กฎข้อที่ 14 อย่ากลับไปมอง
แม้ว่าโลกจะมีคนหลายพันล้าน แต่มันจะมีแค่คนเดียวที่รักได้เท่านี้
แต่มันดันเป็นคราวซวยของเราจริงๆ ที่คนที่เขารักไม่ใช่เรา
(สิงห์)หลายครั้งที่ผมและแก๊งค์เพื่อนพากันมาสังสรรค์ที่ร้านเหล้าและจบลงที่การเมาชนิดลืมเลขที่บ้าน นอนที่คอนกรีตต่างเตียงและกอดหมาจรจัดต่างหมอนข้าง แต่ไม่มีครั้งใดที่ผมจะเห็นเพื่อนของผมเมาได้ถึงขนาดนี้
แต่ไม่ได้หมายความว่าเมาหมดทุกคนหรอกนะครับ คนอื่นที่ถูกลากมาน่ะ แค่กรึ่มๆ แต่ไอ้คนที่ลากคนอื่นมา ตอนนี้นอนหลับงึมงำไม่เป็นศัพท์ เฝ้าพระอินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว
คนคนนั้นคือ ไอ้เพจนั่นเอง
ทุกคนที่ยอมตามใจมันออกมาดื่มเหล้า ทั้งที่มันเป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าจะดื่มเหล้าให้น้อยลง ต่างมองเพจเป็นตาเดียว เพราะมันไม่ได้แค่เมา แต่ถึงกลับร้องไห้?
คนอย่างไอ้เพจเนี่ยนะ จะเมาแล้วร้องไห้ เท่าที่รู้จักกับมันมา เคยมีครั้งไหนบ้างที่เมาแล้วร้องไห้แบบนี้ ตอนที่เลิกกับเอิร์นยังแค่ออกเที่ยวตลอด เอ...หรืออาจจะแอบร้องไห้ลับหลังพวกผมก็ได้ แต่ก็นั่นล่ะ ผมเลยไม่เคยเห็นเลยสักครั้งว่ามันร้องไห้ต่อหน้าต่อตาแบบนี้
“เพจ มึงไหวไหมเนี่ย?”
“อือ...”
“อือเชี่ยไร เป็นอะไรบอกพวกกูดิ” นินว่า พร้อมกับพยุงร่างที่แทบจะนอนราบไปกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยขวดเหล้าว่างเปล่าของเพจขึ้นพิงกับพนักโซฟา ดวงตาของเพื่อนผมเลื่อนลอยและแดงช้ำจากน้ำตา แต่พวกผมก็มองเห็นทันเพียงไม่กี่วิ เพราะหลังจากนั้นเพจมันก็ยกแขนขึ้นบดบังดวงตาเปื้อนน้ำตาของตัวเองทันที มันดูไม่โอเคมากๆ แต่มันก็ยังคงปฏิเสธ
“กู...ไม่เป็นไรสักหน่อย”
“ไม่เป็นอะไรล่ะ เมาเป็นหมาแบบนี้ แล้วยัง...ร้องไห้? เพจ เรื่องเวรอะไรวะ ทำมึงร้องไห้เนี่ย?”
“...” มันไม่ยอมตอบอะไร แต่ผมแอบสังเกตเห็นว่ามือของมันกำแน่นขึ้น ราวกับในสมองกำลังนึกถึงสาเหตุที่ตนมานั่งดื่มแบบนี้
“หรือเพราะเอิร์นจะรีเทิร์นมึงเลยโกรธ”
“ไม่ใช่! กูจะไม่รีเทิร์นกับเอิร์น!”
“งั้นมึงเป็นอะไรวะ บอกพวกกูดิ เป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง” เกม
“เออ มีอะไรก็บอกกันดิวะ จะได้ช่วยๆ กัน” ทีม
คราวนี้มือที่บังสายตาตัวเองจากทุกคนของเพจก็ลดลงข้างตัว เมื่อเจ้าตัวเงียบคนอื่นที่อยู่ด้วยกันก็พลอยเงียบไปด้วย ในที่สุดคำตอบที่พวกผมรอก็มาพร้อมกับน้ำตาสองสายที่ไหลออกมาอาบแก้มเพื่อนที่เคยร่าเริงคนนั้นของผม
“คิง...”
“คิง? น้องมันทำไม?”
“น้องไม่อยากอยู่กับกูแล้ว”
“...”
“น้องบอกว่ารักกู แต่น้องไม่มีความสุขแล้ว”
“...”
“น้องเชื่อที่กูบอกว่าชอบ แต่น้อง...อึก ไม่อยากอยู่ข้างกูแล้ว”
“...”
“กูจะทำยังไงดีวะ กูควรทำยังไงดี” เสียงสั่นสะอื้นของเพจทำให้พวกเราทุกคนทั้งสงสารและหนักใจไปกับมันด้วย ทีมเอื้อมมือไปปลดแก้วเหล้าออกจากมือของเพจ ทันทีที่มันเตรียมจะคว้าขึ้นกระดกแก้กลุ้ม ทั้งที่ตัวมันก็รู้ดีว่ากินไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ซ้ำยังทำให้ปวดหัวตอนสร่างเมาอีกต่างหาก พวกผมคอยห้ามมันไป มองตากันไป ในสมองก็ต่างกันคิดว่าจะทำยังไงกันดีเพื่อจะช่วยเพื่อนคนนี้ ช่วยในเรื่องที่ช่วยได้ยากที่สุดอย่างเรื่องของความรัก
เพราะเอาจริงๆ คนนอกแบบพวกผมมันก็ได้แค่คอยให้คำแนะนำล่ะนะ
“เอาไงดีวะ สิงห์”
“ก็ปลอบมันไปก่อน เดี๋ยวกูจะเรียกน้องมันมา”
เกมรีบห้าม “อย่า คือ...กูไม่รู้ว่ามันไม่เกี่ยวกับเอิร์นวะ เลย...”
“นี่มึงโทรตามเอิร์น?” เกมยิ้มแหยแล้วพยักหน้าให้ผมด้วยสีหน้าขอโทษที่เผลอทำอะไรตามอำเภอใจ ทันทีที่พูดจบ ไม่นานร่างระหงที่คุ้นเคยของพวกเราก็ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวงเหล้าที่ดำเนินมาเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด เอิร์นทรุดตัวลงนั่งด้านข้างของเพจ คอยห้ามปราและดึงแก้วเหล้าออกจากอดีตคนรัก แต่มันก็ยากเหลือทน เมื่อเพจในเวลาที่เมานั้นค่อนข้างจะดื้อกว่าปกติเป็นล้านเท่า เรียกได้ว่าหากไม่ใช่คนที่เจ้าตัวยอม...ไม่มีทางจะห้ามหรือสั่งได้ในเวลาไร้สติเช่นนี้
“เพจ พอแล้ว ไม่ดื่มแล้วนะ”
“อย่ามายุ่ง”
“เอิร์นขอล่ะ วางแก้วเหล้าแล้วกลับห้องกันนะ เอิร์นจะไปส่ง”
“บอกว่าอย่ามายุ่งไงวะ!! ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง”
“...!!” ราวกับการที่เอิร์นและพวกผมคอยเซ้าซี้จะสะกิดต่อมโมโหของมันในที่สุด เพจตะโกนออกมาลั่นจนคนในร้านแทบจะมองมายังโต๊ะพวกผมเป็นตาเดียว จนเมื่อพวกทีมและเกมลุกขึ้นขอโทษขอโพยที่เสียงดังนั่นล่ะ บรรยากาศถึงได้กลับมาเป็นแบบเดิม สายตาของพวกทีมล้วนบอกเป็นเสียงเดียวว่า การที่ยังให้เพจนั่งดื่มอยู่ที่นี่ต่อไปนานเท่าไหร่ เปอร์เซ็นที่จะเกิดปัญหาก็จะยิ่งมากตามไปด้วย เพราะแบบนั้นผมจึงตัดสินใจโทรหาใครบางคนที่ผมมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นว่าจะช่วยได้ พอดีกับที่เอิร์นถอดใจที่จะห้ามเพจและตรงมาหาผม สีหน้าของเธอยังคงตกใจกับเสียงตวาดนั่น แต่มันก็เต็มไปด้วยคำถาม
“สิงห์รู้จักเด็กที่ชื่อคิงหรือเปล่า?”
“...” นั่นไงเขาคิดผิดเสียที่ไหน
“รู้ น้องคณะเราเอง”
“เขาเป็นอะไรกับเพจ”
“แล้วเอิร์นอยากได้ยินว่าเขาเป็นอะไรกันล่ะ”
เอิร์นเม้มปากเหมือนลำบากใจที่จะพูด “เมื่อเย็นเราตามพวกเขาไป แล้วได้ยิน...เหมือนพวกเขาจะชอบกัน”
“...”
“แต่เพจไม่ได้ชอบผู้ชายนี่...ใช่มั้ย?”
“ชอบใครสักคนมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เพศสักหน่อย”
“...”
“อย่างน้อยๆ ก็เป็นคนที่ทำให้ไอ้เพจที่เคยเศร้าอยู่กับเรื่องของเธอมาตลอดสองปีคนนั้นยิ้มได้ แค่นั้นก็เป็นเหตุผลมากพอแล้วที่ไอ้เพจจะชอบน้องมัน”
“อย่าบอกนะว่าที่เพจมาดื่มแบบนี้เพราะน้องเขา”
“หรือเอิร์นคิดว่าเป็นเพราะเอิร์นล่ะ”
สีหน้าซีดเผือดของเอิร์นตกอยู่ใต้สายตาของผม เธอดูไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป
“แต่เขาบอกยังรักเอิร์น”
“เชื่อเราไหมว่า...เอิร์นยังไม่ได้ฟังต่อว่ารักในความหมายแบบไหน?”
“...”
“ถ้าเราเป็นไอ้เพจ เราคงจะตอบกลับไปว่ารักแบบคนที่เคยรัก รักที่ไม่ได้คิดว่าจะกลับไปรักได้อีกแล้วรักที่มันกลายเป็นแค่ความทรงจำ ไม่ใช่ปัจจุบัน แบบนั้นเอิร์นจะอยากฟังแล้วยอมรับความจริงไหม?”
แม้ในร้านเหล้าจะมีแสงไฟสลัวแค่ไหน แต่ผมก็ยังเห็นเงาน้ำตาบางๆ ในดวงตางดงามคู่นั้น หากเป็นแต่ก่อนที่เพื่อนผมและเธอยังรักกันดี ผมอาจจะสงสาร แต่ในตอนนี้ สิ่งที่เธอทิ้งเอาไว้ในใจของเพื่อนผม ความเจ็บปวดที่ยังส่งผลต่อตอนนี้มันทำให้เพื่อนผมยังคงจมกับความเสียใจ ทำให้ผมสงสารไม่ลงเลยจริงๆ
หากเลือกที่จะสงสารและให้ความเห็นใจ ผมต้องขอโทษที่เธอไม่ได้สำคัญเท่ากับเพื่อนของผมจนต้องแบ่งความรู้สึเหล่านั้นไปให้
“แต่เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมเพจถึงชอบเด็กคนนั้น”
“...”
“อาจจะฟังดูแย่ แต่เด็กคนนั้นไม่มีอะไรเหนือกว่าเราเลย”
“มันแค่ชอบคนที่ทำให้มันอยู่ด้วยแล้วสบายใจ มันมีความสุขแค่นั้นเอง”
“...”
“ใครๆ ก็รักที่จะอยู่กับสถานที่หรือใครสักคนที่สามารถวางหัวใจเอาไว้ด้วยได้อย่างมีความสุขมากกว่าจะวางเอาไว้กับคนที่ทำให้เจ็บปวด เรื่องนี้เอิร์นรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือไง? เพราะครั้งหนึ่งเธอก็เคยเลือกคนอื่นแล้วทำร้ายหัวใจของเพื่อนเราเหมือนกันนี่”
“สิงห์!”
ผมทำเป็นไม่สนใจน้ำเสียงกล่าวหานั่น มองไปยังประตูร้านที่มีเงาร่างที่กระสับกระส่ายของใครบางคนก่อนยกมือเรียก แล้วกลับมาพูดกับเอิร์นต่อ
“อยากรู้ใช่ไหม? ว่าทำไมไอ้เพจถึงชอบน้อง ก็รออยู่ตรงนี้แล้วคอยดูก็แล้วกัน”
ภาพจากตรงที่ผมและเอิร์นอยู่นั้น จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนถึงร่างของคิงในชุดไปรเวทที่คล้ายชุดนอนเสียมากกว่า เด็กคนนั้นวิ่งมายังโต๊ะของพวกผมด้วยสภาพกระเซอะกระเซิง กล่าวสวัสดีกับเพื่อนคนอื่นของผมลวกๆ แล้วค่อยก้าวไปหาคนที่นั่งเอนพนักพิงโซฟาสลับกับดื่มเหล้าคนเดียวคนนั้น
คิงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มองใบหน้าเศร้าของคนข้างกายก่อนจะรั้งแก้วให้ออกห่างจากปาก ไอ้เพจคล้ายจะฟิวส์ขาดอีกครั้ง ปากที่อ้าคล้ายจะตวาดซ้ำ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร เสียงที่กำลังจะหลุดจากลำคอก็พลันหายไป
“กลับห้องกันนะครับ ไม่ดื่มแล้วนะ”
“...คิง”
“พี่เพจ อย่าดื่มอีกเลยนะครับ กลับห้องกับผมนะ”
“...”
“คิงขอล่ะ...”
“...ถ้าพี่กลับ คิงจะยอมอยู่เป็นเพื่อนไหม?”
“อืม จะอยู่จนพี่หลับเลยดีไหมครับ?”
เพจเม้มปากแน่น เหมือนกลัวและกังวลว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นแค่ภาพฝัน เพราะผมสังเกตเห็นว่าเพื่อนของผมเลื่อนมือที่สั่นน้อยๆ นั่นค่อยๆ แตะลงที่มือของน้องที่วางอยู่ข้างตัว ก่อนจะหลับตาแน่นเมื่อมือของคิงวางทาบทับคอยบีบเบาๆ คล้ายบอกว่า อีกคนอยู่ตรงนี้ข้างกายเพื่อนของผมเสมอ
สุดท้ายผมและคนอื่นๆ ก็ยืนมองส่งเพื่อนของผมและคิงขึ้นรถแท๊กซี่กลับหอไปด้วยกัน จนรถที่โดยสารหายไปจากสายตา
ผมกลับมามองคนข้างๆ เอิร์นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมดูออกว่าในใจของเธอไม่ได้นิ่งเฉยเช่นที่แสดงออกมา แววตาของเอิร์นสั่นไหวตามสิ่งที่เพจแสดงออกมาในภาพไร้สติต่อคิง คาดว่าในใจของเธอคงเอาไปเปรียบกับภาพของเพจที่กระทำต่อเธอเมื่อครู่ละมั้ง
ก็ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมอะไรนะ แต่...
“ทีนี้รู้แล้วหรือยัง ว่าทำไมเพจมันเลือกที่จะชอบเด็กคนนั้น มากกว่าจะจมอยู่กับเรื่องเก่าๆ”
“...”
“ถ้าเอิร์นยืนยันว่าชอบเพื่อนเราจริงๆ ล่ะก็ ช่วยทำตัวเป็นคนดี ยอมถอยออกไปให้เพื่อนเรามีความสุขบ้างเถอะ”
“แล้วสิงห์มั่นใจได้สักแค่ไหน ว่าการที่เพจอยู่ข้างเด็กคนนั้นจะมีความสุขจริง! ดูซิ ทะเลาะกันจนเพจเมาขนาดนี้น่ะเหรอที่เรียกว่ามีความสุข”
“แต่อย่างน้อยๆ เด็กคนนั้นก็รักเพจมันจริงๆ”
“เราก็รักเพจ”
“รักแบบไหนที่มีคนอื่นไปด้วย”
“...”
“รักแบบไหนหรือเอิร์นที่แอบไปเฟลิร์ตกับผู้ชายคนอื่น ชอบถึงขนาดยอมทิ้งเพื่อนเราเพื่อไปเรียนต่อกับผู้ชายคนใหม่”
“สิงห์! มันคนละเรื่องกันนะ เราพูดถึงตอนนี้!!”
“เราก็พูดอยู่กับตอนนี้เอิร์น!!! พูดสิว่าที่กลับมาไม่ได้เพราะทะเลาะกับผู้ชายคนนั้น แล้วอยากได้เพื่อนเราไปยั่วให้เขาโกรธ”
“...”
“พูดสิ!!!”
“...”
“ถ้าพูดออกมาไม่ได้ เพราะความจริงนี่มันแทงใจล่ะก็ ช่วยทำตามที่เราบอก ไปจากชีวิตเพื่อนเราสักที”
“...”
“ให้เรื่องของเธอกับเพจเป็นแค่อดีตจริงๆ ไปสักที!”
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้
ต่อให้ต้องเจ็บแบบนั้นอีกครั้ง
เราก็ยังจะขอรักและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอดีตของเขาอยู่ดี
เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วกับการที่พวกเขาสองคนนั่งอิงกันท่ามกลางความมืดในห้องของพี่เพจแบบนี้
อาจจะแค่ห้านาที หรืออาจจะสิบนาทีก็ได้ เขาไม่ทันได้สนใจเสียด้วยสิ
เขารู้เพียงแค่...พี่เพจร้องไห้เท่านั้น
ในตอนที่เขาหลับไปกับน้ำตา จู่ๆ เสียงโทรศัพท์จากพี่สิงห์ก็ดังขึ้น เนื้อความมีเพียงแค่สั้นๆ เกี่ยวพันกับใครคนนั้นที่เขายังคงห่วง...บอกว่ากำลังดื่มเหมือนคนบ้าและยังร้องไห้ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่พี่สิงห์เชื่อว่าจะลากเขากลับบ้านได้
เขาจึงย้อนถามกลับว่าทำไมจึงมั่นใจแบบนั้น
ได้ยินแค่พี่สิงห์ตอบกลับมาว่า
‘มันร้องไห้เพราะเรานะ’จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองได้ล๊อกห้องไหมตอนที่ออกมา ใส่รองเท้าถูกหรือเปล่า? โชคยังดีที่ยังคว้าโทรศัพท์และกระเป๋าเงินออกมาด้วย เขาจึงสามารถพาพี่เพจที่เมาแอ๋กลับมาถึงห้องปลอดภัยได้ในที่สุด
มือของพวกเขายังคงจับกันเอาไว้เช่นตลอดทางที่นั่งเคียงกันมาบนรถ แม้กระทั่งตอนที่เดินขึ้นบันไดมือของพี่เพจก็ยังบีบแน่น ราวกับไม่ยอมปล่อยมือของเขา ยึดถือเอาคำพูดที่ว่าเขาจะยอมอยู่จนกว่าอีกคนจะหลับเอาไว้อย่างหนักแน่น
เพราะแบบนั้น...
“พี่ต้องทำยังไง...”
“...”
“ทำยังไงเราถึงจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้ครับ”
พี่เพจถึงยังไม่ยอมหลับตาลงเสียที
“ผมก็ไม่รู้”
“เรียกแทนตัวว่าคิงเหมือนเดิมได้ไหม?”
“...”
“แค่ตอนนี้ก็ได้ พี่อยากได้ยิน”
“...ครับ”
เพจยิ้มบางๆ ขณะเอนหัวที่หนักเหลือเกินซบลงที่บ่าของเด็กข้างตัว กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่โชยมาจากตัวของคิงทำให้ใจของเขาสงบลงอย่างประหลาด เขาง่วงมากๆ เลยล่ะ แต่เขาจะหลับไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากเขาหลับ มือที่จับกันอยู่นี่จะต้องปล่อยออก...และคิงจะหายไปอีกแน่ๆ
เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขาอยากจับมือคิงเอาไว้แบบนี้
ไม่อยากปล่อยไปเลย
นึกมาถึงตรงนี้ น้ำตาเขาก็คลอเต็มสองตาอีกแล้ว
“ทำไมเราอยู่ด้วยกันไม่ได้อีกล่ะ”
“...”
“ทำไมถึงไม่มีความสุขแล้วล่ะคิง”
“...คิงก็ไม่รู้”
เสียงที่ตอบกลับมาอ่อนแรงเสียจนเพจจับได้ถึงกระแสความเศร้าทีเจือจางในน้ำเสียงนั้น เมื่อผละออกจากลาดไหล่ของคิง เขาก็พบว่าใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังส่งยิ้มให้ แต่มันช่างเป็นยิ้มที่เศร้าสิ้นดี โดยเฉพาะตอนที่เด็กคนนี้กำลังยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา “คิงไม่รู้ว่าทำไมมันไม่มีความสุขแล้ว”
“...”
“...”
“พี่ชอบเราจริงๆ นะ”
“อืม คิงรู้”
“ชอบเราเข้าแล้วจริงๆ”
“อืม คิงก็ชอบพี่เพจ”
“เท่าไหน?” เพจถามอย่างนึกสนุก ทั้งอยากจะเบี่ยงเบนไม่ให้พวกเขาสองคนพาลเศร้าไปมากกว่านี้
“เท่านี้” คิงว่าพร้อมกับกำมือให้เพจดู ซึ่งนั่นทำให้คนที่กำลังรอคำตอบเว่อร์ถึงกับย่นหัวคิ้ว แสดงออกถึงความไม่พอใจออกมา คิงจึงยิ้มและวางกำมือนั้นทาบลงที่อกของตัวเองที่มีหัวใจที่เต้นเบาๆ ดวงหนึ่งกำลังเต้นอยู่
แม้จะอ่อนแรงเพียงใด แต่มันก็ยังคงเต้นไปพร้อมกับความรักต่อใครบางคนยังมีชีวิตอยู่ในนั้น
“เพราะหนึ่งกำปั้นของคนเรา จะเท่ากับหัวใจของคนคนนั้น ดังนั้น...คิงเลยรักพี่เท่ากับหัวใจของคิงเอง”
“...”
“แต่เหมือนหัวใจคิงจะเล็กกว่าหัวใจพี่นิดหน่อย อย่าโกรธนะครับ”
เพจหลุดยิ้ม ทั้งที่เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “อืม ไม่โกรธ”
“พี่เองก็ชอบเราเท่ากำปั้นหนึ่งของตัวเองเหมือนกัน”
“...”
“ทั้งที่เป็นแบบนั้น ทั้งที่ใจตรงกันแล้วแท้ๆ”
“น่าเสียดายเนอะ”
“...”
คิงหันมายิ้มให้เขา ยิ้มที่เปื้อนน้ำตานั่น “ใจตรงกันแล้วแท้ๆ แต่ดันหมดความมั่นใจที่จะยืนข้างกันไปเสียได้”
“...”
“ฮึก...ขอโทษ คิงขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร”
“ขอโทษครับ พี่เพจ”
“ไม่เอา อย่าร้องไห้สิ”
คิงซุกใบหน้าของตัวเองเข้ากับอ้อมกอดของอีกคนที่เปิดกว้างรับเขาเข้าไปกอด กอดของพี่เพจยังคงอุ่นเหมือนคราก่อนที่ได้กอด เช่นเดียวกันกับเพจที่สบายใจเช่นทุกทีที่มีใครคนนี้ในอ้อมกอดของตน มันพอดี...เหมือนอ้อมกอดนี้รออีกคนมาตลอด
“พี่รอได้ จริงๆ นะ”
“...”
“จะสองปีหรือห้าปีเลยก็ได้ ถ้าเมื่อไหร่ที่คิงมั่นใจในตัวพี่ ค่อยกลับมาหาก็ได้”
“ไม่เอา คิงไม่อยากให้พี่รอ”
“...”
“คิงรู้ ว่าการที่ต้องรออย่างไร้จุดหมายมันเหนื่อยแค่ไหน ถ้าเพื่อคิงแล้วพี่ต้องรอแบบนั้น คิงยอมให้พี่ไม่ชอบคิงแล้วไปชอบคนอื่นดีกว่า”
“...”
“คิงยังยืนยันแบบเดิมว่าคิงอยากให้พี่มีความสุข...อยากให้เป็นแบบนั้นเสมอ”
“...”
“อย่า...ทนทรมานมารอคิงเลยนะ”
“...เราคิดว่าอีกสองปีหรือห้าปีต่อจากนี้เราจะยังชอบพี่อยู่ไหม?”
“...” คิงไม่ได้ตอบ แต่พยักหน้าเงียบๆ ในอกของเพจที่คอยซับน้ำตาของเขาอยู่ ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะในอกปลอบประโลมดวงใจที่บอบช้ำตัวเอง ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป
“ถ้าหากว่าเรายังชอบพี่อยู่...ทำไมตอนนั้นพี่จะรอเราไม่ได้”
“พี่เพจ”
“นี่! ที่พี่บอกว่าจะรอเพราะพี่มั่นใจในตัวเรานะ ถึงได้กล้าพูดออกมา”
“...”
“เพราะพี่รู้ ว่าปลายทางของการรอคอยคือเรา พี่ถึงได้พูดมันออกมาว่าจะรอ”
“...”
“คนเราน่ะ จะรอแค่คนที่เรารู้ว่าเขาจะมาเท่านั้นแหละ”
“แต่คิงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...”
เพจใช้มือทั้งสองข้างบีบแก้มนุ่มๆ ของคิงเอาไว้ ให้อีกฝ่ายชะงักคำพูดที่จะบั่นทอนทั้งความรู้สึกของเขาและของตัวเองเอาไว้ แล้วพูดต่อ “ระหว่างที่รอ พี่ก็จะทำให้เราเห็นว่า...การที่ได้อยู่ข้างเรามันทำให้พี่มีความสุขและจะทำให้เรามีความสุขให้ได้”
“...”
“เพราะฉะนั้น ได้โปรด อย่าเอาตัวเองห่างไปจากพี่มากกว่านี้ อย่าหายไปจากสายตาพี่ อย่างน้อยๆ ขอให้พี่ได้เห็นเราบ้างนะ...”
“...”
“ขอให้นี่เป็นการเว้นระยะห่างครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเราเถอะนะ”
“...”
“...”
ทั้งๆ ที่คำพูดและน้ำเสียงที่กล่าวออกมาหนักแน่นเสียเหลือเกิน ทว่าใบหน้าของเพจไม่ได้มีความมั่นใจเลยสักนิดที่พูดคำเหล่านั้นออกมา เขาทั้งหวาดกลัวและกังวลใจมากมายเหลือเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้ เขากลัวว่าคิงจะหมดความมั่นใจในตัวเขาจนไม่อยากจะรอหรือรับข้อเสนอนี้ของเขา เขากลัวว่าวันพรุ่งนี้จะไม่ได้เจอกัน เขากลัว...ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกัน
ความรู้สึกของเขาที่มี อาจจะเป็นเพียงหน่อของต้นไม้เล็กๆ ที่มีเพียงรากผิวเผิน ไม่ได้หยั่งลึกเช่นในใจของคิง กระนั่นก็ไม่ได้หมายความว่า การที่มันเติบโตขึ้นมาไม่มีความหมายแต่อย่างใด
อย่างน้อยๆ มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยๆ สำหรับเขามันก็คือความรักจริงๆ
“...พี่เพจจะรอจริงๆ เหรอ”
“อืม”
“แล้วถ้าสุดท้ายคิงไม่มีวันมั่นใจในตัวพี่ล่ะ”
“ไม่เป็นไร...ต่อให้เป็นแบบนั้น ก็ไม่เป็นไร”
คิงเม้มปาก กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้ว “พี่กำลังเลือกทางที่ทำร้ายตัวเองอยู่นะ”
“พี่ก็แค่ทำตามเราเท่านั้นเอง”
“แต่คิงชินแล้ว...”
“เดี๋ยวพี่ก็จะชินและเข้าใจความรู้สึกเราไปด้วยไง” เพจปาดน้ำตาให้เด็กขี้แยตรงหน้า ทั้งที่ตัวเองก็เผลอร้องไห้ออกมาแล้วเหมือนกัน เพราะเมื่อเขาพูดแบบนี้ออกมา นั่นหมายถึง...ครั้งต่อไปที่จะได้พบกัน ระยะห่างระหว่างพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น กระทั่งแม้แต่จะทำเช่นนี้คงทำไม่ได้
เขาก็ได้แต่หวังว่า กาลเวลาจะเยียวยาหัวใจที่ไม่มั่นคงของคิงได้
แต่ได้หวังว่ากาลเวลาจะไม่พัดพาให้ดวงใจของพวกเขาออกห่าง
“ถึงตอนนั้น พี่ก็จะได้ไม่เผลอทำร้ายความรู้สึกเราแบบนี้อีก”
“...”
“พอถึงตอนนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกัน ด้วยความรู้สึกที่มั่นคงทั้งสองฝ่าย”
“...”
“ถึงตอนนั้น เราจะได้มีความสุขไปด้วยกันเสียที”
ขอให้มันยังคงแนบชิดเช่นนี้
ตราบจนวันที่กายเราได้กลับมาเคียงข้างกันเช่นนี้ด้วยเถอะ
พี่เขาเมานิดหน่อย 555 ขอเวลาให้คนไม่มั่นใจหน่อยเนอะ
ภาษาเมาๆ อีกแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ TT ฝากติดตามต่อไปจนจบเลยน้าาา
เจอกันตอนหน้าคับบ

:NAVY