กฏเล้าประกาศ 22/9/2019 จะลบนิยายที่ไม่มาต่อจนจบทิ้งทั้งหมดเล้าเป็ดรณรงค์ ให้ใช้เรียกนักเขียน นักอ่านแทน ไรท์เตอร์ รีดเดอร์ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเว็บเรากันนะคะ
สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ
เห็นทาง สนพ. เอเวอร์วายมาเฉลยหนังสือที่จะตีพิมพ์ก็คือเรื่องนี้เลยเข้ามาก่อนดูและเพิ่งรู้ว่าตัวเองอ่านเรื่องนี้ค้างไว้ด้วย เลยมาตามอ่านจนจบ แนวแอบรักที่เราชอบ มีความหน่วงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีน่ารักปนอยู่ อยากอ่านตอนพิเศษอีกจัง คงต้องเก็บตังค์ซื้อแล้วละปล. ในเล่มพี่สิงห์จะมีคู่ไหม ชอบพี่สิงห์นะ
กฎข้อที่ 21 อย่า (ไม่) ไว้ใจเมื่อไหร่ที่ผมหมดแรงจะถือร่มให้คุณวันนั้นผมจะยืนตากฝนเป็นเพื่อนคุณเองเหมือนหัวสมองของผมว่างเปล่าไปหมดเลย เมื่อเห็นว่าที่หน้าประตูมีพี่เพจยืนอยู่และเหมือนเขาจะมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ รวมถึงคำพูดที่พูดส่งเดชเหล่านั้นด้วย “พี่เพจ เชื่อคิงนะ”ผมไม่รู้ว่าเขาจะยอมเข้าใจไหมถึงสิ่งที่ผมอยากจะสื่อไป ไม่ได้หมายถึงอยากจะแก้ตัวใดๆ แต่ผมหมายความตามนั้นจริงๆ มือที่กุมแขนเสื้อของพี่เพจจนเหมือนขยำนั่นสั่นไปหมด ในหัวคิดไปมากมายกลัวว่าเรื่องมันจะจบลงตรงที่พี่เขาปัดมือของผมออกและหันหลังจากไปในช่วงเวลาเงียบงันอันยาวนานหลังจากประโยคนั้นของผมจบลง ในที่สุดมือของพี่เพจก็ปัดมือของผมออกจากแขนของเขา ตอนนั้นน้ำตาของผมที่กลั้นเอาไว้ก็ร่วงหล่นลงมา แต่พริบตาเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด เมื่อจู่ๆ มือข้างนั้นของพี่เพจที่ปัดมือของผมออกได้เอื้อมมากุมมือของผมแล้วออกเดินไปจากวงล้อมผู้คนแทนน้ำตาของผมยังไหลอยู่จากความคิดด้านแย่ๆ นั่น แต่ขาทั้งสองก็ยังคงก้าวเดินจนเหมือนวิ่งตามแผ่นหลังกว้างของพี่เพจไปเรื่อยๆ กระทั่งพวกเราทั้งสองคนมาอยู่ที่ทางหนีไฟที่ค่อนข้างเงียบและไร้ผู้คน วินาทีที่ผมจะเอ่ยปากพูด ทั้งตัวก็ถูกคนตรงหน้าโอบกอดจนแน่น แน่นจนหายใจไม่ออก แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอยากผลักไสเลยแม้แต่น้อย กลับกอดตอบให้แน่นเท่าที่จะทำได้แทน“พี่เพจ มันไม่มีอะไรนะ เชื่อคิงนะ”“ชู่ว ไม่เอา ไม่ร้อง”“แต่คิงกลัว...”“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าพี่เชื่อเรา”“...”“พี่เชื่อว่าความรู้สึกเราที่มีต่อพี่มันคือเรื่องจริง เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรนะ อย่าร้องไห้”“ฮือ...” ทั้งที่ผมควรจะหยุดร้องไห้และยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ผมกลับเผลอสะอื้นและร้องไห้ต่อจนได้ เหมือนกับผมไม่อาจจะยิ้มรับต่อความเจ็บปวดได้อีกแล้ว ผมร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้เหมือนเด็กเล็กๆ ฟังเสียงปลอบประโลมข้างหูที่บอกผมซ้ำๆ ว่าไม่เป็นไรนะ ก่อนจะรู้ซึ้งว่าแท้จริงแล้ว ที่ผมเคยบอกว่าแม้สุดท้ายเรื่องราวของเราจะต้องจบลงโดยไม่มีตอนต่อไป ผมก็ยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้มันคือเรื่องโกหกผมทำมันไม่ได้อีกแล้วยิ่งรัก ยิ่งได้อยู่เคียงข้างแบบนี้ การได้มีชีวิตต่อไปโดยไม่มีพี่เขาในชีวิตก็ยิ่งยากขึ้นทุกทีเหมือนการมีอยู่ของพี่เพจทำให้ผมนึกอยากจะอ่อนแอผมไม่ได้ฝากทุกอย่างไว้ที่พี่เขา แต่เหมือนกับ...ความสุขของผมมันอยู่ที่เขา ผมอาจจะยังมีชีวิตต่อไปได้ในฐานะมนุษย์ กระนั้นเมื่อไม่มีพี่เพจ...ผมคงอยู่อย่างคนไร้หัวใจที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้หัวใจดวงนั้นกลับคืนมามือของพี่เพจคอยลูบอยู่บนเส้นผมของผม เสียงทุ้มที่ปลอบอยู่เริ่มเจือเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อเขาได้ยินผมบ่นพึมพำอย่างจับใจความไม่ได้ข้างหู“พูดอะไรของเราน่ะ งึมงำๆ ไม่รู้เรื่อง”“คิงรักพี่เพจ”“...”“คิงไม่อยากเสียพี่ไป”“...”“คิงอยากให้ช่วงเวลาแบบนี้มีต่อไปเรื่อยๆ”“พี่รู้ พี่ก็เหมือนกัน”“อยู่กับพี่แล้วคิงมีความสุขและความสุขแบบนี้คิงไม่มีวันหาได้จากคนอื่นอีก”“...”“เชื่อคิงนะ คิงไม่ไปหาคนอื่น คิงไม่ชอบคนอื่นนอกจากพี่”“เด็กบ๊อง” จนเมื่อคำพูดของผมคล้ายคนเพ้อไม่รู้ตัว พี่เพจจึงได้ดันผมออกจากอ้อมกอดของเขา เขกเบาๆ ที่กลางหน้าผากคล้ายเรียกสติ ใบหน้าของเขาจริงจังและเต็มไปด้วยความอ่อนใจ เมื่อพบว่าใบหน้าของผมเปรอะไปด้วยน้ำตาจนมองไม่เห็นผิวที่แท้จริง มือที่เคยลูบหัวค่อยๆ เลื่อนมาเช็ดน้ำตาที่แก้ม พร้อมกับพูดไปด้วย “ไว้ใจพี่หน่อยสิ”“...”“ในเมื่อพี่ไว้ใจเราว่าเราไม่มีทางไปชอบคนอื่น เราก็ช่วยไว้ใจพี่บ้างว่าพี่เองก็ชอบเราคนเดียวเหมือนกัน”“...”“ไม่ใช่แค่เราหรอกนะที่ไม่อยากเสียเวลาในตอนนี้ไปน่ะ”“...ขอโทษ คิงสติแตกไปหน่อย”“แทนตัวเองว่าคิงก็สติแตกพอสมควรล่ะ -.-“ผมช้อนสายตามอง พบว่ามันเต็มไปด้วยประกายอ้อนโดยไม่รู้ตัว “ไม่อยากให้แทนตัวเองแบบนี้หรอครับ?”“ใช่ที่ไหน... แต่เราบอกว่าจะแทนตัวเองแบบนี้อีกครั้งตอนที่ความประพฤติพี่ครบร้อยไม่ใช่หรือไง”“คะแนนของพี่มันเต็มมาตั้งแต่แรกเล่า”“...”“ที่ผ่านมา...คิงแค่อยากจะเห็น ได้ยินเสียงพี่ ได้มีความสุขกับการที่พี่คอยเอาใจคิงเฉยๆ เท่านั้นล่ะ”พี่เพจหลุดยิ้มออกมาแล้วโยกหัวผมเบาๆ “พี่ก็ชอบเอาใจเรานะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องให้เต็มทันทีหรอก”“...จะดีเหรอ?”“อืม พี่จะได้ไม่ต้องคิดเหตุผลเยอะเวลามาหาเรา”ผมหลุดยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากที่ร้องไห้เหมือนคนบ้า ก่อนจะโผเข้ากอดพี่เพจอีกครั้ง ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกอดนี้ พวกเรากอดกันอย่างนั้นจนผมเอ่ยขึ้น “แล้วทำไมพี่เพจถึงมาที่ศูนย์ล่ะ? วันนี้ไม่ได้จะนอนเล่นหรอกเหรอครับ”สิ้นคำถามนั้นใบหน้าของพี่เพจที่ยิ้มแย้มก็มีรอยกระอักกระอ่วนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน เสียงถอนหายใจหนักๆ จากพี่เพจดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะตอบ “ความจริงแล้วพี่มาเพราะมีใครคนหนึ่งพูดเกี่ยวกับเราน่ะ”“เกี่ยวกับผม?”“อื้ม พูดประมาณว่าเรามีคนอื่นอะไรแบบนั้น”“ห๊ะ!”“พี่รู้อยู่แล้วล่ะว่าเราไม่ทำแบบนั้น แต่ก็ยอมมาแค่อยากจะรู้ว่าเขาจะทำอะไร จนมาเจอเรากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับไอ้เด็กฟิวส์นั่นล่ะ” ท้ายเสียงพี่เพจคล้ายจะกัดฟันอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะกอดผมแน่นขึ้น “พูดแล้วโมโห มากอดคนของพี่ได้ไงวะ”“อย่าเพิ่งเล่นสิพี่เพจ แล้วคนที่ไปบอกพี่คือใคร?”“ถ้าพี่บอกเราต้องไม่เชื่อแน่ๆ”“...”“เอาเป็นว่า ถ้ารู้แล้วอย่าไปเพิ่งไปยุ่งวุ่นวายกับเขาจนรู้ตัวล่ะ”เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะผมจะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ“ไหนบอกจะไม่แตะต้องตัว?”“ถ้าไม่ทำแบบนั้นแล้วจะเข้าแผนได้ยังไงล่ะ?”เสียงพูดคุยของคนคู่หนึ่งดังขึ้นในยามวิกาลหลังจากที่ทุกชีวิตที่ทำงานในตอนพระอาทิตย์ขึ้นพากันหลับใหลหมดแล้ว คนหนึ่งยืนซ่อนอยู่หลังเงา ส่วนอีกคนนั้นยืนอาบแสงจันทร์ยามเที่ยงคืนพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย คนๆ นั้นคือฟิวส์ ใบหน้าของฟิวส์มีร่องรอยหงุดหงิดเพิ่มเติมจากปกติเล็กน้อย เมื่อนึกย้อนกลับไปยังตอนกลางวัน หลังจากที่คิงกลับมาพร้อมกับคนที่ชื่อเพจคนนั้น แม้ใบหน้าจะมีร่องรอยว่าร้องไห้ แต่รอยยิ้มที่ติดอยู่ที่มุมปากของคนทั้งสองพร้อมกับมือที่เกาะเกี่ยวกันเอาไว้ เป็นตัวยืนยันได้ดีว่าทั้งคู่ไม่ได้ผิดใจกันเลยแม้แต่น้อยทั้งที่หากเป็นคนอื่น ป่านนี้แผนโง่ๆ นี่คงสำเร็จโดยง่ายน่าหงุดหงิดชะมัด“แค่จับมือหรือทำท่าทางอย่างที่เธอบอกมันจะไปพออะไร ดูสิ ฉันทำไปซะขนาดนั้น สองคนนั้นยังคืนดีกันได้หน้าตาเฉย”“คราวหน้าไม่เป็นแบบนี้แน่”“ยังพิสูจน์ไม่พออีกหรือไง?” ความจริงแผนนี้ไม่ได้เริ่มขึ้นเพื่อทำให้คนรักกันสองคนแตกแยกกันจริงๆ สักหน่อย แต่พอเขาหลุดพูดออกไปแบบนั้น เจ้าของนัยน์ตาคมที่หลบซ่อนในมุมมืดก็ตวัดมามองเขาทันที “เฮ้ๆ อย่ามองแบบนั้นสิ ก็เธอบอกเองนี่นาว่า มันแค่เรื่องพิสูจน์ขำๆ น่ะ”“นายไม่ได้ชอบคิงหรือไง ทำไมไม่ฉวยโอกาสนี้ล่ะ”“มีโอกาสตรงไหนให้แทรก?”“...”“เธอก็เห็น วินาทีที่ไอ้หมอนั่นโผล่มา คิงได้มองคนอื่นไหม? สายตาสองคนนั้นมีแค่กันและกัน จะเอาตรงไหนให้คนนอกอย่างเธอกับฉันไปแทรกกันล่ะ”“...มันต้องมีสักทางสิ! มันจะจบแค่นี้ได้ยังไง”“อ้อ นี่ที่พยายามมาทั้งหมด พูดเสียดูดีว่าแค่ทดสอบผู้ชายคนนั้นกับคิง ก็คิดที่จะแย่งมาจริงๆ สินะ”“ฟิวส์!”เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกด้วยความโกรธเคืองทำเพียงยิ้มเยาะมุมปากส่งให้ แล้วพ่นควันสีขาวให้ล่องลอยไปช้าๆ “แย่งคนไหนล่ะ? หมอนั่นเหรอ? ที่ชื่อเพจน่ะ”“ฉันไม่ได้ชอบเขา”“งั้นก็คิง?”“...”“ว้าว” น้ำเสียงของฟิวส์ติดจะล้อเลียนมากกว่าจะประหลาดใจจริงๆ เพราะเอาจริงๆ เขาก็พอจะเดาได้จากสายตาที่เธอมองไปยังเพจ พบว่ามันก็แค่การเสแสร้ง ต่างจากตอนที่เขาเห็นเธอจ้องมองคิงในยามเผลอไผล เขาเดินออกจากแสงไปหาคนที่แอบซ่อนจนใบหน้าส่วนหนึ่งถูกกลืนไปกับความมืด สบตากับดวงตาที่เจือด้วยความโกรธนั่น“เหลือเชื่อแฮะ ที่คนอย่างเธอจะชอบหมอนั่น”“อย่างน้อยก็น่าหลงไปชอบมากกว่าคนแบบนาย!”“แล้วยังไง? สุดท้ายไม่ว่าเธอหรือฉันก็ไม่ได้อยู่ดี”“...”“ถอดใจเถอะ ฉันขี้เกียจร่วมเล่นไปกับเธอแล้ว หมอนั่นเกลียดขี้หน้าฉันจนทำงานด้วยกันแทบไม่ได้แล้วเนี่ย”“ฟิวส์! นายจะหยุดง่ายๆ แค่นี้เหรอ ไม่ได้นะ!” ทันทีที่ฟิวส์ตัดสินใจหันหลังเตรียมจะกลับไปยังห้องพัก ร่างที่แอบซ่อนมาตลอดก็วิ่งตามมายื้อยุดไว้ ทว่าเธอเพิ่งจะมาสังเกตว่าไม่ใช่เพราะแรงที่เธอยื้อฟิวส์จึงหยุดยืน แต่เป็นเพราะตรงหน้าของพวกเขาสองคนคือใครคนหนึ่งที่เป็นหัวข้อสนทนาของเขากำลังยืนมองอยู่ต่างหาก“นี่...มันหมายความว่ายังไง?”คิงถามขึ้นขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องที่คนสองคนที่นิ่งไปราวกับถูกสาปทันทีสังเกตเห็นเขา ความจริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจมาแอบฟังอะไร ทว่าวินาทีที่ได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากของคนทั้งสอง มันทำให้เขาไม่อาจกลับห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ยิ่งเห็นความตกใจจากใบหน้าของ ‘เธอ’ คนนั้น คนเดียวกับที่พี่เพจบอกว่าเป็นคนเรียกพี่เพจให้มาเจอเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ในดวงตาของคิงยิ่งฉายแววผิดหวังและเหมือนเธอจะเห็น ใบหน้าตกตะลึงจึงเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกผิดแทนแต่แค่นั้นมันจะพออะไรกับสิ่งที่เสียไป?มันไม่อาจซ่อมความรู้สึกที่เสียไปได้เสียหน่อยนึกมาถึงตรงนี้คิงก็พลันหวนคิดถึงคำพูดที่พี่เพจได้เตือนตนเองเอาไว้ถึงเรื่องทีกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้‘พี่เพจหมายความว่ายังไง?’‘หมายถึงว่าเรื่องในวันนี้เหมือนถูกจัดฉากมากกว่าบังเอิญน่ะสิ’คิงขมวดคิ้ว ‘แต่...การที่เราสองคนผิดใจกันมันจะทำให้คนที่วางแผนได้ประโยชน์ยังไง’‘ก็แทรกกลาง...แย่งใครคนใดคนหนึ่งน่ะสิ’‘แย่งพี่เพจ?’แทนที่เพจจะพยักหน้าตามคำพูดของคิง เขากลับส่ายหน้าและจิ้มลงที่กล้างหน้าผากของคนตรงหน้า แทนการยืนยันว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้คือเรื่องจริง‘เป้าหมายของคนที่วางแผนคือเราต่างหาก’‘ห๊า! คิงเนี่ยนะ’‘ใช่ อ้อ พี่ไม่คิดหรอกนะว่าคนที่วางแผนทั้งหมดนี่คือเจ้าเด็กฟิวส์นั่น เพราะมันคงเป็นแผนที่โง่เกินไป’‘แล้ว...’‘คนที่คิดแผนนี้ขึ้นมาคือผู้หญิงคนที่พาพี่มาคนนั้น’‘...’‘ผู้หญิงคนนั้นคือ...’“ฝ้าย...”“คิง รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าเป็นฝ้าย”คิงเบือนหน้าหลบสายตานั้นของฝ้ายที่มองมา เพราะนอกจากความตกใจและรู้สึกผิดแล้วมันยังเจือด้วยความรู้สึกที่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมี“พี่เพจสงสัยฝ้ายน่ะ”“ว่าแล้วเชียว”“ฝ้ายทำทั้งหมดนี่ไปเพื่ออะไร ฝ้าย...ชอบพี่เพจเหรอ”แทนที่เธอจะตอบ เธอกลับหัวเราะออกมาและเลิกยื้อฟิวส์เอาไว้ก่อนจะเดินตรงมาหาคิงจนพวกเขาห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ใกล้จนคิงได้เห็นใบหน้าอ่อนหวานของหญิงสาวได้ชัดเจน พอๆ กับที่ฝ้ายมองเห็นแต่ความไม่เข้าใจและเสียใจจากนัยน์ตาของคิงที่มองไปยังเธอ“ฝ้ายไม่ได้ชอบพี่เพจ”“งั้นทำไม...”“คิงจำไม่ได้เหรอ?”“...”“จำเราไม่ได้จริงๆ เหรอ?”“...”“ที่เราทำไปทั้งหมด เพราะคิงต่างหาก”เอาแล้วววววหายไปหลายวันเลย นอนโง่ๆ กับไปเรียนเสริมค่ะ 55555 ขอโทษค่า ใกล้จะจบไปทุกทีแล้ววว ><เจอกันตอนหน้าเช่นเคยค่ะ :NAVY