กฎข้อที่ 4 อย่าเผยความรู้สึกออกไป
คุณไม่ได้สมบูรณ์แบบเลย ที่รัก
แต่เพราะแบบนั้น
คุณถึงได้กลายมาเป็นส่วนต่อเติมให้ผมสมบูรณ์ได้ในที่สุด
เด็กๆ ผมเคยวาดฝันเอาไว้เสียมากมาย อยากจะเป็นคุณหมอถือเข็มฉีดยาเท่ๆ อยากเป็นนักธุรกิจสร้างฝันตัวเองขึ้นมาด้วยสองมือ แม้กระทั่งอยากเป็นทหารอาการ ขับเครื่องบินรบไปทั่วท้องฟ้ากว้าง
จวบจนโตขึ้น ผมผ่านเรื่องราวมากมายเกินกว่าจะนับได้หมดว่ามีเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเท่าไหร่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ความฝันของผมก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสิ่งที่ผมเห็นและรู้สึก
เมื่อผมมองพ่อแม่ของผมที่พลันแก่ชราลงทุกปีที่ผมเติบโต ผมมักจะคิดเสมอว่าผมขอเป็นอะไรก็ได้ที่หาเงินให้พ่อและแม่ของผมได้อยู่สบาย ได้ไปไหนมาไหนอย่างที่ใจหวัง ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าเงินเดือนนี้จะพอจ่ายหรือไม่
เมื่อการเงินมั่นคงพอที่จะสร้างชีวิตของตัวเอง ผมก็แค่อยากสร้างบ้านหลังเล็กๆ สักหลัง มีเพื่อนบ้านที่น่ารัก เลี้ยงหมาสักตัว...และอยู่จับมือกับใครสักคนไปจนแก่เฒ่า
พอถึงตอนนี้เมื่อคิดๆ ดูก็ได้แต่หลุดหัวเราะ เพราะไอ้เรื่องสุดท้ายเนี่ย ผมดันไม่เคยคิดเสียด้วยว่า คนที่ผมอยากจะจับมือดูแลกันไปจนแก่นั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
ก่อนที่จะมาเจอพี่เพจ ไม่คิดหรอกครับว่าจะชอบผู้ชาย คือผมก็เด็กผู้ชายวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป มีชอบหญิงตามจีบข้ามโรงเรียนก็ออกบ่อย เพียงแต่ที่มันต่างออกไปคงเป็น...ผมไม่เคยลืมพี่เพจไปจากหัวใจได้อย่างจริงจัง
บ้านเกิดของผมอยู่ต่างจังหวัด แต่โรงเรียนมัธยมและมหาลัยที่ผมเรียนอยู่นั้นอยู่คนละจังหวัดแถมไกลกันสุดๆ ผมเลยใช้ชีวิตเด็กหอมาตั้งแต่ครั้งมัธยมจึงเคยชินกับการอยู่คนเดียวมาตลอด ผมไม่คาดหวังถึงตัวเองในอนาคตว่าจะมีใครมาอยู่ด้วยหรือจะได้เจอใครมาเปลี่ยนความคิดแบบนั้น จวบจนวันที่ได้พบกับพี่เพจ...มันอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่เหมือนการที่ได้พบพี่เขามันทำให้ผมเปลี่ยนไปจากเดิม
ผมอยากมีพี่เขาอยู่ในชีวิต อยากมีคนๆ นั้นที่ผมไม่อาจลืมคนนั้นมาอยู่ในชีวิตของผม
ไม่ต้องเป็นคนรักก็ได้ แต่แค่อยากให้ในสายตาของผมได้มีเงาร่างพี่เขาบ้างสักครั้งก็ยังดี
พอผมคิดได้แบบนี้ ผมก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาผมไปจีบหญิงถึงได้จีบไม่เคยติด ทั้งยังโดนตอกหน้าว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วทำไมถึงมาจีบคนอื่น อะไรแบบนั้น
บางทีพวกเธอคงจะมองออกด้วยสัญชาตญาณอันละเอียดอ่อนของเพศหญิง พวกเธออาจจะมองเห็น...อะไรบางอย่างที่ผมมักซ่อนอยู่ในแววตาของตัวเองยามที่ทอดมองตัวเธอ
เธอคงมองออกว่าผมมักจะจินตนาการเสมอ ถึงใครคนนั้นที่ตอนนั้นผมไม่มีโอกาสได้พบอีกครั้งคนนั้น
มองเห็นว่าผมมักจะคิดถึงภาพตัวเองได้เดินเคียงข้างคนๆ นั้น
พวกเธอมองออกว่าพบรอใครบางคนอยู่
เพียงแต่ต่อให้ละเอียดอ่อนเพียงใด เธอก็ยังมองออกเพียงแค่ผมชอบคนๆ นั้นมาก แต่ไม่ได้มองเห็นถึงความสิ้นหวังที่แฝงในความรู้สึกที่แสดงอกมานั้น
ความสิ้นหวังที่มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
ผมไม่มีวันมีเขาในชีวิต ไม่ว่าจะรอนานอีกเท่าไหร่
แม้กระทั่งวันนี้ที่เราได้เจอกันอีก ผมก็ยังรู้สึกเช่นเดิม ไม่ว่าระยะห่างระหว่างเราจะสั้นลงอีกกี่เซ็น มันก็ยังคงเดิม
ผมรู้อยู่แล้ว รู้ตั้งแต่รักหมดหัวใจ
ผมมีสิทธิแค่มองพี่เขามีความสุขกับใครสักคนที่เขารักไปตลอดชีวิตเท่านั้น
“ไม่เข้าไปหรือไง?”
“...!!!” ผมสะดุ้งไปกับแรงที่กดลงบนไหล่ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและเสียงโหวกเหวกบริเวณห้องซ้อมดนตรีของมหาลัย ซึ่งตอนนี้ถูกยึดครองโดยกลุ่มรุ่นพี่ปีสี่ของคณะผมเอง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมมอยู่ตรงนี้ จากตรงนี้ผมมองเห็นเพียงกลุ่มผมของพี่เพจขับไหวไปมาเท่านั้น เพราะบริเวณทางเข้าออกที่เห็นประตูกระจกใสมีแต่บรรดาแฟนคลับของกลุ่มพี่เพจออเต็มไปหมด จนผมไม่มีทางแทรกเข้าไปได้ เมื่อมองไปยังใบหน้าของผู้ที่ทักผม ผมก็อดจะอึ้งไปไม่ได้ เสียงนี่ ผมลืมไปได้ยังไงกัน
เขาคือนักร้องนำของวงที่พี่เพจเป็นมือกีต้าร์หรือพี่สิงห์ หัวหน้าวง Merci ของพี่เพจ
“ไม่ดีกว่าครับ คงไปรบกวนเปล่าๆ”
ผมยิ้มเจื่อนๆ ขยับถอยห่างไปจากตัวของพี่สิงห์เล็กน้อยด้วยความประหม่า แต่ก็ยังไม่ประหม่าเท่าตอนที่ยืนข้างพี่เพจ พี่สิงห์มีสีหน้าไม่เข้าใจนิดหน่อย ก่อนจะพูดทิ้งท้ายหนึ่งประโยค
“เห็นวันนั้นเดินมากับไอ้เพจ นึกว่าสนิทกันเสียอีก”
“...”
“ถ้ายังไงอยากเข้าก็เดินเข้าไปดูได้ เด็กคณะเราพี่ไม่ว่าอะไรหรอก”
แล้วพี่สิงห์ก็ตบหัวผมเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป
ถ้าแค่เดินมาด้วยกันหมายถึงสนิท แล้วพี่ที่อยู่กับพี่เพจมาเกือบสี่ปีควรให้คำจำกัดความว่าไงล่ะครับคุณพี่
โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มผู้หญิงบางส่วนที่มีเรียนต่อรอบบ่ายพากันทยอยหายไป จนมีที่ว่างเหลือสำหรับผมให้แทรกเขาไปยืนมองได้ ผมจึงได้เห็นบรรยากาศซ้อมภายในได้ค่อนข้างชัดเจน จากตอนแรกที่พี่สิงห์เข้าไปก็ร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วที่พวกพี่เขาเริ่มซ้อมกัน ทว่ากลับมีเหงื่อเกาะพราวไปตามเนื้อตัวเหมือนไปวิ่งรอบสนามกันมาสักสิบรอบ จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ซ้อมดนตรีเนี่ยมันเหนื่อยขนาดนั้นเลยหรือไง
ผมก้มหน้ามองนาฬิกาที่เดินต่อไปเรื่อยๆ สลับกับมองรอบตัวที่คนเริ่มบางตาลงทุกที แหงล่ะ ตอนแรกก็คงจะเห่อกันมาดูกลุ่มนักดนตรีซ้อมขึ้นแสดงงานเทศกาลดนตรี แต่ใครมันจะบ้าเห่อดูเฝ้าจนซ้อมจบกัน
อ้อ มีอยู่คน
ผมเอง -_-)//
ใครใช้ให้ชอบเขาหัวปักหัวปำ จนรู้สึกว่าแค่ได้มองเสี้ยวหน้าผ่านกระจกก็มีความสุขแล้วแบบนี้กันเล่า!
ดังนั้นสภาพความเป็นอยู่ของผมในหลายชั่วโมงต่อมาคือปักหลักนั่งอยู่แถวๆ หน้าห้องซ้อม คอยมองเข้าไปข้างในบ้าง แอบสลับมาให้ความสนใจงานที่หยิบออกมาทำบ้าง จนแสงสุดท้ายของวันหายไปเมื่อตอนที่ผมหายไปซื้อของและกลับมายังห้องซ้อมที่ยังเปิดไฟอยู่นั่นล่ะ ผมถึงได้รู้สึกตัวว่าควรกลับหอได้แล้ว เพราะดูท่าพวกพี่เขาน่าจะซ้อมกันดึก
ผมดูของในถุงเซเว่นอันประกอบไปด้วยพวกน้ำ เกลือแร่หรือพวกเครื่องดื่มชูกำลัง มีแม้กระทั่งขนมหรือของกินเล่นที่น่าจะช่วยแก้เรื่องความหิวของพี่เขาได้ไม่มากก็น้อย ก่อนจะวางมันลงหน้าประตูโดยพยายามให้คนที่เดินออกมาเห็นมันชัดๆ แน่นอนว่าผมผูกถุงและกำกับชื่อพี่เพจเอาไว้กันคนมาแอบฉวยหยิบไปหรือมีการเข้าใจผิดกันขึ้น
ก่อนจะไปผมแอบยื่นหน้าเข้าไปดูข้างใน พวกพี่เขายังคงซ้อมกันอย่างบ้าคลั่งเหมือนจะไปแข่งเวทีระดับโลก กระนั้นเมื่อเห็นพี่เพจที่ดีดกีต้าร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
คืนนี้จะนอนหลับไหมหนอ ไอ้คิงจอมเพ้อเจ้อ
ผมก้าวออกจากบริเวณห้องซ้อมดนตรีท่ามกลางความมืดมิดและแสงสลัวจางๆ จากไฟถนน แล้วถอนหายใจ
เฮ้อ...
คืนนี้ผมคงต้องรอจนกว่าเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆ ดังขึ้น ถึงจะหลับสนิทอีกแล้วสินะ
“เพจ มีคนฝากมาให้มึงแน่ะ”
เสียงพูดอันเป็นเอกลักษณ์ของเกมมือเบสของวงดังขึ้นหลังจากหายไปเข้าห้องน้ำในเวลาพัก เพจละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนบนผนังบอกเวลาเกือบสามทุ่ม แล้วรับถุงนั้นมาจากเพื่อน ทันทีที่เห็นของในนั้นก็อดถามกลับไปไม่ได้
“ใครวะ?”
“ถามกูแล้วกูจะถามใครล่ะ ก็ซ้อมด้วยกันตลอด แฟนคลับมึงมั้ง”
“หิว มีของกินมั้ย?” ทีม มือกลองลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาเขาเมื่อได้ยินว่ามีของฝากมา ก่อนจะฉวยไส้กรอกเวฟกับเกลือแร่ไปหนึ่งขวด ซึ่งของที่เหลือเขาก็ได้ขี้เหนียวอะไร จึงยื่นแจกจ่ายให้เพื่อนในวงจนครบ เหลือเอาไว้สองสามอย่างที่เป็นของโปรดของเขา ราวกับคนซื้อของพวกนี้จะรู้ดีว่า ต่อให้จะให้เขาแค่คนเดียวเขาก็จะแบ่งเพื่อนในวงจนหมดอย่างไรอย่างนั้น
“แฟนคลับมึงแน่ๆ ไม่งั้นจะรู้ได้ไงว่ามึงแพ้กุ้ง” นิน รับหน้าที่เล่นคีย์บอร์ดพูดขึ้นบ้างโดยมือหนึ่งถือกล่องข้าวผัดไก่เกาหลีที่เขาชอบซื้อบ่อยๆ ขึ้นมา อีกข้างถือขนมปังกระเทียมเข้าปากเคี้ยวไม่หยุด เพจเองก็คิดแบบนั้นจึงฉวยเอาข้าวกล่องกลับมาเปิดกิน แต่กระนั้นก็ยังคาใจอยู่นิดๆ
โอเค เขาแม้จะไม่ได้หล่อเหลาเทียบเท่าเหล่าดาวเดือนหรือเด่นอะไรขนาดนั้น แต่ก็มีแฟนคลับมีคนมาชอบไม่น้อยไม่แปลกที่จะมีคนหอบเอาข้าวของมาให้ แต่ไม่เคยมีแฟนคลับหรือใครคนนั้นกล้าเอาของที่จะให้มาทิ้งไว้แบบนี้ ส่วนมากจนกว่าเขาจะรับนั่นล่ะถึงจะยอมไป ไม่มีหรอกมาวางทิ้งไว้แล้วเขียนแค่ชื่อของเขา
ใครกันนะ?
สิงห์กระดกเครื่องดื่มชูกำลังนิ่วหน้าคิดนิดหน่อย แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปมันจะดูเป็นไปไม่ได้ แต่...มันอาจจะเป็นจริงก็ได้ “เมื่อกี้ก่อนซ้อมกูเจอเด็กที่เคยเดินมากับมึงด้วย เพจ”
“คนไหน?”
“ทำอย่างกับมีหลายคน คนที่ทำแขนเสื้อมึงเปื้อนเลือดอ่ะ”
“อ้อ น้องคิง ทำไม?”
“ไม่รู้เข้าใจผิดหรือเปล่านะ แต่ที่สังเกตมาตลอด พวกที่มาดูๆ เราซ้อมทุกทีไม่ค่อยมีเด็กคณะเราสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่คณะอื่น บางทีคนที่เอาของมาวางเอาไว้อาจจะเป็นน้องมันก็ได้ เพราะถ้าเป็นเด็กคนอื่น เขาคงจะถือวิสาสะเข้ามาให้กับตัวมากกว่า”
“...ไม่ใช่มั้ง” คิงน่ะนะ?
อืม...เขาคิดภาพเด็กคนนั้นหอบถุงเซเว่นใหญ่ๆ มาวางเอาไว้ไม่ออกเลยแฮะ
“ตอนแรกกูก็ถามแล้วนะว่าจะเข้าไปดูในห้องซ้อมไหม? น้องมันก็ส่ายหน้าไม่เอาลูกเดียว โคตรขี้เกรงใจ ทั้งที่กูไม่ได้ห้ามอะไรเลยกับน้องในคณะ พอรวมๆ กับที่กูเห็นว่ามึงเคยเดินมากับน้องมัน เลยคิดว่าน้องน่าจะซื้อมาให้มึงนั่นแหละ แต่ไม่กล้าเอาเข้ามาให้”
“...”
“แต่...ก็แค่การสันนิฐานนะ”
เพจหลุดยิ้มออกมานิดหน่อยแล้วพยักหน้าตาม “คงงั้นมั้ง”
เขาไม่ได้คล้อยตามอะไรกับสิ่งที่เพื่อนพูด แต่ไอ้ที่เพื่อนบอกว่าคิงน่าจะเป็นคนทิ้งไว้น่ะ เห็นด้วยเต็มๆ
ถามว่ามั่นใจมั้ย? อืม...ก็เกินครึ่งนะ
รู้ได้ยังไงน่ะเหรอ?
‘บัตรประจำตัวนิสิต ชื่อ – นามสกุล: นายคนิน นาวากุล...’คงไม่มีใครคนไหนแอบซื้อของมาให้แล้ว ‘เผลอ’ ทำบัตรประจำตัวนิสิตของคนอื่นหล่นในถุงหรอก
.
.
อันที่จริง ถ้าหากคิงเป็นผู้หญิงและแสดงออกว่าชอบเขาอีกสักนิด เขาว่านี่มันการอ่อยชัดๆ เลยนะเนี่ย -.-
แต่ผมรู้ดี รู้หมดทั้งใจนั่นล่ะ
ผมรู้ว่าส่วนที่ขาดหายที่คุณรอ
มันไม่มีวันเป็นผม
[/i]
ถนนหนทางตอนกลางคืนช่วงใกล้เข้าวันใหม่ยังคงวังเวงและเงียบเหงาเช่นที่ผ่านๆ มาเหมือนเดิม
เพจคุ้นเคยและชินเสียแล้วกับที่บางทีเขาพาสภาพร่างโทรมๆ ของตัวเองหลังจากซ้อมดนตรีเพื่อไปแสดงในงานดนตรีกลับหอในช่วงเวลาแบบนี้ นี้ก็ร่วมสัปดาห์แล้วที่เขาใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับการเรียน อ่านโน้ตหรือซ้อมดนตรี ทุ่มเทกับโปรเจ็คในสองสามชั่วโมงก่อนจะหลับเป็นตาย แล้วตื่นขึ้นมาในรุ่งสางเพื่อไปเรียนวนลูปเดิมๆ
มันเคยเป็นแบบนั้นมาตลอดจริงๆ
ยอมรับว่าเหนื่อยและบางทีก็เหงานิดๆ ทว่าเขาก็มีเพื่อนเยอะแยะ ทำไมยังเหงาอีกนะ
บางทีอาจจะแค่อิจฉาก็ได้ แต่เวลาที่เขาได้เห็นเพื่อนเดินออกจากห้องซ้อมแล้วเจอใครรออยู่ ไม่ว่าจะหลับรอหรือตื่นรอ มันก็ชวนอบอุ่นใจจริงๆ ทั้งที่คนเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาเอาอกเอาใจ แค่ถามว่าเหนื่อยไหม? กลับบ้านกัน... แค่นั้นแต่ทำให้เขาอิจฉาอย่างประหลาด
เฮ้อ...อยากมีแฟนกับเขาบ้างจริงๆ น้า
พอคิดมาถึงตรงนี้เพจก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ บนถนนสายเล็กๆ ที่ตรงไปยังหอพักของตัวเอง คนแบบเขาเนี่ยนะอยากจะมีแฟน เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครมาเดินข้างเขา เขาที่ทั้งเอาใจแต่และดื้อรั้นแบบที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันรู้ได้เท่าตัวเขาเอง แม้ภายนอกเขาจะดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ดูเหมือนไม่อะไรกับใครมาก ตัวเขานี่แหละรู้ดีที่สุดว่าเขานั้นนิสัยเสียแค่ไหน
ยากที่จะหาคนที่ทนเขาได้ นอกจากครอบครัวของเขาคงไม่มีอีก
หรือถ้ามี
“พี่เพจ? ทำไมกลับดึกจังครับ”
เขาก็อาจจะมองข้ามไปแบบไม่รู้ตัวก็ได้
“พี่ต้องถามเรามากกว่ามั้ง? จะตีหนึ่งอยู่แล้วนะ ลงมาทำอะไร”
คิงดูลนลานนิดหน่อย ก่อนเหมือนจะสังเกตเห็นถุงในมือตัวเองจึงยกขึ้นมา “เอ่อ...อ่านหนังสือแล้วหิว เลย...”
“แวะเซเว่นหาอะไรกินว่างั้น” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารัวๆ เหมือนเขาไม่เชื่อ เพจก็หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งจนได้ แต่ครั้งนี้เขาหัวเราะเต็มเสียงทั้งยังทิ้งร่องรอยเอาไว้เป็นรอยยิ้มที่มุมปาก ลากยาวไปถึงในดวงตาที่หยีโค้งอารมณ์ดี ร่างสูงกวาดแขนไปโอบไหล่รุ่นน้องที่ยืนห่างจากตัวเองไม่กี่ก้าว พูดจาเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน
“งั้นเดี๋ยวไปหาที่นั่งเล่นใต้หอกัน พี่ซื้อข้าวมากินเหมือนกัน”
ราวกับเขารู้ รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่มีทางผลักให้เขาถอยห่าง หากเขาจะแสดงตัวตนของ ‘ตัวเอง’ ออกมาอีกสักนิด ทั้งที่เขาไม่ได้มั่นใจอะไรเลยสักนิด
เขาแค่วางใจในตัวเด็กคนนี้ แม้จะมีเวลาทำความรู้จักคุ้นเคยแค่เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น
ทว่าเพจกลับไม่รู้เลยว่า ต่อให้เขาแสดงความดื้อรั้นเอาแต่ใจมากขึ้นอีกนิด เด็กคนนี้ก็ไม่เคยนึกว่า ซ้ำร้ายจะยินดีเสียด้วยซ้ำที่ได้พบมุมที่ไม่ว่าใครก็ยังไม่ได้พบจากเขา
คิงฉวยเอาไอติมสีหวานเข้าปาก กัดกร้วมๆ สลับกับมองสีหน้าเหนื่อยล้าของคนข้างๆ ไปด้วย โชคดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่เขาดันเลือกไอติมแท่งยักษคู่ จึงออกแรงหักมันแบ่งออกเป็นสองส่วน ยื่นส่วนที่ยังไม่มีรอยกัดไปให้อีกคน
“กินมั้ยครับ ชื่นใจดีนะ”
“แต้งกิ้ว”
ทังสองคนเดินไปตาทางที่สว่างด้วยแสงไปไม่กี่จุด ผ่านความเงียบรอบตัวไปโดยไร้ซึ่งคำพูด หากก็ไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ ราวกับพวกเขาเดินเคียงข้างกันเช่นนี้มาเนิ่นนาน นานจนไม่ต้องหาคำพูดหรือบทสนทนาใดมาเปรยเพื่อขับไล่ความกระอักกระอ่วนของความสัมพันธ์ที่ก่อร่างได้ไม่นาน
หรือบางที...มันอาจเป็นเพราะมีหนึ่งฝ่ายที่ยอมสละตัวให้เป็นที่ไว้วางใจ จนทำให้อีกคนรับรู้ถึงความสบายใจยามที่ได้อยู่ด้วยก็เป็นได้
“ช่วงนี้พี่เพจกลับดึกบ่อยไปไหมครับเนี่ย?”
“ดึกเหรอ? ช่วงปีสองที่ไปกินเหล้าทุกวันดึกกว่านี้อีก”
“แต่นี่พี่อยู่ปีสี่แล้ว โปรเจ็คมันหนักมากไม่ใช่หรือครับ” คิงเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ มองสบดวงตาคู่นั้นที่ก้มลงมองเขาเช่นกัน รอบใต้ตาของเพจดำคล้ำเหมือนคนอดนอน
“ตาดำเป็นหมีแพนด้าเลย นี่อย่าบอกนะครับว่ากลับจากซ้อมดนตรีแล้วพี่ยังนั่งอ่านทำโปรเจ็คต่ออีกอ่ะ”
“งานมันเร่ง” เพจตอบสบายๆ พลางกัดไอติมไปด้วย เขายกมือข้างที่ถูกน้ำหวานจากไอติมหยดใส่ขึ้นเลียเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกก็เห็นเพียงแต่ใบหน้าของคิงหันไปทางอื่น แม้จะแปลกใจแต่เขาก็ไม่ได้สงสัยอะไรไปมากกว่าน้องมันแค่มองวิวดูทางอะไรเรื่อยเปื่อย ใครจะไปรู้ หากเพจยอมชะโงกหน้ามองไปด้วยความสงสัยอีกนิด เขาก็จะเห็นริ้วแดงเรื่อตั้งแต่แก้มไล่จรดใบหูขาวสะอาดนั่น เพราะคิงดันอดคิดอกุศลไม่ได้กับภาพที่รุ่นพี่ที่ชอบแลบลิ้นเลียคราบน้ำหวานบนมือตัวเอง
ไม่ได้หื่นนะเว้ย! ก็ผู้ชายป่ะวะ!!
“เราอ่ะ ทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ อ่านหนังสือเตรียมสอบก็เร็วไปมั้ง”
“แค่อ่านทบทวนบทเรียนเฉยๆ ครับ”
จุดๆ นี้ใครมันจะไปกล้าบอกวะ ว่านั่งเล่นเกมเฝ้าประตูห้องตัวเอง รอเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆ น่ะ -_-
แถมมันไม่ใช่คืนแรกเสียด้วยสิ...
เพจพยักหน้าเอ่ยชมเชยรุ่นน้องที่ขยันแสนขยัน พร้อมกับเล่าเรื่องตัวเองตอนใกล้สอบให้ฟัง เสียงหัวเราะที่เคล้าคลอไปกับลมเย็นๆ ของตอนกลางคืนทำให้คิงรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เขาชอบบรรยากาศแบบนี้ บรรยากาศที่เหมือนตอนนี้ทั้งโลกมีเพียงแค่พวกเขาสองคนที่ยังตื่นอยู่
ชอบที่ได้เดินกลับหอด้วยกัน
เขาชอบพี่เพจมากจริงๆ
ไม่นานพวกเขาก็เดินถึงหอพัก ใต้ตึกยังคงมีแสงไฟและเง่างของยามประจำหอพักรางๆ เพจมองนาฬิกาในโทรศัพท์ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม จริงๆ เขาก็อยากจะนั่งกินข้างล่างให้มันเสร็จๆ บนห้องจะได้ไม่มีกลิ่นอาหาร แต่ตอนนี้ก็จะตีหนึ่งครึ่งเข้าไปแล้ว เขากลับไปกินบนห้องดีกว่า
“พี่ว่าจะไปกินในห้องแทนละ คิงล่ะ?”
คิงเองก็เดาได้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้จึงพยักหน้า เดินตามกันไปยังห้องพักของแต่ละคน
ก่อนจะแยกย้ายเพจเรียกรุ่นน้องไว้ที่หน้าห้อง ล้วงหยิบบัตรนิสิตที่อีกฝ่ายลืมเอาไว้ในถุงเสบียงนั่น ไม่รู้ว่าลืมจริงหรือถูกเก็บได้ แต่ยังไงก็คืนไปก่อนแล้วกัน
“อ่ะ เก็บบัตรดีๆ สิคิง”
“ขอบคุณครับ พี่เพจไปเก็บได้จากไหนอ่ะ ผมหาตั้งนานแน่ะ” สีหน้าแปลกใจของคิงไม่ได้เหนือความคาดหมายของเพจสักเท่าไหร่ เขาแสร้งยิ้มหน้าซื่อตอบคำตอบที่รู้อยู่แล้วว่าจะทำให้เด็กตรงหน้าทำสีหน้าแบบไหนออกมา
จะยังไงคิงก็เป็นเด็กที่เขาแกล้งแล้วสนุกที่สุดอยู่ดี
“ในถุงขนมที่วางหน้าห้องซ้อมดนตรีน่ะ”
“...”
“ข้าวผัดไก่เกาหลีอร่อยมากกกก รู้ได้ไงว่าพี่ชอบ” เพจอมยิ้มเมื่อสีหน้าสบายๆ ของคิงค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าโกหกแอบมีความลับ หลบตาเขาเป็นพัลวัน ไม่รู้ทำไมเขาถึงดีใจสุดๆ ที่ตัวเองไม่ได้เดาผิด
เป็นเด็กคนนี้จริงๆ ด้วย
“ขอบคุณนะ พวกพี่รอดตายเลยล่ะ”
“...ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร เดี๋ยวจะซื้อไปฝากอีกแล้วกันครับ”
คิงว่าเสียงเบา แต่กระนั้นด้วยเวลาย่างเข้าวันใหม่ จะมีใครมายืนคุยเสียงดังนอกห้องเหมือนพวกเขาอีก เพจจึงได้ยินอย่างชัดเจน ยิ่งแสงไฟสลัวๆ ตามทางเดินอาบไล้พวงแก้มที่ขึ้นสีริ้วแดงๆ จากความเขินอาย รอยยิ้มมุมปากก็ยิ่งขยายกว้าง
“งั้นคราวหน้าขอเสต็กลุงหนวด”
“หากินเองเถอะครับ แบบนั้นน่ะ -_-^”
“อ้าว ไหนว่าจะซื้อให้อ่ะ”
“แพงไปป่ะล่ะ อยากกินก็เอาเงินมาสิครับ”
“นี่จะเลี้ยงรุ่นพี่ไม่ใช่หรือไงคิง มาขอเงินได้ไงน่าเกลียด”
“รุ่นพี่ที่ขูดรีดเงินรุ่นน้องมาเลี้ยงตัวเองนี่น่าอายน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะครับ -_-“
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ซื้ออะไรมาก็ได้ พี่กินหมดแหละ” คิงหน้าบูดขึ้นทุกที แต่เพจกลับยิ้มแป้น ดันหลังให้อีกคนกลับเข้าห้อง ทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายปิดประตู เพื่อส่งอีกคนเข้านอนในตอนเช้าวันใหม่เสียที
“นอนได้แล้ว เด็กดีเขาไม่นอนดึกหรอกนะ”
“มานอนเช้าแทนเลยไง โคตรเด็กดีเลยดิเนี่ย”
“ไปนอนได้แล้ว!”
“พี่เพจด้วย รีบกินข้าวอาบน้ำนอนได้แล้วนะครับ”
เพจยิ้มอ่อนใจ โคลงศีรษะให้เด็กที่ดื้อไม่ยอมนอนเสียทีตรงหน้า “แล้วเมื่อไหร่จะได้นอนล่ะ ฮึ?”
“จนกว่าพี่จะเข้าห้อง”
“...”
“ผมแค่อยากได้ยินเสียงพี่ปิดประตูเข้าไปเท่านั้นเอง”
“ได้ๆ พี่ปิดประตูแล้วนอนเลยนะ”
“ครับ”
“คิง”
“ครับ?”
“ฝันดีนะ”
พระเจ้าช่วย กล้วยทอด
เดาสิครับว่าเช้าวันนี้ไอ้คิงจะได้นอนกับเขาไหม?
ยังคงอ่อยอย่างต่อเนื่องงง
ฝากติดตามเช่นเคย
:NAVY