◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 316410 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ pan27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แงงงง รักเรื่องนี้ รักความใสซื่อของน้องลุง
แม้บางครั้งคนเขียนจะหายไปนาน แต่คนอ่านก็ยังเฝ้ารอเสมอค่า  :L1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โป้ยโดนพี่ปูนเล่นแล้ว :laugh: รอตอนโป้ยเอาคืน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขี้ยั่วมากพี่กร
แต่โป้ยจะแก้เผ็ดพี่ปูนยังไง
พัทลุงระวังตัวไว้ 5555555555555

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
อู้!!!! สองตอนติดๆ
เอาเรื่องคุณปุริมก่อน คือเข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้ดูต่อต้านครอบครัว เพราะว่าไม่เคยได้สิ่งนี้จากคนในครอบครัว กลายเป็นคนอื่นในบ้านของตัวเอง
เจ็บปวดอ่ะ โชคดีที่ได้เจอคุณลุงเนอะ
...
มาเรื่องคุณโป้ยกันบ้าง
ปรบมือรัวๆ กับความกล้าที่จะบอก สมกับเป็นท่านโป้ย และอากงอีก เฉียบมาก
ยินดีที่กลับมา...เราพร้อมรอ...

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 607
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
กลับมาแล้ววว 2ตอนจุใจเลยค่าา
สงสารพี่ปูน ทำใจรับไม่ได้กับพ่อแม่แบบนี้ ไม่ได้รักกัน โดนบังคับแต่งเพราะธุระกิจ แล้วดันมีความสัมพันธ์กันทำไม ถ้าจะมีทำไมไม่ป้องกัน! เด็กคนนึงต้องตายทั้งเป็น อยู่อย่างทนทุกข์ทรมานทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเขา พวกคุณมันอิพวกเห็นแก่ตัว ทำกับได้แม้กระทั่งเด็กบริสุทธิ์คนนึงที่เป็นสายเลือดตัวเองแท้ๆ ยังเลือดเย็นทำได้ลงคอ จมอยู่กับผิดบาปไปจนตายนั้นแหล่ะสมควรแล้ว!!  :angry2:

ลุงน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด เห็นเด๋อๆแบบนี้แต่เป็นแสงสว่าง ที่อบอุ่นของพี่ปูน รักกกกกกก

ขำโป้ย ทำไปทำมา หึงงุ่นง่านเป็นหมีเลย  :hao7:

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ต้องย้อนอ่านยาวๆเลย

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

รักลุง

 :mew1:

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อู๊ยยย คิดถึงเรื่องนี้จัง :กอด1:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เตรียมสงสารพี่ปูนล่วงหน้าเลย โดนโป้ยเอาคืนอย่างสาสมแน่นอน

ออฟไลน์ Philosophy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สะใจ โป๊ยโดนพี่ปูนเอาคืนซะบ้าง เสียอาการเลย :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ทรมานตอนต้นแสนหวานตอนปลายจริง ก็ท่าจะอ้อนขอโทษแบบนี้ ถูกใจโป้ยเขาล่ะ 555555 แต่แบบพี่ปูนร้ายยย เรื่องนี้มียาว คู่ปรับกันตลอดกาลสินะ ลุงกับพี่กรนั่งมองกรอกตาเป็นเลขแปดแล้ว 5555 //พี่กรก็อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ ส่วนโป้ยนั้นเปิดไปแล้วกับครอบครัว ก็รอแต่พาไปดูตัว อร๊ายยย >.,< ฮ่าๆ เออดีๆ //ดีใจกับพี่ปูนม๊ากหลุดจากความว่างเปล่าแบบมีฝุ่นละอองล่องลอยในนั้น มาวันนี้มันคือความว่างเปล่าจริงที่มีให้กับพ่อและบ้านหลังนั้น ปลดล็อกตัวเองได้สักที รอวันนี้มานาน TT_____TT ดีแล้วๆ จบกันไปด้วยดีไม่มีอะไรคาใจ ได้พัทลุงปลอบใจก็ยิ้มได้ ฟ้าหลังฝนคงมีแต่เรื่องดีๆเข้ามานะพี่ปูน ความเป็นครอบครัวพี่ปูนกำลังได้สัมผัสมัน ป้าจะได้เห็นรักแท้รักเดียวของพี่ปูนเป็นไง เดี๋ยวพาไปเปิดตัวกับเจน่าซะเลยหนิ 5555 //พี่ปูนโคตรสายเปย์อ่ะ ดีใจกับลุง ผัวก็หาเงินเก่ง เมียก็ประหยัด แต่ลงตัวสุด รอพี่ปูนพาลุงกลับไปฟัด สายหื่น 555555555 //ขอบคุณนะคะที่แต่งมาอัพต่อ โอ้ยยยยคิดถึงมากค่ะ รออยู่ตลอด รอตอนต่อไปเลยนะคะ สนุกกกกกกกก ชอบบบบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2019 11:13:00 โดย blove »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อากง...คือพระเอกตัวจริง
ปรบมือรัวๆจ้าาาาา
 :call: o15

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ [โป้ย]


‘กรอยู่ในวงการมานานแต่กลับไม่มีข่าวเรื่องความรักเลย ทำไมคะ? เราปิดตายประตูหัวใจไปแล้วรึยังไงกัน’

‘ผมก็มีความรักแบบคนทั่วไปครับ’ ชายหนุ่มในคลิปวีดีโอหัวเราเบาๆ ให้กับคำถามของพิธีกรสาว

‘พอดีมีคนที่แอบชอบมานานหลายปีแล้วก็เลยไม่รู้จะมองคนอื่นไปทำไม’

‘จริงหรือคะ?!! พอจะแง้มบอกกันได้มั้ยคะว่าเป็นใครอะไรยังไง’ พิธีกรสาวดูจะตื่นเต้นขึ้นมาทันที พอๆ กับที่เสียงแฟนคลับในห้องส่งกรีดร้องออกมา

‘ไม่เอาสิ แค่นี้ผมก็เขินจะแย่แล้ว อีกอย่างก็เป็นคนนอกวงการเลยอยากให้เขาอยู่อย่างเงียบๆ มากกว่า’ เสียงกรี๊ดร้องรับใบหน้าเอียงอายของแขกรับเชิญ คนสนิทกันแค่ดูก็รู้ว่าคนพูดไม่ได้ขัดเขินเท่าที่แสดงออก แต่มันก็เป็นการแสดงความเขินที่น่ามองเหลือเกิน

‘เรายอมให้ผ่านเรื่องนั้นก็ได้ แต่ต้องตอบคำถามนี้นะคะ -- คนโชคดีคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเอ่ย’

สิ้นคำถามของสาวสวย ห้องส่งก็ถูกกลบด้วยเสียงกรี๊ดรุนแรงพร้อมการปลุกปั่นผู้ชมของพิธีกรมืออาชีพ ทำเอาคนถูกสัมภาษณ์เขินอายหนักกว่าเดิม

‘ความรักสำหรับผมคือสิ่งพิเศษที่ไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดด้วยเพศภาพ ความสัมพันธ์ชายหญิงไม่ใช่เพียงข้อกำหนดเดียวที่จะเข้าถึงความรักแท้จริงได้ ทุกเพศมีสิทธิ์เข้าถึงมันและมีความสุขไปกับมัน ส่วนใครจะมองว่ามันสวยงามหรือน่ารังเกียจก็ล้วนอยู่ที่บรรทัดฐานจิตใจของแต่ละคน ซึ่งเราไม่อาจไปห้ามและชี้ว่ามันผิดได้’

‘เกริ่นซะพี่ตื่นเต้นเลยค่ะกร’ พิธีกรเอ่ยกลั้วหัวเราะ มือขาวบอบบางตบอกตัวเองเบาๆ ด้วยอาการลุ้นไปด้วยกับแฟนคลับในห้องส่ง

พี่กรหัวเราะก่อนจะเอ่ยทุกคำออกมาด้วยรอยยิ้มหวาน ‘ครับ คนที่ผมแอบชอบเป็นผู้ชาย’

เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มก่อนที่คลิปสั้นๆ นี้จะถูกตัดจบไป

 ผมลอบถอนหายใจออกมาแล้วส่งโทรศัพท์คืนเพื่อนสนิทที่นั่งรอลุ้นปฏิกิริยาผมอยู่ข้างๆ จากคลิปแอบถ่ายโปรโมททำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นกระแสที่คนติดตามสมใจผู้จัด พี่กรกับดาราคนนั้นถูกจ้างคู่กันในหลายๆ งาน ให้สัมภาษณ์แบบแบ่งรับแบ่งสู้จน ‘กระแสคู่จิ้น’ ลุกลามไปใหญ่โตกระทั่งคนที่ไม่สนใจข่าวบันเทิงยังได้ยินเข้าหู ซึ่งพี่กรรู้ดีว่าผมไม่พอใจแต่เราก็ไม่ได้เก็บเอาเรื่องนี้มาถกเถียงเวลาอยู่ด้วยกัน

 ไม่รู้ว่าลุงมันหวังจะเห็นท่าทางแบบไหนจากผมหลังจากดูคลิปที่กำลังถูกแชร์วนไปทั่วโซเชียลนี้ แต่ก็ต้องขอบใจในการตามข่าวชาวบ้านของมัน เพราะไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่รู้ว่าพี่กรตัดสินใจให้สัมภาษณ์แบบนี้ออกไป

มันมีทั้งความดีใจระคนกังวลปนเปกันไปหมด ผมไม่กลัวถ้าต้องมีหน้าตัวเองไปโผล่บนสื่อออนไลน์ให้ใครต่อใครขุดคุ้ยประวัติ แต่ผมห่วงฐานะทางสังคมของพี่กรต่างหาก มันจริงอย่างที่พี่กรพูดเรื่องความเท่าเทียมกัน แต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่าความเท่าเทียมกันนั้นมันไม่ได้ถูกปลูกฝังในจิตใจของทุกคน มีคนที่เห็นด้วยก็ย่อมมีคนเห็นต่างและมันอาจจะรุนแรงกว่าปฏิกิริยาที่ผมเคยเห็นจากครอบครัวตัวเองด้วยซ้ำ

“พี่กรแม่งอย่างกล้าอ่ะ”  ผมเงยหน้ามองเพื่อนที่ยังพูดพึมพำ เลื่อนนิ้วไปมาหาข้อความน่าสนใจ  “มึงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครวะ”

ผมมองพัทลุงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ การแสดงออกของผมที่มีต่อพี่กรไม่ได้ทำให้มันคาดเดาได้เลยหรืออย่างไร บทจะเอ๋อเพื่อนผมก็ทำได้เกินคาดจริงๆ

“เฮ้อ~ ก็ต้องเป็น--”  ผมหยุดปากตัวเองได้ทันความคิดที่ผุดขึ้นมา ดวงตาคมแวววับยามจับจ้องเพื่อนสนิทที่เงยหน้าขึ้นมองมาด้วยความอยากรู้



... ผมไม่อยากจะรังแกเพื่อนด้วยวิธีนี้เลย




แต่ใครใช้ให้ผัวมันมาร้ายกับผมก่อนล่ะ!



“ใครวะ? รู้ก็บอกมาอย่าอมพะนำ”

“...ช่างเหอะลุง มึงไม่ต้องรู้หรอก”  ผมแสร้งตีหน้ายุ่ง เบือนหน้าหนีไปอย่างที่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องทนความอยากรู้ไม่ได้

“กระซิบเบาๆ ก็ได้นะวีรภาพ”  ตามคาด พัทลุงแทบจะทึ้งแขนเสื้อผมจนยับย่น มีหรือว่าผมจะไม่รู้ระดับความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนตัวเองว่ามีมากแค่ไหน

“มึงคิดว่าจะรับได้เหรอถ้ากูพูดออกไปน่ะ”  สีหน้าจนใจแกมรำคาญเผยบนใบหน้า ลุงพยักหน้ารัวเร็วพร้อมกับยื่นหูมาใกล้ปากผมด้วยอาการเต็มใจอย่างยิ่ง

“...พี่ปูน”

คำพูดสั้นๆ นั้นทำเอาลุงหน้าเสียในทันที มันมองผมด้วยดวงตาเบิกโต ใบหน้าขาวนวลนิ่งค้างเคลือบด้วยความตกใจจนมือไม้ชะงักงัน


ให้ตายเถอะ! ผมนี่มันชั่วจริงๆ


“กูบอกแล้วว่ามึงไม่จำเป็นต้องรู้ ก็ยังอยากจะสาระแน”  ผมแสร้งบ่น มองหน้ามันก็ยิ่งสงสารเลยรีบโอบมันเข้าอกเพื่อกอดปลอบก่อนที่ตัวเองจะหลุดขำออกมา

“มึงรู้ได้ยังไง...”  พัทลุงกระซิบถามเสียงเบา

“ของอย่างนี้แค่สังเกตเอาก็รู้แล้ว”

“...ตอนแรกกูนึกว่ามึงคือคนที่พี่กรแอบชอบซะอีก”  ลุงผละออกจากอกผม สีหน้ามันดูครุ่นคิดอย่างหนัก  “ตอนที่ไปเที่ยวกันบรรยากาศมันดูแปลกๆ”

“ก็เพราะกูกับพี่กรรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กไง”

ผมลอบยิ้ม ทีนี้พัทลุงก็ต้องคอยจับตาดูพี่ปูนอย่างที่ผมบอกแน่ แต่ถ้าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้มันก็จะกลายเป็นว่าเพื่อนผมจะคิดมากแค่ฝ่ายเดียวซึ่งมันไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริง ผมต้องการให้พี่ปูอกแตกตายต่างหาก

“ลุงเอ๊ย~ มึงจะไปเทียบกับพี่กรได้ไงวะ”  ผมลูบหัวเพื่อนที่สีหน้าชักจะย่ำแย่ลงทุกขณะ  “ขนาดกูอยู่วงนอกยังรู้สึกถึงความสนิทสนมของสองคนนี้เลย”

“วีรภาพ...มึงคิดว่าพี่ปูนจะชอบพี่กรบ้างมั้ย?”

“ก็อาจจะมีสิทธิ์ ใครบ้างวะที่จะไม่ชอบดาราหล่อๆ แบบนั้น”  สิ้นคำพูดผม พัทลุงหน้าหดเหลือสองนิ้ว โถๆ ทำไมผมถึงเป็นเพื่อนเลวขนาดนี้นะ!

“แล้ว...แล้วกูจะโดนทิ้งอีกแล้วเหรอ?”  ลุงช้อนแววตาสั่นระริกขึ้นมองผม ดูจากท่าทางแล้วมันคงคิดไกลไปถึงตอนที่พี่ปูนบอกเลิกมันแล้วล่ะ

“ไม่หรอกลุง กูเชื่อว่าพี่ปูนรักมึงมากและมึงก็รักเขา”  ผมเริ่มเกริ่นแผนการที่คิดสดขึ้นมา  “แต่อะไรที่เป็นของตายมันก็จะกลายเป็นของไร้ราคา มึงต้องทำให้เขารู้ว่าถึงไม่มีเขามึงก็อยู่ได้”

“กูไม่เข้าใจอ่ะ”  ลุงคิดตามผมไม่ทันอย่างแน่นอน เพราะความเป็นสุภาพบุรุษที่บิดาปลูกฝังไว้คงไม่ได้รวมถึงเรื่องนี้แน่นอน พ่อพัทลุงก็เปรียบเหมือนลูกไก่ในกำมือน้าดาหลานั่นแหละ จะบีบก็ตายจะปล่อยไปก็ทำอะไรไม่ถูก

“ยกตัวอย่างว่าเวลามึงเลือกซื้อปลา มึงจะเลือกปลาที่ตายไปนานแล้วหรือว่าปลาที่จะเป็นๆ ล่ะ”

“ก็ต้องเลือกปลาเป็นดิ เนื้อมันหวานกว่า อร่อยกว่า”

“ใช่! เพราะฉะนั้นมึงต้องทำตัวให้เหมือนปลาเป็นถึงจะเป็นที่ต้องการ”  ผมตบบ่าเพื่อนหนึ่งทีเหมือนว่าเพื่อนมาถูกทางแล้ว ทั้งที่สีหน้าลุงมันยังดูไม่เข้าใจสักเท่าไหร่  “พี่ปูนเป็นเสือมาก่อนใช่ป่ะ เสือมันชอบเหยื่อเป็นๆ ถ้าขืนมึงทำตัวว่าง่ายอยู่ในโอวาทมันจะไปต่างอะไรกับเหยื่อตายที่เสือมันจะเมินวะ”

ลุงจ้องผมตาโต กระพริบตาปริบๆ คล้ายว่าในที่สุดก็เข้าใจเสียที

“ทำไมวีรภาพฉลาดอย่างนี้”

“ไอคิวกูไม่ใช่ขี้หมูขี้หมานะครับ”

“...แต่เสือมันกินปลาด้วยเหรอโป้ย”

“..........”  โอเค ผมดูถูกความซื่อมันเกินไป

ผมแสร้งไอสองสามทีก่อนจะเริ่มพูดต่อ  “เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากให้พี่ปูนเปลี่ยนใจไปมองพี่กร มึงต้องฟังเรื่องที่กูสอน รับรองว่าพี่ปูนจะกลายเป็นลูกเสือตัวน้อยๆ ที่อยู่ในโอวาทของมึง”

มาถึงตรงนี้สีหน้าลุงเริ่มจะไม่เชื่อถือผมแล้ว สายตามันเริ่มมองผมอย่างจับผิดหน่อยๆ  “ทำไมมันฟังแล้วกูหนาวสันหลังแปลกๆ ล่ะ จากประสบการณ์นะโป้ย พี่ปูนไม่มีทางกลายเป็นลูกเสืออย่างที่มึงว่าแน่ มีแต่กูเนี่ยจะโดนเสือแดกในท้ายที่สุด”


ผมก็เดาว่างั้น


“จะไม่เชื่อกูก็ได้ กูก็แค่ไม่อยากเห็นมึงผิดหวังอีก”  เพื่อการแก้แค้นที่แสนไร้สาระ ผมจึงแสร้งตีหน้าเศร้า มองเพื่อนด้วยความห่วงใยและหวังดี รอลุ้นทุกวินาทีที่ลุงเปลี่ยนสีหน้าไปมาขณะใช้ความคิด และในที่สุดผมก็มีชัย

“ก็ได้”

“งั้นฟังแผนการ!”  ผมยื่นหน้าไปใกล้ ปิดบังน้ำเสียงลิงโลดเอาไว้ใต้ความนิ่งขรึม  “ข้อแรก มึงต้องงดเอากัน”

ไม่ได้!!

ลุงค้านเสียงแหลมทันทีเล่นเอาผมอึ้งไปหลายวิ

“คือ...คือว่า”  ลุงพยายามอธิบายด้วยใบหน้ากระดากอายที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อ  “คือพี่มันอดมาหลายวันแล้ว มันหมายมาดว่าวันนี้ต้องปลูกแตงกะกูให้ได้ ไม่งั้นได้อาละวาดแน่”

ผมเองก็ไม่ได้อยากจะสาระแนเรื่องในมุ้งเพื่อนเท่าไหร่ จึงยอมส่งๆ ไป  “งั้นคืนนี้มึงปลูกแตงกันให้หนักไปเลยนะ จากนั้นก็งดยาวๆ ไปจนถึงงานเลี้ยงรุ่น”

“เชี่ย! อีกตั้งเดือนกว่าเลยนะ”

“ทำไม? มึงจะอกแตกตายรึไง”

“ไม่ใช่กูแต่เป็นพี่ปูนต่างหาก!” 

“หื่นปานนั้น”  ผมเบะปากหมั่นไส้ แต่แทนที่เพื่อนจะสะดุ้งสะเทือนกลับชี้แจงเพิ่มด้วยด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“ถ้าไม่ห้ามล่ะก็พี่ปูนแม่งล่อกูได้ทุกวันอ่ะ นี่แค่สามวันยังงุ่นง่านกับกูจะแย่แล้ว มึงจะให้งดตั้งเดือนกว่า...แม่ง! กูไม่อยากคิดถึงสภาพ”

“อวดผัวไปอีก...”

“ไม่ได้ไอ้โป้ย กูห่วงชีวิตตัวเอง”  พัทลุงส่ายหน้าพรืด น้ำเสียงเด็ดขาดจนน่าขำ แต่เอาเถอะ ถ้าดูจากครั้งที่ไปเที่ยวกันที่พี่ปูนจัดลุงซะไม่ได้ออกมาชมเดือนชมตะวัน ก็พอจะรู้หรอกว่าไอ้หื่นกามคนนั้นคลั่งไคล้เพื่อนผมขนาดไหน

“ก็ได้! แต่มึงห้ามใจอ่อนยอมโดนถี่ๆ ล่ะ หัดเล่นตัวซะบ้าง”

“จะพยายามแล้วกัน”  ลุงตอบเสียงอ่อยแบบไม่มั่นใจเต็มที แต่ผมทำไม่สนใจรีบบอกข้อบังคับต่อไปทันที

“ข้อสองอย่ารับโทรศัพท์หรือส่งข้อความหากันบ่อยๆ และข้อสุดท้าย หยุดตามใจ หยุดเอาใจ แล้วก็ห้ามค้างคืนที่ห้องพี่ปูน”

“.........”  ลุงมองผมนิ่ง ตาโตชั้นเดียวกระพริบปริบๆ คล้ายกำลังประมวลคำพูดผมอยู่

“ถ้ามึงทำได้นะลุง พี่ปูนจะต้องสยบแทบเท้ามึงแน่ ทีนี้ไม่ว่ามึงต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“แน่ใจนะว่านี่คือวิธีเล่นตัว ไม่ใช่วิธีทำให้กูถูกบอกเลิก”

“นี่กูเพื่อนโป้ยของมึงนะ ทำไมลุงถึงคิดว่าเพื่อนจะใจไม้ไส้ระกำอย่างนั้น”  ผมตีหน้าเหลือเชื่อพลางพ่นลมหายใจออกมาตามด้วยประโยคเด็ด  “มึงไม่อยากกดพี่ปูนบ้างรึไง?”

“..........”  ลุงชะงักในทันที เป็นอันเข้าใจว่าคำหว่านล้อมของผมมีแววสำเร็จในไม่ช้า

“ถ้ามึงทำตามที่กูแนะนำ ไม่ว่ามึงขออะไรเขาจะให้ทุกอย่างแน่นอน”

“รวมถึงการให้กูเป็นฝ่ายรุกบ้าง...”

“ถูกต้องเพื่อนเอ๋ย”

ผมกลั้นยิ้ม มองนัยน์ตาเปล่งประกายของพัทลุงอย่างลุแก่โทษ นอกจากวิธีของผมจะทำให้มันรุกพี่ปูนไม่ได้แล้วนั้น คงเป็นมันนั่นแหละที่ต้องคลานลงจากเตียง



.

.

.



วันต่อมา

ลุงมาทำงานด้วยสภาพทรุดโทรมตามที่คาดไว้ จะนั่งเก้าอี้แต่ละทีก็ต้องค่อยๆ นั่ง ค่อยๆ ขยับ ไม่ต้องถามก็รู้ได้เลยว่าพี่ปูนคงจัดให้ลุงทั้งคืนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังส่งสัญญาณมือมาให้ผมว่าทุกอย่างโอเค และนั่นคือจุดเริ่มต้นแผนการ... ลุงทำไม่สนใจมือถือไปทั้งวัน ไม่ว่าจะเสียงข้อความหรือเสียงเรียกเข้าก็ไม่อาจะทำให้ลุงหักใจส่งมือไปรับได้ แม้ว่าสีหน้ามันจะดูกังวลระคนกริ่งเกรงไปสักหน่อยก็เถอะ

“มึงจะรับบ้างก็ได้”  ผมบอกเพื่อนในที่สุด ผมกลัวว่าพัทลุงจะโดนฆ่าตายก่อนจะได้ยั่วโมโหคน

ลุงพยักหน้าเข้าใจ รับโทรศัพท์ด้วยความเร็วแต่ก็พูดไม่กี่คำก็วางสาย และเป็นอย่างนี้ไปทั้งวันจนถึงเวลาเลิกงานที่พี่ปูนคงทนไม่ได้บุกมาลากลุงกลับบ้านด้วยสีหน้าถมึงทึง


ผมได้แต่ไว้อาลัยให้เพื่อนอยู่ในใจ...


ใช้เวลาอีกเล็กน้อยผมจึงสะสางงานเสร็จในระดับหนึ่ง ขณะที่กำลังคิดว่าจะซื้ออาหารค่ำอะไรดีให้ถูกปากคุณดาราที่วันนี้จะแวะมาค้างหลังจากโหมถ่ายทำในส่วนของตัวเองมาสองวันติดต่อกัน โทรศัพท์ที่เงียบมาตลอดทั้งวันก็ดังขึ้นพร้อมกับแสดงชื่อที่ทำให้หัวใจผมหนักหน่วงขึ้นมา

ผมมองหน้าจอ รวบรวมความกล้าหาญขึ้นมาก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับป๊า”

“อาโป้ย...”  เสียงจากปลายสายเอ่ยชื่อผมอย่างเป็นธรรมชาติ ไร้วีแววขัดเคืองอย่างที่แอบคิดเอาไว้

“...........”

“วันนี้มากินข้าวกับป๊านะ ม้าลื้อทำของโปรดเตรียมไว้แล้ว”

นี่ไม่ใช่การถามล่วงหน้า แต่เป็นการบอกกึ่งบังคับในทีและไม่ต้องการคำปฏิเสธจากผมเสียด้วย

“ได้ครับ อีกสักชั่วโมงผมคงไปถึง”  ผมตอบรับอย่างไม่คิดเลี่ยง ป๊าเพียงแค่ส่งเสียงรับรู้แล้ววางสายไปก่อนทิ้งให้ผมพรูลมหายใจออกมาด้วยความเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้นเล็กๆ ทีแรกผมคิดว่าคงเป็นม้าที่จะติดต่อผมกลับมา แต่การที่ป๊าโทรเรียกผมกลับด้วยตัวเองแสดงว่าได้มีการพูดคุยกับม้า และได้มีการตัดสินใจเรื่องของผมไปเรียบร้อยแล้ว

ผมไม่ได้กลัวผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการสารภาพความจริง เพราะถ้ากลัวผมคงไม่คิดพูดออกไปแน่นอน แต่ลึกๆ ผมกังวลกับความรู้สึกของบุพการีทั้งสอง ผมที่เป็นลูกชายคนเดียวเลือกที่จะคบหากับผู้ชาย นั่นหมายความว่าทั้งสองคนจะไม่มีโอกาสเลี้ยงหลานของตัวเองเหมือนพี่น้องคนอื่น

แต่ถ้าผมเก็บงำความรู้สึกไว้ก็เท่ากับเป็นการให้ความหวังมารดาตัวเอง สู้ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมยังดีกว่า

ระหว่างทางผมโทรหาพี่กร อีกฝ่ายโต้ตอบกับผมด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม แต่พอผมบอกไปว่าจะกลับบ้านอีกฝ่ายก็เงียบไปเล็กน้อย

“ให้พี่มาหาวันอื่นมั้ย?”

“ไม่ พี่รอผมที่นั่นแล้วก็หาอะไรกินเลย โอเค๊?”

“ก็ได้” พี่กรรับคำอย่างว่าง่าย

“พี่กร...” 

“หืม?”

“...ผมบอกที่บ้านไปแล้วนะ”  ผมว่า พลางขับเคลื่อนรถยนต์ที่ถูกปลดปล่อยจากสัญญาณไฟสีแดงเสียที

“เรื่อง?”

“เรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย”

พี่กรเงียบไปหลายวินาที ผมเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องคิดมากเป็นแน่ ต่อให้ทำใจกล้าเปิดเผยเรื่องส่วนตัวต่อหน้าสื่อแต่พี่กรคงยังไม่มีความคิดจะเปิดตัวผมอย่างเป็นทางการแน่ ส่วนหนึ่งคงเพราะถูกฝังหัวมาแต่เล็กว่าครอบครัวผมคือผู้มีพระคุณในอดีต

“แล้ว...แล้วมีใครว่าอะไรโป้ยมั้ย” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความกังวล

“อากงเข้าใจผม”

“เหรอ...”

“แต่วันนี้ป๊าเรียกตัวเข้าไปคุย ก็คงเรื่องนี้แหละ”

“..........”

“ผมยังไม่บอกใครว่าคนรักของผมคือพี่ รอให้พวกเขาปรับตัวให้ได้ก่อนผมจะบอกทุกคนแน่นอน”

“อืม”

“จะรอผมกลับไปใช่มั้ย?”  สิ้นคำถามผม พี่กรส่งเสียงหัวเราะเบาๆ

“พี่ไปไหนไม่ได้อีกแล้วโป้ย...”

ผมวางสายทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้ม มีกำลังใจขึ้นอีกมากโขที่จะมุ่งหน้ากลับบ้านใหญ่ไปฟังคำตัดสินอนาคตตัวเอง

กว่าผมจะไปถึงก็ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี หลังจากทักทายอากงและทุกคนพอเป็นพิธีก็ลงมือทานมื้อค่ำกัน เสียงพูดคุยกันประปราย หัวข้อสนทนามีหลากหลายแต่ผมสังเกตว่าไม่มีใครยกเรื่องราวเกี่ยวกับผมหรือแม้กระทั่งบทสัมภาษณ์ของพี่กรขึ้นมาพูด แต่บรรยากาศมันไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่แสร้งทำกัน บรรดาญาติร่วมโต๊ะคอยแต่จะเหลือบมองผมกับป๊าทุกทีที่เผลอตัว อย่างกับกลัวว่าป๊าจะลุกขึ้นมาล้มโต๊ะแล้วด่ากราดผมขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

ทุกคนแยกย้ายหลังจบมื้ออาหาร อากงไม่ได้พูดอะไรก่อนเดินจากไปเดาว่าพ่อลูกคงได้คุยกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ม้าช่วยจัดเก็บถ้วยชามทำความสะอาดร่วมกับพวกอาโกว ปล่อยให้ผมเดิมตามป๊าขึ้นไปยังชั้นที่เป็นอาณาเขตของครอบครัวเงียบๆ

ป๊าเดินออกจากลิฟท์ก่อน ก้าวฉับๆ ไปยังโถงกลางที่ตกแต่งเป็นห้องพักผ่อน ร่างสูงโปร่งลงนั่งยังโซฟาด้วยท่าทางสง่า ผมเดินตามเข้าไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวทันทีโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายออกปาก เราสองพ่อลูกมองหน้ากันนิ่งๆ ท่ามกลางความเงียบ ไม่มีบรรยากาศอื่นใดแทรกกลางนอกจากความสงบ

“ม๊าลื้อเล่าเรื่องทั้งหมดให้อั๊วฟังแล้ว”  ป๊าพูดขึ้นในที่สุด ไม่มีความขุ่นเคืองในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย

“ครับ”

“และอั๊วก็คุยกับอากงแล้ว อีไม่เห็นว่าสิ่งที่ลื้อเลือกจะผิดแปลกอะไร”

“แล้วป๊าคิดอย่างอากงรึเปล่า?”  ผมถามขึ้น เพียงแค่ป๊าดูสงบเยือกเย็นได้ขนาดนี้มันก็ลดความรู้สึกกังวลของผมไปได้มากโขแล้ว

“อั๊วก็ไม่เห็นเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดต้องตัดขาดกับลื้อเหมือนกัน”  แม้สีหน้าของป๊าจะไม่ได้เจือรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงก็นับว่าอ่อนโยนกว่าเดิม  “ตลอดมาสิ่งที่ลื้อเลือกก็ไม่เคยทำให้อั๊วผิดหวัง ไม่ใช่เพราะลื้อทำทุกอย่างได้ดี แต่เพราะลื้อตั้งใจกับทุกหนทางที่เลือกนั่นต่างหากที่ทำให้อั๊วไม่เคยผิดหวัง”

ผมกับป๊าก็เหมือนกับลูกชายกับพ่อทั่วไปที่อาจจะไม่ได้พูดคุยเปิดอกอย่างสนิทสนมกันมากนัก ป๊าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เห็นงานเป็นหน้าที่หลัก ดังนั้นเรื่องในบ้านจึงกลายเป็นหน้าที่รับผิดชอบของม้า จนผมออกจากบ้านไปก็เหมือนจะมีกำแพงบางๆ เกิดขึ้นระหว่างเราบ้าง แต่ชั่วขณะนี้มันเหมือนกับกำแพงบางๆ นั้นมลายหายไป

