงไม่มา”ผมทรุดตัวลงซุกหน้ากับพุงของลุง เริ่มรู้สึกว่านี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ นี่ผมอ้อนคนตรงหน้านี้อย่างนั้นเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันละเนี่ย ทำไมผมต้องมาอ้อนผู้ชายด้วยกันแบบนี้

“เดี๋ยวนี่มันบ้านพี่ไหม ทำไมพี่จะไม่กลับมานี่”เจ้าของน้ำเสียงคงกำลังขำกับคำพูดของผมอยู่แน่ๆ แต่ผมจะตีมึนว่าตัวเองเมาแล้วกันครับ คนเมาทำอะไรก็ไม่ผิดหรอก

“ไม่รู้ แต่ลุงมาช้าลุงผิดสัญญา”ผมบอกอย่างเอาแต่ใจ และยังไม่ยอมปล่อยมือที่กอดเอวนั้นไว้

“หยุดร้องได้แล้ว มาเป่าเค้กกันดีกว่า”แรงผลักเบาๆ ทำให้ผมต้องยอมคลายอ้อมกอดออกก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองอีกคน

“ใครร้องไห้ ไม่มีสักหน่อย”ผมปฏิเสธทั้งที่หลักฐานยังคงอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มรู้ทันฉายชัดขึ้นจากอีกคน แล้วยังนิ้วเรียวที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ผมนั่นอีก นี่มันวันซวยอะไรของผมเนี่ย เสียฟอร์มสุดๆ เลยไม่เหลือแล้วภาพความเท่ห์ของผม ผมรีบถอยตัวออกแก้เขินด้วยการหยิบเค้กวันเกิดตัวเอง มาสั่งให้อีกคนร้องอวยพรวันเกิดให้ผม   

“อวยพรผมก่อนดิลุง”หลังจากเป่าเทียนเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบคว้าข้อมือของอีกคนเอาไว้

“ก็ขอให้ภู่สุขภาพร่างกายแข็งแรง คิดหวังอะไรให้สมปรารถนา ทำอะไรก็สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้”เป็นคำอวยพรที่ดูเชยมาก แต่มันกลับทำเอาผมหุบยิ้มไม่ลง แถมดูอีกคนจะสังเกตุเห็นแล้วว่าผมมองเค้าอยู่ และสายตาผมมันคงไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่

“กับข้าวน่ากินทุกอย่างเลย ไหนขอชิมหน่อยสิ”ผมรีบไปเปิดไฟก่อนจะกลับมาสนใจอาหารบนโต๊ะ เค้ามองมาที่ผมไม่รู้ว่าตาบวมเพราะร้องไห้ หรือตาเยิ้มเพราะเมากันแน่ แต่สายตานั้นก็ทำให้ผมหัวใจเต้นขึ้นมาอีกแล้ว เราทั้งคู่เหมือนจะเกร็งๆ กันสักพักก่อนจะทานอาหารที่ผมทำไว้ แม้มันจะเย็นชืดหมดแล้ว ผมกลับรู้สึกว่ารสชาติมันอร่อย นี่สินะที่เค้าว่ากันว่าทานข้าวมันจะอร่อยหรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับว่าทานกับใคร

“กินยังไงเนี่ยลุง เค้กติดปากเลอะหมดแล้ว”ผมทักท้วงคนที่กำลังกินเค้ก แต่การกระทำของอีกคนกลับทำเอาผมเกิดความรู้สึกแปลกๆ เค้าแลบลิ้นเลียริมฝีกปากตัวเอง มันช่างเป็นภาพที่ดึงดูดผม จนต้องขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วใช้นิ้วเช็ดที่ริมฝีปากนั้น “หวาน” คือสิ่งที่ผมรับรู้ได้หลังชิมนิ้วตัวเองที่เช็ดมาจาดปากของอีกคน

ให้ตายสิทำไมผมรู้สึกอยากจูบปากบางๆ นั่น อยากรู้ว่ารสชาติมันจะหวานแค่ไหน ผมช้อนตาขึ้นมองอีกคนที่เหมือนจะสะดุ้งเล็กน้อยที่ผมดันเงยหน้ามาเห็นว่าเค้ามองผมอยู่ ผมนึกสนุกอยากแกล้งคนแก่ เลยขยับเข้าใกล้เค้าไปเรื่อยๆ กะว่าอยากเห็นหน้าตื่นๆ ของอีกคน

“วันนี้ลุงมาช้า ลุงต้องถูกลงโทษ”

จากที่ทีแรกกะว่าจะแกล้งแหย่เล่นๆ แต่กลับเป็นผมเองที่หยุดตัวเองไม่อยู่จู่โจมเค้าไปอย่างกะทันหัน แขนผมรีบโอบหลังอีกคนไว้เมื่อเห็นว่าเค้ากำลังจะขยับถอยหนี แม้เค้าจะยังคงปิดปากแน่นแต่มันก็ยังมีสัมผัสนุ่มนิ่มจนผมยังอยากได้มากกว่านั้น

“อือ”

จังหวะที่ผมยอมขยับริมฝีปากนิดหน่อยให้อีกคนได้มีโอกาสหายใจ ซึ่งดูเหมือนอีกคนกำลังจะอ้าปากถาม และนั่นทำให้ผมรีบสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างย่ามใจ “หวาน” มันเป็นรสจูบที่หวานไม่ได้ต่างจากเค้กที่ผมเพิ่งได้ชิมเลย แม้อีกคนจะดูไม่ประสีประสา แถมออกจะตกใจประหม่าจนผมรู้สึกได้ แต่ทั้งหมดนั่นกลับสร้างความพอใจให้ผมอย่างมาก มากเสียจนผมลืมตัวว่ากำลังจูบกับผู้ชายด้วยกัน

“แฮ่กๆ”เสียงหอบหายใจของอีกคนเมื่อผมได้สติ และยอมถอนริมฝีปากของจากเค้า
 
“เมื่อกี้มันอะไร”เสียงเอ่ยถามแผ่วเบา เบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ แถมเจ้าของเสียงยังก้มหน้ามองพื้นไปเรียบร้อย ส่วนผมนะเหรอครับ ตอนนี้ก็กำลังงงกับตัวเองอยู่เหมือนกันนั่นแหละครับว่าทำอะไรลงไป เราต่างเงียบกันไปทั้งคู่ จนบรรยากาศมันชวนอึดอัดใช้ได้เลยแหละครับ งานนี้เดดแอร์จนแทบได้ยินเสียงแมลงวี่บินกันเลยทีเดียว

“ผมคง...เมาแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่านะครับ”ผมตัดสินใจเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ชวนอึดอัดนี่ ขอกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน โดยทำเป็นไม่สนใจว่าอีกคนก็คงกำลังทั้งงง ทั้งไม่เข้าใจการกระทำของผม

“โธ่โว้ย มันอะไรกันวะเนี่ย”ผมตีอกชกลมกับตัวเองทันทีที่กลับมาถึงบ้านของตัวเองที่อยู่ข้างๆ กัน ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรกับผม ผมไม่ได้เมาขนาดนั้น เรียกว่ายังมีสติเกิน 75% เลยแหละครับ แล้วนี่ลุงจะคิดอะไรมากหรือเปล่าละเนี่ย ทั้งที่ผมเองก็ทราบอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายชอบผู้ชายด้วยกัน และความสำพันธ์ของเรามันก็แค่พี่น้องข้างบ้าน ผมไม่ควรทำอะไรแบบนั้นลงไปเลย

ผมนอนคิดทั้งคืน ว่าตกลงที่ผมทำลงไปนั่นมันเพราะอะไร แถมด้วยความกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของอีกคนจะเป็นยังไงบ้าง ทีแรกก็คิดไปต่างๆ นานาว่าจะคุยให้รู้เรื่อง คิดไม่ตกจนผมนอนไม่หลับ พอเช้าเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวมาทำกับข้าวรออีกฝ่ายที่บ้านกะว่าพอตอนทานข้าวจะได้คุยกันให้เคลียร์

แต่ผมรอแล้วรอเล่าตามเวลาปกติ อีกคนก็ไม่ออกมาเสียที จะให้ผมถือวิสาสะปลุกเหมือนทุกทีก็ไม่รู้อีกฝ่ายจะโอเคกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหม หรืออีกฝ่ายอาจจะยังไม่พร้อมเจอผม ความตั้งใจแรกที่จะเปิดอกคุยกันเลยถูกพับเก็บ แต่สุดท้ายพอผมทานข้าวกำลังจะเสร็จลุงแมร่งก็ออกมาพอดี ทำเอาผมชะงักไปเหมือนกัน จนทำตัวไม่ถูก แต่อีกคนดันทำตัวเหมือนปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกทีเวลาผมแหย่ ผมแกล้งมีแต่ลุงที่เขิน ที่ทำตัวไม่ถูกนี่นา แล้วพอมาจูบกันจริงๆ แบบนี้ทำไมลุงแมร่งดูไม่เป็นไรเลย นี่มีแต่ผมหรือเปล่าที่คิดมากเนี่ย เลยกลายเป็นว่าผมรู้สึกเฟลๆ นิดหน่อย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจะต้องรู้สึกไม่ดีที่เห็นอีกฝ่ายเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร








“ไม่รับละมึง”เสียงของไอ้สอเรียกสติให้ผมหยุดคิดเรื่องของอีกคน แต่สิ่งที่ผมได้รับรู้คือสายเรียกเข้าจากอีกคน เห็นไหมละครับว่าเค้ายังทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เราจูบกันแล้ว แล้วทำไมผมต้องมาคิดมากกับอะไรพวกนี้กันละวะครับ จูบแรกหรือก็ไม่ใช่ หรือผมจะเสียเซลฟ์ที่คนประสบการณ์มากกว่าอย่างผมกลับไม่ทำให้ลุงอินโนเซนส์นั่นรู้สึกอะไรเลย







“หยุดก่อน”การเล่าเรื่องในอดีตของผมถูกขัดด้วยเสียงของคนในอ้อมกอด ผม ใช่แล้วละครับตอนนี้คือคืนวันศุกร์สุดสัปดาห์ เราสองคนก็เพิ่งผ่านกิจกรรมบนเตียงกันมา 1 ยก สุดที่รักของผมก็มีข้อเสนอแลกเปลี่ยนให้ผมเล่าความรู้สึกในอดีตให้ฟัง 1 เรื่องแลกกับการยอมให้ผมกดเพิ่มอีก 1 ยก


“ไม่ฟังแล้วงั้นเรามาต่อกันเลยนะครับที่รัก”ผมตีมึนไม่สนใจว่าที่จริงอีกฝ่ายต้องการจะถามอะไรกันแน่ แต่เลือกที่จะพลิกตัวขึ้นคร่อมเค้าแทน

“นี่เมื่อก่อนภู่เรียกพี่ว่าลุงอินโนเซนส์เหรอ”

“อะๆ ไหนตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่แทนตัวเองว่าพี่”

“ก็มันยังติดปากนี่นา ว่าแต่สรุปคือตอนนั้นเมินพี่เพราะคิดว่าพี่ไม่รู้สึกอะไรเนี่ยนะ”ถึงจะไม่ค่อยชอบให้เค้าแทนตัวเองว่าพี่ เพราะมันจะทำให้ผมดูไม่เป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ก็นั่นแหละครับ ผมมันคนรักแฟน ไม่อยากบังคับแฟนมาก

“แล้วที่จริงวันนั้นพี่แปงรู้สึกยังไงละคร๊าบบบ”ผมแกล้งทำเสียงอ้อนๆ ก่อนจะซุกหน้าลงที่ซอกคอของเค้า

“ก็ทั้งงง ทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าภู่มาจูบทำไม แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ไง เลยพยายามทำตัวให้ปกติ”อีกแล้ว ได้ทีเอาใหญ่เลยนะครับแฟน ไอ้เรื่องความเป็นผู้ใหญ่เนี่ย

“คร๊าบลุง แต่สุดท้ายลุงก็เสร็จผมอยู่ดี มาเสร็จอีกสักรอบแล้วกันเนอะ”ผมหัวเราะอย่างคนเหนือกว่า พร้อมมือที่ไม่อยู่สุขของตัวเองที่เริ่มแปะป่ายเกาะแกะกับร่างเนียนของคนด้านล่างอีกครั้ง

“เดี๋ยวๆ ยังเล่าไม่จบเลย อย่าเพิ่งดิ”

“เดี๋ยวได้ฟังแน่ครับ แต่ตอนนี้ต้องช่วยภู่น้อยให้สงบลงก่อน ไม่งั้นมันเล่าไม่สะดวก”



TBC


—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�—�

หายนานมากกกกกกกกก

พอดีช่วงนี้ภารกิจเยอะเหลือเกิน

แต่เอาจริงๆ คู่นี้ก็ใกล้จบเต็มที ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก

แค่เอามาลงให้พอหายคิดถึงกันสั้นๆ ยังไงจะรีบจบ

เรื่องนี้ให้เร็วที่สุดละคร๊าบบ จะได้เคลียร์ที่ค้างๆ อยู่
แหะๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ ^^

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เปิดใจคุยกัน ก็เป็นการเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างหนึ่งสินะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด