◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 302340 ครั้ง)

ออฟไลน์ yumenari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สมน้ำหน้า ปุริม

สนิทกันเยอะๆเลย พัทลุง วีรภาพ

ออฟไลน์ 05th_of_06th

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลุงเป็นคนที่ความคิดหล่อมากกก เออจากดูกากๆนี่หล่อเลยย ทีมลุงงงงงค่ะ!!5555 o13 อีพี่ปูนระวังเถอะ อีกรอบเดียวจบเลยนะ -_-

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
พี่ปูนเริ่มหลงเส่นห์บ้านๆของลุงแล้วใช่ม้ั้ย  :L2:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
พี่ปูนคะ น้องเชียร์พี่มาตลอดนะคะแต่พี่มาทำแบบนี้น้องไม่โอเคค่ะ ต่อให้จะเคยเป็นคู่ขาเข้ากันดีแค่ไหนแต่พี่มีเมียแล้วนะคะ พี่ควรตัดค่ะนี่อะไรพากันหอบหิ้วไปถึงโรงแรม ถึงแม้จะไม่ได้ถึงไหนแต่มันก็คือการนอกกายค่ะ จริงๆอยากให้ลุงเทสักพักนะแบบไม่เลิกก็ได้แต่ความสัมพันธ์คงไม่เหมือนเก่าอะ งานนี้คงต้องยืมมือเพื่อนโป้ยซะแล้วละ หึหึ

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ jittrawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนเราไม่เคยเปลี่ยน แค่แสดงสันดานออกมาตอนไหน ตอนนี้ทำได้ อีกหน่อยก็ทำได้อีก ให้อภัยไปเรื่อยเปื่อย ก็โดนเหยียบหัวไปเรื่อย มิน่าโดนทิ้ง 7 ครั้ง

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
คนแบบน้องลุงไม่สมควรปล่อยให้หลุดมือเป็นอย่างยิ่งค่ะคุณพี่ :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ทีเรื่องนี้ละบอกหมดเปลือก  แล้วเรื่องคืนแรกอ่ะ
เมื่อไหร่จะแถลงคะคุณปุริน

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
โป้ยรู้แน่ๆแบบนี้คือดูออกใช่มั๊ยยยย  :z2:

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เพื่อนโป้ยจัดเยอะๆ เลย
เอาให้อิพี่ปูนอกแตกตายไปข้าง
เหม่ๆ ไปทำไรลับๆ ล่อ แล้วเสือกมาทำสารภาพขอความเห็นใจ
เชียร์โป้ยกับพี่กร
แต่ตอนนี้โป้ยใส่เต็มเลยครับ อย่ายั้ง
 :hao7:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่ากันระหว่างลุงกันปูน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เมื่อไหร่ลุงจะรู้ตัวว่าใครผัวใครเมียยย 5555555555555555555

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
พี่ปูน เปลี่ยนวิธีได้แล้ว
สำหรับคนซื่อมากๆแบบลุง อีกนานกว่าจะรู้ตัว

ออฟไลน์ Krajeeqx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
งือออ ทำไมลุงเป็นคนน่ารักแบบนี้  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ hereg407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งุ้ยยยยยยยยยย อิลุง ซื่อได้อีก   น่ารักเน้อ
โป้ยเน้ต้องมีซัมธิงกับพี่กรแน่นวน

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ชอบแนวคิดลง
พี่ปูนเองก็น่ารักเหมาะสมกับความเมีย๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ปูนรู้สึกมีคู่แข่งขันแบบนี้ดีแล้ว จะได้รักษา แต่ถึงไม่รู้ว่ามี ปูนก็ทำดี ถึงขั้นเพ้อถึงลุงเวลาแบบนั้น

ลุงกับปูนจริงจังแล้วนะ ปูนไม่ยอมเลิกซะด้วย แต้มต่อมาเต็ม

ใครแอบมองน้า คุณกรรึป่าว

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
โป้ยทำดีมาก เสี้ยมอีกๆๆ เอาให้อีพี่ปูนสำนึกไม่ทันไปเลย

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ปุริม__ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร



ในค่ำคืนหนึ่งเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน

โลกใบเดิมที่ผมเคยคิดว่ามันแสนสงบสุข กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น เช่นที่เมื่อโตขึ้นผมถึงได้ยินคำพูดที่ว่า ‘เรามองโลกแบบที่เราต้องการ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่โลกเป็น’ แต่กว่าจะเข้าใจในความหมายนั้น วันเวลาก็หล่อหลอมชีวิตผมจนผิดเพี้ยนไปแล้ว ผมที่หยัดยืนมาได้ทุกวันนี้ก็ยังเป็นผมในเมื่อวาน เพียงแต่เด็กชายปูนปั้นเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนนั้นได้หายไปแล้วในห้วงเวลาบิดเบือนนั้น

แต่ใช่ว่าทุกสิ่งมันจะเลวร้ายไปเสียหมดหรอก เมื่อปู่ที่พอจะคอยถามไถ่ชีวิตในแต่ละวันของผมบ้างได้ตายจากไป มรดกก้อนใหญ่อันเกิดจากความเวทนาก็หล่นลงบนตักเด็กคนหนึ่งทันที นับจากนั้นผมถึงได้รู้ว่าในโลกนี้มีสิ่งขับเคลื่อนง่ายๆ ที่เรียกว่า ‘เงิน’ อยู่ ต้องนับว่าปู่ฉลาดพอที่จะยกมรดกในส่วนของผมให้อยู่ในความดูแลของทนายผู้ซื่อสัตย์ประจำตระกูล เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ช่วงชิงไพ่ใบสุดท้ายในมือผมไปได้

ผมได้แต่รอคอยอย่างสงบ เก็บเกี่ยวความรู้ทุกอย่าง สั่งสมประสบการณ์ที่จำเป็นทุกด้าน

เพียงเพื่อรอวันที่ผมจะไม่ต้องก้มหัวให้ ‘ใคร’ อีกต่อไป...

การที่ต้องอยู่ในความบิดเบี้ยวมาตลอดทำให้ผมไม่หลงระเริงไปกับความมั่งมีที่ได้ครอบครอง ผมรู้ดีว่ายามที่ไร้ซึ่งอำนาจจะถูกมองข้าม เพียงแค่เราล้ม คนบางคนก็พร้อมจะตรงเข้ามากระทืบซ้ำ ในขณะที่หลายคนจะมองดูเราถูกเหยียบจมดินอย่างสมเพช

ผมเรียนอย่างหนัก ศึกษาหนทางธุรกิจที่จะต่อยอดทรัพย์สินที่มีให้งอกเงยโดยไม่เปลืองแรง ‘ถ้าคุณอยากได้ผลที่ดี คุณต้องทำให้ต้นนั้นสมบูรณ์’ ทุกสิ่งไม่ได้ผิดไปจากคำกล่าวนั้นแม้แต่น้อย ผมใช้ชีวิต ผมสร้างสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ ความผูกพันนอกเหนือไปจากนั้นไม่จำเป็นต้องแสวงหาให้เสียเวลา

แต่เราไม่สามารถอยู่ในโลกเพียงลำพังได้

ในช่วงมหาลัย ผมพบกับพันกร ในตอนนั้นกรยังเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่มากจากครอบครัวชนชั้นปานกลาง ในตอนแรกผมคิดแต่ว่าเงินนั้นซื้อได้ทุกอย่าง แต่เปล่าเลย...ไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่สามารถซื้อตัวตนของพันกรคนนี้ได้ ความเป็นเพื่อนนั้นไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินที่หว่านออกไป เพื่อนคนนี้ทำให้ผมค่อยๆ เริ่มก้าวออกมาจากโลกคับแคบที่อาศัยอยู่ ได้หันมองรอบข้างที่ไม่ได้มีแต่ความดำมืดอย่างที่คิด

การมีคนที่พูดคุยและไว้ใจได้นั้น ทำให้เปลือกโลกเน่าเฟะที่ผมเป็นราชาอยู่ค่อยๆ หลุดร่อนออกทีละน้อย

นานวันเข้าผมก็ได้เรียนรู้อีกหนึ่งในความสัมพันธ์อันหลายหลายที่ผู้คนสร้างขึ้นมาจากเพื่อน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าการแอบรัก... แม้จะคิดว่าพักรช่างโง่เง่าและขี้ขลาด แต่บุคคลที่สามอย่างผมก็ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น กรไม่กล้าก้าวเข้าไปหาคนๆ นั้น ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสัญญาณที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองมีใจ แม้กระทั่งยามที่เด่นดังขึ้นมาจากวงการมายา พันกรก็ยังเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุดในเรื่องนี้เหมือนเดิม

ถ้าเป็นผม... ถ้าเพื่อจะได้มาในสิ่งที่ต้องการล่ะก็ ผมไม่สนวิธีสักนิด

หลังจากชีวิตวัยเรียนจบไป ต่างคนต่างแยกย้ายไปตามวิถีชีวิตของใครของมัน ผมก็ยังติดต่อกับพันกรอย่างสม่ำเสมอ กรเองก็มักจะบุกมาหาถึงที่พักทุกครั้งยามที่ผมหายหน้าไปนานผิดปกติ แล้ววันหนึ่งเพื่อนคนนี้ก็บุกมาหาผมถึงที่ด้วยสีหน้าเป็นประกาย

เมื่อใครสักคนที่ไม่เคยคิดฉกฉวยผลประโยชน์จากผม เข้ามาถามว่าต้องการเป็นหุ้นส่วนในบริษัทรับออกแบบเล็กๆ บ้างมั้ย? ผมจึงตกลงใจแบบที่ไม่ต้องคิดมากให้เสียเวลา ผมเสนอสถานที่ตั้งที่ปล่อยทิ้งร้างไว้มานานอันเป็นหนึ่งในมรดกที่ได้มา บูรณะตึกเก่าที่มีอยู่เดิมเสียใหม่เพื่อให้พร้อมใช้งาน ผมไม่คิดค่าเช่าที่ดิน หรือแม้แต่ค่าตกแต่งทั้งหมดก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะถ้ามันไปไม่รอดก็คงจะหาคนมาเช่าต่อได้ไม่ยาก ผมไม่คิดว่ามันจะทำเงินได้มากมายนักหรอกในธุรกิจที่การแข่งขันค่อนข้างสูงแบบนี้ ทั้งยังไม่เข้าใจว่ากรต้องการเปิดบริษัทนี้ทำไม ในเมื่ออาชีพนักแสดงที่กรเป็นอยู่นั้นทำเงินได้มากมายมหาศาล แต่ผมก็ไม่คัดค้านซ้ำยังสนับสนุนหาลู่ทางให้

ก็แค่...ผมอยากจะตอบแทนกรบ้างสำหรับความเป็นเพื่อนที่ผ่านมา

ผมปล่อย Graphic House ให้กรบริหารจัดการไป โดยที่ตัวเองมุ่งเป้าไปยังธุรกิจอื่นที่ทำเงินได้มากมายกว่านั้น ใช้ชีวิตสบายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ลงแรงไว้มานาน แค่รอเก็บผลที่หอมหวานเมื่อถึงเวลาโดยไม่ต้องลงแรง และแม้จะพบเจอคนดีมาไม่น้อย แต่ผมยังเชื่อมั่นในความคิดที่ฝังหัวมาตลอด เหรียญมีสองด้าน โลกมีสองมุม มนุษย์ก็เช่นกัน แค่เพียงมั่งมีเท่านั้น คนบางคนก็พร้อมจะกระดิกหางเข้าใส่เหมือนสุนัขเชื่องๆ

ในที่สุดผมก็กระจ่างว่าการคงอยู่ของบริษัทนี้คืออะไร จากที่ไม่ได้สนใจความเป็นไปของที่นี่มากนัก ผมก็แวะเวียนมาหาเพื่อนบ่อยขึ้นด้วยความอยากรู้...ผมอยากจะรู้ว่าสิ่งที่กรลงแรงทุ่มไปทั้งหมดนี้ จะได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง
ไม่มีอะไรคืบหน้าแม้แต่น้อย แต่ความสุขของกรนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

.
.
.

หลังจากวันที่กรบอกทางโทรศัพท์ว่าได้รับนักออกแบบเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเพราะงานที่เพิ่มขึ้น ผมกลับไปเยี่ยมเยียนออฟฟิศอีกครั้ง แล้วผมก็พบกับผู้ชายคนหนึ่ง คงเป็นคนใหม่ที่กรว่าไว้

สองตาผมจับจ้องไปยังแผ่นหลังบอบบางภายใต้เสื้อผ้าพอดีตัว แอ่นโค้งเพราะการเท้าแขนกับโต๊ะอวดรูปร่างน่ามอง ยามสายตาละเรื่อยไปตามเรือนกายที่มีเค้าโครงสะกดตา ลำคอผมก็แห้งผากขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สะโพกของคนตรงหน้าผายออกได้อย่างเหมาะเจาะ ยิ่งเมื่ออยู่ในกางเกงแนบลำตัว ความแน่นหนั่นยิ่งปรากฏชัดเจน ผมจินตนาการได้เลยว่าก้อนงามงอนสองลูกนั้นจะสู้เมื่อเพียงไรเมื่อขยำขยี้

ผมเองก็ไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นพวกโรคจิตหรอกนะ เพียงแค่ความชอบของผมมันอาจจะพิเศษไปสักหน่อยสำหรับคนทั่วไป ผมชอบความสวยงามเย้ายวนของบั้นท้าย ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ขอเพียงมีร่างกายที่ถูกใจผมก็ไม่เกี่ยงว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ ตราบใดที่มันไม่มากเกินไปว่าสิ่งที่จะได้รับ

แต่เด็กชื่อแปลกคนนั้นต่างออกไป

จริงอยู่ที่ร่างกายของพัทลุงเรียกร้องสายตาของผมทุกครั้งที่เห็น แต่ผมไม่อยากทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด ดังนั้นร่างกายยั่วยวนนั้นจึงเป็นได้เพียงอาหารตา

เป็นได้แค่นั้นจริงๆ

ก็ใครจะไปเชื่อว่าไก่วัดตัวนั้นจะปากเสีย แถมกวนโมโหได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะโต้ตอบกลับไปเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ตอบโต้กลับมาเท่านั้น แล้วยังใช้สายตากลมโตนั่นจ้องผมอย่างไม่ชอบใจเสียทุกครั้งไป นั่นทำให้ผมพอจะเดาได้ว่า พัทลุงไม่คงถูกชะตากับผมสักเท่าไหร่ ผมที่เหนือกว่าด้วยตำแหน่งเจ้านาย ทั้งหน้าตาและทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ผมเหนือกว่าเด็กคนนั้นทุกด้าน...แต่เจ้าไก่พยศนั่นก็ยังไม่เคยคิดยอมสยบให้สักครั้ง

ผมเริ่มสนใจว่าพัทลุงจะเกลียดผมได้สักแค่ไหน

ในเมื่อสองตานั้นมองพันกรเหมือนเทพบุตร ผมก็จะเป็นมารให้ดีที่สุดเหมือนกัน -- ผมยอมมาทำงานเต็มเวลา ยอมก้มหน้ารับฟังความต้องการของลูกค้า เสแสร้งยิ้มทั้งที่ไม่ต้องการ แค่เพราะว่าเวลาที่ผมชอบที่สุดคือการมองริมฝีปากอิ่มเอิบนั่นบิดเบ้ยามเจอหน้าผม สาดเสียงทุ้มน่าฟังเวลาโต้เถียงกัน แก้มตูมเวลาไม่ได้อย่างใจนั่นทำให้ผมชอบใจแล้วรู้สึกว่ามันน่าหยิกขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะดวงตาชั้นเดียวที่มีนัยน์ตากลมโตนั่นอีก ผมชอบที่มันฉายภาพผมแต่เพียงผู้เดียวอยู่ในนั้น




วันแล้ววันเล่า...




ในที่สุดผมก็รู้ตัวเองว่าน่าสมเพชยิ่งกว่ากรเสียอีก



.
.
.



หลายปีที่ผ่านมาผมพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของไก่น้อยตัวนั้น เพียงเพื่อจะได้แอบถาม เพียงเพื่อจะได้ฟังเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้  ความหลังครั้งเยาว์วัยที่ทั้งสองมีร่วมกัน

ผมน่าสมเพชยิ่งกว่าใครหน้าไหนในโลกจริงๆ

กรว่าเพราะผมไม่เคยมองใครนานพอ จึงไม่รู้ว่ายังมีคนอื่นอีกมากที่เหมือนลุง แต่กรดันมาบอกผมเอาเมื่อวันที่สองตาคู่นี้ไม่อาจเหลือบแลไปหาใครได้แล้วเนี่ยสิ ความสว่างไสวของลุงมันดึงดูผมเข้าไปมากขึ้นทุกวัน รอยยิ้มที่ราวกับเรื่องทุกข์ร้อนที่ผ่านเป็นเพียงฝุ่นผงเข้าตามันทำให้ผมชอบที่จะแอบมองอยู่เงียบๆ ผมอยากจะเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นใจจะขาด แต่ว่า...ใช่...เงินที่ผมมีก็เหมือนเศษกระดาษดีดีนี่เอง

‘ไอ้ลุงมันเป็นลูกคนเล็กครับพี่ ที่บ้านเขาก็โอ๋กันเพราะมันน่ารัก มันช่างพูด แถมเป็นพวกมองโลกในแง่ดี ขี้อ้อนงี้ที่หนึ่งแต่มันไม่รู้ตัวเองหรอก มันติดพ่อมันมากแต่พอคุณลุงท่านเสีย มันก็เงียบๆ ซึมๆ ไปนานเหมือนกัน กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนี่ทำเอาคนรอบข้างเหนื่อยน่าดู แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังถูกรักมากอยู่ดีนะพี่ แม่กับพี่สาวมันน่ะ...แค่รักแบบไม่เหมือนใครเท่านั้นเอง’

ผมมักจะทำท่าไม่ใส่ใจเวลาโป้ยเผลอเล่าเรื่องเกี่ยวกับพัทลุง แต่สมองผมนั้นกลับจดจำได้แทบทุกประโยค

‘ผมก็ไม่ได้อคติว่าพี่เปี๊ยกหน้าตาไม่ค่อยดีหรอกนะ แต่จากคนหล่อที่ออฟฟิศเรามีมันกลับเลือกพี่เปี๊ยกอะ ผมนี่เหวอไปเลยตอนได้ยิน แต่ก็สมเป็นลุงแล้วล่ะพี่ มันคงเห็นพี่เปี๊ยกตรงกับผู้ชายในอุดมคติทุกอย่างมั้ง? ตัวมันเองก็ถูกพ่ออบรมสั่งสอนมาให้มีความเป็นสุภาพบุรุษ อีกอย่างนะ ถ้าพี่ได้รู้จักแม่กับพี่สาวมันก็จะรู้ว่าคำสอนมันมีนัยยะว่าห้ามหือกับผู้หญิงในบ้าน’


  ลุงมีครอบครัวที่ดี

นั่นทำให้ลุงถูกหล่อหลอมขึ้นมากลายเป็นผู้ชายที่มองโลกในแง่ดี ถึงจะซื่อเกินไปสักหน่อย ทันคนน้อยไปสักนิด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลุงเป็นมันคือเสน่ห์ที่หาได้ยากยิ่งจากโลกไม่สมประกอบใบนี้ มันเป็นความต่างจนน่ากลัว เหมือนขาวกับดำ เหมือนความมืดกับแสงสว่าง เหมือนแม่เหล็กขั้วเหนือกับขั้วใต้

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น มันจะแปลกอะไรที่แม่เหล็กต่างขั้วจะถูกดูดเข้าหากัน

แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้พยายามอะไร ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะไขว่คว้า แต่ที่จริงแล้วมันก็แค่ยังไม่ถึงเวลา ผมแค่รออย่างสงบเหมือนครั้งหนึ่งในอดีต รอคอยวันที่ผมจะไม่ต้องทำได้แค่มอง...






ในค่ำคืนที่ผมออกมากับคู่ขาคนหนึ่ง ในผับบรรยากาศสนุกสนาน ผมดื่มเหล้าไปพลางถูกคลอเคลียด้วยสาวสวยหุ่นดี ฝ่ามือนุ่มนั้นลูบต้นขาผมไปมาอย่างโจ่งแจ้ง ปัดป้ายเป้าหมายอย่างหยอกเย้ายั่วยวน แม้จะไม่หุ่นดีเท่าเจน่า แต่ลีลาบนเตียงนั้นก็เผ็ดร้อนไม่แพ้กัน แต่มันก็สักระยะหนึ่งแล้วล่ะกับการจ่ายเงินเพื่อซื้อความรุ่มร้อนจากผู้หญิงคนนี้ อะไรที่มันน่าตื่นเต้นก็ชักจะดูธรรมดาไปแล้ว ...กะว่าค่ำคืนนี้ผ่านไปผมก็คงเขี่ยทิ้งเหมือนคนก่อนๆ

“ปล่อยกู!!”

เสียงหนึ่งดังแทรกจังหวะเบสกระหึ่ม ผมชะงักจากความเคลิ้มที่คนข้างกายมอบให้ แม้จะเบาจนไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ผมไม่มีทางจำเสียงของไอ้เจ้าไก่วัดตัวนั้นสับกับใครแน่ๆ ทั้งที่ไม่มั่นใจ แต่ผมก็เริ่มลุกลี้ลุกลนสอดส่ายสายตาฝ่าความมืดกับแสงสีที่สาดวิบวับ จนกระทั่งสองตาก็พบตัวตนแห่งความน่าสมเพชของผม

ความกรุ่นโกรธผุดขึ้นในจิตใจ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นไปได้มากเท่านี้ แค่เห็นพัทลุงถูกใครกูไม่รู้หิ้วปีกอยู่ในสภาพเมามาย ผมพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองก่อน อาจจะเป็นเพื่อน อาจจะเป็นคนรู้จัก ...แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ!

ผมรีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าเงินจำนวนหนึ่ง วางตบลงบนโต๊ะท่ามกลางความไม่เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดเหยียดยิ้มดูถูกไม่ได้ เมื่อหญิงสาวไฟแรงคนนี้มองแบงก์สีเทาหลายใบด้วยตาวาว

“ค่าเสียเวลา”

ผมไม่สนใจเสียงพูดจากคนข้างหลังอีกต่อไปเมื่อสองเท้าก้าวออกมา ผมเดินฝ่าคน สองตาจับจ้องเป้าหมายที่เดินตรงเข้าไปยังหลืบมุมอันเป็นที่ตั้งของห้องน้ำ ความร้อนในใจผมมันยิ่งแผดเผากว่าเดิม สองเท้าเร่งก้าวเข้าหา และในจังหวะที่ผมเอื้อมมือออกไปหมายกระชากไหล่ของชายแปลกหน้า เสียงอ้อแอ้ของพัทลุงก็ดังขึ้น

“อรรถกรลุงปวดฉี่”

“ถึงแล้วมึง อั้นไว้ก่อนนะไอ้ลุง”

บทสนทนาทำให้ผมโล่งอก การที่ลุงเรียกชื่อใครคนนั้นแถมยังแทนตัวเองด้วยชื่อ ผมก็พอเดาได้ว่าคนๆ นี้คือเพื่อนสนิท หรืออย่างน้อยที่สุดก็อาจจะเป็นคนรู้จัก ผมไม่รู้หรอก...แต่ผมสบายใจแล้ว

เพื่อนของลุงปล่อยให้คนเมาเดินโซเซเข้าห้องน้ำไปเพียงลำพังหลังจากนัดแนะกันอย่างดิบดี อาจจะเป็นเหตุการณ์ปกติสำหรับเพื่อน แต่มันแปลกใหม่มากสำหรับผม ข้างในนั้นลุงอาจจะหกล้ม หรือว่าไปเซชนใครเข้าจนมีเรื่อง ...ผมเห็นห่วง นั่นคือเหตุผลที่เดินตามเข้าไป

ผมยืนอยู่ตรงมุมประตู ยิ้มขำกับอาการโยกไปเย้มาอยู่หน้าโถปัสสาวะของคนเมา จากนั้นก็เดินเป๋ออกไปในจังหวะเดียวกับที่คนกลุ่มหนึ่งเดินสวนเข้ามา ผมได้แต่อ้าปากค้างมองพัทลุงที่เดินไปที มองเพื่อนที่ยืนรอแต่ก้มหน้าเล่นมือถือที ผมกำลังชั่งใจว่าจะทำยังไงต่อดี จะสะกิดเพื่อนคนนี้ดีรึไม่ หรือว่า...

ผมตัดสินใจเดินตามพัทลุงไปเงียบ รีบสาวเท้าเพื่อดักหน้า และก็เป็นดังคาดที่คนเมาตัวน้อยจะชนร่างผมโครมเบ้อเริ่มแล้วทรุดลงไปกองกับพื้น


“พัทลุง?”
“เอิ๊ก! ครายอ่ะ”



ผมทำทีแปลกใจ เสแสร้งเป็นคนรู้จักที่บังเอิญเจอกัน แต่สองตาของผมนั้นเอาแต่จับจ้องร่างที่ปวกเปียกอยู่กับพื้น เสียงอ้อแอ้ และสติที่ไม่มั่นคงทำให้ผมเหยียดยิ้มอยู่ในใจ

บางครั้งโอกาสมันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว

แต่ถ้าไม่รีบคว้ามันเอาไว้...ผมคงต้องเพิ่มคำว่าโง่เง่าลงไปในพจนานุกรมส่วนตัว ถัดจากคำว่าน่าสมเพชแน่นอน





ผมดูถูกน้ำหนักไก่วัดตัวนี้มากไปหน่อย

ผมอุ้มขึ้นพาดไหล่พาเดินมาที่รถได้อย่างห่างไกลจากคำว่าเบาสบายมากที่สุด พัทลุงตัวไม่สูง ซ้ำยังผอมเหมือนผู้ชายตัวแกร็นทั่วไป ไม่ว่าจะวิเคราะห์กี่ครั้งผมก็ยังคงงุนงงได้เสมอว่าร่างกายแบบนั้นกลับมีบั้นท้ายอิ่มเอิบขนาดนี้ได้ยังไง ผมอยากจะขุนเจ้าไก่นี่ให้อวบอัดกว่านี้เหลือเกิน เมื่อนั้นสองตาผมคงจะได้มองเพลินไปทั้งวันแน่

“อือ...แจ๊บๆๆ”

ผมหลุดขำออกมา ทำไมเด็กคนนี้ถึงมีมุมน่ารักแบบนี้ได้ตลอดเลยนะ ปากอิ่มๆ นั่นคงฝันว่ากำลังเคี้ยวอะไรอยู่เป็นแน่ ขยับปากแต่ละที แก้มอูมๆ ระเรื่อแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นก็น่ามองเหลือเกิน อดไม่ได้เลยที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสความนิ่มที่เคยได้แต่จินตนาการ  และมันก็เป็นอย่างนั้น แก้มลุงนุ่มนิ่มน่าหยิกอย่างที่คิดไว้จริงๆ ผมลงน้ำหนักนิ้ว บิดความยืดหยุ่นของผิวเนื้อเบาๆ ลุงขมวดคิ้วฉับทันควัน ส่งไม้ส่งมือเปะปะปัดป้องทันที

ผมยิ้มแล้วยิ้มอีก แถมยังเป็นยิ้มที่ทำเอาปวดแก้มไม่น้อย ผมถึงชอบโอกาสไงล่ะ เพราะทุกครั้งที่คว้าไว้ โอกาสไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย

บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่มากเสียจนนิยามไม่ถูก หัวใจมันก็ไม่ได้เต้นเร็วอะไรเลย แต่กลับอุ่นวาบข้างในจนร้อนไปหมด รู้สึกไม่อยากทำอะไรแม้แต่จะขับรถ อยากนั่งมองไก่ขี้เมาไปนานๆ ผมว่าจากระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การนั่งมองลุงคือสิ่งที่เพลิดเพลินที่สุดเสมอไม่เคยเปลี่ยน

ผมคงบ้าไปแล้วล่ะ เป็นคนบ้าที่แสนจะน่าสมเพชเหลือเกิน

แต่จากเสียงสั่นสะเทือนที่ดังออกมาจากกระเป๋ากางเกงของลุง มันทำให้ผมหมดเวลาสงบสุข ผมเดาได้ว่าพวกเพื่อนของเด็กคนนี้ต้องตามหากันให้ทั่ว แม้ไม่รู้ว่าจะมีใครบ้าง แต่ผมก็เลือกโทรหาเพื่อนของพัทลุงคนเดียวที่ผมรู้จัก

“โป้ย”

“ครับพี่ปูน”  น้ำเสียงปลายสายสุภาพเหมือนเดิม แต่ความร้อนรนมันสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน

“พี่เก็บพัทลุงได้ที่ผับkycoว่ะ เมาเป็นหมาไม่รู้เรื่อง นี่เลยพากลับไปบ้านด้วย”  ผมทำเสียงติดรำคาญอย่างที่เป็นเสมอ ผมเหยียดยิ้มเล็กน้อยกับการแสดงของตัวเองเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับเสียงที่ดังเบาออกไปคล้ายจะบอกเพื่อนที่เหลือว่าพัทลุงปลอดภัยแล้ว

“ผมก็ว่าเห็นพี่อยู่เหมือนกัน เฮ้อ~ ขอบคุณครับพี่ มันมากับพวกผมเองแหละ”

“แล้วจะเอาไง จะมารับกลับไปหรือว่าให้ค้างกับพี่”  ผมเสนอ แม้จะหวังไว้เหลือเกินว่าโป้ยจะเลือกข้อหลัง

“...ถ้าพี่สะดวก”  ผมเหยียดยิ้มเต็มฝีปาก ให้ตายสิ! ผมรักไอ้ตัวโอกาสฉิบหายเลย

“ตามนั้น”  ผมตอบสั้นๆ แต่จังหวะที่จะเลื่อนโทรศัพท์ออกจากหู เสียงโป้ยก็ดังลอดเข้ามา

“พี่ปูน...”

“ว่า”

“พี่จะไม่ทำอะไรมันใช่มั้ย?”

ผมนิ่งเงียบไป หัวสมองประมวลคำถามด้วยความรวดเร็ว โป้ยอึกอัก...คล้ายจะรู้อะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่แน่ใจ

“จะให้ทำอะไร เอาเข็มเย็บปากมันน่ะเหรอ”  ผมรีบกลบเกลื่อนด้วยความสามารถที่หลอกคนอื่นมานักต่อนัก

“เหอะๆ ฝากลุงด้วยนะพี่” 

“เออ”

“อ้อ! ผมลืมบอก พี่ทิ้งมันไว้บนโซฟาก็พอนะ เวลาเมามันชอบใช้ความรุนแรง”

จำได้ว่าผมหัวเราะเยาะคำเตือนของโป้ย ต่อให้เมาแล้วรุนแรงแค่ไหน กำลังกายชองพัทลุงก็สู้ผมไม่ได้อยู่ดี

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผมถึงรู้ว่าความประมาทมันเจ็บปวดขนาดไหน




ตุบ!!

ผมอาจจะเคยถูกตี ถูกหยิก หรือถูกเมินใส่ แต่ไม่เคยมีใครถีบผมมาก่อน

ให้ตายเถอะ!!!

หลังจากไอ้ขี้เมาคนนี้อ้วกรดโถงทางเดินเสียจนเหม็นหึ่ง ผมก็อุตส่าห์แบกมันขึ้นไปบนห้องนอน แม้จะทุ่มมันลงบนเตียงแรงๆ ก็เถอะ แต่คนอย่างผมก็ยอมเดินกลับลงไปเช็ดอ้วกจนพื้นสะอาดเอี่ยม อารมณ์ตอนนี้มันเดือดปุดๆ ต่อให้พัทลุงมายืนส่ายก้นตรงหน้า ผมก็ขอเตะมันสักป้าบก่อนจะขึ้นขี่ล่ะ

ความหวังดีที่อยากให้มันนอนสบาย ผมเลยเช็ดหน้าเช็ดตาอันโสโครกให้ พยายามถอดเสื้อผ้าที่เลอะเทอะออก ไล่เช็ดตามผิวเนื้อขาว แต่มันกลับไม่ใช่คนเมาที่นอนสงบเสงี่ยมแบบในรถอีกแล้ว มันดิ้นไปดิ้นมา วาดแขนเหวี่ยงขาจนผมอยากจะซัดมันให้สลบ ไอ้ผมที่ไม่อยากจะทำรุนแรงก็เลยจำต้องพยายามสะกดจิตตัวเองให้สงบแทน มันเป็นคนเมา มันเป็นคนเมา(ที่น่าตบกะโหลกมาก) 

และในจังหวะที่เสื้อเชิ้ตถูกแหวกออกด้วยสองมือของผม ความโมโหก็อันตรธานหายไปทันที สองตาผมหมกมุ่นสำรวจแผงอกขาว แม้จะไม่เนียนละเอียดเท่าไหร่แต่ยามสัมผัสกลับนุ่มลื่นมือ แอบสะกดความดีใจที่ไก่ตัวนี้ไร้ขนหน้าอกพะรุงพะรัง  หน้าท้องแบนราบที่เหมือนพอจะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แข็งอย่างที่คิด หลุมสะดือสีขาวสะอาดที่ผมว่าน่าจะเหมาะกับจิวสีเงินสักอัน มันจะต้องเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิมแน่

“อื้อ!”

ลุงครางพลางบิดตัวไปมา เมื่อนั้นแหละที่ผมต้องกักเก็บน้ำลายที่ล้นปากกลืนลงคือไปเสีย ในตอนนี้สองตาผมเอาแต่จับจ้องอยู่ตรงหน้าอกของลุง จุกนมสีชมพูหม่นดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากบั้นท้ายสวยๆ เท่าไหร่ ที่สำคัญยังซุกซ่อนตุ่มไตไว้ภายใน กระตุ้นการค้นหาของคนมองจริงๆ

ผมเหยียดยิ้ม

ค่อยๆ โน้มตัวลงแนบริมฝีปากบนดอกไม้ตูมในสระขาวผ่อง ยามความนุ่มเข้าปะทะกันก็เกิดเป็นกิเลสในทันใด ดอกไม้หอมหวานหายเข้าไปในปาก ผมไม่รีรอที่จะหยิบยื่นปลายลิ้นชิมรสชาติ ดูดดุนให้ยอดตูมแตกบานผุดเกสรลึกลับ ท่ามกลางเสียงครางผะแผ่วและแรงดิ้นที่ยังไม่ลดเลิก เมื่อผมละปากออกมา ดอกไม้ก็บานอวดเกสรสีชมพูระเรื่อแดงเย้ายวน

ไฟราคะลุกพรึบในตัว ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว ผมจะปล้ำลุงเสียเดี๋ยวนี้นั่นแหละ จะฝังกายเข้าไปให้ลึกล้ำแล้วแตกซ่านอย่างที่อยากจะทำมาตลอด ผมไม่สนว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง แต่ผมจะทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมเอง ใช่! ผมต้องควบคุมทุกอย่างที่ต้องการได้เหมือนที่ผ่านมา

ผมจรดริมฝีปากลงบนดอกตูมอีกข้าง สองมือช่วยกันลูบไล้ผิวเนื้อนุ่ม เสียงครางเครือจากอีกฝ่ายกระตุ้นอารมณ์ดิบของผมได้ยิ่งกว่าใครทั้งหมด สมแล้ว...ช่างคุ้มค่ากับเวลาหลายปีเหลือเกิน ลุงเหมาะจะเป็นของผมจริงๆ

แต่ยามเตลิด การป้องกันก็ลดลงเป็นธรรมดา

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ความเจ็บจากสีข้างนั้นเด่นชัดมากพอๆ กับความเจ็บจากก้นที่หล่นกระแทกกับพื้น ผมตะกายตัวขึ้นมานั่งด้วยความสับสน อารมณ์ร้อนแรงเหมือนถูกความเจ็บดูดหายไปจนเกลี้ยง ผมใจหายเล็กน้อยยามมองคนบนเตียง แต่พัทลุงยังหลับตาสนิทซ้ำยังเหวี่ยงแขน เตะอากาศอย่างช่ำชอง

คงไม่ใช่มือแน่ๆ ที่ซัดผมร่วงลงมาแบบนี้

ผมกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง จ้องมองคู่ต่อสู้ที่กำลังใช้วิชาเส้าหลินทำร้ายอากาศ ผมทั้งขำทั้งโมโห แต่ความอยากเอาชนะกลับผุดขึ้นมาเพิ่ม ผมกระชากเสื้อลุงออกจากตัว ดึงกางเกงไปทาง ชั้นในไปทาง ลุงเปิดเผยเนื้อตัวอล่างฉ่างน่าฟัด ผมกลืนน้ำลายก้อนโตแล้วทำกายปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองบ้างด้วยความรวดเร็ว

ให้มันรู้กันไปว่าวันนี้ผมจะกินไก่ไม่ได้!!

แต่ผมลืมไปว่า ขณะที่ชิวาว่าก็มีเขี้ยวเหมือนบางแก้ว ไก่ก็ไม่ใช่ตุ๊กตาน่ารักเช่นกัน

ตุบ!!!


ผมนอนกลิ้งโอดโอยอยู่บนพื้น ความเจ็บเดิมยังไม่ทันหาย ไอ้ไก่เวรตะไลยังประเคนเข่าเข้าสะโพกผมได้เจ็บแสบที่สุด สองครั้งแล้วที่มันทำผมตกเตียง เป็นผมเองที่ดูถูกเรี่ยวแรงมันมากไป ไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้มาก่อน ยิ่งบรรดาคู่นอนมีแต่จะเรียกร้องให้ผมต้องการมากขึ้น

ผมมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า ขบกรามแน่นพลางคิดหาวิธี ต่อให้วันนี้จะไม่ได้ แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสมันผ่านไปอย่างเสียเปล่าแน่ ถ้าพลาดวันนี้ไปแล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีอีกเล่า นี่ก็สามปีแล้ว! ตั้งสามปีเชียวนะ ผมไม่ยอมรอเป็นสิบปีอย่างไอ้กรเด็ดขาด

ว่าแล้วผมก็พุ่งตัวขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง ผ้าห่มถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยการพันรอบตัวคนแรงเยอะเอาไว้จนเป็นมัมมี่ ผมหอบหายใจหนักหน่วง ไม่เคยเหนื่อยกับเรื่องไร้สาระอย่างนี้มาก่อน ทำไมพัทลุงถึงได้เมาแล้วดิ้นมากขนาดนี้นะ ดีที่ไม่ลุกขึ้นมาเดินเพ่นพ่านด้วย ไม่งั้นผมคงต้องตีมันให้สลบจริงๆ

ผมยืนมองก้อนผ้าห่มบนที่นอน แม้จะถูกพันขนาดนี้ก็ยังไม่คณาแรงพัทลุงสักนิด ดิ้นไปดิ้นมาเหลือแต่หัวโผล่อย่างกับดักแด้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...แก้มก็ยังน่าฟัดอยู่ดี

ลมหายใจถูกพ่นออกมาอย่างยอมจำนน ผมทรุดตัวนั่งลงบนทีนอนทั้งร่างกายเปลือยเปล่า แต่หัวใจกลับอุ่นพิลึก ไม่ต้องปั้นหน้าดุใส่ ไม่ต้องชวนทะเลาะ แต่กลับได้มองหน้าลุงใกล้ขนาดนี้นั้นอย่างกับฝันแหน่ะ... -- ผมหยุดความคิดตัวเอง อมยิ้มให้กับความบ้าบออย่างกับพวกผู้หญิงช่างเพ้อ

ที่นอนยวบลงไปรองรับน้ำหนัก มือเอื้อมปิดไฟบนผนังข้างหัวเตียง ผมไม่ค่อยชอบกลางคืนเท่าไหร่ ความมืดมันทำให้รู้สึกว่าทั้งโลกนั้นมีแค่ตัวเรา เหมือนจะตอกย้ำว่าผมอยู่เพียงลำพัง อดีตไม่มีใคร อนาคตก็คง...--

“ฮิฮิ ฮี่ๆ ลุงจะเอานั่น”



...ผม



“ลุงอยากกิน แจ่บๆๆ”



ถึงผมจะไม่ใช่คนดี...แต่ผมก็อยากมีใครสักคน



“ฮิฮิฮิ”

ริมฝีปากผมกระตุกรอยยิ้ม เสียงคนเมาหัวเราะร่าเริงมากเสียจนอยากจะรู้ว่ากำลังฝันเรื่องอะไร ผมพลิกตัวกอดก้อนผ้าช่างฝันข้างๆ กลิ่นอาเจียนยังกรุ่นจมูก แต่ผมก็ยังคงตะเกียกตะกายซุกหน้าลงกับกลุ่มผมที่กลิ่นตุไม่แพ้กัน

ให้ตื่นขึ้นมาแล้วเข้าใจผิดไปเลย! ให้ลุงตกใจคิดว่าผมปล้ำไปแล้วก็ได้ ผมจะสมยอม จะรับผิดชอบ จะทำให้ลุงโอนอ่อนผ่อนตามเอง...

หึ ปุริมเอ๊ย~ มึงมันน่าสมเพชจริงๆ


.

.


แต่ลุงนั้นอยู่เหนือเหตุผล และจินตนาการของคนธรรมดาจะเอื้อมถึง


.

.


ผมประมาทความเพ้อเจ้อของเด็กคนนี้มากไป

เป็นใครบ้างจะไม่ตื่นขึ้นมาถ้าถูกสัมผัสของรักของหวง อันที่จริงไม่ใช่แค่นั้นหรอก ฝ่ามือสากเล็กน้อยนั่นยังปั้นจนแตงร้านขึ้นรูปด้วยซ้ำ ขยำไปมาคล้ายกับไม่แน่ใจในความเป็นจริง ...เพลินอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าปล่อยไว้คงแย่

“ทำอะไรน่ะ?”  ผมจำต้องร้องขัดเสียก่อน ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เมื่อนับจากความเสียวที่เพิ่มขึ้นแล้ว ไอ้คนตรงหน้ากลับจ้องหน้าผมด้วยความตกตะลึงไปพลางคลึงของในมือไปด้วย

ผมหวังให้เหตุการณ์ในละครสักเรื่องที่ไอ้กรเล่น รอว่าเมื่อไหร่ลุงจะโวยวายหาว่าผมพรากความบริสุทธิ์ทางประตูหลัง ด้วยสภาพเปล่าเปลือยของเราทั้งคู่ มันมองได้แบบนั้นอยู่แล้ว

แต่...

ทั้งสีหน้าและท่าทาง จะแววตา หรือความตื่นตกใจ ทั้งหลายแหล่ที่พัทลุงสื่อออกมา มันข้ามขั้นไปไกลกว่านั้นอีก ผมเดาว่าในหัวของลุงไม่มีส่วนไหนเลยที่คิดว่าถูกจิ้มไปแล้ว แต่กำลังกลัวว่าเป็นผมต่างหากที่มันจิ้มไป

อะไรก็ได้...ผมยอมทั้งนั้นแหละ

จะให้เสแสร้งแกล้งตีสีหน้าแค่ไหนผมไม่สนสักนิด  “ลุงจำไม่ได้เลยสินะว่าทำอะไรกับพี่ไปบ้าง”

หน้าตาพัทลุงเดี๋ยวซีดเดี๋ยวแดง คงกำลังนึกว่าทำอะไรไป ทำได้อย่างไร ยิ่งตอนผมลุกขึ้นยืนแล้วเผลอเบ้หน้าด้วยความเจ็บจากลูกถีบของลุงเมื่อคืน มันยิ่งเหมือนย้ำชัดว่าสิ่งที่มันคิดกับสิ่งที่ผมเสแสร้งเป็นความจริง ผมลอบยิ้มอย่างมีชัย ต่อให้จากนี้มันคิดได้ขึ้นมา แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเราก็น่าจะขยับใกล้ขึ้นบ้าง






>>> [มีต่อจ้า]

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
<<<<


ผมยังคงทำตัวเหมือนปกติ แต่พัทลุงต่างหากที่เปลี่ยนไป แม้จะมีท่าทีอึดอัดอยู่บ้าง แต่กลับสุภาพกับผมมากขึ้น เทคแคร์จนผิดร่องผิดรอย พัทลุงเหมือนคนสับสน แต่ในท้ายที่สุดความเป็นสุภาพบุรุษเก๊ๆ ที่โป้ยชอบแซวก็จัดการให้ตัวต่อทุกชิ้นที่ผมต้องการนั้นรวมกันได้อย่างลงตัว


“ผมจะรับผิดชอบพี่เองครับ!!”
“ก็ผมปล้ำพี่ พี่เป็นเมียผมแล้วผมก็ต้องรับผิดชอบ!!”



ผมอมยิ้ม ช่างเป็นความซื่อที่เข้าขั้นบื้อเสียจริงๆ ถ้าคิดแบบคนธรรมดาสักนิดชีวิตอาจจะไม่ยุ่งยากแล้วก็ได้ แต่...หึหึ นี่แหละคือเสน่ห์ของพัทลุง





’มึงดูมีความสุขขึ้น’

คำทักของกรทำให้ผมย้อนกลับไปมองช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าเทียบกับก่อนหน้านั้นละก็...ใช่ ผมมีความสุขกว่าที่เคยเป็น ถึงจะดูเลวไปสักหน่อยที่ยกคำว่าผัวเมียขึ้นอ้างตลอดเวลา แต่ลุงก็ดูมีความสุขไปเสียทุกครั้งนี่นา แค่นึกถึงก็แทบจะได้กลิ่นผิวเนื้อที่สูดดมมาแล้วทุกซอกทุกมุม สีหน้าแดงระเรื่อที่บิดเบี้ยวด้วยความกระสัน หัวนมน่ารักที่ถูกดูดดุนจนยอดไตสีสวยผุดขึ้น เมื่อละเลงลิ้นเข้าใส่ลุงก็เผลอแอ่นหยิบยืดให้อย่างว่าง่าย ยิ่งดูดเข้าปากไปร่างกายเจ้าของก็สั่นระริก พองับด้วยฟันเบาๆ เสียงครางก็เผยให้ได้ยิน ขบกัดหนักเข้าลุงก็แทบแดดิ้นใต้ร่างผมอย่างง่ายดาย

‘ผัว’ ของผมช่างเป็นคนเซ็กซี่เหลือเกิน   






แต่ไม่ว่ายังไงความสุขมันก็ไม่ได้เป็นเพียงอย่างเดียวในชีวิต

ผมได้รับโทรศัพท์จากเลขาของคนที่เรียกว่าเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน ประโยคที่ว่า ‘คุณท่านต้องการพบคุณปูนครับ’ ทำผมทั้งแปลกใจและอยากจะหัวร่อให้ในคราวเดียวกัน และนั่นทำให้ผมไม่ยอมฟังรายระเอียดใดใด หลังจากแค่นเสียงหัวเราะให้ปลายสายแล้วก็กดตัดสัญญาณในทันที

จนป่านนี้แล้ว เนิ่นนานขนาดนี้...อยากจะพบงั้นเหรอ? ไว้ให้นอนอยู่ในโลงก่อนเถอะผมถึงจะไป

ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้น แต่ภายในใจมันยังร้อนรุ่ม คืนวันเก่าๆ มักจะย้อนขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่ต้องนึกถึง ความรู้สึกทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาราวกับว่าทุกสิ่งเพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อวาน คำว่านรกในใจคงจะเป็นคำเรียกที่ถูกต้องที่สุด

ผมอยากจะระบาย อยากจะทำยังไงก็ได้ให้ความอัดอั้นมันหายไป ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังนัดแนะคู่ขาสักคนที่พร้อมจะออกไปรองรับอารมณ์ของผมในตอนนี้ ผมเลื่อนดูรายชื่อ ...แล้วชื่อของลุงก็โผล่ขึ้นมา

ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านิ้วกดโทรออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย ผมแค่ยื่นความจำนงว่าลุงต้องมา ต้องมาหาผมตอนนี้ เดี๋ยวนี้...

แล้วเมื่อลุงปรากฏตัวต่อหน้าผมด้วยชุดที่มอมแมมที่สุดที่เคยเห็น นรกในใจก็พลันมอดดับลง ดอกไม้ผุดขึ้นจนกลายเป็นสวรรค์ ผมลืมไปหมดว่าทำไม หรือเพราะอะไร... พัทลุงอาจจะเป็นความสุขของผมก็ได้ ไม่อย่างนั้น ทำไมผมถึงยิ้มได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าสภาพมอมแมมนั้นมาจากการรีบร้อนเพราะเป็นห่วงผม หัวใจมันก็คันยุบยิบไปหมด มันอุ่นวาบราวกับนอนตากแดดใต้แสงอาทิตย์รำไร แล้วผมก็หุบรอยยิ้มตัวเองไม่ได้เลย

พัทลุงทำให้ผมหลงมากขึ้นอีกแล้ว



หลังจากใช้เวลาบนท้องถนนพอควรกว่าจะมาถึงห้องพัก ในที่สุดผมก็ได้ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ปิดเปลือกตาชั่วครู่เพื่อรับความเงียบในแบบเดิมๆ ผมแค่นยิ้มกับตัวเอง เมื่อนึกถึงเสียงบ่นเจื้อยแจ้วที่ไม่ควรจะชินหู เสียงทำนั่นนี่ที่บ่งบอกว่ายังมีคนอีกคนวนเวียนอยู่ภายในห้องนี้

ถ้าไม่รับรู้ซะว่าช่วงเวลาแบบนั้นมันมีความสุขดี ก็คงไม่ต้องมารู้หรอกว่าตอนนี้มันเงียบเหงาแค่ไหน

ที่จริงมันอาจจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ ที่เอาตัวเองไปพัวพันกับลุง ผมเคยชินกับการปะทะคารม และการแอบมองอยู่เงียบๆ ห่างๆ มากกว่าจะมาอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ ผมรู้ว่าลุงเป็นพวกสดใสร่าเริงได้เสมอ แต่ยิ่งมาใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ บางคราวความสดใสนั้นก็สว่างไสวจนผมแสบตา ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าในสักวันที่ผมชินกับการมีลุงอยู่เคียงข้าง วันนั้นอาจจะเป็นวันที่ตัวเองโดนทิ้งให้โดดเดี่ยวอีกครั้ง

และผมโคตรจะเกลียดความรู้สึกแบบนั้นที่สุด

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน กระชากความเงียบให้หลบเลี่ยงไป ผมเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาจากบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า ชื่อบนหน้าจอทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเช่นทุกครั้งที่เห็น ก่อนจะกดรับสายด้วยเสียงห้วนสั้นไร้มารยาท

“ว่าไง”

“สวัสดีครับคุณปูน”  ปลายสายตอบรับด้วยความสุภาพ แม้จะไม่ได้รับการปฏิบัติดุจเดียวกันจากผมเลยก็ตาม

“คราวนี้มีอะไรจะรายงานอีกล่ะ?”  ผมยังคุมโทนเสียงเดิมได้อย่างต่อเนื่อง  “บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันตัดขาดกับทางนั้นไปแล้ว”

“...ผมทำตามหน้าที่ครับคุณปูน เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นผมจึงต้องแจ้งกับคุณครับ”  เสียงที่ลอดผ่านก็ยังคงความสุภาพได้คงเส้นคงวา แถมน้ำเสียงยังราบเรียบไร้อารมณ์สมกับที่อ้างถึงหน้าที่จริงๆ

“งั้นก็พูดๆ มาจะได้รีบวางสาย” 

“คุณท่านเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งครับ...วันนี้ช่วงบ่ายคุณท่านบ่นปวดศีรษะมาก สาวใช้จึงไปนำยามาให้ แต่เมื่อมาถึงห้องทำงานก็พบว่าคุณท่านหมดสติไปแล้วครับ ผมรีบนำส่งโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นอาการสมองขาดเลือดชั่วคราวครับ เพราะหลังจากได้รับยาไปมีอาการตอบสนองดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องตรวจให้ระเอียดด้วยซีทีสแกนอีกครั้งครับ”

ผมรับฟังการรายงานสถานการณ์จากวิชัย เลขาคนสนิทผู้ซื่อสัตย์ของคนๆ นั้น ด้วยสีหน้าไม่ได้ยินดียินร้ายเหมือนทุกครั้ง แม้ว่านั่นจะเป็นข่าวสารของคนเป็น ‘พ่อ’ ก็ตาม จนป่านนี้แล้ว ความอกตัญญูของผมมันมีมากพอขนาดที่ทำให้ตกนรกก็ไม่แปลกใจ แถมผมก็ไม่คิดจะกลับไปเป็น ‘ลูกที่ดี’ แบบนั้นอีก

“ถ้าแพทย์แจ้งผลที่แน่นอนแล้ว ผมจะโทรมารายงานอีกครั้งครับ”

“ไม่จำเป็น”

“จำเป็นครับ”  ก็เหมือนเดิมที่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยฟังผมเลย

“ก็แล้วแต่เหอะ!”  ผมวางสายด้วยความฉุนที่พุ่งขึ้นมาอย่างยากระงับ ในใจกรุ่นโกรธยิ่งขึ้นเมื่อชีวิตในช่วงปีกว่ามานี้ต้องมาทนฟังข่าวสารของคนที่ผมตัดออกไปจากชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะกีดกันอย่างไรก็ไร้ผล ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับฟังคำรายงานไป ผมเคยทำเมิน เลือกตัดช่องทางการติดต่อจากหมาคาบสาร แต่มันก็ไร้ประโยชน์ 

เป็นเพราะคนพวกนั้นแท้ๆ ที่ทำให้อาการนอนไม่หลับของผมมันหนักหน่วงทุกทีที่ได้รับรายงานบ้าๆ บอๆ ความหงุดหงิดเริ่มเกิดขึ้นทีละน้อย ผมมองไปรอบห้อง รับรู้ถึงความเงียบของการอยู่เพียงลำพัง นี่คือชีวิตของผม... การที่ผมดึงลุงก้าวเข้ามาในอาณาเขตนี้ต่างหากที่มันเป็นเรื่องผิดเพี้ยน บางทีผมควรจะบอกความจริงกับไก่วัดซื่อๆ ตัวนั้นให้หายโง่เสียที ให้มันแตกหักไปเลยก็ไม่เลว โกรธเกลียดผมไปเลยก็ได้


...ก่อนที่ผมจะยึดติดไปมากกว่าที่เป็น…


ผมยกโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้งเพื่อเลื่อนหาเบอร์โทร ใช้เวลาไม่นานหลังจากการกดโทรออกไป เสียงปลายสายก็ดังขึ้นร้องรับอย่างยินดีเช่นทุกครั้ง


.
.
.


“อืม~...คุณปูนครับ” 

เสียงครวญครางยั่วยวนดังขึ้นจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม ที่กำลังกินอย่างตะกรุมตะกรามอยู่กลางหว่างขาผม

ต้นข้าวมักจะมาถึงทันใจทุกครั้งที่ผมต้องการใช้บริการ และไม่ต้องอารัมภบทอะไรให้มากความ ราวกับว่าพร้อมอยู่เสมอเมื่อผมเรียกหา อย่างคราวนี้นัดเจอกันที่โรงแรมใกล้ๆ พอก้าวพ้นประตูมาได้ ก็ตะโบมจูบผมเป็นการใหญ่ ยั่วยวนด้วยท่วงท่าและท่าทาง แล้วก็ลากผมมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยอย่างนี้

“คุณปูนเครียดเรื่องอะไรหรือครับ?”  ผมมองหน้าคนถาม ในมือขาวเนียนนั้นกุมแท่งเนื้อที่คลับคล้ายจะแข็งแรง คลับคล้ายจะอ่อนแรงเอาไว้ มันคงไม่ใช่เหตุการณ์ที่ต้นข้าวเคยเจอ เจ้าของมือไหวแท่งเนื้อไปมาเบาๆ กล่าวอย่างติดตลก  “มันไม่ปึ๋งปั๋งเลยฮะ ผมเมื่อยปากแล้วเนี่ย”

สีหน้าของต้นข้าวเต็มไปด้วยความออดอ้อน และเมื่อสองตายั่วเย้าเห็นแค่ความเรียบตึงในสีหน้าของผม กลีบปากฉ่ำนุ่มก็ครอบลงกับน้องชายของผมต่อด้วยความพยายามที่มากกว่าเดิม

ผมปล่อยให้ต้นข้าวปฏิบัติการต่อไป ลีลาของเด็กคนนี้มักฉุดผมขึ้นมาจากความหงุดหงิดได้เสมอ -- แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ -- ผมขยับตัวเล็กน้อย แหงนใบหน้าพิงลงกับพนักโซฟา กิจวัตรแบบนี้มันใช่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ น่ะเหรอ หรือว่าผมรู้จักแต่หาเครื่องระบายความเดียวดายของตัวเองไปวันๆ แค่ช่วยให้ผ่อนคลาย ปลดปล่อยความอัดอั้น แค่ทำให้ชีวิตไม่ดูเงียบเหงาแค่ชั่วครู่ชั่วยาม

ชีวิตของผมมันเลวร้ายถึงขั้นไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ

จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่ตัวเองที่ลากลุงเข้ามา ทำให้กระจ่างตาแค่ไหนว่าชีวิตที่เป็นอยู่มันบัดซบเหลือเกิน ตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก จนกระทั่งวันนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช่างยากเหลือเกินที่จะไม่หลงเข้าไปในความใสซื่อนั้น ทั้งรอยยิ้ม ทั้งปากช่างเจรจา ทั้งความเอาใจใส่ทั้งหลายทั้งแหล่นั่น …ผม...

“ว้าว~”  ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงแรงดูดเม้มที่มากขึ้นพร้อมกับที่ต้นข้าวส่งเสียงขึ้นมาเบาๆ แต่ผมก็ปัดเสียงนั้นออกไปจากสมองอย่างรวดเร็ว เสียงของลุงทุ้มกว่านี้ น่าฟังมากกว่านี้ ลีลารักของลุงก็ไม่ได้จัดจ้านโชกโชน มันเต็มไปด้วยความขลาดเขลา ความเขินอาย แต่ก็อยากรู้อยากเห็นและซุกซนเป็นที่สุด

“คุณปูน~”

ผมชอบอ้อมกอดของลุง ชอบเรียวขาที่จงใจพาดเข้ากับเอวของผมอย่างเผลอไผลยามที่นอนด้วยกัน ชอบที่ร่างของเราใกล้ชิด ...ชอบที่ผมได้ฟังเสียงหัวใจของใครสักคนแล้วหลับไป

ผมหลับตาอมยิ้มกับภาพความทรงจำบนเตียงครั้งสุดท้าย ที่ไม่ว่าลุงจะดิ้นหนีสักกี่ครั้ง พอผมรู้สึกตัวขึ้นมาก็ต้องลากลุงกลับมานอนในท่าเดิม ผมชอบช่วงเวลาเหล่านั้นมากกว่าความกลวงเปล่าในตอนนี้เป็นไหนๆ

..

..

แล้วผมมัวทำอะไรอยู่...

“พอ!” 

ใบหน้าแดงระเรื่อของเด็กวัยมหา’ลัยชะงักงัน มองผมที่ใช้มือดันหน้าออกอย่างกะทันหันด้วยความไม่เข้าใจ ริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำลายบิดโค้งลงเล็กน้อยราวกับขัดใจ แม้แต่มือบอบบางที่กำส่วนหนึ่งของผมอยู่ก็ยอมคลายออก ต้นข้าวคงจะพอจับความผิดปกติของผมได้ ถ้าไม่นับรวมครั้งล่าสุดที่ผมเร่งร้อนแต่ฝ่ายเดียวแล้วโยนเงินให้ ครั้งนี้มันคงเลวร้ายพอดูสำหรับต้นข้าว

“ผมทำอะไรไม่ดีเหรอ?”  ร่างผอมบางขยับตัวขึ้นมา ปีนคร่อมหน้าขาผมไว้ นาบริมฝีปากซุกไซ้ลงกับซอกคอผมเบาๆ  “ฝีมือผมตกไปเหรอ? หรือว่าวันนี้อยากจะได้อะไรที่มันพิเศษ”

“เปล่า”  ผมปฏิเสธ ฝีมือต้นข้าวไม่มีตกไปหรอก ซ้ำน่าจะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ คงไม่มีผู้ชายคนไหนไม่เสร็จคาปากนิ่มๆ นี้ได้หรอก แต่ในวันนี้สำหรับผมมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

“งั้นเราไปทำต่อกันที่เตียงดีมั้ยครับ”

“ไม่” 

เด็กหนุ่มยืดตัวมองผมด้วยความไม่เข้าใจ ผมตัดสินใจเบี่ยงตัวลุกขึ้น จัดการเก็บอวัยวะที่อ่อนตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเข้าที่ให้เรียบร้อย ผมไม่หันไปมองต้นข้าวหากเดินไปยังกระเป๋าเพื่อหยิบสมุดเช็คที่มักจะติดเอาไว้ เขียนจำนวนเงินลงไปพร้อมกับลงลายเซ็นกำกับ และเมื่อหันกลับมาอีกครั้ง ต้นข้าวก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแต่ในสภาพที่เสื้อผ้าเข้าที่เข้าทาง

“นี่มันอะไรกันครับ?”  สายตาที่มองกระดาษที่ถูกยื่นให้เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ผิดจากที่ผมคิดเท่าไหร่นัก เมื่อเด็กคนนี้รับเช็คไปโดยไม่มีอาการลังเล

“ค่าเสียเวลา”

ต้นข้าวก้มมองดูจำนวนตัวเลขในกระดาษ แววตาพราวระยับชั่วครู่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความฉงน

“แต่นี่มันมากเกินไป”

“รับไว้”  น้ำเสียงผมนิ่งเรียบ ไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์อย่างที่ตัวเองก็แปลกใจ  “เพราะนี่คือครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะโทรหาเธอ”

คำพูดของผมดับแสงเรืองรองในสายตาต้นข้าวจนสิ้น  “ทำไมครับ! คุณปูนไม่พอใจผมตรงไหนเหรอ”
ร่างผอมบางดีดตัวลุกขึ้น โถมเข้ากอดผมแน่น ปากรำพึงแต่คำว่าไม่ยอม แถมยังพ่วงคำบางคำออกมาให้ผมต้องระคายหูเสียอีก

“ผมรักคุณปูนนะครับ”

ผมแค่นหัวเราะเสียงดัง รักบ้าบออะไรกัน ฟังแล้วมันทำใจรับแทบไม่ได้ เด็กคนนี้ไม่ได้ซื่อสัตย์กับผมสักนิด ไม่ได้มีแค่ผมเสียหน่อย อย่างนี้จะเรียกว่ารักได้อย่างไรกัน ถ้าจะรัก ก็คงจะรักแค่เงินของผมล่ะไม่ว่า ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่ผมถามว่าต้องการอะไร จะมีคำตอบออกมาได้มากมายขนาดนั้นหรือ? แต่ละอย่างที่อยากได้ก็ไม่ใช่ของราคาทั่วไป  “เก็บของแล้วออกไปซะ”

“ไม่ๆ ผมรักคุณจริงๆ นะ”  ต้นข้าวสะบัดหน้าไปมาไม่ยอมรับ  “อย่าทิ้งผม”

“หึ ฉันทิ้งเธองั้นเหรอ?”  ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างสุดกลั้น จ้องมองต้นข้าวที่เงยหน้าสบตาผมด้วยความหวาดระแวง  “ฉันกับเธอเป็นอะไรกันหรือต้นข้าว?”

“ผม... ก็จริงที่เราไม่ได้คบกัน แต่ว่าเรานอนด้วยกันนะ ผมยอมเป็นอะไรก็ได้สำหรับคุณ”

“นี่นะ เด็กน้อย”  ผมหนีบคางของเด็กช่างตื๊อไว้ด้วยปลายนิ้ว  “เธอก็แค่ขายตัวให้ฉันเท่านั้นเอง”

“ไม่ใช่นะ! ผมไม่ได้ขายตัว”  เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนี ผลักตัวผมออกราวกับรับไม่ได้เสียเต็มประดา

“แน่ใจเหรอ? ฉันว่าที่ผ่านมามันดูจะเป็นอย่างนั้นนะ ไม่มีครั้งไหนที่ฉันนอนกับเธอฟรีๆ ทุกครั้งเต็มไปด้วยผลตอบแทน”  ผมเหยียดยิ้มด้วยความดูถูก  “และฉันก็ตอบแทนเกินกว่าที่ได้รับเสียด้วย”

“แต่...แต่ผมรักคุณจริงๆ นะครับ”

“เด็กเอ๋ย...”  ผมส่ายหน้าด้วยความเห็นใจ ทำให้เท้าที่จะก้าวมาหาผมของต้นข้าวชะงักลง  “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะจริงจังกับเด็กขายตัวได้ลงหรอกนะ”

ต้นข้าวเม้มริมฝีปากแน่น โทสะฉายอยู่ในแววตา ร่างบางก้าวยาวๆ ไปเก็บกระเป๋า หันมามองผมอีกครั้ง  “คุณมันเลวและก็ร้ายกาจ ผมอยากจะรู้นัก ว่าใครจะมารักคนที่รักใครไม่เป็นอย่างคุณ!”  กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเป็นครั้งสุดท้าย ต้นข้าวก็ตะบึงตะบอนจากไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก

สองตามองร่างนั้นหายลับไป ผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำปิดท้ายอย่างนั้นหรอก ก็ไม่ใช่ต้นข้าวสักหน่อยที่เป็นคนแรก บรรดาคู่ควงมากมายของผมก็พ่นคำนี้ใส่มาแล้วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาขาด แต่ว่านะ...ถ้าเด็กคนนั้นจะปาเช็คใส่หน้าผมแทนที่จะกำเก็บเข้ากระเป๋า ผมอาจจะพอทำใจเชื่อคำว่ารักที่พ่นออกมาได้บ้าง

ผมทิ้งตัวลงบนเตียง หลับตาแน่น เมื่ออยู่เพียงลำพัง เปลือกแข็งแกร่งที่สร้างก็ร่อนหลุดออกช้าๆ 

ใครจะมารักคนที่รักใครไม่เป็นอย่างผม?

นั่นสิ...ลุงจะรักผมบ้างรึเปล่า? คนที่ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองแบบนี้

เป็นความหลงใหล ความชอบ หรือเลยเถิดเป็นความรักแล้วนั้น

ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน





ความรู้สึกของผมมันรวนเรอยู่ภายใน

อันที่จริงแล้วผมอาจยังไม่พร้อมที่จะยอมรับกับตัวเองก็ได้ ผมทั้งกลัวที่ตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่จะให้ถอยห่างก็ยากที่จะทำได้ลงเหมือนกัน ...ทั้งสุขและทุกข์... มีความสุขบนความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ตลอดมาผมห้ามตัวเองได้ ไม่ยึดติดใคร ไม่ยอมให้ใครก้าวก่ายในพื้นที่ส่วนตัว กันทุกคนออกจากปราการที่สร้างขึ้น กรมักจะบอกให้ผมทลายกำแพงนั้นซะ แต่มันไม่เคยถูกคนที่รักทำลายโลกใบน้อยที่เคยมีจนแตกเป็นเสี่ยงๆ มันไม่เข้าใจหรอกว่ากว่าผมจะเก็บเสี้ยวเศษพวกนั้นมาสร้างโลกของตัวเองได้มันใช้ความพยายามขนาดไหน

แต่ใช่ว่ากรจะดีไปกว่าผมเท่าไหร่หรอก

เมื่อคนน่าสมเพชสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้ มันก็ต้องมีจุดที่เข้าใจกันได้ไม่มากก็น้อย ถ้าความกังวลของกรคือพัทลุง ตัวปัญหาของผมก็คือโป้ยเช่นกัน

ผมรู้ตลอดมานั่นแหละว่าโป้ยกับลุงนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เลือกที่จะตีสนิทกับโป้ยให้มาก การที่คนเราคบกันได้ตั้งแต่ชั้นประถมโดยไม่มีช่วงห่างเหินนั้น มันพอที่จะทำให้ผมรู้ว่าความสัมพันธ์นั้นแข็งแกร่งและแนบแน่นขนาดไหน เด็กสองคนนั้นมักเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันตลอดเวลา ขนาดที่พี่ริชยังเคยแอบแซวว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน

ผมชอบโป้ยนะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนเก่ง คุยสนุก และมีอิสระในตัวของตัวเอง

เหมือนที่กรเองก็เอ็นดูลุง เพราะความที่เป็นเด็กซื่อๆ ขยันทำงานเหมือนกัน

แต่ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่งนั้น...

ก็เหมือนวันอื่นๆ ในช่วงที่ว่าง ผมนั่งแอบมองเจ้าลูกไก่ผ่านช่องกระจกเหมือนปกติ มองปากของลุงที่ขยับจ้อกับเพื่อนข้างๆ ได้อย่างไม่หยุดหย่อน แต่ไม่นานจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มนัวเนียกันมากขึ้น ทั้งซบทั้งกอด เหมือนเดิมๆ นั่นแหละ...แต่ถ้าทำได้ผมก็อยากจะเดินเข้าไปกระชากโป้ยออกมาแล้วต่อยสักหมัด ก็แค่ความคิดเท่านั้น ผมยังคงอดทนกับความรู้สึกของตัวเองได้

แต่เพื่อนสนิทผมนั้น...หลุดไปแล้ว

ผมจำต้องเดินออกไปดูสถานการณ์หลังจากได้ยินเสียงบางอย่างตกพื้นโครมใหญ่ดังมากจากห้องข้าง จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ? กรหลุดจากบทพระรองเป็นตัวร้ายขี้อิจฉาไปแล้ว แต่พอสงบสติตัวเองได้วิญญาณนักแสดงก็เข้าประทับองค์ทันที ผมก็อยากจะขำอยู่เหมือนกัน แต่ผมเข้าใจ...

“กูกลัวว่ะ...ถ้าโป้ยจะรักชอบลุงขึ้นมา คนอย่างกูคงสู้ไม่ได้”

นักแสดงขายดีของวงการหมดสภาพฟุบหน้าลงกับโต๊ะ โอดครวญให้กับความรักของตัวเอง ถ้าได้หลุดออกไปถึงผู้สื่อข่าว ต่อให้ไม่ใช่พระเอกดังคับจอ ก็คงเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ไปอีกพักใหญ่ ผมปล่อยให้กรระบายออกมามากมาย ไม่เสนอแนะ ไม่ช่วยออกความคิดเห็นใดใด ทุกความไม่สบายใจที่เพื่อนเผยออกมานั้นผมยอมรับด้วยความกลัวไม่แพ้กัน

นั่นสินะ...ถ้าลุงเกิดคิดได้ว่ารักเพื่อนสนิทเข้าแล้ว พื้นที่ใต้เท้าผมคงได้พังทลายแน่นอน



>>>>> [มีต่อจ้า]

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook

ผมรู้ประวัติของลุงจากโป้ยมาพอสมควร และมันก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม? ทำไมผู้หญิงพวกนั้นถึงได้ทิ้งคนหายากแบบนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ลุงไม่ใช่พวกหล่อพร้อมสมบูรณ์แบบ หน้าตาที่ไม่ถึงกับหล่อ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ผมว่ามันเป็นส่วนผสมที่ออกมาอย่างลงตัวทางกายภาพและจิตใจ มองเผินๆ เหมือนไม่น่าสนใจ แต่เมื่อไหร่ที่ลุงยิ้มนั้น...ดูน่ารัก แบบที่นั่งมองได้ทั้งวันเชียวล่ะ

และลุงก็เป็นคนยิ้มง่าย พอๆ กับที่กวนตีนเก่งนั่นแหละ

มักจะมีคนบอกว่านิสัยส่วนตัวนั้นมาจากตัวตนของคนๆ นั้นกำหนด แต่ผมเชื่อว่าครอบครัวก็มีส่วนมากเหมือนกัน ครอบครัวของลุงนั้นไม่ได้ร่ำรวยมีเงิน แต่การเลี้ยงดูที่ดีนั้นมันสื่อออกมาได้ผ่านทางทัศนคติที่ดี การนอบน้อมต่อผู้สูงวัย และการคุยพูดกับบุพการี

ลุงถูกเลี้ยงมาได้อย่างดี

ถ้าผมคือตัวตนของสิ่งที่อยู่ลึกล้ำในความมืด ลุงก็คงเป็นสว่างที่สาดแสงคลอเคลียก้อนเมฆบนฟ้า ทั้งที่แสบตาแต่ก็น่ามอง ทั้งที่ร่างกายรู้สึกอบอุ่นแต่ก็กลัวตัวตนจะหายไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพัทลุงคือคนที่ผมต้องการ

แค่ใครสักคนที่จะยืนอยู่เมื่อผมหันไป ใครสักคนที่จูบได้อย่างสบายใจ ใครสักคนที่จะกอดได้อย่างมีความสุข ลุงคือใครคนนั้นที่ผมค้นพบ แต่ถ้าในอนาคตมันเกิดเปลี่ยนแปลงไป ถ้าผมจะไม่เป็นที่ต้องการ ถ้าผมไม่อยู่ในสายตา ไม่ใช่ความสบายใจ ไม่ใช่ความสุขที่ลุงค้นหา ถ้าเกิด...ถ้าเกิดต้องผิดหวังอีกครั้ง...


.
.
.


“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง!”

เสียงเพี๊ยะยังก้องอยู่ในหู ผิวแก้มก็เจ็บยิบๆ จากแรงปะทะกับฝ่ามือ เจน่าไม่ออมแรงสักนิด แต่จะไปโทษเธอก็ไม่ได้ เป็นผมที่ยั่วอารมณ์แม่นางแบบคนนี้ก่อนเอง

“ที่ฉันไม่รับสาย ไม่รับการติดต่อก็น่าจะรู้ได้นะว่าระหว่างเราควรจบแค่นี้”  ผมปรายสายตามองผู้หญิงตรงหน้าที่กล้าบุกเข้ามาที่บริษัท ทั้งที่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมีแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น

“โอ้! นายป่วยหรือเปล่า?”  น้ำเสียงแม้จะฟังดูแปลกใจ แต่ผมรู้ว่าหล่อนกำลังเสียดสีผมอยู่  “ฉันไม่ใช่บรรดาเด็กขายของนายนะ ฉันไม่ยอมให้ใครสะบัดฉันทิ้งง่ายๆ แบบนี้หรอก”

ในบรรดาคู่นอนทั้งหมด เจน่าคือคนที่จัดการยากที่สุด นอกจากเธอจะเป็นนางแบบดังและมีสัดส่วนที่น่าฟัดมากที่สุดแล้ว ก็ไม่มีสิ่งไหนที่น่าดึงดูดอีกเลย เจน่าเหมือนผมมากเกินไปนั่นแหละที่ยากที่สุด

“ไม่เอาน่า...”  ร่างผอมสูงเดินก้าวเท้าเข้ามาจนแนบชิด กลิ่นน้ำหอมอบอวลเมื่อยามวงแขนพาดกอด  “เราไปคุยรายระเอียดกันที่อื่นดีกว่า”

ผมตัดสินใจทำตามนั้น เมื่อเดินออกมาจากห้องสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการต้องเจอลุง ผมไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะคิดแบบไหนกับภาพที่เห็น จนท้ายที่สุดลุงก็ไม่เหลือบสายตามองผมเลย แต่ก็ดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่อยากให้เจน่ารู้ถึงความหวั่นไหวยามที่ต้องสบตากับลุง

เหมือนทุกครั้งที่นัดพบกัน ผมเป็นฝ่ายไปเปิดห้องที่โรงแรมก่อนที่จะส่งข้อความบอกเจน่าให้ตามขึ้นไป เจน่ายิ้มยั่วยวนเมื่อผมเปิดประตูรับเหมือนทุกที เธอเดินเข้ามาด้วยมาดนางแบบดัง ตรงเข้ามากอดพร้อมกับมองจูบให้เช่นเคย ผมแทบจะมองเห็นไฟราคะในสายตาของผู้หญิงคนนี้ลุกโชติช่วง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงจะเหวี่ยงร่างลงเตียง และบรรเลงเพลงอารมณ์ให้สุดเหวี่ยง

แต่ความรู้สึกของผมมันไม่เหมือนเดิม

ผมเบี่ยงหน้าหลบพร้อมกับถอยหลังออกจากวงแขน และนั่นทำให้ความมาดมั่นของเจน่าถูกทำลาย
“เอาจริงๆ ใช่มั้ย?”  ผมเงียบ และมันทำให้อีกฝ่ายยิ่งไม่พอใจ  “อย่ามาตลกน่าปูน เรามีอะไรกันมากี่ปีแล้ว จะให้มาเลิกเอาตอนนี้น่ะเหรอ”

“ใช่”  ผมตอบสั้นๆ แต่หนักแน่นจนคนฟังตาวาว

“รู้นี่ว่าการจะหาเซ็กส์เฟรนด์ที่เข้ากันได้น่ะมันยาก ฉันออกจะชอบที่ระหว่างเรามีแค่เรื่องใต้สะดือ”

“พอเท่านี้เถอะเจน่า ฉันไม่อยากคงความสัมพันธ์นี้ไว้อีกแล้ว”

“Oh my! ไม่ใช่ว่านายรักฉันแล้วหรอกนะ”

“ให้ฝนตกลงมาเป็นเพชรก่อนเถอะ!”  ผมขัดความคิดน่ากลัวนั้นด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าสวยของเจน่ายิ่งสับสนหนักขึ้น ผมเลยตัดสินใจตอบออกไปตามตรง  “ฉันมีคนที่อยากจริงจังด้วย”

“oh Jesus! You kidding me?”   

“ไม่! เพราะงั้นหวังว่าเธอจะเข้าใจ”

“come on! เราสนุกกันจะตาย แค่บางคืนเท่าเองจะคิดมากทำไม คนของนายไม่รู้หรอกน่า”

“ไม่มีทาง”

“...นายคงไม่อยากให้ฉันสืบหรอกนะว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

“...........”

“จริงจังงั้นเหรอ? อย่ามาตลกน่า...นายคงไม่อยากให้คนๆ นั้นรู้หรอกใช่มั้ย เรื่องเลวร้ายของคนโรคจิตอย่างนายน่ะ ฉันรู้ความโสมมของนายนะอย่าลืมสิ อยากให้ฉันบอกเหรอ?”

“...........”

“อาจจะโดนบอกเลิกเลยนะ บางทีอาจจะเกลียดเลยก็ได้ ไม่เอาน่าปูน เราแค่สนุกกันลับหลังเหมือนเดิม”

“...........” 

นางแบบคนดังยกยิ้มท้าทาย ร่างระหงเคลื่อนตัวเข้าหาผมอีกครั้ง สองมือโอบรอบคอ เย้ายวนชนิดที่ผมเชื่อว่าผู้ชายครึ่งประเทศคงยินดีพร้อมตกเป็นทาส

“นายนี่มันดื้อจริงๆ เอางี้นะ มาทำกันสักครั้งส่งท้ายสิ”  เจน่าเลื่อนใบหน้ากระซิบเสียงเบาใกล้หู  “ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าความจริงจังของนายมันมีค่าแค่ไหน”

แค่ให้มันจบๆ ไป!

ผมกับเธอเป็นคู่นอนกันมานาน สรรหาความสนุกในเซ็กส์ด้วยกันมาหลายรูปแบบ ไม่ใช่การซื้อขายแบบที่ผมสามารถปาเช็คใส่ หรือยื่นเงินเพื่อให้จบเรื่องได้ ฐานะเราเท่าเทียมกัน เป็นสัตว์กินเนื้อที่ไม่ยอมถูกไล่ล่า... ผมกัดฟันยินยอมรับฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัว การเล้าโลมปลุกความรู้สึกได้บ้าง แต่มันไม่สุดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สมองกับหัวใจรู้ดีที่สุดว่าผมไม่สบายใจกับเซ็กส์ครั้งนี้

และอย่างน้อยมันก็ทำให้ร่างกายเข้าใจตรงกันได้

พอทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เจน่าก็เป็นฝ่ายหยุด เธอลุกออกจากแก่นกายที่ไร้เรี่ยวแรง สางผมยาวสลวยสองสามครั้งก่อนจะยกยิ้มมองผมอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก แต่ถ้าวัดจากแรงฝ่ามือที่ฟาดกระทบแก้มผมอีกครั้งแล้วนั้น เธอคงหงุดหงิดไม่น้อย

“นายทำฉันเสียเวลา”  เธอพูดพลางลุกขึ้นแต่งตัว  “คิดว่าฉันจะต้องเสียเวลาหาคนใหม่อีกแค่ไหนกัน อย่าให้รู้นะว่าคนนั้นของนายเป็นใคร ฉันจะแกล้งซะให้ร้องไห้เลย”

“ไม่เอาน่า พอที”  น้ำเสียงผมเริ่มเข้มขึ้นบ้าง ผมลุงขึ้นนั่งจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดูเชิง เจน่าโต้ตอบกลับมาด้วยสายตาไม่ต่างกัน และไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็เป็นฝ่ายยกมือยอมแพ้เสียเอง

“ให้ตาย~ ฉันเสียดายจริงๆ ฉันชอบไอ้หนูของนายนะ”  เธอยิ้มให้ผม

“ขอบใจ”

“หึ ถึงจะเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่เชื่อหรอกนายจะรักใครได้ โถ...คนเลวที่ร้อนแรงของฉัน”  เมื่อเสร็จเรียบร้อย เจน่าเดินมาจูบแก้มผมเป็นการสั่งลา  “ถ้าอยากสนุกกันอีกก็โทรมา”

“ไม่ต้องรอหรอก”

“Only time will tell.”  นางแบบคนดังยกยิ้มอีกครั้ง แล้วเดินออกไปโดยไร้ซึ่งเยื่อใยใดใด

สิ้นเสียงประตูปิด ผมล้มตัวลงนอนทั้งเนื้อตัวเปลือยเปล่า ปิดดวงตาอ่อนล้าเพื่อตระหนักอย่างจริงจังว่าชีวิตของตัวเองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว...


.
.
.


ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็นของอีกวันแล้ว

เมื่อวานผมดื่มเหล้าหนักมากในรอบหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะเครียดที่จะต้องมาเจอกับลุง แม้จะเจอสถานการณ์แบบนี้มาค่อนข้างมาก ทำให้ผมคิดเตรียมคำตอบมากมาย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าลุงจะโวยวายผมยังไง จะถึงขั้นตบตีหรือด่ากราดชนิดที่ผมต้องนิ่วหน้ารึเปล่า

แต่ถ้าเป็นลุงผมยอมทุกอย่าง

ผมรีบมาออฟฟิศหวังว่าลุงจะยังอยู่และก็เป็นตามนั้น ผมรวบรวมความมั่นใจที่จะเดินตรงเข้าไป โป้ยเป็นฝ่ายเห็นผมก่อนและพูดทักคนที่กำลังก้มหน้าเก็บของไม่สนใจการมาถึงของใคร ถึงผมจะไม่ชอบพวกโวยวายเท่าไหร่ แต่ให้ลุงเป็นแบบนั้นก็ยังดีกว่าที่ผมเจอ ลุงปกติมากถึงมากที่สุด เหมือนคนไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันให้ต้องคิดมาก ไม่ต้องใส่ใจว่าจะไปกับใครหรือหายไปไหนทั้งคืน

ผมเกลียดที่ต้องคิดว่ามีแค่ตัวเองเท่านั้นที่คิดเกินเลย

ยิ่งต้องกลายเป็นบุคคลที่สามเมื่อมองเพื่อนสนิทหยอกล้อกันหัวใจผมก็อึดอัดไปหมด พื้นดินใต้เท้าเริ่มสั่นคลอนราวกับจะพังทลายเสียให้ได้ ยิ่งถูกเมินเฉย ยิ่งอีกฝ่ายทำตัวปกติมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากรู้ว่าตัวตนของผมในหัวใจของลุงนั้นเล็กน้อยสักเพียงไร

หลังสารภาพความจริง

ผมกลัว...กลัวว่าทุกอย่างมันจะต้องเปลี่ยนไป กลัวใจที่ยึดติดลุงเข้าแล้วนั้นจะรับการถูกตัดขาดไม่ไหว ผมรู้...ผมเคยเจอมาก่อน ต่อให้ร่ำร้องปฏิเสธแค่ไหน ต่อให้กอดแน่นเท่าไหร่ ถ้าไร้ซึ่งตัวตนในจิตใจอีกฝ่ายความปรารถนาก็ไร้ผล คนพวกนั้นไม่เคยให้โอกาสผม และผมก็เรียนรู้ที่จะไม่ให้โอกาสนั้นกับใคร แต่ตอนนี้ผมเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กชายปูนปั้น ดื้อดึง งี่เง่า ต่อให้มองว่าไร้เหตุผลหรือเอาแต่ใจอย่างไรก็ได้ ถ้ามันจะทำให้ผมมีพัทลุงอยู่ในโลกใบเล็กๆ นี้ด้วยกันเหมือนเดิม

“เริ่มกันใหม่นะพี่ปูน” 

ผมมองคนตรงหน้าเต็มตาเป็นครั้งแรก ไม่ว่าอย่างไรพัทลุงก็คือแสงสว่างเจิดจ้าสำหรับผมจริงๆ ผมสามารถเข้าข้างตัวเองได้รึเปล่านะ? ลุงเองก็ชอบผมเหมือนกันใช่มั้ย? มันไม่ใช่แค่เรื่องเข้าใจผิด หรือเรื่องที่ผมยอมไหลไปตามน้ำอีกแล้วใช่หรือไม่?

ถึงจะยังเล็กน้อย อาจจะยังเป็นแค่เงาเจือจาง แต่ตัวตนของผมก็อยู่ในหัวใจลุงแล้วสินะ



ผมเดินตามลุงออกไปหยุดยืนตรงมุมบันได แอบมองสองเพื่อนซี้หยอกล้อกันเช่นเคย ช่างสนิทสนมและรักกันเหลือเกิน... เกินกว่าที่คนมองอยู่ตรงนี้จะทนไหว แล้วจู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของกรขึ้นมา ...ถ้าสองคนนี้รักกัน... เพียงแค่คิดผมก็เจ็บไปทั้งใจแล้ว ดังนั้นมันจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น!


ลุงเป็นของผม


ผมเริ่มคิดวิธีมากมายที่จะแยกเด็กสองคนนั้นออกจากกัน คนแรกที่นึกถึงคือพ่อดาราขายได้ที่แอบรักได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และถ้ากรไม่อยากรู้จักคำว่า ‘สายเกินไป’ มันควรจะต้องลงมือทำอะไรบ้างได้แล้ว


ไม่อย่างนั้น...ผมจะจัดการด้วยวิธีของตัวเอง 



_____________________________________________________________________________TBC.

ยาวมากก
ไม่เคยเขียนพระเอกสายดาก เอิ่ม สายดาร์กมาก่อน ไม่รู้ว่าอึมครึมพอมั้ย สื่อออกมาได้ดีหรือเปล่า
เช่นเคยค่ะ... แนะนำ ติชมกันได้ เพื่อที่คนเขียนจะได้นำกลับไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นค่ะ

 :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด