[H.E.A.R.T.] R. Rabid หัวใจคลั่งรัก
Part 11# Pie พายสายยั่ว NC-18
“อาา...” ผมร้องครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อปลายลิ้นอันร้อนระอุของเพลิงกำลังเลียอยู่ที่แก่นกายของผม โดยที่ผมกำลังคลานสี่ขาหันส่วนนั้นไปที่ใบหน้าของเพลิง สลับกับใบหน้าของเพลิงที่ได้หันไปที่ส่วนนั้นของผม ท่าของเราสองคนที่กำลังทำอยู่นั้นคือท่า 69
ตอนแรกที่ได้ยินเพลิงชวนทำท่านี้ผมก็ค่อนข้างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเพลิงจะยอมใช้ปากให้ใคร ซึ่งพอถามผมก็ได้รู้ว่าตัวเองคือคนแรก เล่นเอาผมดีใจอย่างไม่รู้สาเหตุ แถมยังตื่นเต้นแล้วก็มีอารมณ์สุดๆ เลยด้วย
“ซี้ดด...เพลิง...” ความเสียวซ่านที่แล่นพล่านขึ้นมาทำเอาร่างกายของผมสั่นสะท้าน สะโพกเริ่มบิดและส่ายไปมา ยิ่งจังหวะที่เพลิงใช้ริมฝีปากจูบที่ส่วนปลาย แถมยังใช้ลิ้นขยี้ตรงรูเล็กๆ ขาของผมมันก็ยิ่งสั่น ส่วนเสียงร้องครางก็ยิ่งดังมากขึ้นจนควบคุมไม่ได้
“ซี้ดด...ซี้ดดด...อาา...”
“เสียงของมึงกูก็ชอบฟังอยู่หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้กูอยากให้มึงอมให้กูมากกว่า เร็วเลย” ผมก็มัวแต่เสียวจนลืมว่าต้องทำอะไร พอได้ยินแบบนี้จึงได้ใช้มือกำรอบแก่นกายที่อยู่ตรงหน้า ขนาดของมันยาวซะจนโผล่พ้นมือของผมขึ้นมาครึ่งค่อนลำ แถมยังใหญ่ซะจนมือของผมแทบจะกำไม่รอบ
ผมเลียที่ริมฝีปากของตัวเองช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเลียแก่นกายของเพลิงที่อยู่ตรงหน้า ผมเลียตั้งแต่โคนจรดปลายพร้อมกับใช้มือชักขึ้นลงไปด้วย ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาท่อนเนื้อของเพลิงกระตุก แถมยังหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ
“อาา...” เสียงนั้นทำให้ผมรู้สึกใจเต้นและมีอารมณ์มากขึ้น จึงได้อ้าปากครอบครองแก่นกายของเพลิงเข้าไป ซึ่งนั่นก็ทำให้เพลิงซี้ดปากด้วยความเสียวสุดใจ ก่อนที่เพลิงจะทำแบบเดียวกันกับผมบ้าง นั่นก็คือการครอบครองแก่นกายของผมที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปในปากนั่นเอง
“อื้อ!!” ด้วยความที่มีท่อนเนื้ออยู่ในปากผมเลยไม่สามารถครางได้อย่างเต็มเสียง เพราะงั้นผมจึงได้ระบายความเสียวลงกับตรงนั้น โดยทำทั้งอม ทั้งดูด ทั้งดุน แล้วก็รูดรั้งมือขึ้นลงอย่างหนักหน่วง ส่วนเพลิงก็ไม่ต่างกัน เพราะก็ได้ดูดและเลียส่วนนั้นของผมจนเสียวกระสัน เสียงครางในลำคอของเราสองคนดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แก่นกายของเพลิงก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น แถมยังร้อนซะจนอุณหภูมิในร่างกายของผมร้อนตามไปด้วย ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังดูดและอมแก่นกายของเพลิงอย่างเมามันแค่ไหน แน่นอนว่าสะโพกของผมที่กำลังส่ายร่อนและบิดไปมาผมก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน
“ซี้ดดด...แม่งเอ๊ย...มึงแม่งโคตรยั่วเลยพาย” ผมมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาดูดเลียแก่นกายตรงหน้าเลยไม่ได้ยินคำพูดเมื่อกี้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรเย็นๆ สัมผัสตรงบั้นท้าย ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่อะไร เจลหล่อลื่นนั่นเอง
“อื้อ!” หลังจากที่เพลิงหมุนวนนิ้วตรงปากทางเข้าสักพักก็สอดใส่เข้ามา นิ้วยาวๆ ทำให้ผมเสียววาบ ช่องทางด้านหลังจึงกระตุกตอดและบีบรัดมันอย่างควบคุมไม่ได้ ส่วนปากที่กำลังดูดแก่นกายของเพลิงอยู่ก็เช่นเดียวกัน
“อาาาส์” เพลิงครางหนักในลำคอ ก่อนจะใช้ปากครอบครองส่วนนั้นของผมอีกครั้ง ส่วนนิ้วที่สอดอยู่ในช่องทางด้านหลังก็หมุนวนจนมันขยายออก เพลิงเลยสอดนิ้วที่สองตามเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน
ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาผมครางระงม สะโพกของผมสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งจังหวะที่เพลิงใช้นิ้วครูดไปที่ผนังช่องทาง แล้วขยับเข้าออกโดยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำเอาผมเสียวแทบบ้า น้ำใสๆ คงจะไหลออกมาจนเข้าปากของเพลิงไปแล้ว
“อื้อ!...อื้ม!...อื้อ!” ความเสียวซ่านที่ได้รับทำเอาช่องทางของผมตอดรัดสองนิ้วที่อยู่ข้างในถี่ยิบ ยิ่งผมเสียวผมก็ยิ่งตอดถี่ขึ้น เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ออกแรงดูดท่อนเนื้อร้อนๆ อย่างรุนแรง จนตอนนี้มันได้ขยายใหญ่ขึ้นจนคับปากของผมไปหมดแล้ว
เพลิงที่ดูเหมือนว่าใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้วจึงเด้งสะโพกสวนขึ้นมา ส่วนนิ้วกับริมฝีปากก็เร่งความเร็วขึ้นเช่นกัน ทำเอาผมเสียวกระสันและบีบรัดนิ้วของเพลิงแน่น แถมยังดูดแก่นกายของเพลิงอย่างหนักหน่วงและรุนแรงมากกว่าครั้งไหนๆ
“อึ่ก...อึ่ก! อื้ออออออ!” การถูกทำออรัลอย่างถึงใจทำให้เราสองคนเสียวสุดๆ จนทนต่อไปไม่ไหว ก่อนที่สุดท้ายก็ได้ปล่อยความสุขสมใส่ในปากของอีกฝ่ายโดยห่างกันแค่เสี้ยววินาที ผมหายใจอย่างหอบถี่โดยที่ร่างกายยังสั่นระริก โดยเฉพาะตรงช่องทางด้านหลัง
“ยังไม่พอสินะ” เพลิงพูดอย่างรู้ใจแล้วเคลื่อนตัวขึ้นไปอยู่ในท่าคุกเข่า ส่วนผมก็ยังอยู่ในท่าคลานเหมือนเดิม เพลิงชโลมเจลหล่อลื่นเพิ่ม ก่อนจะเอาท่อนเนื้อร้อนๆ ที่อวบอั๋นและยังแข็งขึงมาถูไถที่ปากทางเข้า
“ถ้าอยากให้กูเข้าไปก็ขอร้องกูสิ” เสียงของเพลิงทั้งแหบพร่าและกระเส่าซะจนใจของผมสั่น ความต้องการของผมทะยานขึ้นสูงจนสะโพกส่ายร่อนและบดเบียดเข้าหาท่อนเนื้อของเพลิงอย่างควบคุมไม่ได้
“ขะ...ขอร้อง...เอาของนายเข้ามาลึกๆ...อื้อ! อ๊ะ...อ๊าาาาาา!” แล้วเพลิงก็จัดให้ตามคำขอ ท่อนเนื้อร้อนๆ ถูกสอดใส่เข้ามารวดเดียวจนมิดด้าม ความเสียวซ่านที่ถูกท่อนเนื้อที่ทั้งยาวและอวบอั๋นกระแทกกระทั้น ทำให้เสียงครางของผมดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง
“อ๊า...อ๊ะ...อ๊า...ดี...ตรงนั้นแรงอีก...อ๊า...ใช่!...อ๊า...” ผมพูดแทบไม่เป็นภาษา ตอนนี้ผมเสียวมากจนแทบขาดใจ เพราะเพลิงกระแทกท่อนเนื้ออย่างรุนแรงและถี่ยิบ โดยรู้ดีว่าจุดไหนคือจุดที่ทำให้ผมเสียว ร่างกายของเราสองคนเข้าขากันได้ดียิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมเปิดใจให้เพลิงแล้วรึเปล่า ก่อนหน้านี้ถึงแม้ผมจะยอมมีอะไรด้วยแต่ก็เป็นเพราะไม่มีทางเลือก ผิดกับครั้งนี้ที่ผมเต็มใจ ผมอยากใกล้ชิดกับเพลิง และอยากรู้สึกถึงเพลิงมากกว่านี้
“ซี้ดดด...ข้างในมึงแม่ง...อาาส์...เสียวโคตรรร” เพลิงซี้ดปากด้วยความเสียว เมื่อช่องทางด้านหลังของผมกระตุกตอดรัดเพลิงอย่างรุนแรง จึงได้ซอยแก่นกายอย่างรวดเร็ว โดยถอนออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปจนสุดโคน
“อ๊า...อ๊า...เพลิง! อ๊า...ดี! ซี้ดด...อ๊า...” ความเสียวที่ได้รับทำเอาผมต้องจิกทึ้งผ้าปูที่นอนอย่างน้ำตาคลอ ส่วนสะโพกก็ยกสูงและส่ายร่อนเพื่อให้เพลิงกระแทกเข้ามาได้ลึกขึ้น เพราะยิ่งลึกผมก็ยิ่งเสียว ยิ่งเสียวช่องทางก็ยิ่งบีบและตอดรัดท่อนเนื้อของเพลิงแน่น
“อาาส์...ถ้าจะตอดขนาดนี้...ซี้ดดด...กูก็จะแตกน่ะสิ!” เสียงของเพลิงยิ่งทำให้ผมมีอารมณ์จนยิ่งตอดถี่ขึ้น เพลิงจึงครางต่ำในลำคอจนแทบเหมือนเสียงคำราม ความเสียวกระสันทำให้เพลิงเร่งจังหวะการขยับแก่นกาย ทั้งหนักหน่วง ดุดัน และรุนแรง เล่นเอาผมเสียวสุดๆ จนแทบทนไม่ไหวเช่นกัน
“เพลิง! เราก็จะ...อ๊า!...จะเสร็จเหมือนกัน...อ๊ะ...อ๊ะ...เสียวจัง...อ๊า...เพลิง!” ตอนนี้ผมเสียวสุดใจจนไม่รู้แล้วว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ผมรู้แต่ว่าสะโพกของผมกำลังส่ายไปมา เพื่อให้รับกับจังหวะการกระแทกกระทั้นของเพลิง ซึ่งแต่ละครั้งจะยิ่งเพิ่มความเร็วและแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าจะเสร็จแล้วก็ปล่อยออกมา...อาา...ข้างหน้าก็เยิ้มไปหมดแล้วนี่” เพลิงพูดด้วยเสียงแหบพร่าแล้วใช้มือข้างหนึ่งชักส่วนนั้นของผมเข้าออก โดยที่เอวของเพลิงไม่ได้ลดจังหวะการขยับเลยสักนิด ยังคงซอยอย่างถี่ยิบ และเน้นย้ำตรงจุดเสียวที่อยู่ข้างในตัวผม
“อ๊า...ยะ...อ๊ะ...อ๊า...ถ้าทำแบบนั้น...อ๊ะ...อ๊า...จะออกแล้ว...เพลิง! อ๊า...อ๊าาาาาาาา!” แล้วผมก็กรีดร้องออกมาดังลั่นอย่างสุดเสียง ความเสียวถึงขีดสุดทำเอาผมทนต่อไปไม่ไหว น้ำสีขาวขุ่นจึงพุ่งกระจายออกมาจนเลอะผ้าปูที่นอน
ส่วนเพลิงเมื่อถูกช่องทางของผมบีบแน่นและตอดรัดอย่างถี่ยิบ ก็ซี้ดปากด้วยความเสียวแล้วซอยแก่นกายเข้าออกไม่ยั้ง จนกระทั่งถึงจุดสุดยอดก็ฝังท่อนเนื้อเข้ามามิดลำ จากนั้นก็ฉีดพ่นความสุขสมเข้ามาจนแทบล้นทะลัก ช่องทางของผมกระตุกรับแถมยังดูดกลืนน้ำของเพลิงด้วยความยินดี
“อือ...อุ่นจัง...ข้างใน...รู้สึกดี...อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะเพลิง!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อถูกเพลิงจับพลิกตัวเปลี่ยนท่าเป็นออนท็อป โดยที่ท่อนล่างของเราสองคนยังคงเชื่อมต่อกันอยู่เลย
“ก็ต่ออีกรอบยังไงล่ะ มึงผิดเองนะที่พูดแบบนั้น รับผิดชอบกูเลย” เพลิงพูดจบก็ก้มหน้าลงมาดูดเลียที่ยอดอกของผม แถมยังเริ่มยกสะโพกของผมขึ้นลงอีกด้วย
“อา...ระ...เราพูดอะไร...อื้อ...ไม่เห็นจะเข้าใจ...ซี้ดด...เลยเพลิง”
“ก็เรื่องที่มึงบอกว่าอุ่นจังกับรู้สึกดีนั่นไงล่ะ ยั่วกันซะขนาดนี้ใครไม่ขึ้นแม่งก็ตายด้านแล้ว” เพลิงเงยหน้าขึ้นมาแป๊บนึงแล้วก็ก้มลงดูดที่ยอดอกของผมต่อ พร้อมกับเพิ่มความเร็วในการยกสะโพกของผมขึ้นลง ทำเอาผมแทบพูดไม่เป็นภาษาเพราะความเสียวซ่านมันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
“อาา...ตะ...แต่ว่า...เราก็แค่...อื้ม...พูดไปตามที่รู้สึก...” ผมก็คิดว่าคำพูดพวกนี้คือเรื่องปกติ เพราะหนังสือที่อ่านกับคลิปที่เคยดูฝ่ายรับก็พูดตลอด ตอนที่พูดก็ไม่เห็นฝ่ายรุกจะของขึ้นจนต่ออีกรอบนี่นา แล้วผมจะไปรู้มั้ยล่ะว่าจะทำให้เพลิงมีอารมณ์ แถมยังทำให้ผมมีด้วยจนช่วงล่างเริ่มบีบรัดและกระตุกตอดท่อนเนื้อของเพลิงแล้ว
“ซี้ดด...มึงนี่แม่ง...ไม่ได้รู้เลยใช่มั้ยว่าตัวเองยั่วเก่งแค่ไหน” เพลิงกัดริมฝีปากล่างเพื่อกลั้นเสียงคราง ก่อนจะก้มหน้าลงมาฟัดที่ยอดอกของผมอย่างหนักหน่วงและรุนแรง
“อ๊า!...เราไม่ได้...อ๊ะ...เป็นคนแบบนั้น...นะเพลิง...” คนจืดจางแบบผมจะยั่วใครเป็นได้ยังไง แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้นกลับไม่ได้รู้ตัวเลยว่า สะโพกของผมเริ่มจะขย่มท่อนเนื้อของเพลิงด้วยตัวเองแล้ว
“อาา...นั่นล่ะใช่...ขย่มมันส์ขนาดนี้...ซี้ดด...อยากได้น้ำกูเร็วๆ สินะ...” คำพูดอันลามกของเพลิงทำเอาใบหน้าของผมร้อนวาบ ถึงแม้จะรู้สึกอาย แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งมีอารมณ์ที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น
“ยะ...อ๊ะ...อย่าพูดนะ...เราไม่ได้...อ๊ะ...อยากได้สักหน่อย...”
“ก็ไหนว่ารู้สึกดีแล้วก็อุ่นข้างในไง...แต่จะว่าไปเหมือนมึงเคยบอกว่า...อา...ไม่ชอบให้กูปล่อยข้างใน” ในขณะที่พูดเพลิงก็ใช้สองมือขยี้ที่ยอดอกของผมไปด้วย ส่วนผมก็ยังควบที่ท่อนเนื้อของเพลิงอยู่อย่างนั้น ขนาดอันใหญ่โตและอวบอั๋นที่เสียดสีกับผนังด้านในทำให้จนเสียวซ่านเป็นอย่างมาก
“มะ...ไม่ใช่ไม่ชอบ อ๊ะ...แต่ว่า...อ๊า...มันเอาออกยาก”
“แล้วถ้ากูบอกว่าจะช่วยเอาออกล่ะ...อาา...ขอปล่อยอีกสักสองรอบได้รึเปล่า” ถึงจะดูเหมือนเป็นคำถาม แต่ผมคิดว่านั่นคือประโยคบอกเล่ามากกว่า ก็ดูสิ สีหน้าของเพลิงพร้อมทำขนาดนี้ แถมยังเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหายอีกต่างหาก
แต่ก็นะ...ใช่ว่าผมจะไม่ชอบและไม่ต้องการสักหน่อย
“ถะ...ถ้างั้นก็ปล่อยเข้ามาเลย...อ๊ะ...หรือจะปล่อยเยอะกว่านั้นก็ได้...”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเพลิงก็รีบกดศีรษะของผมมาจูบทันที ริมฝีปากของเพลิงบดขยี้ริมฝีปากของผมอย่างรุนแรง แถมยังขบและดูดเน้นๆ จนผมรู้สึกร้อนไปทั้งร่าง ยิ่งเมื่อปลายลิ้นของเราสองคนสัมผัสกันก็ราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ส่งผลให้ความต้องการของพวกเราพุ่งสูงยิ่งขึ้น
“อา...” หลังจากที่เต็มอิ่มแล้วเราสองคนก็ถอนจูบออกมา ร่างกายท่อนล่างของเราที่เชื่อมต่อกันจึงเพิ่มแรงขยับอย่างอัตโนมัติ โดยผมได้ขย่มขึ้นลงอย่างเมามัน ส่วนเพลิงก็กระแทกแก่นกายขึ้นสวนอย่างไม่ยั้ง เสียงเนื้อที่กระทบกันดังก้องไปทั่วทั้งห้องพร้อมกับเสียงคราง
“อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...ดี...อ๊า...ลึกจัง! อ๊า...ข้างในมันเสียว...!” ยิ่งเสียวเท่าไหร่ผมก็ยิ่งขย่มแรงขึ้นเท่านั้น ส่วนเพลิงก็ไม่ต่างจากผม นอกจากจะกดท่อนเนื้อเข้าไปที่จุดเสียวของผมอย่างดุดัน ก็ยังบีบขยำ ดูดเลีย และฟัดที่ยอดอกของผมไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
“ซี้ดดด...เสร็จพร้อมกูนะพาย” เพลิงกัดปากครางซี้ดด้วยความเสียว ส่วนผมที่เสียวไม่ต่างกันก็พยักหน้า จากนั้นก็โอบรอบลำคอของเพลิงแน่นแล้วเร่งจังหวะอย่างสุดแรง
แล้วไม่นานเราสองคนก็ถึงฝั่งฝัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะจบลงแค่นี้ ผมกับเพลิงต่ออีกยกในทันที แถมคราวนี้ยังเปลี่ยนสถานที่เป็นเตียงอาบแดดที่อยู่นอกห้อง เราสองคนที่มีความต้องการสูงเลยทำกันต่ออีกไม่รู้กี่รอบ กว่าจะได้นอนก็ตอนที่พระอาทิตย์กำลังลอยขึ้นจากขอบฟ้า แสงสะท้อนที่ตกลงมากระทบน้ำทะเลช่างสวยงามราวกับภาพวาด ผมปิดเปลือกตาซบที่อกของเพลิงแล้วหลับไปอย่างมีความสุข...
.....................................................
..................................
..............
ช่วงเวลาที่อยู่หัวหินผมรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก เพลิงตามใจผมทุกอย่างไม่มีปฏิเสธ ไม่ว่าจะอยากทำอะไรผมก็ได้ทำ อยากกินอะไรผมก็ได้กิน อยากลงเล่นน้ำทะเลตอนไหนผมก็ได้เล่น รวมไปถึงเรื่องเซ็กส์ที่ผมต้องการเมื่อไหร่เพลิงก็พร้อมจะสนองให้ทุกเมื่อ
ไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย อยากทำกี่รอบ ชอบให้ทำแบบไหน หรืออยากเปลี่ยนสถานที่ก็บอกได้ไม่ต้องเกรงใจ เพลิงเป็นคนบอกกับผมและตามใจผมทุกอย่าง ผมสามารถเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องฝืนและคิดเรื่องอื่นให้ปวดสมอง ตลอด 4 วันนี้ให้คิดแต่เรื่องของเพลิงก็พอ ซึ่งผมก็คิดแบบนั้นจริงๆ
การใช้ชีวิตของพวกเราช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ตื่นมาก็เที่ยงกว่าๆ อาหารก็กินจากที่แม่บ้านทำไว้ให้ มีมื้อนึงผมนึกสนุกเลยช่วยกันทำกับเพลิง แต่มันก็ไม่ค่อยเวิร์คเพราะผมดันโดนเพลิงกินก่อนจะได้กินข้าว แถมตอนจะนอนผมยังโดนเพลิงกินซ้ำ จนวันต่อมากว่าจะตื่นก็ปาไปบ่ายกว่าๆ นู่นเลย
“คืนก่อนก็ทำไปตั้ง 3 – 4 รอบ ยังไม่พออีกรึไง”
“ก็ใครใช้ให้มึงยั่วกูก่อนล่ะ”
“หา? เราได้ไปยั่วนายตอนไหน”
“ก็ตอนที่ทำตาหวานแล้วเสนอตัวให้กูชิมไง”
“นั่นเราตักกับข้าวให้นายชิมต่างหากเล่า!” ผมพองลมที่แก้มแล้วกอดอกอย่างฮึดฮัด เพลิงที่เห็นอย่างนั้นเลยระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น ได้กวนประสาทผมแล้วคงจะมีความสุขมากเลยล่ะสิ
เห็นผมพูด (บ่น) แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าผมจะอารมณ์เสียจริงๆ หรอกนะ ก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้นว่าผมรู้สึกสนุกและมีความสุขมาก นอกจากนี้ผมยังได้ใกล้ชิดและรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเพลิงมากขึ้น ซึ่งถ้ามองข้ามเรื่องที่มักจะกวนอารมณ์และเอาแต่ใจไปสักหน่อย ผมคิดว่าเพลิงก็เป็นผู้ชายที่ดีและช่างเอาใจมากๆ เลยล่ะ
“มึงเช็คดูดีๆ นะเว่ยว่าลืมอะไรไว้รึเปล่า” เพลิงถามในขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อกลับกรุงเทพ ผมเลยหันกลับไปมองตัวบ้านที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งนั่นไม่ใช่เป็นเพราะผมลืมอะไร แต่เป็นเพราะผมรู้สึกใจหายที่เวลาแห่งความสุขได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วมากกว่า
แต่ก็นะ...งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราเสมอ
“เราไม่ได้เอาอะไรมา คงไม่มีอะไรให้ลืมหรอกเพลิง”
“เออ ก็จริงของมึง แต่ถ้าลืมก็ช่างแม่งเถอะ เดี๋ยวกูซื้อให้ใหม่” พอได้ยินแบบนั้นผมก็ส่ายหน้าไปมา เพลิงนี่ก็ชอบใช้เงินแก้ปัญหามันซะทุกเรื่อง แถมยังคงพูดจาไม่ค่อยรื่นหูเหมือนเดิม แต่ก็เอาเถอะ คนที่พูดหวานๆ ใช่ว่าจะเป็นคนดีเสียเมื่อไหร่ ส่วนคนที่พูดจาหยาบคายก็ใช่ว่าจะเป็นคนเลว
ขากลับพวกเราไม่ได้แวะที่ไหนเลยใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงกรุงเทพฯ ออกจากหัวหินตอน 1 ทุ่มนิดๆ เกือบ 4 ทุ่มก็มาถึงหอของผมแล้ว ซึ่งเพลิงก็ขึ้นมาส่งผมแล้วพักกินน้ำสักแป๊บ แต่ไม่กี่นาทีก็กลับเพราะพี่ชายที่บ้านโทรมาตาม
“กูกลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้า”
“อืม” ผมเดินไปส่งเพลิงที่หน้าห้องพร้อมกับโบกมือลา เพลิงจึงก้มหน้าลงมาหาผมแล้วจูบที่หน้าผาก จากนั้นก็เดินลงบันไดกลับไป
น่าแปลก ห้องที่อยู่คนเดียวมาตั้งหลายปีไม่เคยเหงา แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเหงาขึ้นมาซะได้ ผมเริ่มจำไม่ได้แล้วว่าการอยู่คนเดียวมันเป็นยังไง นี่ยังไม่รวมถึงการที่ต้องนอนคนเดียวบนเตียงกว้างๆ อีกด้วย
ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะเสพติดเพลิงเข้าซะแล้ว ชักจะเริ่มเข้าใจคนที่คลั่งไคล้เพลิงหนักจนตบตีแย่งชิงกันแล้วสิ...
“เฮ้อออ...” พอคิดได้แบบนี้ผมก็ถอนหายใจขึ้นมา ทำไมแว้บนึงผมถึงคิดว่าอยากจะผูกมัดเพลิงเอาไว้คนเดียวก็ไม่รู้ เป็นแค่คู่นอนแท้ๆ แต่คิดแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหน ไม่ไหวๆ ไปอาบน้ำแล้วเลิกคิดฟุ้งซ่านดีกว่า
เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ พออาบเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียงไปนอน พอไม่มีคนกอดก็รู้สึกเหงาอย่างที่คิดจริงๆ เพราะงั้นกว่าที่ผมจะหลับเลยต้องพลิกตัวไปมาร่วมชั่วโมง
เช้าวันต่อมา เพลิงมาหาผมตอนประมาณ 7 โมงกว่าๆ โดยห่ออาหารจากที่บ้านมาด้วย ซึ่งพอเราสองคนกินด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยก็ออกจากห้องแล้วตรงเข้าม.ทันที
วินาทีแรกที่มาถึงผมค่อนข้างเครียดและกังวล เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธคงจะรู้เรื่องกันทั่วแล้ว ต่อจากนี้เวลาที่ผมเดินไปไหนก็จะต้องตกเป็นเป้าสายตา ตามด้วยเสียงซุบซิบนินทาทั้งเรื่องจริงแล้วก็เรื่องที่เสริมขึ้นแน่นอน
และถึงแม้ผมจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่พอเจอแบบนั้นเข้าจริงๆ ผมก็ยังรับมันไม่ไหว ผมอยากหายไปจากที่นี่หรือโลกนี้ซะให้พ้นๆ แต่แล้วก็มีคนคนหนึ่งยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ แถมยังกระชับอย่างแนบแน่นเพื่อให้ผมมั่นใจว่าเขาจะไม่ไปไหน จะคอยอยู่ข้างๆ และปกป้องผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“มึงไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะงั้นมึงไม่ต้องกลัวแล้วก็ไม่ต้องหลบหน้าใครด้วย” เพลิงเชยคางผมขึ้นไป คำพูดของเพลิงทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นจึงได้พยักหน้าลง
“อืม เข้าใจแล้ว”
“ดีมาก” เพลิงยิ้มให้ผม แต่หลังจากนั้นก็หันไปถลึงตาใส่และด่ากราดคนที่กำลังมองมาแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
“มองทำเหี้ยอะไร! หน้าพวกกูเหมือนหน้าพ่อมึงรึไงวะ!” แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพลิงยังหันไปตะคอกใส่คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังพูดเรื่องของผมอย่างสนุกปากกันอีกต่างหาก
“เฮ่ย! ไอ้พวกนั้นน่ะ! เก็บปากไว้กินข้าวซะถ้าไม่อยากกินตีนกู!” พูดจบเพลิงก็จูงมือของผมที่ยังคงอึ้งอยู่ขึ้นตึกเรียนไปเลย
เพลิงก็ยังคงเป็นเพลิงอยู่วันยังค่ำ พักหลังมานี้ผมก็นึกว่าเพลิงจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เพลิงก็ยังคงเกรี้ยวกราดพร้อมอาละวาดได้ทุกเวลาเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในความร้ายกาจนั้นผมกลับเห็นความอ่อนโยนซ่อนอยู่ ถึงคนอื่นจะไม่รู้และมองไม่เห็นแต่ว่าผมสัมผัสได้
ก็เหมือนที่ไฟไม่ได้ทำได้แค่เผาไหม้เพียงอย่างเดียว แต่ว่าไฟยังให้ความอบอุ่นและแสงสว่าง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับคนที่อยู่รอบข้างว่าจะมองแบบไหน
เมื่อก่อนผมมองว่าไฟนั้นอันตรายจนไม่อยากเข้าใกล้ แต่ตอนนี้ความคิดของผมได้เปลี่ยนไป ผมไม่คิดว่าไฟอันตรายเสมอไป แถมผมยังอยากอยู่เคียงข้างไฟอีกต่างหาก
“ขอบคุณนะเพลิง ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลย” ผมพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องที่ต้องเรียนรวมกัน ตอนนี้เราสองคนอยู่กันตามลำพังผมเลยมีโอกาสได้พูด
“จะขอบคุณทำไม การปกป้องมึงมันเป็นเรื่องที่กูต้องทำอยู่แล้ว” เพลิงพูดอย่างจริงจัง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นขึ้นมา หมู่นี้ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะใจเต้นกับเพลิงบ่อยเกินไปแล้ว
“ถึงงั้นก็เถอะแต่เราก็ต้องขอบคุณนายอยู่ดี”
“งั้นเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นทำเรื่องดีๆ ให้กูคืนนี้ก็แล้วกัน” เพลิงกัดปากแถมยังขยิบตาให้ผม ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมหน้าร้อนวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“สมองนายนี่คิดเรื่องอย่างอื่นไม่เป็นเลยรึไง” ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่ทำล่ะนะ
“ก็หัวบนกับหัวล่างของกูมันเชื่อมกัน เหมือนกับปากบนกับปากล่างของมึงเวลา...โอ๊ย! เดี๋ยวนี้กล้าทำร้ายกูหรอ!” ผมไม่อยากฟังเรื่องลามกของเพลิงเลยเอาหนังสือฟาดไปที่ไหล่ แต่ก็แค่เบาๆ เท่านั้น เพลิงเล่นใหญ่ร้องดังซะเวอร์
“เราจะเข้าห้องเรียนแล้ว ถ้ายังอยากพูดต่อก็เชิญตามสบาย” พูดจบผมก็เปิดประตูเข้าห้องเรียนไปเลย ซึ่งวินาทีแรกที่ผมเดินเข้ามาทุกสายตาต่างก็จับจ้อง แต่พอมองไปยังด้านหลังแล้วเห็นเพลิงแผ่รังสีพิฆาต เท่านั้นแหละแต่ละคนก็รีบหลบตาแถมยังไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น
ก็นะ...ฉายา ‘เพลิงกัลป์คนอัณฑะพาล’ ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยนี่นา นักศึกษาที่อยากใช้ชีวิตในรั้วมหา’ลัยอย่างสงบสุขเลยไม่ค่อยกล้ามีปากเสียงกัน เพราะพรรคพวกของเพลิงเยอะมาก แถมแต่ละคนก็ยังร้ายกาจระดับเดียวกันทั้งนั้น แล้วใครล่ะจะกล้าเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง
และเพราะเหตุนี้ชีวิตของคนจืดจางอย่างผมเลยกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม เพิ่มเติมก็คือการที่มีเพลิงคอยอยู่ข้างๆ เช้าไปรับที่หอ ตอนเย็นเมื่อเลิกเรียนก็พาไปกินข้าว เสร็จแล้วก็เป็นฝ่ายผมที่ถูกกิน จนถึงประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ นั่นแหละเพลิงถึงได้กลับบ้าน
วัฏจักรการใช้ชีวิตของผมก็หมุนวนประมาณนี้ ผมคิดว่าการอยู่อย่างนี้ก็มีความสุขดี ส่วนกวีที่ถึงแม้จะเดินสวนกันบ้าง แต่พอเห็นว่ามีเพลิงอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมอีกเลย
ในขณะที่เพลิงก็ไม่ได้ยุ่งกับใครเหมือนกัน ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาถึงแม้จะมีคนเข้าหาเพลิงบ้าง แต่เพลิงก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง แถมยังตัดสัมพันธ์กับบรรดาคู่ขาที่เคยนอนด้วยทุกคนอีกต่างหาก
“กูสัญญาว่าจากนี้ไปจะมีแค่มึงคนเดียว” เพลิงพูดจบก็สวมกอดผมเอาไว้ วินาทีนั้นหัวใจของผมมันพองโตจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเพลิงแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ จนทำให้ผมหลงคิดไปเองว่าตัวเองคือคนสำคัญ
จนกระทั่งวันหนึ่งผมจึงตาสว่างและเข้าใจสถานะของตัวเอง...
2BC
เฮลโหลววววว สวัสดีค่าทุกคน Rabid หัวใจซ่อนรัก ตอนที่ 11 ก็จบลงไปแล้วน้า หวานกันมาทั้งตอนจนเหม็นความรัก แต่ไหงประโยคสุดท้ายถึงได้รู้สึกถึงกลิ่นมาม่าที่โชยมาชอบกล?
บร้าาาาาา อย่าคิดมากเลยน่า กลิ่นมาม่งมาม่าอัลไลไม่มี๊ ตัวอิจฉาก็ไม่มีบทแล้ว ส่วนพระรอง (?) ก็ไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วอย่างนี้จะมีอุปสรรคอะไรได้ล่ะเนอะ เพราะงั้นก็อย่าคิดมากเลยนะที่ร้ากกกก
ส่วนตอนหน้าวันอาทิตย์เจอกันนะคะ ฝากติดตามคู่เพลิงพายต่อไปด้วยน้า
กำพระให้แน่นๆแล้วมาเอาใจช่วยความรักของคู่หื่นคู่นี้กันค่า บ๊ายบายยยยย
(5 ก.ค. 61)