บทส่งท้าย
“รักผมมั้ย”
สามปีต่อมา
“งานจะเริ่มในอีกสิบห้านาทีนี้แล้วนะ ทำไมแทงค์ยังไม่มาอีก”
“มันมาทันแน่นอนพี่ ไม่ต้องห่วง”
“แต่นี่มันจะสายแล้วนะ ไม่ให้กังวลได้ยังไงล่ะ”
“มานั่นแล้วพี่” ฮัทชี้มือบอกผู้จัดการวง ทุกคนหันไปมองพร้อมกันแล้วก็พบเข้ากับร่างสูงโปร่งของหนุ่มหล่อหน้าใสที่เดินตรงมายังพวกเขา
“แทงค์! นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” ผู้จัดการวงของพวกเขาเอ่ยอย่างยินดี คนมาใหม่หัวเราะเบา ๆ พลางลูบหลังลูบไหล่ปลอบหนุ่มวัยทำงานที่เครียดจนเกินจำเป็น
“ผมมาทันอยู่แล้วน่า พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมไม่เคยสาย”
“ว่าแต่มึงไปไหนมาวะแทงค์ ทำไมมาช้า” คลาร์กเอ่ยถามเพื่อน
คนโดนถามระบายยิ้ม “ไปรับลุงกับป้าแล้วก็ไอ้ทอชที่ขนส่งอ่ะ พอดีรถยนต์ที่บ้านเสีย เลยต้องนั่งบขส. มา”
“อ๋อ เออ ๆ ดีเหมือนกัน กูอยากเจอลุงมึงพอดี” เนสว่าตาเป็นประกาย แทงค์เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าทำไมถึงอยากเจอลุงของเขา แต่คนที่ตอบไขความกระจ่างให้กลับเป็นคลาร์ก
หนุ่มฝรั่งส่ายหน้า ยกมือโยกหัวแฟนแล้วว่า “จะมีอะไรนอกจากอยากไปก๊งเหล้ากับลุงมึง”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พวกเขาพากันหัวเราะครืน เออเนอะ ไอ้พวกนี้มันชอบแดกเหล้าเมาท์เรื่องมัน ๆ กับลุงของเขานี่นะ เวลาครอบครัวของลุงลงมาหาเขาทีไรก็ต้องได้ตั้งวงกันที่บ้านตลอด
“เหลือยี่สิบนาที พี่ว่าพวกนายไปเช็คความเรียบร้อยที่ห้องแต่งตัวก่อนไป เดี๋ยวใกล้เวลาจะให้สตาฟฟ์ไปตามมาแสตนด์บายที่ข้างเวที”
พวกเขาทั้งสี่คนพยักหน้ารับ เดินเลี้ยวไปทางห้องแต่งตัวของวงก่อนจะก้าวเข้าไปทักทายพี่ ๆ สไตล์ลิสต์และช่างแต่งหน้าทำผม ทันทีที่เท้าก้าวเข้าประตูไปแต่ละคนก็โดนจับไปเติมแป้งเซ็ตผมแบบเร่งด่วนทันที
หลังจากเรียนจบ แทงค์และเพื่อน ๆ ก็ได้เป็นนักร้องในค่ายเพลงชื่อดังที่พวกเขาเป็นเด็กเทรนตั้งแต่ตอนยังเรียนนั่นล่ะ หลังจบการศึกษาก็เริ่มวางแผนปล่อยเพลงและแผนเปิดตัวอยู่ครึ่งปี ก่อนจะเดบิวต์ด้วยซิงเกิ้ลแรกและอัลบั้มเปิดตัว กับชื่อวงที่ใช้มาตลอดตั้งแต่เริ่มฟอร์มวงตอนเรียนปีหนึ่ง
‘วงเหล้า’
...นั่นล่ะคือชื่อวงของพวกเขา
มาวันนี้ หลังจากเดบิวต์ได้สองเดือน บริษัทก็ได้ตอบรับโปรเจ็คพิเศษที่จะทำร่วมกับโมเดลลิ่งนายแบบแห่งหนึ่ง ทางนั้นติดต่อมาว่านายแบบหนุ่มระดับโลกที่มีเชื้อสายไทยแท้ ๆ อยากจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิด และอยากลองเปลี่ยนงานแนวใหม่ดูบ้าง จึงกลายมาเป็นคอนเซ็ปงานถ่ายแบบผสมทำเอ็มวีกับวงดนตรีป็อปร็อคของไทย...ได้ข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ มีหรือที่ทางค่ายจะปล่อยให้งานนี้หลุดมือไป
ประธานค่ายเลือกวงเหล้าของพวกเขาเป็นผู้ร่วมงานของทางฝั่งนั้น เพราะอยากจะดันให้วงน้องใหม่นี้เป็นกระแสมากขึ้น และทางโมเดลลิ่งก็ไม่ได้ขัด กลับบอกว่าตัวนายแบบหนุ่มถูกใจมากเสียด้วยซ้ำ จึงดีลงานกันได้อย่างง่ายดาย
หนึ่งเดือนของการเตรียมงานและการเข้าประชุมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งไม่เคยมีใครได้เจอนายแบบคนนั้นเลย ทางโมเดลลิ่งอ้างว่าเจ้าตัวต้องการเวลาพักผ่อนก่อนกลับมาทำงานจริง และขอไม่เข้าร่วมการประชุมในทุกกรณี
ฟังดูแปลกอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครคิดต่อว่าอะไรเพราะเชื่อว่าคนที่เคยเป็นนายแบบดังระดับโลกย่อมมีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะไม่ทำให้งานพัง ดังนั้น...ทุกคนจึงจะได้เจอกับนายแบบหนุ่มในวันแถลงข่าวพร้อมกันกับสื่อมวลชน
สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างก็คือการที่ตลอดหนึ่งเดือนทางโมเดลลิ่งไม่เคยเอาภาพนายแบบคนนั้นมาให้ผู้ร่วมงานดูเลยสักครั้งเดียวเช่นกัน ด้วยคำขอจากตัวนายแบบปริศนาคนนั้นอีกนั่นล่ะ เจ้าตัวบอกว่าอยากให้เซอร์ไพรส์พร้อมกันในวันแถลงข่าว แต่จำเป็นต้องเซอร์ไพรส์พวกเขาด้วยไหมเนี่ย เหอ ๆ
สิ่งที่พวกเขารู้มีเพียงชื่อในวงการของอีกฝ่าย นายแบบหนุ่มคนนี้มีชื่อเรียกว่า ‘PAIN’ และผลงานของเขาก็มีแค่งานถ่ายแบบที่ไม่เห็นใบหน้าตรง ๆ เลยสักภาพ ส่วนใหญ่จะเห็นแค่เสี้ยวหน้า หรือต่อให้มองกล้องอยู่ก็จะมีพร็อพใช้บดบังใบหน้าอยู่ดี ราวกับอีกฝ่ายไม่อยากให้ใครได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง ไม่เคยออกให้สัมภาษณ์กับสื่อไหนเป็นพิเศษ ทำก็แต่ถ่ายนิตยสารเท่านั้น...ซึ่งการปิดบังของเขากลับทำให้เขาดังมากอย่างไม่น่าเชื่อได้ยังไงก็ไม่รู้
เข้าทำนองความลึกลับคือเสน่ห์ล่ะมั้ง
แม้จะมีเรื่องแสนประหลาดสารพัดเรื่อง หากแต่สุดท้ายงานนี้ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้…งานแถลงข่าวเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ของการร่วมงานกันครั้งแรก ระหว่างนักร้องวงน้องใหม่ที่ได้รับความนิยมหลังจากเปิดตัวได้เพียงหนึ่งเดือน กับนายแบบฝรั่งเศสเชื้อสายไทยแท้แสนลึกลับที่ไปโด่งดังยังต่างแดน
“อีกห้านาทีเริ่มงานแถลงข่าว วงเหล้าแสตนด์บายหลังเวทีครับ!”
แทงค์เดินรั้งท้ายออกจากห้องแต่งตัว พวกเขาทั้งสี่มารวมตัวเช็กความเรียบร้อยอีกครั้งที่ด้านหลังเวที ขณะที่ด้านบนเวทีพิธีกรของงานครั้งนี้กำลังเกริ่นนำเข้าสู่จุดประสงค์หลักของงานแล้ว
“ทำไมไม่เห็นเจอนายแบบคนนั้นสักทีวะ?” คลาร์กเอ่ยถาม ชะเง้อหน้ามองหาคนที่เข้าข่ายนายแบบหนุ่มในตำนาน(?)แต่ก็ไม่เห็นคนที่เข้าเค้าเลยสักคน
“PAIN คงรออยู่ตรงไหนสักทีล่ะมั้ง” ฮัทตอบอย่างไม่ใส่นัก
“ไม่ใช่เทเราทิ้งนะเว้ย เตรียมงานเป็นเดือน ถ้าเทกันกูจะไปตั๊นหน้าให้” ปิดท้ายด้วยเนสที่เอ่ยอย่างเข่นเขี้ยว
“ขอเชิญพบกับ...วงเหล้าครับผม!!”
“กรี๊ดดดด!!!”
เสียงแฟนคลับของพวกเขาที่มาร่วมงานแถลงข่าวดังขึ้น แทงค์เดินตามหลังเพื่อนทั้งสามจนมายืนเรียงหน้ากระดานอยู่กลางเวที...ชายหนุ่มโบกมือทักทายกล้องของสื่อมวลชนและแฟนคลับที่มาให้กำลังใจกัน
“และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ต่อไปขอเชิญพบกับนายแบบหนุ่มผู้เป็นปริศนาของเราเลยดีกว่านะครับ บอกไว้ก่อนว่าคนนี้เป็นหนุ่มไทยแท้ ๆ ที่ไปโด่งดังถึงประเทศฝรั่งเศส ส่วนที่บอกว่าเป็นปริศนา เพราะเขาเป็นนายแบบที่ไม่เคยเปิดเผยหน้าตาของตัวเองเลยสักครั้งไม่ว่าจะถ่ายนิตยสารเล่มไหน ไม่ออกสื่อให้สัมภาษณ์ด้วยนะครับ แหม่ ลึกลับจริง ๆ” พิธีกรหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงติดจะตื่นเต้นอย่างจริงใจ งานนี้เซอร์ไพรส์ทุกคนจริง ๆ นะ เพราะนอกจากโมเดลลิ่งของ PAIN ก็ไม่มีใครเคยเห็นเขาคนนี้มาก่อน ไม่เว้นแม้แต่พิธีกรของงาน “ขอเชิญพบกับคุณ PAIN! หรือคุณภูตลาได้เลยครับ!!!”
“!!!”
ชื่อของคนที่ติดอยู่ในความทรงจำมาตลอดสามปีดังกระทบโสตประสาทของแทงค์ พร้อมกับร่างสูงสง่าที่ก้าวเข้ามาจากทางหน้างาน ผ่านแฟนคลับที่กำลังมองด้วยความอึ้งตะลึง ผ่านนักข่าวที่รัวชัตเตอร์จนแสงแฟลชสาดกระจาย ก่อนชายหนุ่มผู้เป็นนายแบบดังจากฝรั่งเศสคนดังกล่าวจะก้าวขึ้นมาบนเวที
...หากแต่นัยน์ตาสีรัตติกาลคู่นั้นกลับไม่ได้มองใครอื่น แต่กำลังมองมาที่แทงค์
เด็กหนุ่มที่ตอนนี้ต้องเรียกว่าชายหนุ่มเต็มตัวรู้สึกชาไปหมดทั้งร่าง หัวสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเพื่อน ๆ กำลังพูดอะไรกับเขาอยู่บ้าง รู้ตัวอีกทีพวกมันก็ดึงเขาให้เดินออกไปยืนเผชิญหน้ากับร่างสูงใหญ่ของนายแบบหนุ่มแล้ว
ดวงตาสีนิลสวยมองสบนัยน์ตาคู่คมสีรัตติกาล ตะลึงงันจนร่างทั้งร่างแข็งทื่อไปหมด
เสียงรองเท้าราคาแพงกระทบพื้นเป็นจังหวะ แล้วในที่สุดผู้เป็นเจ้าของมันก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าแทงค์ เรียวปากบนใบหน้าแสนหล่อเหลาที่ยังคงคมคร้ามไปด้วยหนวดเคราบาง ๆ ยกยิ้มอ่อนหวานมาให้
รอบด้านเงียบเสียงลง แม้แต่นักข่าวก็หยุดมือที่กำลังลั่นชัตเตอร์ราวกับโดนสั่งให้หยุดถ่ายพร้อมกัน...แทงค์เบิกตากว้างมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น และได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ ในใจว่าเขากำลังฝันไปหรือเปล่า
หากแต่ความอบอุ่นของฝ่ามือใหญ่ที่แนบลงบนแก้มซ้ายคือคำตอบว่าเขาไม่ได้ฝัน น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกลมหายใจตลอดสามปีเอื้อนเอ่ยคำพูดที่เขาทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับ เพราะก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่คอจนไม่อาจอ้าปากตอบอะไรออกไปได้
ดวงตาของเขาร้อนผ่าว ก่อนกลั่นเป็นหยดน้ำใสคลอหน่วยดวงตาจนบดบังภาพเบื้องหน้าให้พร่าเลือน
“จำวันนั้นได้ไหม ที่นายถามฉันว่ารักนายหรือเปล่า แต่ฉันตอบไปแค่คำว่า ‘อืม’ เท่านั้น”
แทงค์พยักหน้ารับหลายทีแบบที่คนถามต้องหัวเราะออกมากับท่าทางของเขา ยิ่งเมื่อดวงตาเรียวเริ่มแดงและพร้อมที่จะปล่อยหยาดน้ำตาลงมาได้ทุกเมื่อ ใบหน้านี้ก็ยิ่งน่ารักขึ้นไปอีกในสายตาของนายแบบหนุ่ม
“วันนี้ฉันจะมาตอบคำถามนั้นใหม่”
“...” ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีเม้มปากเข้าหากันแน่น
“ถามฉันอีกครั้งสิแทงค์”
แทงค์ปล่อยให้น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากดวงตา เอียงหน้าซบแก้มกับมือหนาที่กำลังลูบปลายนิ้วเช็ดน้ำตาของเขาอย่างแผ่วเบา เสียงนุ่มสั่นเครือยามเอ่ยถามตามที่อีกฝ่ายเรียกร้อง...คำถามที่เขาเคยถามเมื่อครั้งที่จากกัน
“รักผมมั้ย”
...และคำตอบก็มาพร้อมกับจุมพิตหวานซึ่งประทับลงบนริมฝีปาก
“ฉันรักนาย”
[THE END]
__________
จบแล้วค่ะ ฮาเลลูย่า! ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้ว และดีใจด้วยนะคะกับคนที่เดาถูก 555 ท่านเจ้าที่หายไป 3 ปีค่ะ หายไปเป็นนายแบบชื่อดังถึงฝรั่งเศษแหน่ะ เป็นไงล่ะ หรูหราไฮโซไหม มีชื่อในวงการว่า Pain ที่แปลว่าความเจ็บปวดค่ะ เพราะการจากลากับคนที่รัก สำหรับเขาคือความเจ็บปวด
ไม่มีอะไรจะทอล์คแล้ว ดังนั้นจึงขอใช้พื้นที่ในส่วนท้ายนี้เพื่อขอบคุณค่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนจบ ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ที่เป็นดั่งกำลังใจสำคัญของเรา ขอบคุณที่ให้ความสนใจและเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ และขอบคุณที่ยอมบาปไปด้วยกันกับเราค่ะ 55555 แค่ได้เห็นว่ามีคนอ่าน เราก็สุขใจมากที่สุดแล้วค่ะ
การเขียนนิยายเรื่องหนึ่งให้จบเป็นเรื่องยาก แต่การได้รับความสนใจจากนักอ่านมากมายนั้นยากกว่า เพราะฉะนั้นจึงต้องขอบคุณนักอ่านจริงๆ ที่ทำให้นักอยากจะเขียนคนนี้ได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์เรื่องราวร้อยเข้าด้วยกันเป็นนิยายเรื่องนี้จนจบบริบูรณ์ และหวังว่าจะยังได้รับโอกาสในการรังสรรค์นิยายเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ รักทุกคนมากๆๆๆๆ เลยค่ะ
สำหรับตอนพิเศษจะมีลงเว็บทั้งหมดสามตอนอย่างที่เคยบอกไปในทอล์คพิเศษ อดใจรอกันหน่อยนะคะ แล้วพบกันไม่ช้าก็เร็วนี้ค่ะ 555 หลังจากนี้จะเริ่มอัพนิยายเรื่องใหม่ ซึ่งก็คือเรื่อง Worthless ของตาย หากใครสนใจอย่าลืมไปติดตามกันด้วยนะคะ