“อะไรที่มันเป็นความสุขของลื้อ ลื้อก็เลือกไปเถอะ ไม่ต้องเก็บเรื่องอื่นมาคิดให้มาก ถึงยังไงตระกูลเราก็ลูกหลานเหลือเฟืออยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับป๊า”  ผมยกมือไหว้ป๊าอย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่เคยทำ แม้ใจอยากจะทุดตัวลงไปกราบแทบตักแต่ใจก็รู้สึกเก้อกระดากเกินไปสักหน่อย

“เอาเถอะ... ก็ใช่ว่าอั๊วจะไม่ทำใจมาก่อนหน้านี้ ยังไงเสียก็แค่รอวันที่ลื้อจะพูดออกมาเองเท่านั้นแหละ”

“...ป๊าหมายความว่าไง”  หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย อะไรคือการที่ป๊าบอกว่าทำใจมาก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าตัวเองไม่เคยแสดงพิรุธเรื่องพี่กรมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“ก็แฟนลื้อน่ะคืออาลุงใช่มั้ย? อั๊วแอบเห็นลื้อชอบกอดชอบหอมอีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่อั๊วทำใจได้เพราะอีน่ารักและเป็นเด็กดีหรอกนะ การบ้านการเรือนก็ได้รับการสอนมาดี อย่างน้อยก็ดูแลลื้อได้ไม่ขาดตกบกพร่องแน่”


แฟนผม...คือพัทลุง?


ผมอยากจะลุกขึ้นไปเขย่าไหล่ป๊าให้ตั้งสติเหลือเกิน ต่อให้ผมชอบแตะเนื้อต้องตัวลุงแต่ในหัวก็ไม่เคยเกินเลยไปกว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อน ยิ่งไม่เคยคิดจะเอามันมาทำเมียด้วยซ้ำ

“ป๊า! ลุงไม่ใช่แฟนผม”

“อ้าว! งั้นแฟนลื้อเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”  กลายเป็นป๊ากระพริบตามองผมด้วยความสับสน  “อั๊วรู้จักรึเปล่า? แล้วอีดีกับลื้อเท่าอาลุงมั้ย? อาโป้ยอ่า~ รึแฟนลื้อเป็นพวกตุ๊ดแต๋วหน้าขาวปากแดง? ถ้าเป็นงั้นขอเวลาอั๊วกับม้าลื้อทำใจอีกรอบนาอย่าเพิ่งพามา ฮ้า~ อั๊วก็คิดว่าได้อาลุงมาเป็นสะใภ้แน่แล้วเชียว จิ้ๆๆ”

ป๊าเดาะลิ้นอย่างเสียดายเล่นเอาผมพูดอะไรไม่ออกไปหลายวิ

“ป๊ารู้จักแฟนผมครับ และเขาก็เป็นคนดีแล้วก็น่ารัก ไม่ใช่พวกหน้าขาวปากแดงแน่นอนครับ”  ผมอธิบายพลางถอนหายใจอย่างหดหู่  “แต่ว่าอีกสักพักผมค่อยพาเข้ามาไหว้ป๊ากับม้าอย่างเป็นทางการนะ”

“ตามใจลื้อเถอะ”  ป๊าโบกมือไม่ใส่ใจ ดูท่าจะผิดหวังกับลูกสะใภ้ที่หมายปองไว้พอสมควร  “แล้วนี่ลื้อจะค้างหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ ไว้ผมมากินข้าวด้วยใหม่นะ”

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว ขับรถค่ำๆ มืดๆ มันอันตราย”

ผมบอกลาป๊าด้วยรอยยิ้มก่อนลงไปไหว้ม้ากับอากงแล้วออกจากบ้านมาด้วยหัวใจที่โล่งโปร่งสบายที่สุด



.

.

.

[มีต่อค่ะ]

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ใช้เวลาน้อยกว่าขามามากเพราะการจราจรค่อนข้างเคลื่อนตัวสะดวก ไม่นานผมก็มาถึงคอนโดที่พัก

ผมเปิดห้องเข้าไปด้วยรอยยิ้ม แสงสว่างภายในทำให้รู้ว่าพี่กรยังคงรอผมอยู่ แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันมักจะไม่ตรงกัน ผมหวังว่าจะได้รอยยิ้มต้อนรักจากคนรัก แต่ภาพที่เห็นคือคุณดาราหนุ่มกอดเข่านั่งซึมอยู่บนโซฟาเงียบๆ

สองเท้าเดินตรงไปหาแล้วคว้ากอดก้อนหินมีชีวิตเต็มรัก พร้อมจรดริมฝีปากแนบแก้มเนียนหนักๆ อย่างรักใคร่ พี่กรสะดุ้งเล็กน้อยคล้ายกับว่าเพิ่งรู้สึกตัว ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มเซียวให้ผม หัวคิ้วที่เจ้าของพยายามจะคลายออกแต่มันก็ยังคงขมวดมุ่นอยู่เช่นเดิม ผมยกยิ้มให้กับท่าทางคิดมากของคนตรงหน้า

“คิดอะไรอยู่...”

“กินอะไรมารึยัง?”

“พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลย”  ผมคาดคั้นเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเปลี่ยนเรื่อง ทำเอาคนเฉไฉอึกอักหลบสายตา แต่ผมพอเดาได้อยู่หรอกว่าเรื่องอะไร แต่ในเมื่อคนคิดมากอยากจะคิดต่อไป ผมก็จะปล่อยให้ทำตามใจไปอีกสักพักแล้วกัน

“ผมอยากอาบน้ำแล้ว”  ผมยืดตัวขึ้น บิดร่างไปมาไล่อาการเมื่อยขบจากการนั่งในรถนานๆ 

“อืม”

“อาบด้วยกันนะ”

“ม...ไม่ พี่อาบแล้ว”  เสียงปฏิเสธร้อนรนขึ้นมาทันที คุณดาราเหลือบมองผมด้วยสายตาระแวงพลางถัดร่างกายออกห่างอย่างจงใจ ผมอมยิ้มกับท่าทางเขินอายที่แตกต่างกับผู้ชายเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ขึ้นมายั่วยวนบนร่างผม แต่...

“แต่ผมอยากให้พี่อาบด้วยนี่”

“ไม่เอา...ได้มั้ย?”  ใบหน้าของคุณดาราขึ้นสีระเรื่อ มันช่างน่ารัก น่ารังแกจนใจสั่นไปหมด ถ้าพี่กรปฏิเสธอย่างจริงจังมากกว่านี้ผมก็อาจจะยอมตามใจก็ได้ แต่นี่เล่นทำสีหน้าเขินอายแล้วโยนคำขอให้ผมเลือก... แหม~ วันนี้ผมคงไม่ปล่อยพี่กรไปง่ายๆ ซะแล้ว

“ลุกครับ...ตอนนี้ผมอยากให้พี่ดูแลผมจนสั่นไปหมดทั้งตัวแล้ว”  ไม่ว่าเปล่า ผมฉุดร่างแข็งขืนให้ลุกขึ้นตาม พี่กรอิดออดไปตลอดทางแต่ก็ยอมเดิมตามมาอย่างว่าง่าย

ผมจูบริมฝีปากนุ่มๆ ไปพลางปลดเสื้อผ้าของพี่กรอย่างอ้อยอิ่ง โลมเลียซอกคอที่ยังพอมีกลิ่นครีมอาบน้ำกรุ่นกำจายอยู่ เสื้อยืดบางๆ ถูกดึงหลุดพ้นตัวเผยผิวเนื้อเนียนสะอาด โครงร่างชัดเจนบนเรือนกายผอมไม่ได้ดูบอบบางนุ่มนวลเช่นผู้หญิง หากยามสัมผัสกลับนุ่มนิ่มมือจนอดบีบขยำไม่ได้

ลาดไหล่กว้างกำลังดีอวดแนวกระดูกไหปลาร้าเซ็กซี่ที่รับกับลำคอระหงได้อย่างลงตัว ผมอยากจะตีตรารอบจูบให้ทั่วความสวยงามนั้น แต่ด้วยหน้าที่การงานของพี่กรทำให้ผมต้องข่มกลั้นความปรารถนานั้นเอาไว้ ทำได้เพียงทิ้งน้ำหนักของกลีบปากกับความชื้นจากเรียวลิ้นไว้แทน

“อื้ม...ไหนว่าจะอาบน้ำ”  เสียงประท้วงดังแผ่วเบาด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ ผมยิ้มให้ หากสองมือเลื่อนลงปลดกางเกงผ้าของคนขี้อายลงไปกองกับพื้น ตามด้วยกางเกงในสีขาวสะอาดที่แม้จะทุลักทุเลเล็กน้อยแต่ตกไปกองอยู่ปลายเท้าเช่นเดียวกัน

พี่กรตัวขาวผุดผ่องท่ามกลางแสงไฟ แม้จะไม่ขาวสว่างเท่าพัทลุงแต่ก็ถือว่าขาวกว่าผู้ชายหลายคนที่ผมรู้จัก แต่ไม่มีผู้ชายเปลือยเปล่าคนไหนที่ทำให้ผมเกิดอารมณ์ได้มากมายเท่าพี่กรอีกแล้ว

“ถอดให้ผมบ้างสิ”  ผมกระซิบทั้งที่ริมฝีปากยังคงวนเวียนตรงซอกคอไม่หยุดหย่อน

พี่กรไม่ส่งเสียงตอบรับแต่ส่งมือปลดเสื้อผ้าผมทีละชิ้นไปเงียบๆ จนกระทั่งเราทั้งคู่เปล่าเปลือย ผมนึกอยากหยอกคนขี้อายเลยดึงมือขาวเนียนลงมากอบกุมส่วนชูชันที่แข็งขันขึ้นทุกขณะ ให้อีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วความยาวตามการชักนำ

ผมมองซีกหน้าร้อนจัดที่เจือความอึดอัดขัดเขิน ผิดกับส่วนแกนกลางขาวสะอาดที่แข็งตัวขึ้นทั้งที่ไม่ได้ถูกแตะต้อง ผมยิ้มขัน ไม่ว่ายังไงปฏิกิริยาทางร่างกายก็ล้วนหลอกลวงไม่ได้

“ไปอาบน้ำกันเถอะ” 

เช่นเดิม... พี่กรไม่ได้ตอบรับ แต่สองเท้าก็ยังคงเดินตามผมมาโดยไร้การขัดขืน

เสียงสายน้ำตกกระทบแผ่นกระเบื้อง หากมันไม่ได้ช่วยคลายความร้อนระอุของร่างกายที่กำลังเสียดสีกันได้เลย ความลื่นของครีมอาบน้ำก่อให้ผิวเนื้อไวสัมผัสไปทุกส่วน ฝ่ามือลูบไล้กันไปทั่วร่างขัดถูความปรารถนาให้ลุกโชนอบอวบไปด้วยเสียงครวญคราง กระทั่งสายน้ำชะล้างความลื่นออกไปจนหมดผมก็ยังไม่อาจหยุดความเร่าร้อนที่พวยพุ่งขึ้นจนขีดสุดได้

ผมจูบคนรักอยากตะกระตะกราม ลูบไล้ไปทั่วร่างหอมกรุ่น จงใจละเว้นส่วนไวสัมผัสเอาไว้

“โป้ย...”  พี่กรเรียกเสียงระโหย นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มวีแววขัดใจแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยความต้องการออกมา ผมลอบยิ้มแสร้งไม่สนใจร่างกายผอมบางที่เบียดชิดเข้ามาเพื่อหวังระบายความอัดอั้น

“พี่กร...”  ผมบังคับข้อมือที่กอบกุมแก่นกายของผมเอาไว้ให้เคลื่อนไหวรัวเร็วอย่างเอาแต่ใจ พลางส่งเสียงครางยั่วเย้าอีกฝ่ายจนกระทั่งมาถึงครึ่งทางแห่งอารมณ์หฤหรรษ์

“พี่กร...”  ผมเลื่อนใบหน้าขึ้นกระซิบข้างใบหู  “ผมอยากเข้าไปในปากนุ่มๆ ของพี่ใจจะขาดแล้ว”

คนรักผู้ขี้อายของผมหน้าแดงร้อนมาถึงใบหู แต่ก็ยังคงไม่แสดงท่าทีขัดขืน

“พี่อยากอมมันมั้ย...”  เสียงแหบพร่ากับปลายลิ้นที่หยอกเย้าใบหูทำเอาร่างผอมบางสั่นระริก มันช่างน่ารังแกจนผมอยากจะกลืนกินพี่กรเข้าไปทั้งตัว

“ผมอยากให้พี่ดูดกลืนมัน จนกระทั่งมันแตกกระจายในปากนุ่มๆ นี้”  ผมเลื่อนใบหน้าขึ้นมาขบเม้มกลีบปากบาง  “พี่คิดเหมือนผมรึเปล่า หืม?...”

พี่กรหน้าร้อนแทบไหม้ หากก็ยังคงลูบไล้ความแข็งขืนของผมอยู่ไม่หยุดมือ

“ว่าไงครับที่รัก...”  ผมกระตุ้นอีกคำรบ พี่กรนิ่งไปเสี้ยววินาทีก่อนที่ศีรษะจะผงกเบาๆ เป็นการตอบรับ และหลังจากนั้นคือส่วนที่ทำเอาผมต้องสูดปากด้วยความระทึกใจ

พี่กรทรุดตัวลงนั่งคุกเข้ากับพื้นเปียกๆ สองตามีเสน่ห์จับจ้องของในมือคล้ายทำใจจากนั้นจึงอ้าปากอมมันเข้าไปกลืนกินลึกล้ำเสียจนเสียงครางต่ำๆ จากผมดังผสานเสียงน้ำไม่หยุด

นับจากครั้งแรกที่เพียรสอนกันมาก็ต้องถือว่าลูกศิษย์คนนี้มีความพยายามไม่น้อย จุดไหนที่ชอบ ทำอย่างไรถึงจะได้เสียงครางล้วนจำได้หมด แม้จะยังไม่เก่งกาจแต่ก็ถือได้ว่าเป็นนักเรียนดีเด่น ไม่อย่างนั้นจะเรียกเสียงครางจากคนเป็นอาจารย์อย่างผมได้ต่อเนื่องขนาดนี้หรือ

ฝ่ามือนุ่มชักพาสลับกับริมฝีปากที่บรรจงปรนเปรอชักพาคลื่นอารมณ์ให้สูงลิ่วราวกับว่าวติดลมบน ผมต้องใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าที่จะไม่จับใบหน้าพี่กรไว้แล้วกระแทกกายเข้าออก ใบหน้าหล่อเหลาชวนมองบัดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความยั่วยวน ไม่ว่าใครมาเห็นภาพนี้ก็คงไม่อาจสงบความดิบเถื่อนในกายได้แน่ กระทั่งห้วงสุดท้ายแห่งอารมณ์ ผมเผลอตัวดันกายเข้าลึกกว่าที่ควรแล้วปลดปล่อยหยาดรักออกมา

จนพี่กรตบหน้าขาผมนั่นแหละสติถึงได้กลับมาอีกครั้ง ผมรีบถอนกายออกขณะที่พี่กรไอเพราะสำลักน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลรินออกมา วินาทีนั้นผมจัดการปิดน้ำแล้วฉุดพี่กรให้ลุกขึ้น ฉุดดึงอีกฝ่ายออกมานอกห้องน้ำแล้วปล่อยโยนลงที่นอนนุ่มก่อนจะพุ่งตัวเข้าทาบทับในทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ มือหนึ่งจับขาเรียวขาวแยกออกเพื่อแทรกลำตัว อีกมือก็ตะเกียกตะกายไปเปิดลิ้นชักข้างเตียงแล้วควานหยิบหลอดเจลออกมา

พี่กรมองผมที่กำลังเปิดฝาเทน้ำใสๆ ลงที่ฝ่ามือก็เกิดสีหน้าหวาดหวั่นไม่น้อย ผมโน้มตัวลงมาตรงหว่างขา อ้ารับส่วนแข็งขืนเข้าปากพร้อมกับดันนิ้วชุ่มเจลลื่นเข้าไปในช่องทางที่ปิดสนิทแน่น พี่กรสะดุ้ง เสียงสูดปากระคนเสียงครางดังไม่หยุด ผมปรนเปรออีกฝ่ายด้วยปากและนิ้วเหมือนเครื่องจักรชั้นดี

ร่างข้างใต้ดิ้นเร่าเมื่อนิ้วที่สองถูกสอดเข้าไปขยาย นิ้วเรียวยาวจับแขนผมไว้แน่นสบตาผมด้วยนัยน์ตาไหวระริก ผมละริมฝีปากออกมาเพื่อมองสีหน้าอีกฝ่ายให้เต็มตา พี่กรหน้าแดงไม่ต่างจากมะเขือเทศสุก ยามผมเคลื่อนนิ้วเข้าถูไถในร่างก็ส่งเสียงครางหวานหูออกมาจากริมฝีปากที่พยายามขบกัดเพื่อเก็บกลืนความน่าอาย ผมเคลื่อนนิ้วไปทีละนิด รุกคืบเพื่อหาจุดอ่อนไหวที่จะทำให้อีกฝ่ายแดดิ้นเช่นทุกที

“อ๊า~”  ผมยิ้มรับเสียงครางที่หวานล้ำกว่าเดิม พี่กรตัวสั่นระริกตอบสนองกับนิ้วขยันที่กดสัมผัสถูกจุด

“พี่กร...”

“อา~ โป้ย...โป้ย”

“ผมอยากเข้าไป...”  ผมเอ่ยเสียพร่า ดันนิ้วที่สามเข้าไปเพื่อขยับขยายช่องทางอุ่นร้อน โลมเลียร่างกายเนียนนุ่มด้วยลิ้นชุ่มชื้น  “นะ อนุญาตผมนะครับ”

“อื้อ!”  คนตัวขาวสะบัดหน้าด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงจนเกินต้าน ผมเหยียดยิ้มพลางเร่งจังหวะเรียวนิ้วในช่องทางนุ่ม สอดแทรกขยับขยายให้เพียงพอที่แก่นกายร้อนจะบุกรุกเข้าไป

“พูดสิครับ”

“อื๊อ! ไม่ๆๆ พอแล้วโป้ย” 

นิ้วทั้งสามถูกชักออก เปลี่ยนมาจับขาของคนดิ้นรนให้แยกออกกว้าง เบียดกายร้อนถูไถร่องก้นไปมาเรียกเสียงครางหวานหู ผมจับจ้องช่องทางนุ่มขมิบยุบยิบยามโดนแก่นกายเสียดสี ส่วนอ่อนไหวสีขาวสะอาดปริ่มหยาดน้ำชวนให้ลิ้มลอง ผมปวดหนึบจนอยากจะกระแทกตัวเข้าไปบดเบียดให้คนใต้ร่างกรีดร้อง ครวญครางเรียกชื่อผม กอดรับผมด้วยสองมือ ตอดรักจนกระทั่งผมแตกซ่านภายใน

“ให้ผมเข้าไปได้มั้ย”

“...ด...ได้”  พี่กรตอบเสียงแหบพร่า หากผมยังไม่พอใจเพียงเท่านี้

“อะไรได้ครับที่รัก”

“อื้อ~ เข้ามา...อา~ อย่าแกล้ง”

ผมเหยียดยิ้ม จับเอ็นร้อนถูวนยังปากทาง ออกแรงดันเล็กน้อยให้ส่วนหัวผลุบเข้าไปก่อนจะชัดออกมาถูไถอีกครั้ง วนซ้ำไปเรื่อยจนช่องทางขยายกว่างกลืนกินผมได้มากกว่าเดิม

“โป้ย... ฮือ~ ที่รักครับอย่าแกล้งพี่”  และดูเหมือนว่าฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อนคือดารราหนุ่มสุดร้อนแรงใต้ร่าง เมื่อเรียวนิ้วยาวเอื้อมลงมาจับสิ่งแข็งขืนแล้วดึงดันให้มันเข้าไปด้วยตัวเอง

“ซี๊ด...อย่ารีบร้อนสิครับ”  ผมเอ่ยกระเซ้า แล้วเริ่มบทเร่าร้อนโดยการเคลื่อนตัวเข้าไปสู่ความคับแน่นช้าๆ ทิ้งน้ำหนักตัวจมดิ่งจนกระทั่งสองกายแนบชิด

เสียงกระซิบอ่อนหวานเรียกชื่อกันระคนเสียงครางด้วยความสุขสม อากาศเย็นฉ่ำถูกความร้อนแทนที่อบอวลกลิ่นหวานกระตุ้นความต้องการให้พุ่งสูง หยดเหงื่อรินรดแลกเปลี่ยนรสหวานจากกลีบปากกันและกัน ลมหายใจหอบกระเส่าส่งคำรักยาวนานกระทั่งจุดสูงสุดของความปรารถนา

หยาดรักที่เอ่อล้นภายในถูกรีดเค้นจนคนออกแรงแทบหมดกำลัง สองร่างคลอเคลียกันจนกระทั่งลมหายใจกลับมาเป็นปกติ

ผมถอนกายออก จัดการเช็ดทำความสะอาดหยาดน้ำคาวที่รินไหลออกจากช่องทางบวมแดง พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่เตลิดไปกับความยั่วยวนยามสิ้นสุดบทรัก พี่กรหลับตาพริ้ม ลมหายใจยังคงอ่อนระทวย ไม่ว่าผมจะพลิกจับไปทางไหนก็ไร้ซึ่งเสียงคัดค้าน

“เป็นยังไงบ้าง”  เอ่ยถามขณะเกลี่ยปอยผมชื้นเหงื่อให้พ้นวงหน้าอีกฝ่าย พี่กรปรือตายิ้มรับผมเล็กน้อย

“เจ็บ...ไม่เคยถ่างขากว้างขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต”  ผมหัวเราะให้กับคำอุทธรณ์

“เห็นว่าเป็นครั้งแรกของพี่ ผมจะยอมจบที่รอบเดียวก็ได้”

“โอย~ พี่ต้องขอบคุณสินะ”  พี่กรยกยิ้ม พลิกกายตะแคงข้างคล้ายอยากจะตัดบทสนทนาล่อแหลม

ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดบังผิวเนื้อเนียนขณะแทรกร่างตัวเองเข้าทาบซ้อน อากาศในห้องที่เย็นฉ่ำขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในผ้าห่มกลับอบอวลด้วยไออุ่นจากสองร่าง ผมกอดคนร่างบางกว่าจูบซับไปทั่วต้นคออย่างอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ก่อนเปิดฉากการพูดคุยด้วยท่วงท่าที่แนบแน่นยิ่งกว่าครั้งใด

“ลุงเอาคลิปสัมภาษณ์ของพี่ให้ผมดู”

“ของรายการอะไร?”

“ไม่รู้ -- แต่เป็นรายการที่พี่เปิดใจว่าแอบชอบผู้ชายน่ะ”  พี่กรย่นคอเมื่อผมกัดหลังคอไปหนึ่งคำ จากนั้นจึงพลิกร่างมาเผชิญหน้าผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ไม่โกรธใช่มั้ยที่พี่พูดออกไป”  คนรู้ตัวเอ่ยถามลองเชิง เมื่อเห็นผมยังตีหน้านิ่งจึงรีบร้อนอธิบายต่อ  “พี่ก็ไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้โป้ยนะ แต่เรื่องของเราถ้าถูกรู้ทีหลังมันจะแย่เอาได้ สู้เกริ่นออกไปแต่แรกให้คนรับรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ น่าจะดีกว่า พอบอกว่าเป็นคนที่แอบชอบนักข่าวก็จะขุดคุ้ยได้ยากกว่า โป้ยจะได้ไม่ต้องทนรำคาญกับพวกแฟนคลับด้วย”

“นี่คือคำอธิบาย”  น้ำเสียงผมยังเรียบนิ่งเช่นเดิมทำเอาพี่กรหน้าสลดไปเล็กน้อย  “แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี!”

“...คือ...พี่...”

“ผมยังเป็นแค่คนที่พี่แอบชอบอยู่อีกเหรอ? เรายังไม่ใช่คนรักกันอย่างนั้นสินะ”

สองตาคู่สวยตรงหน้าเบิกกว้างมองผมราวกับตามเรื่องในการสนทนาครั้งนี้ไม่ทัน พี่กรที่กระพริบตาปริบค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นปั้นปึ่งเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มกวนอารมณ์ของผมผุดขึ้นมา ฝ่ามือขาวตีท่อนแขนคนขี้แกล้งเสียหนึ่งที 

“พี่ก็คิดไปว่าโป้ยโมโหที่พี่พูดเรื่องของเรา”

“โมโหสิ! โมโหที่พี่ไม่ยอมพูดว่าเป็นแฟนผมแล้ว”  ผมตีหน้าขึงขังอีกรอบ หวังจะพุ่งริมฝีปากเข้าหาลาดไหล่เพื่อขบกัดเสียหน่อย แต่กลับถูกดันเอาไว้จนหน้าหงายเริ่ดซะก่อน

“ขืนพี่ทำแบบนั้นแล้วคนที่บ้านโป้ยจะว่ายังไง”

“เขาไม่ว่าอะไรหรอก”  สิ้นคำตอบ มือที่ดันหน้าผาไว้กลับอ่อนกำลังลงยังผลให้ผมฉกจูบลาดไหล่เนียนได้สมใจ

“...อาเจ็กว่ายังไงบ้างเหรอโป้ย”

“อยากรู้ขึ้นมาแล้วล่ะสิ”  ผมเอ่ยแซวด้วยเสียงหัวเราะ จึงถูกลงโทษด้วยการถูกตีอีกหนึ่งครั้ง

“อย่ามาเล่นลิ้นนะโป้ย”  พูดจบก็ระบายอารมณ์ใส่ผมอีกสักหนึ่งที

“โอ๊ยๆ ผมเล่นลิ้นเสียที่ไหนเล่า เล่นลิ้นจริงๆ มันเป็นแบบนี้ต่างหาก!”  ว่าแล้วก็ล็อกใบหน้าคนพูดผิดเอาไว้ด้วยสองมือ แล้วเข้าจู่โจมริมฝีปากนุ่มนวล ซอกซอนเรียวลิ้นเข้าไป ลุกไล้หลอกล่อลิ้นพี่กรออกมาแล้วจงใจดูดมันแรงๆ

“บ้า!!”  ปิดท้ายเมื่อผมยอมละปากออก พี่กรซัดผมอีกหนึ่งทีด้วยใบหน้าเห่อร้อน

“พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องคนที่บ้านนะ”  ผมอมยิ้ม จูบหน้าผากอีกฝ่ายอย่างรักใคร่  “ป๊าไม่ว่าอะไรเลย เขาคิดว่าผมต้องชอบผู้ชายมาแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งอากงพี่ยิ่งไม่ต้องห่วง ถึงอากงแก่จะอายุมากแต่ก็ไม่ได้หัวโบราณ”

“...จริงเหรอ?”  พี่กรเอ่ยเสียงเบา

“จริงสิ! ให้เวลาพวกเขารับตัวตนของผมได้มากกว่านี้ก่อน แล้วเราไปด้วยกันนะ อากงรักพี่ ป๊าก็ชอบพี่ ทุกคนต้องยินดีกับผมแน่นอน”

พี่กรพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ผมรู้ว่าภายใต้ความยินดีที่แสดงออกมานั้นยังคงไม่ใช่ความสบายใจอย่างแท้จริง แม่ของพี่กรยังคงรอคำอธิบายของลูกชายอยู่ กับอีกหนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้จากการเป็นคนของสังคมคืออีกด้านของการยอมรับ เรากรคงต้องฝ่าฟันเสียงเสียดสีและกร่นด่าของคนที่ไม่เห็นชอบ ถ้อยคำที่เราเคยเห็นมันถูกพ่นใส่คนอื่น ในวันข้างหน้ามันคงเป็นคราวของเราที่ต้องเผชิญ

เราอาจจะท้อใจ... แต่ถ้าเรายอมถอยนั่นคงหมายว่าเราคงรักกันไม่มากพอ

ผมรั้งร่างคนในอ้อมกอดให้แนบชิดยิ่งขึ้น จรดริมฝีปากแนบกลีบปากนิ่มแผ่วเบา

“ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากพี่”

“อืม...”  พี่กรพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม มันคงเป็นรอยยิ้มแสนหวานที่มีผมคนเดียวที่ได้เห็น

“ฟังแค่ผม”

“..........”

“มองแค่ผม”

“..........”

“รักแค่ผม”

“คิกๆ เอาแต่ใจจัง”

“แต่พี่จะทำให้ผมได้ใช่มั้ย?”

ริมฝีปากคนฟังแย้มยิ้มหวานล้ำจนส่องประกายวิบวับไปถึงนัยน์ตา โอบวงแขนตอบรับก่อนจะซุกซบลงกับซอกคอผมราวกับลูกแมวช่างออดอ้อน

“พี่ทำแบบนั้นมาตลอดนะโป้ย...ทำมาตลอด”

เสียงทุ้มหวานเอ่ยคำยืนยัน ผมแนบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมทั้งรอยยิ้ม

“...และจะมันเป็นยังนั้นตลอดไป”

คำสัญญาของพี่กรที่ดังแผ่วท่ามกลางความเงียบ ผมตอบรับถ้อยคำนั้นด้วยอ้อมกอดที่แน่นกว่าเดิม

ความเงียบขับเน้นเสียงหัวใจเต้นให้ดังขับกล่อมสองร่าง

หากว่านับจากวันนี้...เราไม่ปล่อยมือจากกัน คำว่า ‘ตลอดไป’ คงเป็นได้มากกว่าคำพูดได้แน่นอน





-------------------------------------------------------

ตอนหน้าจบแล้ว
ตอนหน้าจบแล้วจ่ะ
ตอนหน้าจบแล้วจ้าาาา
 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
:a2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2019 12:56:35 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดีใจ คู่นี้ลงเอยกันอย่างสมบูรณ์ซะที

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หวานมากๆค่ะพี่กรกับโป้ย อิอิ ส่วนของพี่กรนั้น รอดูบทลงโทษ  :hao6:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
โป๊ยแสบมาก จะแกล้งเอาคืนพี่ปูน ก็ไม่สงสารเพื่อนซื่อๆ แบบลุงบ้างเลย

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
สมใจแล้วเนาะโป๊ยได้กินพี่กรแล้วนิ   :z1:

ไม่อยากจะคิดสภาพน้องลุงว่าจะโดนพี่ปูนทำโทษแบบไหน  :hao6:

****อยากให้น้องลุงรู้ทันแผนของเพื่อนๆที่รักทุกคนแล้วเอาคืนบ้าง....พอจะมีวันนั้นไหมน๊า55555

รอตอนหน้าอย่างจดจ่อ  :pig4: :กอด1: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2019 11:50:46 โดย nekko »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พี่กรโดนกินแล้ว  :haun4: :haun4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อะไรคือตอนหน้าจบ แงงงงงงงงงงง
ต้องคิดถึงลุงมากๆๆๆแน่เลย

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อิโป๊ย อิเพื่อนเลววววววว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สงสารลุง เพื่อนโป๊ยทำพิษซะแล้ว

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
กว่าจะลงเอยกันได้นะคู่นี้ ลุ้นตัวโก่งเลย  ยินดีกับโป้ยที่ได้กินพี่กรซักที

แต่ขอหยิกโป้ยทีที่บังอาจมาแกล้งน้องลุง แค้นพี่ปูน แต่ลุงซวย

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
อิโป้ยยยยยยยยย
แกล้งพี่ปูนไม่สงสารลุงเลยเหรอ 55555

ตอนหน้าจบแล้ววววววว จะมีเล่มมั้ยค๊าา  :katai2-1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1087
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
คู่โป้ยกับพี่กร ก็หวานกันไป แต่กับดักที่โป้ยวางไว้กับลุงและพี่ปูนนี่รอลุ้น :mew4:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :angry2:  โป้๊ย จะทำอย่างนี้กับพี่ปูนไม่ได้นะ 

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
เรื่องนี้นายเอกตายใช่ปะ โดนพระเอกฟัดตายคาเตียง 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด