[H.E.A.R.T.] E.Erotic หัวใจร้อนรัก
Part 10# Thara สองบุคลิก
“เมฆกับหมอกคือคนคนเดียวกัน เพราะว่าหมอกมีสองบุคลิกยังไงล่ะ”
“ว่าไงนะ!!” ผมกับหมอกอุทานขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
“ไปนั่งคุยกันในห้องดีกว่า เสียงดังไปถึงข้างล่างแล้วมั้ง” หมอเจพูดอย่างชิลๆ แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้อง ส่วนผมกับหมอกก็มองหน้ากัน เมื่อต่างคนต่างไม่รู้เลยต้องเดินตามหมอเจไปนั่งที่โซฟาอย่างช่วยไม่ได้
“เรื่องที่บอกว่าผมมีสองบุคลิกนี่มันยังไงครับพี่หมอ” หมอกเริ่มเอ่ยปากถามทันที โดยที่สีหน้ามีแต่ความงุนงง สับสน และไม่เข้าใจ
“มันอาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อไปหน่อย แต่มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงแน่นอน โรคสองบุคลิกมันมีอยู่จริงๆ ซึ่งบางรายอาจจะมีหลายบุคลิกที่แตกแยกออกไปมากกว่านี้ก็ได้ แต่รวมๆ ทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่าดิสโซสิเอทีฟ”
เรื่องนี้ผมพอจะมีความรู้อยู่บ้างเพราะพฤกษ์กับเพลิงอธิบายให้ผมฟังแล้ว แต่สำหรับหมอกอาจเป็นเรื่องใหม่พอสมควร แถมยังเกิดขึ้นกับตัวเองด้วยเลยทำหน้าไม่เข้าใจ นอกจากนี้ยังมีแววต่อต้านและไม่ยอมรับอีกต่างหาก
“ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้หรอกนะครับ ผมปกติดี พี่หมอเข้าใจผิดแล้วล่ะ” หมอกยืนยันหนักแน่น ส่วนผมก็สองจิตสองใจ เพราะเมฆบอกผมกับปากเองว่าตัวเองคือฝาแฝดกับหมอก แต่เนื่องจากเหตุผลมันดูไม่ค่อยน่าเชื่อ แถมข้อมูลที่ผมมีมันก็ชี้ไปที่สองบุคลิก ดังนั้นผมเลยเอนเอียงไปทางหมอเจมากกว่า
“ก็ไม่แปลกล่ะนะที่หมอกจะไม่เชื่อพี่ แต่พี่ถามหน่อยเถอะว่าหมอกไม่เคยสงสัยบ้างหรอว่า ทำไมตัวเองถึงเหนื่อยง่ายจนวูบอยู่บ่อยๆ ทั้งที่ไม่ได้เป็นโรคอะไร อย่างวันนี้ที่หมอกจำได้ล่าสุดก็ตอนทะเลาะกับธารจนปวดหัวที่คาราโอเกะใช่มั้ยล่ะ” คำถามของหมอเจทำให้หมอกขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นเครื่องหมายคำถาม
“เรื่องเหนื่อยง่ายจนวูบผมไม่เคยสงสัย แต่เรื่องความจำล่าสุดของผมพี่หมอรู้ได้ยังไงครับ”
“ทำไมจะไม่รู้ ก็เมฆเป็นคนบอกพี่เองว่าเมฆออกมาหลังจากตอนนั้น...ที่บอกว่า ‘ไม่ใช่เรื่องของคุณ’ นั่นคือเมฆพูดนะไม่ใช่หมอก” ประโยคสุดท้ายหมอเจหันมาพูดกับผม
“หนอย...ไอ้เด็กบ้านั่น” ผมกัดฟันกรอด แต่พอเห็นหมอกหันมามองผมเลยรีบหุบปาก แล้วนั่งเงียบๆ รอฟังหมอกกับหมอเจคุยกันเพราะผมยังมีชนักติดหลังอยู่
“แต่ผมก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีครับพี่หมอ เรื่องสองบุคลิกอะไรนั่นมันดูเกินจริงเกินไป” หมอกพูดด้วยใบหน้าสับสน บางทีอาจจะกำลังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ล่ะมั้ง
“ถึงมันจะดูไกลตัวไปหน่อยแต่เรื่องนี้มันไม่ได้เกินจริงนะหมอก พี่ขอเอาเกียรติและอาชีพของพี่ยืนยันได้เลยว่าหมอกเป็นโรคนี้จริงๆ หมอกสร้างอีกบุคลิกขึ้นมานั่นก็คือเมฆ มันคือกลไกการปกป้องตัวเองอีกทางหนึ่งของมนุษย์ เพื่อรองรับความเครียด ความกดดัน และความเจ็บปวดที่ได้รับจากพ่อแม่ หมอกสร้างเมฆขึ้นมาตั้งแต่อายุ 12 แล้ว” คำพูดของหมอเจทำให้ผมรู้สึกหดหู่และสะเทือนใจ ถึงแม้ผมจะพอเดาเหตุผลที่หมอกมี 2 บุคลิกได้แล้ว แต่พอรู้ว่าหมอกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ชั้นประถมมันก็ทำให้ผมรู้สึกจุกในอกจนแทบน้ำตาคลอ
“พี่หมอรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกผม” หมอกเอามือเสยผมแล้วก้มหน้าลงต่ำ ท่าทางตอนนี้เหมือนจะยอมรับได้แล้วว่าตัวเองมี 2 บุคลิก แสดงว่าความเครียด ความกดดัน และความเจ็บปวดที่ได้รับมันคงจะมากมายจริงๆ สินะ
“พี่รู้เรื่องนี้ประมาณ 2 ปีก่อน ตอนนั้นเมฆโทรหาพี่เพราะถูกจับที่แอบเข้าผับทั้งที่อายุไม่ถึง พอพี่ซักไซ้ก็บอกว่าเครียดเลยมาหาที่ระบาย แล้วก็เล่าเหตุผลที่หมอกสร้างตัวเองขึ้นมาให้พี่ฟัง ส่วนที่พี่เก็บเงียบเอาไว้ก็เพราะเรื่องนี้มันค่อนข้างจะอธิบายยาก และเมฆก็ขอพี่เอาไว้ด้วยเพราะไม่อยากให้หมอกต้องทนกับความกดดัน เมฆจะเป็นคนรับมันเอาไว้เอง” พอได้ยินแบบนี้หมอกก็เงียบไปพักใหญ่เพราะคงมีหลายเรื่องให้ต้องคิด โดยเฉพาะความรู้สึกเกลียดและต่อต้านเมฆที่เกิดขึ้นในครั้งแรก
บางทีตอนนี้หมอกคงจะกำลังพยายามยอมรับเมฆ ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของตัวเองอยู่ก็ได้ หมอกได้แต่นั่งนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร ส่วนผมกับหมอเจก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนแต่อย่างใด เพียงแค่ให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งหมอกคงจะยอมรับเมฆได้จึงเริ่มเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง
“มีวิธีไหนมั้ยครับที่ผมจะได้เจอกับเมฆ” คำถามนั้นทำเอาหมอเจถอนหายใจออกมา ก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“ไม่มีหรอก เพราะถ้าเมฆออกมาหมอกก็จะอยู่ในภาวะหลับไหล ไม่มีความทรงจำในช่วงเวลาที่เมฆออกมา เพราะแบบนี้ไงล่ะเมฆถึงได้ให้พี่ช่วยโกหกทุกคนว่าหมอกร่างกายอ่อนแอจนวูบอยู่บ่อยๆ”
“ถ้างั้นก็แสดงว่าเมฆจะออกมาตอนที่ผมวูบไปสินะครับ”
“ใช่”
“แล้วพี่หมอรู้มั้ยว่าช่วงเวลาไหนเมฆจะออกมา”
“ตอนที่หมอกอยู่ในภาวะที่เครียดมากๆ ตอนนั้นแหละที่เมฆจะออกมารับความกดดันนั้นแทน จนเมื่อเมฆนอนหลับไปตัวตนของหมอกก็จะกลับมาอีกครั้ง”
“มิน่าล่ะผมถึงไม่เคยเห็นเมฆนอนหลับเลย เมฆจะทำให้ผมหลับก่อนทุกครั้งแล้วก็ใช้จังหวะนั้นหนีไปเสมอ” ผมเผลอพูดความคิดที่อยู่ในใจออกมา คำพูดนั้นทำให้หมอกหันหน้ามาหา ผมที่พอรู้ตัวว่าพลาดมากจึงได้รีบเอามือปิดปากเอาไว้ทันที
“ฉะ...ฉันขอโทษนะหมอก ฉันไม่ควรพูดชื่อเมฆตอนนี้ ฉัน...” ผมละล่ำละลัก โดยที่สมองก็พยายามคิดข้อแก้ตัวดีๆ เพื่อที่จะไม่ให้หมอกรู้สึกโกรธ แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะคิดมากเกินไปหน่อย เพราะนอกจากไม่โกรธหมอกยังพูดกับผมออกมาว่า...
“เล่าเรื่องของเมฆให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ”
“หา?” ผมเบิกตากว้างและอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
“เอ่อ...นายพูดจริงหรอหมอก นายไม่ได้โกรธเกลียดเมฆแล้วหรอ” หมอกส่ายหน้าไปมาช้าๆ กับคำถามของผม
“ถึงผมจะยังรู้สึกแปลกๆ ที่มีเมฆเป็นอีกหนึ่งตัวตนของผมก็เถอะ แต่เมฆทำเพื่อผมขนาดนั้นแล้วผมจะไปโกรธเกลียดเมฆลงได้ยังไง ผมต้องขอบคุณมากกว่าที่เมฆเกิดมาเพื่อผม แต่ผมกลับพูดจาไม่ดีถึงเมฆไปแบบนั้น...” หมอกพูดได้เท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าของหมอกดูเสียใจกับคำพูดตัวเองจริงๆ
“ฉันเชื่อว่าเมฆต้องไม่โกรธนายแน่นอน เมฆต้องดีใจมากกว่าที่ถูกนายยอมรับ” ผมยิ้มให้แล้ววางมือลงบนไหล่ของหมอก หมอกจึงวางมือทับลงไปแล้วยิ้มบางๆ ตอบผม เราสองคนยิ้มให้กันจนบรรยากาศที่ขุ่นมัวเมื่อกี้ค่อยๆ สดใสขึ้นมา
“ในที่สุดก็เข้าใจกันได้แล้วนะ ทีนี้เชื่อรึยังล่ะว่าธารจะต้องขอบคุณผม” หมอเจพูดยิ้มๆ หน้าตาตอนนี้น่าหมั่นไส้จนผมอยากแยกเขี้ยวใส่ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผมกลับมาคืนดีกับหมอกก็เพราะหมอเจจริงๆ
“เออ เชื่อแล้ว ขอบคุณนะหมอ เดี๋ยวผมจะเลี้ยงข้าวตอบแทนชุดใหญ่แบบไม่อั้นเลยเอ้า” ผมพูดอย่างใจป้ำ ส่วนหมอเจก็หัวเราะอย่างขำๆ ออกมา
“โอเคธารพูดแล้วนะ” หมอเจทำหน้าเจ้าเล่ห์
“โหย ทำหน้าแบบนี้นี่ผมชักกลัวแล้วนะว่าหมอจะจัดเต็มจนผมล้มละลายรึเปล่า” ผมทำหน้าหวาดๆ สีหน้าและคำพูดของผมเล่นเอาหมอเจถึงกับขำพรืด
“ผมไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกน่า ธารนี่ก็ชอบมองผมในแง่ร้าย”
“นั่นเพราะผมมองออกน่ะสิว่าที่จริงหมอเป็นคนยังไง” หมอเจยักไหล่ไม่แก้ตัวใดๆ ทั้งนั้น ผมจะถือว่านั่นคือการยอมรับก็แล้วกันว่าผมพูดถูก
“เออจริงด้วย ผมมีเรื่องที่ยังสงสัยอยู่อีกอย่างน่ะหมอเจ”
“หืม? เรื่องอะไรหรอ?”
“คือผมไม่เข้าใจว่าทำไมเมฆต้องโกหกด้วยว่าตัวเองเป็นแฝดน้อง ทั้งที่เมฆเป็นอีกบุคลิกหนึ่งของหมอก” คำถามของผมทำให้หมอกทำหน้าสงสัยด้วยคน จึงได้หันไปรอคำตอบจากหมอเจด้วย
“เมฆต้องการทดสอบความรู้สึกของธารว่า จะรักมากถึงขนาดที่ยอมตัดใจเพราะเลือกใครไม่ได้รึเปล่า ถ้าหากธารเลือกทั้งคู่แล้วมีเหตุผลไม่มากพอนอกจากความต้องการของตัวเอง เมฆจะไม่ไปเจอธารอีกและจะทำเหมือนว่าตัวเองกลับต่างประเทศไปแล้ว เพราะถึงจะรักธารมากแค่ไหนแต่สำหรับเมฆหมอกนั้นคืออันดับ 1 เสมอ แต่ถ้าธารเลือกจะเสียสละและตัดใจ เมฆก็ให้ผมพาธารมาเจอกับหมอกที่นี่ และให้บอกเรื่องที่มี 2 บุคลิกให้หมอกรับรู้ด้วย”
สิ่งที่ได้ยินทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออก ถ้าตอนนั้นผมเลือกอีกทางนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตของผมจะเป็นยังไง การถูกบอกเลิกจากคนที่รักพร้อมกันมันทรมานหัวใจมากเกินจนผมแทบรับไม่ไหว ดีจริงๆ ที่การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ผมได้มานั่งอยู่ที่นี่
“เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างเคลียร์แล้วงั้นวันนี้ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน...พี่ไปแล้วนะหมอก” ประโยคสุดท้ายหมอเจหันไปพูดกับหมอก ซึ่งหมอกก็พยักหน้าลงแล้วยกมือไหว้ และหลังจากที่หมอเจออกจากห้องไปหมอกจึงได้ขยับมานั่งใกล้ๆ พร้อมหันหน้ามาคุยกับผม
“ผมขอโทษนะครับคุณธารที่วันนี้พูดจาไม่ดีกับคุณ แถมยังทำให้คุณร้องไห้จนตาบวมอีกต่างหาก” หมอกพูดอย่างรู้สึกผิดพร้อมกับยกมือขึ้นมาประคองที่ใบหน้าของผม จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ที่ใต้ดวงตาไปมาอย่างแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรฉันไม่โกรธนายหรอก ฉันสิที่ต้องเป็นคนถามว่านายยังโกรธฉันอยู่รึเปล่า เรื่องที่ฉันกับเมฆ...เอ่อ...จะว่ายังไงดีล่ะ...ฉันรู้สึกกับเมฆเหมือนที่รู้สึกกับนาย ฉันรักพวกนายเท่ากันทั้งสองคน” ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการตัดสินใจพูดออกไปแบบนี้มันจะดีหรือร้าย แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ผมก็ไม่เสียใจเพราะได้พูดความจริงออกไปแล้ว
หลังจากพูดจบหมอกก็มองตรงเข้ามาในดวงตาของผมสักพัก สีหน้าและสายตาของหมอกนิ่งมากจนผมเดาไม่ออกว่าหมอกกำลังรู้สึกยังไง และก่อนที่ผมจะรู้สึกใจแป้วหมอกก็ยิ้มออกมาช้าๆ
“ทำไมผมต้องโกรธคุณด้วยล่ะครับ ก็เมฆกับผมเป็นคนคนเดียวกัน แถมยังมีหัวใจดวงเดียวกันอีกต่างหาก ผมรักคุณมันก็ไม่แปลกเลยที่เมฆจะรักด้วย ส่วนการที่คุณจะรักทั้งผมและเมฆมันก็ไม่แปลกเหมือนกัน ก็เพราะนั่นมันคือตัวผมทั้งคู่” คำพูดของหมอกทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา ความสุขและความดีใจที่ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายจึงทำให้ผมโผเข้ากอดหมอกแน่น ซึ่งหมอกก็กอดตอบผมอย่างแนบแน่นเช่นกัน
“ผมรักคุณนะครับคุณธาร”
“ฉันก็รักนายเหมือนกัน” เราสองคนยิ้มกว้างและกอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จนกระทั่งซึมซับความรักจากกันและกันอย่างเต็มที่นั่นแหละ จึงได้คลายอ้อมกอดออกมาในที่สุด
“ผมอยากฟังเรื่องของเมฆ คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับคุณธาร”
“ได้สิ นายอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็เรื่องทั่วไปแหละครับ อย่างเช่นนิสัยอะไรแบบนี้”
“อืม...จะว่ายังไงดี...เมฆตรงข้ามกับนายทุกอย่างเลยล่ะหมอก ทั้งเจ้าเล่ห์ กวนประสาท แล้วก็ปากเสีย เรียกได้ว่าเป็นวายร้าย ต่างจากนายที่แสนดีราวฟ้ากับเหว เฮอะ! พูดแล้วก็หมั่นไส้ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฉันหลงไปรักคนแบบนั้นได้ยังไง” ผมเบ้ปากแล้วถอนหายใจออกมา หมอกที่เห็นแบบนั้นเลยหัวเราะออกมาอย่างขำๆ
“ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ท่าทางคุณมีความสุขมากเลยนะครับ ว่าแต่ปกติเวลาที่อยู่กับเมฆคุณจะทำอะไร หืม...ทำไปหน้าแดงล่ะครับคุณธาร?” หมอกพูดด้วยท่าทางสงสัย
ก็จะไม่ให้ผมหน้าแดงได้ยังไง ในเมื่อกิจกรรมเดียวที่ผมทำเวลาที่อยู่กับเมฆก็คือเซ็กส์อย่างเดียวนี่นา!
“เอ่อ...คือ...” ผมได้แต่อึกอักเพราะน้ำท่วมปาก ส่วนหมอกก็ยังรอคำตอบด้วยใบหน้าใสซื่อเช่นเดิม
“ว่ายังไงครับคุณธาร?”
โอ๊ย! ให้ตาย! นี่ผมควรจะโกหกหมอกหรือว่าควรจะบอกความจริงออกไปดี!
“คือ...นายจะโกรธมั้ยถ้าฉันจะบอกว่า กิจกรรมเดียวที่ฉันทำกับเมฆก็คือเซ็กส์” ผมกลั้นใจตอบความจริงออกไป เพราะผมไม่อยากโกหกหรือปิดบังอะไรหมอกอีกแล้ว
“ที่ไหน...คุณสองคนมีอะไรกันที่ไหนบ้าง” หมอกพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมา จนตอนนี้ผมรู้สึกขนลุกแทบจะทั้งตัวอยู่แล้ว
“คะ...ครั้งแรกก็ที่โรงแรม ห้องเดียวกับที่เคยไปกับนาย” ผมก้มหน้าลงต่ำแต่ก็แอบลอบมองขึ้นไปมองหมอก ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองราวกับเป็นนักโทษที่กำลังถูกสอบสวนยังไงไม่รู้
“นี่ตั้งใจจะทับไลน์กันงั้นหรอ” ผมไม่รู้ว่าหมอกตั้งใจจะพูดกับใครระหว่างผมกับเมฆ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมคิดว่าหมอกน่าจะเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้วล่ะ
“เมฆเคยพาคุณขึ้นมาที่ห้องนี้รึเปล่าคุณธาร”
“เปล่าๆ ไม่เคยเลยหมอก” ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที คำตอบนั้นเป็นที่น่าพอใจจนทำให้บรรยากาศรอบตัวของหมอกแจ่มใสขึ้นมาหน่อย
“แล้วคุณเคยมีอะไรกับเมฆที่ไหนอีกบ้าง ระหว่างเมฆกับผมคุณเจอใครบ่อยกว่ากัน”
“ก็ต้องเป็นนายอยู่แล้ว เมฆทำตัวเหมือนผีที่เดี๋ยวแว้บไปแว้บมาตามจับตัวไม่ได้ เพราะงั้นฉันเลยมีอะไรกับเมฆแค่ 2 ครั้ง ครั้งแรกก็ที่โรงแรมอย่างที่เคยบอกไป ส่วนครั้งสุดท้ายก็คือในรถ เพราะงั้นนายไม่ต้องกังวลหรอกว่าฉันจะเจอเมฆมากกว่านาย” ผมยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง โดยที่คิดว่าคำตอบนั้นจะทำให้หมอกอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น
“บนรถ...คุณบอกว่ามีอะไรกับเมฆบนรถงั้นหรอครับคุณธาร” หมอกถามด้วยเสียงราบเรียบ ส่วนใบหน้าก็ยังนิ่งเฉยไม่ต่างจากปกติ แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไป
“นี่อย่าบอกนะว่านายกำลังหึงเมฆ?” ผมหรี่ตาลงแล้วถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“ทำไมผมต้องหึงด้วยครับ ในเมื่อเมฆกับผมก็เป็นคนคนเดียวกัน” ถึงจะบอกไม่หึง แต่หน้าของหมอกกลับบึ้งตึงอย่างชัดเจน
“ไม่หึงก็ไม่หึง ถ้างั้นฉันจะเล่ารายละเอียดให้นายฟังด้วยเลยแล้วกัน คืนนั้นน่ะฉันกับเมฆ...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อ หมอกก็รีบพูดขัดขึ้นแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง
“พอเถอะครับคุณธาร ผมไม่อยากฟังเรื่องของเมฆแล้ว” สีหน้าของหมอกในตอนนี้งอง้ำจนแทบจะเป็นตะขอ ผมจึงคิดว่าถ้าแกล้งหมอกมากกว่านี้มีสิทธิ์โดนโกรธจริงๆ จนง้อไม่หายแน่นอน
“โอเค ฉันไม่พูดเรื่องเมฆแล้วก็ได้ เพราะงั้นมาคืนดีกันนะ เลิกงอนเลิกหึงได้แล้วเด็กดี” ผมพลิกตัวไปนั่งคร่อมที่ตักของหมอกเอาไว้ จากนั้นก็ใช้สองแขนโอบรอบลำคอตรงหน้าอีกที
“ผมไม่เด็กแล้วนะครับคุณธาร” ผมคิดว่านอกจากหน้าตา ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบให้เรียกว่าเด็กนี่แหละที่หมอกเหมือนกันกับเมฆ
“โอเคๆ นายไม่ใช่เด็กแต่เป็นผู้ใหญ่ ไม่งั้นจะสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะเนอะ” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปจุ๊บที่ริมฝีปากของหมอก การกระทำนั้นทำให้หมอกอารมณ์ดีขึ้นมากจนผมรู้สึกได้ แม้ว่าหมอกจะยังไม่ได้ยิ้มออกมาแต่ใบหน้าก็เลิกบูดบึ้งแล้ว
“ผมอยากรู้ว่าระหว่างผมกับเมฆใครเก่งเรื่องแบบนั้นมากกว่ากันครับคุณธาร”
“หา?” คำถามที่ถามออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของหมอกทำให้ผมถึงกับเหวอ อยู่ดีๆ จะถามเรื่องแบบนี้ขึ้นมาทำไม แล้วถ้าหากตอบความจริงออกไปหมอกจะโกรธผมมั้ยเนี่ย
“เอ่อ...”
“ว่ายังไงครับคุณธาร หรือที่อึกอักเป็นเพราะไม่กล้าตอบว่าเมฆเก่งกว่าผม” ก็ใช่น่ะสิ! ขืนตอบไปแบบนั้นนายได้โกรธฉันจริงจังแน่ๆ!
“ไม่ใช่สักหน่อย แต่ฉันเปรียบเทียบไม่ถูกเพราะพวกนายสไตล์ต่างกันไงเล่า แต่ถ้าจะให้ตอบว่าฉันชอบมีอะไรกับใครมากกว่า คนคนนั้นก็คือนายนะหมอก” ที่พูดไปผมไม่ได้โกหกแต่อย่างใด ผมรู้สึกดีเวลาที่มีเซ็กส์กับหมอกมากกว่าจริงๆ เพราะหมอกมักจะทำตามคำสั่งไม่ชอบบังคับเหมือนกับเมฆ ผมชอบเป็นคนคุมเกมเองเพราะมันเร้าใจกว่าเยอะ
“คุณพูดจริงหรอครับ?” ถึงจะถามแบบนี้แต่สีหน้าของหมอกก็ดูจะเชื่อคำพูดของผมไปแล้ว
“สาบานได้เลยว่าจริง 100 เปอร์เซ็นต์” เท่านั้นแหละหมอกก็หายหน้าบึ้งแล้วอมยิ้มออกมาได้ มิหนำซ้ำยังยกสองมือขึ้นมาโอบรอบเอวของผมเอาไว้อีกต่างหาก
“ถ้างั้นผมขอพิสูจน์ได้มั้ยครับ”
“พิสูจน์? ยังไง?” ผมทำเป็นไม่เข้าใจทั้งที่รู้เต็มอกอยู่แล้ว
“เป็นของผมนะครับ...นะครับคุณธาร...” พอโดนอ้อนด้วยเสียงที่นุ่ม ทุ้ม สุภาพ แต่แอบมีความกระเส่าและแหบพร่านิดๆ มันก็ทำให้ผมถึงกับใจสั่นและต้องร้องซี้ดในใจ ผมจำได้ว่าผมแพ้เสียงนี้ตั้งแต่แรกเจอ แล้วก็คงจะแพ้ตลอดไปอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
“ถึงไม่ต้องขอฉันก็เป็นของนายอยู่แล้ว” พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของหมอกทันที จูบนี้เป็นจูบที่หวานล้ำและวาบหวามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะหัวใจของเราสองคนได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์...
2BC
สวัสดีค่ะ Erotic หัวใจร้อนรัก ตอนที่ 10 ก็จบลงไปแล้วน้า ในที่สุดก็ได้รู้ความจริงสักทีว่าหมอกกับเมฆเป็นคนคนเดียวกัน รวมทั้งเหตุผลที่เมฆโกหกว่าเป็นฝาแฝด และการกระทำแปลกๆที่ผ่านมา เพราะงั้นก็ขอแสดงความดีใจกับทีม 2 บุคลิกด้วยน้าเพราะคุณได้ไปต่อ
ส่วนทีม 3P ก็อย่าพึ่งใจแป้วเน่อ แอบกระซิบเลยว่าตอนพิเศษในเล่มมีฉาก 3P ด้วยน้า (แอบมาเนียนขายของ แบบว่าใกล้ปิดพรีแล้ว อิอิ
)
ส่วนตอนหน้าและตอนต่อๆไปเราจะพยายามรีบมาลงให้บ่อยขึ้นนะคะ เพราะอยากจะรีบลงนิยายให้จบก่อนวันปิดจอง (เรื่องนี้จริงๆมี 13 ตอนแต่เราว่าจะปรับให้เหลือ 12 โดยให้แต่ละตอนมีความยาวมากขึ้น อย่างตอนนี้เราก็แอบเอาของตอนหน้ามาใส่เหมือนกัน มันถึงได้ยาวขนาดนี้ แหะๆ)
สำหรับเรื่องที่เรามาต่อช้ากว่าที่นัดไม่ใช่ว่าเราลืมหรือจะไม่ลงต่อแล้วน้า อย่าพึ่งเข้าใจผิดเน่อ แต่เป็นเพราะว่าเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเราไปทำธุระที่กทม. แล้วก็ไปรับน้องเหมียวมาเลี้ยงแทนตัวเก่าที่ตาย ซึ่งเราไม่ได้เอาโน้ตบุ๊คไปเลยลงนิยายไม่ได้ เพราะงั้นก็ต้องอภัยที่มาลงช้าด้วยนะคะ
ส่วนหลังจากนี้เราไม่ได้ไปไหนแล้วก็จะลงตามนัดเหมือนเดิม แต่จะดึกหน่อยเพราะช่วงสิ้นเดือนงานเยอะมากกก ต้องกลับช้ากว่าเวลาปกติหลายชั่วโมงเลย
แต่ยังไงจะรีบมาต่อให้เร็วที่สุดนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าในวันสองวันนี้นะคะบ๊ายบายยย
(27 พ.ย. 60)