กฏข้อพิเศษ 2 คนติดแฟน (พาร์ทแรก)
รักของเราดีที่สุดในแบบของเรา รักเราไม่เคยแพ้ใคร
เพราะรักของเราไม่เคยแข่งขันกับคนอื่น
ไม่มีใคร...แทนที่คนในใจของผมได้
#บอกเล่าจากพยานถึงเรื่องติดแฟนของ นาย พิสิทธิ์ (เพจ)
สถานที่เกิดเหตุที่หนึ่ง : บริษัท G
*ขอยืนยันว่านี่เป็นเรื่องเล่าจากเหตุการณ์จริง พยานมีตัวตนอยู่จริง ไม่ได้เสริมเติมแต่งแต่อย่างใด 
พยานปากที่หนึ่งได้กล่าวนิยามสั้นๆ ถึงตัวจำเลยเอาไว้ว่า
“กลัวเมีย”
ที่จริงก็ไม่เชิงกลัว แต่เหมือนให้ความเคารพ (จนเกินพอดี) เสียมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ช่วงที่เพิ่งบรรจุเป็นพนักงานประจำได้หมาดๆ พวกรุ่นพี่ในบริษัทที่นอกจากจะหน้าตาดี (?) แล้วยังนิสัยดี (?) ได้รวมกลุ่มเตรียมทีจะออกไปเลี้ยงน้องใหม่ในเย็นวันหนึ่ง ด้วยชอบนิสัยเฮฮายามปาร์ตี้ของชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่ทว่าเมื่อไปถึงโต๊ะคนที่หวังจะชวน พวกเขาก็พบเพียงความว่างเปล่า
“หาไอ้เพจหรือพี่?”
“เออ มันหายไปไหนวะ ไอ้กล้า”
คนชื่อกล้ายิ้มแหย “มันกลับบ้านแล้วอ่ะ เห็นว่าแฟนรออยู่”
กลุ่มคนที่หวังจะปาร์ตี้หาเรื่องกินเหล้า (?) ก็ได้แต่มองหน้ากันเองและถอนหายใจ เอาเถอะ เด็กมันติดแฟน ต้องเข้าใจช่วงโปรโมชั่นกันหน่อย ไว้คราวหน้าค่อยชวนมันก็ได้
ถ้าหากว่ามันมีครั้งหน้าให้ชวนจริงๆ น่ะนะ
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์
“มันไปไหนของมันวะเนี่ย?”
กล้าผู้โชคร้ายคนเดิมก็ยังยิ้มแหย ตอบเสียงอ่อย เมื่อพี่ๆ กลุ่มเดิมเดินมาถึงโต๊ะถามหาคนที่หายไปเป็นรอบที่สามแล้ว ซึ่งเขาก็ตอบได้แต่คำตอบเดิมๆ “มัน...กลับบ้านไปแล้วครับ”
“คราวนี้ไปไหน”
“เห็นมันว่า แฟนจะไปเยี่ยมพ่อแม่มันที่บ้านน่ะครับ”
“...”
“เอ่อ...เห็นว่าเป็นการเข้าบ้านครั้งแรกน่ะครับ เลยค่อนข้างซีเรียส”
สุดท้ายก๊วนปาร์ตี้ก็เป็นอันสลายไปอีกครั้ง เพราะเหตุผลยังอยู่ในขอบเขตที่พวกเขารับได้ พวกเขาเองก็ผ่านการมีแฟนกันมานับไม่ถ้วน บางคนก็แต่งงานแล้ว ย่อมเข้าใจดีว่าการเข้าบ้านแฟนครั้งแรกนั้นต้องใช้ควากล้าและความสามัคคีมากแค่ไหน เอาไว้คราวหน้าล่ะกัน
แต่แล้ว...ในอีกหลายวันถัดมา พวกเขาก็พบว่าไอ้เด็กใหม่คนนี้มันมีเรื่องให้หายไปทุกวันเหมือนเดิม ทั้งเหตุผลทุกครั้งจำเป็นต้องมีแฟนไปเกี่ยวข้องซะทุกเรื่อง
“คราวนี้อะไรอีก”
“มันบอกว่า...” กล้าพิมพ์งานที่ต้องส่งก่อนเจ้านายออกจากบริษัทวันนี้ไป พลางตอบรุ่นพี่ที่ปาร์ตี้ได้เหมือนไม่มีงานค้างตรงหน้าไปด้วย “วันนี้ครบรอบน่ะครับ เลยรีบกลับ”
“ครบรอบอะไรอีก ครั้งที่แล้วก็ครบรอบคบกัน”
“เหมือนจะครบรอบที่พบกันวันแรกมั้งครับ”
“...” หมดคำพูด
“เอาน่าพี่ มันไม่ว่าง...”
“ไม่ว่างหรือหงอเมียวะ”
“นั่นดิ”
กล้ามองสีหน้าไม่พอใจแต่ก็คล้ายจะอ่อนใจเหมือนเข้าใจดีถึงจุดยืนที่ไม่อาจขัดคุณแฟนได้ของเหล่าคนตรงหน้า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาตามเพจไปปาร์ตี้หรือเที่ยงกลางคืน ราวกับรู้อยู่แล้วว่าต่อให้มาชวนล่วงหน้าหรือชวนกระทันหัน เด็กนี่มันก็มีเหตุผลให้หนีได้ทุกที กล้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ได้แต่ยิ้มกับความแสบของรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาที่ชอบเอาแฟนมาบังหน้า ทั้งที่จริงๆ แล้วตัวเองไม่ได้มีนัดอะไรกับแฟนหรอก แต่หาเรื่องให้มีนัดเพื่อเลียงไปปาร์ตี้กับพวกรุ่นพี่คนอื่นๆ เท่านั้นเอง
เขายังจำได้ดีถึงเช้าหลังจากคำชวนวันแรกผ่านไปที่เขาได้กล่าวกับเพจ หมอนั่นทำเพียงแค่ยิ้มและตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงติดขี้เล่นตามสไตล์เจ้าตัว
“ฝากพี่ตอบแทนให้ได้ไหมอ่ะ ผมไม่อยากไป”
“ให้ตอบอะไรล่ะ”
“เดี๋ยวผมเขียนเหตุผลไว้ให้ ตอบปฏิเสธไปบ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็รู้เองแหละว่าผมไม่ไป” คิดแล้วยังขำไม่หายกับกระดาษเอสี่ที่เต็มไปด้วยเหตุผลมากมายที่เพจเขียนทิ้งเอาไว้ให้เขา เพราะมันเยอะเสียจนวันๆ หนึ่งเขาต้องใช้ปากกาสุ่มจิ้มเลือกว่าวันนี้จะบอกว่าเจ้าเพจไปไหนดี
“แล้วที่ไปหาแฟนที่เขียนในนี้ทั้งหมดนี่จริงหรือเปล่า?”
“บางอันก็จริง บางอันก็ไม่จริงหรอกครับ แต่ที่ว่าไปหาแฟนเนี่ยไปหาทุกวัน” อีกฝ่ายว่าพร้อมกับพิมพ์งานไปด้วย อีกไม่นานจะมีประชุมบ่าย เขายังไม่ทันเตรียมเอกสารจึงต้องรีบพิมพ์ให้เรียบร้อย แต่กระนั้นก็ยังแบ่งสมาธิมาตอบรุ่นพี่ที่นั่งข้างๆ และคอยแก้ปัญหาให้ “เอาตรงๆ ก็...ผมค่อนข้างติดแฟนน่ะครับ”
“ห่างไม่ได้เลย?”
“ไม่ขนาดนั้น แต่...ไม่อยากห่างนานอ่ะพี่”
“พี่เข้าใจเว้ย ช่วงโปรโมชั่นก็งี้ล่ะ”
“อืม...งั้นผมคงโปรโมชั่นนี้ให้เขาตลอดชีวิตอ่ะ” เพจว่าขำๆ แต่คำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังมองด้วยความเหลือเชื่อ จนต้องเอ่ยสำทับ “ไม่รู้สิพี่ ผมไม่ได้มองว่าการเจอกันทุกวันในช่วงแรกๆ คือช่วงโปรโมชั่น เพราะว่าก่อนที่เราจะคบกันผมกับเขาก็เจอกันแทบทุกวันอยู่แล้ว มันเลยเหมือนกับกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่จะมาเจอกัน”
“...”
“จะไม่กี่นาที จะเป็นชั่วโมงก็ดี แค่ได้เจอกัน ได้มองหน้า ได้ถามว่าเป็นยังไงบ้าง แค่นั้นก็ยังดี”
“ไม่มีเบื่อแบบอยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างหรือไง?”
“ไม่นะ...เพราะเพื่อนผมก็ติดแฟน” เพจหัวเราะเบาๆ “พวกมันก็เข้าใจผม เพราะก็มีแฟนเหมือนกัน เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอทุกวัน กลับมาเจอกันมันก็ยังต่อกันติด แต่กับแฟนนี่ ผมอยากให้เวลาเขามากๆ อยากจะดูแล ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องมีผมในชีวิต”
“แบบนั้นไม่แย่เรอะ อีกคนไม่เป็นอันทำอะไรไม่เป็นพอดี ถ้าแกคอยทำให้ทุกอย่าง”
“แบบนั้นสิดี ผมเป็นได้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่เขาไม่ยอมเนี่ยดิ”
“...”
“ผมไม่อยากให้เขารู้สึกว่ามีผมก็ได้ ไม่มีผมก็ได้ แต่อยากให้เขารู้สึกว่าการมีผมเข้าไปในชีวิตของเขามันทำให้เขามีความสุข การได้เจอกันทุกวันก็เป็นสิ่งที่เขาบอกผมว่าเขามีความสุข ผมถึงอยากไปเจอเขาทุกวัน เจอกันจนชิน เจอกันจนคิดว่าบางทีถ้ามีวันที่เราจะไม่ได้เจอกันหลังเลิกงานหรือเลิกเรียน คงจะคิดถึงอีกคนน่าดู ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้นนะ”
“แฟนแกเขาไม่ชอบพวกเซอร์ไพรส์แบบพวกวันพิเศษหรอกเหรอ ชอบอะไรแปลกๆ ดี”
“ผมก็เคยถามแบบพี่นี่แหละ เขาก็ตอบมาแค่เขาชอบอะไรที่ธรรมดาแบบนี้ เพราะสิ่งธรรมดาเหล่านี้ที่เราทำจนชิน สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นสิ่งพิเศษที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางทำได้ แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ทั้งหมดมันกลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว ผมก็เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เขาพูด”
“...”
“พี่คิดว่ามีคู่รักสักกี่คู่ที่ได้เจอกันทุกวันหลังจากคบกันมาสักพัก” กล้าส่ายหน้า เพราะขนาดตัวเขากับแฟนเองเดี๋ยวนี้ก็ได้พบกันแค่สุดสัปดาห์ แรกๆ ก็คิดถึงอยู่หรอก แต่นานเข้าก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับกันไปเองโดนปริยาย เลยมีระยะห่างเว้นเอาไว้ระหว่างเขากับแฟนในที่สุด แม้ว่าในวันหยุดจะตัวติดกันแค่ไหนก็ตาม
นึกมาถึงตรงนี้เขาก็พอจะเข้าใจรอยยิ้มตรงหน้าของเพจเสียแล้ว
“...แฟนแกนี่มองการณ์ไกลดีนะ”
“ฮ่ะๆ เขาไม่ได้คิดลึกถึงขนาดนั้นหรอกครับ เขาบอกว่านี่เป็นความเห็นแก่ตัวของเขาเฉยๆ ที่อยากเจอผมทุกวัน แรกๆมันก็เป็นอย่างนั้นจริง แต่ตอนนี้เป็นผมที่เอาแต่ใจแทนไปแล้วซะงั้น”
“ถึงจะเอาแต่ใจ แต่แฟนก็ไม่ได้ไม่ชอบไม่ใช่หรือไง”
เพจแค่ยิ้มๆ ให้กล้า ก่อนจะหันไปทำงานต่อ ทิ้งให้เพื่อนรุ่นพี่หลงครุ่นคิดอยู่คนเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งพูดกับรุ่นน้องไปเงียบๆ กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บนหน้าจอเป็นรูปรอยยิ้มของใครคนนั้นที่ครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะห่างกันจนชินเคยบอกว่าอยากจะพบเขา ต่อให้ต้องเหนื่อยขึ้นรถไปๆ มาๆ ก็ยอมคนนั้น แล้วกดเข้าแอพลิเคชั่นไลน์เพื่อส่งข้อความไปหา
บางทีการทำแบบนี้
ต้นกล้า: วันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันดีไหม? เดี๋ยวไปรับ
อาจจะย่นระยะห่างที่เกิดมาโดยบังเอิญระหว่างพวกเขาได้ก็ได้
สถานที่เกิดเหตุที่สอง : มหาวิทยาลัยพยานปากที่สองได้พบเห็นเหตุการณ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้โดยบังเอิญ ก่อนจะมาเล่าเพื่อร่วมยืนยันถึงข้อกล่าวหาดังกล่าว
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเย็นวันหนึ่งที่หน้าหอสมุด ซึ่งช่วงนี้เธอมีเหตุต้องไปทำงานในหอสมุดหาข้อมูลทุกวัน เพื่อทำรายงานหรือการบ้านให้เสร็จภายในกำหนด ซึ่งภาพที่เธอมักจะเห็นประจำในตอนที่ออกมาจากหอสมุดคือ ภาพของผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าหอสมุดในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่สวมไทด์ กางเกงยีนส์คล้ายกับพวกนักศึกษาทั่วไป แต่เมื่อมองดีๆ จะพบว่าที่ห้อยคออยู่นั้นคือบัตรประจำตัวพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ไม่ใช่นักศึกษาเช่นคนอื่นๆ
คนที่ว่าจะนั่งอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เธอเข้าหอสมุด แม้เธอจะกลับบ้านแล้วก็ยังเห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมเขาต้องมานั่งตรงนี้ทุกเย็น วันหนึ่งหลังจากที่เธอเสร็จงานจึงสบโอกาสมานั่งที่ม้านั่งถัดไปจากคนที่ว่าไม่เท่าไหร่เพื่อสังเกตการณ์
และแล้วเธอก็ได้พบกับต้นเหตุของเหตุการณ์ที่เธอพบมาติดต่อกันหลายวันในที่สุด
“มานานหรือยังครับ”
“ยังเลย เพิ่งมาถึงนี่แหละ
โกหกไม่เนียนเลยพี่... เธอคิดในใจ
ภาพตรงหน้าคือผู้ชายในชุดนิสิตคนหนึ่งวิ่งออกมาจากหอสมุดพลางหอบน้อยๆ เหมือนรีบวิ่งมาหา พอดีกับที่ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้นรับบรรดาหนังสือในมือของอีกคนมาถือ เมื่อเห็นว่าปอยผมของคนในชุกนักศึกษายุ่งก็ยื่นมืออีกข้างที่ว่างปัดปอยผมที่ปรกหน้าออกให้ ดูเหมือนจะน่าขัดเขิน (ในสายตาคนแอบมองอย่างเธอ) แต่คนที่ทำนั้นดูชินราวกับมันเป็นเรื่องที่เขาสมควรทำอยู่แล้ว
“หิวหรือยัง? กินอะไรดีวันนี้”
“กินบ้านพี่เพจไหม? พี่เพจไม่ได้กลับไปกินข้าวกับที่บ้านนานแล้วนะ”
คนที่ชื่อ ‘เพจ’ ถอนหายใจนิดหน่อยก่อนตอบ “เราเพิ่งไปกินมาวันจันทร์...”
“อย่างนั้นก็นานแล้ว พี่เพจ นี่วันพฤหัสแล้วนะ”
“นานๆ ทีพี่ก็อยากกินกับเราสองคนบ้าง”
“เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ คุณลุง...อ่า คุณพ่อกับคุณแม่พี่เขาคิดถึงลูกชายคนโตนะครับ”
“มารู้ดีเรื่องที่บ้านพี่ได้ไง”
“ก็โทรหาไง”
“หืม? เตรียมพร้อมมาเป็นลูกชายคนเล็กอีกคนของบ้านพี่ดีเกินไปแล้วมั้ง”
คนที่ถูกแซว ตีเข้าที่ต้นแขนอีกคนเบาๆ แล้วเดินเคียงข้างกันไป เธอไม่ได้ยินแล้วว่าพวกเขาพูดอะไรกันอีก แต่หลังจากวันนั้น หากเธอมานั่งดักรอ ก็จะพบภาพแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับหนังตอนเดิมกรอซ้ำไม่หยุด
กว่าเธอจะรู้ว่าคนที่มารอคือพี่เพจ อดีตมือกีต้าร์วงหนึ่งในมหาลัยและอีกคนที่มักจะออกจากหอสมุดคนนั้นคือพี่คิงรุ่นพี่คณะเดียวกับเธอ ก็ตอนที่เธอได้พบกับพี่คิงและพี่เพจตอนวันเฉลยสายของคณะของเธอ พวกเขายังคงเหมือนเดิมแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางคนมากมาย รอยยิ้มของพี่เพจยังคงมอบแก่คนข้างๆ เช่นเดียวกับที่สายตาของพี่คิงนั้นไม่เคยละห่างไปจากคนท่ยืนอยู่ข้างๆ เช่นกัน
ตอนแรกเธออาจจะพูดได้เต็มปากว่าคนที่ติดแฟนคือพี่เพจ
แต่ ณ ตอนที่เห็นทุกอย่างซ้ำๆ เธอก็พบว่า บางทีพวกเขาต่างติดที่จะมีอีกคนในชีวิตกันและกันเสียมากกว่า
และเรื่องราวเหล่านั้น...ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน สำหรับคนโสดอย่างเธอ!
เรื่องราวของคนติดแฟนยังมีต่อพาร์ทสอง จะรีบมาในเร็ววันนะคะ ฮือออ เปิดเทอมแหล่ว TT
คิดถึงทุกคนมากมาย เจอกันพาร์ทสองนะคะ

:NAVY