◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 301975 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ยัง...ยังจะคิดว่าตัวเองเป็น ผัว อี๊กกกกกกก :serius2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เอาที่ลุงสบายจายยยย  :m20:

พี่ปูนร้ายมากกก  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ขำผัวในนามอย่างน้อวลุงมากๆ. พี่ปูนโดนจับกินทีละนิดทีละหน่อย อิอิ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ปุริมรังแกน้องตลอด
ลุงน่ารักจัง ขนาดเรายังชอบ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โธ่! เป็นเหยื่อทั้งที่บ้านทั้งกับเมียตัวโตเลยเนอะ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เป็นตอนที่อ่านไปคิดภาพตามไปแล้วกำเดาจะไหล  :haun4: คือไม่คิดเลยว่าอิพี่ปูนมันจะหื่นและโรคจิตขนาดนี้ นี่แค่ชิมนิดชิมหน่อยนะไม่อยากคิดตอนเอาจริงน้องลุงคงได้นอนซมบนเตียงแน่ๆ อิพี่ปูนคงจัดหนักจัดเต็ม อิพี่ปูนหื่นจนเราเขินอะ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ฮาาาาาา ก็สงสารลุงนะ แต่มันขำไม่ไหวแล้วอ่ะ ใครๆก็เอ็นดูเนอะ

โถลูกกกกก อีกไม่นานหนูเสร็จพี่เขาแน่ๆเลยลูก 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
โห พี่ปืนนี่แบบ หื่นมาก55555555555
ฮือ จินตนากรตอนบีบก้นลุงแล้วเขิน
แต่ชอบ555555 แหม กกน้องไม่ห่างเชียวนะพี่
ลุงนี่รู้ตัวบ้างเถอะ จะโดนเขาจับทำเมียนะไม่ใช่ผัว
5555555555

ออฟไลน์ krayfanxing

  • เออนั่นล่ะ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
รอนางโดนคุณปุริมกิน วะฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นเคะน้อยคนแรกที่เราอย่างจะส่งเข้าให้เมะไปเลย แบบไม่มีลังเล นางควรจะรับรู้เสียทีว่าคุณปุริมเป็นผัวโอลี่นะจ๊ะน้องลุง

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao4:


ควาสงสารตาลุงไหม หรือ ยังไงดี ?


สะดวกแบบนี้เหรอ ?

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ลุงยังคิดจะเป็นผัวอีกเหรออออ  :hao7:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เลี้ยงง่าย เชื่อคนง่าย โดยหลกก็ง่าย
ตามเขาไม่ทันจริงๆนะ ลุง

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
คิดคำจะอธิบายไม่ออก ลุงนะลุง...คนดีมากเลย นี่ถ้าจะมีสามีจะหาแบบลุงนะ เลี้ยงง่ายหลอกง่าย(?)
ทีมลุงนะ เราไม่ไว้ใจคนพี่ คนฉลาดมักใจร้าย!

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ชื่อตอนได้บรรยายทุกอย่างไว้หมอแล้ว 5555555555
:laugh: :laugh:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เมียเอาเปรียบผัวใหญ่เลย เมื่อไรผัวจะรู้ตัวเนี่ย 55555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ลุง ทำไมถึงมั่นใจความผัวของตัวเองขนาดนั้นคะ
ปูนก็เนียนนะ ล่อลวงตลอด รู้ว่าซื่อก็ทำอยู่นั่น คนเรา 

ลุงก็ตลก ทั้งซื่อ ทั้งคิดบวก แถมตรงให้อีก สมควรโดนปูนลวง เด็กดี คำเดียว สยบลุง


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
นี่มันแบ้วจริงๆใช่ไหม

ไม่ได้โง่แน่นะ


โตมายังไงลูก 55555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่ปูนเจ้าเล่ห์ ใช้ความใสซื่อของมาใช้ประโยชน์

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
จะสงสารลุงหรือสงสารพี่ปูนดีอะ5555555555

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อ๊ายยยยยยยส์ เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ ติดตามม FCพัทลุง :katai2-1:

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 6  ทูนหัวของไก่



รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดยังลานหน้าตึกสองชั้นที่ออกแบบมาได้อย่างทันสมัย ผมรู้ว่าแถวนี้ไม่ใช่ย่านธุรกิจแต่ถนนทั้งเส้นก็มีอาคารสำนักงานตั้งกันให้ว่อน ที่ทางก็ใช่ว่าจะถูกเพราะการคมนาคมก็แสนจะสะดวกสบาย แต่บริษัทนี้กลับมีรั้วรอบขอบชิดกั้นอาณาเขตที่มีไว้เป็นส่วนตัว นอกจากลานจอดรถบังแดดสำหรับผู้มาติดต่อแล้วยังแบ่งพื้นที่ใช้สำหรับจัดสวนขนาดย่อม ดูเนื้อที่น่าจะสนนราคาได้หลายสิบล้านบาท และที่ดินนี้เองที่ไอ้เพื่อนโป้ยกระซิบบอกว่าเป็นของพี่ปูน

ผมมองเจ้าของรถคันงามที่กำลังดับเครื่องยนต์ รัศมีของผู้มีอันจะกินมันสว่างวาบออกมาจนแสบตาไปหมด ผมไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรของพี่ปูนทั้งนั้นแหละ พื้นฐานนิสัยไม่ชอบสาระแนชีวิตส่วนตัวคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่ จะมีก็แต่เพื่อนโป้ยเท่านั้นที่ชูหัวชูหางลูกพี่มันให้ฟังอยู่เรื่อย อย่างเรื่องที่พี่ปูนเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทนำเข้าเวชภัณฑ์รายใหญ่ หรืองานอดิเรกอย่างการเล่นหุ้นทำเงินให้พี่ปูนได้เยอะขนาดไหน ผมว่าโป้ยเสือกไปซะกับทุกคนนั่นแหละ แม้แต่ชีวิตของสุภาพบุรุษอย่างพี่เปี๊ยก

จะมีก็แต่เรื่องตัวเองเท่านั้นล่ะมั้งที่มันยกเว้นไว้

“ให้ผมลงไปก่อนนะ อีกพักนึงพี่ค่อยออกไป”  ผมรีบบอกขณะคว้าแขนคนที่กำลังจะเปิดประตูออกไป พี่ปูนทำหน้างงใส่ ผมเลยจำต้องอธิบายต่อ  “แบบว่า ก่อนหน้านี้ที่เคยเดินเข้าไปพร้อมกันมีแต่คนมอง”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”  คนหน้าด้านก็พ่นลมหายใจออกมาแบบไม่ใส่ใจอะไร แต่ผมยังมียางที่หน้าอยู่ไง แล้วไม่อยากจะให้จิตสัมผัสของไอ้โป้ยออกมาทักทายด้วย

“เป็น!”  ผมเน้นเสียงเข้ม  “พี่เป็นเจ้านายอะ แล้วแต่ไหนแต่ไรผมกับพี่ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ด้วย”

“นั่นลุงเขม่นพี่ไปเองคนเดียวต่างหาก” 

“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้”  พูดจบ พี่ปูนก็นิ่งเงียบไป ระดับรอยยิ้มที่แตะแต้มริมฝีปากอยู่ลดลงเหลือครึ่งเดียว หน้ามันเย็นชาขึ้นจนผมต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิด  “พี่เป็นผู้ชายไง เป็นเจ้านายด้วย ทั้งหมดทั้งมวลที่พี่เป็นอะ คือผมเป็นพวกเก็บความลับไม่เก่ง ถ้าโดนต้อนถามมากๆ คงคายออกมาหมดแน่”

“เข้าเรื่องเถอะพัทลุง”

“ผมกลัวคนอื่นมองพี่ไม่ดี”  ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ประมาณนั้นแหละ ถ้าไอ้โป้ยมันสะกิดใจต้อนถามมากเข้า ความเรื่องที่พี่ปูนเป็นเมียผมคงแตก ผมไม่รู้ว่าไอ้โป้ยจะคิดกับลูกพี่ที่มันชื่นชมยังไง แล้วพี่ปูนจะมองหน้าคนอื่นติดได้มั้ย? ถ้าผมหุ่นล่ำกว่านี้ หรือคุณเมียเป็นหนุ่มร่างบอบบางน่ารักก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มัน...หมีควายชัดๆ

“ก็ได้”  เงียบไปสักพักกว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง ผมโล่งอกทันทีเมื่อระดับรอยยิ้มบนหน้าคุณหมีควายกลับมากระจ่างเท่าเดิมแล้ว เมื่อตกลงกันได้ด้วยดี ผมก็ขยับตัวเตรียมจะเปิดประตูรถ แต่ติดตรงที่คราวนี้พี่ปูนเป็นฝ่ายยื่นมือมารั้งผมไว้บ้าง

“ไมอะ?”

“มาจูบหน่อยดิ๊”  ไม่ว่าเปล่า พี่ปูนยังขยับตัวให้ถนัดพลางโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้

“บ้ารึไง นี่มันหน้าออฟฟิศ”  ผมก็ยันหน้าพี่แกไว้สิ เรื่องอะไรจะไปยอมง่ายๆ

“รถฟิล์มทึบ มองไม่เห็นหรอก”  แล้วมีหรือที่ไอ้บ้านี่จะยอม มันดึงมือผมออกแล้วแนบปากลงบนแก้มผมทันที ความกังวลทำให้ผมมองนอกกระจกเลิ่กลั่ก  “เร็วน่า อ้าปากเร็ว”

“ไม่อยากอะ ไว้ทำที่อื่นไม่ได้เหรอ”  ผมก็กระมิดกระเมี้ยนเต็มที่ พยายามปิดปากให้แน่นสนิทยามที่ผู้ชายหน้าด้านจูบลงมา

“ที่ไหนล่ะ? ห้องทำงานพี่ดีมั้ย”

“กวนตีน”  จังหวะที่อ้าปากด่า พี่ปูนก็ฉวยโอกาสประกบปากลงมาซะได้ ผมเลยต้องจำใจรับลิ้นร้อนที่แทรกตามเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากพี่ปูนนุ่มนิ่มแต่ลิ้นนั้นนุ่มยิ่งกว่า แถมยังชอบพบปะสังสรรค์กับลิ้นผมเหลือเกิน เกี่ยวกันไปมา เล่นไล่จับกันก็มี จนเมื่อเริ่มเปลี้ยนั่นแหละถึงได้แยกย้ายกัน

“วันนี้ค้างห้องพี่อีกนะ”  พี่ปูนว่า เสียงห้าวต่ำดูนุ่มนวลมากเมื่อมันดังใกล้ๆ หูผมแบบนี้

ผมนิ่งเงียบ พยายามปรับอารมณ์ที่เริ่มเตลิดให้กลับเข้าที่ และต้องหนักแน่นมากขึ้นไปอีกที่จะไม่สนใจริมฝีปากนิ่มที่ไล่งับใบหูอยู่ แต่ทักษะของผู้มีประสบการณ์นั้นมีมากจนเกินไป ผมเริ่มเคลิ้มไปกับลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดบริเวณซอกคอ ทุกตารางนิ้วที่กลีบปากเคลื่อนสัมผัสสร้างความวูบไหว ไม่ช้าไม่นานผมก็พิงศีรษะลงกับไหล่กว้าง เคลื่อนหัวขึ้นลงยอมรับคำชวนเงียบๆ

คิดไปคิดมาก็ว่าตัวเองชักจะเป็นผัวที่ใจง่ายเกินไป

ยังไม่ทันจะได้คบกันผมก็เมาเหล้าปล้ำพี่ปูนไปแล้ว แค่ไม่กี่วันหลังจากตกลงเป็นผัวเมียผมก็ยอมคัดแตงให้มัน และไม่กี่อาทิตย์จากนั้นผมก็ปล่อยให้มันเขมือบหนอนน้อยจนปางตายทั้งที่ยังใส่กางเกงในจังไรแบบนั้น รอบแรกก็ว่าตั้งตัวไม่ติดหรอกนะแต่รอบสองดันคล้อยเคลิ้มตามซะงั้น แถมยังปล่อยให้ไอ้โรคจิตลูบก้นง่ายๆ จะขยำจะบีบผมก็เปิดทางให้สะดวก เมื่อวานยิ่งแล้วใหญ่ เลิกงานปั๊มมันก็หิ้วผมกลับห้องให้ไปทำความสะอาด เสร็จปุ๊บมันก็ลากผมไปนัวในอ่างจากุซชี่ นั่งเคลิ้มพิงอกเมียตัวเองยังไม่พอ น้ำวนก็นวดตัวไป ส่วนมือใหญ่ๆ ก็นวดนมผมไม่หยุด มันใช่เหรอ!? มันใช่รึไง!

ผมคงต้องไปเปิดอ่านตำราว่าด้วยการเป็นฝ่ายรุกสักหน่อยแล้ว เพราะไอ้ที่เป็นอยู่ผมว่ามันไม่ใช่!   


   
หลังจากถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ ผมก็พาร่างเบาหวิวของตัวเองเดินขึ้นออฟฟิศไปด้วยความรวดเร็ว นี่มันบ้าเอามากๆ ถึงจะอยู่ในรถฟิล์มทึบก็เถอะแต่ก็อยู่ในบริเวณบริษัทเลยนะ ทำไมตอนนั้นผมถึงไม่กลัวว่าจะมีใครมาแปะมือบนกระจกแล้วส่องสายตาเข้ามานะ อ้อ...คงเพราะกำลังกินลิ้นพี่ปูนอยู่ บ้าเอ๊ย! พัทลุงแกยังมียางอายเหลืออยู่บ้างมั้ยวะเนี่ย

“เป็นอะไรยะคุณลุง”  ผมชะงักความคิด ลดฝ่ามือที่ซุกหน้าด้านๆ ของตัวเองลง สองตาจับจ้องเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ไม่ไกล หนุ่มร่างสูงกว่าผมเล็กน้อยเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นก่อนจะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า ยกมือขาวผ่องขึ้นเท้าสะเอวบางๆ

“สวัสดีครับพี่ริช”  ผมยกมือไหว้พนักงานผู้ครอบครองหลายตำแหน่ง ตั้งแต่ฝ่ายบุคคลยันหัวหน้าฝ่ายบัญชี

“พี่เห็นเราเดินมาเดี๋ยวทำหน้าดำหน้าแดงเอามือซุกหน้าสั่นหัว ดูแล้วเวียนหัวแทน”

ผมหัวเราะแห้งๆ ไม่คิดอธิบายหรือขยายความอะไร แต่ชักนำอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องแทน  “แหม~ วันนี้เจ้ดูดีจังเลยนะฮะ มีนัดเที่ยวกับใครรึเปล่า?”

การพาพี่ริชเปลี่ยนเรื่องน่ะง่ายเหมือนเหวี่ยงเบ็ดนั่นแหละ  “อุ๊ยตาย! ดูรู้ด้วยเหรอยะคุณลุง”

“นอกจากเสื้อผ้าแล้ว หน้าก็ผ่องนะเนี่ย โห~ เนียนเหมือนตูดเด็กเลยอะ”

“ผลจากมาส์กหอยทากเกาหลีจ้ะ”  พี่ริชดูปลื้มปริ่มอย่างมาก ผมจึงอาศัยจังหวะพี่แกเผลอๆ เดินควงขึ้นบันไดไปก่อนเสียที่พี่ปูนจะเดินมาถึง 

“งั้นวันนี้ก็มีได้เสียอะดิ แจ่มไปเลยเจ้”

“ก็นิดนึง ไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือนแล้ว”  พี่ริชยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คงดีใจหนักที่แฟนกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ตามเดิมแล้วหลังจากที่บริษัทส่งไปคุมงานที่ต่างจังหวัดนานถึงสามเดือน แฟนเจ้แกเป็นวิศวกรคุมเครื่องในโรงงาน เห็นว่าคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ถ้านับตามอายุพี่ริชก็น่าจะสักสิบปีกว่าได้แล้วมั้ง

“คึคึ ขอให้ได้ให้โดนนะฮะ แล้วจะมาทำงานไหวป่ะเนี่ย”  ผมอดแซวไม่ได้

“อาจลาป่วยฉุกเฉินนะ พี่บอกเอาไว้เลย” 

“เป็นอะไรล่ะเจ้ เข้าโรงบาลบ้าอะเหรอ”  เสียงไอ้โป้ยแทรกขึ้น ดูท่ามันจะได้ยินประโยคสุดท้ายที่พี่ริชพูดเมื่อเหยียบพื้นชั้นสองพอดี ร้อนให้คนโดนกล่าวหาตวัดสายตาฉับไปยังเพื่อนโป้ยที่นั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่ที่โต๊ะตัวเอง คนทำเงินเดือนประจำบริษัทสะบัดมือผมทิ้ง เดินบิดก้นไปเกาะแขนพี่เปี๊ยกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม

“เปี๊ยกอะ เปี๊ยกต้องดูแลน้องบ้างนะ จะปล่อยให้มาเห่าใครต่อใครแบบนี้ไม่ได้”  พี่ริชพูดเสียงอ้อน มีเขย่าแขนพี่เปี๊ยกที่กำลังอมยิ้มไปมาด้วย ผมนี่หัวเราะลั่นเลย อย่างไอ้โป้ยมันต้องเจอพี่ริชเนี่ยแหละถึงจะเหมาะสม ปากสูสีกันดี ฮ่ะๆๆ

“เราว่าโป้ยชอบริชน่ะก็เลยพูดเล่นด้วย”  แล้วดูสิว่าพ่อสุภาพบุรุษของผมบอกกับเพื่อนรุ่นเดียวกันว่าอย่างไร

“เปี๊ยกจะดีเกินไปแล้ว พ่อยอดขมองอิ่มของริช”  ผมกับโป้ยหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นพี่ริชไถหน้ากับหัวไหล่เพื่อน ผมเห็นทางใกล้ชิดบุคคลที่ชื่นชมก็เลยรีบโผเข้ากอดแขนพี่เปี๊ยกอีกข้าง

“โป้ยก็ชอบว่าลุงด้วยนะพี่เปี๊ยก”

“เพราะโป้ยชอบลุงเหมือนกันไง”  พี้เปี๊ยกยิ้มหวานให้ผม แถมยังลูบหัวเบาๆ ให้ด้วย

“แอร๊ย~ ทูนหัวของลุง”  เสียงไอ้โป้ยกับพี่ริชขำก๊าก  “ลุงก็ชอบพี่เปี๊ยกนะ”

“พี่ก็ชอบลุงเหมือนกัน”  ผมปลื้มปริ่มกับคำพูดไอดอลมาก

“แล้วผมล่ะพี่เปี๊ยก”  ไอ้โป้ยทำทีเหมือนพวกขาดความอบอุ่น มันลุกขึ้นตรงมาทรุดตัวนั่งบนพื้น คว้าขาพี่เปี๊ยกเอาไว้แล้วซบหน้าลงกับตัก เล่นใหญ่จนพี่เปี๊ยกยังตกใจ  “ผมก็ชอบพี่เปี๊ยกเหมือนกันนะ”

“พี่ก็ชอบโป้ย”  พี่เปี๊ยกแจกยิ้มอ่อนหวานให้โป้ยด้วยอีกคน ไม่มีท่าทีรำคาญพวกผมที่กอดแกหนึบสักนิด

“อั๊ยย~ พี่เปี๊ยกของโป้ย”

เสียงตอแหลมากครับเพื่อน...

“สตอมาก”  พี่ริชดูจะหมั่นไส้พอกันกับผม มีการใช้นิ้วไสหัวโป้ยให้ออกไปจากตักพี่เปี๊ยกด้วย ผมได้ทีก็เลยผลักหัวไอ้เพื่อนดัดจริตบ้าง พอดีกับที่คำถามกลั้วเสียงหัวเราะจะดังขึ้นจากเบื้องหลัง พวกเราทั้งหมดหันไปมองก็เห็นพี่ปูนกับพี่กรยืนอยู่ตรงทางขึ้นลงบันได ดวงตาสองคู่จ้องมาอย่างขบขัน

“สวัสดีครับพี่ๆ”  เป็นโป้ยที่ส่งเสียงตอบฉะฉาน ส่วนผมที่ยังปั้นหน้ากับเจ้านายหนึ่งในสองคนนั้นไม่ได้ จึงทำแค่ยกมือไหว้เงียบๆ  “ทำไมมาพร้อมกันได้ล่ะพี่”

“วันนี้ที่กองถ่ายมีปัญหาเลยยกเลิก พี่เลยมาทำงานดีกว่า”  พี่กรบอกเสียงนุ่ม  “แล้วเมื่อกี้เล่นอะไรกัน เกาะพี่เปี๊ยกเป็นลูกลิงกันเลย”

“กำลังกอดบอกความในใจกันครับคุณกร”  พี่ริชบอกด้วยรอยยิ้มร่าเริง แอบหยิกแก้มพี่เปี๊ยกเบาๆ แล้วเดินจากไปก่อนคนแรก ผมว่าเพื่อนสองคนนี้น่ารักดี พี่ริชก็ชอบหยอกชอบอ่อย พี่เปี๊ยกก็ยิ้มซื่อๆ ยอมทุกทีไป นี่ถ้าพี่เปี๊ยกยังไม่ได้แต่งงานมีลูกเมีย แล้วพี่ริชยังไม่มีแฟนล่ะก็ ผมต้องแอบคิดว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ

เมื่อเจ้านายมาวงก็แตกเป็นธรรมดา เพื่อนโป้ยลุกขึ้นเดินบิดขี้เกียจกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ผมก็บีบๆ นวดๆ ไหล่ให้พี่เปี๊ยกสองสามทีแล้วเดินจากมาบ้าง พยายามมุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานตัวเองเต็มที่ ไม่วอกแวกไปกับสายตาคมๆ ที่จับจ้องมา

ผมทำเป็นเปิดเครื่องคอมฯ คุยเรื่องดินฝนลมฟ้ากับไอ้โป้ยค่าเวลา เมื่อหางตาเหลือบไปยังทิศทางเดิมอีกทีก็เหลือเพียงความว่างเปล่า คุณเจ้านายทั้งสองคงเข้าไปทำงานยังห้องใครห้องมันแล้ว นั่นทำให้ผมค่อยพ่นลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย ผมเคยคิดว่าปัญหาพวกสมภารกินไก่วัดนั้นมันวุ่นวาย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นไก่เขมือบสมภารก็วุ่นใจไม่แพ้กันแฮะ โดยเฉพาะไก่ที่มีเพื่อนขี้เสือกเนี่ย...   

อากาศถูกสูดเข้าปอดยาวๆ เพื่อเป็นดั่งการเริ่มต้นการทำงานในวันนี้ ภายในออฟฟิศเข้าสู่โหมดเป็นงานเป็นการ มีเพียงเสียงกดแป้นพิมพ์ เสียงคลิกเมาส์เท่านั้นที่ดังคลอไปกับเสียงเครื่องปรับอากาศ พี่เปี๊ยกนั้นเข้าโหมดเซียนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เห็นว่างานคราวนี้พี่ปูนไปสอยมาได้จากแบรนด์ดัง หินมาก เรื่องเยอะมาก เหมาะสมกับพี่เปี๊ยกผู้เก่งกาจและใจเย็นเป็นน้ำแข็งที่สุด

หลังจากเรียนจบมาได้รอดปลอดภัย ด้วยเกรดและโปรไฟล์ที่ไม่ขี้เหร่นักก็ได้งานที่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนบริษัทที่โป้ยได้งาน แต่ก็มีชื่อรองๆ กันมา ผมทำงานอยู่ได้เกือบปีแล้วเกิดมีปัญหากับหัวหน้าแผนกขึ้นมา ก็เลยลาออกมาทำฟรีแลนซ์ สบายใจแต่เหนื่อยกายมาก ต้องหาลูกค้าเอง ติดต่ออะไรเองทุกอย่าง และการต่อรองกับลูกค้าเป็นอะไรที่ผมไม่ถนัดที่สุด บางทีเจอลูกค้าเชี่ยๆ กลายเป็นต้องทำงานแถมฟรีไปก็มี

ระหว่างที่โลดแล่นอยู่ในวงการอิสระอยู่นั้น ผมก็ได้ยินชื่อเสียงพี่เปี๊ยกเข้าหูมาไม่น้อย แถมยังไม่ใช่ในทางเสียหายด้วยนะ ในวงการนี้น่ะแม่งเกทับ ทับถมกันจะตาย แต่พี่เปี๊ยกคนนั้นกลับบริสุทธิ์ผุดผ่องเยี่ยงเทวดา ตอนนั้นผมอยากจะรู้จักพี่เปี๊ยกมาก พอจังหวะที่โป้ยมันออกจากงานเดิมแล้วชวนผมมาทำที่นี่ ผมถึงได้เห็นว่าเทวดาในวงการนักออกเป็นแบบนี้นี่เอง

“กูชอบพี่เปี๊ยกโคตรๆ เลยว่ะ”  ผมพึมพำออกมา แม้จะเบาแค่ไหนแต่ไอ้เพื่อนหูตูบของผมก็ยังได้ยินชัดเจน

“พี่เขามีเมียแล้ว บาปนะมึง”  โป้ยมันก็ตอบโต้ผมแบบผ่านๆ สองตามันยังจ้องอยู่กับหน้าจออยู่เลย

“ตีนเถอะ กูชอบแบบไอดอลอะโป้ย กูอาจจะเป็นติ่งพี่เปี๊ยกก็ได้”  ไม่ต่างจากผมที่กำลังคร่ำเคร่งกับการตัดขอบรูปภาพ

“เพ้อแล้วพัทลุง”

“เกลียดวีรภาพว่ะ”

“อย่าพูดทำร้ายจิตใจกันสิ”  โป้ยว่าขำขำ

“นอกจากจะทำร้าย ลุงจะเหยียบให้แหลกด้วย”

“แต่โป้ยรักลุงนะ...”  จู่ๆ โป้ยมันก็พูดเสียงจริงจังขึ้นมา ผมชะงักมือที่กำลังละเลงเมาส์ปากกา หันไปมองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ก็วางมือจากงานเพื่อหันมาเผชิญหน้ากับผมเช่นกัน

“แล้วเสี่ยล่ะวีรภาพ”  ผมตีหน้าเศร้าพาดพิงถึงเพื่อนคู่เวร ไอ้โป้ยไม่รอช้าพุ่งตัวเข้ามาประชิดคว้าไหล่ของผมไปโอบไว้หลวมๆ

“ช่างมันสิ เสี่ยมันเป็นแค่ทางผ่านของโป้ยอยู่แล้ว”  จังหวะที่ผมซบหน้าลงกับไหล่เพื่อน หูก็แว่วเสียงเหมือนอะไรสักอย่างตกพื้นดังมาจากทางห้องพี่กร

“งื้อ~ วีรภาพของลุง”  ผมก็เล่นไปกับเพื่อนต่อแก้เบื่อ ทำตัวเอียงอายแบบที่คิดว่าน่ารักที่สุด โป้ยมันก็ขำอยู่ข้างๆ หูผม

“ไหนพัทลุงลองบอกโป้ยซิ ว่ามีใครนอกจากโป้ยรึเปล่า?”

“บ้าแล้ว ลุงมีแค่วีรภาพนะ”

“แล้วรอยจูบตรงนี้ใครทำเหรอ?”  แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วที่เขี่ยเบาๆ ตรงต้นคอบริเวณที่ปลายผมละเรี่ยอยู่

เชี่ยแล้วมั้ยล่ะ!! 

ผมผลักเพื่อนออกแรงๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กรเปิดประตูออกมาจากห้อง เดินจ้ำอ้าวมายืนเหนือหัวพวกผมสองคน ร่องรอยความไม่พอใจฉายวาบอยู่บนใบหน้าของดาราหนุ่มหล่อ

ผมงงเป็นไก่ตาแตกแต่ก็ไม่ลืมยกฝ่ามือขึ้นมาปกปิดร่องรอย ส่วนโป้ยนั้นนอกจากไม่ตกใจแล้วซ้ำยังยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ท่านเจ้านายเสียด้วย ท่าทางผิดแปลกของพี่พันกรของสาวๆ คงสร้างความงุนงงให้คนที่เห็นเหตุการณ์พอดู ขนาดพี่ริชยังแอบมองลอดกระจกห้องมาดู ส่วนพี่ปูนเพื่อนสนิทนั้นถึงกับเปิดประตูออกมายืนกอดอกจังก้าข่มขันผมจนขนแขนลุก

“ทำอะไรกัน”  พระรองในจอเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา สองตาพุ่งตรงไปยังวีรภาพอย่างขอคำตอบ

“ก็เล่นกันเฉยๆ”  โป้ยยักไหล่ตอบ ดูมันไม่ใส่ใจพี่กรเลยสักนิด  “พี่กรมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

ก็ฟังดูสุภาพดีหรอกนะ แต่ไหงผมรู้สึกว่ามันกวนตีนอีกฝ่ายก็ไม่รู้

“ก็...แฮ่ม”  พี่กรกระแอมสองสามทีคล้ายคนเพิ่งรู้สึกตัว แล้วผมก็ได้เห็นทักษะการแสดงที่ผู้จัดหลายคนต้องการตัวใกล้ๆ เป็นครั้งแรก  “ไม่มีอะไรหรอก” 

ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มหวานละไม ดวงตาที่กร้าวเมื่อเสี้ยววินาทีก่อนอ่อนแสงนุ่มนวลฉับพลัน ประหนึ่งเทพบุตรคนเดิมที่พวกผมเจอประจำ

เสแสร้งมาก แต่ดูดีโคตรๆ อะพี่

“อ้าวปูน”  พี่กรหันไปเจอพี่ปูนที่ยืนกอดอกอยู่ที่เดิม  “มีอะไรจะคุยด้วยใช่มั้ย?”

เอ๊ะ??

ไม่ใช่แค่ผมที่สงสัยหรอก ไอ้เจ้าของชื่อที่ยืนเก๊กอยู่เงียบๆ ก็ทำหน้าหมีงงเหมือนกัน

“ไปๆ เข้าไปคุยในห้องกัน”  ว่าแล้วพี่กรก็เดินปรี่เข้าไปรุนหลังพี่ปูนให้กลับเข้าห้องไปพร้อมกัน

รอบห้องตกอยู่ในความงุนงง ผมถึงกับอ้าปากค้าง ขนาดพี่เปี๊ยกยังมองไปยังประตูห้องที่ถูกปิดด้วยความสับสน พี่กรแกซ้อมบทในละครเรื่องใหม่ให้พวกผมดูรึเปล่าหว่า? เล่นเอง เออเอง แถเอง...

“พี่กรแกเป็นอะไรวะ”

ไอ้โป้ยเหยียดยิ้มไม่ตอบอะไร มันยักไหล่ให้ผมแล้วหันกลับไปทำงานต่อ

ผมชะโงกหน้าสอดสายตาผ่านช่องกระจกใสเข้าไปในห้องทำงานพี่ปูนด้วยความอยากรู้ ผมเห็นพี่กรนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะโดยมีพี่ปูนนั่งอยู่อีกฝั่งทำหน้าเซ็งๆ 

.
.
.

เวลาทำงานอันยาวนานผ่านพ้นไป ผมปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาไล่อาการเมื่อยขบ ในที่สุดก็ปิดงานที่โดนแก้มาสี่รอบได้สักที

‘ขอว้าวกว่านี้’
‘ลูกค้าอยากได้สีฟ้าเข้มๆ ที่ไม่ใช่น้ำเงิน’
‘พี่ว่าก็ดีนะ แต่ลูกค้าจะเอาแบบแรกที่ส่งไป’

นี่แค่ยกตัวอย่างนะ ทำไปกัดฟันกรอดๆ ไปด้วย อยากรู้จักบ้านคุณลูกค้าท่านนี้มาก อยากเอาขี้ไปปาใส่ แต่มันผ่านไปแล้วครับ เป็นพระเอกต้องรู้จักให้อภัย จะเหลือก็แต่งานช้างของพี่เปี๊ยกกับการแก้งานรอบที่สามของโป้ยนั่นแหละ

“ไม่กลับบ้านเหรอมึง?”  ผมหันไปถามคนข้างตัวที่ยังนั่งแก้แบบยิกๆ

“กูกะเอาให้เสร็จคืนนี้เลย ถ้ามันแก้อีกนะ จะอมขี้ไปพ่นใส่หน้าแม่ง”  โป้ยมันตอบได้สมกับเป็นเพื่อนผมเหลือเกิน

“งั้นก็โชคดีนะมึง กูกลับก่อนล่ะ”  ผมบอกลามัน โป้ยก็ทำแค่พยักหน้าหงึกหงักเท่านั้น  “ผมไปก่อนนะพี่เปี๊ยก สวัสดีครับ”  แล้วเดินไปลาพี่ไอดอล พี่เปี๊ยกหยุดทำงานหันมายิ้มกริ่ม มีอวยพรให้ผมเดินทางปลอดภัยด้วยมารยาทดีกว่าเพื่อนโป้ยมากมายนัก

ก่อนจะเดินไปยังทางลงก็เหลือบสายตาไปยังห้องเล็กห้องน้อยเสียหน่อย พี่ริชน่ะเปิดตูดไปตั้งแต่สี่โมงครึ่งแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้มีโทรมาลางานแน่ ส่วนพี่ปูนก็ส่งซิกให้ผมเดินตามลงไปตั้งแต่สิบห้านาทีที่แล้ว เหลือเพียงห้องพี่กรเท่านั้นที่ยังเปิดไฟสว่างอยู่ ผมเดินลงบันไดไปพลางโคลงศีรษะให้กับอาการแปลกๆ ของเจ้านายผู้แสนดีในวันนี้ แถมยังอาการแปลกๆ ของไอ้โป้ยอีก ไม่ได้แล้วๆ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแอบแฝง

“ช้าจริง”  เสียงเข้มๆ ทักทายทันทีที่เท้าผมเหยียบถึงพื้นด้านล่าง พี่ปูนนั่งไขว่ห้างอยู่ที่อาร์มแชร์ในส่วนต้อนรับ ในมือมีโทรศัพท์ที่คล้ายว่าเล่นไว้ค้างอยู่ เมื่อเห็นผมหยุดมอง ร่างของคุณภรรยาตัวใหญ่ก็ลุกพรวดขึ้น เดินตรงมาหาทันที

“ก็ผมต้องเซฟงาน ส่งอีเมล์ เก็บของ บอกลาเพื่อนนี่ครับ”  ผมร่ายยาว และเป็นฝ่ายเริ่มเดินออกไปก่อน พี่ปูนก็ส่งเสียงจะพูดตอบโต้ตามปกติ แต่มือถือผมดันส่งเสียงน่ารักๆ ขึ้นมาเสียก่อน

เมียว~ เมี้ยว~ เมี๊ยว~

“จ๋า~”  ผมกรอกเสียงหวานหยดทันทีที่กดรับสาย ทำให้คุณดาหลาที่อยู่ปลายสายหัวเราะคิกคัก

“แถวออฟฟิศคุณลุงมีร้านก๋วยจั๊บอร่อยๆ ใช่มั้ย?”

“ช่าย เครื่องเยอะแน่นชามเลยล่ะคุณ”  แหม แค่นึกก็เปรี้ยวปากแล้ว ชวนพี่ปูนไปกินสักคนละชามสองชามดีกว่า

“คือแม่อยากกิ๊น อยากกิน” 

ผมพอรู้แล้วว่าแม่ต้องการอะไร

“ของแม่เอาพิเศษหมูกรอบใช่มั้ย? ให้ลุงซื้อเข้าไปกี่ถุงอะ”  ผมพูดพลางมองพี่ปูนที่เดินขนาบข้างขึ้นมา มือใหญ่จับแขนที่ว่างของผมไว้ให้เดินตามไปยังรถที่จอดอยู่ข้างหน้า

“6 ถุงนะ พิเศษทั้งหมดเลย คนไข้เยอะมากๆ แม่หิวข้าวแล้วด้วย”  เสียงใสๆ โอดครวญ

“โอเค แม่หาอะไรรองท้องไปก่อนแล้วกัน”

“แต๊งกิ้วนะคุณลุง แม่วางล่ะนะ จะไปแทงเข็มคนไข้ซะหน่อย ตันได้ตันดีจริงๆ”

ผมขำทิ้งท้ายเสียงสัญญาณ เมื่อเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก็รู้สึกถึงสายตาที่สบลงมา พี่ปูนยืนมองผมด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“ไมเหรอ?”

พี่ปูนส่ายหัวให้กับความสงสัย  “ลุงคุยกับแม่น่ารักดี เสียงอ้อนมากเลย”

“ติดจากแม่น่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่พอคุยกับแม่ทีไรเสียงมันเปลี่ยนไปเอง ขนาดโมโหยังทำเสียงเข้มใส่ไม่ได้เลยไม่รู้ทำไม ฮ่าๆ”  แม่ผมเวลาพูดกับลูกจะง๊องแง๊งเนิบนาบ ยิ่งเวลาคุยกับพ่อนะ เสียงนี้ทั้งออดทั้งอ้อน  “พี่สาวผมก็เหมือนกัน ปกติแรงเป็นไฟเลยนะ แต่พอคุยกับแม่ก็งุ๊งงิ๊งน่ารักไปเลย”

“มันเป็นเรื่องของการหล่อหลอมพฤติกรรมล่ะมั้ง”  พี่ปูนออกความเห็น

“ก็คงจริงอ่ะ พูดกันแบบนั้นทั้งพ่อทั้งแม่เลยแหละ”  แม้ว่าแม่จะเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยวันรุ่นเป็นเด็กเกเรพอตัว แต่ผมก็ยังนึกภาพลักษณ์ของแม่ในวัยนั้นไม่ออกอยู่ดี

“ลุงถูกเลี้ยงมาดี”  พี่ปูนยกมือยีหัวผมเล่น ริมฝีปากบางฉาบรอยยิ้ม แต่เมื่อผมมองแล้ว...รอยยิ้มนั่นไม่ได้สื่อไปถึงนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นเลย มันดูเวิ้งว้างแห้งแล้งพิกล

“พี่ปูนไปกินก๋วยจั๊บกันมั้ย”  ผมเปลี่ยนมาจับมือพี่ปูนบ้าง  “กินเสร็จก็กลับห้องไปก่อนนะ ผมแวะเอาของไปให้แม่ที่โรง’บาลแป๊บเดียวแล้วจะตามไป”

“ยุ่งยากน่า หรือลุงไม่อยากให้พี่เจอแม่”  พี่ปูนว่า

“ผมกลัวพี่เสียเวลาไง แต่ถ้าอยากไปก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”  ผมเดินไปหยุดยืนรอที่ประตูรถ พี่ปูนปลดล็อกแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เมื่อเข้ามานั่งกันเรียบร้อยแล้วผมจึงพูดต่อในระหว่างที่พี่ปูนกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์  “ที่บ้านผมน่ะนะ ไม่มีปัญหากับเรื่องรักร่วมเพศหรอก แม่บอกว่าอยากเป็นอะไรก็ตามใจ หรือถ้าอยากแต่งหญิงก็จะออกเงินทำนมให้ก่อน”

“แม่เขาพูดเล่นน่ะสิ”

“ไม่เชื่อเหรอ จะให้ผมแนะนำเลยหรือเปล่าล่ะว่าพี่เป็นเมียผมน่ะ”

พี่ปูน  “..............”

.
.
.

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
.
.
.

หลังจากกินก๋วยจั๊บเจ้าอร่อยกันไปคนละสองชาม พี่ปูนก็ลุกขึ้นไปบอกเถ้าแก่ว่าเดี๋ยวจะกลับมาเอาสำหรับใส่ถุง แถมจ่ายเงินให้เสร็จสรรพแล้วก็ลากผมออกมา เป้าหมายคือร้านเบเกอรี่เจ้าดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ

“ผมตั้งใจจะเลี้ยงพี่ปูนนะ ให้แฟนเลี้ยงมันไม่ใช่สไตล์ผมอ่ะ”  ผมบ่นกระปอดกระแปดข้างๆ คนที่กำลังเล็งขนมมากมายบนชั้นวาง

“70 บาท”  พี่ปูนแบมือมาให้โดยยังไม่ละสายตากับสิ่งที่สนใจ ไอ้ผมที่กำลังงงๆ ก็เปิดกระเป๋าเน่าหยิบแบงก์ร้อยให้ พี่ปูนรับไปแล้วก็จัดการทอนเงินคืนผมมาอย่างรวดเร็ว  “คือ?”

“ค่าก๋วยจั๊บของพี่ที่ลุงอยากจะเลี้ยงไง สองชามเจ็ดสิบบาท”  คนตัวสูงยืดตัวขึ้นพร้อมอธิบายด้วยความรวดเร็ว  “สบายใจรึยัง?”

“ยังมีของแม่ผมอีก”  ผมรีบเปิดกระเป๋าจะหยิบเงินอีกรอบ แต่พี่ปูนยื่นมือมาฉกทั้งกระเป๋าไปเก็บไว้ในกางเกงของตัวเองเสียดื้อๆ

“ไมอะ?”

“ไม่ต้องจ่าย”

“ได้ไงล่ะพี่ปูน”  แถมคนก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนจะมาเลี้ยงพยาบาลทั้งแก๊งได้ไง

“พี่สบายใจแบบนี้”

ผมเลยต้องหุบปากฉับ เดินถือถาดสีครีมตามพี่ปูนต้อยๆ อย่างว่าง่าย พี่ปูนหยิบนั่นหยิบนี่จนของล้นถาด เดือดร้อนให้พนักงานต้องรีบมารับไปถ่ายเทใส่กล่องก่อน และถาดที่สองในมือผมก็กำลังจะเต็มไม่ช้า พี่ปูนหยุดเดินเมื่อวางชิ้นสุดท้ายลงมา พี่แกแย่งถาดในมือไปส่งให้พนักงานก่อน จากนั้นก็คว้ามือผมแล้วเริ่มนับหนึ่งที่ต้นทางใหม่

“อยากกินอะไร”
 
“ห๊ะ? แล้วที่พี่ซื้อไปเมื่อกี้เอาไปเลี้ยงใคร”  ผมหันไปมองทางเคาน์เตอร์ ของเยอะมาก สองถุงเข้าไปแล้ว และยังมีที่ใส่ไม่หมดอีก

“เอาอะไร ซื้อกลับไปกินที่ห้อง”  เจ้าของมือไม่ตอบคำถามแต่กลับย้ำคำเดิม ผมเลยเดินเลือกๆ มาสองอย่าง เป็นพวกคุกกี้กับขนมปังแท่ง

“พี่ปูนเอาไรเพิ่มป่ะ”

คนตัวใหญ่ส่ายหน้าช้าๆ แล้วก็พากันเดินไปชำระเงินท่ามกลางสายตาของพนักงานที่มองมาทางพวกผมแปลกๆ คล้ายยิ้ม คล้ายพยายามจะกลั้น สงสัยคงถูกพิษเสน่ห์ของท่านพญามารเล่นงานเข้าให้แน่ๆ ผมไม่หวงหรอกนะ ของดีต้องแบ่งกันชม

“แวะร้านกาแฟหน่อย”  หลังออกมาจากร้าน พี่แกก็แวะเข้าร้านข้างๆ ทันที ทิ้งผมไว้ที่โต๊ะกับกองถุงขนมแล้วเดินไปสั่งของที่เคาน์เตอร์อย่างชำนาญ ผมไม่ค่อยได้ซื้อน้ำร้านมียี่ห้อพวกนี้หรอก แม้จะสั่งผมยังงงเลย ที่สำคัญคือมันแพงเกินไป

นั่งรอไปได้ไม่นานเท่าไหร่พี่ปูนก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงในมือทั้งสองข้าง ผมมองดูด้วยความตะลึง ในมือข้างหนึ่งมีแก้วใส่น้ำแข็งเปล่าปิดฝาอย่างดีจำนวนหนึ่ง มืออีกข้างมีน้ำต่างๆ บรรจุขวดแบบที่ซื้อกลับบ้าน

“พี่ซื้อมาทำไมตั้งมากมายเนี่ย กินหมดเหรอ?”

“ไปกันได้แล้ว”

เมื่อเสร็จสิ้นการจับจ่าย ก็พากันเดินกลับไปเอาก๋วยจั๊บ จากนั้นก็บึ่งรถไปยังเป้าหมายทันที

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้รถมักจะติดเป็นพิเศษ แม้ว่าโรงพยาบาลของแม่กับที่ทำงานของผมจะไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่แต่มีสิทธิ์นั่งยาวเกินครึ่งชั่วโมงในรถแน่นอน ผมหันไปมองคนข้างๆ พี่ปูนดูจะอารมณ์ดีพอควร มีการฮัมเพลงโยกหัวตามไปด้วย อะไรจะเบิกบานกับรถติดขนาดนั้น

“เห็นโป้ยว่าแม่ลุงยังสวยเช้ง”

“มากกก!”  ผมลากเสียงยาวเหยียด  “เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่แจ่มสุดๆ”

“ลุงเหมือนแม่มั้ย?”

“หน้าตาผมดูสวยหรือไง”  ผมย้อนเสียงหน่าย 

“ก็ไม่อะ”  พี่ปูนยอมรับ แล้วหันมายิ้มให้  “แต่น่ารักน่ะใช่แน่”

“เบื่อจะฟังแล้ว อยากได้คำว่าหล่อเท่ห์”

“มีคนบอกบ่อยขนาดนั้นเชียว”  ผมเบ้ปากให้กับสุ้มเสียแปลกใจของคนข้างๆ แค่นึกถึงก็เป็นเรื่องปวดร้าวไม่น้อย

“พ่อกับแม่ไง ชอบบิดแก้มผมแล้วบอกว่าคุณลุงน่ารักจังเลย”  แก้มเคยระบมเลยด้วยนะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องตอนเด็กๆ ก่อนโป้ยจะชวนเกเร

“ฮ่ะๆ ไหนๆ แบบนี้เหรอ”  พี่ปูนหัวเราะเสียงใส เอี้ยวตัวมาทางผมแล้วบิดแก้มสองข้างไว้ด้วยสองมือ ยิ้มร่าสนุกสนานกับการแกล้งผมมาก  “คุณลุงน่ารักจังเลย”

“สนุกมากมั้ย เจ็บแก้มด้วยเนี่ย นี่ผัวนะ”

แทนที่จะสำนึกแม่งยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม อยากจะทุบมันสักอักแต่ติดที่ว่าไฟเขียวพอดี ฝากไว้ก่อนเหอะจะถอนทั้งต้นทั้งดอกเลย



เมื่อตกค่ำ ไม่ว่าจะโรงพยาบาลใหญ่เล็กแค่ไหนก็มีความวังเวงเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะตึกนอนผู้ป่วยที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน ผมกับพี่ปูนหอบของพะรุงพะรังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้ป่วยสามัญอายุรกรรม พี่ปูดูรื่นเริงปนตื่นเต้นนิดๆ แต่ผมเริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย

“ถ้าผมเดาออกว่าพี่ซื้อของมาเพราะแบบนี้นะ ผมจะห้ามให้ตายกันไปข้างเลย”

“ทำไม? พี่ไม่ได้ซื้อให้ลุงสักหน่อย”

เงียบไปเลยมั้ยล่ะกู  “ก็มันไม่จำเป็นเลยพี่ ไม่ต้องเอาใจอะไรแม่ผมเลย คุณดาหลาแกเป็นคนง่ายๆ”

“ก็พี่สบายใจแบบนี้”

ครับพี่...

แล้วผมก็ปิดปากเงียบจนถึงชั้นที่หมาย ผมเปิดประตูเข้าไปในหอนอนผู้ป่วยปีกซ้าย มองผ่านๆ ก็เห็นเป็นจริงอย่างที่แม่ว่า เพราะทุกเตียงเต็มแน่น มีญาติคนไข้นั่งๆ นอนๆ กันตามสะดวก ผมเข้าใจว่ามันว่าง ไม่มีอะไรทำ แต่ไม่เห็นต้องพากันจับจ้องผมกับพี่ปูนขนาดนั้นเลยน้า

ผมพาพี่ปูนผลุบเข้าไปในห้องพยาบาลที่เปิดประตูอยู่ พี่ๆ น้าๆ ชุดขาวต่างพร้อมใจกันเมินผมไปมองบุคคลข้างหลังที่เดินตามมาเป็นจุดร่วมเดียว คงจะมีแต่คุณดาหลาคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มแย้มเดินเข้ามาหาผม

“ช้าจังเลยคุณลุง แม่หิวจะตายอยู่แล้ว”

ผมสวัสดีแม่ แล้วก็ยกมือไหว้ทุกคนในห้อง ผมสะกิดพี่ปูนให้เดินลึกเข้าไปเพื่อวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะอาหาร นางฟ้าชุดขาวก็พากันเดินตามมาด้วยความหิวโหย พอเห็นเครื่องบรรณาการเท่านั้นแหละ เสียงหูยยยก็ดังประสานกัน

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ยลุง น้าฝากแค่ก๋วยจั๊บไปนะ” 

“มีคนเลี้ยงฮะน้าเปิ้ล”

ผมถอยหลังออกมาให้บรรดาคนหิวหยิบเลือกถุงก๋วยจั๊บกันอย่างสะดวก บางคนก็แหวกถุงขนมส่องข้างใน

“แม่ๆ”  ผมเรียกคุณดาหลาเสียงเบา นางฟ้าส่วนตัวของผมจึงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม 

“พี่ปูนนี่คุณดาหลา แม่ผม”  เป็นมารยาทที่ผมต้องแนะนำคนอายุน้อยกว่าให้ทักทายก่อน พี่ปูนก็ยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่เสียสุภาพ  “แม่ นี่พี่ปูนเป็น...”

เป็นอะไรดีวะ? ไอ้ตอนเดินมาก็มัวแต่หงุดหงิดเลยลืมนึก ผมเหลือบมองใบหน้ายิ้มกริ่มของพี่ปูนเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจตอบเป็นกลางไว้ก่อน คนก็เยอะแยะ พี่ปูนจะได้ไม่ขายหน้า ไว้ตกลงกันแน่นอนแล้วค่อยบอกแม่ก็ยังไม่สาย

“เป็นเจ้านายลุงอะ”

ดวงตาคู่สวยของแม่วาววับขึ้นมาแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหันไปยิ้มหวานให้พี่ปูน  “ไม่น่าต้องลำบากซื้อของมาเยอะแยะอย่างนี้เลย”

“ผมอยากซื้อมาฝากน่ะครับ คุณดาหลาไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”

“เรียกน้าดาก็ได้นะคะ คุณปูนใช่มั้ย”

“เรียกผมปูนเฉยๆ ก็ได้ครับ”

“น้าต้องให้เกียติความเป็นเจ้านายของคุณลุงสิ เรียกคุณปูนน่ะถูกแล้ว”  แม้ยิ้มแย้มน่ารัก บอกเสียงเนิบนาบตามปกติ

“พี่ไม่เห็นเหรอว่าแม่ก็เรียกผมว่าคุณลุง”  ผมยื่นหน้ากระซิบกระซาบให้พี่ปูนเข้าใจ

“แล้วนี่ทำไมมากับคุณลุงได้ล่ะ กินข้าวกันมารึยังจ๊ะ?”  แม่ถามต่อ เสียงจานกระทบกันโคล้งเคล้งอยู่ด้านใน คงเริ่มตั้งวงกันแล้วแน่

“กินมาแล้ว แม่เข้าไปกินเถอะ” 

“จ้า อ้อ! คุณป้าบอกว่าวันนี้จะค้างบ้านเพื่อนนะ แม่ก็จะนอนหอพักเลยเพราะพรุ่งนี้เวรเช้าต่อ”

“ป้าไม่เห็นไลน์มาบอกลุงเลย”

“ก็ไลน์มาบอกแม่แทนแล้วไง คุณลุงอย่าลืมล็อกบ้านให้สนิทนะ”  แม่กำชับด้วยความเป็นห่วง แต่ว่าผม...

“วันนี้ลุงก็จะค้างที่อื่นอะ”

“บ้านโป้ยเหรอ?”

พี่ปูนกระแอมเบาๆ เสมหะพันคอรึไงกัน  “บ้านพี่ปูนน่ะแม่”

นัยน์ตาของคุณพยาบาลคนสวยวาววับอีกครั้งยามเลื่อนไปจับจ้องคนตัวสูงข้างหลังผม นี่อย่าบอกนะว่าแม่ก็หลงเสน่ห์พี่ปูนอีกคน ไม่เอาน่า ผมไม่อยากโทรไปร้องไห้กับพี่อ้อยพี่ฉอดนะ

“งั้นแม่ไปกินข้าวก่อนนะ อย่าดื้อกับพี่เขานะคุณลุง”

“ลุงไม่ใช่เด็กนะคุณดาหลา!”  ผมโอด แต่แม่กลับหัวเราะใส่ ไอ้คนข้างหลังก็ขำพอกัน

“ขอบคุณนะคะคุณปูน ไว้วันหลังมาที่บ้านน้านะ จะให้คุณลุงทำอาหารเลี้ยงตอบแทน”

พี่ปูนยิ้มกริ่ม ยกมือไหว้ขอบคุณแม่ง่ายดายมาก ไม่มีปฏิเสธสักนิด ผมยกมือบ๊ายบายเป็นการลา แม่ยังไม่วายยื่นมือมาหยิกแก้มแรงๆ แล้วเดินเข้าไปด้านใน

“ลุงทำอาหารเป็นด้วย?”

“อ่ะแน่นอน! ผมเป็นลูกมือให้พ่อมาตั้งแต่ประถม”  นอกจากเรื่องทำความสะอาดแล้ว ก็มีเรื่องนี้แหละที่พอยืดได้ แม้ทำออกมาจะหน้าตาไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่รสชาติสะเด็ดสะเด่ามากนะขอบอก

ผมเดินนำพี่ปูนออกมา ยืนรอลิฟต์ท่ามกลางความวังเวง

“ทำงานบ้านก็เก่งแถมยังทำอาหารได้อีก”  พี่ปูนออกปากชม เสียงนี่ยกยอมากเสียจนจมูกผมแทบยืด

“เจ๋งใช่ป่ะล่ะ”

“หน้าตาก็น่ารัก”

“แน่นอน”

คนชมยิ้มขำ ก้มหน้าลงมากระซิบเสียงเบา  “บั้นท้ายก็สวย”

“เอิ่ม...”

“ก้นก็งอนเด้ง”

“เอ่อคือ...”

“ให้พี่เป็นบ้างได้มั้ย?”

“อ...อะไร”  ผมชักจะหวั่นใจแปลกๆ แล้วสิ

“ทูนหัว” 

.
.
.

“อยากเป็นทูนหัวของลุง”

.
.
.

โอยย~ ทำไมโรงพยาบาลมันร้อนอย่างนี้นะ!
     


TBC.

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่าาาาา ท่านักอ่านเจ้าใหม่และเก่า

เพิ่งจะได้มาทักทายกันก็ตอนที่ 6 ไปแล้ว 

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ nin@ ที่ช่วยแก้คำผิดให้ เมื่อตอนที่ 4 นะคะ
ถ้ามีคำผิดอีกก็เตือนกันได้นะคะ

เป็นยังไงบ้างกับน้องลุง 555 ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลก ซื่อ(บื้อ) เถรตรง ขี้มโน แถมยังตามใครเขาไม่ทันอีก
นักเขียนไม่เคยเจอเหมือนกัน ก็โลกนี้มันอยู่ยากนี่หน่า คนใสใสมันเลยหาไม่ค่อยเจอ

ส่วนเรื่องอื่นก็ตามที่ได้บอกไว้ในเพจเลย กำลังหมักอยู่ในไห กลิ่นกำลังเปรี้ยวเลย กร๊ากกกก
แต่จะทยอยตามออกมาแน่นอนค่ะ

ยังไงก็ฝากคุณลุงกับปุริมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ


ด้วยรัก
L@DY MELLOW

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด