ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ซีรีส์ [H.E.A.R.T.] ❤ หัวใจ...รัก [END]  (อ่าน 205884 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
สงสารน้อง อย่าให้โซ่เป็นพระเอกนะ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
น้องเล็กของบ้านมาแล้ว~

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แค้นแล้ว แค้นให้ตลอดไปเลยดีกว่า  :katai1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
มาแล้ว รอตามอยู่ .. สู้ๆ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 :katai5: น้องวามาแว้วววว

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 1# Wayo โซ่รัก...พันธนาการหัวใจ
   

เฮือก!!!
   

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนประมาณตี 5 กว่าๆ เพราะว่าฝันร้าย


นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้ฝันถึงเรื่องในวันนั้น...1 ปี 2 ปี หรือ 3 ปี? แต่ช่างเถอะ นี่มันก็ผ่านมาตั้ง 7 ปีแล้วทำไมจู่ๆ ผมถึงได้ฝันถึงอีกก็ไม่รู้ เรื่องที่ผมพยายามจะลืม พยายามจะลบออกไป แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังคงจำได้ทุกรายละเอียดอยู่ดี


โดยเฉพาะเรื่องของพี่โซ่...ไม่สิ ไอ้สารเลวพี่โซ่ ผมไม่มีทางลืมเด็ดขาด...
   

ผมเป็นรุ่นน้องที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน วันปฐมนิเทศตอนที่เห็นพี่เขาขึ้นไปพูดต้อนรับในฐานะประธานนักเรียนผมรู้สึกเหมือนกับโดนมนต์สะกด หัวใจค่อยๆ เต้นเร็วขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง และวินาทีนั้นผมก็ได้รู้จักกับคำว่า ‘รักแรกพบ’
   

ทั้งใบหน้าอันหล่อเหลา เสียงที่นุ่มและทุ้มจนทำให้เคลิ้ม รวมไปถึงรอยยิ้มอันอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้ามันก็ทำให้ผมแทบใจละลาย ตั้งแต่วันนั้นสายตาของผมก็ไม่เคยมองใครอีกเลย
   

แต่ก็นะ...เด็กอ้วนตัวกลมแถมยังสิวเขรอะแบบผมอย่าว่าแต่คนหล่อๆ อย่างพี่โซ่จะสนใจเลย ขนาดเพื่อนในห้องยังไม่มีใครสนใจผมเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้าผมไม่เข้าไปทักก่อนตามประสาคนอัธยาศัยดีคงจะไม่มีใครพูดกับผมก่อนหรอก แต่ผมก็เข้าใจ ผมมันอ้วนตุ๊ต๊ะไม่ได้หล่อหรือน่ารักนี่นา
   

การที่ผมหุ่นแบบนี้ก็ต้องโทษพวกพี่ๆ เลยที่โอ๋ผมมาก ตามใจผมทุกอย่าง แล้วก็ไม่เคยห้ามปรามเลยเวลาผมกิน มีแต่ยิ่งขนมาให้เมื่อรู้ว่าผมชอบอะไร ยัง...แค่นั้นยังไม่พอ ตอนที่ผมน้ำหนักขึ้นก็ชอบชมผมว่าน่ารัก ยิ่งแก้มนิ่มเท่าไหร่ก็ยิ่งเอามือเอาหน้ามาฟัด ถึงพอโตมาแล้วจะไม่ทำแบบนั้น แต่เรื่องกินก็ยังตามใจผมอยู่ดี แล้วเป็นไงล่ะทีนี้ ก็อ้วนเป็นตุ่มจนจะกลิ้งได้อยู่นี่ไง


เฮ้อออออ พอถอนหายใจแรงๆ แล้วมันก็หิว พอหิวแล้วทำยังไง? ก็ต้องหยิบขนมในกระเป๋าขึ้นมากินน่ะสิ...ง่ำๆๆๆๆ ยังอร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือน้ำหนักของผม แต่เรื่องนั้นใครสน ไปให้สุดแล้วหยุดที่เบาหวาน!


ว่าไปนั่น คือจริงๆ ผมก็อยากผอม อยากหุ่นดีเหมือนคนอื่นเขาเหมือนกันนะ แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อร่างกายมันชินจนผมห้ามปากไม่ให้กินไม่ได้ ถ้าจะออกกำลังเพื่อเบิร์นออกก็ไม่ไหว ไม่ถึง 5 นาทีผมก็ลงไปนอนกองกับพื้นเพราะเหนื่อยจนขยับตัวไม่ได้แล้ว


แต่ทั้งที่ผมเหนื่อยง่ายขนาดนั้น ชมรมที่ผมเลือกเข้ากลับเป็นชมรมอาสาที่มักจะต้องทำนู่นนั่นนี่ที่เหนื่อยกว่าชมรมอื่นๆ ไม่รู้ตั้งกี่เท่า


ถามว่าทำไมผมถึงเข้าชมรมนี้?


ก็เพราะพี่โซ่ที่เป็นประธานนักเรียนยังเป็นประธานชมรมนี้ด้วยน่ะสิ! ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมยังจิตใจดีขนาดนี้จะไม่ให้ผมหลงยังไงไหว ผมรีบกรอกใบสมัครเข้าชมรมอย่างไวแม้จะไม่มีเพื่อนในกลุ่มคนไหนเข้าชมรมนี้ด้วยก็ตาม


ตอนแรกผมก็คิดว่าผมจะเหงาเพราะสมาชิกค่อนข้างน้อย แต่เปล่าเลย เพราะรุ่นพี่ที่อยู่ชมรมนี้ใจดีและเฟรนด์ลี่มากๆ แต่ก็อย่างว่า ชอบทำงานอาสาก็ต้องนิสัยแบบนี้อยู่แล้วล่ะนะ ถ้าจะโหด โฉด เถื่อน อัธยาศัยแย่ (อย่างพี่เพลิง) ก็คงจะไม่มาอยู่ชมรมนี้กันหรอก


อ้อ และที่ดีไปกว่ามีรุ่นพี่ใจดี ชมรมนี้จะรับแต่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ที่ไม่รับผู้หญิงก็เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง แถมชมรมนี้ก็มีออกค่ายไปต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ ถ้ามีผู้หญิงไปด้วยมันก็จะยุ่งยาก เพราะงั้นตัดปัญหาเลยรับแต่ผู้ชาย


แต่พูดก็พูดเถอะ ผมว่าเหตุผลพวกนั้นน่ะแค่ข้ออ้าง ความจริงที่ไม่รับผู้หญิงน่าจะเป็นเพราะส่วนใหญ่มีเป้าหมายอยากใกล้ชิดกับพี่โซ่มากกว่า ดีนะที่ผมเป็นผู้ชายเลยไม่มีใครระแคะระคาย เพราะงั้นตลอด 1 ปีผมเลยได้ใกล้ชิดกับพี่โซ่


ถามว่าใกล้ชิดระดับไหน?


ก็ระดับที่นอนในเต็นท์ด้วยกันสองต่อสองตอนไปออกค่ายก็ทำมาแล้ว!


พูดเลยว่าตอนนั้นผมเขินสุดๆ ในใจมันกรีดร้องจนแทบจะลุกขึ้นมาแดนซ์ แต่ผมก็พยายามไม่กระโตกกระตากหรือแสดงอาการออกทางสีหน้า ผมทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่ตอนนอนที่ผมแอบเอาร่างอ้วนๆ ไปเบียดนิดหนึ่ง ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าอากาศเย็นๆ นอนเบียดกันแบบนี้มันก็อุ่นดีเหมือนกัน


ตายอย่างสงบศพสีชมพูเลยสิผม!


“เหอะๆ” พอลองย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องในตอนนั้นมันก็อดที่จะทำให้ผมยิ้มหยันออกมาไม่ได้ ไอ้พี่โซ่มันคงจะคิดว่าผมโง่เลเวลเดียวกันกับควาย ในใจมันคงจะหัวเราะเยาะผมเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ตอนนั้นผมก็ยอมรับแหละว่าตัวเองโง่จริงๆ ลองเป็นตอนนี้สิผมดูออกแน่ว่าไอ้พี่โซ่มันตอแหลแค่ไหน!
   

ผมกำหมัดและขบกรามแน่นด้วยความคับแค้น ถึงแม้จะผ่านมาตั้ง 7 ปีแล้วแต่ความแค้นของผมก็ไม่ลดลงเลย แน่สิ ก็มันทำกับผมอย่างเจ็บแสบซะขนาดนั้น วันต่อมาหลังจากที่ผมสารภาพรักข่าวมันก็แพร่ไปทั่ว ขนาดพวกครูยังรู้กันเลย
   

และแน่นอนว่าเพื่อนแทบทุกคนในห้องล้อผมกันกระจาย เหยียดไปหมดตั้งแต่รูปร่าง หน้าตา แล้วก็รสนิยมทางเพศ ไอ้อ้วนบ้างล่ะ ไอ้หน้าสิวบ้างล่ะ ไอ้ตุ๊ดบ้างล่ะ แล้วก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่ว่าคนโดนล้อมันไม่สนุกเลยนะ ไม่สนุกเลยสักนิด ขนาดเพื่อนในห้องยังล้อผมขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนที่ผมไปกินข้าวหรือไปร่วมกิจกรรมต่างๆ คนอื่นจะล้อผมขนาดไหน


ผมผิดด้วยหรอที่ชอบใครสักคน?


คนอ้วนๆ ตัวกลมๆ อย่างผมไม่มีสิทธิ์รักใครรึไง?


การที่ผมชอบผู้ชายมันเป็นปัญหาร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ?


ผมไม่เข้าใจ...


ด้วยเหตุนี้ผมถึงอยู่ที่โรงเรียนต่อไม่ได้ แค่ไม่กี่ชั่วโมงมันก็ทำให้ผมเครียดจนแทบจะเป็นบ้า เพราะงั้นผมเลยรีบโทรบอกพี่ภูมารับทันทีที่ได้ยินเสียงออดพักเที่ยง แค่ได้ยินเสียงพี่ภูก็ไม่ถามและไม่ซักไซ้อะไรผมทั้งนั้น บอกแค่ว่าให้ผมใจเย็นๆ ระหว่างรออยู่ที่นั่น ไม่เกินครึ่งชั่วโมงสัญญาว่าจะมาถึง


พี่ภูเป็นทั้งพี่แล้วก็พ่อให้ผมจริงๆ...
   

หลังจากนั้นผมก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปไหน ไม่ว่าพวกพี่ๆ จะพยายามเกลี้ยกล่อมเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ ส่วนอาหารที่ถูกวางไว้หน้าห้องผมก็กินไม่ค่อยลง มันพะอืดพะอมจนจะอ้วกออกทุกครั้ง อาจเป็นเพราะผมฝังใจเรื่องความอ้วนของตัวเองที่โดนล้อด้วยมั้ง ก่อนที่หลายวันต่อมาผมจะทุบกระจกที่อยู่ในห้องจนมันพังทั้งหมดเพราะไม่อยากเห็นรูปร่างของตัวเอง
   

ผมเกลียดความอ้วน...
   

ผมเกลียดใบหน้าที่มีแต่สิว...
   

ผมเกลียดตัวเองที่น่าเกลียดน่าขยะแขยง...
   

ผมอยากตาย!
   

แล้วความคิดเพียงชั่ววูบมันก็ทำให้ผมหยิบเศษแก้วชิ้นใหญ่ที่แตกกระจัดกระจายบนพื้นขึ้นมา แต่ว่าเสียงเคาะประตูและเสียงเรียกของพี่ๆ ที่อยู่ด้านนอกก็ดังขึ้นซะก่อน นั่นแหละผมถึงได้ค่อยๆ ปล่อยเศษแก้วที่กำลังจะกรีดข้อมือทิ้งลงพื้น
   

ถ้าผมตายพวกพี่ๆ ทุกคนคงจะเสียใจมาก...
   

ผมไม่ควรเอาชีวิตที่มีค่าของผมไปทิ้งเพราะคนสารเลวพรรค์นั้น...
   

“โย! เกิดอะไรขึ้น! เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้! ได้ยินมั้ยโย! โย!! โย!!!” เสียงของพี่ภูพูดขึ้นด้วยความร้อนรน ส่วนพี่ๆ คนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน คงจะกังวลที่ได้ยินเสียงกระจกแตกจากห้องของผมสินะ ผมนี่มันเป็นน้องที่แย่จริงๆ
   

“ได้ยินครับพี่ภู ผมไม่...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดว่าไม่เป็นไร เพียงแค่ผมเปิดประตูออกไปพี่ภูก็พุ่งเข้ามากอดผมแล้ว แถมยังกอดผมแน่นมากราวกับกลัวว่าผมจะหายไปไหน ก่อนที่พี่คนอื่นๆ จะเข้ามากอดผมเอาไว้เช่นกัน สีหน้าของทุกคนเป็นห่วงผมมากมายขนาดไหนนั้นผมยังจำได้ถึงทุกวันนี้
   

“ขอโทษนะครับที่ทำให้พวกพี่เป็นห่วง” น้ำตาของผมมันไหลออกมา ผมมันโง่จริงๆ ที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพื่อคนที่ไม่เห็นค่าในตัวผมเลย คนที่รักผมยังมีอยู่อีกตั้งเยอะ อย่างน้อยก็พวกพี่ๆ ทั้ง 4 คนที่กำลังกอดผมอยู่นี่ไง
   

หลังจากวันนั้นผมก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง เวลา 1 ปีที่ผมดรอปเรียนเพื่อที่จะได้ย้ายไปเรียนที่ใหม่มันทำให้ผมมีเวลามากพอที่จะลบตัวตนแบบเก่า เริ่มจากชื่อเล่นที่ผมให้พวกพี่ๆ เรียกว่า ‘วา’ แทนที่จะเป็น ‘โย’ ให้พี่ธารพาไปเข้าคอร์สรักษาสิวและผิวหน้าอย่างจริงจังที่คลินิก แล้วผมก็ไปยิมเพื่อออกกำลังกายกับพี่พฤกษ์และพี่เพลิงทุกวัน จน 1 ปีให้หลังผมก็ไม่เหลือเค้าเด็กอ้วนหน้าสิวอีกต่อไป
   

ชีวิตของผมที่โรงเรียนแห่งใหม่พูดเลยว่าเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ จากที่เคยถูกเมินและมองข้ามที่โรงเรียนเก่าผมแทบจะเป็นเจ้าชายของโรงเรียนนี้ มีคนเข้ามาจีบผมเป็นพรวนทั้งผู้ชายผู้หญิง คนเราก็งี้ล่ะนะ มองกันแค่เปลือกแต่ไม่ดูเนื้อแท้ ซึ่งก็แน่นอนว่าผมไม่มีทางสนใจอยู่แล้ว หัวใจของผมแทบจะถูกปิดตายเพราะไม่เชื่อในความรักอีกต่อไป


จนกระทั่งผมเจอกับใครคนหนึ่ง...


พี่ธาม...


ผมกับพี่เขาเราสองคนเจอกันตอนที่ผมเข้ามหา’ลัย ตอนนั้นพี่เขาเป็นพี่สัน ส่วนผมเป็นน้องเฟรชชี่ เราอายุห่างกัน 2 ปี ตอนแรกผมกับพี่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันขนาดนั้น แต่พอรู้ว่าอยู่สายรหัสเดียวกันเราสองคนก็คุยกันมากขึ้น

 
พี่ธามแสดงออกอย่างไม่ปิดบังเลยว่าชอบผม แต่ก็ไม่ได้รุกหนักอย่างคนอื่นจนผมรู้สึกรำคาญ พี่เขาจะออกแนวคอยดูแลอยู่ห่างๆ เวลาที่ต้องการใครสักคนพี่เขาจะเข้ามาหาผมเป็นคนแรก คอยช่วยเหลือ เทคแคร์ และให้คำปรึกษาผมแทบทุกเรื่อง เพราะงั้นจากที่ไม่เคยอยู่ในสายตาพี่เขาเลยค่อยๆ เข้ามาจนอยู่หน้าประตูหัวใจ


แต่พี่เขาก็เข้ามาไม่ได้ เพราะหัวใจของผมมีโซ่เส้นใหญ่ที่พันธนาการเอาไว้อยู่...


อดีตอันเลวร้ายผมแทบไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ขนาดคนในครอบครัวผมยังไม่รู้รายละเอียดมากมายเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ตัดสินใจบอกทุกอย่างกับพี่ธาม


ผมไม่อยากให้พี่เขาคิดว่าที่ไม่ยอมคบกันเป็นเพราะผมเล่นตัว แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะรับใครเข้ามาในใจจริงๆ เรื่องในอดีตมันทำให้ผมกลัวไปหมดทุกสิ่ง ผมกลัวที่จะผิดหวังอีกครั้ง เพราะงั้นผมเลยอยากให้พี่เขาตัดใจ แต่รู้อะไรมั้ย พี่เขากลับบอกว่าจะรอ รอจนกว่าหัวใจของผมจะพร้อม และพี่เขาก็รอมาตลอดจริงๆ


จนกระทั่งตอนนี้พี่เขาก็ยังรอ...


รอมาตลอด 3 ปี...


ตอนนี้โซ่ที่พันธนาการหัวใจของผมมันกำลังสั่นคลอน...


................................................

................................

................

   “อรุณสวัสดิ์ ตื่นแต่เช้าจังเลยน้องวา” พี่ตะวัน แฟนสุดที่รักของพี่ที่แทบจะเหมือนพ่ออย่างพี่ภูถามผมขึ้นเมื่อเห็นผมเดินลงบันไดมา แหงล่ะก็นี่มันพึ่งจะ 6 โมงเช้า ปกติกว่าที่ผมและคนอื่นๆ จะลงมาก็ประมาณ 7 โมงหรือ 7 โมงครึ่งนู่นแหละ


   ตอนนี้ที่บ้านอยู่กันอย่างอบอุ่น (จนแทบจะเรียกว่าร้อน) เพราะอยู่กันถึง 9 คนด้วยกัน เดี๋ยวผมจะไล่เป็นคู่เลยแล้วกันก็มีพี่ภู – พี่ตะวัน พี่ธาร – พี่หมอก พี่พฤกษ์ – พี่ซ่า แล้วก็ล่าสุดที่พึ่งมาอยู่ด้วยกันได้เกือบครึ่งปีอย่างพี่เพลิง – พี่พาย ส่วนผมที่ยังไม่มีใครเลยอยู่มันเหงาๆ คนเดียว


   แต่ไม่สิ บอกว่าเหงามันก็ดูจะเกินไป ต้องเรียกว่าเหม็นความรักของพวกพี่ๆ มากกว่า แต่ละคู่นี่ก็หวานอย่างกับจะแข่งกัน โดยเฉพาะ (ไอ้) พี่เพลิงเนี่ยนะ ขอเมาท์หน่อยเถอะว่าหวานเกินเบอร์จนเข้าขั้นเผ็ด


ในบริเวณบ้านคงจะเหลือแค่กำแพงรั้วกับหลังคานั่นแหละที่ยังไม่ได้ทำ!


   “ผมตื่นเพราะฝันร้ายก็เลยนอนต่อไม่หลับน่ะครับพี่ตะวัน” ไหนๆ ก็ตื่นมาแล้ว จะนอนหายใจทิ้งกลิ้งไปกลิ้งมามันก็ไม่มีประโยชน์ สู้ลงมาช่วยพี่ตะวันทำกับข้าวสำหรับคน 9 คนเลยดีกว่า


“พี่ก็นึกว่าน้องวาตื่นมาเตรียมตัวเพื่อไปฝึกงานวันแรกซะอีก”


“ถ้าคิดในแง่ดี การที่ผมฝันร้ายมันก็มีประโยชน์เหมือนกันเนอะ” ผมหัวเราะแห้งๆ แล้วชวนพี่ตะวันคุยเรื่องอื่นในขณะที่เป็นลูกมือทำกับข้าว จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยผมก็กลับขึ้นไปบนห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่ประมาณเกือบ 7 โมงครึ่งผมจะลงมาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ได้ลงมาประจำที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว


“ช้าตลอด! เป็นน้องประสาอะไรถึงให้พวกพี่ต้องมานั่งรอวะ!” กวนประสาทและปากเสียแบบนี้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ (ไอ้) พี่เพลิง


 “กล้าเนอะถึงได้ใช้คำว่าช้าตลอดกับผม วันนี้ผมลงมาช่วยพี่ตะวันทำกับข้าวหรอกก็เลยสาย ส่วนไอ้คนที่สายทุกวันมันก็คือพี่ไม่ใช่รึไง” ผมแยกเขี้ยวใส่แล้วลงมานั่งที่เก้าอี้ตัวประจำ


“อย่ามาใช้คำว่าทุกวันกับพี่นะเว่ย อย่างน้อยวันนี้พี่ก็ไม่ได้สายที่สุดล่ะวะ ฮ่าๆๆๆ”


“ถามจริง นี่ภูมิใจอะไร? มีเรื่องอะไรที่ควรภูมิใจ? ประสาท!”


“ไอ้...”


“พอแล้วน่าเพลิง กินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก” แล้วก็เป็นเหมือนทุกวันที่พี่พายจะคอยเบรคเวลาที่ผมกับพี่เพลิงทะเลาะกัน ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนดีๆ แบบนั้นถึงได้คิดสั้นมาตกนรกอยู่กับพี่เพลิง


เฮ้ออออออ สะเทือนใจ!


หลังจากที่สงบศึกกับพี่เพลิงได้ทุกคนก็เริ่มลงมือกินข้าว เสร็จแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันออกไปทำงานยกเว้นพี่ภูที่ทำงานอยู่บ้านเพราะเป็นสถาปนิก


“ธามจะมารับเรากี่โมง” พี่ภูถามผมในขณะที่กำลังนั่งดูข่าวเพื่อฆ่าเวลา


ก่อนหน้านี้ผมเคยพาพี่ธามเข้ามาแนะนำตัวที่บ้าน แต่บอกก่อนเลยว่าผมก็ไม่ได้อยากจะพามาเท่าไหร่เพราะยังไม่ได้คบกัน แต่ว่าพวกพี่ๆ โดยเฉพาะพี่ภูอยากรู้จัก เอาตรงๆ ก็คือจะสแกนนั่นแหละว่าเป็นคนยังไง ถ้าไม่โอเคจะได้ไล่ตะเพิดออกไปจากชีวิตของผม


ส่วนผลเป็นยังไง?


แน่นอนว่าพี่ภูให้ 3 ผ่านแบบไม่มีข้อกังขา


“พี่ธามบอกว่าไม่เกิน 8 โมงครับพี่ภู” ที่ฝึกงานของผมเวลาทำการคือ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็คงจะถึง ซึ่งนี่ก็ 7 โมง 50 นาที อีกไม่เกิน 10 นาทีพี่ธามก็คงจะมาถึง


“ความจริงเราให้พี่ไปรับไปส่งก็ได้นะ เกรงใจธาม ยิ่งไม่ได้เป็นอะไรกับเราอยู่ด้วย”


“ผมก็บอกพี่เขาแบบนั้นแหละครับ แต่พี่เขาบอกว่ายังไงก็อยากไปรับไปส่งผมเหมือนเดิม”


ตั้งแต่ขึ้นปี 1 เทอม 2 พี่ธามก็คอยรับส่งผมตลอด เพราะเส้นทางจากบ้านพี่เขาไปมหา’ลัยต้องผ่านบ้านผมอยู่แล้ว พอพี่เขาเรียนจบได้ที่ทำงานใกล้ๆ ก็เลยยังรับส่งผมต่อได้ แต่ตอนนี้ที่ฝึกงานของผมต้องไปอีกทางผมก็เลยค่อนข้างเกรงใจ พอบอกว่าจะให้พี่ภูเป็นคนคอยรับส่งผมแล้วพี่ธามก็หน้าจ๋อย เพราะถ้าได้ทำหน้าที่นั้นอย่างน้อยก็จะได้เจอผมทุกวัน แล้วอย่างนี้ผมจะกล้าปฏิเสธพี่เขาได้ยังไง


“3 ปีกว่าแล้วใช่มั้ยที่ธามจีบเรา?”


“ครับ” ตั้งแต่ ปี 1 จนตอนนี้ผมอยู่ปี 4 เทอม 2 แล้ว


“แล้วเมื่อไหร่เราจะใจอ่อน”


“ก็...ไม่รู้สิครับ” เอาจริงๆ ตอนนี้ใจของผมก็อ่อนลงมากแล้วนะ แต่มันก็ยังอ่อนไม่พอที่จะเปิดรับพี่ธามเข้ามาข้างในอยู่ดี


 “คนดีๆ แบบนี้น่ะหายากมากรู้มั้ย พี่เข้าใจว่าเรื่องตอนนั้นมันทำให้เราฝังใจ แต่พี่ก็ไม่อยากให้เราปิดกั้นตัวเองไปจนตาย พี่อยากให้เราเปิดใจจะได้มีความสุขกับความรักสักที” พี่ภูวางมือลงบนศีรษะของผม ผมรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยที่ส่งผ่านมา


“ผม...จะลองดูก็ได้ครับ” พอได้ยินแบบนั้นพี่ภูก็ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นเมื่อได้ยินเสียงรถที่จอดอยู่หน้าบ้านเราสองคนจึงได้หันไปดู


“พี่ธามมาแล้ว งั้นผมไปก่อนนะครับ” ผมยกมือไหว้พี่ภูก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปที่หน้าบ้าน


“พี่ว่าจะโทรหาวาอยู่พอดีเลย” พี่ธามที่พึ่งลงมาจากรถพูดขึ้น จากนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายพี่ภูที่ยืนมองเราสองคนอยู่ตรงประตูบ้าน


“พอดีผมได้ยินเสียงรถน่ะครับเลยเดินออกมา ผมว่าเรารีบไปกันเลยเนอะเดี๋ยวพี่ธามจะไปทำงานสาย”


“ครับ” พี่ธามพยักหน้า ผมจึงได้เดินไปขึ้นบนรถโดยนั่งที่เบาะหน้าคู่กับพี่เขา


เวลาเริ่มงานของเราสองคนเป็นเวลาเดียวกัน ผมเลยคิดว่าวันนี้พี่ธามมีสิทธิ์เข้าสายสูงมาก โชคดีทางไปที่ฝึกงานของผมมีทางด่วนให้ขึ้นเลยใช้เวลาไม่นานเลยประหยัดเวลาไปได้เกือบครึ่ง


“ขอบคุณนะครับพี่ธาม”


“ตั้งใจทำงานนะ เป็นเด็กดีให้ผู้ใหญ่เอ็นดูล่ะ” พี่ธามวางมือลงที่ศีรษะของผมแล้วส่งยิ้มอันอบอุ่นมาให้ ผมที่คิดว่าตอนนี้ยังพอมีเวลาเลยว่าจะคุยเรื่องระหว่างเราก่อนสักหน่อย


“ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”


“ได้สิ วาอยากถามอะไรพี่”


“พี่ธามเคยเบื่อมั้ยที่ต้องรอผมอยู่อย่างนี้ รอแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง” พี่ธามหยุดคิดเล็กน้อยก่อนที่จะตอบผม


“ถามว่าเบื่อมั้ยพี่ไม่เคยเบื่อ แต่ถ้าถามว่าเคยท้อมั้ยก็เคยอยู่เหมือนกัน”


“แล้วทำไมพี่ธามยังรอผมอยู่ล่ะครับ”


“ก็พี่รักวาไปแล้วนี่นา ถ้าจะให้ตัดใจพี่คงทำไม่ได้หรอก” คำตอบนั้นทำให้ผมนิ่งงัน ยิ่งพี่ธามไม่เคยเร่งรัดให้ผมรักตอบมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเห็นใจ แต่ถ้าจะให้พูดตามจริงผมยังไม่ได้รู้สึกรักพี่ธามเลย ขนาดแค่ชอบผมยังไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ชอบรึเปล่า


บางทีผมคิดว่าผมอาจจะชอบที่พี่เขารักผม แต่ผมอาจจะไม่ได้ชอบตัวตนของพี่เขาก็ได้...


“จนกว่าฝึกงานเสร็จถ้าหากพี่ยังรอผมอยู่ ผมอาจจะลองคบกับพี่ดูก็ได้ครับ” ความดีของพี่เขาอาจจะทำให้หัวใจของผมพ่ายแพ้สักวัน...ล่ะมั้ง


“นี่วาไม่ได้กำลังล้อพี่เล่นอยู่ใช่มั้ย” พี่ธามพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ สีหน้าตอนนี้ดูอึ้งๆ และตกตะลึงจนผมอดที่จะยิ้มเพราะรู้สึกขำออกมาไม่ได้


“ถ้าผมบอกว่าเมื่อกี้ผมล้อเล่นล่ะครับ” ไอ้ผมมันก็คนกวนตีนคนนึงนี่แหละ แหงล่ะ ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชา (มาร) มาจากปรมาจารย์อย่างพี่เพลิงนี่นา


“โธ่...วาก็...” ทำหน้าหงอยเหงาเป็นลูกหมาโดนทิ้งเชียวพี่ธาม


“ไม่แกล้งแล้วครับ เรื่องที่ว่าถ้าผมฝึกงานเสร็จแล้วพี่ยังรอผมอยู่ ผมคิดว่าจะลองคบกับพี่ดูจริงๆ” เท่านั้นแหละจากที่ทำหน้าหงอยเหงาเป็นลูกหมาโดนทิ้ง สีหน้าและแววตาของพี่ธามก็สดใสขึ้นมาเชียว


“สัญญานะ?”


“จะให้ผมเกี่ยวก้อยสัญญาเลยก็ได้”


“ถ้างั้นพี่ขอเป็นมัดจำแทนได้มั้ย...มัดจำที่ตรงนี้” พี่ธามเอียงแก้มมาหาแล้วใช้มือแตะเบาๆ แหม ร้ายไม่เบานะพี่ พอเห็นว่าผมยอมอ่อนให้นิดนึงก็ได้ใจเชียวนะ


“ว้า เสียดายจังที่พี่เป็นคนมักน้อย นี่ผมกะว่าจะจูบมัดจำสักหน่อยนะเนี่ย” ว่าไปนั่น ผมก็กะกวนตีนพี่เขาไปงั้นแหละ


“วาพูดแล้วนะ”


“หืม?”


แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรพี่ธามก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมซะแล้ว ตอนแรกผมก็ตกใจอยู่แหละ ตานี่เบิกกว้างเป็นไข่ห่านส่วนตัวก็แข็งทื่อเป็นขอนไม้ แต่พอตั้งสติได้เพราะพี่เขาเพียงแค่แตะริมฝีปากของผมเบาๆ เท่านั้น ผมถึงได้ผ่อนคลายแล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ


จูบแรกของผมมันเป็นของพี่นะครับพี่ธาม...


2BC


 o15 เฮลโหลวววว สวัสดีค่า เป็นยังไงบ้างคะหลังจากจบครึ่งแรกของตอนที่ 1 ซึ่งก็จะเป็นการย้อนความหลังของน้องวาซะส่วนใหญ่ หวังว่าคงจะไม่เบื่อกันนะคะ แบบว่ามันก็ต้องปูเรื่องเท้าความก่อนเนอะ ไม่งั้นตอนที่เข้าสู่กระบวนการวางกัปดัก (Trap) จนไปถึงการที่หัวใจ (ของใครสักคน) พ่ายรัก เดี๋ยวจะไม่อินกัน แฮ่  :m23:
พูดมาขนาดนี้เชื่อว่าหลายๆคนคงจะอยากอ่านตอนหน้ากันแล้วใช่ม้า แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นมาเดากันก่อนดีกว่าว่าใครจะเป็นพระเอก ระหว่างคนในอดีตอย่าง “พี่โซ่” หรือคนในปัจจุบันอย่าง “พี่ธาม” ซึ่งครึ่งหลังก็จะเป็นการเล่าในส่วนของพี่ธามละ (จะได้ไม่น้อยหน้าพี่โซ่เนอะ อิอิ)  :give2:
แล้วเจอกันในอีก 2 – 3 วันนะคะ (จริงๆเค้าจะพยายามมาต่อทุก 2 วันแหละ แต่กลัวมีงานเข้าเลยบอกเผื่อเอาไว้ก่อน แหะๆ) ยังไงก็เอาใจช่วยน้องวาและว่าที่หวานใจด้วยนะคะ ถ้าหากชื่นชอบก็คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า จุ๊บๆ  :mew1:
(20 ส.ค. 61)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-08-2018 19:22:43 โดย Sameejaejung »

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
น้องวาน่าสงสารอ่า ดีแล้วที่น้องยังคิดได้ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งเพราะคนแบบนั้น น้องยังมีพี่ๆที่รักน้องอยู่

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
สู้ๆ เพื่อตัวเอง และ คนที่เรารัก

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
ดีใจที่น้องวาคิดได้ สงสารน้องอยากให้เจอคนดีๆ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยังเดาใจวาไม่ออกเลย เลือกใครดีนะ  :hao4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ธามดีขนาดนี้อยากให้เลือกธาม แต่นั่นแหละดูกันต่อไปยาวๆ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
ถ้าธามดีจริง
สามปีกว่าคือรอวามาจริง
ไม่ได้แอบมีคนอื่น คือเชียร์สุดๆ
อย่าดีแตกนะธาม อยากเห็นคนรอดีๆ สมหวังบ้างจัง

ออฟไลน์ love-boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สู้ๆนะ รอติกตามอยู่นะจ๊ะ
ปล.เกลียดอีพี่โซ่

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
 :katai2-1: รอมาตั้งสี่ปี ความอดทนเป็นเลิศจริงๆ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
โซ่กลับมาแย่ง จะมันส์มาก ..

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
ปลิ้มธามอยากให้เป็นพระเอก

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก


Part 2# Wayo พบกันอีกครั้ง


“โกรธพี่รึเปล่าครับ?” พี่ธามถามผมหลังจากที่ถอนจูบออกไป อะไรของพี่เขาเนี่ย ถ้ากลัวผมโกรธแล้วจะทำใจกล้ายื่นหน้าเข้ามาจูบผมเพื่อ


แกล้งเล่นซะดีมั้ยนะ?


แต่ถึงผมจะถามตัวเองแบบนั้น ปากของผมกลับพูดมันออกไปแล้ว


“โกรธ” ผมพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่แผ่รังสีอัมหิตออกมาอย่างแรงกล้า พูดเลยนะถ้าหากผมเบนสายไปเป็นนักแสดง ป่านนี้ถ้วยรางวัลคงเต็มบ้านจนไม่มีที่เก็บไปแล้วมั้ง


“พี่ขอโทษนะวา...คือ...” พี่ธามพูดอย่างรู้สึกผิด พอเห็นสีหน้าหงอยๆ แบบนั้นแล้วผมก็แกล้งไม่ลง


“ผมล้อเล่นหรอกครับ ถ้าผมโกรธจริงๆ ป่านนี้ผมคงชกพี่ไปแล้ว คงไม่นั่งนิ่งๆ ให้พี่จูบผมตั้งนานหรอก” ผมพูดยิ้มๆ พี่ธามเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก


“วาก็นี่ก็ชอบแกล้งพี่จริงๆ นิสัยไม่ดีเลยนะเรา” พี่ธามยื่นมือมาบีบจมูกของผมอย่างหมั่นเขี้ยว พอได้ยินพี่เขาพูดแบบนี้ผมก็ถือโอกาสพูดเรื่องเดิมๆ ที่เคยพูดไปเป็นรอบที่ร้อย


“ถ้าเทียบกับคนดีๆ อย่างพี่ผมมันก็นิสัยไม่ดีจริงๆ นั่นแหละครับ เพราะงี้ไงผมถึงอยากให้พี่ลองมองคนอื่นดูบ้าง ผมไม่อยากให้พี่มาเสียเวลากับผม อย่างที่ผมเคยบอกไปว่าไม่รู้ตอนไหนผมจะสามารถชอบพี่ได้ หรือบางทีมันอาจจะไม่มีวันนั้นเลย...”


โอเคแหละ ที่ผมบอกว่าพูดเรื่องนี้เป็นรอบที่ร้อยมันก็ดูจะเวอร์ไป แต่ว่าผมก็พูดเรื่องนี้กับพี่ธามบ่อยมาก มีโอกาสเมื่อไหร่ก็จะพูดตลอด เพราะผมไม่อยากให้พี่เขามาเสียเวลากับคนที่หัวใจปิดตายอย่างผม โซ่ที่พันธนาการหัวใจของผมมันแน่นหนาเกินไปจนพี่เขาไม่สามารถเข้ามาข้างในได้


“พี่ไม่เคยคิดว่า 3 ปีที่ผ่านมามันเป็นเรื่องเสียเวลาเลยนะ การที่พี่ได้อยู่ใกล้ๆ แล้วก็ได้ดูแลวา มันทำให้พี่มีความสุขมากจริงๆ” คำตอบของพี่ธามทำให้ผมนิ่งงัน บางทีสักวันผมอาจจะแพ้ให้กับความดีของพี่เขา


“ขอบคุณนะครับ”


“หมายถึงเรื่องที่พี่มาส่ง?” เนี่ย จะซึ้งก็ซึ้งไม่สุด


แต่เอาเถอะ ดีแล้วล่ะที่พี่ธามพูดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นคงเกิดเดดแอร์เพราะผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ


“เปล่าสักหน่อย ผมหมายถึงเรื่องที่พี่ช่วยให้ผมมีประสบการณ์จูบครั้งแรกต่างหาก” ผมพูดยิ้มๆ กวนตีนมากวนตีนกลับไม่โกง


“วาทำพี่ไปไม่เป็นเลย” แดงไปทั้งหน้า...ไม่สิ แดงไปทั้งตัวแล้วมั้งพี่ธาม


“แล้วอย่างนี้จะไปทำงานถูกมั้ยครับเนี่ย หรือว่าไหนๆ ก็สายแล้วเลยไม่ไปมันซะเลย”


“ได้ที่ไหนกันล่ะวา”


“ฮ่าๆๆ งั้นผมไปแล้วนะครับพี่ธาม” ผมโบกมือลาแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถ ส่วนพี่ธามก็ยิ้มแล้วโบกมือให้ผมโดยที่ใบหน้ายังคงแดงจัดอยู่เหมือนเดิม ท่าทางจะยังเขินอยู่ที่ถูกผมแซวเรื่องจูบ


ถามว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง?


ก็ตื่นเต้นนิดหน่อยออกไปทางเฉยๆ ซะด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ธามด้วยมั้งเลยไม่รู้สึกหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นแรง หรือเขินแทบเป็นแทบตายอย่างคนทั่วไปตอนที่เสียจูบแรก เพราะงั้นผมเลยเดินเข้าไปในตึกสำนักงานด้วยท่าทางชิลๆ


“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ” พี่สาวที่นั่งตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ถามผม


“ผมเป็นนักศึกษาที่มาฝึกงานครับ”


“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นขึ้นลิฟต์ไปรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลชั้น 4 ได้เลยค่ะ”
   

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้แล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 4 ตามที่พี่สาวตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บอก เมื่อ 2 เดือนที่แล้วผมมาขอยื่นเรื่องฝึกงานที่นี่เลยจำได้ว่าฝ่ายนี้ต้องเลี้ยวไปทางไหน
   

“สวัสดีครับ ผมวาโย หทัยภักดิ์ เป็นนักศึกษาฝึกงานครับ”
   

“อ๋อ งั้นตามมาทางนี้เลยจ้ะ” พี่เขาพูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินนำผมไปยังห้องประชุมเล็กที่อยู่ไม่ไกล พอเปิดเข้าไปในนั้นก็มีนักศึกษาฝึกงาน 5 คนนั่งอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนละมหา’ลัย
   

“คุยกันไปก่อนนะเดี๋ยวรอน้องอีก 4 คนมาก่อนแล้วพี่ค่อยพูดเรื่องฝึกงานทีเดียว...อ้อ พี่ชื่อยุ้ยนะ” พี่ยุ้ยพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ส่วนผมก็ยิ้มทักทายและทำความรู้จักกับเพื่อน 5 คนที่นั่งอยู่ ก่อนที่สักพัก 4 คนที่เหลือจะทยอยตามมาสมทบ
   

เมื่อคนครบแล้วพี่ยุ้ยก็เข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเอาเอกสารมาให้คนละชุด ซึ่งก็เป็นรูปผู้บริหาร แนะนำองค์กร กฎระเบียบ แล้วก็งานคร่าวๆ ที่ต้องทำขณะที่ฝึก


ในตอนแรกผมนึกว่าพวกเราทั้ง 10 คนจะต้องฝึกงานที่ฝ่ายเดียวกันทั้งหมด ก็คิดอยู่ว่ามันจะต้องแออัดและวุ่นวายมาก แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ละคนก็จะไปฝึกที่ฝ่ายต่างๆ ตามสาขาที่เรียน ก็จะมีฝ่ายบุคคล ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย ฝ่ายผลิต แล้วก็ฝ่ายจัดซื้อ


ถ้าถามถึงคณะที่ผมเรียนก็คือบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด เพราะงั้นคงไม่ต้องบอกเนอะว่าผมต้องฝึกงานที่ฝ่ายไหน


ส่วนสาเหตุที่ผมเลือกเรียนคณะนี้ก็เป็นเพราะผมรู้สึกว่าตัวเองชอบคิด ชอบวางแผน แล้วก็สนใจติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวในแวดวงธุรกิจพอสมควร ซึ่งพอได้เรียนผมก็รู้สึกสนุก ส่วนผลการเรียนก็อยู่ในเกณฑ์ที่เรียกว่าดี ไม่อย่างนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้คงไม่รับผมเข้าฝึกงาน แถมยังรับแค่คนเดียวทั้งที่ผมมายื่นเรื่องขอฝึกพร้อมกับเพื่อนตั้ง 6 คน


การที่ผมอยากมาฝึกงานที่นี่ก็คือ 1. เผื่อได้ทำงานต่อที่นี่หลังจากเรียนจบ 2. หากที่นี่ไม่รับแต่ผมก็ยังสามารถเอาไปใส่ Portfolio ได้ว่าผ่านการฝึกงานจากที่นี่ ซึ่งมีภาษีและได้เปรียบเด็กจบใหม่ที่อื่นมากเพราะเป็นบริษัทชั้นนำที่คัดเด็กฝึกค่อนข้างโหด 3. ที่นี่มีค่าตอบแทนระหว่างฝึกงาน ยิ่งถ้าต้องออกนอกพื้นที่หรือต้องฝึกนอกเวลาก็จะยิ่งได้ค่าตอบแทนคูณสอง


บริษัทที่ป๋ากับเด็กฝึกงานขนาดนี้จะหาได้อีกจากที่ไหน!


“น้องๆ คนไหนมีข้อสงสัยหรืออยากจะถามอะไรพี่มั้ยคะ” พี่ยุ้ยถามหลังจากที่พูดยิงยาวคนเดียวร่วมชั่วโมง จนผมอยากจะถามจริงๆ ว่าจิบน้ำหน่อยมั้ยพี่ พูดนานขนาดนี้คอไม่แห้งเป็นผงหมดแล้วหรอ


“ไม่มีครับ”


“ไม่มีค่ะ”


เชื่อปะ ถึงจะมีอะไรสงสัยคงไม่มีใครถาม ขนาดนั่งฟังอย่างเดียวผมยังเบื่อแล้วก็ง่วงจะตายชัก ขืนได้ฟังต่อมีหวังผมได้หลับมันตรงนี้แน่ๆ


“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวน้องๆ นั่งรอที่นี่กันก่อนนะ นั่งแยกเป็นฝ่ายไว้หน่อยก็ดี เวลาที่พี่เลี้ยงเข้ามาจะได้หาง่ายๆ” พี่ยุ้ยพูดจบก็เดินออกไป ส่วนพวกผมจากที่นั่งเรียงตามการมาถึงก่อนหลังก็นั่งกันเป็นคู่ๆ ตามฝ่ายที่ต้องฝึก


ผมหันไปยิ้มให้มิ้งซึ่งเป็นเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันมากพี่เลี้ยงจากแต่ละฝ่ายก็เริ่มเดินกันเข้ามา ก่อนที่ไม่กี่วินาทีต่อมาจะมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างหน้าเราสองคน


“น้องสองคนฝึกฝ่ายการตลาดใช่มั้ย”


“ใช่ครับ”


“ใช่ค่ะ” ผมกับมิ้งพยักหน้าแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน


“ชื่ออะไรกันบ้าง”


“ผมชื่อวาครับ”


“หนูชื่อมิ้งค่ะ”


“โอเค พี่ชื่อฟลุคนะครับ ไหนใครอยากให้พี่เป็นพี่เลี้ยง?” สิ้นเสียงของพี่ฟลุคมิ้งก็รีบเอียงหน้ามากระซิบที่ข้างหูของผมอย่างรวดเร็ว


“เราขอ” อูยยยยย แรงงงงง มิ้งไหนไฟแรงเฟร่อ!


“อืม” ผมยิ้มแห้งๆ แล้วพยักหน้าให้ โอเคแหละพี่ฟลุคดูรวมๆ แล้วก็ถือว่าค่อนข้างดูดี แต่เป็นผู้หญิงก็ไม่ต้องออกตัวแรงว่าอยากได้มากขนาดนั้นก็ได้มั้ง


“โอเค งั้นเป็นอันว่าน้องมิ้งจะฝึกกับพี่นะ”


“ค่า พี่ฟลุค” แม่คุณเอ๊ย ยิ้มกว้างจนจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว


“แล้วผมไม่มีพี่เลี้ยงหรอครับ”


“มีสิ เป็นถึงหนุ่มดอกไม้ของบริษัทเลยนะ”


“หนุ่มดอกไม้?”


“สาวๆ ในบริษัทตั้งให้น่ะ ประมาณว่าแค่มองหน้าก็สามารถฮีลใจ ฟื้นพลังกายมาทำงานต่อได้ อะไรประมาณนี้”


“ขนาดนั้นเลยหรอครับ” เวอร์วังไปมั้ยเนี่ยพี่ฟลุค


“เดี๋ยวน้องวาเห็นก็จะรู้ว่าพี่ไม่ได้พูดเกินจริง...อ๊ะ นั่นไงมาพอดี ทางนี้เว่ยมึง!” พี่ฟลุคโบกมือเรียก ‘หนุ่มดอกไม้’ ที่อยู่ด้านหลัง ผมเลยเผลอหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้


แต่ทันใดนั้นเอง...


ผมก็ถึงกับตัวแข็งทื่อและตาเบิกกว้าง เพราะผู้ชายที่กำลังเดินมาเหมือนกับคนคนนั้นแทบทุกอย่าง ถึงแม้ว่ารูปร่าง หน้าตา และทรงผมจะเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเพราะผ่านไปตั้ง 7 ปี แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนนั่นก็คือรอยยิ้มอันอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า


หึ! ทุกคนคงจะมองเห็นอย่างนั้น เพราะมันคือฉากหน้าที่คนคนนั้นสร้างขึ้น มีแค่ผมคนเดียวที่รู้ซึ้งถึงธาตุแท้ความเลวที่อยู่ข้างใน


ใช่...มันคือคนคนนั้นที่ทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตาย


ไอ้พี่โซ่...


“โทษทีที่มาช้า กูแวะเอาบิลของทุกคนไปเบิกที่ฝ่ายบัญชีให้น่ะ” ไอ้พี่โซ่พูดขึ้นเมื่อมายืนอยู่ข้างพี่ฟลุค ตอนที่กำลังเดินมาสายตาของพี่มันไม่ได้มองมาทางผมเลยแม้แต่น้อย


“ไม่เป็นไร มึงก็ไม่ได้ช้ามากหรอก แค่มาไม่ทันตอนที่ให้น้องฝึกงานเลือกพี่เลี้ยงเท่านั้นเอง” พี่ฟลุคพูดยิ้มๆ พอได้ยินแบบนี้ไอ้พี่โซ่เลยหันหน้ามองมาที่ผม


วินาทีแรกที่ได้สบตากัน ผมเผลอกำหมัดแน่นแล้วจ้องกลับไปด้วยดวงตาแข็งกร้าว แต่ว่าสายตานั้นพี่มันคงไม่เห็น เพราะเพียงเสี้ยววินาทีสายตาคู่นั้นก็ได้เบนไปทางมิ้งที่อยู่ข้างๆ ของผมซะแล้ว


หรือว่าไอ้พี่โซ่มันจะจำผมไม่ได้?


“ถ้ามิ้งอยากขอเปลี่ยนพี่เลี้ยงจะได้รึเปล่าคะ” มิ้งอมยิ้มแล้วมองไอ้พี่โซ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม อยากรู้จริงๆ ว่ายัยนี่มาฝึกงานหรือว่ามาฝึกอะไร


“น้องมิ้งพูดแบบนี้ไม่กลัวพี่ฟลุคเสียใจหรอครับ” ผมแอบเบ้ปากแล้วกลอกตามองบน อยากจะแหมยาวๆ ให้อ้อมจักรวาลจริงๆ


เฮอะ! ทำเป็นพูดดีนะไอ้พี่โซ่ ทำหน้าเจ้าชู้กรุ้มกริ่มขนาดนั้น ผมว่าคนที่เสียใจก็คือพี่มันนั่นแหละที่ไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงของยัยมิ้ง


“พี่ฟลุคเป็นผู้ใหญ่แล้วคงไม่เสียใจกับเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรอกค่ะ” ยัง...ไอ้พี่โซ่มันพูดแบบนั้นก็ยังคิดไม่ได้อีกนะ


“จะฝึกกับพี่หรือกับพี่ฟลุคมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ แต่ถ้าพี่ฟลุคดูแลน้องมิ้งไม่ดีมาบอกพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่จัดการมันให้” มีขยิบตงขยิบตา ระหว่างทำงานกับโปรยเสน่ห์อะไรขยันทำมากกว่ากัน ตอบ!


 “ถ้างั้นพี่ชื่ออะไรคะ”


“พี่ชื่อโซ่ครับ”


“มิ้งอยากจะขอไล...” แต่ยังไม่ทันที่มิ้งจะได้พูดจนจบไอ้พี่โซ่ก็หันหน้ามาทางผมซะก่อน หวายยยยยย นก!


“จะไม่พูดอะไรกับพี่เลยหรอครับ” คำถามนั้นทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้ว เพราะผมไม่แน่ใจว่าไอ้พี่โซ่มันจะจำผมได้รึเปล่า แต่เท่าที่ดูมันไม่น่าจะจำผมได้นะ ถึงคำถามจะฟังดูแปลกๆ ก็เถอะ แต่ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของผมก็เปลี่ยนไปมากจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม


“ผมชื่อวานะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมแสร้งยิ้มแล้วยกมือไหว้ไอ้พี่โซ่


“วางั้นหรอ?”


“ทำไมครับ ชื่อผมมันคุ้นหูหรอพี่?” ผมลอบยิ้ม เริ่มจะนึกออกแล้วสินะ


“เปล่า ไม่คุ้นเลยต่างหาก ชื่อเล่นแปลกนะเรา พี่ไม่เห็นเคยได้ยินใครชื่อเล่นแบบนี้มาก่อนเลย” หนอย...


“ผมชื่อจริงคือวาโย ชื่อเล่นก็เลยชื่อวาครับ” ได้ยินแบบนี้แล้วจะนึกออกได้รึยัง!


“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องวา” บ้าเอ๊ย! ทำไมถึงยังนึกไม่ออกวะ! คนอย่างผมมันไม่มีค่าให้ไอ้พี่โซ่จดจำขนาดนั้นเลยใช่มั้ย!


ได้...ในเมื่อจำผมไม่ได้ก็ดี เพราะว่าผมจะได้แก้แค้นพี่มันได้สะดวก


จะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดูสิ!


“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่โซ่” ผมยิ้มหวาน แม้ว่าในใจอยากอาละวาดและด่ากราดไอ้พี่โซ่มากแค่ไหนก็ตาม


แต่ยังก่อน ทำตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไอ้พี่โซ่มันจะสำนึกมั้ยก็ไม่รู้ แถมผมยังจะอยู่ฝึกงานที่นี่ได้อย่างยากลำบากอีกต่างหาก เพราะเท่าที่ดูไอ้พี่โซ่ก็ดูจะเป็นที่รักของคนในบริษัท ดังนั้นรอเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยตอกหน้าไอ้พี่มันให้เจ็บแสบไปเลยก็ได้


“จริงสิ ก่อนพี่จะเข้ามาพี่ยุ้ยบอกว่าให้น้องสองคนแวะไปเอาป้ายชื่อที่โต๊ะด้วย ตามพี่มาเลยครับ” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็เดินนำผมกับมิ้งออกไป โดยมีพี่ฟลุคเดินตามหลังมาอีกที


พอไปถึงพี่ยุ้ยก็ค้นหาป้ายชื่อแล้วยื่นมาให้ ที่ป้ายจะมีรูปถ่ายในชุดนักศึกษาและข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ โดยมีชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น วันเดือนปีเกิด มหา’ลัยที่กำลังศึกษา แล้วก็แผนกที่กำลังฝึกงาน ผมคิดว่ารูปถ่ายกับข้อมูลพวกนี้มันก็ไม่มีอะไรแปลก แต่ทำไมไอ้พี่โซ่ถึงได้จ้องป้ายที่กำลังห้อยคอของผมใหญ่ก็ไม่รู้


“มีอะไรรึเปล่าครับพี่โซ่”


“พี่แค่สงสัยน่ะ”


“สงสัยอะไรครับ” หรือว่าพอเห็นนามสกุลแล้วไอ้พี่โซ่มันจะจำผมได้?


“ฝ่ายบุคคลพิมพ์พ.ศ.เกิดของวาผิดไปรึเปล่า รู้สึกจะเกินเพื่อนคนอื่นมา 1 ปี” โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็เรื่องนี้ เฮอะ! ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าคนสารเลวอย่างไอ้พี่โซ่น่ะหรอจะจำนามสกุลของผมได้ ขนาดชื่อของผมมันยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


“ไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยดรอปเรียนตอนม.ปลายไปหนึ่งปี”


“ทำไมล่ะ หรือว่าวาป่วย?”


“เปล่าหรอกครับ แต่ว่ามีรุ่นพี่สารเลวคนนึงมันทำให้ผมเรียนต่อที่เดิมไม่ได้ ผมเลยต้องดรอปเรียน 1 ปีแล้วไปเข้าที่ใหม่น่ะครับ” ผมจ้องมองเข้าไปในดวงตาของไอ้พี่โซ่ ถึงแม้ว่าผมจะแค้นขนาดไหนแต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา เพียงแค่จ้องเพื่อที่จะจับสังเกตให้ได้ว่าสีหน้าและแววตาของไอ้พี่มันจะเปลี่ยนไปมั้ย จะรู้สึกเอะใจในคำพูดของผมรึเปล่า


แต่ก็ปรากฏว่าเปล่า ไอ้พี่โซ่ไม่ได้เอะใจเรื่องของผมเลยสักนิด


“งั้นหรอ ทำไมรุ่นพี่คนนั้นถึงได้ใจร้ายจัง แต่พี่ก็ดีใจนะที่วาผ่านช่วงเวลานั้นมาได้” ไอ้พี่โซ่ยิ้มบางๆ แล้ววางมือลงบนศีรษะของผม วินาทีนั้นความอบอุ่นมันก็แผ่ซ่านลงไปตามร่างกาย แต่ว่าตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ผมไม่มีทางโง่เป็นควายหลงเชื่อความอบอุ่นจอมปลอมนั่นหรอก!


“ไอ้โซ่ เดี๋ยวกูพาน้องมิ้งไปเดินทัวร์ออฟฟิศก่อนนะเว่ย” พอพี่ฟลุคพูดขึ้นแบบนี้ผมเลยถือโอกาสถอยห่างออกจากไอ้พี่โซ่ก้าวหนึ่ง มือของไอ้พี่มันที่กำลังวางอยู่บนศีรษะของผมเลยตกลงไปอยู่ข้างตัว


“เออ มึงไปเถอะ” พี่ฟลุคพยักหน้าแล้วจะเดินนำมิ้งออกไป แต่มิ้งก็ดันชวนไอ้พี่โซ่ซะก่อน


“ไม่ไปด้วยกันหรอคะ” ถามแต่ไอ้พี่มันแต่ไม่ยักกะถามผมนะแม่คุณ 


“อืม...ถ้างั้นเราไปพร้อมกับ 2 คนนี้เลยเนอะ” ไอ้พี่โซ่หันมาชวนผม


‘ก็ถ้าผมบอกว่าไม่ไปพี่จะว่ายังไง’ นั่นน่ะสิ่งที่ผมคิด แต่สิ่งที่ผมตอบน่ะคือ... “ครับ”


“โอเค งั้นพวกเราไปกันเลย” พี่ฟลุคเป็นคนเดินนำ ตามด้วยไอ้พี่โซ่ที่มีมิ้งทำตัวเป็นเห็บเกาะติดไม่ยอมห่าง ส่วนผมก็เดินตามหลังสองคนนั้นไปอีกทีด้วยท่าทางเซ็งๆ และเหม็นเบื่อโคตรๆ


เกือบชั่วโมงผมเดินเข้าออกห้องนั้นห้องนี้ เดินขึ้นลงชั้นนั้นชั้นนี้จนแทบขาลาก แต่ผมก็ไม่ปริปากบ่นทั้งยังยิ้มแย้ม แถมยังวาดแผนผังและจดบันทึกห้องที่สำคัญคร่าวๆ เอาไว้ด้วย


การที่ผมทำแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่อีกส่วนก็เพื่อให้ไอ้พี่โซ่ประทับใจผม ถ้าเทียบกับยัยมิ้งที่เอาแต่บ่นคนขยันอย่างผมน่ะดีกว่าเยอะ!


“เดี๋ยวต่อไปพี่จะพาน้องมิ้งกับน้องวาไปแนะนำให้พี่ๆ ที่แผนกรู้จักนะ” พี่ฟลุคพูดจบก็พาพวกผมขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 12


ชั้นนี้ทั้งชั้นเป็นของฝ่ายการตลาด จะมีหลายห้องที่ถูกกั้นเอาไว้ ก็มีห้องของผู้อำนวยการฝ่าย ห้องประชุมเล็ก ห้องเก็บเอกสาร ห้องครัว แล้วก็ห้องน้ำ ส่วนพนักงาน 10 กว่าคนก็จะนั่งตรงโต๊ะทำงานที่มีฉากกั้น แบ่งออกเป็น 3 แถวเรียงหน้ากระดาน แต่ละโต๊ะจะมีคอมพิวเตอร์ ชั้นเล็กๆ ใส่เอกสาร และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวนิดหน่อย แต่ก็ดูเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน แล้วพื้นที่แต่ละโต๊ะก็ค่อนข้างกว้าง ไม่แออัดกันเหมือนบริษัททั่วไป


“ทุกคนครับ นี่คือน้องที่จะมาฝึกงานกับแผนกของเรา น้องผู้หญิงชื่อมิ้ง น้องผู้ชายชื่อวา ยังไงผมก็ขอฝากให้ทุกๆ คนช่วยกันดูแลน้องทั้ง 2 คนด้วยนะครับ” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็โปรยยิ้มมหาเสน่ห์


เรื่องสร้างภาพเป็นเทวดานี่ถนัดซะจริง ดูสิ สาวน้อยสาวใหญ่พากันเคลิ้มกับรอยยิ้มนั้นกันหมดแล้ว นี่ถ้าไม่ติดว่าผมก็ต้องสร้างภาพเหมือนกันคงจะตะโกนบอกไปแล้วว่ามันตอแหลโว้ยยยยยยย!


หลังจากนั้นไอ้พี่โซ่ก็แนะนำพี่ๆ ในแผนกให้ผมรู้จัก ตั้งแต่หัวหน้าไล่ไปเรื่อยๆ ตามที่นั่งจนครบทุกคน แต่วันแรกไม่มีทางหรอกที่จะจำได้หมด ขนาดผมพยายามจำจากจุดเด่นแต่ก็ยังจำได้ไม่ครบเลย


“เดี๋ยวพี่จะวาดผังโต๊ะแล้วเขียนกำกับให้นะครับว่าแต่ละคนชื่ออะไรกันบ้าง” ไอ้พี่โซ่ก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูของผม เสียงทุ้มๆ แบบนี้นี่แหละที่ทำให้แต่ก่อนผมเคลิ้มจนแทบละลาย แต่ตอนนี้นอกจากจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วผมยังเบ้ปากเป็นรูปสระอิในใจอีกต่างหาก


“ขอบคุณครับ” แต่ก็นั่นล่ะ สิ่งที่ผมต้องทำก็คือการยิ้มบางๆ ออกมานั่นเอง


“เอาล่ะ เดี๋ยวพี่จะพาไปนั่งที่โต๊ะทำงาน” ไอ้พี่โซ่พูดจบก็เดินนำผมไปยังแถวหลังสุดริมซ้าย ส่วนพี่ฟลุคกับมิ้งเดินไปแทบจะตรงข้ามกับพวกผม ผมแอบเห็นนะว่ามิ้งมองตามมาทางนี้ด้วยสายตาละห้อยและอาลัยอาวรณ์สุดขีด


โต๊ะที่ไอ้พี่โซ่พาผมมานั้นอยู่ติดกับผนังออฟฟิศที่เป็นกระจก มองจากตรงนี้ออกไปข้างนอกจะเห็นท้องฟ้าแจ่มใส ถนนหนทางที่รถสัญจรไปมา รวมทั้งตึกรามบ้านช่องมากมายที่เรียงกันจนสุดสายตา โต๊ะนี้ตั้งอยู่ในจุดที่ดีมากเพราะสามารถมองวิวด้านนอกได้ถึง 90 องศาเลย


“ผมจะได้นั่งโต๊ะนี้หรอครับ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น


“ใช่” พอได้ยินแบบนั้นผมก็แทบจะร้องว้าว แต่ว่ามารอย่างไอ้พี่โซ่ก็ดันทำลายความสุขของผมจนได้ “วานั่งโต๊ะเดียวกันกับพี่”


“ทำไมล่ะครับ” บ้าเอ๊ย! แค่คิดก็อึดอัดจะตายชัก!


“ถ้านั่งแยกโต๊ะพี่สอนงานไม่ถนัดน่ะ” ผมอยากจะบ้า! 3 เดือนนี้ผมได้อกแตกตายก่อนแน่ๆ!


แต่เอาเถอะ คิดในแง่ดีการที่ได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับไอ้พี่โซ่มันก็น่าจะทำให้ผมสามารถทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ง่ายขึ้น


ถามว่าแผนที่ว่านั้นคืออะไร?


ก็แผนที่จะทำให้ไอ้พี่โซ่รัก แล้วผมก็จะทิ้งไอ้พี่มันอย่างที่ผมเคยโดนยังไงล่ะ!


2BC


 o14 สวัสดีค่า Trap หัวใจพ่ายรัก ตอนที่ 2 ก็จบลงไปแล้ว พอจะรู้แนวทางของเรื่องแล้วเนอะว่าจะเป็นแนวไหน  :m12: ส่วนพระเอกที่เก็งๆกันไว้จะใช่มั้ยล่ะน้อ ก่อนหน้านี้เรือธามวานี่แน่นมาก แต่ตอนนี้เชื่อว่าคงจะย้ายเรือมาโซ่วากันบ้างล่ะค่ะ อ้อ...แต่เรือผี 3P นี่พังได้เลยนะคะ เพราะไม่ใช่แน่นอนค่า 55555  :laugh:
ส่วนตอนหน้าเจอกันอีก 2 วันนะคะ แต่ถ้าเค้าได้แพคหนังสือเพลิงพายอาจจะต้องรอสัก 3 วัน แล้วมาลุ้นกันนะคะว่าวาจะทำให้โซ่รักได้รึเปล่า  โซ่จะจำวาได้มั้ย แล้วสัญญาที่วาให้กับธามล่ะจะเป็นยังไง ไหนใครลงเรือไหนบอกกล่าวกันหน่อยน้าที่ร้ากกกก  :give2:
(28 ส.ค. 61)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2018 17:33:13 โดย Sameejaejung »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ฝันร้ายมาเยือนแล้วหนูวา  :hao5:

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
โซ่เป็นพระเอกแน่ๆ แงงงงเชียร์ธาม

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
มาแนวนี้ทุกเรื่อง พระเอกก็คงหนีไม่พ้นโซ่
คนดี คนรอ ก็เป็นพระรองต่อไปสินะ
มาธาม ถ้าวาไม่เอามาทางนี้ได้ 5555
 :laugh:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
รักแตกฝังใจ หรือแค้นฝังหุ่น ก็ต้องรอดูกันต่อปาย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด