◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 305293 ครั้ง)

ออฟไลน์ pan27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
...ฮืออออ  รักลุงที่สุด เป็นคนที่น่ารักน่าอยู่ใกล้ในชีวิตจริง
เป็นความสดใสของโลกใบนี้อย่างแท้จริง
เช้าใจหัวอกคุณปุริมเลยค่ะ เราเองยังรักและหลงลุงหนักมาก
..ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักเรื่องนี้ อย่าหายไปนานนะคะ คนอ่านคิดถึง  :L1:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ดีใจ :mew1:ดีใจได้อ่านต่อแล้ว  ขอบคุณคนแต่งค่า :mew1:

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ [โป้ย]





“ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”

บ้าเอ๊ย!!

โทรศัพท์ราคาแพงถูกเขวี้ยงลงพื้นราวกับของไร้ค่า ผมไม่หันไปมองว่ามันจะแตกกระจายหรือพังเสียหายแค่ไหน ทำเพียงพิงหลังลงกับพนักโซฟาอย่างอารมณ์เสียขั้นสุด ผมรู้ว่าพี่กรไม่ค่อยรับโทรศัพท์เวลาทำงาน บางครั้งส่งข้อความไปก็ไม่ค่อยอ่าน แต่การปิดเครื่องแบบนี้มันเกินไปจริงๆ

การไปทำงานหลายวันโดยบอกลาสั้นนั้นผมเจอมาหลายครั้ง แต่ผมก็หวังว่าจะมีการติดต่อระหว่างวันบ้าง โต้ตอบข้อความบ้าง หรือแม้จะแค่ขึ้นอ่านเฉยๆ ผมก็ยังรับได้ แต่การติดต่อไม่ได้เลยไม่ว่าหนทางไหนมันทำให้ผมเป็นกังวล คิดไปต่างๆ นานาว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่? กองจะมีปัญหาหรือเปล่า? โทรศัพท์เสียรึว่าหาย? ผมครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างแล้วใช้ความคิดนั้นสงบจิตใจตัวเองเพื่อนับวันรอที่จะได้เจอกัน



แต่ไอ้รูปเชี่ยนั่นกลับปลุกจิตใจผมให้ลุกเป็นไฟ



แน่นอนว่าคนไม่ติดตามละครหรือวงการบันเทิงอย่างผมย่อมไม่คุ้นหน้าค่าตาของไอ้ดาราไม่รุ่งคนนั้น ผมไม่สนว่ามันจะเล่นละครเรื่องเดียวกันหรือไม่ ผมไม่สนว่ามันจะเป็นคู่จิ้นของพี่กรหรือเปล่า ...ผมจะทำเป็นไม่สนว่าพี่กรไปรับเล่นบทชายรักชายโดยไม่บอกผมด้วย

แต่ผมสนเรื่องที่แก้มของแฟนตัวเองถูกไอ้เวรที่ไหนมาจูบ แถมแฟนคนนั้นยังหยอกล้อกลับอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

โว้ย!! คำพูดพี่ปูนยังก้องอยู่ในหูผมอยู่เลย หลักฐานอย่างดีบ้าบออะไรกัน! คนที่แอบรักผมมาตั้งนานสองนานอย่างนั้นจะไปมีใจมองใครได้อีก หรือต่อให้เริ่มเปลี่ยนใจจริงก็อย่าคิดว่าผมจะยอมง่ายๆ เหอะ!!

หลังจากระบายอารมณ์กับข้าวของจนพอเรียกสติกลับมาได้บ้างแล้ว แม้จะพยายามจดจ่ออยู่กับงานที่อุตส่าห์หอบกลับมาทำที่บ้านแต่ก็ไม่อาจเรียกสมาธิให้จดจ่อได้ ผมจึงทิ้งทุกอย่างไว้แล้วเลือกที่จะลงไปเดินที่สวนเล็กในบริเวณบ้านเพื่อปลดปล่อยความขุ่นเคือง

ผมมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าผมคงมีเวลาเงียบสงบอีกประมาณเกือบชั่วโมงก่อนที่บรรดาหลานๆ จะกลับมาจากโรงเรียน ที่บ้านใหญ่แห่งนี้ไม่เคยขาดเสียงน่ารำคาญของเด็กเลย พอคิดว่ารุ่นนึงโตแล้วก็มีรุ่นต่อไปมาสร้างความวุ่นวายตลอด

แต่ถ้าบ้านหลังนี้ขาดเสียงของเด็กๆ ไป ผมเดาว่ามันคงเงียบเหงาน่าดู

สนามหญ้าโล่งๆ ที่ประดับด้วยไม้กระถางนั้นจะเรียกว่าร่มรื่นก็ไม่ได้ แต่ทุกคนก็พร้อมใจเรียกมันว่าสวนเพื่อให้เกียรติออกซิเจนอันน้อยนิดที่บรรดาต้นไม้กระถางช่วยกันผลิต เพราะไม่งั้นมันคงมีศักดิ์เป็นแค่ลานไทเก๊กของอากงเท่านั้น ผมเดินไปนั่งยังชุดโต๊ะหินอ่อนริมกำแพงที่ตั้งกระถางต้นไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม แสงแดดช่วงบ่ายถูกร่มไม้ใหญ่ของข้างบ้านชะล้างจนเหลือเพียงแสงรำไรที่ตกกระทบลงมา

ผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่นัก แต่ก็มีนัดม้ากับป๊าไปทานข้าวกันบ้าง โทรศัพท์คุยกันบ้าง แต่ในช่วงที่การอยู่ลำพังจะทำให้ฟุ้งซ่านแบบนี้ผมจึงเลือกที่จะกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว เผื่อเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดของหลานกับหัวข้อสนทนาอันหลากหลายของคนในบ้านจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจได้บ้าง

แต่ผมก็ลืมไปว่าเดี่ยวนี้ข่าวสารมันเข้าถึงคนได้มากแค่ไหน...

“เฮียโป้ยทำงานกับพี่พันกรใช่มั้ย?”

เสียงของลูกพี่ลูกน้องของผมที่อายุไม่ต่างกันมากนักถามขึ้นในวงอาหาร ผู้ใหญ่ทั้งบ้านนั่งล้อมวงรอบโต๊ะทรงกลมขนาดใหญ่เพื่อทานอาหารเย็น บางคนที่ไม่ได้สนใจก็คีบกับข้าวให้เด็กไป บางคนถึงกับหันมามองผมอย่างโจ่งแจ้งเพราะสนใจในหัวข้อสนทนา

“ใช่ หนิงถามทำไม”  ผมถามกลับคนฝั่งตรงข้ามเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจพอจะเดาถึงจุดประสงค์ได้

“ก็หนิงอยากรู้ว่าพี่กรคบกับริคเตอร์จริงหรือเปล่า”  หนิงคือลูกพี่ลูกน้องที่เลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ความสนิทก็เลยจะมีมากกว่าพี่น้องคนอื่นที่อยู่ต่างบ้าน แต่ผมนึกว่าจะเป็นแค่หนอนหนังสืออย่างเดียว ไม่คิดว่าจะชอบเรื่องราวดารากับเขาด้วย

“อะไรกัน อากรอีมีแฟนแล้วหรือ?”  ม้าที่นั่งข้างกันหันมาถามผมด้วยความอยากรู้ก่อนที่ผมจะได้ทันตอบคำถาม  “วันก่อนอาแก้วอีมาเยี่ยมยังไม่เห็นอีบอกเล่าเก้าสิบอะไรเลย”

“แต่มันชื่อผู้ชายไม่ใช่หรือหนิง คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนชื่อริคเตอร์หรอกนะ”  โกวหยกถามลูกสาว ซึ่งลูกสาวคนเดียวของแกก็ตอบกลับอย่างฉับไว

“ก็ผู้ชายน่ะสิม้า เนี่ยเป็นคนแรกที่พี่กรมีข่าวด้วยเลยนะ คนเขาก็เลยลือกันว่าที่พี่กรไม่มีข้าวกับผู้หญิงคนไหนเพราะเป็นเกย์”

“เกย์!”  ผู้หลักผู้ใหญ่รอบวงข้าวพร้อมใจกันร้องขึ้น ผมแสร้งตีสีหน้าเรียบเฉยพลางเหลือบมองอากงที่นั่งพุ้ยข้าวเข้าปากเงียบๆ จะว่าไปพี่กรก็นับว่าเป็นคนโปรดของอากงมาเสมอ ไม่รู้ว่าจากนี้จะมีท่าทีอย่างไรเหมือนกัน

“พวกตุ๊ดแต๋วอย่างนั้นน่ะหรือ!”  แปะจิ่วทำสีหน้าเหลือเชื่อ ฟังจากน้ำเสียงแล้วแกคงมีอคติกับผู้ชายที่รักชอบกันเองเหมือนกับพวกผู้ใหญ่หัวโบราณทั่วไป

“ไม่ๆ อย่างที่กู๋ว่าคือคนที่ออกสาวๆ หรืออยากเป็นผู้หญิง แต่พี่กรแค่ชอบผู้ชายเขาเรียกเกย์”  คนต้นเรื่องอย่างหนิงรีบแก้ไขความเข้าใจผิด แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีประโยชน์อธิบายกับคนรุ่นแปะเท่าไหร่

“มันก็เหมือนกันแหละอาหนิง”  แปะจิ่วสรุปสั้นๆ

“เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่คิดเลยว่าจะเบี่ยงเบนแบบนี้นะ”  อาซ้อหลิว ภรรยาของแปะจิ่วพูดพลางถอนหายใจ

“แล้วนี่อาแก้วอีรู้รึเปล่า?”

“อีมีลูกชายคนเดียวด้วยนา”

“น่าสงสารอีจริงๆ อย่างนี้ก็ไม่มีหลานไว้สืบสกุลแล้ว”

และอีกคำวิจารณ์มากมายจากวงศาคณาญาติร่วมโต๊ะอาหาร ผมมองเจ้าตัวต้นเรื่องที่เริ่มทำสีหน้าเบื่อหน่ายคล้ายรู้ตัวว่าไม่ควรปากมาก ผมเองก็เริ่มหงุดหงิดกับการพูดต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับพี่กร ถ้าหากหัวข้อสนทนานี้จะเป็นเรื่องคนอื่นผมก็คงแค่กินข้าวไปเรื่อยๆ จนเสร็จไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร แต่นี่คือเรื่องของคนรักที่แม้ว่าผมกำลังขุ่นเคืองอยู่หากไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาพูดถึงในเชิงไม่ให้เกียรติแบบนี้

แต่ในเมื่อเป็นญาติกัน ผมคงไม่สามารถต่อว่าอะไรได้ นอกเสียจาก...

“ผมมีแฟนนะเผื่อทุกคนยังไม่รู้”  ผมโพล่งขึ้นด้วยเสียงดังพอที่จะสยบข่าวคาวบนโต๊ะ และก็เป็นดังคาดที่ทุกคนพุ่งความสนใจมาที่ตัวผมแทน

“ทำไมลื้อไม่เคยบอกม้าเลยล่ะ”  ม้าเป็นคนแรกที่ถามกลับด้วยความตกใจ  “เป็นลูกเต้าเหล่าใคร? ม้าเคยเห็นหน้ามั้ย?”

“เคยครับ”  ผมตอบสั้นๆ

“สวยมั้ยเฮีย”  หนิงถามต่อ

“วันหลังต้องพามาเที่ยวบ้านบ้างนาอาโป้ย จะได้รู้จักทุกคน”  ซ้อหลิวเอ่ยอย่างดีใจ  “ในที่สุดลื้อก็ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ม้าของลื้ออยากจะอุ้มหลานเต็มแก่แล้ว”

ผมค่อยๆ เคี้ยวกับข้าวที่เพิ่งคีบเข้าปากพลางลอบมองสีหน้ายินดีของทุกคนช้าๆ แม่กระทั่งอากงก็ยังยิ้มน้อยๆ กับคำเย้าแหย่ที่ว่าจะมีเหลนเพิ่มขึ้นอีกคน อันที่จริงผมจะปล่อยให้ทุกคนคิดไปเพียงเท่านี้ก็ได้ แต่เมื่อเวลามันผ่านไปทุกอย่างก็ย่อมต้องเปิดเผยออกมา ในเมื่อผมเองก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจจากพี่กร จะพูดตอนนี้หรือตอนไหนก็คงเหมือนกัน

“แต่ผมกับแฟนมีหลานให้ม้าไม่ได้หรอก”  ผมหันไปพูดกับคนข้างตัว จ้องมองผู้หญิงที่ยังคงมีเค้าความสวยเหมือนสาวๆ ด้วยแววตาจริงจัง ม้าเลิกคิ้วมองผมเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นร่องรอยขมวดมุ่น

“แฟนผม...เป็นผู้ชาย”

ไม่มีใครส่งเสียงต่อจากนั้น ทุกคนคงอยากจะอ้าปากต่อว่าหรือวิจารณ์แต่ก็เกรงใจม้าถึงได้นั่งเงียบราวกับนัดกันไว้ ผมมองแม่ตัวเองด้วยแววตาเห็นใจ ที่จริงผมควรจะบอกม้าเป็นการส่วนตัวเพื่อไม่ให้ม้าอับอายคนอื่น แต่ในเมื่อผลลัพธ์มันจะออกมาเหมือนกันจะบอกแบบไหนก็คงไม่สำคัญหรอก

“อาโป้ย!! ลื้อ...นี่ลื้อ...”  ม้าอ้าปากอมลมอยู่หลายรอบ คงอยากจะด่าผมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี

“ผมไม่รู้สึกว่ามันน่าอายหรือว่าเป็นเรื่องที่ผิดก็เลยตัดสินใจบอก”  คำย้ำของผมทำให้ทั้งโต๊ะยิ่งเงียบเข้าไปอีก กระทั่งเสียงวางตะเกียบจากตำแหน่งของอากงดังขึ้น ทุกคนหันไปมองเจ้าบ้านที่อายุเกือบจะร้อยปีเข้าไปทุกทีด้วยความกังวลว่าแกจะรับไม่ได้จนกระเทือนร่างกาย

แต่อากงกลับใช้แววตามากประสบการณ์มองมาที่ผมเงียบๆ

“อาโป้ย...”  อากงเรียกผม ทำเอาคนร่วมโต๊ะทำหน้ายุ่งด้วยความกังวล

“ครับอากง”

“ลื้อจริงจังงั้นรึ”

“ครับ” 

อากงพ่นลมหายใจยาวเหยียดพลางพยักหน้ากับความเข้าใจที่ไร้เสียง ท่าทีเช่นนั้นของผู้ที่มีอำนาจที่สุดในบ้านทำให้ผมสบายใจ หากอากงไม่ต่อว่าอะไรคนอื่นก็จะวิจารณ์เรื่องนี้อย่างมิดชิดมากขึ้น

“แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่นะอาป๊า”  ม้ายังเป็นคนเดียวที่มีท่าทีสับสนอย่างชัดเจน บางทีหากอากงแสดงท่าทีต่อต้านมันคงช่วยให้ม้าแกลงความเห็นไปในทิศทางที่ชัดเจนได้ดีกว่านี้

“แล้วลื้อจะทำอย่างไร หืม อาหลิง?”  อากงถาม ทำเอาม้าที่สับสนอยู่แล้วถึงกับไปไม่ถูก

“อั๊ว...”

“คนมันรักมันชอบไปแล้ว ลื้อจะจับอีเข้าโรงหมอหรือลงหวายอีรึไง”  ทุกคนเงียบกริบยามอากงเอ่ยเสียงเฉียบขาด  “ถึงอีจะดื้อเงียบแต่อาโป้ยก็เป็นเด็กดีมาตลอด อีเป็นหลานที่ดีของอั๊วเพราะฉะนั้นอีจะรักชอบอะไรอั๊วก็ยังรักอี หรือว่าอาโป้ยเป็นลูกที่ไม่ดีลื้อถึงหาข้ออ้างที่จะไม่รักอีแล้ว”

“ไม่ใช่นะป๊า...อั๊ว...อั๊วแค่...”

“พวกลื้อก็เหมือนกัน”  อากงกวาดตามองไปรอบโต๊ะ  “พวกลื้อไม่มีสิทธิ์ตัดสินหรือวิจารณ์ใคร ต่อให้เป็นคนที่พวกลื้อเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยก็เถอะ พวกลื้อมีสิทธิ์หวังดีและเอ็นดูสงสารแต่ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย โลกมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพวกลื้อต้องรู้จักอยู่กับปัจจุบันด้วย”

เสียงตอบรับแผ่วเบาดังมาจากทุกทิศทางรวมถึงคนข้างกายผมด้วย

“เอาล่ะ กินข้าวกันต่อได้แล้ว”

สิ้นเสียงของอากงทุกคนจึงแสร้งยิ้มกินข้าวกันต่อ หนิงก็เริ่มหาเรื่องอื่นมาคุยเพื่อให้วงไม่เงียบ ไม่นานก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้งราวกับไม่เคยมีเรื่องเครียดใดมาก่อน จะมีก็แต่คนข้างๆ ผมที่ยังคงทำสีหน้าปั้นยากไปตลอดมื้อ กระทั่งมื้อเย็นจบลงถึงเวลาที่ทุกคนแยกย้ายกันไป ม้าก็ยังไม่มองหน้าผม...

การแสดงออกของม้าเป็นสิ่งที่ผมเข้าใจได้ ผมจึงไม่รบเร้าที่จะเข้าไปพูดคุยหรือทำเป็นว่าบางอย่างจะไม่เปลี่ยนไป ผมปล่อยให้เวลาม้าได้คิดเพียงลำพังเพื่อรอคำตัดสินของป๊าที่จะกลับมาจากฮ่องกงในอีกสามวัน ม้าก็เหมือนผู้หญิงเชื้อสายจีนทั่วไปที่จะฟังคำของสามี ถ้าในกรณีนี้ป๊าเกิดโมโหรับไม่ได้ขึ้นมา ผมก็ไม่รู้ว่าม้าจะยังเข้าข้างผมอยู่หรือเปล่า








ผลจากการทำลายข้าวของอย่างขาดสตินั้นตามมาด้วยการต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ มือถือโชคร้ายเครื่องนั้นหน้าจอแตก และการถูกกระแทกอย่างแรงทำให้มันเปิดไม่ติด จะส่งเข้าศูนย์ก็กินเวลานาน ส่งร้านซ่อมก็คิดราคาสูง ผมจึงเลือกที่จะซื้อใหม่แทน และทันทีที่ตั้งค่าทุกอย่างในเครื่องเสร็จเรียบร้อย คนแรกที่ผมโทรหาก็ยังเป็นคนเดิม

“ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”

และก็ยังคงเป็นคำตอบเช่นเดิมที่ผมได้

หากครั้งนี้ผมทำเพียงถอนหายใจแล้วเดินไปเรื่อยๆ ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่นี้โดยไร้จุดมุ่งหมาย เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เห็นหน้าพี่กรผมก็อยู่ได้ ไม่ได้คุยกันก็ไม่เป็นไร หรือจะห่างกันเป็นเดือนเป็นปีผมก็ยังไม่รู้สึกโหยหาอะไร แต่พอตัวเองตัดสินใจหยิบยื่นความรู้สึกให้ ก็กลายเป็นผมที่ไม่เหมือนเดิมในขณะที่พี่กรไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด พี่กรยังคงเป็นผู้ชายที่อดทนเก่ง ในขณะที่ผมแทบจะอดกลั้นไม่ได้

ที่เคยคิดว่าพี่กรขาดผมไม่ได้ อาจจะกลายเป็นตัวผมเองมากกว่าที่ผูกหัวใจเอาไว้ที่ปลายเท้าของเขา ถ้าหากพี่กรเผลอเหยียบมันเข้าคงจะมีแค่ผมที่เจ็บเจียนตาย


มันไม่ดีเอาเสียเลย


ความรักมันคือสิ่งที่ควรจะถูกเก็บรักษาไว้ในใจ เพราะใจมันจะสั่งสมองให้คิดถึงคนๆ นั้นอยู่เสมอ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น...คนที่ไม่คิดถึงกันล่ะ?

ผมส่ายหัวให้กับความคิดวุ่นวายในหัว ถ้าไอ้ลุงมันรู้ว่าผมเพ้อเจ้อคนเดียวอย่างนี้คงขำจนกรามค้าง

เดินๆ นั่งๆ ไปเรื่อยจนตกเย็น ผมจึงชวนเสี่ยไปกินอาหารดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลงตามประสาคนว่าง แต่ถึงแม้จะไม่ค่อยว่างเสี่ยมันก็ยินดีหนีป๊ามันมาได้อยู่แล้ว ดูจากสีหน้ายินอกยินดีตอนที่ได้กระดกเบียร์เข้าปากก็รู้

“สดชื่นโคตร~”  เพื่อนรักผมแทบจะครางออกมากลางร้านอาหาร มันดื่มอึกๆ จนหมดแล้ววางแก้วลงกับโต๊ะเหมือนพวกกระหายอยากมานาน

“เครียดเหรอไงมึง”

“อย่าให้กูต้องพูดเลย เดี๋ยวกูจะเผลอบ่นป๊าให้บาปกินกะบาล”

ผมส่ายหน้าอย่างเห็นขันแต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ เพระรู้ดีว่ามันมีความเครียดที่ต้องทำงานให้ป๊ามันพอสมควร ป๊ามันเป็นคนละเอียดจุกจิกเลยทำเหมือนเสี่ยมันยังเป็นเด็กไม่โตเสียที แล้วไอ้เสี่ยมันก็เป็นคนสบายๆ ต้องมาอยู่ในกรอบตลอดเวลาแบบนี้ความเครียดมันก็ต้องมีบ้าง

แต่ผมจะไปอวยพรว่าทนเอาเพื่อน เดี๋ยวป๊ามึงก็ไปสบายแล้วก็ไม่ได้…

“คิดซะว่าเขาเป็นห่วงมึงสิวะ ที่เขาสอนเขาด่าเพราะอยากให้มึงสบายตอนไม่มีเขา”

“เฮ้อ…กูรู้ เขาอดทนกับกูที่สุดแล้ว หมดจากเขาก็เหลือแค่พวกที่ไม่ไหวจะทนกับกูทั้งนั้น”

“เขารักมึง”

“กูก็รักเขา”

“อะ! กูบันทึกเสียงไว้แล้ว เดี๋ยวกูส่งไลน์ให้ป๊ามึงนะ”  ผมหัวเราะพลางยื่นโทรศัพท์ให้มันพร้อมกับกดเล่นเสียงที่บันทึกไว้

“ไอ้สัดนี่”  ไอ้เสี่ยยื่นมือออกมาหวังตบหัวผมแต่ก็วืด สีหน้ามันขัดเขินเล็กน้อยตามประสาลูกผู้ชายทั่วไปที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักกับพ่อเท่าไหร่

“สนใจเรื่องมึงเถอะ เสียงตอนโทรชวนกูเนี่ยเซ็งเต็มที่เลยนะ”  เมื่อทำร้ายร่างกายผมไม่ได้ มันก็เปลี่ยนเรื่องทันที

“กูแค่เบื่อๆ”

“แล้วเมียลุงของมึงเล่า”  ผมยิ้มขำกับคำเรียกลับหลังของเพื่อน คงเพราะผมกับลุงชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันอยู่ประจำเลยได้ตำแหน่งผัวเมียอุปโลกน์จากคนรอบข้าง ซึ่งแน่นอนว่าพัทลุงมันไม่รู้หรอกว่าตัวเองกลายเป็นเมียปลอมๆ ของผมมานานแล้ว

“เมียกูมันก็ไปมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วไง หวานกันซะจนขากูกระตุกยิกๆ”

“หึงสินะ”

“หมั่นไส้ต่างหาก”  ผมเบ้ปากให้กับเสียงหัวเราะชอบใจของเพื่อน นี่ถ้ามันต้องมาเห็นมาได้ยินบทหวานอย่างผม มันก็คงตีนกระตุกเหมือนกันนั่นแหละ

เรานั่งดื่มเบียร์แกล้มกับจนหมดไปหลายขวด เพียงแค่นี้มันไม่ได้ทำให้เมาได้ หากทำให้ปากเริ่มเบาขึ้น อะไรที่มันคาใจก็คล้ายกับจะกักเก็บเอาไว้ไม่อยู่

เสี่ยอ่ำกำลังจิบเบียร์พลางมองสาวๆ โต๊ะข้างเคียง มันอมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับโยกตัวตามจังหวะดนตรีสดที่กำลังบรรเลงอยู่

“กูถามอะไรหน่อยสิอ่ำ”

“ว่า”

“...ถ้าเกิดคนที่มึงคบอยู่ไม่ติดต่อมึงเลยมันจะหมายความว่าไงวะ?”

อ่ำหันมามองผมด้วยสายตาแฝงคำถาม ต่อเมื่อผมยังคงนิ่งเฉยมันจึงเปลี่ยนความอยากรู้เป็นการตั้งใจใช้ความคิดแทน

“เขารักมึงไม่มากพอรึเปล่า”

หัวใจรู้สึกแปลบปลาบทันทีที่คำถามถูกวิเคราะห์ออกมา แต่ผมก็ยังแสร้งเก็บความรู้สึกเอาไว้ขณะพึมพำแก้ตัว

“กูไม่ได้พูดถึงตัวเองสักหน่อย”

“อะ งั้นกูแทนว่าเขากับผู้ชายคนนั้นก็ได้”  มันว่ายิ้มๆ

“ว่าแต่…มึงคิดอย่างนั้นจริงเหรอ”

“กูก็มั่วไป”


ไอ้ห่า!! ผมแทบจะหยิบขวดเบียร์เขวี้ยงใส่มัน


“ก็มีคนคบกันที่ไหนวะที่ไม่ติดต่อกันเลย”  ไอ้อ่ำมันรีบพูดเพิ่มเติมเมื่อเห็นผมจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ขวดเปล่า  “อ้อ! มีกรณีไอ้ลุงไง ที่มันปล่อยปละละเลยแฟนมันประจำแล้วก็มานั่งชีช้ำตลอด”

ผมเงียบ ไม่พาตัวเองกระโดดลงไปในความน่าจะเป็นของเพื่อน เพราะข้อนั้นผมก็เคยเอามายกเป็นตัวอย่างแล้ว... ลุงมันแค่ชอบแต่มันไม่ได้รักผู้หญิงพวกนั้น พอคิดถึงตรงนี้หัวใจผมก็คล้ายจะห่อเหี่ยวเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าเวลาลุงได้รักแล้วมันทุ่มเทให้แฟนตัวเองแค่ไหน

“ช่างเหอะ!! ถือซะว่ากูไม่ได้ถามอะไรแล้วกัน”  ผมตัดสินใจในที่สุด

พี่กรไม่ใช่ลุงหรือว่าใครคนอื่น! ผมไม่สามารถเปรียบเทียบความต่างหรือความเหมือนกันได้ อะไรที่ผมข้องใจหรืออยากรู้ก็สมควรที่จะถามกับเจ้าตัวถึงจะดีที่สุดสินะ


-------------------------------------[มีต่อค่ะ]

คุณ♥►MAGNOLIA◄♥ ขอบคุณที่ท้วงปีพ.ศ.ค่ะ ไม่ได้ลงนานจนหลงปีไปหมดแล้ว 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2019 20:23:34 โดย L@DYMELLOW »

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
เราดื่มต่อกันอีกสักพักก่อนจะตกลงแยกย้ายไปบ้านใครบ้านมัน ผมที่ยังถูกม้าหลบหน้าหลบตาก็จำต้องระเห็จกลับมานอนคอนโดฯ ตามเดิม

ผมชะงักอยู่หน้าประตูห้องด้วยใจหดหู่เล็กน้อย ที่จริงผมความจะตามเสี่ยมันกลับไปนอนที่ด้วยแทนที่จะต้องอยู่ลำพังในช่วงเวลาแบบนี้ แต่ผมก็ต้องอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองให้ได้เสียที เสียงทอดถอนใจดังขึ้นท่ามกลางความของทางเดิน และในที่สุดผมก็เปิดประตูเข้าไป


หากมีบางอย่างไม่ถูกต้อง...


ก่อนที่ผมจะกลับบ้านใหญ่นั้น แน่ใจว่าได้ตรวจดูทุกอย่างให้อยู่ในความเรียบร้อยดีแล้วแต่ไฟในห้องบางส่วนกลับถูกเปิดทิ้งไว้ ผมโคลงศีรษะด้วยความสงสัยก่อนที่สายตาจะเผลอกวาดไปมองพื้นห้องตรงตู้เก็บรองเท้า ที่ตรงนั้นมีรองเท้าหนึ่งคู่ถอดวางไว้อย่างเรียบร้อย มันดูคุ้นเคยแม้ไม่ใช่รองเท้าของผม แต่มันเป็นรองเท้าที่ผมซื้อให้ใครบางคนต่างหาก

คล้ายกับว่าหัวใจที่แห้งเหี่ยวได้หยาดน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงอีกครั้ง

ผมถอดรองเท้าแล้วรีบพาตัวเองเดินเข้าไปในห้อง ผ่านความเงียบงันกับความมืดสลัวในบางมุมเพื่อตรงไปยังสายธารที่จะทำให้หัวใจของผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงประตูดังเบาๆ เมื่อถูกเปิดออกท่ามกลางความเงียบที่แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ว่าดัง อากาศเย็นฉ่ำที่พุ่งออกมาปะทะความร้อนทำให้รอยยิ้มแตะแต้มบนใบหน้า ผมตรงเข้าไปเปิดไฟเพื่อต้องการมองสิ่งมีชีวิตที่กำลังหลับสนิทบนที่นอนของผมให้เต็มตา

ผ้านวมผืนใหญ่ห่อหุ้มร่างคนนอนมิดชิด โผล่มาแค่เส้นผมนิ่มสีน้ำตาลคลอเคลียใบหน้าดูดีที่กำลังหลับพริ้ม วินาทีนั้นผมไม่สนว่าตัวเองสกปรกหรือเปล่า กลิ่นเหล้ากลิ่นอาหารจะติดตามตัวแค่ไหน ผมแค่พาตัวเองพุ่งไปยังจุดนั้นแล้วคว้ากอดพี่กรอย่างยินดี

ร่างข้างใต้ดิ้นขลุกขลักในทันทีตามมาด้วยเสียงในลำคอที่ดังขึ้นอย่างขัดใจ ผมมองใบหน้ายับย่นของคนรักด้วยรอยยิ้ม พี่กรดิ้นไปมาจนกระทั่งพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรำคาญขั้นสุด และเมื่อนั้นดวงตาของคนง่วงงุนถึงได้ฤกษ์ลืมขึ้นช้าๆ

ผมกดจูบพี่กรทันทีที่เราสบตากันไปได้ไม่ถึงสองวิ ริมฝีปากที่ผมคิดถึงมาหลายวันนั้นยังคงนุ่มนวลเหมือนเคย ยามที่ผมลากลิ้นชิมรสหวานฉ่ำอีกฝ่ายก็เชื้อเชิญให้ผมลิ้มรสมากกว่าเดิมโดยการเผยอกลีบปาก ต้อนรับปลายลิ้นของผมด้วยเรียวลิ้นร้อนชุ่มชื้น ทักทายอย่างแนบแน่นให้สมกับเวลาที่ห่างกัน

ผ้าห่มผืนหนาคือตัวขัดขวางชั้นดี ผมพยายามดึงรั้งมันออกไปให้พ้นทางขณะที่ริมฝีปากของเราก็ยังไม่แยกจากกัน พี่กรวาดแขนรอบคอผมเอาไว้ ขาก็ช่วยเตะผ้าออกไปจนกระทั่งมันพ้นทาง ผมเลื่อนตัวขึ้นเหนือร่างโปร่ง แยกเรียวขาออกว้างแล้วแทรกที่ว่างด้วยร่างตัวเอง กดกายแนบชิดพลางละริมฝีปากออกเพื่อพรมจูบไปทั่ววงหน้า ลามเรื้อยไปยังลำคอขาวที่ต้องอดใจทุกครั้งไม่ให้ขบเม้มร่องรอย จมูกโด่งซุกไซ้สูดกลิ่นกายเคยคุ้นที่เฝ้ารอ คลึงเค้นผิวเนื้อนุ่มด้วยฝ่ามือเรียกเสียงครวญครางแผ่วเบากับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น

ร่างกายส่วนล่างเคลื่อนไหวบดเบียดกันตามแรงอารมณ์ที่พวยพุ่งขึ้น ถูไถเสียดสีจนกระทั่งก่อเกิดความขึงขังระหว่างกัน เสียงครางในลำคออื้ออึงทำลายความเงียบให้จางหายไป เช่นเดียวที่ไอร้อนทำท่าจะชำระล้างความเย็นให้หายไปทุกขณะ

“คิดถึง...”

ผมกระซิบบอกด้วยเสียงโหยหา และแม้ว่าจะไม่มีคำพูดหวานๆ ตอบกลับมา แต่เพียงวงแขนที่โอบกอดผมอยู่นั้นรัดแน่นขึ้นก็พอจะบ่งบอกความรู้สึกของอีกฝ่ายได้

“อย่าโกรธพี่นานนะ”  น้ำเสียงคล้ายออดอ้อนดังขึ้นแนบหู ใบหน้าที่คนทั่วประเทศอาจจะรู้จักกำลังซุกซบซีกหน้าผม มันช่างหวานล้ำจนหัวใจเต้นรัวแรง

“เรื่องไหนดีล่ะ” 

“ก็เรื่องที่พี่ลืมมือถือไว้...”

ผมพ่นลมหายใจเหนื่อยอ่อน ที่ผมทั้งโมโหทั้งเป็นห่วงมาหลายวันก็เพราะอีกฝ่ายลืมโทรศัพท์ไว้เนี่ยนะ

“แต่พี่ก็โทรมาให้ปูนฝากบอกโป้ยแล้วนะ เพราะงั้นอย่าโมโหพี่นานนะ”

“...เกี่ยวอะไรกับพี่ปูน”  ผมว่าเรื่องนี้มันชักจะมีเงื่อนงำเสียแล้ว

“ปูนไปส่งพี่ที่สนามบิน แล้วพี่ก็ดันลืมมือถือไว้ในรถ”  พี่กรอธิบายเสียงนุ่มพลางคลอเคลียผมด้วยริมฝีปากหวานๆ  “พี่ก็เลยใช้เบอร์คนที่กองโทรเข้าให้ปูนบอกโป้ยด้วยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

ไม่เห็นพี่แกจะง้างปากบอกเรื่องนี้กับผมเลยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา!

ผมได้แต่กัดฟันกรอด เก็บกักความแค้นในใจเอาไว้เพื่อรอการชำระ

“ปูนไม่ได้บอกเหรอ?”

“ผมเดาว่าพี่เขาลืม” 

“ไอ้เลวเอ๊ย!”  พี่กรถึงกับสบถออกมาเรียกรอยยิ้มกว้างจากผม นานๆ จะได้ยินพี่กรพูดหยาบให้ผมฟังสักที  “มันรับปากพี่เป็นมั่นเหมาะ ถ้ารู้ว่ามันจะแกล้งโป้ยคงกำชับให้มันเอาเครื่องมาไว้ที่โป้ยแล้ว”

“ผมจะตอบแทนเพื่อพี่ให้ถึงใจแน่คอยดูสิ!”  ผมหมายมาดในใจ ผู้ชายคนนั้นจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้จะเป็นจะตายได้นอกจากเรื่องของพัทลุง แล้วนี่ใคร...นี่โป้ยไง! ต่อให้มันจะมีผัวสักกี่คนมันก็ยังคงเป็นเพื่อนตัวเล็กที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในกำมือผมวันยังค่ำ

“งั้นไม่โกรธพี่แล้วเนอะ”

“...เรื่องนี้ไม่แล้ว”  ผมว่า ก้มลงจูบริมฝีปากบางเบาๆ อย่างอดใจไม่ไหว

“แล้วมีเรื่องไหนอีก?”

“เดาสิครับที่รัก”  ผมเหยียดยิ้ม พี่กรกลอกตาไปมาอยู่สองสามทีคล้ายกำลังขบคิดก่อนที่ใบหน้าจะยู่ลงอย่างคนนึกความผิดของตัวเองได้

“อย่าบอกนะว่าเห็นรูปที่ถูกแอบถ่าย”  พี่กรส่ายหน้าจนผมกระจาย  “มันไม่มีอะไรเลยนะ มันแค่หนึ่งในวิธีโปรโมทของกองละครเท่านั้นเอง เขาอยากเอาจุดขายที่พี่ไม่เคยมีข่าวกับใครมาตี”

“แล้ว...”

“แล้วช่องก็อยากจะดันเด็กคนนั้นด้วย”

“แล้ว...”  ผมถามกลับเสียงนิ่ง พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใจอ่อนไปกับคนน่ารักตรงหน้า

“แล้วพี่เองก็เห็นว่ามันคงจะดีในอนาคต”

“...ยังไง”

“ก็...ก็ถ้าเราเปิดเผยกันมากขึ้นมันก็จะไม่กะทันหันเกินไปกับทุกคนไง เพราะงั้นพี่ถึงยอมรับเล่นบทแบบนี้ แล้วผลตอบรับก็ดีเกินคาดซะด้วยนะ”   

ผมรับฟังถ้อยคำอธิบายอย่างสงบ ทั้งที่ในใจนั้นเต้นรัวไปกับใบหน้าระเรื่อแดงกับทุกคำที่เอ่ยออกมาของคนตรงหน้า มันออกจะเป็นคำตอบที่เกินความคาดหมายไปไม่น้อย ในเมื่อตลอดมาพี่กรคือคนขี้กลัวกับความสัมพันธ์ระหว่างกันถึงขนาดทำเพียงแค่แอบชอบผมมานานหลายปี ไม่คิดเลยว่ามาในวันนี้คนรักของผมจะเริ่มคิดถึงเรื่องของเราในอนาคตบ้างแล้ว

“แล้วมันต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นด้วยเหรอ”  ผมหลุดคำถามงี่เง่าออกไปทั้งที่ในใจนั้นอ่อนยวบยาบพร้อมยอมรับทุกเหตุผลไปนานแล้ว

“ภาพที่ออกมานี่ไม่เรียกว่าถึงเนื้อถึงตัวนะโป้ย”  พี่กรอมยิ้ม เอ่ยแย้งระคนขบขัน

“แล้วในบทล่ะ”  ความไม่ยอมแพ้ของผมทำให้พี่กรนิ่งเงียบไป แต่จากการที่รู้จักกันมายาวนานนั้นทำให้ผมตีความได้ว่ามันไม่ใช่การเงียบเพราะรำคาญ แต่มันเป็นความเงียบที่มาจากการจำนนด้วยความจริง

“บอกมาเลย อย่าให้ผมต้องรู้จากข่าวนะ”  ผมคาดคั้นเสียงเข้ม กดสะโพกบดเบียดแนบหว่างขาอีกฝ่ายจนไม่เหลือช่องว่าง พี่กรครางเบาๆ ลดมือลงมาจับเสื้อผมไว้แทน

“ก็มีเลิฟซีนบ้าง”  ในที่สุดคนถูกคาดคั้นก็อ้อมแอ้มตอบออกมา  “แต่ว่าพี่เล่นบทร้ายนะ พอละครออนแอร์คงมีแต่คนด่ามากกว่าจะโฟกัสที่เรื่องนั้นด้วยซ้ำ”

“ร้ายขนาดนั้นเชียว”

“ก็เทาๆ นะ มันเป็นบทที่ในความร้ายก็ยังมีมุมดีอยู่บ้าง”

“งั้นคนก็ต้องโฟกัสเรื่องนั้นแน่ ผู้ชายหล่อร้ายน่ะมีแต่คนชอบ”  ผมบ่นออกมาพลางฝังใบหน้าลงกับซอกคอขาว กลิ่นกายคุ้นเคยทำให้ความหงุดหงิดบรรเทาลงไปได้บ้าง

“พี่ก็เคยเล่นเลิฟซีนะ โป้ยไม่เห็นจะบ่นแบบนี้เลย”

“แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เล่นกับผู้ชายนี่นา”  เสียงพ่นลมหายใจแรงๆ ตามมาหลังจากหลุดความงี่เง่าของตัวเองออกไป จะถามว่ากับเลิฟซีนเรื่องก่อนๆ ผมไม่รู้สึกเลยก็ไม่ใช่ แต่มันเป็นเพราะตอนนี้ผมได้ชื่อว่าเป็นคนรักแล้วต่างหาก ความรู้สึกหวงจนไม่อยากให้ใครแตะต้องมันมีมากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้ ทั้งที่รู้ว่าทั้งหมดคืองานแต่มันก็หยุดความไร้เหตุผลในสมองไม่ได้เลย

“ขอโทษนะครับ...ผมแค่หึงพี่เท่านั้น”  ผมบอกเสียงอู้อี้ทั้งที่ริมฝีปากยังแนบชิดผิวเนื้ออุ่น

ผมไม่รู้ว่าพี่กรทำสีหน้าแบบไหนขณะที่ผมสารภาพความในใจออกไป หากวงแขนเนียนนุ่มของคนใต้ร่างนั้นกลับมาโอบรอบบ่ากว้างอีกครั้ง เรียวนิ้วยาวสัมผัสแตะต้องทิ้งร่องรอยอุ่นผ่านเนื้อผ้า เกาะเกี่ยวเส้นผมสร้างความผ่อนคลาย วงหน้าเอียงแนบถูไถราวกับออดอ้อน ก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มซุกซนไปตามซีกหน้าของผมเรียกร้องจูบที่ผมยิ่งกว่ายินดีที่จะมอบให้


จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าพี่กรมีอีกหนึ่งมุมที่แสนยั่วยวนแบบนี้


...และผมหวังให้ตัวเองเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่ได้รับรู้


เราจูบกันต่ออีกหลายนาที บดเบียดร่างกันจนที่นอนยับยู่ยี่ ต่างฝ่ายต่างลุกโชนพร้อมที่จะปลดปล่อยออกมา เสื้อนอนเนื้อบางถูกถอดโยนลงข้างเตียงขณะที่อีกฝ่ายดึงรั้งเสื้อยืดของผมออกแล้วโยนไปไกลยิ่งกว่า ผมควรจะผละจากสงครามที่กำลังเริ่มก่อตัวนี้เพื่อไปทำความสะอาดร่างกายเสียก่อน แต่ผมเลือกที่จะเก็บความคิดเอาไว้ก่อนเพราะคืนนี้พี่กรร้อนแรงเหลือเกิน...

ร่างที่บอบบางกว่าพลิกตัวโดยแรงเพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ผมมองคนรักนั่งคร่อมตัวเองในท่าทางล่อแหลมด้วยแววตาเป็นประกาย พี่กรยิ้มหวานหากนัยน์ตาวิบวับเหมือนพวกตัวร้ายที่จ้องจะทำมิดีมิร้ายนางเอก ความกังวลว่าตัวเองจะโดนรุกคืบทำให้ผมรีบส่งสองมือบีบขยำสะโพกแน่นของคนบนร่างเพื่อเป็นการตอกย้ำตำแหน่งที่ถูกต้อง แน่นอนว่ามันทำให้พี่กรหัวเราะออกมาพร้อมกับมอบจูบปลอบใจให้ผมไม่ต้องคิดมาก

“พี่ก็คิดถึงโป้ยครับ...ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะ”  เสียงกระซิบเอ่ยชิดริมฝีปาก พี่กรยิ้มพลางยื่นหน้าพรมจูบไปทั่วใบหน้าเช่นเดียวกับที่ผมทำก่อนหน้า

แวบหนึ่งของความรู้สึกอ่อนหวานที่พาให้ใจเต้น ผมอยากจะต่อว่าเรื่องการการไม่ชอบรับโทรศัพท์หรือตอบข้อความ ความคิดถึงควรจะทำให้เกิดความโหยหาที่อยากได้ยินเสียงหรือเห็นหน้า แต่ผมก็เลือกที่จะปัดความคิดนั้นออกไปแล้วเลือกอยู่กับความสุขในตัวตนของผู้ชายคนนี้

พี่กรเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร และผมก็ปักใจรักทั้งที่รู้ข้อเสียนั้นดีอยู่แก่ใจ ผมจะไม่ยอมแลกความพอใจของตัวเองกับความอึดอัดจากการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้เราจะไม่ได้คุยกันทุกวันแต่พี่กรก็ยังคงรักผมอยู่เช่นเดิม

อาจจะทรมานไปบ้าง แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรักพี่กรน้อยลง

และถ้าความคิดถึงทำให้พี่กรร้อนแรงแบบนี้…ก็นับว่าเป็นความทรมานที่คุ้มค่าล่ะนะ


----------------------------------------------------------------
ตอนนี้สั้นๆ ไม่ได้อยากต่อreใหม่ แต่จำนวนคำมันเกินมานิดนึง

เรื่องนี้ใกล้จะจบเต็มที อดทนกันอีกเฮือกนึงนะทุกคน 5555
อีกประมาณ 2-3 ตอน ก็จะขึ้น THE END ได้แล้ว
แต่ตอนพิเศษนั้นค้างอยู่ในหัวเต็มไปหมด
น้องลุงและหลัวมาสายหื่นแล้วอ่ะเนอะ
คนเเต่งก็เป็นคนไสย์ๆ ดังนั้นมันก็จะ 18+นิดๆ 20+ หน่อยๆ
ยังลุ้นว่าจะถูกแบนมั้ย

...ถามว่าหมกมุ่นเหรอ? //ใช่จ้ะ
5555

พบกันงวดหน้า ตอน27กำลังค้างคาอยู่ที่หน้าword ยังคงเป็นของนังนุ้งโป้ยเช่นเดิม
กระซิบว่า...เขาจะได้กันแล้วค่า

ออฟไลน์ Kankan30

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เย้ๆๆ.....ดีใจ ไรท์มา  :mew1: :mew1: :mew1:
ไรท์ลงปีพ.ศ. ผิดนะ ต้องเป็น 2562

พี่ปูน กล้าที่จะเปิดประตูอดีตที่ดำมืดของตัวเอง
แต่เปิดแล้วโล่ง สว่าง ได้กัด แขวะคนเลวที่เคยรังแกเด็กได้ ดีมาก  :katai2-1:
พ่อก็ยอมรับว่า ไม่สามารถรักพี่ปูนอย่างพ่อรักลูกได้ ดีที่พูดตรงๆ  :hao3:
แต่ไม่เข้าใจที่บอกว่าพ่อกับแม่ไม่ได้รักกันเป็นการตกลงทางธุรกิจ
ก็ตกลงแค่ทางธุรกิจไปสิ มาสัมพันธ์ทางกายกันทำไม
จนทำให้เกิดเด็ก ที่ต้องมารับความทุกข์
ทั้งที่ไม่สามารถให้ความรัก ดูแล เอาใจใส่เขาได้ พวกคุณแย่มากกกกกกกก
พี่ปูนรักลุงแทบจะกลืนกินแล้ว  :กอด1:
แต่ก็สมควรได้รับความรักจากพี่ปูนแล้ว ทั้งน่ารัก ทั้งเอาอกเอาใจ ดูแลบริการพี่ปูนสุดๆไปเลย  :impress2:

โป้ย ถึงคราวโดนปั่นหัวบ้างแล้ว  แต่ชอบบบบ  :m20: :laugh:
ชอบบบ “อย่าให้กูต้องพูดเลย เดี๋ยวกูจะเผลอบ่นป๊าให้บาปกินกะบาล”
แต่ผมจะไปอวยพรว่าทนเอาเพื่อน เดี๋ยวป๊ามึงก็ไปสบายแล้วก็ไม่ได้…
ขำก๊ากกกเลย   แล้วนี่ใคร...นี่โป้ยไง! ต่อให้มันจะมีผัวสักกี่คน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2019 20:46:55 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 574
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อากงเท่มากๆค่ะ  o13 ยกรางวัลพระเอกประจำซีนให้เลย
พี่กรอ้อนได้ระทวยมาก ใครจะโกรธลง ทั้งแสนหวานทั้งยั่วยวน  :-[
ตั้งตารอโป้ยเอาคืนพี่ปูน อยากเห็นป๋าน้องลุงดิ้น ฮา
 :pig4:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :hao3: พี่ปูนได้ที่ก็แกล้งเค้าเลยนะ :katai3:

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :mew1:  ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิ อยากจุดพลุฉลอง.....คิดถึงน้องลุงกับพี่ปูน ..... ยังไม่สาแก่ใจกับความใจดำของครอบครัวนั้นเลย......อยากให้เจ็บ และ ทรมานยิ่งกว่าที่พี่ปูนทรมานมาตั้งแต่เด็ก

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
รักอากงอายุเพียงตัวเลขหัวใจความคิดเปิดกว้างมากๆๆยอมรับเพศสภาพได้แบบจะได้มีความสุขทั้งตัวอากรและลูกหลาน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kanaDa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pig4: :katai2-1:ลุงน่ารักจัง พี่ปูนสายเปย์ที่แท้ทรู

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
รักอากงเท่ห์สุดๆไปเลยค่ะ กงขา
อู๊ยยยยย คู่นี้ก็ร้อนแรง พี่กรยังน่ารักเหมือนเดิม

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ดีใจมากกกกกกกกที่มาต่อนะคะ รอมาตลอดเลย
แม้จะยาวนานข้ามปี (ลงก่อนหน้า 26/12/61) ก็เถอะนะ อิอิ
-------
พี่ปูนจะรักจะชอบลุงขนาดไหน ก็ไม่ควรคิดด้วยความเอ็นดู....ถึงการเผลอผายลมออกมาบ้างในบางที !!! ของลุงแบบนี้.. รู้สึกแสบจมูก
อ่านถึงบทอีพ่อของพี่ปูนละก็รู้สึกเคืองใจ อยากให้ธุรกิจครอบครัวนี้ชิปหายล้มละลายเสียจริง เป็นพ่อที่สุดจะเลวสำหรับเรามากๆ โว๊ะ !!! โมโห !!
...
โป้ยกับพี่กรนี่เล่นทำเราใจหายใจคว่ำ...สงสารโป้ยที่ติดต่ออีพี่กรไม่ได้ แต่แปลกใจที่ทำไมพี่กรไม่ยืมโทรคนอื่นมาบอกโป้ยโดยตรงเองละ ฝากบอกพี่ปูนเลยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ไว้ใจเพื่อนมากไป๊ !! แต่ก็นะ โป้ยแกล้งพี่ปูนเค้าเรื่องลุงไว้เยอะนี่ เลยโดนเองบ้าง..5555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ

สมน้ำหน้าโป้ย ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ

พี่กรอ้อนได้น่ารักมาก

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
 :z1:  รอตอนต่อไปของนังนุ้งโป้ยค่าาา

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หายไปนาน กลับมาก็ทำให้หายคิดถึง
ปูน+ลุง หวานจนคนในออฟฟิศ ต้องเบือนหน้า
โป๊ย+กร เข้าใจกันเสียที กรยอมปูทางเพื่ออนาคต
ว่าแต่ พี่ปูน ระวังโป๊ย เอาคืนนะ แกล้งเขาไว้เยอะ
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่ปูนอย่าแกล้งโป้ยยยยย
งานเข้าแล้วพี่กร รู้เรื่องรึยังนั่น  :ling2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี้ย ดีใจที่มาต่อแต่ต้องนั่งระลึกชาตินิดหน่อย 555 รอตอนต่อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ดีใจจังเลยลุงกลับมาแล้ว  :m4: :m4:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
กรี๊ดดดดดดดดด คิดถึงมากกกกกกก ชอบมากๆ fcติดตามทุกเรื่องเลยค่าาาา ขอบคุณที่มาต่อจนจบนะคะ มาช้าแต่มานะ55555
รัก
 :z13:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ขอบคุณมากๆที่มาต่อค่า
เหม็นความรักพี่ปูนกับน้องลุงเหลือเกินไม่ไหวจะอิจฉาจริงๆ
ขอให้ได้กับพี่กรซะทีนะโป๊ย  :mc4: รอลุ้นนานแล้ว

 :pig4: :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่ปูนยังคงความแสบสันต์ กวนโอ๊ย แกล้งคนอื่นตลอด. คิดถึงน้องลุง

โป้ยก็อดทนได้ดีมาก รางวัลตอบแทนคงคุ้มค่าอ่ะนะ.   :hao3:

ออฟไลน์ ก้มหน้าก้มตา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ทำไมพี่กรกับโป๊ย รักร้อนแรงแบบนี้ ลุงกับเพื่อนก็อย่ายอมแพ้เค้าน่ะ (รออัพมาตลอด คิดถึงนักเขียนคร้า)

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
รอติดตามว่าโป้ยจะเอาคืนปุริมยังไง  :mew4:

ออฟไลน์ taku_kimu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สงสารพี่ปูนอะ เกิดมาพ่อแม่ไม่รัก ชีวิตมันจะแย่ขนาดไหนฟระเนี่ย แต่พี่โชคดีแล้วนะ มาเจอลุงอะ ลุงโคตรน่ารักเลย ถึงจะมีเพื่อนแสบๆ แบบไอ้คุณโป้ยก็เหอะ
https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/hao3.gif

คุณนข. รีบปั่นเลยนะ เรารอซื้อเล่มอยู่ https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/c-02214.1.gif

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ดีใจๆในที่สุดก้มาต่อแล้ว ปล่อยให้คิดถึงลุงตั้งนาน

ออฟไลน์ Krajeeqx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตลกอิพี่ปูน ร้ายมาก55555555

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ในตอนนี้ชอบอากงของโป้ยมากที่สุดแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด