.
.
.
หลังจากกินก๋วยจั๊บเจ้าอร่อยกันไปคนละสองชาม พี่ปูนก็ลุกขึ้นไปบอกเถ้าแก่ว่าเดี๋ยวจะกลับมาเอาสำหรับใส่ถุง แถมจ่ายเงินให้เสร็จสรรพแล้วก็ลากผมออกมา เป้าหมายคือร้านเบเกอรี่เจ้าดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
“ผมตั้งใจจะเลี้ยงพี่ปูนนะ ให้แฟนเลี้ยงมันไม่ใช่สไตล์ผมอ่ะ” ผมบ่นกระปอดกระแปดข้างๆ คนที่กำลังเล็งขนมมากมายบนชั้นวาง
“70 บาท” พี่ปูนแบมือมาให้โดยยังไม่ละสายตากับสิ่งที่สนใจ ไอ้ผมที่กำลังงงๆ ก็เปิดกระเป๋าเน่าหยิบแบงก์ร้อยให้ พี่ปูนรับไปแล้วก็จัดการทอนเงินคืนผมมาอย่างรวดเร็ว “คือ?”
“ค่าก๋วยจั๊บของพี่ที่ลุงอยากจะเลี้ยงไง สองชามเจ็ดสิบบาท” คนตัวสูงยืดตัวขึ้นพร้อมอธิบายด้วยความรวดเร็ว “สบายใจรึยัง?”
“ยังมีของแม่ผมอีก” ผมรีบเปิดกระเป๋าจะหยิบเงินอีกรอบ แต่พี่ปูนยื่นมือมาฉกทั้งกระเป๋าไปเก็บไว้ในกางเกงของตัวเองเสียดื้อๆ
“ไมอะ?”
“ไม่ต้องจ่าย”
“ได้ไงล่ะพี่ปูน” แถมคนก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนจะมาเลี้ยงพยาบาลทั้งแก๊งได้ไง
“พี่สบายใจแบบนี้”
ผมเลยต้องหุบปากฉับ เดินถือถาดสีครีมตามพี่ปูนต้อยๆ อย่างว่าง่าย พี่ปูนหยิบนั่นหยิบนี่จนของล้นถาด เดือดร้อนให้พนักงานต้องรีบมารับไปถ่ายเทใส่กล่องก่อน และถาดที่สองในมือผมก็กำลังจะเต็มไม่ช้า พี่ปูนหยุดเดินเมื่อวางชิ้นสุดท้ายลงมา พี่แกแย่งถาดในมือไปส่งให้พนักงานก่อน จากนั้นก็คว้ามือผมแล้วเริ่มนับหนึ่งที่ต้นทางใหม่
“อยากกินอะไร”
“ห๊ะ? แล้วที่พี่ซื้อไปเมื่อกี้เอาไปเลี้ยงใคร” ผมหันไปมองทางเคาน์เตอร์ ของเยอะมาก สองถุงเข้าไปแล้ว และยังมีที่ใส่ไม่หมดอีก
“เอาอะไร ซื้อกลับไปกินที่ห้อง” เจ้าของมือไม่ตอบคำถามแต่กลับย้ำคำเดิม ผมเลยเดินเลือกๆ มาสองอย่าง เป็นพวกคุกกี้กับขนมปังแท่ง
“พี่ปูนเอาไรเพิ่มป่ะ”
คนตัวใหญ่ส่ายหน้าช้าๆ แล้วก็พากันเดินไปชำระเงินท่ามกลางสายตาของพนักงานที่มองมาทางพวกผมแปลกๆ คล้ายยิ้ม คล้ายพยายามจะกลั้น สงสัยคงถูกพิษเสน่ห์ของท่านพญามารเล่นงานเข้าให้แน่ๆ ผมไม่หวงหรอกนะ ของดีต้องแบ่งกันชม
“แวะร้านกาแฟหน่อย” หลังออกมาจากร้าน พี่แกก็แวะเข้าร้านข้างๆ ทันที ทิ้งผมไว้ที่โต๊ะกับกองถุงขนมแล้วเดินไปสั่งของที่เคาน์เตอร์อย่างชำนาญ ผมไม่ค่อยได้ซื้อน้ำร้านมียี่ห้อพวกนี้หรอก แม้จะสั่งผมยังงงเลย ที่สำคัญคือมันแพงเกินไป
นั่งรอไปได้ไม่นานเท่าไหร่พี่ปูนก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงในมือทั้งสองข้าง ผมมองดูด้วยความตะลึง ในมือข้างหนึ่งมีแก้วใส่น้ำแข็งเปล่าปิดฝาอย่างดีจำนวนหนึ่ง มืออีกข้างมีน้ำต่างๆ บรรจุขวดแบบที่ซื้อกลับบ้าน
“พี่ซื้อมาทำไมตั้งมากมายเนี่ย กินหมดเหรอ?”
“ไปกันได้แล้ว”
เมื่อเสร็จสิ้นการจับจ่าย ก็พากันเดินกลับไปเอาก๋วยจั๊บ จากนั้นก็บึ่งรถไปยังเป้าหมายทันที
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้รถมักจะติดเป็นพิเศษ แม้ว่าโรงพยาบาลของแม่กับที่ทำงานของผมจะไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่แต่มีสิทธิ์นั่งยาวเกินครึ่งชั่วโมงในรถแน่นอน ผมหันไปมองคนข้างๆ พี่ปูนดูจะอารมณ์ดีพอควร มีการฮัมเพลงโยกหัวตามไปด้วย อะไรจะเบิกบานกับรถติดขนาดนั้น
“เห็นโป้ยว่าแม่ลุงยังสวยเช้ง”
“มากกก!” ผมลากเสียงยาวเหยียด “เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่แจ่มสุดๆ”
“ลุงเหมือนแม่มั้ย?”
“หน้าตาผมดูสวยหรือไง” ผมย้อนเสียงหน่าย
“ก็ไม่อะ” พี่ปูนยอมรับ แล้วหันมายิ้มให้ “แต่น่ารักน่ะใช่แน่”
“เบื่อจะฟังแล้ว อยากได้คำว่าหล่อเท่ห์”
“มีคนบอกบ่อยขนาดนั้นเชียว” ผมเบ้ปากให้กับสุ้มเสียแปลกใจของคนข้างๆ แค่นึกถึงก็เป็นเรื่องปวดร้าวไม่น้อย
“พ่อกับแม่ไง ชอบบิดแก้มผมแล้วบอกว่าคุณลุงน่ารักจังเลย” แก้มเคยระบมเลยด้วยนะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องตอนเด็กๆ ก่อนโป้ยจะชวนเกเร
“ฮ่ะๆ ไหนๆ แบบนี้เหรอ” พี่ปูนหัวเราะเสียงใส เอี้ยวตัวมาทางผมแล้วบิดแก้มสองข้างไว้ด้วยสองมือ ยิ้มร่าสนุกสนานกับการแกล้งผมมาก “คุณลุงน่ารักจังเลย”
“สนุกมากมั้ย เจ็บแก้มด้วยเนี่ย นี่ผัวนะ”
แทนที่จะสำนึกแม่งยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม อยากจะทุบมันสักอักแต่ติดที่ว่าไฟเขียวพอดี ฝากไว้ก่อนเหอะจะถอนทั้งต้นทั้งดอกเลย
เมื่อตกค่ำ ไม่ว่าจะโรงพยาบาลใหญ่เล็กแค่ไหนก็มีความวังเวงเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะตึกนอนผู้ป่วยที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน ผมกับพี่ปูนหอบของพะรุงพะรังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้ป่วยสามัญอายุรกรรม พี่ปูดูรื่นเริงปนตื่นเต้นนิดๆ แต่ผมเริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย
“ถ้าผมเดาออกว่าพี่ซื้อของมาเพราะแบบนี้นะ ผมจะห้ามให้ตายกันไปข้างเลย”
“ทำไม? พี่ไม่ได้ซื้อให้ลุงสักหน่อย”
เงียบไปเลยมั้ยล่ะกู “ก็มันไม่จำเป็นเลยพี่ ไม่ต้องเอาใจอะไรแม่ผมเลย คุณดาหลาแกเป็นคนง่ายๆ”
“ก็พี่สบายใจแบบนี้”
ครับพี่...
แล้วผมก็ปิดปากเงียบจนถึงชั้นที่หมาย ผมเปิดประตูเข้าไปในหอนอนผู้ป่วยปีกซ้าย มองผ่านๆ ก็เห็นเป็นจริงอย่างที่แม่ว่า เพราะทุกเตียงเต็มแน่น มีญาติคนไข้นั่งๆ นอนๆ กันตามสะดวก ผมเข้าใจว่ามันว่าง ไม่มีอะไรทำ แต่ไม่เห็นต้องพากันจับจ้องผมกับพี่ปูนขนาดนั้นเลยน้า
ผมพาพี่ปูนผลุบเข้าไปในห้องพยาบาลที่เปิดประตูอยู่ พี่ๆ น้าๆ ชุดขาวต่างพร้อมใจกันเมินผมไปมองบุคคลข้างหลังที่เดินตามมาเป็นจุดร่วมเดียว คงจะมีแต่คุณดาหลาคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มแย้มเดินเข้ามาหาผม
“ช้าจังเลยคุณลุง แม่หิวจะตายอยู่แล้ว”
ผมสวัสดีแม่ แล้วก็ยกมือไหว้ทุกคนในห้อง ผมสะกิดพี่ปูนให้เดินลึกเข้าไปเพื่อวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะอาหาร นางฟ้าชุดขาวก็พากันเดินตามมาด้วยความหิวโหย พอเห็นเครื่องบรรณาการเท่านั้นแหละ เสียงหูยยยก็ดังประสานกัน
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ยลุง น้าฝากแค่ก๋วยจั๊บไปนะ”
“มีคนเลี้ยงฮะน้าเปิ้ล”
ผมถอยหลังออกมาให้บรรดาคนหิวหยิบเลือกถุงก๋วยจั๊บกันอย่างสะดวก บางคนก็แหวกถุงขนมส่องข้างใน
“แม่ๆ” ผมเรียกคุณดาหลาเสียงเบา นางฟ้าส่วนตัวของผมจึงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม
“พี่ปูนนี่คุณดาหลา แม่ผม” เป็นมารยาทที่ผมต้องแนะนำคนอายุน้อยกว่าให้ทักทายก่อน พี่ปูนก็ยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่เสียสุภาพ “แม่ นี่พี่ปูนเป็น...”
เป็นอะไรดีวะ? ไอ้ตอนเดินมาก็มัวแต่หงุดหงิดเลยลืมนึก ผมเหลือบมองใบหน้ายิ้มกริ่มของพี่ปูนเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจตอบเป็นกลางไว้ก่อน คนก็เยอะแยะ พี่ปูนจะได้ไม่ขายหน้า ไว้ตกลงกันแน่นอนแล้วค่อยบอกแม่ก็ยังไม่สาย
“เป็นเจ้านายลุงอะ”
ดวงตาคู่สวยของแม่วาววับขึ้นมาแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหันไปยิ้มหวานให้พี่ปูน “ไม่น่าต้องลำบากซื้อของมาเยอะแยะอย่างนี้เลย”
“ผมอยากซื้อมาฝากน่ะครับ คุณดาหลาไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”
“เรียกน้าดาก็ได้นะคะ คุณปูนใช่มั้ย”
“เรียกผมปูนเฉยๆ ก็ได้ครับ”
“น้าต้องให้เกียติความเป็นเจ้านายของคุณลุงสิ เรียกคุณปูนน่ะถูกแล้ว” แม้ยิ้มแย้มน่ารัก บอกเสียงเนิบนาบตามปกติ
“พี่ไม่เห็นเหรอว่าแม่ก็เรียกผมว่าคุณลุง” ผมยื่นหน้ากระซิบกระซาบให้พี่ปูนเข้าใจ
“แล้วนี่ทำไมมากับคุณลุงได้ล่ะ กินข้าวกันมารึยังจ๊ะ?” แม่ถามต่อ เสียงจานกระทบกันโคล้งเคล้งอยู่ด้านใน คงเริ่มตั้งวงกันแล้วแน่
“กินมาแล้ว แม่เข้าไปกินเถอะ”
“จ้า อ้อ! คุณป้าบอกว่าวันนี้จะค้างบ้านเพื่อนนะ แม่ก็จะนอนหอพักเลยเพราะพรุ่งนี้เวรเช้าต่อ”
“ป้าไม่เห็นไลน์มาบอกลุงเลย”
“ก็ไลน์มาบอกแม่แทนแล้วไง คุณลุงอย่าลืมล็อกบ้านให้สนิทนะ” แม่กำชับด้วยความเป็นห่วง แต่ว่าผม...
“วันนี้ลุงก็จะค้างที่อื่นอะ”
“บ้านโป้ยเหรอ?”
พี่ปูนกระแอมเบาๆ เสมหะพันคอรึไงกัน “บ้านพี่ปูนน่ะแม่”
นัยน์ตาของคุณพยาบาลคนสวยวาววับอีกครั้งยามเลื่อนไปจับจ้องคนตัวสูงข้างหลังผม นี่อย่าบอกนะว่าแม่ก็หลงเสน่ห์พี่ปูนอีกคน ไม่เอาน่า ผมไม่อยากโทรไปร้องไห้กับพี่อ้อยพี่ฉอดนะ
“งั้นแม่ไปกินข้าวก่อนนะ อย่าดื้อกับพี่เขานะคุณลุง”
“ลุงไม่ใช่เด็กนะคุณดาหลา!” ผมโอด แต่แม่กลับหัวเราะใส่ ไอ้คนข้างหลังก็ขำพอกัน
“ขอบคุณนะคะคุณปูน ไว้วันหลังมาที่บ้านน้านะ จะให้คุณลุงทำอาหารเลี้ยงตอบแทน”
พี่ปูนยิ้มกริ่ม ยกมือไหว้ขอบคุณแม่ง่ายดายมาก ไม่มีปฏิเสธสักนิด ผมยกมือบ๊ายบายเป็นการลา แม่ยังไม่วายยื่นมือมาหยิกแก้มแรงๆ แล้วเดินเข้าไปด้านใน
“ลุงทำอาหารเป็นด้วย?”
“อ่ะแน่นอน! ผมเป็นลูกมือให้พ่อมาตั้งแต่ประถม” นอกจากเรื่องทำความสะอาดแล้ว ก็มีเรื่องนี้แหละที่พอยืดได้ แม้ทำออกมาจะหน้าตาไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่รสชาติสะเด็ดสะเด่ามากนะขอบอก
ผมเดินนำพี่ปูนออกมา ยืนรอลิฟต์ท่ามกลางความวังเวง
“ทำงานบ้านก็เก่งแถมยังทำอาหารได้อีก” พี่ปูนออกปากชม เสียงนี่ยกยอมากเสียจนจมูกผมแทบยืด
“เจ๋งใช่ป่ะล่ะ”
“หน้าตาก็น่ารัก”
“แน่นอน”
คนชมยิ้มขำ ก้มหน้าลงมากระซิบเสียงเบา “บั้นท้ายก็สวย”
“เอิ่ม...”
“ก้นก็งอนเด้ง”
“เอ่อคือ...”
“ให้พี่เป็นบ้างได้มั้ย?”
“อ...อะไร” ผมชักจะหวั่นใจแปลกๆ แล้วสิ
“ทูนหัว”
.
.
.
“อยากเป็นทูนหัวของลุง”
.
.
.
โอยย~ ทำไมโรงพยาบาลมันร้อนอย่างนี้นะ!
TBC.
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่าาาาา ท่านักอ่านเจ้าใหม่และเก่า
เพิ่งจะได้มาทักทายกันก็ตอนที่ 6 ไปแล้ว
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ nin@ ที่ช่วยแก้คำผิดให้ เมื่อตอนที่ 4 นะคะ
ถ้ามีคำผิดอีกก็เตือนกันได้นะคะ
เป็นยังไงบ้างกับน้องลุง 555 ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลก ซื่อ(บื้อ) เถรตรง ขี้มโน แถมยังตามใครเขาไม่ทันอีก
นักเขียนไม่เคยเจอเหมือนกัน ก็โลกนี้มันอยู่ยากนี่หน่า คนใสใสมันเลยหาไม่ค่อยเจอ
ส่วนเรื่องอื่นก็ตามที่ได้บอกไว้ในเพจเลย กำลังหมักอยู่ในไห กลิ่นกำลังเปรี้ยวเลย กร๊ากกกก
แต่จะทยอยตามออกมาแน่นอนค่ะ
ยังไงก็ฝากคุณลุงกับปุริมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
ด้วยรัก
L@DY MELLOW