►Get it back ll นี่มึงเป็นแฟนเก่าหรือเจ้ากรรมนายเวร [Chapter 10] 21.10.18 ◣PAGE 5◢
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►Get it back ll นี่มึงเป็นแฟนเก่าหรือเจ้ากรรมนายเวร [Chapter 10] 21.10.18 ◣PAGE 5◢  (อ่าน 23665 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ยังไงกันแน่ รอความจริงคลี่คลาย :hao4:
ลุ้นจนตัวโก่ง :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
เราว่าให้เรื่องเดินหน้าอีกสักนิดจะดีไหมอ่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ส่วนตัวคิดว่าเตน่าจะไม่ใช่คนปล่อยรูปอะไรนั่น และชมคนเขียนเลยว่าเขียนได้น่าประทับใจมากๆ :mew6:

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
อะไรอ่ะ ซับซ้อนว่ะพิณ เตทำอะไรมาจะเป็นยังไงนี่ไม่รู้
แต่พิณใจยังไม่แข็งพออ่ะ อ่อนง่ายมากเลย อาจเป็นเพราะว่าเรากับพิณมีนิสัยที่ตรงกันข้ามเลยรู้สึกหงุดหงิดหน่อยๆที่บอกว่าจะไม่เอาไม่เอาแต่เอาอะไรประมาณนี้
ตอนนี้ไม่เชิงเจ้ากรรมนายดวรแล้วล่ะ เรียกว่าความสับสนมากกว่า นี่ก็ไม่รู้ว่าเตทำอะไรมา แต่ส่วนใหญ่ตามพล็อตคือพระเอกมักดีแต่นายเอกเข้าใจผิด หรือพระเอกอาจจะมีเหตุผลบางอย่างไรงี้ เดามั่ว
นี่อ่านก็อิน เผื่อคนเขียนจะคิดมาก เราแค่อินกับพิณประมาณเราไม่เข้าใจ เพราะชีวิตตัดคนออกจากชีวิตได้ขาดเสมอ สรุปเราคิดมากเอง55555555

ออฟไลน์ Red_Enchanted

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
CHAPTER SIX

- We are tormented because love goes on not because it goes away. -

   
   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเต รู้สึกโกรธตัวเองเป็นอย่างมากที่เผลอร้องไห้จนหลับไป ผมไม่เข้าใจตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือผมไม่เข้าใจเต เขาไม่ควรจะกลับมาทำแบบนี้กับผมทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นคนที่เคยผลักไสผมเองกับมือ บางที...เขาอาจจะรู้สึกผิด แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาได้ชดเชยสิ่งที่เคยทำลงไป

   ผมขยับตัวลุกออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ เพราะกลัวว่าการเคลื่อนไหวของผมจะไปปลุกใครอีกคนให้ตื่นขึ้น

   หมับ!

   “จะหนีไปไหน” แต่ผมก็ขยับตัวได้ไม่เบาพอ เตลืมตาขึ้นมาแล้วจับยื้อแขนผมเอาไว้

   “ปล่อย” ผมพูดอย่างไร้น้ำเสียง

   “พิณ” เขาเรียก “เลิกหนีเถอะ คุยกันได้แล้ว”

   ผมนั่งหันหลังให้เขา ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง ผมกลัวว่าไอ้สายตาอ้อนวอนบ้าๆของเขามันจะมันให้ผมเสียการควบคุม แต่ก็เพราะสิ่งที่เขาบอกในประโยคที่แล้ว บอกให้ผมเลิกหนี ทำให้ผมต้องแสยะยิ้มขึ้นอย่างนึกขันกับตลกร้ายที่ออกมาจากปากของเจ้าตัว

   เขาเองแท้ๆที่เป็นคนหนีมาตลอด

   “เอาสิ” ในที่สุดผมก็เปิดปากตอบ “อยากจะพูดอะไรก็พูด”

   เสียงที่เปล่งออกไปไม่ได้แข็งกร้าวอย่างที่ผมตั้งใจเอาไว้ มันไม่ได้อ่อนแอหรือเย็นชา มันเป็นเสียงที่ไร้ความรู้สึกจนตัวผมเองยังตกใจ เตจับแขนผมเอาไว้อย่างนั้น เสี้ยววินาทีนึงเขาเหมือนพยายามจะขยับตัวเข้ามาใกล้แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ

   “เรื่องรูปที่หลุดออกมาเมื่อสามปีก่อน...” เสียงของเขาแหบพร่ากว่าที่เคยเป็น แต่มันไม่มีความลังเลใดแฝงอยู่ในนั้น “เตขอโทษ”

   มันเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ

   เตไม่รู้สักนิด เขาไม่รู้สักนิดว่าทำไมผมถึงจากเขามา

   “งั้นหรอ” ผมเอ่ย แต่นั่นไม่ได้เป็นประโยคคำถาม ไม่ได้เป็นประโยคปฏิเสธ ไม่แม้กระทั่งเป็นการตอบรับคำขอโทษของเต มันเป็นเพียงแค่คำที่ผมเอ่ยออกมาเพราะความสมเพช สมเพชทั้งตัวเองและคนที่กำลังยื้อผมเอาไว้ในตอนนี้ “จะมาขอโทษทำไม”

   “พิณ...”

   “ตอนนั้น เราก็อยู่ด้วยกัน มันก็ผิดกันทั้งสองฝ่าย” ผมพูดเสียงเบา หากแต่มันเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “กูก็ผิดที่ไว้ใจมึงด้วยแหละ”

   “เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่พิณคิดนะ” เขาบีบแขนผมแรงขึ้นเหมือนกลัวว่าผมจะเดินลุกหนีไปก่อนที่เขาจะได้อธิบายอะไรจบ ผมหันไปมองเขาด้วยหางตาแล้วถามขึ้น

   “กูคิดอะไรหรอ”

   เตคิดว่าผมโง่ โง่...ขนาดไหนกัน

   “พิณเข้าใจผิด” เตพูดขึ้นมาอย่างเร่งร้อน แต่ก็เว้นไปนานอยู่เหมือนกันก่อนจะเอ่ยประโยคถัดจากนั้น “เตไม่ได้เป็นคนปล่อยรูป”

   “หึ...” ผมแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ อยากจะระเบิดหัวเราะใส่หน้าเตให้ดังๆแต่มันก็ทำไม่ได้ สัมผัสแผ่วเบาที่แขนทำให้ผมรู้สึกรวดร้าวแม้คนจับจะไม่ได้ออกแรงบีบอะไร บรรยากาศทั้งห้องเงียบไปชั่วเวลานึงซึ่งผมก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ก่อนที่ผมจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น “ที่ตามลงมาจากเหนือก็เพื่อจะอธิบายแค่นี้ใช่มั้ย”

   “หมายความว่ายังไง” เตถามขึ้นเหมือนเขากำลังสับสน

   “ก็อย่างที่ถามไป” ผมย้ำอีกรอบ “ที่ตามลงมาจากเหนือนี่เพื่อจะมาพูดแค่นี้หรอ”

   “พิณ เตไม่ได้โกหก”

   เตขยับเข้ามาใกล้ เขาเอาหน้าผากซบแตะลงบนท้ายทอยของผม น้ำเสียงเขาเหนื่อยเกินอธิบาย ผมไม่ได้ขัดขืนสัมผัสนั่นแต่ก็ไม่ได้ตอบรับอะไร

   “กูรู้ว่ามึงไม่ได้โกหก” น้ำตาของผมไหลจากความอัดอั้น แต่เตไม่รู้เพราะเขาไม่เห็น ไม่แม้กระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นของผมทั้งที่เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ “แต่มึงก็ยังเป็นคนโกหก”

   “นี่พิณไม่เชื่อเตหรอ”

   “เรื่องคนที่ปล่อยรูป...” ผมพูดทิ้งจังหวะ ก่อนจะสูดหายใจเข้าเพื่อปรับอารมณ์ตัวเองไม่ให้มันดาวน์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ พลางค่อยๆแกะมือเตออกจากแขนแม้ว่าเจ้าตัวเองจะไม่ให้ความร่วมมือ “กูรู้มาตั้งนานแล้วว่าไม่ใช่มึง”

   “…” เขาเงียบ ผมลุกออกจากเตียง บรรยายในห้องไม่ได้ดีมากขึ้นไปกว่าที่มันเคยเป็น

   “ถ้ามึงมาเพราะอยากขอโทษเรื่องนี้ก็ไม่ต้อง” เตยังคงไม่ตอบรับคำพูดของผม ระยะห่างระหว่างร่างกายเราตอนนี้มันมีอยู่ไม่มาก แต่หากจะพูดถึงในเรื่องของความรู้สึก เตยังอยู่ไกลจากผมมาก เขาอยู่ไกลจนสุดสายตามอง “มันไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องขอโทษ มันไม่ใช่เรื่องที่เราติดค้างอะไรกัน”

   ร่างกายทั้งหมดของผมชาซ่าน เพียงสิ่งเดียวที่ยังมีความรู้สึกอยู่ตอนนี้คือหัวใจ หัวใจที่เจ็บทุกครั้งที่ผมหายใจเข้าออก

   “ถ้ามึงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เราคงหมดธุระกันแค่นี้” ผมพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนอนของเต ไม่มีการเหนี่ยวรั้งใดจากคนที่นั่งอยู่บนเตียง ไม่มีแม้แต่เสียงเรียกชื่อยื้อเอาไว้ ผมเดินไปเก็บชามที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ เหลือบไปมองทางประตูห้องนอนด้วยความหวังอะไรไม่รู้ที่มีอยู่ในใจ

   ถ้าเพียงแต่เขาลุกออกมา ถ้าเพียงแต่เขาถามถึงสาเหตุจริงๆที่ผมหนีเขามาจากเหนือในวินาทีนี้

   บางที...แค่บางที ผมอาจจะตอบ

   ผมยืนนับเลขอยู่ตรงนั้น วนจากหนึ่งถึงสิบเกือบห้ารอบแต่เขาก็ไม่ได้ออกมา

   ไม่ได้ออกมารั้งผมไว้

   น่าประหลาดที่ผมไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการกระทำนั้นเลยแม้แต่น้อย

   ผมยิ้มอย่างสมเพชการกระทำตัวเองที่มันสวนทางกับตรรกะที่คิดไว้ไปเสียหมด ความเกลียดโกรธแค้นสามารถทำให้คนคนหนึ่งโง่งมได้เพียงใด ความรักก็คงทำเช่นนั้นได้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผมมีความรู้สึกทั้งสองอย่างนั้นให้กับคนเพียงคนเดียว

   มันทำให้ผมโง่เง่าจนน่ารำคาญ

   ผมเดินออกมาจากห้องของเต ผ่านมาเข้ามาในห้องของตัวเอง นาฬิกาบนผนังห้องบอกเวลาว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงเช้า จ้องอยู่ได้ไม่นานความสนใจของผมก็หลุดลอยหายไปเหมือนความคิดในสมองมันกลับกลายไปเป็นความว่างเปล่า

   ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำไหลชะโลมตัวทั้งที่ยังไม่ถอดเสื้อผ้า

   แล้วผมก็ร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง

   ร้องไห้ออกมาเพราะหัวใจของผมเจ็บ

   สิ่งที่มากไปกว่าการที่เขาทำผิด คือเขาไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันคือความผิด

   เตคิดว่าผมโง่จนไม่รู้ว่าคนที่ปล่อยรูปเป็นใคร เขาคิดว่าผมหน้ามือตามัวขนาดไหนที่จะปักใจว่าคนที่ปล่อยรูปเป็นเขาโดยไม่สืบอะไรเลย ผมเสียใจที่เตคิดว่าผมทิ้งเขามาเพียงเพราะเรื่องรูปหลุดบ้าๆนั่น

   ผมคิดว่าเตรู้จักผมดี แต่ผมเพิ่งมารู้ตอนนี้ว่ามันคงจะไม่ดีมากพอ

   เพราะถ้าเขารู้จักผมจริงๆ เขาจะรู้ เขาจะรู้ว่า...

   …ผมจะไม่ทิ้งเขามาเพียงแค่เพราะความอับอาย




   [ สามปีที่แล้ว ]

   “ไม่เห็นรู้เลยว่ามึงลงสีกับเขาเป็นด้วย” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นพลางชะโงกหน้ามาดูใครบางคนที่กำลังจับพู่กันทาสีป้ายรณรงค์ของโรงเรียนอยู่อย่างขมักเขม่น สรรพนามของเขาสองคนเปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะความสนิทสนมที่เพิ่มขึ้น

   “ตลกแล้วพิณ เรื่องศิลปะนี่กูออกจะดังนะ ตอนอยู่โรงเรียนเก่าไปประกวดได้รางวัลมาตั้งหลายรางวัล เคยชนะระดับประเทศมาตั้งสองสามครั้ง” เตชภณละมือจากงานศิลป์ตรงหน้ามาอย่างเคืองๆเมื่อคนตัวเล็กดูท่าทางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย ทั้งที่เตชภณเองจำเรื่องราวเกี่ยวกับคู่สนทนาได้ตั้งเยอะ พีรการต์วางถังสีในมือลงก่อนจะนั่งลงข้างเขา

   “จะไปรู้หรอ เห็นชอบเล่นบาส ก็นึกว่าไปสายกีฬาอย่างเดียว” พีรการต์พูดขึ้นอย่างตั้งใจกวนประสาทร่างสูง เขาหัวเราะขันๆในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลงช่วยคนโมโหทาสีที่ป้ายรณรงค์ ไม่นานนักร่างเล็กก็เหลือบตามองการทำงานของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม จึงสังเกตเห็นได้ว่าเตชภณละมือออกไปกดโทรศัพท์นานแล้ว “อ้าว ล้อเล่นแค่นี้เลยเลิกช่วยเลยหรอ”

   พีรการต์แซวอย่างไม่จริงจัง อันที่จริงทาสีป้ายนี้คนเดียวก็ไม่ได้เหนื่อยมากนัก เพราะนี่มันเป็นป้ายอันเล็กขนาดไม่เกินเมตรครึ่งเท่านั้น ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเท่าไหร่ ที่พูดไปก็เพราะอยากจะง้อคนโดนกวนประสาทต่างหาก

   “นี่ไง!” เตชภณร้องเสียงดังเมื่อเจอบางอย่างในโทรศัพท์ ทำให้คนอื่นๆที่มาช่วยงานอยู่บริเวณนั้นต้องหันมามอง แต่ไม่นานนักก็หันกลับไป “นี่ไงพิณ รูปที่กูได้รับรางวัลกับนายกอ่ะ”

   “ฮ่าๆๆๆ” คนถูกเรียกหัวเราะขึ้นอย่างถูกใจ เหมือนเจ้าคนอวดรางวัลจะไม่รู้จริงๆนั่นแหละว่าที่เขาพูดไปเมื่อกี้เป็นเพียงแค่การหยอกเล่นเท่านั้น เสียงหัวเราะของพีรการต์ทำให้เตหน้าหงอกขึ้นมากกว่าเดิม “เชื่อแต่แรกแล้ว ไม่ต้องเอารูปมาให้ดูขนาดนั้นหรอกน่า”

   “นี่หะ...”

   “พิณ!” เสียงแหลมเล็กเรียกของใครบางคนตัดประโยคสนทนาขึ้นมาก่อนที่เตจะได้พูดจบ เตชภณผินหน้าไปถามเสียงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นคนถูกเรียกก็ตาม เด็กหญิงคนนั้นเป็นคนที่เตคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

   “อ้าว เบล” พิณขานรับเสียงอ่อย เตเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมพิณถึงทำน้ำเสียงแบบนั้นออกไป

   “มานั่งทำบอร์ดทำไมไม่เรียกเลยละ นึกว่าพิณกลับบ้านไปแล้วซะอีก” เด็กสาวยังคงพูดอย่างเจื้อยแจ้ว เธอเดินมาใกล้ก่อนจะถือวิสาวะนั่งคั่นกลางระหว่างสองคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้า จากนั้นก็หันไปยังคนร่างหนาที่เมื่อกี้นั่งยักคิ้วให้เธอออยู่สองสามที “ว่าไงเต”

   “ไงเบล นึกว่าจะไม่ทักกันซะละ” ร่างสูงรับคำทักทายอย่างสนิทสนม การกระทำนั้นสร้างความประหลาดใจให้พีรการต์อยู่ไม่น้อย

   “อ้าว สองคนนี้รู้จักกันหรอ” พีรการต์ถามขึ้น

   “รู้จักกันสิ เบลรู้จักกับเตมาก่อนที่พิณจะรู้จักอีก” เด็กสาวเอ่ยเสียงใส “เตไม่ได้บอกหรอ”

   “อือ...ไม่ได้บอก” พิณขานรับอย่างไม่เต็มน้ำเสียงนัก เขาไม่อยากจะซักไซร้เตถึงแม้จะอยากรู้ว่าทั้งสองคนไปรู้จักกันได้อย่างไร ส่วนเตเองก็ไม่ได้มีท่าทีที่อยากอธิบายอะไร

   เบลยื่นมือเข้ามาช่วยทาสีบอร์ดทำให้งานที่ทำอยู่คืบหน้าไปเร็วขึ้น เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงป้ายบอร์ดก็ถูกลงสีจนเต็ม พีรการต์พบว่าเตกับเบลเองสนิทกันมากกว่าที่เขาคิดไว้ พิณออกจะประหลาดใจหน่อยๆว่าทำไมเขาถึงไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ แม้จะเพิ่งได้รู้จักกับเตไม่นานนัก แต่ตัวเขาเองก็สนิทกับทั้งสอง วันที่ลูกบาสเข้าตาพิณครั้งนั้นเตกับเบลก็ไม่ได้มีท่าทีเหมือนเป็นคนรู้จักกันสักนิด

   ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างพุ่งเข้าโจมตีข้างในใจของร่างเล็ก พิณรู้สึกไม่ดีจนต้องพยายามสลัดมันทิ้งออกไป

   เขามีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงเตกัน ได้เมื่อเขากับเตไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าเพื่อน แถมเบลเองก็บอกเขามาตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอปลาบปลื้มเตชภณ เขาควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ทั้งสองคนรู้จักกัน นั่นเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดีที่เขาพึ่งกระทำให้เบล

   รู้จักกันก็ดีแล้ว

   พิณสรุปกับตัวเองอย่างนั้นระหว่างที่กำลังล้างสีที่เปื้อนมือ

   “อ๊า...” จู่ๆเบลก็ร้องออกมาเมื่อเธอก้มลงไปมองที่โทรศัพท์ระหว่างเตกำลังเก็บล้างอุปกรณ์อย่างขะมักเขม้น รุ่นน้องที่อยู่แถวนั้นเดินมายกบอร์ดไปไว้กลางสนามเพื่อผึ่งแดดให้สีแห้ง “พ่อโทรมาตั้งหกสาย สงสัยมารอรับนานแล้วมั้งเนี่ย”

   “งั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้พวกเตเก็บเองได้” ร่างสูงพูดขึ้นระหว่างที่เดินกลับมาหยิบพู่กันที่วางทิ้งไว้เพื่อเอากลับไปล้างที่ซิงค์ เด็กสาวพยักหน้าให้กับเตน้อยๆก่อนจะวิ่งออกไป เตหันกลับเดินไปที่อ่างเมื่อเบลพ้นสายตาไปแล้ว

   เขาเดินเอาพู่กันไปล้างข้างๆพิณที่ก้มหน้าก้มตาล้างมืออยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไอ้สีที่เปื้อนอยู่บนมือมันดันติดทนเกินความจำเป็น

   “นั่นมันสีรองพื้น ล้างลูบๆแบบนี้ไม่ออกหรอก” เตทักขึ้น ไม่รอให้พิณได้ตอบอะไร ร่างสูงก็เอื้อมไปคว้ามือบางมา ล้างให้อย่างตั้งใจเสมือนเป็นธุระของเจ้าตัว เตใช้เล็บที่หัวแม่มือขูดสีที่เปื้อนอยู่ออกเบาๆ แต่เพราะว่าพิณเป็นคนขาวจัด สัมผัสเหล่านั้นจึงทิ้งรอยแดงบนมือไว้บ้างแบบประปราย “เจ็บมั้ย”

   พิณเงียบไปชั่วอึดใจด้วยความรู้สึกแปลกข้างในแบบที่เขาบอกไม่ถูก ก่อนที่เขาจะรวบรวมสติตอบออกไปได้ “ไม่เจ็บ” พิณกัดริมฝีปากล่างทันทีที่ได้ยินเสียงของตัวเองที่ตอบออกไป น้ำเสียงของเขามันทั้งสั่นทั้งอ่อนไหวมากเสียจนน่าอาย ถ้ามุดดินลงไปได้พิณคงทำไปแล้ว

   “วันนี้พูดน้อยจัง” เตขำในลำคอ ถ้ามองไม่ผิดร่างสูงนั้นเลิกให้ความสนใจกับรอยเปื้อนที่มือของพิณไปแล้ว เขาเอาแต่จ้องพิณอยู่อย่างนั้นจนร่างบางเองรู้สึกเห่อร้อนบนใบหน้า ไม่รู้ว่าเตจะได้ยินมั้ย แต่เสียงหัวใจของพีรการต์มันเต้นดังขึ้นอย่างน่าตกใจ มือทั้งสองยังจับกันอยู่ตรงน้ำที่ไหลผ่าน เพียงแต่มันไม่มีจากเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้นอีกแล้ว

   พีรการต์อยากจะหลบตาคนตรงหน้า แต่เขาก็ทำไม่ได้ ส่วนเตเองก็แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่

   “เห้ย! ไอ้เต!” เสียงเรียกเอ่ยชื่อทำให้ร่างสูงผละออกไปจากพิณแทบจะทันที คนตัวเล็กลุกลี้ลุกลนหันไปปิดน้ำพลางทบทวนความในหัวว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้คืออะไร แต่คิดได้ไม่นานนักความสนใจก็ถูกแย่งไปโดยบทสนทนาที่เกิดขึ้นกับคนมาใหม่เสียก่อน

   “เชี้ยเปรม เรียกเบาๆก็ได้ กูตกใจหมด” เตหันไปว่าอย่างนั้น คนมาเยือนเป็นใครสักคนที่พิณคุ้นหน้า เขาเป็นผู้ชายที่มีส่วนสูงกลางๆ หน้าตากลางๆ ทุกอย่างดูกลางไปหมดจนไม่มีอะไรโดดเด่น พิณจำได้ว่าเคยเห็นเขาในโรงอาหารอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ผ่านตาไปทุกที

    “หายไปเลยนะมึง” เปรมว่า เขายักคิ้วให้กับเตเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาร่างเล็กที่ยืนงงอยู่ “หวัดดีพิณ”

   พิณพยักหน้ายิ้มรับคำทักทายเล็กน้อย ไม่ได้แปลกใจอะไรที่คนตรงหน้ารู้ชื่อเสียงเรียงนามของตน ในเมื่อตัวพิณเองก็ทำกิจกรรมอยู่บ่อยๆ ไม่แปลกที่จะพอมีคนรู้จักชื่ออยู่บ้าง

   “กูก็งงว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มาสวีตอยู่กับพิณนี่เอง” เปรมล้อขึ้นอย่างสนุกปาก พิณไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรกับคำพูดนี้ดี ใจเขาที่เพิ่งจะสงบไปกลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง

   “ไอ้ห่า เพื่อนกัน” เตว่าขึ้นพลางเอื้อมมือไปดันหัวเปรมแรงๆ เป็นการบอกปัดที่ดูไม่ออกว่ามีความเก้อเขินปนอยู่ในนั้นด้วยหรือไม่ คนถูกทำร้ายสบถขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก

   “เออๆๆ เพื่อนก็เพื่อน อย่าให้กูจับได้นะมึง กูจะล้อไปจนลูกมึงบวชเลยคอยดู!” เปรมยังคงแซวและกวนประสาทเตจนร่างสูงเองแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เห็นดังนั้นคนที่กำลังสนุกปากอยู่จึงหยุดล้อ พวกเขาคุยกันต่อสองสามคำ ได้ความว่ารุ่นพี่ที่สนามบ่นถึงการหายตัวไปของเต เจ้าตัวควรจะโผล่หน้าไปที่นั่นเสียหน่อยหากไม่อยากให้เพื่อนเลิกคบ

   ทั้งสองใช้เวลาไม่นานในการพูดคุยกันก่อนที่เปรมจะละออกไป เตหันมายังร่างบางที่ยืนอยู่ พิณไม่รู้ว่าเขารออยู่ตรงนี้ทำไมด้วยซ้ำ แต่เขาก็รอ

   “วันนี้กลับกับเฮียภีมหรือเปล่า” เตหันมาถาม ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขาเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่พิณจะได้ตอบอะไรออกไป “ถ้านัดแกไว้ว่าจะกลับ ก็โทรไปบอกเลยว่าวันนี้จะไปกับกู”

   “ไปไหน”

   “กูอยากขึ้นเขา”




   พีรการต์ไม่อยากขึ้นเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในวันที่อากาศเย็นแบบนี้ ช่วงนี้เมืองไทยเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ยิ่งเป็นบนภูเขาทางเหนือด้วยแล้วอากาศยิ่งหนาวเป็นพิเศษ แม้จะมีเสื้อแจ็คเก็ตติดตัวมาโรงเรียน แต่เสื้อนั่นก็ไม่ได้ทุกทำขึ้นมาเพื่อกันอากาศหนาวขนาดนี้

   เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ผิดที่เสื้อหรอก มันผิดที่พิณที่เป็นคนขี้หนาวต่างหาก

   ผิดมากขึ้นไปอีกเมื่อพิณยอมตามใจเตแล้วขึ้นมาบนเขานี่จนได้

   “วันนี้มึงเงียบผิดปกตินะ” เตเอ่ยพลางจูงมอเตอร์ไซค์เขาไปจอดที่ใต้ต้นไม้ เขาเดินมาแล้วหย่อนกายนั่งลงข้างพิณ “มีอะไรหรือเปล่า”

   “ไม่นิ” พิณตอบปฎิเสธ จะไปบอกได้อย่างไรว่าที่เงียบไปนี่เพราะกำลังครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเตกับเบล ถึงแม้เจ้าตัวจะนั่งอยู่ตรงนี้ก็เถอะ เขาก็ไม่กล้าถามอยู่ดี

   “ไม่ใช่ว่าคิดมากเรื่องกูกับเบลอยู่หรอกหรอ” เตถามเหมือนรู้ใจเขา พิณขบเม้มปากตัวเองไปมาพร้อมกระชับเสื้อกันหนาวให้แนบชิดกับร่างกายมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรเต เพราะไม่รู้ว่าคำตอบใดที่มันเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ “มันไม่มีอะไรหรอก”

   พิณมองตรงไปข้างหน้า หมอกที่ลงปกคลุมบนเขาในตอนนี้ทำให้พิณมองเห็นทัศนียภาพข้างหน้าไม่ชัดนัก

   “ถ้าเกิดว่ามีอะไร...” พิณเอ่ยปากออกมาอย่างลืมตัว เสียงของเขาเลือนลอยทั้งที่ยังมีสติครบถ้วนอยู่ “แล้วกูต้องรู้สึกยังไงหรอ”

   ช่วงนี้พีรการต์พูด ทำและคิดอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเสมอ บางครั้งเขาก็เอ่ยถามอะไรที่ตัวเองไม่ได้คาดหวังคำตอบให้เป็นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง บางครั้งเขาก็เอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองกลัวที่จะได้ยินคำตอบ

   “ไม่รู้สิ...แต่กูอยากให้มึงรู้สึกอะไรบ้าง” เตว่าพลางพิงศีรษะของเจ้าตัวลงมาที่ไหล่พิณ “อย่างที่กูรู้สึก”

   พีรการต์ไม่ใช่คนโง่ เขาฟังออกว่าเตกำลังพยายามสื่อสารอะไรบางอย่างกับเขา เพียงแต่ความคิดที่ส่งผ่านประโยคออกมานั้นมันฟังดูคลุมเครือและไม่ชัดเจน คนตัวเล็กเลือกที่จะไม่ตอบอะไรออกไป

   “พิณ” เตเรียกชื่อของร่างบางขึ้น หลังจากที่สังเกตได้ว่าพิณนั่งตัวสั่นมานานแล้ว “หนาวหรือเปล่า”

   “หนาวแล้วมึงจะยอมกลับบ้านหรอ” พีรการต์ถาม เขาเหลือบตาไปมองเจ้าคนตัวสูงที่นั่งอยู่อย่างไม่สะทกสะท้านกับสภาพอากาศ ไม่แม้แต่จะใส่เสื้อแขนยาวเลยด้วยซ้ำ

   “ยอมนะ” เตเว้นจังหวะพูดไปช่วงนึงก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวมึงไม่สบาย”

   พีรการต์อยากจะบอกความจริงออกไปอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าร่างสูงบอกจะยอมกลับบ้านน่ะนะ เพราะพิณเองก็ยังอยากใช้เวลาอยู่กับคนตรงหน้าให้นานกว่านี้หน่อย “ไม่หนาว” เขาตอบปฎิเสธ

   “ไม่หนาวจริงหรอ” เตเอื้อมมือทั้งสองเข้ามาจับแก้มเขา ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะไออุ่นหรือการกระทำของคนตรงหน้าที่ทำให้พิณเกิดอาการวูบวาบบนใบหน้าขึ้นมาอย่างประหลาด “ดูสิ แก้มเย็นเฉียบเลย”

   เอาอีกแล้ว...เตทำท่าทีแปลกๆที่ทำให้ใจเต้นแรงอีกแล้ว

   เตส่งยิ้มล้อเลียนให้พิณ แต่รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆที่จะเลือนหายไปจนกลายเป็นเพียงแค่การจับจ้อง

   พีรการต์หายใจเข้าออกอย่างติดขัดเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างสูงยังคงไม่ละสายตาไปไหน ร่างบางหลุบตาลงต่ำและกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความประหม่า เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุใดเตชภณจึงได้มีอิทธิพลกับเขาเยอะนักนับตั้งแต่ที่วันที่เขาทั้งสองที่เจอกันครั้งแรก

   เตมีอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่ดึงดูดเขาราวกับเวทมนตร์

   และพิณก็พยายามเป็นอย่างมากที่จะเพิกเฉยต่อแรงดึงดูดเหล่านั้นราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น

   แต่ยิ่งนานขึ้นมากเท่าไหร่ ความรู้สึกที่พิณมีต่อเตมันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นจนมันยากต่อการเพิกเฉยที่เขาเพียรทำอยู่ทุกวัน

   “พิณ” เตเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้เขาขนาดนี้ ใกล้จนขนาดที่ว่าพิณรู้สึกถึงลมหายใจของเขาได้ เตหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่เคลื่อนไหว ไม่พูดอะไรต่อ

   “อะไร” เสียงที่พิณขานรับออกไปก็ไร้ความหนักแน่นไม่แพ้กัน เตใช้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสวนอยู่ที่บริเวณมุมปากของร่างบาง พลางสายตาจับจ้องวางอยู่ตรงนั้นไม่ได้เลื่อนไปไหน

   เตชภณกลืนน้ำลาย สมองของร่างสูงในตอนนี้ว่างเปล่าเกินกว่าจะมานั่งคิดคำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ และเตหยุดตัวเองไม่ได้ เขาคิดอะไรไม่ออกเลย

   เตไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกที่ปะทุอยู่ในอกมันเป็นความรู้สึกแบบไหน

   หัวใจของเขาเต้นแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นเมื่อปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน

   “ถ้ากูจูบ...” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างลังเล “มึงจะต่อยกูมั้ย”

   …

   ..

   .

   “คงไม่”



.......................................................................................



คนเขียนขอเม้าท์: เกิดการหักมุมขึ้นเล็กน้อยค่ะ พิณไม่เคยเข้าใจเตผิดนะคะ พีรการต์ของเราไม่ใช่คนโง่ถึงแม้บางครั้งจะดูไม่พูดจนน่าหมั่นไส้ไปบ้างก็ตาม(ฮา) ปมจะคลายในไม่กี่ตอนข้างหน้านี้แล้วค่ะ รอกันหน่อยเนาะ
ปล.ขอโทษจริงๆที่หายไปหลายวันนะคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา จะพยายามกลับมาอัพให้ได้ทุกสองสามวันค่ะ  :hao5:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2017 20:28:14 โดย Red_Enchanted »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คนปล่อยรูป เป็นเบลใช่มั้ย
เต บอกไม่มีอะไรกับเบล
แต่ เบล ชอบเตแน่ๆ

ที่พิณ จากมา ไม่ใช่เพราะอับอาย
งั้นคงเพราะ เต มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเบลหรือเปล่า

เรื่องรูป คลิ้ปที่มีอะไรกัน
ถ่ายเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
แต่เห็นเป็นที่ระทึกกันนักต่อนัก
 
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
้เตคงจะเป็นคนที่น่าตีส่วนเบลอ่านแค่นี้ก็รู้สึกถึงกลิ่นไอค.สตอ

ออฟไลน์ JokerLK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอยย ไม่รู้จะว่ายังไง แต่ว่าชอบมาก ชอบมากๆ ชอบจริงๆไม่ล้อเล่นเลย เพิ่งมาเห็นแล้วก็อ่านรวดเดียวเลย
เราไม่รู้สึกว่าบทบรรยายมันยืดยาดหรืออะไรนะคะ บางเรื่องจะมีบทบรรยายที่ทำให้เราแค่กวาดตาอ่าน เพราะเราเป็นพวกอ่านแบบ skimming แต่เรื่องนี้เราอ่านแบบทุกคำ ทุกคำจริงๆค่ะ จริงๆเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้แต่อินมากเลยไม่รู้ทำไม 5555555 มีกำลังใจตรงนี้หนึ่งคนนะคะ รอตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ sentpai

  • เพราะโลกของแต่ละคนนั้นมันไม่เหมือนกัน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บรรยายดีมากครับ
สนุกมากกกก

ออฟไลน์ Papangtha

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คนปล่อยรูป เป็นเบลใช่มั้ย
เต บอกไม่มีอะไรกับเบล
แต่ เบล ชอบเตแน่ๆ

ที่พิณ จากมา ไม่ใช่เพราะอับอาย
งั้นคงเพราะ เต มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเบลหรือเปล่า

เรื่องรูป คลิปที่มีอะไรกัน
ถ่ายเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
แต่เห็นเป็นที่ระทึกกันนักต่อนัก
 
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะ เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพิณถึงหนีเตมา แล้วเบลล่ะเตเคลียร์เรียบร้อยแล้วหรือยังถึงได้มายุ่งกับพิณอีกแบบนี้

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
เดาไม่ยาก คนปล่อยน่าจะเบล
แต่เรื่องที่พิณผิดหวังในตัวเตคืออะไร
หรือว่าเตไม่ออกมาปกป้องอะไรพิณเลย
ถ้าเป็นแบบนั้นก็หน้าตัวเมียดีๆนี่เอง
เป็นเราเราก็ไม่กลับไปอะ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โอยยย อึดอัดแทนน้องพิณ รอติดตามต่อค่า

ปล. ท่อน [  “ปล่อย” ผมพูดอย่างไร้น้ำเสียง ] น่าจะเป็นพูด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์อะไรอย่างนี้หรือป่าวคะ อ่านแล้วมันสะดุดนิดดดนึงอ่ะค่ะ ถือว่าเสนอแนะเนอะๆ

ออฟไลน์ Red_Enchanted

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
CHAPTER SEVEN

- This is a modern fairytale with no happy endings. -


   
   ผมหันไปมองนาฬิกาปลุกประจำวันที่แผดเสียงดังขึ้นด้วยความว่างเปล่าในแววตา ผมหมกตัวอยู่ในห้องมาสองวันแล้ว ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ติดต่อกับใครแม้กระทั่งเฮียภีม แม้กระทั่งอาหารผมยังจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มีอะไรเข้าปากผมน่ะมันตอนไหน

   ส่วนคนข้างห้องที่ทำให้ผมมีอาการเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้มาวอแวอะไร

   พูดง่ายๆก็คือเตหายไปนั่นแหละ

   ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนได้กลิ่นเลือดจางๆ สมองของผมคิดย้ำแต่เรื่องเดิมๆจนผมเบื่อตัวเอง  ตลอดสองวันที่ผ่านมา...ผมสูญเสียความสนใจต่อสิ่งรอบกายไปจนหมด เพราะจิตใจที่ไม่เข้มแข็งพาเอาร่างกายของผมเหนื่อยอ่อน ผมนอนอยู่บนเตียงแทบจะตลอดเวลา

   ผมนึกย้อน

   เตไม่ควรจะกลับเข้ามาในชีวิตผม เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น

   เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของผมอีก

   ใช่ เตไม่มีสิทธิ์

   คิดได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นจากเตียงขึ้นเป็นครั้งแรกในหลายชั่วโมงและกดปิดดนาฬิกาปลุก ลำคอของผมแห้งผากจนแวบนึงที่ผมไม่คิดว่าจะมีเสียงใดเล็ดลอดออกมาได้อีก ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง ไม่มีข้อความจากเฮียภีม และนั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเฮียแกยุ่งอยู่กับการสอบมิดเทอม อย่างไรก็ตาม ในไลน์ของผมก็ยังมีข้อความจากใครหลายคนที่เข้ามาไถ่ถามว่าทำไมผมถึงไม่ไปโรงเรียน

   มีทั้งข้อความจากไอ้เกล้า ไอ้มะนาว เพื่อนร่วมชั้นบางคน และน้องแจง...

   ผมขมวดคิ้วเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก ก่อนจะเลือกกดเข้าช่องบทสนทนาระหว่างผมกับผู้กำกับละครภาษาอังกฤษปีนี้แล้วพิมพ์บางอย่างลงไป

   pPATn: แจง ช่วงนี้กองละครนอนกันที่ไหน (6.32 น.)

   ผมถามแต่ก็ไม่ได้รอคำตอบ ผมลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเป้ขนาดใหญ่มาจากหลังตู้ไม้บิวอินหลังใหญ่ จากนั้นก็เดินหาเตรียมข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าที่จำเป็น เช็คย้ำอีกรอบหนึ่งว่าไม่มีอะไรตกหล่นจึงเอาของทั้งหมดใส่ไปในเป้

   ติ๊ง!

   J.JANG: บางคนเริ่มนอนที่บ้านครูอ้อแล้วค่ะ ช่วงนี้ซ้อมดึก (6.35 น.)

   J.JANG: คงต้องเป็นอย่างนี้ไปกว่าวันแสดงจริง (6.35 น.)


   ผมยกมือถือขึ้นมาอ่านข้อความทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว เพราะปีที่แล้วก็ผมนี่แหละครับที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการแสดงละครเวทีภาษาอังกฤษของโรงเรียน ยิ่งใกล้วันจริงเท่าไหร่ยิ่งซ้อมหนัก และมันก็เป็นธรรมเนียมของชมรมละครทุกปี ที่อาทิตย์สุดท้ายของการซ้อมทุกคนจะต้องไปสุ่มหัวกันอยู่ที่บ้านครูอ้อซึ่งเป็นครูที่ปรึกษาในการทำละครเพื่อเร่งงาน

   ผมเม้มปากก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป

   pPATn: เดี๋ยวช่วงนี้พี่ไปค้างที่นั่นด้วย จะได้ช่วยพวกเราให้เต็มที่ (6.36 น.)

   J.JANG: จริงๆแจงก็เกรงใจนะคะ (6.36 น.)

   J.JANG: แต่ตอนนี้ชมรมก็ต้องการพี่ภัทรมากอ่ะค่ะ (6.36 น.)

   J.JANG: หายไปหลายวันเชียว 55555 (6.37 น.)


   ผมดีใจที่น้องแจงตอบมาอย่างนั้น บอกตามตรงคือตอนนี้ผมต้องการที่หลบภัยสักแห่งที่จะไม่เป็นอะไรที่ผิดสังเกตสำหรับเฮียภีม และการบ้ากิจกรรมที่โรงเรียนจนไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องก็เป็นเรื่องปกติวิสัยของผมอยู่แล้ว จึงคาดว่าเฮียภีมไม่น่าจะอะไร

   pPATn: งั้นก็ตกลงตามนี้ (6.37 น.)

   ผมพิมพ์ตอบไปอย่างนั้น ก่อนจะละไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปโรงเรียน แม้ว่าผมจะไม่ค่อยใส่ใจการเรียนในเทอมนี้มากเท่าไหร่ แต่ผมก็ต้องไปเข้าเรียนให้ครบไม่ให้หมดสิทธิ์สอบ เพราะถ้าไม่เช่นนั้นจีพีเอของผมมันจะถูกดึงลงไป

   และถึงอย่างไร การรับนักศึกษาเข้าเรียนในมหาลัยทางอเมริกาก็มีตัวเลขจีพีเอเป็นหนึ่งในเกณฑ์พิจารณาที่สำคัญ ผมจะพลาดการสมัครเข้าครั้งนี้ไม่ได้ สาเหตุหนึ่งก็เพราะผมมีอนาคตทั้งอนาคตเป็นเดิมพัน
และอีกสาเหตุนึงที่เพิ่งถูกเพิ่มขึ้นมาใหม่ก็คือ...

   ผมจะหนีเตอีกครั้ง และนี่คือวิธีของผม

   
   

   
   [สามปีที่แล้ว]

   ไม่มีอะไรชัดเจนเป็นรูปธรรมหลังจากจูบนั่น หรืออย่างน้อย...พีรการต์ก็คิดแบบนั้น

   ความสัมพันธ์ของเขาและเตชภณไม่ได้ดีขึ้นหรือแย่ลง เพียงแต่ว่ามันค่อนข้างจะเปลี่ยนรูปแบบและทิศทางไป เขาสองคนคุยกันมากขึ้น มีเวลาอยู่ด้วยกันส่วนตัวเป็นครั้งคราว มีจูบ กอด หอมแก้ม หรือพูดอะไรเลี่ยนๆตามแบบที่เตชอบทำ แต่ถึงกระนั้น เขาทั้งสองคนก็ไม่เคยคุยกันจริงจังเรื่องสถานะที่ทั้งคู่เป็นอยู่เลยสักครั้ง

   ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุย แต่ทุกครั้งที่พิณเลียบเคียงเอ่ยเปรยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เตเป็นต้องหลบเลี่ยงที่จะพูดถึงมันทุกครั้งไป และเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขยับขั้นสถานะความสัมพันธ์ พิณจึงปล่อยมึน เพราะเท่าที่เป็นอยู่มันก็ดีมากพอสำหรับเขาแล้ว

   อีกเรื่องนึงที่ใหม่สำหรับพิณนั่นก็คือ การที่เบลกับเตเริ่มจะสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เบลไม่ได้เข้ามาคั่นตรงกลาง ไม่ได้เข้ามาเป็นอุปสรรคขัดขวาง เธอแค่อยู่ตรงนั้น อยู่กับพวกเขาบ้างในบางเวลา เบลดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพิณกับเตลับหลังเธอ หรือบางที เธอก็อาจจะแกล้งไม่รู้เรื่อง

   เตและเบลกลับบ้านด้วยกันในบางครั้ง แม้ว่าบ้านเบลจะอยู่ใกล้กับบ้านพิณมากจนขนาดเดินถึงกันแต่จะมีบางวันที่เบลอิดออดไม่อยากอยู่รอพิณทำงานโรงเรียนในตอนเย็นจนต้องให้เตไปส่งที่บ้าน ทั้งที่ก่อนหน้านี้พ่อของเธอมักจะมารับ หรือไม่เธอก็รอกลับพร้อมพิณเสมอ มีบางวันที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องงานตอนเย็นด้วยซ้ำ

   ไม่ใช่ว่าพีรการต์โง่จนไม่รู้ว่าเบลคิดอะไรอยู่ เขารู้ แต่พิณไม่รู้จะเอาสิทธิ์ที่ไหนไปห้าม ในเมื่อเตชภณไม่เคยให้สิทธิ์อะไรกับเขาเลย แต่พิณก็ไม่อยากจะเรียกร้องอะไรทั้งนั้นด้วย

   ถ้าเตจะชอบเบล สถานะอะไรก็คงไปรั้งเตไว้ไม่อยู่

   และถึงอย่างไรเสีย เบลก็มองเห็นเตมาก่อนเขา

   “เบลกลับบ้านไปแล้วหรอ” เตชภณถามขึ้นเมื่อเห็นพิณเดินเข้ามาในห้องศิลปะ ช่วงนี้ร่างสูงต้องขลุกอยู่ที่นี่ทุกเย็นแม้ว่าจะไม่มีครูหรือนักเรียนคนใดอยู่แล้ว เนื่องจากว่าทางโรงเรียนต้องการให้เขาส่งผลงานด้านประติมากรรมเข้าประกวดในระดับจังหวัด และเตเองก็อยากลองด้านนี้อยู่แล้วเพราะเห็นว่ามันท้าทาย เขาจึงรับทำไป

   “ใช่ เห็นว่าต้องไปวัดตัวเช่าชุดอะไรสักอย่างนี่แหละ” พิณตอบ ห่อไหล่ลงเล็กน้อยขณะที่ก้มลงวางกระเป๋า ช่วงนี้โรงเรียนไม่ค่อยมีกิจกรรมเสียเท่าไหร่ เตเลยขอร้องแกมบังคับให้พิณมาที่นี่ทุกเย็น

   “อ่อ ที่ต้องไปเป็นคนกั้นประตูเงินประตูทองงานหมั้นพี่สาวหรือเปล่า” เตไม่ได้ถามพิณ ค่อนไปทางพรึมพรำอยู่กับตัวเองมากกว่า

   “กูไม่เห็นรู้” ร่างบางเดินลงมานั่งข้างๆ ในขณะที่เตกำลังใช้เหล็กอะไรสักอย่างขูดดินเหนียวเพื่อสร้างลวดลาย

   “เมื่อวานเบลบอกตอนกูขับรถไปส่งที่บ้าน” ร่างสูงพูดนิ่งๆ พลางขยับมือสร้างผลงานต่อไป

   “งั้นหรอ” พิณครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว “สนิทกันดีจัง”

   ประโยคพูดไร้น้ำเสียงออกมาจากปากพิณ มันไม่ใช่การประชดประชันหรือเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ มันคือคำพูดนิ่งๆที่พิณก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดออกไปทำไม

   “แล้วไม่ดีหรือไง” เตถาม แต่พิณไม่ได้ตอบ ร่างบางก้มลงมองดินเหนียวที่ถูกวางอยู่บนแป้นหมุนที่ตอนนี้ไม่ได้เคลื่อนที่เลยแม้แต่น้อย แววตาของพีรการต์แสดงออกถึงการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เตเช็ดมือลวกๆบนผ้าที่วางอยู่ไม่ใกล้ ก่อนจะเอื้อมมือมาหาพิณ “มานี่มา”

   พีรการต์ไม่ได้ตั้งคำถามในท่าทางของเต เขาเอื้อมไปจับมือที่ส่งมาไว้อย่างว่าง่าย เตชภณออกแรงดึงให้พิณไปนั่งบนตักเขาเบาๆ ก่อนจะเอาคางมาเกยไว้บนไหล่บาง

   “เล่นอะไร” พิณถาม เขาพยายามทำสีหน้าให้นิ่งแม้ว่าอวัยวะภายในอกข้างซ้ายจะเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาก็ตาม พีรการต์มั่นใจมากว่าเตจะต้องได้ยินเสียงหัวใจของเขา

   เตจูบที่หลังคอระหงส์ “เย็นแล้วยังตัวหอมอยู่เลย” ทั้งคำพูดทั้งการกระทำนั้นทำให้หน้าของพิณเห่อร้อนขึ้นมา

   “ก็ไม่ได้บ้าพลังเล่นกีฬาทั้งวันเหมือนคนบางคนนี่” พีรการต์อยากเอียวตัวไปมองคนข้างหลัง แต่เขาก็ไม่กล้าเพราะความเก้อเขิน “เหงื่อท่วมจนเหม็นไปหมดแล้ว”

   “เหม็นจริงหรอ” คนที่นั่งซ้อนหลังพูดขึ้นก่อนจะจูบหนักๆลงไปที่แก้มของพิณ จากนั้นก็ใช้จมูกไล้ไปมาตรงกกหูของคนตัวเล็ก พีรการต์ดันใบหน้าของเขาออกอย่างไม่จริงจังหนัก เตไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น แม้ว่าจะอยากทำ “งานปั้นกูสวยมั้ย”

   “เอ...จะตอบว่ายังไงดีละ” พิณพูดพลางเอามือไล้ไปตามดินเหนียวรูปร่าวพิลึกตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ระวังไม่ให้มันบิดรูป

   “ตอบตามความจริง” เตเอ่ย ก่อนจะเงียบไปอึดใจนึง “อย่าทำร้ายจิตใจกันมากไปก็พอ”

   “งั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วแหละ” พีรการต์พูดหยอก

   “โถ่...พิณ ใจร้ายไปมั้ย” เตชภณเอ่ย ไม่ได้ไม่รู้ว่าคนนั่งตักล้อเล่นในเมื่อเจ้าตัวเล่นขำคิกชัดเจนขนาดนั้น

   “เอาจริงๆนะ” พิณขมวดคิ้ว กัดมุมปากเล็กน้อย “ยังดูไม่ออกเลยเนี่ยว่ามันเป็นตัวอะไร”

   เตชภณไม่ได้โกรธอะไรที่พิณพูดออกมาอย่างนั้น เหตุนึงก็เพราะมันเป็นงานปั้นที่ยังเสร็จไม่ถึงครึ่ง ใครเดาออกก็คงแปลก ส่วนสาเหตุอื่นนอกเหนือจากนั้นก็มีแต่ความเอ็นดูล้วนๆ เตขำเล็กน้อยในลำคอ “ดอกไฮยาซิน” เตตอบ “รู้จักหรือเปล่า”

   “อือ” พิณครางรับพร้อมพยักหน้าขึ้นลง

   เตวาดแขนผ่านลำตัวบาง เขาชี้มือไปที่ผลงานบนแป้นหมุน “ไอ้ที่โค้งๆตรงนี้เป็นก้านดอก” เขาวาดมือชี้ไปยังส่วนต่างๆของงานปั้นเพื่ออธิบายให้พิณเห็นภาพคร่าวๆ ไม่ใช่ว่าเตจะไม่รู้ตัวว่าการที่เขาทำอย่างนี้มันทำให้ลำตัวของเขาทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นไปอีก แต่เขาก็ทำ “ตรงนี้เป็นใบ ส่วนนี้จะปั้นเป็นตัวดอกทีหลัง”  พูดจบเขาก็ลดมือลง “เตว่าจะไม่ลงสี”

   “ทำไมละ” พีรการต์ถามขึ้นในขณะที่เตชภณเอานิ้วที่ยังเปื้อนเศษดินอยู่นิดหน่อยมาเขี่ยมือบางเล่น

   “ดอกไฮยาซินมันก็เหมือนดอกกุหลาบอ่ะ มีหลายสี แต่ละสีก็มีความหมายเฉพาะของมัน” เตอธิบาย “ต้องให้คนดูเขาลงสีในใจเอง”

   พีรการต์อึ้งไป ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ว่าดอกไฮยาซินมีหลายสี อันที่จริง เขารู้ความหมายของแต่ละสีด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าพิณไม่เคยเห็นมุมที่ละเอียดอ่อนของเต เตชภณที่เขารู้จักเป็นคนขี้อ้อน ขี้หยอดและชอบเล่นสนุก เจ้าตัวเองมีลุคที่ค่อนข้างจะเหมือนเด็กเกเรนิดหน่อย ซึ่งนั่นทำให้พีรการต์คาดไม่ถึงว่าเตจะมีความเป็นศิลปินสูงขนาดนี้

   และนั่นมันก็ทำให้เขาตกหลุมรักเตมากขึ้นไปอีก

   “รู้มั้ยว่ามันเป็นดอกไม้ที่เกิดมาจากน้ำตาที่หยดลงบนเลือดน่ะ” พีรการต์เอ่ยปากถาม

   “ไปเอามาจากไหน” เตขมวดคิ้วสงสัย

   “อ่านเจอมาในหนังสือเทพนิยายกรีก”

   “เศร้านะ” เตชภณพูดขณะที่ใช้แขนดึงร่างเล็กให้เข้าไปชิดกับอกกว้างมากขึ้น “พิณ”

   “หือ” พีรการต์ครางรับคำเรียกชื่อในลำคอ

   “ถ้าลงสีได้ มึงจะลงสีดอกไฮยาซินดอกนี้ให้เป็นสีอะไร”

   “สีฟ้า” พิณตอบทันที ทั้งที่ไม่รู้ว่าคนถามคิดอะไรอยู่ในหัว แต่เขาก็ตอบ ร่างบางพูดย้ำอีกรอบ “สีฟ้า”

   


   แต๊ก! แต๊ก! ตะ...แต๊ก!

   “ไม่ติดเลยว่ะพิณ” เตเอ่ยขึ้นอย่างยอมจำนนหลังจากที่เขาใช้ความพยายามสตาร์ถเพื่อมอเตอร์ไซค์เจ้ากรรมของตัวเองมาประมาณห้านาทีได้ ร่างหนาเอามือเสยผมลวกๆเพื่อคลายความร้อน “วันนี้มึงคงต้องกลับกับเฮียภีม”

   “อ้าว แล้วมึงจะกลับยังไง” พีรการต์เอ่ย ก่อนจะมองไปรอบกาย “เย็นแล้วนะ”

   “ยังไม่ได้คิด” เตว่าอย่างไม่ยี่หระ “มึงโทรหาเฮียก่อนเถอะ”

   พีรการต์พยักหน้ารับคำ แล้วก้มกดโทรศัพท์หาพี่ชาย เสียงรอสายดังอยู่อึดใจนึงก่อนที่คนปลายสายจะรับ เสียงลมที่ผ่านเข้าหูโทรศัพท์มาทำให้พิณรู้ว่าพี่ชายของเขากำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับบ้าน แม้จะเกรงใจพี่ชายเล็กน้อย แต่พิณก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ

   สนทนาได้ไม่กี่ประโยคก็วางสายไป ได้ความว่าอีกไม่นานคนทางนู้นก็จะย้อนกลับมารับ

   “ขอโทษที เมื่อกี้ทำงานเพลินไปหน่อย” ร่างสูงข้างกายพูดขึ้น หลังจากที่พิณคุยโทรศัพท์เสร็จ “เฮียมึงเลยต้องย้อนไปย้อนมา”

   “นั่นนับว่าทำงานแล้วหรอ” พีรการต์เอ่ยขันๆ ตั้งแต่เข้าห้องศิลปะไปก็ไม่เห็นเตชภณจะได้ทำอะไรนอกจากแทะโลมเขา ทั้งทางสายตา กิริยาและคำพูด ถึงพิณจะไม่ได้รังเกียจสิ่งที่เตทำเท่าไหร่นัก เขาก็อดหมั่นไส้เมื่อเจ้าตัวเอาคำว่าทำงานมาอ้างไม่ได้   

   “คิดไปคิดมาก็ไม่นะ งั้นเปลี่ยนคำพูดใหม่ก็ได้” เตกล่าว เขาเอื้อมมือไปจับศีรษะของพิณ ลูบไปมาเสมือนเอาเส้นผมไปทัดไว้กับหูคนร่างบางทั้งที่พีรการต์เองก็ไม่ได้ผมยาวอะไร เตชภณขยับตัวเข้าไปใกล้คนข้างกายอีกนิด ก่อนจะจ้องไปในดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย “อยู่กับใครบางคนจนลืมเวลาไปหน่อย”

   ให้ตายเถอะ...

   และนั่นก็ทำให้พีรการต์หมดคำพูด เขาไม่กล้าที่จะหายใจแรงหลังจากฟังประโยคนั้นด้วยซ้ำ ร่างบางกัดปากตัวเองทันที มันเป็นกิริยาที่พิณชอบทำเวลาตัวเองประหม่าหรือเขินอาย ซึ่งท่าทางเหล่านั้นก็ทำให้หัวใจของเตเต้นแรงทุกครั้ง

   พิณ กัดปากแบบนั้นมันมากเกินไปแล้วนะ

   เตชภณรำพึงในใจ เขาไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเวลาอยู่ใกล้กับพีรการต์ มากไปกว่านั้นคือเขาหลีกเลี่ยงที่จะทำความเข้าใจกับมันด้วย รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อนไม่ควรกอดหรือจูบแบบที่พวกเขาสองคนทำกันอยู่แทบทุกวัน แต่เตก็เลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นความจริงข้อนั้นไป

   แล้วหลอกตัวเองว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นเพื่อนกัน


    “ไอ้พิณ!” เสียงตะโกนเรียกของใครบางคนทำให้เตผละออกจากพิณอย่างอัตโนมัติ ทั้งสองหันไปมองมอเตอร์ไซค์สองคันที่ขับมุ่งมาทางพวกเขา คันนึงมี ‘ภีม’ หรือ ‘ภูมิรพี’ เป็นคนขับ ส่วนอีกคันก็ถูกขับโดยเพื่อนของภีมซึ่งพิณเองก็ลืมชื่อไปแล้ว

   ไม่ถึงสามวินาทีต่อมามอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณที่พวกเขายืนอยู่ เตชภณหันไปไหว้คนมาใหม่ทั้งสองคนเพราะถือเป็นรุ่นพี่ แต่ไม่ทันทีเพื่อนของภีมจะรีบไหว้ ภูมิรพีก็ดึงความสนใจของทุกคนโดยการโยนกุญแจมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในมือไปให้น้องชายของตนเสียก่อน

   พีรการต์รับได้อย่างทันท่วงที

   “ขับคันนี้ไปส่งเพื่อนมึงที่บ้าน เดี๋ยวกูกลับกับไอ้บีม” คนมาใหม่จัดการวางแผนให้เตและพิณอย่างเสร็จสรรพ

   “ไม่ต้องก็ได้” เตขัดขึ้นมาทันที และนั่นทำให้ทั้งสามคนที่อยู่ในเหตุการณ์หันมาจ้องคนพูดอย่างไม่เข้าใจ เตชภณยืดหลังขึ้นมาเล็กน้อย “เอ่อ คือผมหมายถึงว่าบ้านผมมันค่อนขะ...”

   “เอาตามนั้นแหละ” ภูมิรพีเอ่ยตัดบทเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งที่เตชภณกำลังพยายามพูด เขาหันเดินกลับไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของบีมที่ยังไม่ได้ดับเครื่อง และก่อนที่ใครจะเอ่ยอะไรขึ้นมาอีกครั้ง พาหนะสองล้อนั่นก็ถูกขับออกไปแล้ว

   ทิ้งคนสองคนให้ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ

   “บ้านของมึงทำไม” พีรการต์ถามขึ้นเพื่อทำลายความอึดอัดหลังจากที่พี่ชายเขาลับสายตาไปแล้ว แต่เตชภณไม่ตอบ เขาขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างครุ่นคิด เห็นดังนั้นพิณจึงเอ่ยเรียกชื่อเขาขึ้น “เต”

   คนร่างสูงสะดุ้งเบา “เปล่า” เขากะพริบตาถี่เหมือนเพิ่งจะออกจากภวังค์ “ไม่มีอะไร”

   เตพูด จากนั้นก็เดินมาซ้อนมอเตอร์ไซค์ที่พิณขึ้นค่อมอยู่ก่อนแล้ว ร่างบางบิดกุญแจสตาร์ถเครื่อง ก่อนที่จะออกรถ

   แม้ว่าเตชภณจะมีท่าทีที่แปลกออกไปอย่างเห็นได้ชัด และแม้ว่าอยากจะรู้ว่าร่างสูงเป็นอะไรแต่พีรการต์ก็ไม่สนใจที่จะซักไซร้กับคนที่ไม่อยากบอกความ พิณเคยไปบ้านของเตอยู่สองสามครั้งแต่ไม่เคยเข้าไปข้างในเพราะไม่มีเหตุจำเป็น บ้านของเตเป็นบ้านหลังใหญ่ที่กินพื้นที่ประมาณครึ่งซอย มีสไตล์การตกแต่งผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความเป็นไทย เป็นบ้านสร้างใหม่ที่เตชภณเคยบอกว่าเขามีส่วนร่วมในการออกแบบอยู่เล็กน้อย

   และเมื่อดูจากความสามารถทางด้านศิลปะของเจ้าตัวแล้ว สิ่งที่เตพูดมามันก็น่าเชื่ออยู่ไม่น้อย

   พีรการต์ใช้เวลาขับรถไม่นาน พาหนะเครื่องยนต์สองล้อก็มาจอดอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว

   “มึงรีบกลับเถอะ” เตชภณกล่าวขึ้นมาทันทีที่ก้าวขาลงจากมอเตอร์ไซค์ เขาตรียมหมุนตัวเข้าบ้าน “เดี๋ยวไว้เจอกันพรุ่งนี้”

   “เดี๋ยว” พีรการต์ดึงแขนแกร่งไว้ก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกไป เตหันกลับมามอง “พรุ่งนี้จะไปโรงเรียนยังไง”

   “ก็ว่าจะ...”

   “พี่เต!” เสียงเรียกที่ดังขัดประโยคมาจากในรั้วบ้านทำให้เตชภณสะดุ้งก่อนจะปัดมือของพิณที่จับแขนเขาอยู่ออกอย่างรวดเร็ว พีรการต์มองเตด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจอยู่เสี้ยววินาทีนึง แต่ก็หลุบตาต่ำลงทันทีที่คนข้างในกดรีโมทเพื่อเปิดประตูรั้ว แล้วเดินออกมาส่งยิ้มให้คนสองคนที่ยืนอยู่ข้างนอก “ทำไมวันนี้พี่เตกลับเย็นจังละคะ แตงรอตั้งนาน”

   คนที่เพิ่งปรากฎตัวเป็นเด็กสาวที่ดูจากภายนอกแล้วอายุอานามน่าจะใกล้เคียงกับเต หรืออาจจะเด็กกว่าสักสองสามปี เธอพูดด้วยน้ำเสียงสดใสจนเหมือนแกล้งดัด เด็กสาวตรงหน้าเป็นคนที่พิณไม่เคยเห็นมาก่อน เธอปราดตาที่ไร้แววมามองพิณแวบนึง ถึงบนปากจะมีรอยยิ้ม แต่เธอก็ทำให้พีรการต์รู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

   “พี่ต้องทำงานศิลปะส่งเข้าประกวดน่ะ” เตตอบ เขาไม่ได้หันมามองพิณเลยสักนิดเดียว

   “แล้วทำไมวันนี้ถึงให้เพื่อนมาส่งละคะ” เธอซัก

   “วันนี้รถพี่เสีย” เตชภณถอนหายใจพลางเสตามองไปตรงจุดที่ว่างเปล่า “พรุ่งนี้คงต้องให้ลุงแจ่มไปส่ง”

   “พี่เป็นเพื่อนสนิทกับพี่เตหรอคะ” เธอไม่ได้ตอบรับคำบอกของเต ตรงกันข้าม เด็กสาวกลับหันมาชวนพิณคุยทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้มีท่าทีความรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา พีรการต์รู้สึกงุนงงแต่เขาก็พยักหน้าตอบคำถาม เด็กสาวตรงหน้าคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม “สนิทมากกันมั้ยคะ”

   “ไม่มากเท่าไหร่” จู่ๆคนร่างสูงก็โพล่งขึ้นมา พีรการต์หันไปมองเตชภณด้วยความประหลาดใจ

   เขาเอาอะไรมาพูดน่ะ ว่าเราสนิทกันไม่มาก

   “พี่ชื่ออะไรคะ” เธอเพิกเฉยต่อคำตอบของเตชภณ แตงถามพลางจ้องร่างบางด้วยดวงตาที่กลมโต เด็กสาวตรงหน้าทำให้พิณใจแกว่งแปลกๆ แต่พีรการต์ก็พยายามแสดงสีหน้าปกติออกมา

   “พี่ชื่อพิณ” ร่างบางว่าเสียงนิ่ง พีรการต์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังคุยกับใครอยู่ หากเดาจากประโยคสทนาที่เธอเพิ่งมีกับเตเมื่อครู่ เธอผู้นี้ก็น่าจะเป็นน้องสาวหรือญาติคนสนิทของเต แต่นั่นก็แปลก...เพราะพิณไม่เคยได้ยินเตพูดว่าตัวเองมีพี่น้องเลย

   “พี่พิณ...” เด็กสาวครางทวนคำตอบ “หนูชื่อแตงค่ะ”

   “พิณ กูว่านี่มันก็ใกล้มืดแล้ว มึงกลับบ้านไปเถอะ” เตชภณพูดขัดจังหวะสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง เขามองมาที่พีรการต์ด้วยสายตาที่คนร่างบางเองก็อ่านไม่ออก พิณเม้มปากเข้าหากันอย่างชั่งใจ เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ตัดใจล้มเลิกไป พีรการต์พยักหน้าแล้วหันไปยิ้มลาแตงที่ยืนอยู่ใกล้

   “เดี๋ยวค่ะพี่พิณ” แตงเอื้อมมือมาจับแขนเสื้อของพิณไว้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “พรุ่งนี้พี่พิณมารับพี่เตไปโรงเรียนด้วยนะคะ”

   “แตง” เตชภณเรียกชื่อเด็กสาวเสียงนิ่ง แตงหันไปส่งยิ้มเย็นให้ร่างสูง

   “มีอะไรหรือคะพี่เต”

   “ก็พี่บอกแล้วไงว่าพี่จะให้ลุงแจ่มไปส่ง” เตกล่าว ในน้ำเสียงของเขามีร่องรอยของความหงุดหงิด และนั่นก็ทำให้ความสงสัยที่พีรการต์มีอยู่ในตัวเตแทบจะล้นออกมาจากอกเขา   

   “พรุ่งนี้ลุงแจ่มต้องพาคุณแม่ไปกำแพงเพชรแต่เช้าค่ะ คุณแม่ต้องไปจัดการเรื่องโรงเรียนให้แตง”

   “หมายความว่ายังไง ที่ว่าจะไปจัดการเรื่องโรงเรียนให้น่ะ” ร่างสูงเอ่ยถาม

   “ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละค่ะ” แต่ทว่าเขาไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน เด็กสาวกะพริบตาถี่ๆก่อนจะยิงคำถามขึ้น “ทำไมพี่เตไม่อยากให้พี่พิณมารับตอนเช้าละคะ มีอะไรหรือเปล่า”

   “นั่นสิ” พีรการต์พูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน เขามองหน้าเตแล้วถามย้ำคำที่เด็กสาวเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ “มีอะไรหรือเปล่า”

   ปกติแล้วพีรการต์ไม่ใช่คนขี้สงสัยอะไรมากนัก เขาไม่ค่อยถามหากรู้ว่าคู่สนทนาไม่อยากจะตอบ แต่ครั้งนี้เตชภณมีท่าทีที่ประหลาดจริงๆ ทั้งที่เมื่อตอนเย็นที่อยู่ด้วยกันเขาก็ยังดูปกติอยู่เลย เพิ่งจะมาออกอาการก็ตอนที่เฮียภีมบอกให้พิณมาส่งที่บ้านเท่านั้น

   แล้วเตก็ดูแปลกมากขึ้นไปอีกเมื่อแตงปรากฎตัว

   เมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่ตอบอะไร พิณก็เลือกที่จะตัดบท “เจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้านะเต”



........................................................................


คนเขียนคนเม้าท์: ตัวละครสำคัญออกครบแล้ว (เย้!)  :mc4: ต่อจากนี้จะไม่มีการขมวดปมอีกต่อไปแล้วค่ะ อย่าเพิ่งด่าคนเขียนกันเลยเนอะ ตอนนี้พาร์ทอดีตกินไปแทบทั้งตอนเลย นิยายย้อนเวลาของแท้(ฮา)
ปล.มีคนบอกมาว่าสำนวน "พูดไร้น้ำเสียง" ค่อนข้างจะแปลก อันที่จริงคนเขียนเจอสำนวนนี้ในนวนิยายแปลเล่มนึงค่ะ เห็นด้วยเลยว่าแปลกก็เลยยืมมาใช้ อ่านทีไรรู้สึกว่ามันเย็นช๊าเย็นชา แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ  :mew3:
อย่าลืมเข้าไปติดแฮชแท็ก #เตคนเล่นพิณ ในทวิตเตอร์กันนะ

ออฟไลน์ sentpai

  • เพราะโลกของแต่ละคนนั้นมันไม่เหมือนกัน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากครับ
เนื้อเรื่องชวนให้ติดตามต่อมากๆเลย

ออฟไลน์ sebest

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด