from PAST to FUTURE... อดีตเพื่อน อนาคต... หล่ะ? L’épilogue 3 [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: from PAST to FUTURE... อดีตเพื่อน อนาคต... หล่ะ? L’épilogue 3 [จบแล้ว]  (อ่าน 35782 ครั้ง)

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 41 [31/8/2017]
«ตอบ #180 เมื่อ31-08-2017 19:42:48 »

Chapitre 41

   เช้าวันจันทร์ของอาทิตย์ต่อมา เนื่องจากวันที่ผมฟื้นขึ้นมาจากฤทธิ์ยาเป็นวันพฤหัสบดี แล้วผมเล่นออกจากห้องครั้งแรกก็ทุ่มหนึ่งแล้ว เลยทำให้ขาดเรียนไปโดยปริยาย เช้าวันศุกร์ผมจึงรีบกลับบ้านทันที พักผ่อนสมองเพื่อให้ลืมเรื่องราวเลวร้ายสามวัน ผมไม่ได้ปิดการสื่อสารใดๆ แต่เลือกที่จะไม่รับการติดต่อจากคนที่ทำเรื่องเลวๆ กับผมเลย

   ทาร์ตโทรหาผมหลายต่อหลายครั้งมากตลอดช่วงเวลาสุดสัปดาห์ แต่ผมไม่เคยรับสายเลยสักครั้ง ไม่กดตัดสาย แต่กดปิดเสียงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนไลน์กับเฟซบุ๊กผมลบและบล็อคเรียบร้อยแล้วจึงไม่สามารถติดต่อผ่านช่องทางเหล่านั้นได้

   ผมตั้งใจจะให้มันจบแบบนี้แหละ ต่างคนต่างอยู่ กับทาร์ตอาจจะง่ายหน่อยเพราะหลบหน้าได้ ไม่ต้องเจอกันได้ แต่กับโดนัทเนี่ยสิ ผมจะทำหน้าอย่างไรเมื่อเจอกัน ผมจะทำใจอยู่ร่วมกับเพื่อนที่หักหลังเพื่อนแบบนี้ได้ไหม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทุกอย่างมันจะพิสูจน์ได้ในวันนี้แหละ ยังไงผมก็หลบหน้าไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลือกที่จะเผชิญหน้ากับความจริงไปเลยแล้วกัน คนที่กลัวไม่ควรจะเป็นผม แต่น่าจะเป็นคนที่ทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นได้ลงคอต่างหาก

   เก็ทยังคงมารับผมเหมือนปกติ พร้อมกับได้รู้ว่าเก็ทไม่ต้องไปรับโดนัท เพราะโดนัทจะไม่มาเรียนพร้อมกับพวกผมอีกแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ คนมีชนักติดหลัง มีความผิดติดตัวจะกล้าสู้หน้าได้ยังไง

   “พี่ฟร๊องก์! พี่... ผมขอโทษ พี่อย่าโกรธผมนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมอธิบายได้” ทันทีที่ผมลงมาจากรถเพื่อขึ้นเรียน ทาร์ตที่เหมือนจะมาดักรอผมก่อนหน้าอยู่แล้วก็รีบเข้ามาหาผมทันที

   “...” ผมเดินผ่านไปไม่ได้ตอบอะไร ไม่แม้แต่จะมองหน้า แล้วทำเหมือนว่าทาร์ตไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

   “พี่ฟร๊องก์ ฟังผมอธิบายก่อนนะ อย่าเย็นชากับผมแบบนี้สิพี่ นะครับ ผมขอร้อง” เมื่อเห็นว่าผมเมินเฉย ทาร์ตจึงรีบรั้งมือผมไว้ไม่ให้ผมเดินหนีไปได้

   “...” ผมยังคงนิ่งงันอยู่แบบนั้น ก่อนจะเหลือบหางตามองทาร์ตที่ใช้ทั้งสองมือรั้งมือด้านซ้ายของผมเอาไว้ ผมแอบรู้สึกหวิวในใจเมื่อได้เห็นสภาพใบหน้าที่ยับเยินไปด้วยบาดแผลเขียวช้ำ ซึ่งน่าจะเกิดจากฝีมือของปาร์ค ซึ่งในวันนั้นที่หน้าปาร์คก็มีรอยฟกช้ำอยู่เหมือนกันแต่น้อยกว่าของทาร์ตที่ผมเห็นนี่หลายเท่าเลย

   “รีบขึ้นเรียนเถอะ” เก็ทที่ลงจากรถทีหลังเดินเข้ามาสมทบ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนน่าขนลุก

   “พี่ฟร๊องก์ ผมไม่ได้ตั้งใจนะ แต่เพราะ...”

   “พอสักทีเถอะทาร์ต! ต่อให้ทาร์ตจะก้มลงกราบ ขอโทษพี่อีกร้อยกี่พันครั้ง มันก็ดึงเอาความรู้สึกดีๆ ความไว้ใจเชื่อใจที่เคยมีให้กลับมาไม่ได้หรอก!” ผมสะบัดมือที่ทาร์ตจับกุมเอาไว้ออกก่อนจะหันไปเผชิญหน้าตรงๆ เพื่อจะจบปัญหา “พี่ถามจริงๆ นะ ทาร์ตไม่ละลายใจบ้างเหรอที่มาเจอพี่อีกแบบนี้ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอที่ทำกับพี่ขนาดนี้ ใจจริงพี่ก็อยากรู้เหตุผลนะว่าทำไมถึงได้ใจร้ายกับพี่ได้ถึงขนาดนี้ แต่บางทีเหตุผลมันก็ไม่สำคัญหรอก สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่ข้ออ้างที่ยกขึ้นมาใช้ลบล้างความผิดตัวเองอยู่ดี เพราะการกระทำของทาร์ตมันแสดงออกมาให้พี่รู้หมดแล้ว”

   “พ่ะ... พี่ฟร๊องก์ ผมไม่ได้ตั้งใจนะพี่ ผม...”

   “อยากได้พี่นักไม่ใช่เหรอ ก็ได้ไปแล้วไง พอใจไหมล่ะ! มีความสุขไหม!! พี่ไม่เหลืออะไรให้ทาร์ตอีกแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึกดีๆ ด้วยซ้ำ!!!” ผมตวาดด้วยน้ำตานองเต็มใบหน้า ไม่มีอะไรต้องอายอีกแล้วแม้ใครจะมาได้ยินก็ตาม

   “พี่ฟร๊องก์ ผมขอโทษ แต่ผมรักพี่นะ ผมถึงได้ทำแบบนั้น”

   “รักเหรอ! คนที่ทำกันแบบนี้ได้ เขาไม่ได้เรียกว่ารักหรอกเว้ย!! มึงทำกับคนที่รักกันแบบนี้น่ะเหรอวะ!!”

   “ผม... ขอโทษ...”

   “มันจบแล้วล่ะทาร์ต มันไม่เหลืออะไรระหว่างเราที่มันจะต่อกันติดได้อีกแล้ว”

   “ผมทำไปเพราะรักพี่จริงๆ นะ ผมแค่คิดว่าถ้าเรา... มีอะไรกัน พี่อาจจะรู้สึกกับผมมากขึ้น เปิดใจให้ผมมากขึ้น เหมือนที่พี่รู้สึกกับคนๆ นั้น แต่ผม... ผมมันโง่พี่! พี่จะต่อย จะตีผมยังไงก็ได้นะ ทำผมได้เลยจนกว่าพี่พอใจ แต่ผมขอนะ อย่าไปจากผมเลย อย่าเย็นชากับผมเลยนะพี่”

   “ถ้าคิดว่าการมีอะไรกันของเรามันทำให้พี่เปิดใจรับทาร์ตมากขึ้น ถ้าอย่างนั้นสำหรับทาร์ต พี่คงง่ายมากเลยสินะ พี่คงไม่มีค่าอะไรมากพอเลยสินะ อย่าพูดอะไรมากไปกว่านี้เลยทาร์ต มันยิ่งทำให้พี่สมเพชว่ะ และพี่ยิ่งสมเพชตัวเองเข้าไปใหญ่ที่ยิ่งได้รู้ว่าสำหรับทาร์ตที่เคยเป็นคนที่ทำให้โลกรอบข้างพี่สดใสแล้ว ในสายตาทาร์ตกลับมองพี่มีค่าเพียงเรื่องเซ็กส์!”

   “ไม่ใช่นะพี่ฟร๊องก์ พี่มีค่ากว่านั้น พี่มีค่ามากสำหรับผมนะ...”

   “งั้นเหรอ... ถ้างั้นทาร์ตก็คงเสียของที่มีค่าชิ้นนี้ไปอย่างไม่มีวันได้คืนแล้วล่ะ” 

   “รีบไปเถอะฟร๊องก์ สายแล้ว” เก็ทพูดนิ่งๆ ก่อนจะคว้าตัวผมออกจากสถานการณ์ตรงนั้นทันที ก่อนที่อะไรมันจะบานปลายมากไปกว่านี้ ดีแล้วแหละ อย่าให้ผมต้องอยู่ต่อหน้าคนใจร้ายนานกว่านี้เลย แค่นี้ก็ขยะแขยงเต็มที่แล้ว

   พอขึ้นไปถึงห้องอีกหนึ่งคนที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอก็คือโดนัท ซึ่งเมื่อพอเห็นผมเดินเข้ามาในห้องเธอก็หน้าถอดสีแล้วก้มลงกับโต๊ะทันที สำนึกผิดงั้นเหรอ หรือคิดแผนจะหักหลังอะไรผมอีก เพื่อนคนอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่องก็ต่างยกมือทักทายแล้วกวักมือเรียกให้ไปนั่งตรงที่สองที่ที่เว้นว่างไว้ให้

   แม้จะดูมึนงงเล็กน้อยที่สีหน้าผมดูไม่ค่อยดีนัก แต่ผมก็พยายามไม่แสดงออกมาก ไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นต้องคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกนัยก็คือผมไม่อยากให้ใครมารับรู้เรื่องอุบาทว์ๆ ที่เกิดขึ้นนี้เลยต่างหาก ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปนั่งตรงที่ว่างดังกล่าว แต่ก็ให้เก็ทนั่งติดกับไวน์แทน อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเข้าใกล้คนที่ทำร้ายผมได้โดยไม่นึกถึงความเป็นเพื่อน

   “วันนั้นเป็นไงบ้าง แฮงค์มากเหรออีกวันมาเรียนไม่ไหวเลย” ดิวที่นั่งอยู่ด้านหลังสะกิดถาม

   “อืม มันนอนไม่พอด้วยแหละมั้ง เลยเมาหนักเลย” ผมตอบยิ้มๆ ซึ่งแน่นอนว่าที่ผมพูดคือเรื่องโกหก ดิวพยักหน้ารับแต่ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าแววตาที่รอคำตอบนั้นกำลังไม่เชื่อในคำตอบของผม แต่ผมก็เลือกจะไม่พูดอะไรต่อแล้วหันกลับมาทันที

   ตลอดช่วงเช้าไม่มีเสียงพูดคุยของโดนัทเข้ามาในหูผมเลยสักคำ ไม่แม้แต่จะเอ่ยขอโทษหรืออธิบายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ หึ! แต่ผมจะเอาอะไรกับคนที่ตั้งใจจะทำมันตั้งแต่แรกล่ะ ผมยังพูดคุยกับคนอื่นๆ ตามปกติ และทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นุ่นยังคงปากหมาเหมือนเดิมในเวลาที่อยู่กับเพื่อน ซึ่งต่างจากคืนนั้นลิบลับ คืนนั้นนุ่นในชุดเดรสสีหวานดูท่าทางเรียบร้อยกว่าที่เป็น นึกแล้วยังขำไม่หาย แต่วันนี้อาจจะดูเงียบเหงากว่าปกติตรงที่ปากของไวน์ไม่ค่อยทำงานเป็นคู่ขามากเท่าไรนั้น ส่วนคนข้างๆ ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมยังไม่ได้ยินเสียงพูดเลย

   “ฟร๊องก์ กูขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ขณะที่ผมกำลังเก็บของลงกระเป๋าหลังเลิกเรียน โดนัทก็พูดขึ้นเสียงเรียบเฉยแต่แฝงด้วยความเศร้าเล็กน้อยในน้ำเสียง จนทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมามองที่เธอสลับกับผม

   “...” ผมยืนนิ่งอยู่สักพักก็พยักหน้าตอบ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าโดนัทจะเอาอะไรมาอ้างกับผม ข้ออ้างที่จะใช้ลบล้างความผิดของสองพี่น้องนั้นจะเป็นอะไร

   “มึงสองคนมีอะไรกันเปล่าวะ เห็นเงียบๆ กันมาตั้งแต่เช้าแล้ว ปกติมึงสามตัวต้องเข้าขากันได้ดีไม่ใช่เหรอวะ” นุ่นเปิดประเด็นขึ้นมา ใช่ครับถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ปฏิเสธ เวลารับส่งมุกตลกกับไวน์และโดนัท แต่ตอนนี้และต่อจากนี้คงไม่ใช่และไม่มีอีกแล้ว

   แต่คำถามของนุ่นกลับไม่ได้คำตอบ ก่อนที่พวกนั้นจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไปก่อนที่นุ่นจะทิ้งท้ายไว้อีกครั้ง “มีอะไรก็เคลียร์กันให้เข้าใจนะมึง ยังไงก็เพื่อนกัน”

   ตอนนี้ก็เหลือแค่ผม เก็ท ไวน์แล้วก็โดนัทแล้วครับ แต่ทุกคนก็ยังคงนิ่งไม่ได้พูดอะไร ผมเองก็ไม่ได้มองหน้าโดนัทเหมือนกันว่าจะทำหน้าอย่างไร แต่ก็ก้มเก็บของต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ ส่วนเก็ทคงจะรอเป็นเพื่อนผมล่ะครับ แต่ก็ดีที่ยังมีเก็ทอยู่ ไม่งั้นผมคงรู้สึกกดดันกว่านี้

   “กูไปรอที่บันไดหนีไฟนะ” โดนัทเอ่ยก็จะเดินออกจากห้องไป

   “เดี๋ยวมึงไปกับกูก่อนแล้วกัน จะได้ปล่อยให้มันสองคนคุยกัน” ตามด้วยไวน์ที่หันมาบอกเก็ทแล้วเดินแยกออกไป

   “ไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวไม่ต้องไปก็ได้นะ” เก็ทพูดขึ้นเสียงเรียบตามสไตล์ของเขาขณะที่ผมหยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาสะพาย “คนที่ทำผิดไปแล้ว ถึงตอนสุดท้ายก็ต้องมาพูดให้ตัวเองดูดีขึ้นทั้งนั้น”

   “ฟร๊องก์รู้ แต่ฟร๊องก์เองก็อยากรู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าทำแบบนี้กับฟร๊องก์”

   “อืม ฟังอย่างมีสติแล้วกัน เพราะอย่างไรซะ เขาก็ลงมือกับเราไปแล้ว” เก็ทพูดหน้านิ่งก่อนจะยกมือขึ้นมายีผมเบาๆ แล้วเดินจากไป ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด เอาเถอะ เรื่องมันเกิดแล้ว ผมแค่อยากรู้เหตุผลเท่านั้นแหละ แต่จะเชื่อหรือไม่ผมเองก็บอกไม่ได้ แล้วถ้าจะให้ผมให้อภัย ผมก็บอกได้อีกนั่นแหละว่ามันคงไม่ง่ายเหมือนกัน
 
   “กูไม่รู้นะว่ากูจะบอกขอโทษมึงยังไงมึงถึงจะพอใจแล้วหายโกรธ แต่เรื่องที่เกิดขึ้น กูกับทาร์ตยืนยันได้ว่าไม่ได้ตั้งใจ กู... แค่อยากช่วยน้องให้สมหวัง” โดนัทพูดขึ้นทันทีที่ผมเดินไปถึง เราเข้าไปคุยกับในบันไดหนีไฟ อย่างน้อยก็ไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้ยิน

   “...” ผมไม่ได้ตอบอะไร อธิบายมาสิ อยากพูดกับผมนักไม่ใช่เหรอ ผมเองก็จะฟัง อยากจะฟังเหมือนกันว่าจะหาอะไรมาอ้างกับผม

   “ทาร์ตมันชอบมึงมากนะ ชอบมึงมากจริงๆ จนบางทีกูเองก็ยังสงสารเวลามันมาปรึกษากู เวลามันมาบอกกูว่ามึงไม่ยอมเปิดใจให้มันสักที มันไม่รู้ว่ามันจะต้องรอถึงเมื่อไร และมันก็ไม่มั่นใจว่ามึงจะรู้สึกดีกับมันจริงหรือเปล่า เพราะมึงยังติดอยู่กับคนเก่าของมึง คนที่ยังอยู่ในใจของมึงเสมอ ที่มันทำไปเพราะมันรักมึงนะฟร๊องก์ มันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายมึงจริงๆ ส่วนตัวกูก็ขอโทษ แต่นั่นน้องกู ยังไงกูก็ต้องช่วยน้องให้สมหวัง”

   “มึงก็เลยทำกับเพื่อนแบบนี้น่ะเหรอ” ผมมองหน้าโดนัทอย่างเย็นชา ไม่มีรอยยิ้มเยาะเย้ยหรือไม่แสดงอาการว่ารู้สึกเจ็บปวดใดๆ

   “กู... กูไม่ได้ตั้งใจ”

   “เลิกอ้างคำว่าไม่ได้ตั้งใจสักทีเถอะ ทั้งที่ตอนมึงมองทาร์ตใส่ยาในแก้วกูมึงก็ไม่ได้ตั้งใจจะห้ามอยู่แล้ว มึงตั้งใจจะปกปิดความผิดน้อง ตั้งใจจะให้กูโดนวางยา ตั้งใจจะให้น้องมึงได้มีอะไรกับกูอยู่แล้ว แล้วมึงจะมาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอีกทำไม!” ผมตวาดกลับเสียงดังโดยไม่สนว่ามันจะทะลุไปถึงข้างนอกหรือเปล่า จะมีใครได้ยินหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมไม่แคร์แล้ว ตัวผมสั่นด้วยความโกรธ นี่เหรอวะสิ่งที่เพื่อนทำกับเพื่อน

   “...” โดนัทไม่พูดต่อ แต่กลับก้มหน้ายอมรับผิด ผมเห็นหยดน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้าเศร้าหมองนั่นด้วย แต่ก็ไม่ต่างกับผมในตอนนี้นักหรอก น้ำตาที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันไหลออกมา มันกลับห้ามไว้ไม่อยู่ จะให้ผมยิ้มออกได้ไงในเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือเพื่อน เพื่อนที่อ้างว่าไม่ตั้งใจแต่กลับนิ่งเฉยปล่อยให้ผมต้องรับชะตากรรมโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ

   “ส่วนทาร์ตน่ะ กูเสียดายความรู้สึกดีๆ ที่มีให้นะ กูผิดหวังมาก กูเองก็รู้สึกดีกับมันมากนะ ถ้ามันไม่ทำแบบนี้แล้วอดทนอีกหน่อยตามที่กูเคยขอเวลามันไป สักวันอาจจะเป็นอย่างที่มันหวังไว้ก็ได้ แต่มึงรู้ไหมว่าตอนนี้แม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึกดีๆ กูก็ไม่เหลือให้อีกแล้ว คนที่รักกันเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกเว้ย!”

   “ที่ทาร์ตมันทำแบบนี้ เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยต้องตามตื้อใครแบบนี้ไง ทุกคนที่เข้าหามันก็เพราะหน้าตาและฐานะของมัน คนพวกนั้นไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าเงินและเซ็กส์ มันเลยคิดว่าถ้ามันกับมึงมีอะไรกัน มันอาจจะช่วยให้มึงเปิดใจกับมันมากขึ้นก็ได้ กูยอมรับนะว่าความคิดมันเด็กและผิด แต่บางทีมันอาจจะได้ผลจริงๆ”

   “งั้นเหรอ ถ้างั้นทาร์ตมันก็คงมองกูไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ ที่มันเคยผ่านมาเลยสินะ มันคงมองกูเพียงแค่หวังในตัวและเงินของมันสินะ!”

   “มันคงไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก แค่วิธีที่มันเลือกใช้มันผิดแค่นั้นเอง แต่ที่มันทำก็เพราะมันคิดว่ามันจะสมหวังไง กูก็ไม่รู้ว่ามึงเคยคุยกับมันว่ายังไงนะ แต่ก่อนที่มันจะคิดทำแบบนี้ มันมาปรึกษากู ขอให้กูช่วยมัน โดยที่มันบอกกูว่าถ้ามึงกับมันมีอะไรกัน มึงคงรู้สึกดีและเปิดใจกับมันมากขึ้น กูก็ไม่ได้เห็นด้วยหรอกในตอนแรก แต่เพราะมันบอกว่ามันเคยคุยกับมึง มันรู้ว่ามึงก็เริ่มมีใจให้มัน แต่ที่มึงยังลืมคนเก่าไม่ได้ ก็เพราะมึงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน”

   “หึ! เป็นเพราะกูงั้นเหรอ ที่ทำให้น้องมึงคิดแบบนั้น เป็นเพราะตัวกูหรือเป็นเพราะน้องมึงมองว่ากูง่ายกันแน่!”

   “มันก็คงคิดว่านี่อาจเป็นทางที่ทำให้มึงยอมรับมันเร็วขึ้นก็ได้ แต่มันก็ได้รู้ เมื่อตอนที่มันสายไป...”

   “พอเถอะโดนัท หยุดอ้างโน้นอ้างนี้สักที ทาร์ตมันได้กูอย่างที่มันสมหวังแล้วไง! น้องมึงเอากับกูไปแล้วไง!! พอใจหรือยังล่ะ!! ยังไงความจริงก็คือ ทาร์ตมันตั้งใจจะวางยากูอยู่แล้ว โดยที่มึงก็เองก็ตั้งใจจะช่วยน้องมึง ตั้งใจจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่แล้วเหมือนกัน ทุกอย่างมันเกิดจากความตั้งใจทั้งนั้นแหละ ฉะนั้นเลิกอ้างโน้นอ้างนี่ เลิกอ้างว่าไม่ตั้งใจสักที!”

   “กูเองก็ไม่ได้หวังว่ามึงเชื่อหรือยกโทษให้กูหรอก แต่กูก็ขอบใจมึงนะที่ยังฟังกู ไม่ว่ามึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่กูยืนยันได้ว่าทุกอย่างที่กูพูด กูพูดความจริง ทั้งกูกับทาร์ตอาจจะตั้งใจในแบบที่มึงว่า แต่กูสองคนก็รู้สึกผิดมาตลอดหลังจากนั้น ทาร์ตเองก็รู้สึกผิดที่มีอะไรมึงโดยที่มึงไม่ได้เต็มใจ มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แต่ยังไงกูก็ต้องขอโทษกับสิ่งที่กูทำ และขอโทษแทนน้องกูด้วย”

   โดนัททิ้งท้ายไว้ก่อนจะเปิดประตูบันไดหนีไฟออกไปทั้งน้ำตา ขณะที่ผมเองก็ยังยืนนิ่งไม่ได้ขยับไปไหน สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็ตั้งใจจริงๆ ถ้าในคืนนั้น ปาร์คไม่บังเอิญมาเจอผมแล้วช่วยผมไว้ วันนี้ผมอาจไม่คิดจะมายืนฟังอธิบายจากทั้งสองคนนี้เลยด้วยซ้ำ หรือไม่ผมก็อาจจะไม่แม้แต่จะทนไม่ให้ตัวเองซัดหน้าของใครสักคนได้เลยด้วยซ้ำไป

   ผมสลัดความคิดต่างๆ นานาทิ้งให้หมด แล้วเดินหน้าต่อ แม้ความผิดหวังและรอยแผลบางอย่างมันจะไม่ลบเลือนไปก็ตาม ดังนั้นต่อจากนี้เป็นต้นไป ผมกับสองพี่น้องนั้นก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก แต่ที่ลำบากเนี่ยก็คือเพื่อนคนอื่นๆ น่ะสิ ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายโดนัทเพื่อต่อเวรต่อกรรมกันไปอีกโดยไปพูดให้คนอื่นๆ เกลียดโดนัทไปด้วยหรอก ผมคงทำได้แค่นิ่งเงียบไป แล้ววางตัวเป็นปกติ

   “โอเคใช่ไหม” เก็ทเดินเข้ามาถามทันทีที่ผมลงลิฟต์มา

   “อืม มันจบแล้วแหละ เพราะยังไงฟร๊องก์ก็คงเชื่อข้ออ้างต่างๆ นานาแล้วยอมอภัยให้ไม่ได้หรอก”

   “อืม อย่าคิดมาก ถ้าไม่สะดวกใจจะอยู่เหมือนเดิม เวลาเรียนก็แยกไปนั่งแค่สองคนก็ได้นะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก ต่างคนต่างอยู่ แต่อย่าทำให้เพื่อนคนอื่นต้องรู้สึกแย่ไปด้วยเลย ทำให้ทุกอย่างเป็นปกติเหมือนเดิมเนี่ยแหละ” ผมยิ้ม แม้จะยากที่จะทำให้มันเป็นปกติก็เถอะ “ไปกินข้าวเถอะ หิวแล้ว”

   “พี่ฟร๊องก์!” ทาร์ตอีกแล้วครับที่มายืนรอผมอยู่ไม่ไกลจากรถของเก็ท แต่ผมไม่มีอะไรต้องฟังหรือพูดอีกแล้ว จึงรีบบอกเก็ทให้ปลดล็อกแล้วขึ้นไปนั่งบนรถทันที ผมเห็นเก็ทพูดกับทาร์ตครู่หนึ่งก็เข้ามาในรถ ส่วนทาร์ตผมไม่ได้ให้ความสนใจอีก ไม่สนหรอกว่าจะรู้สึกอย่างไร เพราะตอนที่ทาร์ตตัดสินใจใส่ยาปลุกเซ็กส์ให้ผมดื่ม หรือแม้กระทั่งตอนที่มีอะไรเกินเลยกับผม ทาร์ตเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าผมจะรู้สึกอย่างไรเช่นกัน


à suivre...


กลับมาแล้วฮะ

เหตุการณ์นี้ไม่มีใครด่าทาร์ตเลย 555+
กลับเป็นปาร์คเหมือนเดิมที่ยังคงโดนด่าอย่างต่อเนื่อง โอ้ยยย ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี 55555
แต่ที่แน่ๆ คือฟร๊องก์ของเราน่าสงสารสุด อะไรจะถาโถมเข้ามาขนาดนั้น


ผลุบๆโผล่ๆ ไอ่หน้าโง่ดักดาน
ยังไงก็ไม่ยอมรับให้เป็นพระเอกเรื่องหรอกโว้ยยยยยยยย
กลับไปเอาหน้าซุกหีบหญิงเกลของเมิงต่อไปเหอะ ไอ่ปาร์ค

โอ้ยยยยย ขำซุกหีบมากกกกก  :laugh:

ขอบคุณทุกคนมากเลยนะฮะ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ไม่มีผู้ชายที่เข้ามาจีบฟร๊องค์บ้างเหรอ มีแต่ตัวผู้อ่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ก็เข้าใจทาร์ตกับโดนัสนะแต่เหตุผลมันฟังไม่ขึ้นว่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 42 [4/9/2017]
«ตอบ #184 เมื่อ04-09-2017 20:04:42 »

Chapitre 42

   ช่วงสอบไฟนอลเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่อาทิตย์ในการเตรียมตัวอ่านหนังสือ รวมทั้งเคลียร์งานทั้งหลายที่ยังเหลือกองอีกเป็นภูเขา ผมจะทำทันเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากจบเรื่องของทาร์ตกับโดนัทไป เพื่อนๆ คนอื่นก็พอจะรู้ว่าผมมีปัญหากับโดนัท โดยเฉพาะกับไวน์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือถามว่ามันเกิดจากอะไร

   ผมกับโดนัทต่างเงียบใส่กันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เวลาไปเรียนฝรั่งเศส ปกติจะมีผม เก็ทแล้วก็โดนัทสามคน แต่ตั้งแต่นั้นผมก็เลือกจะนั่งแค่กับเก็ทแค่สองคน ยิ่งกับทาร์ตที่ยังดื้อดึงไม่ยอมจบกับผม ไม่ยอมให้ผมทำเหมือนมันไม่มีตัวตนแบบนี้ ยังคงตามอธิบาย ตามง้อผมอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน ถามว่าผมรำคาญไหม คงปฏิเสธไม่ได้ แต่ผมเลือกที่จะเฉยเมยไปดีกว่า ยิ่งผมแสดงอาการอะไรออกไปมาก ทาร์ตจะยิ่งคิดว่าผมยังคงเหลือความรู้สึกดีๆ กับมันอยู่ รอให้มันเบื่อเดี๋ยวมันก็หยุดไปเอง

   ผมแค่เสียดายที่ชีวิตผมจะไม่มีรอยยิ้มอันสดใสพร้อมเหล็กดัดฟันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่ยังดีนะเพราะได้เก็ทคอยช่วยตลอด ถ้าไม่มีเก็ทผมอาจจะรู้สึกแย่กว่านี้ก็ได้ที่ต้องเจอหน้าทาร์ตมันแทบทุกวัน

   เมื่อสองวันที่แล้วพัฒน์ทักมาหาผมเรื่องของเกล ผมเองก็เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลยเหมือนกัน พัฒน์บอกว่าช่วงหลังๆ นี้เห็นเกลไปไหนมาไหนกับดินบ่อยๆ แล้วก็ใช้แต่ของแพงๆ รวมทั้งชอบซื้อของแพงๆ ให้ดินด้วยในบางครั้ง ซึ่งบางทีดินก็ไม่อยากจะรับไว้

   แล้วก็รู้มาอีกเรื่องคือเกลขอร้องดินไม่ให้พูดเรื่องของทั้งคู่ให้ใครรู้ เพราะเกลอ้างว่าถ้าที่บ้านหวงมาก ถ้ารู้ว่าเกลมีแฟนจะเดือดร้อน ซึ่งก็คงอ้างเหตุผลนี้กับปาร์คด้วยเหมือนกัน ถึงว่าเป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้เพราะเกลนั่นใช้มารยามาทำให้ดูน่าสงสาร!

   ผมตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับชัญญ่าและขอให้ชัญญ่าช่วยวางแผนตลบหลังผู้หญิงคนนี้ ใช่ครับผมตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยปาร์คอีกครั้ง แต่ผมไม่ต้องการให้ปาร์ครู้หรอกว่าผมเป็นคนช่วย ส่วนหนึ่งผมก็อยากให้ปาร์คหลุดจากผู้หญิงเลวๆ คนนั้น และส่วนหนึ่งผมก็อยากให้ตัวผมเองพ้นจากคำกล่าวหาผิดๆ ที่ผมไม่ได้เป็นคนทำด้วย ความผิดที่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด

   ที่ให้ชัญญ่าช่วยคิดแผน เพราะผมคิดว่าผู้หญิงคนนั้นฉลาด แต่ชัญญ่าดูน่าจะฉลาดกว่า และความเป็นผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจได้มากกว่าว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรหรือต้องการอะไร

   [ฟร๊องก์ลองติดต่อไปหาผู้ชายที่ชื่อดินอะไรนั่นดูไหม เราว่าลองคุยกับเขาตรงๆ บอกความจริงเขา เผื่อเขาจะช่วยเราได้นะ] ชัญญ่าที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับผมมาร่วมครึ่งชั่วโมงได้เสนอความเห็นขึ้นมา

   “เราว่ามันเสี่ยงไปไหม ถ้า... เขาไม่เชื่อเราเหมือนกับปาร์คอีกล่ะ คราวนี้เกลอาจจะรู้ตัวเลยก็ได้นะ” ผมว่าแบบนี้มันเสี่ยงมาก แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงที่จะกระชากหน้ากากอันสารเลวของผู้หญิงคนนั้นได้

   [ก็จริง แต่ก็น่าเสี่ยงนะ ลองหาวิธีพูดดูดิ เราเชื่อว่าฟร๊องก์ทำได้ ลองให้เพื่อนฟร๊องก์ช่วยพูดด้วยไง ถ้าได้ผู้ชายที่รู้จักกันมาช่วยยืนยันด้วยน่าจะทำให้เชื่อได้ง่ายขึ้นนะ อีกอย่างคงไม่มีเหตุผลอะไรที่คนไม่รู้จักกันอย่างฟร๊องก์จะต้องเข้าหาคนชื่อดินนั่นจริงไหม ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น]

   “แล้วถ้าคุยได้ จะทำยังไงต่อ บอกเขาไปตรงๆ แล้วให้เขาไปบอกกับปาร์คเองน่ะเหรอ”

   [เราก็ต้องวางแผนต่อสิ ถ้าไปบอกตรงๆ แบบนั้นเดี๋ยวนังเกลนั่นก็มารยาให้ดูน่าสงสารอีก นอกจากปาร์คกับเพื่อนอาจจะทะเลาะกันแล้ว ดีไม่ดีคนที่เจ็บสุดอาจจะเป็นฟร๊องก์เองก็ได้นะ เออ... เห็นว่าเกลอะไรนั่นชอบให้ปาร์คซื้อของให้ ชอบอ้อนปาร์คเอาตังค์ไปซื้อของให้ตัวเองแล้วบางทีก็ให้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอ ก็ลองวางแผนให้ปาร์คจับได้ด้วยตัวเองดูสิ]

   “งั้นก็คงต้องลองดู”

   [ฟร๊องก์ลองนัดเพื่อนคุยเลยก็ได้ ให้เพื่อนนัดดินนั่นให้อีกที]

   “ชัญญ่าไปด้วยก็ได้นะ เราประหม่าอ่ะ อีกอย่างชัญญ่าช่วยพาปาร์คมาหน่อยได้ไหม คือเรา... อยากช่วยปาร์คเรื่องเกลนะ แต่เราไม่อยากให้ปาร์ครู้ว่าเราช่วยอ่ะ เราอยากตัดใจ...”

   [แต่ฟร๊องก์...]

   “ขอร้องนะชัญญ่า เรื่องระหว่างเรากับปาร์คมันมาไกลเกินกว่าจะกลับไปรู้สึกดีเท่าเมื่อก่อนได้แล้วล่ะ และเรื่องเกลก็ทำให้เรารู้ว่าปาร์ค... ก็ไม่ได้รู้สึกกับเรา ในแบบที่เรารู้สึกด้วย” ผมบอกชัญญ่าจริงจัง พยายามกดความเศร้าไม่ให้ชัญญ่าจับได้ว่าผมกำลังเสียใจ

   [เฮ้อ... ดื้อจริงๆ นะ เราเข้าใจว่าฟรีองก์เจ็บนะ แต่ถ้าให้เรานัดปาร์คออกมามันจะไม่ยากกว่าเหรอ ปาร์คเองก็ไม่ได้สนิทกับเรา เจอกันนับครั้งได้เลยด้วยซ้ำ แล้วปาร์คจะยอมมาตามที่เราบอกเหรอ]

   “เราเชื่อว่าชัญญ่าทำได้” ผมใช้คำพูดของชัญญ่าก่อนหน้าบอกตัวเธอเอง ชัญญ่าถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเลย

   [ลองให้เพื่อนนัดให้แล้วกัน แล้วเดี๋ยวเราตามไปด้วย] เป็นอันตกลงกับชัญญ่าเรียบร้อย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าชัญญ่าจะทำให้ปาร์คเชื่อได้หรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าเธอทำได้

   เมื่อเรื่องของเกลจบไปแล้ว ผมก็คงจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับปาร์คอีก ขอแค่เวลาที่จะช่วยเยียวยาหัวใจให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม

**********__________**********

    หลังจากที่คุยกับชัญญ่าเสร็จ แม้ว่าจะเป็นเวลาเลยสี่ทุ่มมาแล้ว แต่ด้วยความใจร้อนของผมเลยตัดสินใจโทรไปคุยกับพัฒน์เพื่อให้พัฒน์นัดผู้ชายที่ชื่อดินนั่นให้ทันที โชคดีที่พัฒน์ยังไม่นอนแต่ก็งงๆ กับผมอยู่เหมือนกันว่าจะนัดเจอทำไม ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันมาตั้งแต่แรก ผมเลยบอกแผนการคร่าวๆ กับพัฒน์ไปด้วย เวลาไปเจอพัฒน์จะได้เดินตามแผนได้ดี พยายามลดช่องว่างให้หมด

   ตีงูมันต้องตีให้ตาย! ไม่งั้นมันจะแว้งกัดเหมือนที่ผมเคยโดน!!

   พัฒน์รับปากว่าจะพยายามนัดเจอให้ ผมเลยขอให้นัดเร็วที่สุด ผมร้อนใจมาก อยากจัดการผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตปาร์คเร็วๆ สักที พัฒน์รับปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนจะวางสายไป

   นี่ก็ล่วงเลยมาสองวันแล้วพัฒน์ก็ยังไม่ติดต่อมาเลย จะได้เรื่องไหมเนี่ย แต่ผมก็ไม่โทษพัฒน์หรอกถ้านัดไม่ได้ ก่อนหน้านี้พัฒน์ก็เคยบอกว่าอยู่ว่าดินน่ะเป็นแค่เพื่อนของเพื่อนที่พอรู้จักกันเฉยๆ ไม่ใช่เพื่อนที่เล่นบาสด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมอย่างปาร์ค ถ้านัดไม่ได้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก

   ขณะที่ความคิดอันฟุ้งซ่านของผมแล่นไหลไปต่างๆ นานานั้น พัฒน์ที่อยู่ในความคิดเมื่อครู่ก็ไลน์มาหาพอดี และสิ่งที่พัฒน์บอกก็ทำเอาผมแทบกรี๊ดออกมากลางห้องเรียน

   พัฒน์นัดกับดินให้ผมได้! แถมยังเป็นเย็นวันนี้อีกต่างหาก บทจะเร็วก็โคตรเร็วแบบที่ไม่ทันให้ผมตั้งตัวเลย อีกอย่างวันนี้ผมเลิกเรียนตั้งทุ่มครึ่ง มีทางเดียวคือผมต้องโดดเรียนแล้วให้เก็ทจดแลคเชอร์ไว้ให้เผื่อมีเนื้อหาอะไรสำคัญๆ

   เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงถามเวลาและสถานที่ที่แน่นอน แล้วตอบตกลงไปทันที ก่อนที่จะไลน์ไปบอกชัญญ่าด้วยอีกคน ซึ่งชัญญ่ามีเรียนถึงแค่บ่ายสามจึงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

   “เก็ท... อิอิ” ผมหันไปยิ้มหวานให้เก็ททันที ซึ่งเล่นเอาเก็ทหันมามองด้วยสีหน้าสงสัยอย่างมากกับท่าทางแปลกๆ ของผม “เย็นนี้คาบรีดดิ้งของ Andru ฝากแลคเชอร์ให้หน่อยสิ เอาแค่คร่าวๆ ก็ได้ ถ้ามีการบ้านก็บอกด้วยนะ”

   “แล้วไม่เข้าเรียนหรือไง จะไปไหน” เก็ทวางปากกาที่กำลังจดสิ่งที่อาจารย์สอนอยู่หันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจัง

   “ก็... เอ่อ... คือ... คือเอ่อ... มีธุระด่วนน่ะ เดี๋ยวเลิกเรียนนี่ก็จะรีบไปเลย” ผมตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ตรงไหนวะ! ตอบโคตรตะกุกตะกักดูไม่มีพิรุธเลยต่างหาก! เก็ทไม่รู้หรอกว่าผมกำลังโกหก

   “เดี๋ยวนี้เริ่มมีความลับบ่อยแล้วนะ ไม่ไว้ใจกันแล้วงั้นสิ” เก็ทพูดเสียงนิ่งขึ้นทันที ก่อนจะหันไปสนใจสิ่งอาจารย์สอนอยู่ เล่นเอาผมขนลุกกับน้ำเสียงเย็นชาเมื่อกี้

   “โธ่ ก็ไม่ได้จะปกปิดอะไรสักหน่อย แค่มันเป็นธุระ เอ่อ... ไร้สาระน่ะ เลยไม่รู้จะบอกทำไม” ผมรีบแก้ตัวทันที

   “อืม มันคงไร้สาระมากถึงขนาดบอกกันไม่ได้เลย แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวจะจดไว้ให้แล้วกัน” เก็ทไม่ได้หันมามองหน้าผมอีก แต่ก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นไม่ต่างจากเมื่อครู่เลย

   “อย่างอนนะๆ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยรับรองว่าจะรีบบอกคนแรกเลย” ผมเกาะแขนทำเหมือนอ้อนเก็ท ก่อนที่มือใหญ่ๆ ของเก็ทจะผลักเข้าที่หัวผมจังๆ แต่ไม่ได้แรงเท่าไรนัก แต่ก็ทำเอาผมยู่จมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้ แถมมันยังยิ้มเยาะผมอีกต่างหาก

**********___________**********

   ผมเลิกเรียนตอนสี่โมงครึ่ง แล้วจะมีเรียนอีกทีตอนหกโมง ซึ่งแน่นอนว่าผมโดดชัวร์ๆ แล้วเพราะฝากฝังให้เก็ทจดแลคเชอร์ด้วยสมองอันปราดเปรื่องแทนผมเรียบร้อย แม้จะโดนรังสีอำมหิตที่ผมไม่ยอมบอกตรงๆ ว่ามีธุระที่ไหนก็ตาม ผมรีบปลีกตัวออกไปโบกแท็กซี่เพื่อไปหาพัฒน์และดินตามที่นัดหมายไว้ทันที พัฒน์นัดดินไว้ให้ตอนหกโมงที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ไกลจากละแวกมหาวิทยาลัยของสองคนนั้นหน่อย แต่นั่นก็ช่วยย่นระยะทางสำหรับผมไปด้วยเช่นกัน

   ใช้เวลาเกือบชั่วโมงผมก็มายังร้านที่พัฒน์นัดเอาไว้ ผมจึงโทรหาถามพัฒน์ ทั้งสองคนกำลังมา ดินมาพร้อมกับพัฒน์เลย และบอกให้ผมเข้าไปรอให้ร้านก่อนได้เลย

   “ฟร๊องก์!” เสียงของชัญญ่าเรียกชื่อผมขณะที่ผมกำลังจะผลักประตูเข้าไปในร้าน

   “อ้าวญ่า มาเร็วเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆ”

   “ก็มันว่างตั้งนานแล้ว นี่ออกมาเผื่อเวลารถติดไว้ด้วยนะ แต่รถก็ดันไม่ค่อยติดเท่าไรเลยมาเร็ว” ชัญญ่าอธิบายพร้อมกับยิ้มเขินๆ ผมว่าเธอเองก็ตื่นเต้นเหมือนกับผมมากกว่าจึงรีบมา

   ชัญญ่ากับผมมานั่งสั่งกาแฟคนละแก้วพร้อมด้วยเค้กรอกัน ผมเองก็หิวอยู่เหมือนกัน ก็ออกมายังไม่ได้กินอะไรมาเลยนี่นา ขอยัดอะไรลงท้องก่อน กลบความตื่นเต้นด้วยแล้วเผื่อเวลาคุยต้องใช้สมองหน่อยมันจะได้มีสารอาหารมาเลี้ยง ฮ่าๆๆ สมองยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่!

   “ตื่นเต้นหรือไง นั่งเขย่าขาซะขนาดนั้น” ชัญญ่าถามผมอย่างล้อเลียน แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าตื่นเต้น ก็มันน่าตื่นเต้นจริงๆ นี่ จริงอยู่ว่าเราวางแผนมาแล้ว แต่ตัวแปรสำคัญของแผนเลยก็คือบุคคลที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ ถ้าเขาเชื่อและยอมตกลงตามที่เราวางแผนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ถ้ามันไม่เป็นไปตามที่หวังเนี่ยสิเรื่องใหญ่

   “อื้อ ตื่นเต้นดิ เนี่ยมือเย็นหมดแล้ว ถ้ามันไม่สำเร็จขึ้นมาเราจะทำยังไงอ่ะชัญญ่า” ความวิตกจริตของผมเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ

   “เห้ย! อย่าเพิ่งคิดมากดิ รูปที่ชะนีนั่นถ่ายคู่กับปาร์คก็มีอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วเดี๋ยวเราช่วยยืนยันด้วย ถึงไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ต้องมีติดใจอยู่บ้างแหละ” ชัญญ่าพูดอย่างหมายมั่นปั่นมือ ก่อนที่เสียงกระดิ่งของประตูหน้าร้านจะดังขึ้น บ่งบอกว่ามีคนเข้ามาในร้าน เมื่อหันไปมองก็รู้ตัวทันทีว่าหมดเวลาที่จะคิดเองเออเองแล้ว ถึงเวลาต้องเผชิญความจริงแล้ว

   “พัฒน์!” ผมยกมือเรียกก่อนที่สองผู้มาเยือนใหม่จะเดินมาที่โต๊ะ ผมเพิ่งได้เห็นหน้าของดินใกล้ๆ และชัดๆ ครั้งก่อนที่เจอ ผมเห็นไม่ค่อยถนัดเท่าไร พอมาเห็นแบบนี้แล้วผู้ชายคนนี้ก็หล่อไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

   ผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ พัฒน์มีส่วนสูงพอๆ กันเลย ซึ่งพัฒน์เองก็สูงกว่าปาร์คอยู่เล็กน้อย มีผิวขาวมาก ทรงผมเซ็ตลวกๆ สีน้ำตาลไม่ต่างจากครั้งที่แล้วที่เจอ แต่ผมเพิ่งได้เห็นดวงตาของคนนี้ว่าเป็นหนุ่มตาตี่ หล่อแบบตี๋ๆ สงสัยจะเป็นเชื้อสายจีน ทั้งพัฒน์และดินยังอยู่ในชุดนักศึกษาเช่นกัน ชัญญ่าเองก็ด้วย ทำให้โต๊ะเราเหมือนกลุ่มนักศึกษาเพิ่งเลิกเรียนออกมาหาอะไรกินกัน

   “นี่เพื่อนกูที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับมึง ชื่อฟร๊องก์” พัฒน์แนะนำผมให้ดินรู้จักหลังจากที่ทั้งสองคนนั่งลง โต๊ะที่ร้านนี้เป็นทรงกลม พัฒน์เลือกนั่งข้างผมอีกฝั่ง ซึ่งตรงข้ามกับชัญญ่า ส่วนดินที่นั่งถัดจากพัฒน์ไปก็อยู่ข้างชัญญ่า และตรงข้ามกับผมพอดีเช่นกัน

   “สวัสดีครับ ผมดิน” ดินพยักหน้าเป็นเชิงทักทายเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบาง

   “หวัดดีครับ ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ รู้สึกกดดันแปลกๆ เอาแบบเป็นกันเองเถอะ” ผมขำนิดๆ กับการแนะนำตัวของดิน เล่นซะเป็นทางการอย่างกับจะมาสอบสัมภาษณ์กับผมอย่างนั้นแหละ “เออ พัฒน์นี่ชัญญ่าเพื่อนฟร๊องก์ ดินนี่เพื่อนเราชื่อชัญญ่า”

   “หวัดดีครับ” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ชัญญ่าจะยิ้มตอบเล็กน้อยตามมารยาท

   “ดินจะกินอะไรหรือเปล่า สั่งมากินก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”

   “ไม่เป็นไรไม่ต้องเลี้ยงหรอก พี่ครับขอเอสเปรสโซ่ มึงเอาไรไหม” ดินสั่งกาแฟของตัวเองก่อนจะหันไปถามพัฒน์

   “เอาเหมือนมันอ่ะครับ” พัฒน์ตอบกวนๆ ออกไป

   “ว่าแต่ฟร๊องก์มีอะไรจะคุยกับเราเหรอ” ผมที่กำลังดูดกาแฟปั่นใส่คาราเมลอยู่แทบจะสำลักกับการยิงคำถามที่มารวดเร็วและตรงประเด็นของดิน

   “ค่อก! ค่อก!” ไม่แทบแล้วล่ะ ผมถึงกับสำลักเลยต่างหาก

   “ใจเย็นๆ” ชัญญ่ารีบเข้ามาดูอาการพร้อมกับตบที่หลังผมเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

   “คือ... ดินเป็นเพื่อนกับปาร์คใช่ไหม”

   “ไอ้ปาร์ค ไอ้หล่อที่เรียนอยู่ถาปัตมอเดียวกับดินอ่ะนะ ถ้าใช่อ่ะรู้จัก ซี้กันเลยโดยเฉพาะเวลาเล่นบาส” ดินพูดถึงปาร์คอย่างขำๆ ผมอมยิ้มกับฉายาที่เรียกปาร์คว่า ‘ไอ้หล่อ’ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะมันหล่อจริงๆ

   “ใช่ๆ คนนั้นแหละ” 

   “ว่าแต่ทำไมเหรอ ฟร๊องก์รู้จักกับมันด้วยเหรอ อย่าบอกนะว่าจะจีบมันแล้วให้เราช่วย” ดินมองหน้าผมด้วยความสงสัย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ ขณะที่พนักงานยกแก้วกาแฟที่สั่งเมื่อครูมาเสิร์ฟ เพิ่มเวลาให้ผมได้หายใจหายคอและเรียบเรียงคำพูดได้อีกนิด

   “เปล่าๆ เรากับปาร์คเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมแล้ว แต่คือ... เราอยากรู้ว่าปาร์คมีแฟนไหมอ่ะ คือเรา...”

   “ฟร๊องก์ชอบปาร์คค่ะ ไม่สิ ต้องเรียกว่ารักเลยแหละ!” ชัญญ่าชิงตอบแทนผมเมื่อผมได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ ก็จะให้พูดออกไปตรงๆ ก็อายเป็นเหมือนกันนะเว้ย!

   “อ๋อออ... แบบนี้นี่เอง อิอิ แอบมาสืบข้อมูลของไอ้หล่อมันล่ะสิ ปกติเห็นมันก็ชอบเล่นชอบหย่อกพวกที่เป็นแบบฟร๊องก์นี่อยู่ แต่ก็ไม่รู้มันชอบแบบไหนกันแน่ ถ้าน่ารักๆ แบบฟร๊องก์นี่ ไม่ยากหรอก แต่ถ้าแบบเป็นแฟนเลยยังไม่เคยเห็นมันควงใครจริงๆ จังๆ นะ ส่วนมากก็มีผู้หญิงเข้ามาคุยๆ ก็เยอะอยู่อ่ะ เห็นคุยๆ กันได้สักพักก็เลิกกันไป ประมาณว่าได้แล้ว เบื่อแล้วก็ทิ้งอะไรแบบเนี่ย อย่างว่าแหละคนมันหน้าตาดี บ้านแม่งก็รวย ใครๆ ก็อยากเข้าหา แต่บางทีมันก็ไม่สนใจหรอก ส่วนใหญ่เวลาว่างๆ มันจะมาเล่นบาสกับพวกดิน แล้วก็เล่นเกมมากกว่า แต่มีช่วงหลังๆ มาเนี่ยแหละที่ไม่เห็นมันควงใครอีกเลย ตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ มาอ่ะ แล้วตั้งแต่รู้จักมันมายังไม่เคยเห็นมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยด้วย”

   ดินอธิบายยืดยาว ดูๆ แล้วดินเป็นคนที่พูดเก่งมากเหมือนกัน แถมยังมีความกวนอยู่ในคำพูดด้วย ฟังๆ ดูก็ตลกดี เหมือนได้ฟังดินเผาปาร์คอยู่อย่างไงอย่างงั้น แต่ก็เจ็บจี๊ดอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าก่อนหน้าปาร์คเป็นเสือผู้หญิง (อาจจะผู้ชายด้วย) ได้แล้วเบื่อแล้วก็ทิ้ง หนึ่งในนั้นก็อาจจะรวมถึงผมด้วย

   “งั้นเหรอ แล้วกับผู้หญิงคนนี้ล่ะ” ผมพูดก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดรูปคู่ของปาร์คกับเกลที่ยังคงเซฟเก็บเอาไว้ส่งให้ดินดู

   “นี่มัน...” ทันทีที่ดินเห็นรูป สีหน้ายิ้มแย้มของดินก็ดูซีดลงไปถนัดตา

   “ดินรู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม เราได้ยินมาว่าปาร์คกำลังคบกับผู้หญิงคนนี้อยู่ เราเองก็เคยเจอสองคนนี้ไปเที่ยวด้วยกันหลายครั้งแล้วเหมือนกัน” ผมรีบอาศัยโอกาสช่วงที่ดินกำลังอึ้งเติมเชื้อไฟทันที จะว่าไปผมนี่ก็แสดงเก่งใช่ย่อยเหมือนกันนะ

   “ญ่าเองก็เคยเจอนะ ตอนที่ไปกับฟร๊องก์แล้วปาร์คเข้ามาคุยกับฟร๊องก์ ผู้หญิงคนนี้ยังเข้ามาแสดงตัวพร้อมต่อว่าฟร๊องก์เลยว่าไม่ให้มายุ่งกับแฟนของตัวเอง” ชัญญ่าเองก็ใช่ย่อยเหมือนกัน รีบสมทบขึ้นมาทันที

   “ชื่อเกลเรียนคณะเดียวกับแฟนกูเอง ตอนฟร๊องก์มันมาถามกู เห็นแฟนกูบอกว่ากำลังควงอยู่กับผู้ชายสถาปัต พอกูได้เห็นรูปที่ฟร๊องก์เอาให้ดูกูถึงรู้ว่าเป็นไอ้ปาร์ค” พัฒน์ก็ไม่ปล่อยให้เสียโอกาส ร่วมด้วยช่วยกันยุเข้าไปอีก ถือว่าขอให้ช่วยไม่ผิดคนจริงๆ ทำงานกันเป็นทีมมาก!

   “แต่นี่... ผู้หญิงคนนี้กำลังคบกับไอ้หล่อเหรอ เป็นไปได้ไงในเมื่อ...” ดินพึมพำเสียงค่อยขณะที่ตายังมองที่หน้าจอโทรศัพท์ของผมไม่ละสายตา

   “ดินรู้จักด้วยเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” ผมเร่งเร้าถามต่ออย่างรวดเร็ว

   “ก็เกลกำลังคบกับดินอยู่ แล้วทำไมถึงไปคบกับไอ้ปาร์คมันได้” ดินเงยหน้ามองผมอย่างไม่เข้าใจ

   “อะไรนะ นี่เรางงไปหมดแล้ว ตกลงผู้หญิงที่ชื่อเกลนี่ใช่แฟนปาร์คหรือเปล่า” ผมแสร้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร จนชัญญ่าถึงกับสะกิดแล้วยกนิ้วหัวแม่มือให้ใต้โต๊ะกับความเนียนของผม

   “เราเองก็งง เกลคบกับเราอยู่นะ ไปไหนมาไหนกับเราตลอด อีกอย่างก็ชอบเอาโน้นเอานี่มาฝากตลอด บอกว่าพ่อแม่ไปต่างประเทศบ่อย เลยซื้อกลับมาฝาก จนเราเองก็เกรงใจ แล้วที่สำคัญคือเกลไม่เคยพูดถึงปาร์คหรือทำเหมือนรู้จักปาร์คเลย เราเองก็ไม่เคยเห็นปาร์คพูดเลยว่ามีแฟนแล้ว แต่เวลาเล่นบาสเสร็จ มันเคยเปรยๆ ให้ฟังบ่อยนะว่ามันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองชอบเพื่อนคนหนึ่ง รู้สึกแบบนี้มานานแล้ว แต่มันกลัวและไม่แน่ใจในความรู้สึก แล้วก็บอกว่ามันทำผิดกับเขาไว้เยอะ จนไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้หรือแก้ไขยังไง ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจที่มันพูดเหมือนกัน แต่เวลาที่มันพูดถึงเรื่องนี้ ดูมันเครียดๆ เศร้าๆ มากเลยนะ”

   “รู้สึกชอบ... เพื่อนเหรอ” หัวใจผมเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว แต่... มันอาจจะไม่ใช่ผมก็ได้

   “หึหึ/คิกๆ” พัฒน์กับชัญญ่าหลุดขำออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ชัญญ่านี่สะกิดขาผมยิกเลย ยิ่งทำเอาใบหน้าผมร้อนผ่าวมากขึ้นอีก

   “อืม ดูท่าทางมันจะรักและแคร์เพื่อนคนนั้นมากเลยล่ะ แต่อีกนัยก็ดูมันสับสนกับอะไรบางอย่าง เราก็ไม่รู้นะว่าเพื่อนที่มันว่าคือใคร เพราะมันไม่เคยพูดรายละเอียดอะไรของคนๆ นั้น แต่เรื่องเกลนี่เราไม่เคยได้ยินมันพูดถึงเลยนะ ขนาดอยู่มอเดียวกัน ไปเล่นบาสกับมันก็ออกจะบ่อย แต่ก็ยังไม่เคยเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกันเลย”

   “และ... แล้วที่ว่าดินกำลังคบกับผู้หญิงคนนั้นล่ะ” ผมดึงกลับมาเรื่องเดิม เดี๋ยวจะเสียเรื่องไปซะหมด แต่จริงๆ แล้วกำลังเบนประเด็นก่อนที่หัวใจของผมมันจะหลุดออกมาเต้นด้านนอกหน้าอกต่างหาก

   “นั่นล่ะที่เราไม่เข้าใจ เรากับเกลคบกันอยู่ คบกันมาได้สักพักแล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเกลถึงไปคบกับปาร์คได้”

   “ก็แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังคบซ้อนไง” ชัญญ่าโพล่งขึ้นมาทันที “ฟร๊องก์เราว่าบอกความจริงให้ดินรู้ไปเถอะ”

   “ความจริงเรื่องอะไร” ดินหันไปมองชัญญ่า ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ

   “ขอโทษนะดิน จริงๆ เรารู้อยู่แล้วว่าดินเป็นเพื่อนกับปาร์ค ส่วนเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อเกลนั่น เราก็รู้อยู่ก่อนหน้าแล้วด้วย แต่ที่ต้องหลอกถามดินเหมือนว่าเราไม่รู้อะไรเลย เพราะเราไม่รู้จะเริ่มเข้าประเด็นยังไง เรากลัวว่าถ้าบอกไปตรงๆ ดินอาจจะไม่เชื่อ เลยต้องใช้วิธีการนี้” ผมกล่าวขอโทษก่อนจะบอกความจริงทั้งหมดกับดิน ซึ่งตอนนี้นั่งฟังผมอธิบายนิ่งๆ พร้อมกับคิ้วที่เริ่มขมวดเป็นปมมากขึ้น เขาจะต่อยปากผมไหมเนี่ยที่ไปโกหกเขาแบบนี้

   “กูก็ขอโทษนะ ถึงมึงจะไม่ได้สนิทอะไรกับกู แต่มึงก็เป็นเพื่อนกูว่ะ ไอ้ปาร์คเองก็เป็นเพื่อนกูมาตั้งแต่มัธยม จะให้กูปล่อยให้เพื่อนโดนหลอกคงทำไม่ได้” พัฒน์ช่วยพูดอีกแรง ก่อนจะตบไหล่ดินเบาๆ

   “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” ดินยกกาแฟขึ้นมาดื่ม ก่อนจะสูดหายใจเข้าเถือกใหญ่ แล้วเอ่ยถามถึงเรื่องราวทั้งหมด

   ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ดินฟัง ทุกเรื่องที่ผมรู้ตั้งแต่ที่แคมป์ส่งรูปมาให้ผมครั้งแรก จนผมไปเจอปาร์คกับเกลไปเที่ยวด้วยกัน ผมบอกดินไปว่าผมถามปาร์คและได้ยินปาร์คคุยโทรศัพท์กับหูตัวเองมาแล้ว เลยทำให้รู้ว่าสองคนนั้นกำลังคบกันอยู่ ไปจนถึงเรื่องที่เกลคบกับปาร์คเพื่อจะเข้าหาดิน แต่เกลไม่ยอมสลัดปาร์คทิ้งเพราะอาจได้ผลประโยชน์จากปาร์ค

   รวมไปถึงเรื่องที่ผมขอร้องให้พัฒน์พาผมตามไปแอบดูเกลกับดินที่ร้านอาหาร และตั้งใจจะถ่ายรูปเพื่อเป็นหลักฐานไปบอกปาร์ค แต่กลับถูกจับได้ซะก่อน จนเกลไปใส่ร้ายผมจนปาร์คเข้าใจผิด รวมทั้งเรื่องที่เกลดูดเงินจากปาร์คมาอัพตัวเองให้ดูดีขึ้นและซื้อของให้ดินโดยอ้างว่าครอบครัวซื้อมาจากต่างประเทศ ผมบอกไปหมดทุกอย่าง พร้อมกับสังเกตท่าทางของดินที่สีหน้าเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและมักจะยกกาแฟขึ้นดื่มหลายต่อหลายครั้งจนผมเล่าจบ

   “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ถ้าวันนี้ไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมดจากฟร๊องก์ แล้วรู้ความจริงด้วยตัวเอง เราว่าเรากับไอ้ปาร์คได้มีเรื่องชกต่อยกันจนเสียเพื่อนแน่ๆ” ดินพูดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดจบ ใบหน้าและน้ำเสียงที่ผิดหวังบ่งบอกถึงอารมณ์ได้ดีโดยที่ผมได้ต้องถามต่อ ส่วนชัญญ่ากับพัฒน์ก็เลือกที่จะเงียบ

   “ขอโทษที่ต้องบอกตรงๆ แบบนี้ แล้วก็ขอบคุณที่เชื่อและฟังจนจบ”

   “เราดิต้องขอบคุณฟร๊องก์ ชัญญ่า แล้วก็มึงด้วยพัฒน์ที่ทำให้เราตาสว่าง แต่ก็เล่นเอาเรารู้สึกผิดเลยเหมือนกันนะ พอรู้ว่าพวกของที่เกลซื้อมาให้นั้นมาจากเงินของไอ้หล่อมัน”

   “ที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ เราเชื่อว่าปาร์คไม่ติดใจเอาความหรอก แต่เราอยากขอความร่วมมือจากดินกระชากหน้ากากของผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ดินตาสว่างแล้ว จะเหลือก็แต่ปาร์คเนี่ยแหละ”

   “ได้ดิ เราช่วยเต็มที่ ไอ้หล่อมันก็เพื่อนดินเหมือนกัน อีกอย่างก็เพื่อตัวดินเองด้วย” ดินพูดอย่างแข็งขัน พร้อมแววตาที่มุ่งมั่นที่แฝงด้วยความโกรธอยู่พอสมควร

   “เราอยากให้ดินลองเปรยๆ ให้เกลนั่นได้ยินว่าอยากได้ของพิเศษๆ อะไรสักอย่าง ขอเป็นของที่มีราคาหน่อย เราคิดว่านางต้องซื้อให้ดินแน่นอน และแหล่งเงินทุนก็คงหนี้ไม่พ้นปาร์ค ลองเอาเป็นรองเท้าไว้ใช้เล่นบาสก็ได้ แล้วบอกประมาณว่าต้องให้พวกที่เล่นบาสด้วยกันช่วยเลือก มันเป็นรุ่นลิมิเตตหรืออะไรก็ว่าไป ดีไม่ดีเกลอาจจะให้ปาร์คไปช่วยเธอเลือกเพื่อจะซื้อมาให้ดินก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นได้ยิ่งดีเวลาที่จับได้ หลักฐานมันจะได้ชัดเจนจนดิ้นไม่หลุด ส่วนที่เหลือที่ฟร๊องก์จัดการเอง”

   “กำลังอยากได้รองเท้าใหม่อยู่พอดี ลิมิเตตด้วย ยังบ่นๆ กับไอ้ปาร์คอยู่เหมือนกันว่าอยากได้แต่มันแพง ไงเดี๋ยวเราจะลองดูนะ แต่ถ้าซื้อมาแล้วจริงๆ เรากับไอ้ปาร์คใส่รองเท้าไซส์เดียวกัน จบเรื่องเดี๋ยวเราคืนมันก็แล้วกัน”

   “ถ้าเกลจะซื้อให้แล้วมีการนัดกัน ยังไงรบกวนบอกเราด้วยนะ บอกผ่านทางพัฒน์ก็ได้ แล้วเดี๋ยวเราจะนัดปาร์คไปด้วยเหมือนกัน คราวนี้ล่ะจะได้กระชากหน้ากากให้ได้เห็นความเลวของผู้หญิงคนนั้นสักที”

   “หึหึ เราว่าตอนนี้เรารู้แล้วแหละว่าเพื่อนที่ไอ้หล่อมันบ่นๆ ถึงอยู่คนนั้นคือใคร” ดินหัวเราะ แล้วมองหน้าผมอย่างมีเลศนัย

   “ว่าอะไรนะ” ดินว่าอะไร ผมไม่เข้าใจที่เขาพูด

   “เปล่าๆ ไม่มีอะไร ยังไงเดี๋ยวจะลองทำตามแผนที่บอกนะ ไอ้หล่อมันจะได้รู้ตัวแล้วสมหวังเร็วๆ” ดินรับปาก แต่ก็ยังพูดในเรื่องที่ผมงงอยู่ แต่ช่างเหอะ ผมอารมณ์ดีที่แผนเป็นไปตามที่หวัง ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี

   อีกไม่นานหรอก ผู้หญิงคนนั้นจะถูกถอดหน้ากากให้ทุกคนได้เห็นถึงความเลวที่ได้ทำ!


à suivre...


มาแล้วครับผม

สงสารทาร์ตกับโดนัทเหมือนกันนะ
แต่ก็สงสารฟร๊องก์ไม่แพ้กัน สำหรับฟร๊องก์เหตุผลที่ได้รับฟัง เหมือนที่คุณ Jibbubu บอก คือมันฟังไม่ขึ้น

ส่วนตอนนี้ฟร๊องก์ก็กลับมายังเรื่องของเกลอีกครั้ง
ด้วยเหตุผลที่ส่วนหนึ่งก็คือปาร์คแหละ แต่อีกส่วนคือฟร๊องก์ก็ไม่อยากเป็นคนที่ผิดทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรด้วย
ก็มาช่วยกันภาวนาให้แผนครั้งนี้ไม่ล่มอีกแล้วกันนะ 55555+

ขอบคุณทุกคนนะฮะ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 43 [7/9/2017]
«ตอบ #185 เมื่อ07-09-2017 20:11:45 »

Chapitre 43

   ตอนนี้ถือว่าโชคดีกำลังเข้าข้างผมก็ได้ หลังจากที่โดนเพื่อนและน้องหักหลัง และยังต้องวิตกกังวลเรื่องที่จะต้องไปคุยกับดิน เพื่อให้ดินมาช่วยให้แผนการเปิดโปงความเลวของผู้หญิงที่ชื่อเกลนั้นเป็นไปได้ด้วยดี ดินเชื่อในสิ่งที่ผมบอก และยินดีที่จะช่วยดำเนินแผนการ ตอนนี้ทุกอย่างใกล้จะถึงเป้าหมายแล้ว ผมทำได้แค่รอ รอให้เป็นไปตามแผนและผมจัดการกระชากหน้ากากของผู้หญิงคนนั้นได้สำเร็จ

   “ช่วงนี้ดูอารมณ์ดีนะ ไม่คิดมากเรื่องทาร์ตแล้วหรือไง” เก็ทถามหลังจากที่ผมขึ้นรถไปเรียนตามปกติ พอหลายวันเข้าทาร์ตที่พยายามเข้ามาขอโทษ ขออธิบายแล้วได้รับเพียงแค่ท่าทางเย็นชาจากผม เจ้าตัวก็เริ่มหายไป แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ที่ผมอารมณ์ดีเพราะเรื่องเกลต่างหาก ผมรอลุ้นให้ดินคอนเฟิร์มนัดเร็วๆ แทบอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเมื่อความเลวถูกเปิดเผย

   “อารมณ์ดีแล้วไม่ดีหรือไงเล่า อยากเห็นฟร๊องก์เป็นทุกข์นักหรือไง ชิ!” ผมหันไปย่นจมูกและเบ้ปากใส่เก็ทอย่างหมั่นไส้ทันที คนอารมณ์ดีแล้วผิดหรือไง

   “คิดว่าทำหน้าแบบนี้แล้วน่ารักหรือไง ขี้เหร่!” เก็ทยิ้มเยาะก่อนจะเอามือมายีหัวผมแรงๆ ใช่สิ! ไม่ได้หน้าตาดีเหมือนมึงนี่หว่า!

   “แล้วคิดว่าตัวเองหล่อนักหรือไง!” ผมผลักหน้าเก็ทกลับเช่นกัน แต่ไม่แรงมากเท่าไร

   “เดี๋ยวนี้เริ่มเล่นหัวนะ เดี๋ยวเถอะๆ” เก็ทชี้หน้าคาดโทษ แต่ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะขับรถต่อไปยังมหาวิทยาลัย

   หลังจากวันที่นัดคุยกับดินนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เลยอาศัยช่วงเวลาที่ตัวเองอารมณ์ดีๆ อยู่นี้นั่งเคลียร์งานไปพลางๆ จนเสร็จไปหลายวิชาแล้ว รายงานฝรั่งเศสเองก็เหลือแต่ส่วนเล็กน้อยๆ แล้วก็พวกหน้าปก คำนำอะไรพวกนั้นแล้ว จะได้เหลือเวลาอ่านหนังสือทบทวนนานหน่อย ไม่ต้องมานั่งไฟลนก้นอยู่ เว้นแต่อาจารย์จะทะลึ่งสั่งงานก่อนสอบขึ้นมาอีก ซึ่งชอบทำกันนักแล!

   ส่วนปาร์คหลังจากที่มาช่วยผมจากทาร์ต มันก็เริ่มกลับเข้ามาวนเวียนในชีวิตผมมากขึ้น อาจจะไม่ได้โทรหาเพราะรู้ว่าโทรมาแล้วผมก็ไม่รับ แต่ข้อความในไลน์ที่คอยส่งมาถามสารทุกข์สุขดิบแสดงความเป็นห่วงนั้นมีแทบทุกวัน ผมเปิดอ่านแต่ไม่คิดที่จะตอบกลับ

   ติ๊ด! ติ๊ด!

   เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นขัดจังหวะการอ่านหนังสือของผม ซึ่งกำลังทำความเข้าใจเนื้อหาบางส่วนให้มากขึ้น แต่พอเห็นชื่อของคนที่โทรมาโชว์อยู่บนหน้าจอ มันกลับเร้าอารมณ์ผมได้มากกว่าอีก

   “ฮัลโหลพัฒน์ ได้เรื่องแล้วเหรอ” ผมรีบกรอกเสียงตื่นเต้นถามไปทันที

   [หวัดดีครับฟร๊องก์ นี่ดินเองนะ]

   [พัฒน์ประชุมสายให้เลยจะได้คุยกันสะดวกๆ]

   “อ๋อ ขอบใจนะ แล้วเป็นไงบ้างดิน เป็นไปตามแผนไหม”

   [ด้วยดีเลยล่ะ วันก่อนเปรยๆ ว่าอยากได้ร้องเท้าบาสใหม่ แต่บ่นว่ามันแพงๆ แล้วก็ทำเป็นเปิดข้อมูลให้เกลดู แลดูเกลจะสนใจมากเลยนะ ถามโน้นถามนี่ว่าหาได้จากไหน ทำเหมือนอยากจะซื้อให้เรา เราเลยแกล้งบอกไปว่ารุ่นนี้หายาก ต้องถามคนที่ชอบเล่นบาสเหมือนกันถึงจะรู้แหล่ง ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเธอจะซื้อให้ จนเมื่อวานเกลโทรมานัดเราให้ออกไปเจอวันเสาร์นี้ บอกว่ามีอะไรจะให้ เราเลยเดาว่าน่าจะเป็นรองเท้าแหละ]

   “แล้วแน่ใจเหรอว่ารองเท้าคู่นั้นปาร์คเป็นคนซื้อให้เกลน่ะ” ถ้าไม่ใช่ปาร์คซื้อให้ก็คือจบ ต้องคิดแผนใหม่ต่ออีก

   [ตอนแรกก็ไม่แน่ใจหรอก แต่เราเจอไอ้หล่อมันตอนไปเล่นบาส ก็เลยลองถามๆ มันประมาณว่าหาได้จากไหน มันพอรู้แหล่งไหม เพราะรุ่นที่เราอยากได้นั่นยอมรับว่าหายากจริงๆ มันเข้าไทยแค่ไม่กี่คู่แล้วก็ราคาโหดมาก แถมรองเท้าแต่ละคู่ สีและลายจะไม่เหมือนกันเลยสักคู่ และจะมีเลขเฉพาะของคู่นั้นๆ ระบุอยู่ด้วย แต่ที่ถามไอ้ปาร์คมันเพราะระดับมันน่ะรู้อยู่แล้ว ไอ้นี่มันมีรองเท้าอยู่หลายคู่แต่ไม่ค่อยเอาออกมาใส่หรอก ส่วนใหญ่ซื้อมาเก็บ แล้วพอดีไอ้ปาร์คมันบอกว่ามันสั่งคู่นี้ไว้ แต่ตอนนี้ให้เป็นของขวัญคนรู้จักไป ตอนนี้ในไทยน่าจะหาไม่ได้แล้ว ถ้าจะเอาคงต้องสั่งจากต่างประเทศซึ่งก็ไม่รู้ว่าของหมดแล้วหรือยังเหมือนกัน]

   “งั้นคงไม่ผิดแน่ๆ ถ้ายิ่งปาร์คได้เห็นรองเท้านั่นกับตาตัวเอง ปาร์คยิ่งไม่มีทางจำผิดแน่นอน”

   [คงงั้นแหละ แต่จะว่าไปก็เสียดายนะ ไอ้หล่อแม่งเร็วตลอด รุ่นนี้โคตรเอ็กซ์คลูซีฟเลย] ดินพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายแต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก เป็นเชิงทีเล่นทีจริงมากกว่า

   จากนั้นผมก็จัดการถามเวลาและสถานที่นัดหมาย แล้วก็ขอให้ดินเล่นอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ซึ่งดินก็รับปากมาอย่างดีว่าแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากคุยเสร็จผมก็โทรหาชัญญ่าต่อเพื่อบอกข้อมูล แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าตกลงจะนัดปาร์คออกมาได้ยังไง ถ้าให้ดินนัดเอง ก็เกรงว่าปาร์คจะไปถึงก่อนที่เกลจะมา แล้วทำให้เกลรู้ตัว หรือไม่ทั้งสองคนก็อาจจะเจอกันก่อน ก็อาจทำให้เสียแผนได้

   สุดท้ายจึงต้องให้ชัญญ่าที่ผมเคยขอร้องไว้ตั้งแต่แรกว่าให้พยายามชวนปาร์คออกมา โดยผมเป็นคนให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไปเอง ผมก็กังวลพอสมควรแหละว่าชัญญ่าจะนัดปาร์คออกมาได้หรือเปล่า เพราะวางแผนมาขนาดนี้แล้ว ถ้าปาร์คไม่ยอมมาตามที่ชัญญ่าชวน ทุกอย่างที่ทำมาก็คงจบ

   และก็เป็นไปตามคาด เมื่อชัญญ่าสามารถชวนปาร์คออกมาได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าชัญญ่าพูดหรือใช้วิธีอะไรที่ทำให้ปาร์คยอมออกมาตามคำชวน แต่ช่างเถอะ เพราะนั่นถือเป็นเรื่องดี

   แล้ววันเสาร์ก็มาถึง เมื่อวันพฤหัสมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่นัดหมายและเพิ่มแผนให้รัดกุมมากขึ้นเล็กน้อย ตอนแรกเกลนัดให้รองเท้าที่ขอมาจากปาร์คกับดินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่ค่อนข้างเล็ก เป็นส่วนตัวและสามารถสังเกตเห็นทั่วร้านได้ง่าย ผมว่าเธอคงระแวดระวังตัวเองมากขึ้นด้วยแหละเพราะรู้ว่ามีผมที่รู้ทันเธออยู่

   ชัญญ่าเลยแนะนำให้เปลี่ยนสถานที่เป็นห้องอาหารของโรงแรม และตัวชัญญ่าเองก็จัดการจองห้องพักที่ติดกันไว้สองห้อง ห้องหนึ่งก็เพื่อจะให้ดินหลอกล่อเกลขึ้นไปประมาณว่าจะขอบคุณที่ซื้อของขวัญให้ ส่วนอีกห้องเป็นที่กบดานและซ่อนตัวเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

   โดยให้ดินอ้างเหตุผลว่าเกลมีของเซอร์ไพรส์ ดินก็เลยมีอะไรจะเซอร์ไพรส์ให้ด้วยเหมือนกัน โดยการพาไปกินอาหารที่ภัตตาคาร แล้วให้ดินพยายามดึงความสนใจเกลให้อยู่แค่กับดิน จะได้ไม่สังเกตเห็นชัญญ่าที่จะพาปาร์คตามไปดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ แต่อยู่ในห้องอาหารนั้นเหมือนกัน ส่วนผมกับพัฒน์คงได้แค่รออยู่แถวๆ ล็อบบี้ของโรงแรม แต่ชัญญ่าบอกว่าจะเปิดสปีกเกอร์โฟนให้ผมได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดเสมอ

   ผมต้องขอบคุณชัญญ่าอย่างมากเลยที่ยอมทุ่มให้ผมขนาดนี้ เพราะโรงแรมนั้นไม่ใช่โรงแรมกระจอกๆ ยิ่งห้องอาหารที่นั่นยิ่งขึ้นชื่อ และผมเชื่อว่าแผนที่ชัญญ่าแก้และวางใหม่หมดแบบนี้จะทำให้เกลดิ้นไม่หลุดแน่นอน ถ้าเป็นที่เดิมที่เกลนัดดิน แล้วปาร์คจับได้ก็จริง เกลก็อาจจะใช้มารยาล้านเล่มของเธอทำให้ดูน่าสงสารและบอกปาร์คอีกว่าดินเป็นเพื่อนหรือเป็นอะไร ซึ่งมันมีช่องโหว่งและข้ออ้างที่ยกขึ้นมาปฏิเสธความผิดได้ร้อยแปด

   แต่ถ้าที่โรงแรม ถ้าในห้องอาหารปาร์คยังไม่เชื่อ ก็ยังมีบนห้องพักอีกที่ ซึ่งแน่นอนว่าคราวนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาปฏิเสธความสัมพันธ์ลึกซึ้งนี้แล้ว เพราะคงไม่มีชายหญิงที่เป็นเพื่อนหรือคนรู้จักคู่ไหนไปสวีตกันแค่สองต่อสองในห้องพักโรงแรมหรอก

   ก่อนถึงเวลาที่นัดไว้ ซึ่งเป็นเวลาห้าโมงเย็น ชัญญ่าได้นัดผมกับพัฒน์ออกมานัดแนะแผนการกันก่อนอีกครั้ง โดยที่มีดินร่วมฟังผ่านทางโทรศัพท์ เราต้องรอบคอบและรัดกุมมากที่สุด ดังนั้นทุกคนจะต้องไม่มีข้อผิดพลาด ชัญญ่าจัดการเรื่องนัดกับปาร์คเรียบร้อยแล้ว แต่เธอไม่ยอมบอกเหตุผลกับผมว่าทำไมปาร์คถึงยอมมาตามนัด แต่ช่างเหอะแค่ปาร์คมาผมก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยก็เป็นไปตามแผนด้วยดี ซึ่งชัญญ่าอาสาจะรับปาร์คเอง

   ตอนแรกเธอบอกว่าปาร์คไม่ยอม แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่เธอไม่ยอมบอกให้ผมรู้เนี่ยแหละถึงทำให้ปาร์คตัดสินใจทำตามที่เธอบอกทุกอย่าง มันเลยไปได้สวยและไม่ต้องกังวลว่าเกลจะเห็นรถของปาร์คเข้าซะก่อน ส่วนผมก็ตามติดไปกับพัฒน์ ซึ่งจะตามไปทีหลังสุด เมื่อทุกอย่างเป็นอันเรียบร้อย และทุกคนเข้าใจหน้าที่และแผนการเป็นอย่างดี ก็เริ่มแยกย้ายไปทำภารกิจของตัวเอง

   ตัวแปรสำคัญของแผนนี้หลักๆ จะอยู่ที่ปาร์คว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนเกลน่าจะเดินตามเกมที่วางแผนไว้ ผมเองก็หายจากการตามจับผิดเธอไปสักพัก จนเธออาจจะไม่ค่อยระวังตัวมากเท่าตอนแรกๆ แล้ว แต่ก่อนจะแยกกันผมก็ย้ำกับชัญญ่าอีกครั้งว่าไม่ให้บอกปาร์คว่าผมมีส่วนร่วมในแผนการครั้งนี้

   “ชัญญ่าเราขอร้องนะอย่าบอกปาร์ค”

   “ฟร๊องก์ เราเข้าใจนะว่าฟร๊องก์เจ็บ แต่ฟร๊องก์ไม่คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้ปาร์คเจ็บบ้างเหรอ ฟร๊องก์ก็บอกเองว่าปาร์คดูรักเกลนั่นมาก ถ้ารู้ว่าเกลหลอกเขา โดนเกลสวมเขามาตลอด ฟร๊องก์ไม่คิดว่าปาร์คจะเสียใจบ้างเหรอ แล้วฟร๊องก์ทนปล่อยให้คนที่ฟร๊องก์รักเสียใจอยู่คนเดียวอ่ะนะ เราไม่อยากรับปากเลยบอกตรงๆ อย่างน้อยก็ให้ปาร์คได้รู้ว่าฟร๊องก์คอยเป็นห่วงปาร์คอยู่ตลอด แต่ทางที่ดีเข้าไปปลอบเขาด้วยตัวเองเลยจะดีที่สุด” ชัญญ่าที่เดินรั้งท้ายมากับผมพูดยาวเหยียดเล่นเอาผมอึ้งไปชั่วขณะกับคำพูดเหล่านั้น

   นั่นสินะ ผมมัวแต่ห่วงแผนการ แล้วก็ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเอง กลัวแค่ว่าตัวเองจะเจ็บ อยากจะแค่ให้ตัวเองตัดใจจากปาร์คได้ง่ายและเร็วขึ้น แต่ผมไม่ได้นึกถึงสภาพจิตใจของปาร์คเมื่อรู้ความจริงเลย ปาร์คดูรักเกลมากจริงๆ และแน่นอนว่าการถูกคนรักหักหลังนั้นมันเจ็บมากแค่ไหน แต่ผมกลับไม่ได้นึกถึงมันเลย ถึงเวลาที่ผมเจ็บ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ปาร์คก็มักมาอยู่ข้างๆ ผมเสมอ แล้วในเวลาที่ปาร์คเจ็บจะให้ผมทิ้งไปมีความสุขอยู่คนเดียวได้ยังไง

   “อย่าปิดกั้นความรู้สึกตัวเองต่อไปเลยฟร๊องก์ มันจะรังแต่ทรมานตัวเองเปล่าๆ” ชัญญ่าทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินไปทีรถตัวเอง ส่วนผมก็เดินคิดมากไปยังรถของพัฒน์ที่ยืนรออยู่ ผมนี่มันโคตรเห็นแก่ตัวเลย
   
***********____________************

   แล้วก็มาถึงเวลานัด ป่านนี้ดินกับเกลคงอยู่ในห้องอาหารแล้ว ส่วนชัญญ่าเองเปลี่ยนแผนโดยการพาปาร์คไปรออยู่ก่อนหน้าแล้ว เพราะคิดว่าจะได้เลือกมุมที่มองเห็นได้ถนัด แต่หลบสายตาได้ดีมากกว่าตามทีหลัง ผมกับพัฒน์ที่เพิ่งเข้ามาในโรงแรม รีบเข้าไปนั่งหาที่หลบในร้านกาแฟของโรงแรมเพื่อรูดูสถานการณ์ทันที ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของผมจะดังขึ้น ปลายสายคือชัญญ่านั่นเอง สงสัยเหตุการณ์เริ่มขึ้นแล้ว ผมกดรับโดยไม่ส่งเสียงตอบกลับไป แต่เสียบหูฟังใส่คนละข้างกับพัฒน์แล้วนั่งฟังเงียบๆ โดยที่ไม่ลืมสังเกตรอบตัวเป็นระยะ เราประมาทไม่ได้ครับงานนี้

   [นี่... นี่มันอะไรกันชัญญ่า ทำไมเกลถึงได้มากับไอ้ดิน... เอ่อ... เพื่อนปาร์ค แล้วฟร๊องก์อยู่ไหน] เสียงปาร์คลอดเข้ามาในโทรศัพท์ฟังเสียงแล้วดูปาร์คตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก น้ำเสียงสั่นๆ นั้นทำให้ใจผมเสียไปด้วยเหมือนกัน ปาร์คจะเป็นอะไรไหม สีหน้า ท่าทางจะเป็นอย่างไร ผมอยากเข้าไปเห็นด้วยตาของตัวเอง แต่ไม่สามารถทำได้

   [ฟร๊องก์อยู่ไม่ไกลจากนี่หรอก เราเชื่อว่าถ้าจบเรื่องปาร์คจะได้เจอฟร๊องก์แน่นอน ส่วนผู้หญิงคนนั้นน่ะ คือเหตุผลจริงๆ ที่เราพาปาร์คมาที่นี่แหละ ฟร๊องก์เป็นเพื่อนเรา ส่วนปาร์ค ก็เป็นคนที่ฟร๊องก์... รักมากๆ ดังนั้นเราจะปล่อยให้คนที่เพื่อนรักถูกหลอกไม่ได้หรอก โทษทีนะที่ไม่ได้บอกตรงๆ และต้องเอาฟร๊องก์มาอ้าง แต่เพราะเราไม่รู้ว่าจะชวนปาร์คออกมาได้ยังไงเหมือนกัน] ชัญญ่าพูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย! ผมได้ยินเสียงพัฒน์หัวเราะในลำคอเล็กน้อยด้วย จนผมต้องหันไปค้อนใส่เลย รู้ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับปาร์คก็ไม่เห็นต้องบอกตรงๆ แบบนั้นเลยก็ได้

   [หมายความว่าเกลรู้จักกับไอ้ดินเหรอ] เสียงปาร์คยังคงสั่นและดูเบาเหมือนไม่กล้าถาม

   [อย่างที่เห็น เราว่าไม่ใช่แค่รู้จักด้วย สองคนนั้นกำลังคบกันอยู่ต่างหาก เราพูดตรงๆ แบบนี้ปาร์คน่าจะรับได้นะ เรามีคนรู้จักค่อนข้างเยอะ เลยทำให้รู้ แล้วบังเอิญเราจำได้ว่าเราเคยเจอปาร์คกับผู้หญิงคนนี้ เราเลยไปสืบจนรู้ว่าเธอกำลังคบซ้อน เราเองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าผู้หญิงคนนี้เข้าหาปาร์คเพราะอะไรกันแน่ แต่อย่างหนึ่งที่เราแน่ใจคือนางเข้าหาปาร์คเพื่อจะได้รู้จักกับผู้ชายที่ชื่อดินนั่นด้วย เห็นว่าปาร์คก็สนิทกับดินเพราะเล่นบาสด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม มันเลยง่ายกว่าที่จะเข้าหาดินผ่านทางปาร์ค อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปาร์คกับฟร๊องก์...]
    
   [...] เสียงปาร์คเงียบไป แต่นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนรน ปาร์คจะเป็นยังไงบ้าง รวมทั้งประโยคสุดท้ายที่ขาดหายไปนั่นคืออะไร เพราะในบทสนทนานั้นมีชื่อผมปรากฏอยู่ด้วย

   [ปาร์คไม่เป็นไรใช่ไหม] เสียงชัญญ่าถามด้วยความเป็นห่วง อาการปาร์คจะแย่มากแค่ไหน ผมจับมือตัวเองแน่น ผมรู้สึกแย่มากที่ในเวลาแบบนี้ผมกลับไม่ได้อยู่กับปาร์ค ช่วยอะไรไม่ได้เลย

   [ไม่เป็นไร เราก็อยากดูให้ถึงที่สุดเหมือนกันว่าตกลงแล้วมันยังไงกันแน่ ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือแค่เข้าใจผิด] เสียงปาร์คกลับมาแล้ว คราวนี้ดูแข็งกร่าวขึ้นกว่าที่ได้ยินก่อนหน้า ดูแล้วปาร์คยังไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ คงเพราะปาร์ครักผู้หญิงคนนั้นมากเหมือนกัน

   ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นระหว่างปาร์คกับชัญญ่าอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ผมเองก็ไม่รู้ว่าด้านในสถานการณ์ไปถึงไหนแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง ไม่สามารถเดาได้เลย ยิ่งรอนานๆ ในใจผมยิ่งร้อนรน จนอยากจะบ้า ผมอยากจะเดินเข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็มีเสียงของปาร์คดังเข้ามาเสียก่อน

   [ถุงรองเท้านั่น...]

   [ทำไมเหรอ นางคงซื้อให้เป็นของขวัญแหละมั้ง]

   [แต่นั่นมันเป็นรองเท้าที่เกลขอปาร์ค บอกว่าจะเอาไปเป็นของขวัญให้พี่ชาย]

   [หึ พี่ชายเป็นข้ออ้างน่ะสิ ไม่นางก็อาจจะพูดผิด ว่าจะเอามาให้ผู้ชาย]

   [สองคนนั้นลุกแล้ว จะไปไหนกัน] เสียงปาร์คดูลุกลี้ลุกลนขึ้นทันที แสดงว่าตอนนี้ดินกับเกลนั่นกินอะไรกันเสร็จแล้ว และกำลังจะไปตามแผนต่อซึ่งก็คือขึ้นไปยังห้องพัก    
    
   [เราก็รีบตามไปเถอะ พี่คะนี่นะคะค่าอาหาร เดี๋ยวหนูลงมาจัดการให้อีกรอบค่ะ ไปเร็วปาร์คเดี๋ยวตามไม่ทัน] ออกมาแล้วแน่ๆ เพราะมีเสียงฝีเท้า จะว่าไปชัญญ่านี่ก็เล่นละครเก่งเหมือนกันนะ ตีบทแตก เล่นถึงบทบาทและเข้าถึงอารมณ์มาก ยอมทุ่มให้อีกต่างหาก ถึงขั้นทิ้งบัตรเครดิตไว้เลย จบเรื่องนี้ผมคงต้องกราบของพระคุณอย่างแรง

   ผมได้ยินเพียงแค่เสียงกุกกักดังมาจากอีกด้านเท่านั้น แต่ตอนนี้ใจผมเต้นแรงและเร็ว มันใกล้จะจบแล้วสินะเรื่องนี้ ที่ผมพยายามทุ้มเทมา ปาร์คใกล้จะได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ยิ่งได้ยิ่งจังหวะของเสียงก้าวขา หัวใจผมยิ่งเต้นเร็วขึ้นทุกขณะ เหตุการณ์อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าผมไม่อาจจะเดาได้

   [ห้องนั้น เราว่ารออีกสักแป๊บอีกกว่าแล้วค่อยเข้าไป เอาให้ทุกอย่างมันชัดเจนไปเลย] เสียงชัญญ่าดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับจังหวะการหายใจที่ถี่และหอบของทั้งสองคน [ปาร์คจะเข้าไปคนเดียวก็ได้นะ จากนี้มันขึ้นอยู่กับปาร์คแล้ว เราคงช่วยปาร์คได้เท่านี้แหละ แต่มาถึงขนาดนี้แล้วเราคิดว่าปาร์คก็น่าจะตาสว่างแล้วนะ]

   [ขอบคุณนะชัญญ่า ขอบคุณมากจริงๆ เดี๋ยวหลังจากนี้เราจัดการเอง] ปาร์คพูดนิ่งๆ แต่ผมแอบจับได้ถึงความตื่นกลัวและความกังวลในน้ำเสียงทุ้มนั้น

   [สู้ๆ นะ ปาร์คยังมี...] เสียงชัญญ่าขาดหายไปเฉยๆ ทั้งที่ผมพยายามเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์ [เดี๋ยวเราไปรอที่ล็อบบี้นะ เสร็จแล้วลงมาแล้วกัน สู้ๆ]

   เสียงฝีเท้าของชัญญ่าเดินห่างออกมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะบอกให้ผมกับพัฒน์ออกไปหาเธอที่ล็อบบี้แล้ววางสายไป ถึงเวลานี้ผมคงไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวแล้ว หลังจากนี้เป็นต้นไปให้โชคชะตาเป็นตัวตัดสินว่าทั้งหมดที่ผมพยายามมามันจะสำเร็จไหม หรือรักของปาร์คที่มีให้ผู้หญิงคนนั้นจะยิ่งใหญ่กว่าความห่วงใยของผม ผมบอกไม่ได้ ไม่มีใครในที่นี้บอกได้ เว้นแต่ตัวปาร์คเอง

   หลังจากที่ชัญญ่าลงมาก็ไปจัดการเรื่องค่าอาหารและเอาบัตรเครดิตคืน เราสามคนก็นั่งรออีกสามคนอยู่ที่ล็อบบี้อย่างใจเย็น สำหรับผมมันไม่ได้เย็นหรอก แค่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมามากไปกว่าการบีบมือและกัดริมฝีปากของตัวเอง ป่านนี้ข้างบนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ผมทำได้แค่รอจริงๆ

   ปาร์คจะเสียใจมากหรือเปล่า หรือเกลจะมีข้ออ้างมาทำให้ปาร์คเห็นใจและสงสารได้อีก ผมจะกลายเป็นคนผิดที่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้อีกหรือเปล่า ทุกอย่างมันสามารถเกิดขึ้นได้ โดยที่ผมไม่สามารถคาดเดาหรือทำอะไรได้เลย ผมพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง อยากลุกไปที่อื่นนะ แต่กลัวว่าผมจะพลาดอะไรไป กลัวว่าถ้าปาร์คเสียใจลงมาแล้วหวังจะเจอผม แต่ผมกลับไม่อยู่ที่นี่ ไม่เคยอยู่เคียงข้างเวลาที่ปาร์คทุกข์ใจ ผมกลัว...

**********___________************

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนเมื่อร่างของดินปรากฏตัวออกมาจากโถงรอลิฟต์ พร้อมกับถุงรองเท้าดังกล่าวและรอยช้ำที่มุมปาก

   “ไอ้ดิน!” พัฒน์ร้องเรียกทันทีที่เห็น ดินเดินเข้ามาหาพวกผมด้วยรอยยิ้มบางๆ “เป็นไงบ้างวะ ไอ้ปาร์คล่ะ”

   “ก็ดี โดนมันซัดเข้าให้หมัดหนึ่ง หมัดหนักฉิบหาย! แต่มันจบแล้วแหละ ไอ้ปาร์คกำลังตามลงมา” ดินว่าก่อนจะหันมายิ้มให้กับผม

   “ปะ... ปาร์ค” ผมเอ่ยชื่อบุคคลที่ผมตั้งตารออย่างแผ่วเบา แต่ก็ทำให้ทุกคนหันไปมองทางปาร์คได้เช่นกัน ปาร์คลงมาแล้ว ลงมาพร้อมด้วยท่าทางที่อิดโรย แต่ที่แย่กว่าคือไม่มีแม้รอยยิ้มใดๆ ฉายแววออกมาจากใบหน้าหล่อเหลานั้นเลย

   “ฟร๊องก์!” ทันทีที่ปาร์คเห็นผม ตัวผมก็ปลิวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้นทันที ปาร์คกอดผมแน่นราวกับว่ากลัวผมจะหายไป ร่างที่สั่นสะท้านนั้นทำเอาใจผมตกวูบไปด้วยเช่นกัน ผมไม่เคยเห็นปาร์คในสภาพที่อ่อนแอเช่นนี้มาก่อนเลย

แล้วก่อนหน้าที่ผมขอร้องไม่ให้ชัญญ่าบอกปาร์คเรื่องผม เห็นแก่ตัวเพื่อให้ผมตัดใจจากปาร์คได้เร็วๆ มันคืออะไร ผมจะปล่อยให้ผู้ชายคนนี้อ่อนแอต่อหน้าคนอื่นโดยไม่มีใครปลอบอย่างนั้นหรือ

   “...” ผมไม่ตอบอะไร เพียงค่อยๆ เอื้อมมือของตัวเองทั้งสองข้างโอบกอดปาร์คเช่นกัน ก่อนจะลูบแผ่นหลังปาร์คเบาๆ อย่างปลอบประโลม

   “ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งปาร์ค” ปาร์คพึมพาที่ข้างหูผมเสียงสั่น พร้อมกับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ผมเองก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่เช่นกัน

   “มึง เพราะมึงเองสินะ กูจะฆ่ามึง!” เสียงหวีดร้องของผู้หญิงที่ถูกกระชากหน้ากากจนเผยให้เห็นความชั่วร้ายดังขึ้น ก็จะพุ่งมาหาผมที่ปาร์คเพิ่งจะละอ้อมแขนออก

   “ถ้าแกกล้าทำอะไรเพื่อนฉันก็เอาสิ!” แต่เป็นชัญญ่าที่พุ่งตัวเข้าขวางก่อนจะผลักผู้หญิงคนนั้นออกไปก่อน ตอนนี้คนแถวๆ ล็อบบี้เริ่มแตกตื่นและมามุงดูกันแล้ว ขณะที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมก็วิ่งมาทางนี้แล้วเช่นกัน

   “คุณหนูมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” สรรพนามที่รปภ.ใช้เรียกชัญญ่าเล่นเอาทุกคนอึ้งและหันมาที่เธอเป็นตาเดียว

   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง บอกพวกแขกว่าไม่มีอะไร แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย จะได้ไม่แตกตื่น” เธอหันไปบอกพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนด้วยมาดนิ่งและทรงอำนาจ “ส่วนแกควรจะกลับไปดีๆ นะ ก่อนที่จะหาว่าฉันรังแก”

   “มึงจะทำอะไร คิดว่าที่นี่เป็นโรงแรมของมึงแล้วกูจะกลัวเหรอ ก็ดีสิถ้าโรงแรมมันจะมีข่าวฉาวๆ มันจะได้ไม่มีใครกล้าเข้าใช้ เจ๊งๆ ไปเหมือนที่พวกมึงทำกับกูไง!” เกลกล่าวอย่างเดือดดาลและไม่เกรงกลัว นั่นสิถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา โรงแรมนี้ก็อาจจะเสียชื่อเสียงไปด้วย ผมว่าเรื่องมันจะเริ่มบานปลายมากขึ้นแล้ว ก่อนที่เกลจะเบนความสนใจกลับมาหาผมอีกครั้ง “มึงก็ด้วยอีตุ๊ด กูเอามึงตายแน่! อีตุ๊ดเหี้ย! อีสารเลว!”

   “หยุดนะเกล ถ้าเกลทำอะไรฟร๊องก์อย่าหาว่าปาร์คไม่เตือน” ปาร์คกันเกลออกจากผม ก่อนจะคว้าตัวผมกลับไปอยู่ในวงแขนอีกฝั่งเพื่อให้พ้นจากตัวเกล ดินเข้ามาดึงตัวปาร์คไปด้านหลังก่อนที่จะตัวเองกับพัฒน์จะมายืนกันด้านหน้าผมกับปาร์คอีกที ตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมแขนของปาร์คอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวนะ ปาร์คไม่ยอมให้ใครทำอะไรฟร๊องก์หรอก”

   “หยุดอาละวาดในโรงแรมของฉันได้แล้ว หยุดสันดารต่ำๆ ของตัวเองซะ อยากให้คนอื่นรู้นักหรือไงว่าตัวเองมาจากครอบครัวแบบไหน อยากให้ฉันพูดออกมาไหมล่ะ ที่อัพตัวเองให้ดูดีขึ้นมา แต่งตัวดี ใช้ของแพงแบบนี้น่ะ อยากให้พูดไหมว่าได้มันมาจากไหน อ๋ออีกอย่างนะ ถ้าคิดว่าจะไม่จบจริงๆ ก็เตรียมตัวดูพ่อกับพี่ชายตัวเองเข้าไปนอนในคุกได้เลย!” ชัญญ่าพูดเสียงเหี้ยมและเฉียบขาด จนผมที่ได้ยินเองยังขนลุก ผมไม่รู้ว่าชัญญ่ากำลังพูดถึงอะไรเกี่ยวกับเบื้องหลังของครอบครัวผู้หญิงคนนั้น คนอื่นๆ ก็ดูไม่รู้เรื่องด้วยเช่นกัน แต่คำพูดของชัญญ่านั้นเล่นเอาเกลสงบลงได้ทันตาเห็น

   “ฝากไว้ก่อนเถอะ! โดยเฉพาะมึงอีตุ๊ด!”

   “ฉันเตือนแล้วนะ แล้วอย่าคิด... ถ้ายังไม่จบก็เห็นดีกัน” ชัญญ่าเข้าไปกระซิบข้างหูผู้หญิงคนนั้นเสียงเบาจนผมไม่ได้ยินว่าเธอบอกว่าอะไร ก่อนจะพูดเสียงเยือกเย็นอีกครั้งพร้อมกับเปิดกระเป๋าให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน สิ่งนั้นทำเอาอีกฝ่ายที่ปากเก่งก่อนหน้าถึงกับหน้าถอดสีไปเลย ก็จะไม่ได้ช็อคได้ไง พวกผมเองยังช็อคเลย ก็ในเมื่อในกระเป๋านั้นคือปืนพกขนาดเล็ก สีดำขลับตัดกับสีกระเป๋าสีขาวอย่างเห็นได้ชัดเลย และผมรู้ว่าคนอย่างชัญญ่าพูดจริงทำจริงแน่ๆ ขนาดคนที่เคยมาใส่ร้ายผมกับเก็ทเมื่อตอนที่ผมเจอชัญญ่าครั้งแรก ถ้ายังจำกันได้ เธอยังเล่นซะอ่วมเลย

   “ชิ!” เกลจิ๊ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะรีบเดินปึงปังออกจากโรงแรมไป จบเรื่องสักที จบแล้วจริงๆ

   “ฟู่ววว... จบซะที นึกว่าจะต้องสวมบทโหดมากกว่านี้ซะอีก” ชัญญ่าหันกลับมาเป่าปากและพูดขำๆ ทำให้ความตึงเครียดเมื่อครู่จางลง

   “แค่นั้นก็โหดมากแล้วคร้าบบบ ว่าแต่ในกระเป๋านั่นของจริงของปลอม” เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง ดินก็เปิดฉากกวนขึ้นมาทันทีเช่นกัน

   “ลองให้ฉันทดสอบดูสักหน่อยไหมล่ะ หึหึ” ชัญญ่าพูดเสียงเข้มพร้อมกับทำท่าเหมือนจะล้วงเข้าไปหยิบปืนในกระเป๋า เล่นเอาดินที่กวนๆ รีบยกมือขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ แต่มันก็เรียกเสียงหัวเราะของพวกเรากลับมาได้อีกครั้ง


à suivre...


ในที่สุดเกล ชะนีผีบ้าก็ถูกจัดการแล้วจ้าาา
แต่จะจบเรื่องหรือยังอันนี้ก็ไม่รู้สินะ หุหุ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เรามองว่าปาร์คเห็นแก่ตัวและสมควรถูกทิ้งให้เสียใจมากกว่า จริงอยู่ที่ปาร์คอยู่ด้วยเวลาฟร็องก์เสียใจ แต่ก็เป็นปาร์คเอมไม่ใช่เหรอที่ทำฟร็องก์เสียใจ?? มีแฟนอยู่แล้ว แล้วก็หลงผู้หญิงคนนั้นมากยังจะมายุ่งวุ่นวายกับฟร็องก์อีกทำร้ายร่างกาย ข่มขืน คือเอาตรงๆก็อยากให้ฟร็องก์ไม่ต้องสนใจปาร์คแล้วให้ปาร์คมันรู้ไปเลยตอนที่มันสายไปแล้วให้มันโง่ไปอยู่อย่างนั้นละ สมควรถูกทิ้งให้เสียใจและสำนึกกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่อยากให้ฟร็องก์หลงผิดอยู่แต่กับคนเดิมๆ ปาร์คมันไม่คู่ควรอ่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
คือ อิปาร์คอยู่ข้างฟร๊องค์ตอนไหนเหรอ ทำไมเราไม่เห็น??

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะให้คนอ่านซาบซึ้งกับความเป็นพระเอกของผู้ชายคนนี้..ตรงไหนอ่ะ
ช่วยหาให้หน่อยดิ..เพราะอ่านตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้..ก็ยังหาไม่เจอซักที่
ซาบซึ้ง ตรึงใจ..ยังไงฟ่ะ ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย

เค้าเปลี่ยนใจไปเอง ไม่มีใครบังคับ ไปด้วยตวามเต็มใจของตัวเอง ล้วนๆ
เทียวรับเทียวส่ง กินขี้ปี้นอน คบหากันเฉกเช่นคนรัก
คอยปกป้อง คุ้มครองดูแลผู้หญิงของเค้า ปานจะแหกหีบเลียดม

ถ้าจะโดนคนที่เค้ารักหลอกเอา แล้วฟร๊องก์ไปเดือดร้อนอะไรกับเค้าด้วย
ต่อให้จากที่เป็นคนกลายเป็นไอ้หน้าวัว โง่เป็นควาย ก็เรื่องของเค้าดิ ทำตัวเองทั้งนั้น
โดนคนที่ตัวเองรักหัวปักหัวปำ หลอกเอา มันน่าสงสารตรงไหน หุหุ สมน้ำหน้ามากกว่า

ขอโทษนะ..ถ้าคอมเม้นท์นี้จะพูดตรงเกินไป
เพราะโลกนี้สวยไม่พอสำหรับคนชื่อ "ปาร์ค"

โลกสวยไม่ไหวว่ะ..ไม่ไหวเจรง เจรง
หุหุ


+1 ฮับ คุณคนแต่ง
อิอิ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เรามองว่าปาร์คเห็นแก่ตัวและสมควรถูกทิ้งให้เสียใจมากกว่า จริงอยู่ที่ปาร์คอยู่ด้วยเวลาฟร็องก์เสียใจ แต่ก็เป็นปาร์คเอมไม่ใช่เหรอที่ทำฟร็องก์เสียใจ?? มีแฟนอยู่แล้ว แล้วก็หลงผู้หญิงคนนั้นมากยังจะมายุ่งวุ่นวายกับฟร็องก์อีกทำร้ายร่างกาย ข่มขืน คือเอาตรงๆก็อยากให้ฟร็องก์ไม่ต้องสนใจปาร์คแล้วให้ปาร์คมันรู้ไปเลยตอนที่มันสายไปแล้วให้มันโง่ไปอยู่อย่างนั้นละ สมควรถูกทิ้งให้เสียใจและสำนึกกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่อยากให้ฟร็องก์หลงผิดอยู่แต่กับคนเดิมๆ ปาร์คมันไม่คู่ควรอ่ะ  :katai1:

เห็นด้วยสุดๆ เลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จบแล้ว เป็นแฟนกับปาร์คได้เย่ๆ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ผู้ชายขยะเปียก ขอด่าไว้ก่อน 555 แต่งดีนะ สำนวนดี ตัวละครน่าถีบดี ขออ่ะ อย่าให้นังปาร์คมันเป็นพระเอกเลย เจ็บแล้วจำนะ ผู้ชายขี้หมาแบบนี้อย่าไปใส่ใจเลย เกลียดดดด ///อิน

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 44 [11/9/2017]
«ตอบ #193 เมื่อ11-09-2017 19:50:44 »

Chapitre 44

   เรื่องของเกลจบไปได้สักที ผมกระชากหน้ากากอันแสนดีที่ปกปิดความเลวของผู้หญิงคนนั้นให้ปาร์คเห็นได้สักที แถมยังได้ผลเกินคาดด้วยซ้ำจากการช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถของชัญญ่า ผมซาบซึ้งกับน้ำใจของเธอมากแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ผมรับรู้ได้เลยว่าเธอจริงใจมากแค่ไหน

   หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากโรงแรมไปด้วยท่าทางหัวเสียเต็มประดา พวกเราก็กลับมามีเสียงหัวเราะกันอีกครั้ง ปาร์คที่ยังกอดผมแน่นก็มีอาการดีขึ้นมาก จนไม่เหลือเค้าของคนที่เศร้าเสียใจเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า

   “ปะ... ปล่อยได้แล้ว!” ผมผลักอกปาร์คออกเบาๆ เพื่อบอกให้ปล่อย คนมองหมดแล้วไม่อายหรือไงมายืนกอดกันกลางล็อบบี้โรงแรมแบบนี้

   “ปาร์คยังเป็นห่วงฟร๊องก์อยู่เลย อีกอย่างอยากให้ฟร๊องก์ปลอบใจปาร์คด้วย” ปาร์คไม่ยอมปล่อยผมออกจากวงแขนนั้น แถมยังพูดเสียงอ่อนเสียงหวานอ้อนผมอีก

   “กูอยากจะถ่ายคลิปให้พวกไอ้โจ้ ไอ้เก๋งดูจังเลยว่ะ มันคงหัวเราะฟันหลุดที่เห็นมึงอ้อนเหมือนเด็กๆ แบบนี้ ฮ่าๆ เหี้ยเอ๊ย! หมดคราบไอ้เสือหล่อที่กูรู้จักเลยว่ะ” เป็นดินครับที่เอ่ยปากแซวซะปาร์คแทบมุดหน้าหนีเลย แต่ยังไงมันก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี “สรุปคือคนนี้เหรอวะที่ชอบมาบ่นๆ กับกู”

   “หุบปากไปเลยไอ้สัด!” ปาร์ครีบแหวใส่ทันที สองคนนี้พูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจ แต่ทำไมทั้งชัญญ่า ทั้งพัฒน์ถึงต้องยิ้มแปลกๆ กันด้วยล่ะ

   “ปล่อยเลย!” ผมออกแรงผลักปาร์คออกอีกครั้งจนหลุดออกจากอ้อมแขนนั่น แขนคนหรือหนวดปลาหมึกก็ไม่รู้ เหนียวจริงๆ เลย!

   “เออ ว่าแต่เรื่องที่ชัญญ่าใช้ขู่เกลคือเรื่องอะไรอ่ะ พ่อกับพี่ชายทำอะไรงั้นเหรอ” ดินวกกลับมายังปริศนาที่ชัญญ่าทิ้งเอาไว้ก่อนหน้า นั่นสิ ครอบครัวผู้หญิงคนนั้นทำผิดกฎหมายด้วยอย่างนั้นเหรอ

   “ไปหาที่อื่นคุยกันดีกว่าไหม เห็นทีตรงนี้ไม่สะดวก ไหนๆ เราก็เปิดห้องไว้ให้แล้ว ก็ขึ้นไปพักสักหน่อยล่ะกันจะได้ไม่เสียเที่ยวที่มา จะบอกนะว่าโรงแรมของพ่อเรานี่วิวสวยมากเลยนะ ที่พูดนี่ไม่ได้โปรโมทเลยนะจริงๆ คิกๆ” ชัญญ่าว่าอย่างอารมณ์ดี พร้อมโปรโมทโรงแรมของตัวเองเสร็จสรรพ “ถ้าใครหิวก็สั่งอาหารขึ้นมากินได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

   หลังจากที่ขึ้นมาบนห้องที่ชัญญ่าจองเอาไว้ ไม่ใช่ห้องที่ดินพาเกลเข้าไปตอนแรก แต่เป็นอีกห้องหนึ่ง ทั้งผม ชัญญ่าแล้วก็พัฒน์ต้องนั่งอธิบายแล้วก็ขอโทษขอโพยปาร์คอีกครั้งสำหรับเรื่องที่วางแผนไว้ทั้งหมด แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ซึ่งปาร์คไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ได้แต่บอกขอบคุณ แถมยังดึงผมเข้าไปโอบและก้มลงมาหอมบนศีรษะผมต่อหน้าคนอื่นๆ อีก เล่นเอาผมอายจนไม่กล้ามองหน้าใครเลย

   “มึงห่างจากฟร๊องก์บ้างก็ได้มั้ง กูรู้แล้วว่ามึงรู้สึกจริงๆ อีกอย่างไม่ต้องกลัวจะแย่งหรอก” ดินพูดขึ้นขณะที่ผมยังคงก้มหน้าอย่างอายๆ อยู่ แต่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินชื่อผมอยู่ในประโยคนั้น

   “มึงก็ลองดูดิ มึงได้โดนตีนกูอีกแน่” ปาร์คชี้หน้าคาดโทษ

   “กูแค่ล้อเล่น ไอ้นี่ก็จริงจังไปได้ แค่หมัดมึงนี่ หน้ากูคงช้ำไปหลายวันแล้ว” ดินยกมือเอือมๆ ก่อนจะชี้ที่รอยช้ำมุมปากที่เกิดขึ้นเพราะปาร์ค รอยที่ปาร์คฝากไว้กับเพื่อนเพราะผู้หญิงคนนั้น

   “ก็มึง...” ปาร์คกัดฟันกรอด

   “ว่าแต่มึงต่อยมันทำไมวะ” พัฒน์หันไปถามปาร์ค เช่นเดียวกับที่ผมสงสัยและตั้งสมมติฐานไปก่อนหน้า

   “ก็ไอ้ดิน...” ปาร์คพูดอ้ำอึ้ง พลางหันมามองหน้าผมด้วยความประหม่า

   “เพราะกูดันไปพูดจี้จุดมันเข้าไง หึหึ”

   “จี้จุดเรื่องเกลเหรอ หรือว่าเรื่องอื่น” ชัญญ่าว่าพลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย แต่ริมฝีปากกลับกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะหันมามองผมกับปาร์คสลับกัน

   “เรื่องเกลน่ะ แทบไม่ต้องเคลียร์อะไรกันเลยด้วยซ้ำ เพราะหลักฐานมันมัดแน่นขนาดนั้น อีกอย่างดูไอ้หล่อมันออกจะโล่งอกด้วยซ้ำไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าทั้งดินกับมันก็รู้สึกแย่อยู่ไม่น้อยที่โดนสวมเขา ส่วนเรื่องที่ทำให้ปาร์คมันต่อยดินก็เพราะ...”

   “ไหนว่าจะคุยเรื่องเกลที่ชัญญ่าพูดค้างไว้เมื่อกี้ไง” ปาร์ครีบโพล่งขึ้นมาทันทีโดยที่ดินยังพูดไม่จบ

   “แหมรีบเปลี่ยนเรื่องเชียวนะมึง เจ้าตัวก็อยู่นี่แล้วมึงไม่บอกไปตรงๆ วะ”

   “มึงไม่ต้องยุ่งเลย!” ปาร์คว่าเสียงเข้มจนผมต้องหันไปมอง สาเหตุที่ทำให้ปาร์คต่อยดินมันร้ายแรงถึงขนาดทำให้ปาร์คต้องโมโหจนหน้าแดง หูแดงเลยเหรอ

   “กูก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหร้อกกก! ถ้ามึงไม่ได้มาปรับทุกข์ให้กูฟังบ่อยๆ ถ้าขืนมึงยังเป็นอยู่แบบนี้นะ สิ่งที่กูพูดกับมึงไปก่อนหน้านี้ มันอาจจะไม่ได้เป็นแค่คำพูดพล่อยๆ จากปากกูก็ได้”

   “กูก็แค่... อาย”

   “ถุย!! เสือไม่สิ้นลายอย่างมึงเนี่ยนะจะอาย กูจะบอกมึงให้นะ อะไรที่มึงทำได้ตอนมึงยังมีโอกาสอ่ะ มึงก็ควรทำมันให้ดีที่สุด ในเมื่อมึงรู้ตัวมึงแล้ว มึงก็ควรจะเลิกในสิ่งที่จะทำให้มึงเสียเขาไป ก่อนที่มึงจะไม่มีโอกาสนั้นอีก”

   “พูดเรื่องอะไรกันวะ กูไม่เห็นเข้าใจ กูแค่ถามว่าทำไมมึงต้องต่อยกัน นี่มึงพูดกันไปยันไหน” พัฒน์โวยขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเนื้อหาที่สองคนนั้นคุยกันมันเริ่มออกทะเลไปเรื่อยๆ แม้แต่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ

   “เออๆ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าไอ้ปาร์คมันน่าจะเข้าใจแล้วกัน กลับมาเรื่องเกล ชัญญ่าตกลงมันเป็นไงมาไง” ดินบอกปัดๆ อย่างเอื้อมระอา ก่อนจะหันไปหาชัญญ่าเพื่อเปลี่ยนประเด็น

   “เราให้คนไปสืบเรื่องเกี่ยวกับเกลมา จริงๆ แล้วเกลน่ะเคยเป็นพวกเด็กไซด์ไลน์ เด็กเสี่ยมาก่อน แต่ไม่ค่อยมีคนรู้หรอก” ชัญญ่าพูดอธิบายไปเรื่อยๆ ขณะที่พวกผมก็นั่งกินพวกของกินเล่นที่สั่งขึ้นมา โดยเฉพาะผมกับปาร์คที่ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยตั้งแต่เย็น ถึงตอนนี้โคตรหิวครับ แต่เรื่องที่ชัญญ่าเล่าเองก็ทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน จนพอเข้าจุดไคลแม็กซ์ผมกับปาร์คก็วางมือจากการกินมาตั้งใจฟังพร้อมๆ กัน

   แค่เรื่องที่เกลนั่นเคยเป็นเด็กเสี่ยมาก่อนก็เล่นเอาอึ้งแล้ว แต่ที่เปลี่ยนมาคบปาร์คก็เพราะจะลบประวัติตัวเอง แต่บังเอิญได้มาเจอดินแล้วชอบเลยตามจีบไปด้วยทั้งที่กำลังคบกับปาร์คอยู่ แต่จะปล่อยปาร์คไปก็เสียดาย ตรงที่ปาร์คเองก็หล่อ แถมยังรวยอีก เธอเลยเลือกจับปลาสองมือ แต่มันไม่หมดแค่นั้น ที่เกลใช้ของดีๆ แพงๆ ไม่ใช่เพียงเพราะเงินจากปาร์ค แต่เป็นเงินที่ได้จากอาชีพเก่าของเธอ ที่ก็ยังคงแอบทำอยู่บ้างประปราย

   แค่เรื่องนี้ก็เล่นเอาทั้งปาร์คและดินอึ้งสนิท ใบ้กินกันแล้ว แต่จุดพีคของเรื่องราวของผู้หญิงคนนั้น ก็คือครอบครัวเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย แต่ทำแค่เฉพาะพ่อกับพี่ชายเท่านั้น ส่วนแม่กับตัวเกลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ร่วมกันปกปิดความผิดดังกล่าวอยู่ดี พอชัญญ่าขู่ว่าจะเอาเรื่องนี้แจ้งความ เธอก็เลยต้องยอมสยบเพราะไม่มีอะไรมาต่อรองได้ อีกทั้งคงไม่อยากให้เรื่องแย่ๆ ของตัวเองถูกเปิดเผยด้วยแหละ เพราะนอกจากจะอับอายคนอื่นๆ แล้ว ถ้าทางมหาวิทยาลัยรู้เข้า เธอก็คงถูกไล่ออกสถานเดียว

   โชคดีแล้วแหละที่ปาร์คหลุดออกมาจากผู้หญิงสกปรก ประวัติฉาวโฉ่ขนาดนี้ได้ ดินเองก็เหมือนกัน ท่าทางติสท์ที่ได้เจอตอนแรกๆ ทำให้คิดว่าเข้าถึงยาก แต่พอคุยๆ กันมาดินเป็นคนที่คุยเก่งและกวนประสาทมาก จึงไม่แปลกที่จะเริ่มสนิทกันได้เร็ว และด้วยนิสัยแบบผู้ชายที่ไม่ค่อยคิดอะไรมากเหมือนพวกผู้หญิงด้วย เลยคุยกันง่ายๆ ไปหมด

   “ว่าแต่มึงไปรู้จักกับเกลได้ไงวะ” ดินเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่อาหารในจานของปาร์คหมด และคำถามนั้นก็ดึงความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี จนทำให้ต้องหันไปมองเพื่อรอฟังคำตอบเช่นกัน

   “ปาร์คได้เจอกับเกลเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากที่กลับจากเล่นบาสกับพวกดินเนี่ยล่ะ ปาร์คไปกินข้าวแถวร้านเกมที่เล่นประจำตอนมัธยมซึ่งมันอยู่ในซอย ซึ่งมืดแล้วมันค่อนข้างเปลี่ยว ก็เห็นเกลกำลังวิ่งหนีผู้ชายสองคน ซึ่งปาร์คเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่ท่าทางของเกลดูกลัวมาก พอเธอวิ่งมาใกล้หน่อยปาร์คเลยดึงเข้าไปหลบในร้านเกม” ปาร์คพูดพลางมองหน้าผมไปด้วยเช่นกัน

   “ก็เลยปิ๊งกันเลยเหรอวะ”

   “เปล่าหรอก ตอนนั้นเกลก็แค่ขอบคุณ กูก็ไม่ได้อะไร ก็ต่างคนต่างแยกย้าย” ปาร์คหันไปตอบดิน ก่อนที่จะหันกลับมายังผมเช่นเดิม “แต่หลังจากนั้นอ่ะ ปาร์ครู้สึกว่าได้เจอเกลที่มหา’ลัยมากขึ้น คือ... ก็พอมองออกว่าเกลกำลังสนใจปาร์คอยู่ ปาร์คก็เลย... เล่นด้วย”

   “...” ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ผมเองก็เบือนหน้าหนีเช่นกันหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เพราะแบบนี้ปาร์คถึงได้เล่นกับความรู้สึกของผมด้วยหรือเปล่า

   “แต่จริงๆ ปาร์ค... คือปาร์ค... ก็ไม่ได้จะจริงจังกับเกลนะ” ปาร์คละล่ำละลักพูดด้วยความรีบร้อน

   “ก็ตามสไลต์มึงใช่ป่ะล่ะ คุยไปเรื่อยๆ เบื่อก็เลิก”

   “เข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมพูดแทรกขึ้น ก่อนจะลุยไปเข้าห้องน้ำทันที

   “ฟร๊องก์!” เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกจากปาร์คดังตามหลังผมมา “ฟร๊องก์ อย่าเข้าใจปาร์คผิดนะ ฟร๊องก์!”

   “เข้าใจผิดอะไร ฟร๊องก์แค่จะเข้าห้องน้ำ” ผมบอกออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ในใจมันปวดจนทนฟังไม่ได้ แค่อยากเล่นด้วย เบื่อแล้วก็เลิก มันไม่ต่างอะไรจากผมเลย ผมไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายด้วย แม้ว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะกำลังหัวเราะกำลังสิ่งที่ผมพูดออกไปก็ตาม       

   หลังจากที่ผมออกจากห้องน้ำ ปาร์คก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องเกลต่อ ทุกคนจึงเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและแยกย้ายกันกลับ ปาร์คที่ไม่ได้เอารถมาจึงต้องติดรถคนอื่นกลับ ตอนแรกผมจะเดินไปขึ้นรถพัฒน์กลับเหมือนตอนแรกที่มา แต่กลับถูกปาร์ครั้งเอาไว้ซะก่อน ก่อนจะจูงมือกึ่งลากผมไปยังรถของชัญญ่า

   ซึ่งชัญญ่าก็ไม่ได้มีการขัดข้องอะไรเลย แถมยังดูเหมือนเป็นใจในสิ่งที่ปาร์คกำลังทำอยู่อีกต่างหาก ชัญญ่าขับรถพาปาร์คไปส่งที่คอนโดฯ แน่นอนว่าผมก็ไม่พ้นที่จะโดนลากลงไปด้วย ส่วนพัฒน์ที่มากับผมก่อนหน้าก็สบายตัว บอกว่านัดเพื่อนไปฉลองกันต่อกับดินเรียบร้อย ปล่อยให้ผมมากับไอ้คนเจ้าเล่ห์นี่ตามลำพัง

   “ปล่อยฟร๊องก์เลยนะ ฟร๊องก์จะกลับบ้าน!” ผมพยายามบิดข้อมือตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของปาร์ค ไอ้นี่มันเหนียวทั้งมือทั้งแขนเลยหรือไง แขนก็หนวดปลาหมึก มือยังเหนียวอย่างกับตีนตุ๊กแกอีกต่างหาก!

   “จะรีบกลับไปไหนเล่า ปาร์คยังอยากให้ฟร๊องก์อยู่กับปาร์คอยู่เลยนะ ก่อนหน้าโทรหาก็ไม่เคยรับสายปาร์คเลย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”

   “ไม่ต้องมาอ้างเลย! ปล่อย  จะกลับ!”

   “โถ่... ทำไมใจร้ายกับปาร์คแบบนี้ล่ะ อยู่ด้วยกันก่อนนะครับคนดี” ปาร์คทำเสียงออดอ้อนพร้อมกับยกมือของผมที่ตัวเองจับเอาไว้ยกไปแนบหน้าอีก

   “ฟร๊องก์น่ะเหรอที่ใจร้าย หึ พูดใหม่ไหม” ผมตีเสียงเรียบและพยายามดึงมือกลับ

   “ปาร์คขอโทษ...”

   “ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ฟร๊องก์จะกลับแล้ว” ผมยังคงดื้อดึง เพราะตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องอยู่กับปาร์คต่อแล้ว เรื่องที่ผมต้องการช่วยปาร์คจบลงแล้ว นั่นก็หมดหน้าที่ของผมแล้ว ผมไม่อยากให้มันมีเรื่องที่เกินเลยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคนอีก ผมไม่อยากเป็นของเล่นที่เบื่อแล้วก็ทิ้งอีก

   “อยู่กับปาร์คสักคืนนะ แค่คืนเดียวก็ได้ ปาร์คอยากมีฟร๊องก์อยู่ข้างๆ” ปาร์คว่าเสียงเศร้าลงจนผมต้องเงยหน้ามองใบหน้าสลักเสลาที่ดูหม่นลงในพริบตา

   “อะ... อืมก็ได้ แต่หลังจากคืนนี้ฟร๊องก์เองก็มีเรื่องจะพูดกับปาร์คเหมือนกัน” ผมเอ่ยเสียงจริงจัง บางทีมันก็ถึงเวลาที่ต้องพูดอะไรตรงๆ แล้ว การที่ผมหนีเรื่อยๆ มันไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นหรอก อย่างน้อยตอนนี้เรื่องเข้าใจผิดทั้งหลายก็คลี่คลายลงแล้ว จะเหลือก็แค่ความรู้สึกระหว่างผมกับปาร์ค ที่มันถึงเวลาที่ต้องจัดการกับมันด้วยเหมือนกัน

   “ขอบคุณนะ เรื่องเกลปาร์ครู้ว่าตอนอยู่ที่โรงแรม ฟร๊องก์ไม่สบายใจ ปาร์คเองก็รู้สึกไม่ดี ปาร์ครู้ว่าปาร์คเลว ที่คุยกับคนนั้น คนนี้ไปทั่ว แต่ไม่ใช่สำหรับฟร๊องก์เลยนะ ฟร๊องก์สำคัญกับปาร์คเสมอ”

   “...” ผมก้มหน้าและเสมองไปอีกด้าน

   “ปาร์คกับเกลเคยตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ตอนแรกเกลก็ยินดี และเกลเองก็เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาหลายๆ อย่างได้ดี เลยทำให้ปาร์คคุยกับเกลนานกว่าคนอื่นๆ นั่นอาจจะทำให้เกลเข้าใจผิดว่าปาร์คจริงจังมั้ง เลยทำให้เรื่องมันบานปลายแบบนี้ แต่ปาร์คก็ไม่โทษเกลหรอก ที่มันวุ่นวายแบบนี้ก็เพราะตัวปาร์คไปเล่นด้วยเอง ไม่งั้นฟร๊องก์ก็คงไม่ต้องเจ็บเพราะปาร์คแบบนี้”

   “ช่างมันเถอะปาร์ค ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว อีกอย่างปาร์คเองก็คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับเกลมากเช่นกัน ปาร์ครักและเป็นห่วงเกลมากจน... ทำร้ายฟร๊องก์”

   “ปาร์คขอโทษ ที่ไม่คิดจะฟังฟร๊องก์ ไม่เชื่อคนที่อยู่ข้างปาร์คมาตลอด แต่กลับไปเชื่อสิ่งที่อีกคนต้องการทำให้เข้าใจผิด วันนั้นเกลมาหาปาร์คในสภาพที่ยับเยินมาก แล้วบอกว่าฟร๊องก์เป็นคนทำ ด้วยเกลที่เป็นผู้หญิงอยู่ในสภาพนั้น มันเลยทำให้ปาร์คโมโห ปาร์คขอโทษจริงๆ”

   “นั่นมันทำให้ฟร๊องก์รู้ไง ว่าลึกๆ แล้วปาร์คก็รู้สึกดีกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ไม่น้อย”

   “มันไม่ใช่ความรู้สึกดีที่เกิดจากความรักหรอก แต่ปาร์ครู้สึกสงสารมากกว่า”

   “ก็เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เหรอที่ทำให้ปาร์คต่อยดินแบบนั้น” ผมเอ่ยถามในสิ่งที่ติดค้างอยู่ในหัว

   “มันไม่เกี่ยวกับเกลเลย แต่เพราะไอ้ดินมันบอกว่า... สักวันปาร์คจะเสียฟร๊องก์ไป เพราะนิสัยเลวๆ ของปาร์คที่คุยกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว”

   “...”

   “แต่หลังจากนี้ปาร์คจะเลิกทำเลวๆ แบบนั้นแล้วนะ ปาร์คจะมีแค่ฟร๊องก์คนเดียว ส่วนเรื่องเกลมันก็ไม่มีอะไรแล้ว ปาร์คไม่ได้รักหรือรู้สึกกับเกลมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ”

   “ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงมันอีกเลย”

   “ปาร์คแค่อยากให้ฟร๊องก์ได้รู้ ครั้งแรกที่ปาร์คได้เจอเกล เธออยู่ในสภาพที่น่าสงสาร มันเลยทำให้ภาพๆ นั้นติดอยู่ในใจของปาร์ค ปาร์คคบกับเกลส่วนหนึ่งก็เพราะสงสาร แต่ปาร์คก็ไม่โทษใครหรอก นอกจากปาร์คเอง แต่ปาร์คก็ขอบคุณฟร๊องก์นะ ทั้งที่... ปาร์คทำร้ายฟร๊องก์ไว้ขนาดนั้น แต่ฟร๊องก์ก็ไม่เคยทิ้งปาร์คไปเลย”

   “...” ผมไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้มองปาร์คด้วยว่าอีกฝ่ายอยู่ในความรู้สึกแบบไหน

   “ตอนแรกปาร์คก็แปลกใจนิดหน่อยนะ ที่ชัญญ่าติดต่อมาหา”

   “แล้ว... ทำไมปาร์คถึงยอมมากับชัญญ่าล่ะ” ปาร์คพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้ผมหันกลับไปยังคนที่สูงกว่าด้วยคำถามที่ค้างอยู่ในใจ คำถามที่ผมเคยถามชัญญ่าไปแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ

   “ปาร์คตัดสินใจไปตามที่ชัญญ่าบอก ไม่ใช่เพราะเรื่องของเกลหรอก แต่เหตุผลเพราะฟร๊องก์ต่างหาก...”

   “เพราะฟร๊องก์...”

   “ชัญญ่าบอกว่าถ้าอยากไถ่โทษกับสิ่งที่เคยทำกับฟร๊องก์ไว้ เพราะอารมณ์และความเข้าใจผิด ปาร์คก็ควรจะทำอะไรสักอย่างเพื่อฟร๊องก์บ้าง นั่นล่ะคือเหตุผลที่ปาร์คมากับชัญญ่า โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องมันจะเกี่ยวข้องกับเกล แถมสุดท้ายก็ยังคงเป็นฟร๊องก์ที่ทำเพื่อปาร์คอยู่ดี”

   “จบเรื่องก็ดีแล้วล่ะ”   

   ตลอดทั้งคืนปาร์คนอนสวมกอดผมทั้งคืนจากทางด้านหลัง ขณะที่คางก็เกยอยู่ที่ศีรษะของผมแบบนั้น และในบางครั้งจะก้มลงมาหอมเส้นผมของผมอย่างแผ่วเบา

   คืนนี้เป็นอีกคืนที่ดึงความรู้สึกอบอุ่นกลับมาสู่เราสองคน ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าแค่อ้อมกอดที่อบอวลด้วยความผูกพันและความรู้สึกดีๆ นี้ ก่อนที่คืนนี้แห่งความฝันนี้จะจบไปแล้วผมจะต้องตื่นมาพบกับความเป็นจริง ผมจะไม่วันลืม...

**********__________**********


.
.
.


ต่อด้านล่างฮะ

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 44 [11/9/2017]
«ตอบ #194 เมื่อ11-09-2017 19:51:07 »

.
.
.

   “ตื่นได้แล้ว ไม่ตื่นจะหอมให้แก้มช้ำเลย” เสียงปาร์คดังขึ้นข้างหู ก่อนจะตามมาด้วยแรงกดที่แก้มพร้อมกับความจั๊กจี๋ของไรหนวดของปาร์ค

   “อื้อ... อย่าทะลึ่ง” ผมผลักปาร์คที่กำลังลุ่มล่ามกับผมให้ออกห่างไป ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำทันที หมดคืนแห่งความสุข กลับมาสู่ความเป็นจริงแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องคุยกับปาร์คให้รู้เรื่องและไม่มีตัวแปรอื่นๆ สักที

    ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร จริงๆ ไอ้เวลาที่ใช้อาบน้ำ ทำธุระส่วนตัวมันไม่นานเท่าไรหรอก แต่ที่นานคือผมกำลังคิด เรียบเรียงคำพูดต่างๆ ที่จะใช้พูดกับปาร์คอยู่ต่างหาก อย่างน้อยพูดไปก็ยังอยากให้รู้สึกดีๆ ต่อกันอยู่

   “กว่าจะออกมาได้ นึกว่าเป็นลมเป็นแล้งไปในห้องน้ำซะแล้ว”

   “ปาร์ค...” ผมเรียกชื่อปาร์คด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหา

   “ครับผม!” ปาร์คตอบรับผมด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะคว้าตัวผมไปนั่งจุ่มปุ๊กอยู่บนตักทันทีที่ผมเดินเข้าไปใกล้จนปาร์คคว้าตัวได้ “เรียกปาร์คทำไมครับ”

   “ฟร๊องก์ว่าปาร์คอย่าทำแบบนี้ต่อไปอีกเลยนะ”

   “ทำแบบนี้ แบบไหน หรือแบบนี้ ฟอด!” ปาร์คถามอย่างกวนๆ ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่

   “ปาร์ค! พอเถอะ พอสักที!” ผมขึ้นเสียงก่อนจะผละตัวเองให้หลุดออกมา และยืนประจันหน้ากับคนตัวสูงตรงหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

   “ฟร๊องก์ เป็นอะไร” ปาร์คเองก็ยืนขึ้นเต็มความสูงเช่นกัน

   “ฟร๊องก์ว่าเราหยุดทำอะไรแบบนี้สักทีเถอะนะ ไหนๆ เรื่องทุกอย่างก็จบแล้ว เรื่องเข้าใจผิดต่างๆ ก็เหมือนกัน เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว เรา... ก็ควรจะจบเรื่องระหว่างเราด้วยเหมือนกัน” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าปาร์ค มองเข้าไปในนัยน์ตาคมเข้มทรงเสน่ห์คู่นั้น ให้ปาร์คได้รู้ว่าผมไม่ได้พูดเล่นอีกต่อไป ถึงเวลาที่จะต้องพูดกันอย่างจริงจังแล้ว

   “มันเกี่ยวอะไรกันอ่ะฟร๊องก์ ปาร์คไม่เข้าใจ ในเมื่อทุกอย่างมันเคลียร์แล้ว เราสองคนก็ไม่มีอะไรต้องเข้าใจผิดกันอีกแล้ว ทำไมเรา...”

   “เพราะสิ่งที่เราทำอยู่มันผิดน่ะสิ มันผิดมาตั้งแต่ต้น แล้ว... ฟร๊องก์ก็ทำใจลืมเรื่องร้ายๆ ที่เคยเกิดขึ้นไม่ได้จริงๆ” ผมชิงพูดอย่างรวดเร็วก่อนที่ปาร์คจะทันได้พูดจบ

   “ใครเป็นคนตัดสินว่ามันถูกหรือผิด ใครเป็นคนกำหนดว่ามันเหมาะหรือไม่เหมาะ ไม่มีเลยด้วยซ้ำ”

   “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรมันก็ผิดทั้งนั้น”

   “ฟร๊องก์คิดไปเองทั้งนั้น ทุกอย่างที่พูดมาน่ะ ฟร๊องก์คิดไปเองทั้งหมดเลย!”

   “ใช่! ฟร๊องก์คิดเองว่าเราไม่เหมาะกัน ฟร๊องก์ตัดสินมันด้วยตัวฟร๊องก์เองเนี่ยแหละ เราไม่เหมาะกัน ไม่สมควรที่จะคบกันเกินไปมากกว่าคำว่า ‘เพื่อน’ ฉะนั้นเรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะนะปาร์ค อย่าให้อะไรที่มันผิดพลาดไปแล้ว มันต้องผิดไปมากกว่านี้เลย”

   “ปาร์คไม่เข้าใจ ทะ... ทำไม ในเมื่อเราสองคนก็... รักกัน” ปาร์คส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ พลางมองหน้าผมด้วยสีหน้าผิดหวัง

   “รักงั้นเหรอ ปาร์คลองถามตัวเองดีๆ อีกทีว่าความรู้สึกที่ปาร์คมีต่อฟร๊องก์มันเรียกว่ารักจริงๆ หรือเปล่า คนที่รักกันเขาควรจะฟังกันและกันสิ แต่สิ่งที่ปาร์คทำกับฟร๊องก์ก่อนหน้า ปาร์คไม่เคยฟังฟร๊องก์เลย และการกระทำของปาร์คเองก็ไม่เหมือนกับคนที่เขาปฏิบัติต่อคนที่รักเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ฟร๊องก์อ้อนวอน ขอร้องบอกว่าเจ็บปาร์คยังไม่สนใจเลย เนี่ยเหรอความรู้สึกของคนที่รักกัน” แม้ผมจะพยายามกลั้นน้ำตามากเพียงไร แต่ความอ่อนแอในใจผมมันก็มีพลังมากจนเกินกว่าที่ผมจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลได้

   “ระ... เรื่องนั้นปาร์คขอโทษ” ปาร์คเอ่ยเสียงแห้งและแผ่วเบา

   “แม้แต่ในตอนนี้ปาร์คยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกนั้นเลยด้วยซ้ำ”

   “ฟร๊องก์จะมารู้ดีกว่าความรู้สึกของปาร์คเองได้ไง!” ปาร์คเถียงผมเสียงเข้ม

   “รู้สิ! เพราะความไม่มั่นคงของปาร์คในตอนนี้ไง แม้แต่การขอโทษ ปาร์คยังบอกมันออกมาได้ไม่เต็มปากเลย” แล้วจะให้ผมมั่นใจได้อย่างไรว่าถ้าวันหนึ่งเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันอีก ปาร์คจะไม่ลงมือทำร้ายผม และผมจะมั่นใจได้อย่างไรในความรู้สึกนั้น จะมั่นใจได้อย่างไรว่าทางที่เราเดินไปนั้นมันไม่ผิด

   “ความรู้สึกที่ปาร์คมีให้กับฟร๊องก์น่ะ ปาร์ครู้ตัวดีว่ามันคืออะไร แต่ปาร์คแค่ละอายใจตัวเองที่ทำกับฟร๊องก์ไปก่อนหน้านี้ ปาร์คไม่รู้จะทำอย่างไรให้ฟร๊องก์หายโกรธปาร์ค และกลับมารู้สึกดีด้วยเหมือนเดิม ปาร์ครู้ว่าคำขอโทษของปาร์คมันไม่เข้มแข็งและมั่นคงพอ แต่ปาร์คอยากให้ฟร๊องก์รู้ว่ามันออกมาจากใจปาร์คจริงๆ”

   “ฟร๊องก์ยินดีรับคำขอโทษจากปาร์คนะ” ผมยิ้มจางๆ ให้กับสิ่งที่ปาร์คบอก “แต่ฟร๊องก์ก็ยังยืนยันนะว่าเราควรจบเรื่องของเราสักที มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก เชื่อฟร๊องก์สิ ระหว่างเรามันเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว ความรู้สึกของทั้งปาร์คและฟร๊องก์มันเป็นแผลลึกจนยากจะรักษาแล้ว ฟร๊องก์เองก็เหนื่อยมากแล้วเหมือนกันปาร์ค ตรงนี้ของฟร๊องก์เจ็บมาก มากเกินกว่าจะรับไหวอีกแล้ว” ผมว่าก่อนจะเอามือกุมที่หน้าอก ก้อนเนื้อด้านในผมมันเจ็บเหลือเกิน

   “มันต้องมีทางแก้ไขสิ แก้ไขสิ่งที่ผ่านมาให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ความรู้สึกดีๆ ที่เราเคยมีให้กันมันหายไปไหนหมดล่ะฟร๊องก์ ฟร๊องก์ทิ้งมันไปได้ไง” ปาร์คพยายามจับมือผมและดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ขณะที่ผมเองก็พยายามที่จะผลักออกเช่นกัน

   “ทางเดียวที่จะเยียวยาความรู้สึกเหล่านั้นได้ คือเราควรกลับไปยังจุดเริ่มต้น จุดที่เราเคยเป็นด้วยกันมานั่นคือการเป็นเพื่อน เพื่อนที่ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น ปล่อยให้เรื่องราวที่ผิดของเราสองคนจบลงแค่ตรงนี้เถอะ ฟร๊องก์เองก็จะพยายามหยุดความรู้สึกที่มีไว้และกลับไปเป็นเพื่อนปาร์คเหมือนเก่า ต่อจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาที่จะเยียวยาความรู้สึกของเราสองคนนะ”
   
   “ไม่ ปาร์คไม่ต้องการเวลาอะไรทั้งนั้น ปาร์คแน่ใจความรู้สึกของปาร์ค! แล้วปาร์คก็คงกลับไปเป็นเพื่อนฟร๊องก์ไม่ได้แล้วเหมือนกัน!” ปาร์คขึ้นเสียงจนเหมือนกับการตวาด ก่อนจะโผเข้ามากอดผมด้วยความหวงแหน

   “...” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ และก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรด้วย เพราะผมได้พูดมันออกไปหมดแล้ว จะด่าว่าผมขี้ขลาด ขี้แพ้ อ่อนแอ หรืออะไรก็ได้นะ เพราะผมคงเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมเจ็บ ผมกลัว และไม่กล้าที่จะเสี่ยงอะไรอีกแล้ว ผมกลัวว่าถ้าเรายังฝืนกันอยู่แบบนี้ ก็รังแต่จะเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ผมกลัวว่าผมจะต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของปาร์คอีก และผมกลัวว่าวันหนึ่งเมื่อมีใครอีกคนเข้ามา ทำให้ปาร์ครู้ใจตัวเอง ผมจะต้องเจ็บอีกครั้งเมื่อปาร์คไม่เลือกผม ดังนั้นการจบทุกสิ่งทุกอย่างมันคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

   ผมปล่อยให้ปาร์คกอดจนพอใจ ให้เวลากับปาร์คและตัวผมเองด้วย ก่อนที่เราจะทำแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว...
   
   “ปาร์คไม่ให้ฟร๊องก์ไป ปาร์ครู้ความรู้สึกของตัวเองดี และปาร์คก็รู้ด้วยว่าฟร๊องก์ก็ยังคงรู้สึกกับปาร์คเหมือนกัน ฟร๊องก์ยังคงรักปาร์คเหมือนเมื่อก่อน ฟร๊องปฏิเสธไม่ได้หรอก ปาร์ครู้ดี และปาร์คขอโทษกับที่สิ่งที่ผ่านมา ปาร์คขอโทษที่เคยทำร้ายฟร๊องก์ ขอโทษที่ไม่เชื่อและไม่ฟังสิ่งที่ฟร๊องก์พูด ปาร์คสัญญาว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก และปาร์คยังเชื่อว่านั่นไม่ได้ทำให้ฟร๊องก์เกลียดปาร์คหรอก” ปาร์คพึมพำกับผมพร้อมทั้งกอดแน่นขึ้นๆ

   “ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เถอะปาร์ค อีกไม่นานปาร์คจะเข้าใจความรู้สึกตัวเอง และฟร๊องก์ก็คงไม่รื้อฟื้นเรื่องราวร้ายๆ นั่นอีก แต่ให้เวลาหน่อยนะ ให้เวลากับฟร๊องก์... และตัวปาร์คเอง เพราะถ้าปาร์คมั่นคงในความรู้สึกตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้” ผมค่อยดันตัวเองออกจากอ้อมกอดนั้น แม้ว่าปาร์คจะพยายามฝืนมากเพียงใดก็ตาม “เราอย่าเพิ่งติดต่อกันสักพักเถอะนะปาร์ค ให้เวลากับตัวเอง แล้วสักวันเราจะกลับมายิ้มให้กันแบบเพื่อนได้เหมือนเดิม”

   “ไม่ว่าปาร์คจะรั้งฟร๊องก์เอาไว้ยังไง ฟร๊องก์ยังยืนยันว่าจะไปอยู่ดีใช่ไหม” ปาร์คเอ่ยถามผมนิ่งๆ ก่อนที่ผมจะพยักหน้าอย่างจำยอม ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ “งั้นปาร์คก็จะไม่ห้าม แต่ฟังไว้นะฟร๊องก์ ปาร์คน่ะรู้ตัวเองดีแล้ว รู้มานานแล้วด้วย และไม่ว่าจะนานแค่ไหนปาร์คก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ปาร์คจะยังคงตามดูแลฟร๊องก์อยู่เสมอไม่ว่าฟร๊องก์จะรู้หรือไม่ก็ตาม เวลาที่ฟร๊องก์ขอ ปาร์คจะทำให้ฟร๊องก์เห็นและสัมผัสได้ว่าความรู้สึกของปาร์คเป็นเช่นไร ส่วนเรื่องที่ผ่านมา ปาร์คคงทำได้แค่ขอโทษฟร๊องก์ ขอโทษจากใจ”

   ผมก้มหน้าฟังในสิ่งที่ปาร์คพูด แม้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันจะตรงข้ามกับความรู้สึกและความต้องการจริงๆ ของผม แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดระหว่างผมกับปาร์ค


à suivre...


เราไม่แน่ใจว่าจะมีคนสงสัยเรื่องที่ปาร์คต่อยดินหรือเปล่า
ในเนื้อเรื่องเราอาจจะไม่ได้บอกละเอียด ขอขยายความเพิ่มเติมตรงนี้แล้วกันนะฮะ

เหตุผลที่ปาร์คต่อยดินแบบนั้น จริงๆ ไม่ใช่เพราะเกลหรอก แต่เป็นเพราะดินไปพูดเชิงเยาะเย้ยมากกว่า
ว่าเพราะนิสัยเลวๆ ที่ปาร์คเป็น เลยอาจทำให้ปาร์คเสียคนที่รักที่สุดไป
ดินบอกว่าเขารู้แล้วว่าใครคือคนที่ปาร์คคอยมาปรึกษาอยู่ตลอด และพอจับต้นชนปลายได้นิดหน่อยว่าที่ปัญหามันเกิด
มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งการพูดของเพื่้อนแม้จะเป็นการแซวเล่นที่ไม่ได้จริงจังมากนัก
แต่ด้วยสถานการณ์ตึงๆ ในเวลานั้น หมัดของปาร์คเลยประเคนเข้าไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

เรื่องเกลก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันเยอะ เพราะเมื่อปาร์คเข้าไปในห้อง ก็เห็นชัดเจนว่าเกลกำลังอ่อยดิน

ส่วนเรื่องของปาร์ค ก็นั่นล่ะ เพราะนิสัยของตัวเองที่ทำให้เป็นแบบนี้
ก็สมควรโดนด่าต่อไป 555555555+
แค่ไม่ด่าเค้าด้วยก็พอ งื้อออ  :mew2:

ถึงตอนนี้ฟร๊องก์พยายามตอบโต้และแสดงออกอย่างแน่วแน่แล้วนะ ว่าตัวเองจะตัดใจ
ซึ่งจะทำได้ไหม นั่นก็อีกเรื่อง 555+

ขอบคุณทุกคนมากๆ นะฮะ สำหรับความเห็นดีๆ ซึ่งอ่านแล้วก็ตึงๆ ตามอารมณ์ที่ใส่กับตัวละคร
ชอบนะ รู้สึกดี อิอิ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คนดีชอบแก้ไข..แล้วตัวอะไรชอบแก้ตัว(เหี้ย)
ดีแต่คิดทำเรื่องชั่วๆ..ระเริงเมามัวเที่ยวเป็นผัวเปรอะเปื้อนไปหมด

คนพูดความจริงแล้วมันจะมาก่อนเกิดเหตุ
แต่ถ้าเป็นอิเปรตโกหกตอแหลก็จะพูดแก้ตัวหลังจากนั้นแล้ว

ใครจะเชื่อก็เชื่อไป..แต่ยังไงกรูก็ไม่เชื่อโว้ยยยยยยยยย
ตอแหลสัด แถไปเรื่อยนะเมิง

+1 ให้คนแต่งฮับ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
จะเชื่อกับคำพูดของปาร์คได้เหรอ บอกว่ารู้ตัวนานแล้ว รู้ตัวทำเตี่ยมึงเดะถึงไม่คิดจะมาง้อฟร๊องก์บ้าง ถึงฟร๊องก์จะมีบอกว่าไม่อยากเจอหรือให้ห่างๆ กันก็ควรมารีบง้อแต่แรกไม่ใช่มารู้ตัวตอนที่เป็นไอ้หน้าโง่หรือควายตัวหนึ่งให้เขาสวมเขาแล้วจะมาขอโทษแค่เอ่ยคำนี้แต่ไม่ได้มีความสำนึกเลยว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้างกับฟร๊องก์ ยังจะมาทำกะหริ่มกะเหรี่ยกับฟร๊องก์กอดจูบต่อหน้าคนอื่น ทำยังกับเป็นแฟนมานมนานทั้งๆ ที่ทำร้ายเขา ไม่สนใจเขา บอกรักผู้หญิงแต่กับฟร๊องก์กับทำเหมือนเป็นแค่เพื่อนอย่างตอนเจอฟร๊องก์โดนบังเอิญก็เลือกผู้หญิง ถึงตอนนั้นจะไม่มั่นใจว่ารักหรือเปล่าแต่ก็ไม่ควรคบซ้อนแบบนี้มันทำเหมือนฟร๊องก์เป็นแค่ตัวเลือกที่มันเบื่อเมื่อไหร่ก็ทิ้งได้ตลอดเวลา บอกตรงๆ โคตรแม่ง อยากให้มันเหลือแค่ตัวคนเดียวจริงๆ เพราะนิสัยเหี้ยๆ ของมันจริงๆ  มันสมควรที่จะไม่ได้อยู่กับฟร๊องก์นะตอนจบถึงจะแฮปปี้จริงๆ อ่ะเราว่า

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
รู้แต่ไม่กล้าแก้ไขอะไร

ยังคบกับชะนีต่อไปแบบยืนให้เขางอกออกมา 99 คู่

เอิ่มมมมม ต่อให้รักจริง แต่รักควายแบบนี้ ชีวิตก็จมปลักนะครับ

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อีฟร้องสติจิ โหๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 45 [18/9/2017]
«ตอบ #200 เมื่อ18-09-2017 18:15:02 »

Chapitre 45

   ผมกลับมาจากคอนโดฯ ปาร์คได้สองวันแล้ว วันนี้เป็นต้นสัปดาห์เรียนสองสัปดาห์สุดท้ายของเทอมนี้แล้ว อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าก็ถึงเวลาสอบแล้ว เรื่องต่างๆ ก็เคลียร์ออกจากชีวิตผมหมดแล้วเหมือนกัน เรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผมหวังว่าต่อจากนี้ชีวิตของผมจะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิมนะ

   ผมยังคงใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยกับเก็ทและเพื่อนคนอื่นๆ อย่างปกติ เรื่องระหว่างผมกับโดนัท และทาร์ตก็เริ่มซาๆ ลงไปแล้ว โดนัทมักจะแยกตัวไปไหนมาไหนกับไวน์มากกว่า ขณะที่คนอื่นๆ ในกลุ่มก็ยังเหมือนเดิม ไวน์กับผมก็ยังคงคุยและแกล้งกันอยู่เหมือนเดิม ส่วนนุ่นยังคงปากหมาเหมือนเดิมเช่นกัน แต่เรื่องที่น่ายินดีคือมันยอมเปิดตัวว่าคบกับเด็กปีหนึ่งที่ชื่อเก่งกล้า ซึ่งเป็นเพื่อนกับทาร์ตแล้ว

   เก่งกล้าวนเวียนมาหานุ่นบ่อย แรกๆ ก็จะมีทาร์ตตามติดมาด้วยเสมอ แต่หลังๆ มาก็ไม่มีแม้เงาของทาร์ตตามติดมาเหมือนเคย ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจจะถามหรือตั้งข้อสงสัยหรอกว่ามันหายไปไหน เป็นแบบนี้ดีแล้ว

   ช่วงอาทิตย์ผ่านไปอย่างไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ปาร์คยังคงโทรมาในช่วงเวลาเดิมๆ ที่เราเคยคุยกันเมื่อก่อน แต่ผมก็ไม่เคยที่จะรับสาย และเจ้าตัวก็มักจะไม่ยอมแพ้โดยการส่งข้อความหรือทักไลน์มาถามไถ่ต่อเสมอ จนมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ตอนเช้าปาร์คจะไลน์มาปลุกและบอกว่าตัวเองตื่นแล้ว และตอนกลางคืนจะไลน์มาบอกฝันดีกับผมเสมอ

   ส่วนเรื่องเรียนหลายๆ วิชาหมดการเรียนการสอนไปแล้ว เพราะเนื้อหาถูกสอนจนหมดแล้ว อาจารย์ก็จะช่วยติวและบอกแนวข้อสอบให้ไปเก็งกัน ช่วงสัปดาห์ที่ว่างผมก็จัดการเคลียร์งานที่เหลือคั่งค้างไว้จนเสร็จหมดทุกอย่าง ทำเอาผมถอนหายใจอย่างโล่งอก มันเหมือนกับยกภูเขาลูกโตออกจากอกไปเสียที หลังจากนี้ก็ทุ่มให้กับการอ่านหนังสือสอบในหลากวิชามหาโหดที่เตรียมลับคมดาบหันมาฟาดฟันพวกผมที่กำลังจะวิ่งเข้าไปเผชิญหน้า

   หลายวิชาผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองจะทำข้อสอบได้แน่นอน เพราะใช้อ่านทวนมาสักระยะแล้ว แถมยังทบทวนอยู่สม่ำเสมอด้วย แม้ว่ามักจะเอาเวลาไปสนใจเรื่องๆ อื่นๆ อยู่บ้าง หลังจากเคลียร์งานจะหมด จากที่ผมคลุกที่หอสมุดก็หมดไป ผมกับเพื่อนเลยมักจะออกไปหาอะไรกินด้วยกันแทบทุกเย็น ผมไม่เกี่ยงที่โดนัทจะไปร่วมวงด้วย แต่มักเป็นเจ้าตัวที่ปฏิเสธไปเอง ซี่งผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะมันไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว

   ผมนัดกับเก็ทไว้ว่าสุดสัปดาห์นี้ผมจะให้เก็ทติวฝรั่งเศสให้ ซึ่งเก็ทก็รับปาก ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ผมจะไม่กลับบ้าน เพราะจะไปติวฝรั่งเศสกับเก็ท แล้วก็อ่านหนังสืออยู่ที่หอด้วย เพราะกลับบ้านทีไรผมไม่เป็นอันได้อ่านหนังสือทุกที

   [ฟร๊องก์ อีกเดี๋ยวเก็ทเข้าไปรับนะ เตรียมตัวไว้เลย] ช่วงสายๆ ของวันศุกร์เก็ทก็โทรมาบอกเรื่องที่จะติวฝรั่งเศสให้ผม ติวให้ตั้งแต่วันศุกร์ เดี๋ยวผมต้องอ่านวิชาอื่นๆ ด้วย กว่าจะสอบ ผมจะลืมหมดก่อนหรือเปล่าวะเนี่ย

   “อ้าวไม่ได้มาติวให้ฟร๊องก์ที่หอหรอกเหรอ แล้วจะไปติวกันที่ไหนอ่ะ”

   [จะรับมาติวที่คอนโดฯ เก็ท พวกหนังสือเสริมที่ไม่ใช่หนังสือเรียนมันอยู่ที่ห้องเก็ทไง ขี้เกียจแบกไปแบกกลับ]

   “อ๋อ เอาดิ จัดเต็มอย่ากั๊กเลยนะ!”

   [อืม ขึ้นอยู่กับว่าสมองงง... จะรับได้มากน้อยแค่ไหน]

   “ด่ากันเหรอ เดี๋ยวจะโดน! เออ เดี๋ยวฟร๊องก์อาบน้ำก่อนนะ จะมาถึงประมาณกี่โมงอ่ะ”

   [ก็คงอีกสักชั่วโมงแหละ รีบไปอาบน้ำเลย]

   หนึ่งชั่วโมงเป๊ะๆ ต่อมาเก็ทก็โทรมาบอกว่ามาถึงหน้าหอแล้ว อะไรมันจะตรงเวลาขนาดนั้น! ผมนี่รีบยัดหนังสือ ชีทต่างๆ นานาที่จำเป็นใส่กระเป๋าเป้แล้วลงไปทันที

**********__________**********

   “หิวอ่ะ” หลังจากเก็ทมารับผมออกจากหอมาตอนประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆ ผมก็บ่นขึ้นก่อนจะลูบท้องปอยๆ ตั้งแต่เช้าผมยังไม่ได้กินอะไรเลย

   “ไม่บอกก็รู้ ท้องร้องดังซะขนาดนั้น” เก็ทพูดนิ่งๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนความสนใจจากถนนเบื้องหน้ามาหาผม แต่มันก็ทำให้ผมอายได้เหมือนกัน ท้องผมร้องดังขนาดนั้นเลยหรือไง นึกว่าได้ยินอยู่คนเดียว

   “แวะกินก่อนเถอะ เดี๋ยวจะได้ติวยาวเลย”

   “อยากกินไรอ่ะ” เก็ทหันมาเลิกคิ้วถาม

   “อืมมม พิซซ่า!” ผมตอบเสียงใสพร้อมกับส่งยิ้มกว่า รู้ว่าตัวเองกินได้แค่ชิ้น สองชิ้นแค่นั้นแหละ เวลาไปกินพิซซ่ากันกับพวกเพื่อนๆ โดนด่าประจำเพราะสั่งยิบย่อยเยอะ แต่พอกินจริงๆ กลับกินได้นิดเดียว ก็มันอยากกินหลายอย่าง แต่อย่างละนิดนี่นา
 
   “ถ้าสั่งมาแล้วกินไม่หมด คราวนี้จะ...”

   “ก็ห่อกลับไปกินต่อตอนติวไง อิอิ ไม่เห็นยาก” ผมรีบพูดขัดขึ้นมาเหมือนเห็นเก็ทพูดดักทาง

   “ตามใจ” เก็ทรับปากสั้นๆ ก่อนจะขับรถไปยังร้านพิซซ่าตามที่ผมบอก

   มาถึงร้านก็ตามสเต็ปครับ ผมเห็นอะไรก็อยากกินไปหมด สั่งๆ จนเก็ทต้องกระแอมในลำคอเพื่อบอกให้ผมหยุด ผมถึงได้รู้ตัวว่าที่สั่งไปนั่นมันเยอะมากกว่าสำหรับสองคนด้วยซ้ำ ผมฉีกยิ้มกว้างให้เก็ทก่อนจะหันไปบอกพนักงานที่รับออเดอร์ว่าพอแค่นั้น แต่เอาเถอะ ทำตามที่ผมบอกนั่นล่ะ เหลือก็ให้เขาใส่กล่องให้กลับไปกินต่อได้อีกมื้อ ไม่ต้องซื้ออีก

   “แล้วธุระที่ว่านั่นเสร็จแล้วเหรอ” เก็ทเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เราสองคนเริ่มนั่งนิ่งกับอาหารตรงหน้า อย่างที่เก็ทว่าจริงๆ ผมกินไม่หมด กินพิซซ่าไปได้แค่ชิ้นเดียว แต่ของทานเล่นอย่างอื่นก็พร่องไปได้เยอะอยู่นะ ผมกินไก่บาร์บีคิวไปตั้งหลายชิ้น เป็นอย่างเดียวที่กินได้เยอะสุดเพราะมันอร่อย ฮ่าๆ

   “ธุระ?” ผมที่กำลังนั่งแทะน่องไก่น่องสุดท้ายเงยหน้ามองเก็ทอย่างงงๆ ธุระอะไรของมันวะ

   “ก็ที่ต้องโดดเรียนไปเมื่อตอนนั้น”

   “อ๋อ จบแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” ผมว่าก่อนจะก้มลงกัดเนื้อไก่อีกครั้ง จนเพิ่งฉุกคิดได้ว่าผมเคยพูดกับเก็ทเอาไว้ว่าถ้าเรื่องเรียบร้อยเมื่อไหร่ผมจะเล่าให้เก็ทฟังคนแรก ลืมไปเลย หลุดปากออกไปแล้วด้วยสิ

   “ไม่คิดจะเล่าเหรอ” รู้สึกได้ถึงความกดดันต่ำๆ ที่เกิดขึ้นในน้ำเสียงของเก็ททันที ผมค่อยๆ เงยหน้ามองเก็ทที่กำลังมองหน้าอย่างรอคำตอบอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มบาง มือทั้งสองที่จับน่องไก่ไว้ก็ค่อยๆ วางลงช้าๆ เหมือนกับกำลังเล่นภาพสโลว์โมชั่นอยู่ อย่าใช้สายตากดดันมองกันแบบนี้ดิวะ

   “ก็... ก็มันไม่ได้มีอะไรเลยไง เรื่องไร้สาระ เลยลืมๆ ไป เก็ทไม่ต้องไปใส่ใจหรอกเนอะ เรียกเขามาเอาพิซซ่าไปใส่กล่องให้ดีกว่า” ผมรีบบอกปัดและเปลี่ยนเรื่องไปด้วยรอยยิ้มที่ทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ก่อนจะพยายามหันไปเรียกพนักงานให้เอาพิซซ่าที่เหลือไปใส่กล่องให้ แต่ก็ถูกเก็ทขัดขึ้นก่อนด้วยประโยคที่เหมือนกับเอาไม้หน้าสามมาฟาดหน้าผมอย่างแรง

   “มันคงไร้สาระมากถึงขั้นที่เล่าให้ใครฟังไม่ได้ แถมยังต้องโดดเรียนเพื่อไปสนใจเรื่องไร้สาระที่ว่าสินะ” คำพูดนี้ดึงให้ผมต้องหันกลับมามองเก็ทอีกครั้ง รอยยิ้มก่อนหน้าของผมเจื่อนลงไปแทบทันทีที่ได้เห็นใบหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ของเก็ท มันนิ่งจนผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าภายใต้สีหน้านิ่งสนิทนั้นเก็ทกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่

   เก็ทหน้านิ่งมากจนผมขนลุก บรรยากาศสบายๆ เคล้าเสียงเพลงในร้านไม่ได้ช่วยทำให้บรรยากาศบนโต๊ะระหว่างผมกับเก็ทดีขึ้นเลย สภาวะกดดันเริ่มเข้าครอบงำมากขึ้นทำขณะ เก็ทไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ก็ยังไม่ได้ละสายตาว่างเปล่าออกจากผม ส่วนผมเองก็ถึงกับขากรรไกรค้าง น้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน

   “คือ... เรื่องมัน เอ่อ... เกี่ยวกับ... ปาร์ค” ผมกลั้นใจพูดออกไป แต่คิดไว้ว่าจะไม่บอกเก็ทว่าชัญญ่ามีส่วนในเรื่องนี้ด้วย ผมไม่อยากให้สองคนนี้เข้าใจผิดกัน แล้วไม่อยากให้เก็ทคิดว่าผมสนใจเรื่องตัวเองจนต้องดังชัญญ่าเข้ามาเกี่ยว

   “...” เก็ทยังคงมองหน้าผมนิ่งไม่พูดหรือแสดงอาการใดๆ

   “ที่ไม่เล่าให้ฟังเพราะฟร๊องก์เห็นว่ามันไม่เกี่ยวกับเก็ท บอกเก็ทไปก็จะทำให้เก็ทไปห่วงเปล่าๆ ฟร๊องก์ไม่อยากให้เก็ทต้องมากังวลกับฟร๊องก์ เลยเลือกที่จะไม่บอก” ผมพูดต่อเมื่อเห็นเก็ทไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

   “...”

   “ฟร๊องก์ไม่อยากให้เก็ทต้องมาเป็นกังวลเพราะฟร๊องก์อีกคนไง ฟร๊องก์ไม่อยากให้ใครลำบากเพราะฟร๊องก์ แล้วตอนนี้เรื่องมันก็จบด้วยดีแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ฟร๊องก์เลยคิดว่ามันไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงอีก”

   “แล้วถามเก็ทหรือเปล่าว่ายินดีจะช่วยฟร๊องก์ไหม เคยถามเก็ทหรือยัง ไม่ใช่เอาแต่คิดไปเองแบบนี้” เก็ทพูดขึ้นหลังจากที่เงียบฟังผมอยู่สักพัก

   “ก็... เพราะมีเก็ทคอยดูแลมาตลอดไง ฟร๊องก์เลยไม่อยากรบกวนเก็ทอีก ฟร๊องก์ไม่อยากให้เก็ทมาเหนื่อยเพราะฟร๊องก์อีก”

   “ถึงได้ถามว่าเคยถามเก็ทไหมว่าเก็ทเหนื่อยหรือเปล่า เก็ทไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยคิดว่ามันเป็นการรบกวนเลยด้วยซ้ำทุกครั้งที่ฟร๊องก์มาปรึกษา ทุกครั้งที่ฟร๊องก์มาขอความช่วยเหลือ สำหรับเก็ทมันไม่ใช่การรบกวนเลย เก็ทไม่เคยรำคาญฟร๊องก์เลยสักครั้ง แต่เก็ทจะหงุดหงิดเวลาที่ฟร๊องก์มีเรื่องอะไรแล้วเก็บไว้คนเดียว ไม่ยอมเล่า ไม่ยอมระบายให้เก็ทฟัง นั่นแหละที่ทำให้เก็ทหงุดหงิด หงุดหงิดกับสิ่งที่ฟร๊องก์ปิดบังเก็ทอยู่ตอนนี้!”

   “ฟร๊องก์... ฟร๊องก์ขอโทษ ฟร๊องก์แค่... ไม่อยากให้เก็ทต้องเป็นห่วง” ผมพูดเสียงเบา ยิ่งประโยคสุดท้ายมันเบาจนแทบจะกลืนหายไปในลำคอ “แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้วนะ เก็ทไม่ต้องเป็นห่วง ฟร๊องก์ไม่ได้เป็นอะไรเลย ทุกอย่างมันจบด้วยดีแล้ว”
 
   “เรื่องมันเป็นยังไง ไอ้ที่ว่าจบแล้วเนี่ย” เก็ทเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางเคร่งขรึม สงสัยงานนี้ถ้าผมไม่เล่า เก็ทคงได้นั่งส่งสายตาฟาดฟันผมแบบนี้ได้เป็นวันๆ แน่

   “...” ผมเงียบไม่พูดอะไร ในเมื่อทุกอย่างมันจบไปแล้ว รวมทั้งเรื่องของผมกับปาร์ค ผมก็ไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมาอีก

   “เฮ้อออ... ดื้อจริงๆ” เก็ทได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ เมื่อเห็นผมดันทุรังที่จะไม่พูดอย่างไม่สิ้นสุด “สรุปว่าตอนนี้ก็กลับไปคืนดีกับปาร์คอะไรนั่นแล้วเหรอ”

   “ก็ไม่เชิง แต่เรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้าก็ไม่มีแล้ว” ผมไม่ได้บอกเก็ทว่าผมกำลังตัดใจจากปาร์ค ผมอยากเก็บมันไว้คนเดียวจนถึงวันที่ผมพร้อมจะบอกทุกคนว่าผมกับปาร์คเป็น ‘เพื่อน’ กัน เพื่อนที่คบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ

   “ตกลงคบกันแล้ว?”

   “เห้ย! บ้า! เปล่าสักหน่อย แค่... บอกว่าดีกันแล้ว ไม่ได้แปลว่าจะคบกันซะหน่อย!” ผมรีบแก้ตัวทันทีก่อนที่เก็ทจะเข้าใจผิดไปใหญ่ แก้ตัวไปก็คว้าแก้วน้ำมาดูดน้ำเพื่อลดความร้อนบนใบหน้าไปด้วย ผมไม่ได้หันไปมองเก็ทเพราะรู้ดีว่าหน้าผมตอนนี้คงแดงไม่ใช่หยอก

   “อืม งั้นรีบไปติวเถอะ” เก็ทตัดบทห้วนๆ ก่อนจะหยิบใบเสร็จเตรียมจะลุกไปจ่ายเงิน บทจะจบก็จบง่ายๆ เลยเนอะ ผมล่ะงงกับมันจริงๆ แล้วทีตอนแรกล่ะมานั่งทำหน้ายักษ์เค้นให้ผมพูดตั้งนาน

   “เดี๋ยวดิๆ ที่เหลือนี่ยังไม่ได้ให้เขาเอาใส่กล่องให้เลย” ผมต้องรีบเบรกก่อนที่เก็ทจะลุกออกจากโต๊ะไป เสียดายเหลืออีกตั้งเยอะ เก็ทพยักหน้าเนือยๆ ก่อนจะนั่งรอให้พนักงานเอาพิซซ่ากับของกินเล่นบางอย่างที่เหลือเยอะหน่อยเอาไปห่อใส่กล่องให้

   หลังจากรอพนักงานเอาอาหารไปใส่กล่องให้สักพัก ผมกับเก็ทก็จ่ายเงินก่อนจะตรงไปยังคอนโดฯ ของเก็ททันที นี่ก็ครึ่งวันผ่านไปแล้วยังไม่ได้เริ่มติวเลย ต้องทำเวลากันหน่อยเดี๋ยวจะติวได้ไม่เต็มที่

   ผมกับเก็ทนั่งติวด้วยกันมาได้สักพักแล้ว ตอนมาถึงที่คอนโดฯ ผมก็เพิ่งรู้ว่าเก็ทมีคอนโดฯ ด้วยเหมือนกัน ปกตินึกว่าเก็ทอยู่บ้านตลอด คอนโดฯ ของเก็ทถือว่าห้องใหญ่เลยทีเดียว แยกห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องนอนเป็นส่วนๆ ดูๆ แล้วห้องกว้างพอๆ กับของปาร์คเลย ห้องนอนก็มีสองห้องเหมือนกัน แต่ห้องนอนใหญ่ที่เก็ทนอนแคบกว่าของปาร์ค แต่ห้องนอนอีกห้องใหญ่กว่า ผมสำรวจตั้งแต่ตอนมาแล้ว ฮ่าๆ การตกแต่งของเก็ทดูค่อนข้างสะอาดและดูสบายตา แทบทุกอย่างในห้องจะเป็นสีขาว ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความสะอาดและความเป็นระเบียบของเจ้าของห้อง

   เก็ทเป็นคนที่นอกจากจะเรียนเก่งแล้ว ยังสามารถถ่ายทอดออกมาได้เก่งมากอีกด้วย หลายๆ เรื่องที่ผมพอเข้าใจในห้องเรียน แต่ยังมีบางอย่างติดใจ มีข้อสงสัยอยู่เก็ทก็ช่วยอธิบาย จนข้อสงสัยของผมทั้งหมดคลี่คลายไปได้ มันช่วยทำให้ผมค่อนช้างมั่นใจว่าผมจะทำข้อสอบฝรั่งเศสได้ดีเลยแหละ ขออย่างเดียวคือแปลโจทย์ให้ออกแค่นั้นเอง เพราะถ้าแปลโจทย์ไม่ออก ทุกอย่างก็จบ

   หลังจากติวฝรั่งเศสไปได้เยอะพอสมควร ผมก็ชวนให้ลองคุยๆ เรื่องวิชาอื่นๆ ด้วย แล้วค่อยกลับมาทวงฝรั่งเศสอีกทีว่าจะยังจำได้ไหม ทำให้การมาติวครั้งนี้ไม่ได้ไปแค่เฉพาะฝรั่งเศส

   “เก็ทลองเปิดหนังเรื่องที่อ.ภัทรให้วิเคราะห์ดูไหม จะได้ช่วยกันจับจุดมานั่งถกกันด้วย เผื่อที่เราดูมันจะตรงกับที่ข้อสอบถาม ถ้าหาคีย์เวิร์ดเจอเราก็ทำได้” ผมชวนเก็ทดูหนังที่เป็นโจทย์ให้พวกผมทุกคนกลับไปดูแล้วตีความ วิเคราะห์แก่นเรื่อง สาระสำคัญเพื่อเอาไปทำข้อสอบ ในวิชาวรรณคดีภาษาอังกฤษ จริงๆ ผมเองก็ดูไปสองรอบแล้ว แล้วก็ลองเขียนๆ วิเคราะห์ส่วนสำคัญแล้วก็แก่นเรื่องไว้แล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกหรือตรงกับคนอื่นๆ หรือเปล่า บางทีถ้าลองให้เก็ทวิเคราะห์ให้ฟังอาจจะได้มุมมองใหม่ๆ ก็ได้ เพราะการตีความมันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

   “อืม ถือว่าพักผ่อนไปในตัว เดี๋ยวลองเสิร์ชหาก่อนนะ แล้วค่อยต่อเข้าโทรทัศน์จะได้ดูถนัดๆ” เก็ทว่าก่อนจะเดินไปหยิบโน้ตบุ๊คแอปเปิ้ลแหว่ง ฮ่าๆๆ แมคบุ๊คโปรครับมาเปิด แล้วหาหนังดังกล่าว

   “เอาแบบเป็นซับไทยนะ ไม่เอาเสียงไทย มันมีอยู่ ฟร๊องก์เคยเสิร์ชดู” ผมเป็นคนไม่ชอบดูหนังฝรั่งพากษ์ไทย เพราะรู้สึกว่ามันเข้าไม่ถึงอารมณ์ด้วย แล้วบางคนพากย์ก็ชอบเล่นมุกแป๊กๆ ออกมาทั้งที่เนื้อเรื่องกำลังเครียดๆ อยู่อ่ะ ผมล่ะโคตรหงุดหงิดเลย แถมการฟังเสียงซาวด์แทรคยังเป็นการฝึกภาษาไปในตัวด้วย

   “รู้แล้วน่า เก็ทก็ไม่ดูพากษ์ไทยเหมือนกันแหละ”
 
   “งั้นเจอแล้วเรียกนะ เดี๋ยวไปอุ่นพิซซ่าก่อน แหะๆ เริ่มหิวอีกแล้ว เอาด้วยป่ะ” ผมหัวเราะเขินๆ ก็นั่งติวมามันต้องใช้สมองเยอะ ทำให้ร่างกายเสียพลังงานเร็ว ก็ต้องกินเข้าไปเพิ่มสิ

   “หึหึ เผื่อด้วยก็ได้” ผมได้ยินเสียงเก็ทหัวเราะในลำคอเหมือนเยาะเย้ยผม โถ่ ตัวเองก็จะกินด้วยเหมือนกันแหละ!
   จากนั้นผมกับเก็ทก็นั่งกินพิซซ่าที่อุ่นมาพร้อมกับดูหนังดังกล่าวไปด้วย โดยที่ผมนั่งอยู่กับพื้นพรมด้านล่าง ส่วนเก็ทนั่งอยู่บนโซฟา ไม่ใช่ว่าผมเป็นอีเย็นในนางทาสแต่อย่างใด แต่มันดูสบายกว่า แต่พอดูไปได้สักพัก พอหนังท้องตึงหนังตาของผมมันก็เริ่มหย่อน ผมพยายามสะบัดหัวหลายต่อๆ รอบเพื่อไล่ความง่วงออกไป

   ปึก!

   “จะได้สบายขึ้น” เก็ทที่ลุกไปเมื่อไหร่ไม่รู้ กลับมาพร้อมกับผ้านวมผืนใหญ่และหมอนอีกใบที่ตอนนี้มันกองอยู่ข้างตัวผมแล้ว อืมก็ดีเหมือนกัน นอนดูแบบนี้จะได้สบายๆ หน่อย

   “Merci” ผมบอกขอบคุณก่อนจะจัดการปูผ้านวมแล้วก็ล้มตัวลงนอนทันที พอได้นอนอาการง่วงก็ทวีคูณมากขึ้น ก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเลี่ยงไม่ได้

**********___________**********

   “อื้อออ...” ผมรู้สึกตัวขึ้นก่อนจะพลิกตัวเพื่อบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อคลายความง่วง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ว่าแต่ผมหลับไปนานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ทีวีที่เปิดหนังไว้ก่อนที่ผมจะหลับถูกปิดไปแล้ว ผมใช้มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางไว้แถวๆ นั้นขึ้นมาดูเวลา ปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ผมหลับไปเกือบสามชั่วโมงเลยทีเดียว

   ผมค่อยลุกขึ้นนั่งก่อนจะสะบัดหัวไล่ความง่วงอีกครั้ง ก่อนจะมองดูรอบๆ ห้องที่ตอนนี้ค่อนข้างจะมืด ไฟในห้องไม่ได้เปิดเลยสักดวง ว่าแต่เก็ทหายไปไหน ผมมองไปในความมืดจนทั่วทั้งห้องแต่ก็ไม่พบเก็ท หายไปไหนของเขานะ หรือแอบออกไปไหนแล้วทิ้งผมเอาไว้คนเดียว แต่ที่สุดผมก็สะดุดตากับแสงไฟที่ลอดออกมาจากช่องประตูของห้องนอนเก็ท เห็นผมหลับเลยเข้าไปในห้องเพราะไม่อยากรบกวนล่ะมั้ง

   แกร๊ก...

   เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น ผมเลยแกล้งล้มตัวลงนอนอีกครั้ง กะว่าจะเนียนแกล้งให้เก็ทมันตกใจซะหน่อย ผมแกล้งทำเป็นเหมือนว่ายังไม่ตื่น แต่จริงๆ นี่กลั่นหัวเราะแทบตาย อยากเห็นหน้าของเก็ทตอนที่ตกใจ มีโอกาสให้แกล้งแล้วก็ให้ผมจัดสักหน่อยเถอะ เวลาปกติแกล้งมันได้ที่ไหน รู้ทันผมหมด แถมตัวก็ใหญ่กว่าตั้งเยอะ

   “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาที่นี่อีก!” เสียงเก็ทลอดออกมาจากภายในห้องด้วยท่าทางฉุนเฉียว ผมเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่ได้กระดุกกระดิกตัวแต่อย่างใด ใครมาที่นี่เหรอ แล้วทำไมเก็ทต้องดูหงุดหงิดขนาดนี้ด้วย

   ผมรู้สึกได้ถึงน้ำหนักเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ๆ ผมก่อนจะหยุดใกล้ๆ กับพื้นที่ผมนอน ทำให้ผมต้องนอนนิ่งและเกร็งกว่าเดิม แถมหัวใจยังเต้นแรงขึ้นอีกต่างหาก จากตอนแรกที่กะว่าจะแกล้งให้ตกใจ ตอนนี้กลับต้องนอนนิ่งเพื่อรอดูว่าเก็ทคุยกับใคร และใครที่จะมาเยือนห้องนี้แล้วทำให้เก็ทหงุดหงิดได้ขนาดนี้

   แอ๊ด...

   เสียงฝีเท้าห้องออกไปแล้ว ก่อนที่เสียงเปิดประตูหน้าห้องดังขึ้น ผมลืมตาขึ้นมามองเล็กน้อย ด้วยความที่โซฟาบังทำให้เห็นได้ไม่ถนัดนัก แต่ก็พอมองเห็นตั้งแต่ช่วงไหลเก็ทขึ้นไป

   “เดี๋ยวลงไป... อืม... ฟร๊องก์ก็อยู่ที่นี่ด้วย” ผมไม่รู้ว่าเก็ทคุยโทรศัพท์กับใคร แต่ในบทสนทนานั้นมันเกี่ยวข้องกับผมด้วย ฉะนั้นคนที่มาเยือนย่อมจะต้องรู้จักผมและผมเองก็ต้องรู้จักด้วยเช่นกัน

   เก็ทออกไปข้างนอกแล้ว ผมไม่รู้เหมือนกันว่าออกไปคุยกันที่ไหน แต่คงไม่ได้ไปจากคอนโดฯ นี้หรอก เพราะกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์ยังวางอยู่ที่โต๊ะเล็กข้างโซฟาที่ผมนอนเหมือนเดิม เก็ทคงหยิบไปแค่คีย์การ์ด ผมควรจะตามออกไปดีไหมว่าคนที่มานั้นคือใครกันแน่ แล้วทำไมต้องออกไปคุยข้างนอกเพียงเพราะผมอยู่ในห้อง มันเกี่ยวอะไรกับผมหรือเปล่า แต่ถ้าผมตามออกไป จะลงไปข้างล่างอย่างไรในเมื่อผมไม่มีคีย์การ์ด มันทำให้ผมใจเต้นรัวยิ่งกว่ากลองในจังหวะเพลงร็อคหนักๆ เสียอีก ยังไงซะผมก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเก็ทคุยกับใคร แล้วเรื่องนั้นเกี่ยวกับผมไหม

   ผมตัดสินใจเปิดไฟในห้องแล้วลองค้นในกระเป๋าสตางค์ของเก็ทเผื่อว่าจะมีคีย์การ์ดหลงเหลืออีกใบ และก็เป็นความโชคดีของผมที่เก็ทมีคีย์การ์ดอีกใบในกระเป๋าสตางค์ ส่วนคีย์การ์ดที่เก็ทเอาไปคงเป็นใบสำรอง ผมรีบจัดแจงใส่รองเท้าแล้วรีบตามไปทันที แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมส่องดูจากช่องตาแมวก่อน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ที่หน้าประตู ผมจึงค่อยๆ เปิดประตูออกไป แล้วมุ่งตรงไปที่ลิฟต์อย่างรวดเร็ว

   ตัวเลขชั้นที่ขึ้นโชว์ภายในลิฟต์ค่อยๆ ขยับลดลงเรื่อยๆ สวนทางกับจังหวะหัวใจของผมที่เต้นแรงขึ้นทุกที ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงตื่นเต้นและอยากรู้ขนาดนี้ ทั้งที่บางทีอาจเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งที่มาหาเก็ทก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นชัญญ่า แต่ท่าทางของเก็ทที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่นี้มันทำให้ผมสงสัย ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย

   ไม่นานผมก็ลงมาถึงล็อบบี้ของคอนโดฯ ผมค่อยๆ เดินช้าๆ พลางสอดส่ายสายตามองหาเก็ทและบุคคลปริศนาที่เก็ทคุยด้วยอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้พวกเขาสังเกตเห็นผมก่อน ผมมองหาจนทั่วทั้งล็อบบี้แต่ก็ไม่เจอ จึงลองเดินออกไปแถวๆ ลานจอดรถ และบริเวณสวนด้านหน้าคอนโดฯ ด้วย แต่ก็ไม่เจอเช่นกัน เก็ทและคนนั้นหายไปไหนกันแล้ว

   ผมเดินกลับเข้ามาในบริเวณล็อบบี้อีกครั้งด้วยความหงุดหงิด คลาดกันแค่แป๊บเดียว ทำไมหายไปกันไวขนาดนี้ รถของเก็ทก็ยังจอดอยู่ที่เดิม และมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เก็ทจะเอารถออกไปทั้งที่กุญแจรถยังอยู่บนห้อง แล้วพวกเขาหายไปไหนกัน

   “ขอโทษนะครับป้า เห็นผู้ชายหน้าตาดีๆ ตัวสูงๆ ไหมฮะ คนนี้อ่ะครับ พอดีเขาลืมของไว้บนห้องอ่ะครับ” ในเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรผมจึงตัดสินใจถามป้าแม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่บริเวณลิฟต์ พร้อมกับเปิดรูปเก็ทในมือถือให้ดู

   “อ๋อ คุณคนนี้ เพิ่งเห็นขึ้นลิฟต์ไปกับเพื่อนๆ สักพักเอง ก่อนที่หนูจะลงมานี่เองลูก” คุณป้าแม่บ้านตอบด้วยท่าทางยิ้มแย้มดูเป็นมิตร

   “งั้นเหรอครับ ขอบคุณนะครับ” ผมพยักหน้าขอบคุณพร้อมยิ้มตอบจางๆ แต่ในใจนั้นสงสัยอยู่เต็มประดา ถ้าเก็ทขึ้นลิฟต์กลับขึ้นไปแล้ว แถมยังไปกับคนอื่นด้วย ทำไมตอนที่ผมออกจากห้องมาถึงไม่เจอ หรือเราสวนกันในขณะที่ผมลงลิฟต์ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เก็ทกับเพื่อนที่ป้าแม่บ้านว่าก็น่าจะอยู่บนห้องสิ ตายห่าล่ะ!

   ผมรีบกลับไปขึ้นไปยังห้องของเก็ททันที ก่อนจะเอาคีย์การ์ดทาบเพื่อเข้าห้อง ไฟในห้องยังคงเปิดไว้เหมือนปกติ รวมถึงสภาพผ้าห่มและหมอนที่ผมนอนยังอยู่เหมือนก่อนที่ผมจะออกไป แต่ก็ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อยู่เลยสักคน นั้นก็แสดงว่าเก็ทยังไม่ได้กลับเข้ามาที่ห้อง ผมยิ่งสงสัยว่าเก็ทและผู้มาเยือนนั้นหายไปไหน

   หรือผมจะรออยู่ที่ห้องดี เพราะยังไงเดี๋ยวเก็ทก็ต้องกลับมาอยู่ดี แต่นั่นก็ไม่ได้คลายข้อสงสัยของผมที่ว่าทำไมเก็ทถึงไม่พาคนๆ นั้นมาที่ห้อง ในเมื่ออีกฝ่ายก็รู้จักผมอยู่แล้ว และถ้าไม่ได้มีอะไรต้องปิดบังกันทำไมเก็ทถึงมีท่าทางแบบนั้นตอนคุยโทรศัพท์ และที่สำคัญคือคำพูดที่เก็ทบอกว่าผมอยู่กับเขาด้วยนั้นที่ทำให้ผมสงสัยว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าการคุยธุระธรรมดา แต่ผมคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าพวกเขาไปคุยกันที่ไหน ในเมื่อผมหาหมดแล้วในที่ๆ น่าจะเป็นไปได้ ด้านล่างของคอนโดฯ ก็ไม่มี ทั้งลานจอดรถก็ไม่มี แถมที่ห้องก็ไม่ได้กลับมาด้วยซ้ำ  แล้วมันจะเป็นที่ไหนได้

   ตามที่ป้าแม่บ้านบอกคือเก็ทขึ้นลิฟต์มาข้างบนแล้ว แต่ไม่ได้กลับมาที่ห้อง หรือคนที่เก็ทคุยด้วยจะมีห้องที่นี่ด้วย แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ในเมื่อเก็ทบอกว่าไม่ให้มาที่นี่ แถมเจ้าตัวยังต้องลงไปหาที่ด้านล่าง ฉะนั้นประเด็นนี้ตัดทิ้งไป ข้อสันนิฐานสุดท้ายของผมก็คือ ชั้นดาดฟ้า!

   ผมออกจากห้องอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นลิฟต์มุ่งตรงไปยังชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมแห่งนี้ ซึ่งตอนแรกผมเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีดาดฟ้าจริงหรือเปล่า แต่ตอนที่เข้าลิฟต์มาแล้วเอาคีย์การ์ดแตะ มันสามารถกดขึ้นไปที่ชั้นบนสุดนี้ได้ แสดงว่าข้อสันนิฐานของผมข้อนี้น่าจะเป็นจริง

   และแล้วผมก็มาถึงดาดฟ้าที่ว่า คอนโดฯ ที่นี่มีสวนอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าอีกที ซึ่งมีที่นั่งจัดไว้ตามมุมต่างๆ ตามความกว้างและความยาวของตัวตึก บรรยากาศหัวค่ำแบบนี้จึงไม่ทำให้บนนี้ร้อน ประกอบกับสายลมที่พักเอื่อยๆ จึงทำให้รู้สึกสงบลงได้ไม่ยาก

   ถึงแม้บรรยากาศบนนี้จะดูผ่อนคลายอย่างไรก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สิ่งที่ผมสงสัยก่อนหน้าจางลงไปเลยแม้แต่น้อย ผมเริ่มมองหาตามมุมต่างๆ อย่างระแวดระวังพร้อมกับหาที่สังเกตการณ์ไปด้วยพลางๆ ก่อนที่สายตาของผมจะไปสะดุดเข้าไปกลุ่มคนที่ผมคุ้นเคยและรู้จักเป็นอย่างดีถึงสามคน!

   เก็ท โดนัท และทาร์ต...


à suivre...


กลับมาแล้วฮะ หายไปหลายวันเลย ฮือออ

อ่านคอมเม้นต์แล้วขำ ไม่ว่าปาร์คจะมารูปแบบไหน ก็โดนด่าอยู่ดี 555+
สำหรับฟร๊องก์เองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ที่เลือกจะห่าง ก็คงกลัวจะเจ็บ กลัวเป็นตัวเองที่โง่อีก
เพราะสิ่งที่ปาร์คทำมาก่อนหน้ามันไม่เคยมีอะไรชัดเจนเลย ก็สมควรแล้วแหละที่ฟร๊องก์จะตัดสินใจแบบนั้น


ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาอัปเดตเท่าไร ต้องขอโทษด้วยนะฮะ
ไม่ค่อยว่างเลยจริงๆ เพิ่งได้พักวันนี้ ก็เลยมีอัปให้ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหน่น๊าา

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าจะมีใครสักคนที่หักหลังฟร๊องก์
ก็ขอให้คนนั้นอย่าเป็นเพื่อนที่ฟร๊องก์รักที่สุดเลย
อย่าใช่เก็ทเลยนะ..ขอร้อง

ไม่มีใคร จะให้เรา เท่าเขา(คน)นี้
ไม่มีใคร ยอมทุกที ที่ร้องขอ
ไม่มีใคร ทุกค่ำเช้า ทนเฝ้ารอ
เพื่อให้เพื่อน ยิ้มหัวร่อ หยุดท้อใจ

เก็ท..เพื่อนรัก

+1 ฮับ

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อะไร โดนัทกับทาร์ตมาหาเก็ททำไมอย่าบอกนะว่าวางแผนอะไรไว้ด้วยกัน อย่าเป็นแบบนั้นนะ เพราะเราเชียร์เก็ทให้คู่กับฟร็องก์อยู่

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ไม่ ไม่นะ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
อ้าว ยังไงเนี่ยเก็ท
อย่าบอกว่ามีเอี่ยวอีกคนนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เอาแลัวไง เดียวรู้เลยๆ

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 46 [22/9/2017]
«ตอบ #208 เมื่อ22-09-2017 18:33:27 »

Chapitre 46

   ผมลองเสี่ยงขึ้นไปยังชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมสุดหรูแห่งนี้ที่คาดเดาเอาเองว่ามันคือดาดฟ้าเพื่อตามหาเจ้าของห้องที่คุยโทรศัพท์แล้วหายออกไป โดยในประโยคนั้นมีชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

   แต่พอขึ้นมาถึงดาดฟ้าตามที่คิด ผมกลับได้พบกับบุคคลที่ผมไม่คิดว่าจะเจอที่นี่

   ความสงสัย ความสับสน ความข้องใจ ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาในความคิดของผม ทำไมสามคนนี้ถึงมาอยู่ดัวยกันที่นี่ แล้วทำไมเก็ทถึงยังติดต่อกับสองคนนั้น แถมยังมาคุยกันแบบลับๆ ล่อๆ แบบนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รีบหาที่หลบอย่างรวดเร็วก่อนที่พวกนั้นจะหันมาเห็นผม แต่ก็พยายามเข้าไปให้ใกล้ที่สุดเพื่อให้ได้ยินสิ่งสามคนนั้นคุยกัน ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าสามคนนั้นคุยเรื่องอะไรกัน มันจะเกี่ยวกับผมตามที่ผมสงสัยหรือเปล่า หรือในความคิดที่ร้ายที่สุดคือมันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมและทาร์ตก่อนหน้านี้หรือเปล่า…

   “นั่นเป็นเพราะตัวมึงเองรึเปล่า ทาร์ต” เสียงเก็ทดังแว่วเข้ามาให้โสตประสาทของผมหลังที่ผมรีบพุ่งตัวเข้าไปหลบตรงหัวมุมที่เป็นซีเมนต์ยกพื้นสูงประมาณหนึ่งเมตรแล้วปลูกต้นหญ้าสูงๆ ซึ่งผมเรียกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคือหญ้าอะไรไว้ด้านบน แต่มันสูงพอที่จะบังตัวผมได้มิด

   “แต่พี่เป็นคนแนะนำผมเอง” เสียงทาร์ตดังขึ้นตามมา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจในบทสนทนาของพวกเขาอยู่ดี

   “แต่ก็ไม่ได้แนะนำให้มึงทำเลวๆ กับฟร๊องก์แบบนั้น” เสียงเก็ทยังคงราบเรียบตามแบบฉบับของเจ้าตัว ผมค่อยๆ โผล่หัวออกไปมองดูสีหน้าของพวกเขา จึงได้เห็นสีหน้าของเก็ทที่ยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา ในขณะที่ทาร์ตนั่นมีสีหน้าไม่ค่อยสูงดีนะ ส่วนโดนัทยืนหันหลังให้กับผมจึงไม่รู้ว่าสีหน้าของเธอจะเป็นอย่างไร พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่

   “ก็...” ทาร์ตเสียงอ่อนลงพร้อมกับสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น

   “เอาเป็นว่ากูคงช่วยอะไรมึงไม่ได้แล้ว” เก็ทว่าพร้อมทำท่าจะเดินหนีออกมา ทำให้ผมรีบก้มตัวหลบทันที

   “ถ้างั้นกูคงต้องคุยกับฟร๊องก์เอง” คุยกับผมอย่างนั้นเหรอ เสียงโดนัทที่ดังขึ้นมาด้วยสำเนียงเข้มขรึม ทำให้ผมชะงัก เรื่องที่พวกนั้นคุยกันมันเกี่ยวกับผม และขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย

   “โดนัทยังคิดจะเข้าไปคุยกับฟร๊องก์ได้อีกเหรอ ก่อนหน้าที่มันทำเมินใส่ไม่รู้อีกเหรอว่ามันไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้ว” เก็ทยังคงรักษาน้ำเสียงในโทนที่เรียบเฉย

   “พี่เป็นคนดึงผมเข้ามาในเกมนี้เองนะ แล้วพี่จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือไง!” เสียงทาร์ตดังคล้ายกับการตวาด จนทำให้คนที่มีอยู่ประปรายบนดาดฟ้านี้หันมามองเป็นตาเดียว รวมทั้งผมที่รู้สึกว่ามือตัวเองเริ่มสั่นขึ้นเรื่อย พร้อมทั้งหยดน้ำที่รั้งอยู่ที่ขอบตา เก็ทดึงทาร์ตเข้ามาในเกมนี้ เกมอะไร เกมชีวิตของผมอย่างนั้นเหรอ

   “มึงจะว่ายังไงก็เรื่องมึงเถอะ...”

   “มึงมันเลว เก็ท!” โดนัทแหวใส่เก็ทเสียงดัง

   “ผมจะไปคุยกับพี่ฟร๊องก์เอง ผมจะบอกให้หมดเกี่ยวกับแผนการของพี่!” ทาร์ตว่าอย่างเดือดดาล ก่อนจะเดินมาประจันหน้าตรงที่ที่ผมยืนอยู่

   “พะ... พี่ฟร๊องก์!!!”

   สีหน้าทาร์ตตกใจสุดขีดเมื่อเห็นผมที่ยืนมองเขากลับด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนที่ทั้งเก็ทและโดนัทจะหันมามองด้วยท่าทางตกใจไม่แพ้กัน

   ผมไล่มองหน้าทีละคนอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออกใดๆ ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชีวิตผมกันแน่ ก่อนที่ผมจะเมินหน้าแล้วรีบวิ่งออกมา ผมกัดริมฝีปากแน่นโดยไม่กลัวว่ามันจะห้อเลือดพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ผมไม่อยากอ่อนแออีกต่อไปแล้ว ผมแค่อยากให้เรื่องวุ่นวายในชีวิตผมมันหมดไปสักที
แต่ทำไม... ทำไมมันถึงไม่รู้จักจบจักสิ้น!

**********__________***********

   ทำไมเรื่องราววุ่นวายนี้ถึงไม่รู้จักหมดไปจากชีวิตของผม ผมเหนื่อยเกินกว่าจะรับมืออีกแล้ว ทำไมกัน! ทำไมทุกคนถึงเล่นกับความรู้สึกของผมเหมือนกับผมเป็นสิ่งของ เป็นตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ ไร้ซึ่งความรู้สึก จะยื้อจะแย่ง หรือจะโยนไปทางไหนก็ได้ ทำไมกัน!

   “ฟร๊องก์! รอก่อน!” เก็ทรีบพุ่งเข้ามาจับแขนของผมไว้ ก่อนที่ผมจะเข้าไปในลิฟต์

   “มีอะไรจะต้องพูดอีกงั้นเหรอ” ผมหันไปมองเก็ทด้วยสายตาที่ผิดหวัง เช่นเดียวกับหยดน้ำตาที่หยดลงมาอย่างห้ามไม่ได้

   “พี่ฟร๊องก์ ผมมีเรื่องจะต้องคุยกับพี่” ทาร์ตเข้ามาเสริมทัพ และดูเหมือนเข้าขากันได้ดีกับเก็ทด้วย

   “...” ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไร แม้ในใจจะอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ผมคงไม่พร้อมที่จะรับรู้ความจริงนั้น

   “เรากลับไปคุยกันที่ห้องก่อนได้ไหม” เก็ทว่าพร้อมด้วยแรงบีบที่มือของเขาที่จับแขนผมอยู่เพิ่มขึ้นเบาๆ เป็นสัญญาณให้ผมต้องยอมรับ

   “ก็ดีเหมือนกัน... ฮึก... มันคงไม่มีอะไรแย่ไปมากกว่านี้แล้วแหละ” ผมว่าเสียงเย็นแต่ติดสะอื้นเล็กๆ ก่อนจะบิดแขนตัวเองให้หลุดจากมือของเก็ท เพื่อมากดลิฟต์ บางทีการที่ผมหนีไปเรื่อยๆ มันก็ทำให้เรื่องวุ่นวายในชีวิตผมไม่รู้จักจบสิ้น ผมเลือกที่จะเผชิญหน้ามันเสียตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่า แม้ผมจะไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้มันจะทำให้ผมเจ็บปวดหรือเปล่า หรือจะต้องทำให้ผมเสียเพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุดเพิ่มอีกคนไหม แต่ความจริงก็คือความจริง ความจริงที่เราไม่มีวันหนีมันพ้น ไม่ว่าจะพยายามหนีจากมันมากแค่ไหนก็ตาม

   ไม่นานลิฟต์ที่กดไว้ก็เปิดออก พร้อมปรากฏคนที่ทำให้ผมยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก

   ชัญญ่า และ... ปาร์ค!

   นี่มันอะไรกัน ชีวิตผมจะต้องเจอเรื่องวุ่นวายอะไรขนาดนี้ แค่สามคนก่อนหน้าก็ทำให้ผมกังวลจนกลั้นน้ำตาไม่ได้ แล้วนี่มันอะไร ทั้งชัญญ่า แถมยังปาร์คอีก นี่ทุกคนกำลังทำอะไรกับชีวิตผม แล้วทำไมชัญญ่าถึงมากับปาร์ค แล้วสองคนนี้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่สามคนนั้นคุยกันหรือเปล่า แต่ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป เมื่อคนอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นมาอีกแบบนี้

   ของในหัวของผมตอนนี้มันมึนตึบไปหมดแล้ว ผมคิดอะไรไม่ออกและเริ่มปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ใจหนึ่งผมก็อยากถาม อยากคุยให้รู้เรื่องกันไปเลย แต่อีกใจหนึ่งผมก็อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสีย หายไปตัวไปจากคนเหล่านี้ หายไปจากเรื่องวุ่นวายพวกนี้สักที

   สิ่งที่ผมคิดไม่ตกมากขึ้นกว่าเดิมก็คงเป็นปาร์ค ที่ทำไมอยู่ๆ ถึงมาอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ได้ ทำไมเขาถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมกับคนใกล้ตัวผมพวกนี้ ที่สำคัญอาจจะไม่ชอบหน้าด้วยซ้ำไป ระหว่างปาร์คและทาร์ต แต่ทำไม... นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเหตุผลไม่ได้จริงๆ

   “น่ะ... นี่มันอะไรกัน ชัญญ่ากับ... ปาร์ค... ทำไม...” ผมถอยหนีเล็กน้อย ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ วันนี้เป็นครั้งแรกที่เจอกับปาร์ค หลังจากวันนั้นที่ผมบอกให้เราไม่ต้องมาเจอกัน และยิ่งมาเจอในสถานการณ์แบบนี้ ผมยิ่งทำตัวไม่ถูก

   “อย่าเพิ่งตกใจฟร๊องก์ เรากับปาร์คมาที่นี่ได้ไม่ใช่เพราะความบังเอิญ” ชัญญ่าพยายามเข้ามาทำให้ผมใจเย็นลง

   “เธอมาได้ไง” เก็ทที่ก็อึ้งไม่ต่างจากผม เมื่อตั้งสติได้ก็ถามออกไปด้วยเสียงที่แม้จะเรียบ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความสั่นในเนื้อเสียงเล็กน้อยเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเก็ทก็ไม่รู้ว่าชัญญ่าจะมาเหมือนกัน แถมยังไม่รู้ว่าปาร์คจะมาด้วย

   “อะไรกัน ฉันก็มาเยี่ยมคอนโดฯ เธอไง เห็นบอกไม่ค่อยได้มาอยู่ ก็เลยแวะมาเยี่ยมเยียนนิดหน่อย” ชัญญ่าพูดอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ก่อนจะเดินเข้ามาแตะไหล่ผมแล้วมองด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ “ได้ข่าวว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับสามคนนี้ไม่ใช่เหรอ ไปสิ เราเองก็อยากรู้ด้วยเหมือนกัน และเราเชื่อว่าปาร์คเองก็ต้องอยากรู้ ไม่งั้นคงไม่ยอมมากับเราง่ายๆ หรอก จริงไหมปาร์ค”

   “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปาร์คบอกฟร๊องก์แล้วว่าจะอยู่ข้างฟร๊องก์เสมอ” ผมหันมองหน้าปาร์คอย่างไม่เข้าใจ ปาร์ครู้งั้นเหรอว่าสามคนนี้จะคุยอะไรกับผม แล้วก็คงรู้ด้วยใช่ไหมว่าทำไมชัญญ่าถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยในเวลานี้

   “ถ้างั้นก็นำไปสิเก็ท ฟร๊องก์เองก็อยากรู้แล้วเหมือนกันว่านี่มันคือเรื่องบ้าอะไรกันแน่!” ผมว่าก่อนจะหันไปมองเก็ท ก่อนจะไล่มองทาร์ตและโดนัทด้วยเช่นกัน แล้วเดินนำเข้าไปในลิฟต์

   ตลอดเวลาไม่ถึงนาทีที่อยู่ในลิฟต์ ผมกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เพียงนาทีเหมือนมันนานนับชั่วโมง หัวใจผมเต้นแรงราวกับว่าใครมาเปิดเพลงร็อคหนักหน่วงในห้วงความคิดผม ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลยจริงๆ ว่านี่มันคือเรื่องราวบ้าบออะไร ไม่รู้จริงๆ ว่าทุกคนที่อยู่กับผมตอนนี้จะคุยอะไร จะบอกอะไรกับผม

   น้ำตาผมหลุดไหลแล้ว แต่ยังรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาอยู่ แสดงว่ามันพร้อมจะไหลออกมาอีกตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้จะมีฝ่ามืออุ่นๆ ของปาร์คที่กำลังกุมมือผมอยู่ก็ตาม แต่ผมไม่คิดจะกุมมือตอบ ผมปล่อยให้ปาร์คจับไว้แบบนั้นนิ่งๆ

   ไม่นานลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นที่ห้องของเก็ทอยู่ เก็ทหันมามองหน้าผมที่ยืนอยู่ด้านในสุดกับปาร์คเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกไปจากลิฟต์แล้วเดินนำไปยังห้อง

**********__________***********

   เมื่อเข้ามาในห้อง ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ตอนนี้ผมได้ยินเพียงเสียงหายใจแผ่วเบาของแต่ละคน สลับกับจังหวะการเต้นของหัวใจของผมที่ดังโครมครามจนกลัวคนที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน

   “ฟร๊องก์ ปาร์คมาเรานั่งรอฟังกันเถอะ” ชัญญ่าพูดขึ้นมาทำลายความเงียบนั้น ก่อนจะดึงผมเบาๆ ให้เดินตามเธอไปนั่งที่โซฟาโดยไม่สนใจว่ามีผ้านวมและหมอนกองไว้ด้านล่างเลยแม้แต่น้อย “เอาสิ ใครจะพูดก่อนล่ะ”

   “...” เก็ทยังคงมองหน้าผมอย่างนิ่งเงียบ

   “คะ... คือ” ทาร์ตก็ทำท่าทางเหมือนปากหนัก ยากที่จะพูดออกมา

   “เฮ้อ... ในเมื่อไม่มีใครพูด งั้นกูพูดเอง!” โดนัทถอนหายใจตัดความรำคาญ ก่อนจะเอ่ยออกมาเช่นเดียวกับหัวใจผมที่เต้นเร็วและแรงขึ้นทุกที

   “หึ ตลกดีเหมือนกันที่คนทำกลับไม่ยอมพูด กลับเป็นคนที่ไม่ได้ทำต้องพูดแทน” ชัญญ่าพูดเสียงเหยียดพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปาก “แต่ถึงจะเป็นใครพูดออกมาก่อนก็เถอะ เราว่าวันนี้มันถึงเวลาที่ฟร๊องก์ควรจะได้รู้ความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว”

   “เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จบเรื่องวุ่นวายพวกนี้สักที” ผมมองหน้าทั้งสามคนนิ่ง สลับกับการหันมามองชัญญ่าและปาร์คที่ผมรู้ว่าพวกเขารู้เรื่องหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เพียงผมที่ไม่รู้อะไรเลย

   “ก่อนอื่นกูคงต้องขอโทษมึงก่อนนะฟร๊องก์ ไม่รู้หรอกว่ากูขอโทษไปกี่ครั้งแล้ว แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามึงจะให้อภัยกูกับน้องกูหรือเปล่า แต่ยังไงกูก็ต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย” โดนัทเอ่ยด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังกว่าครั้งไหน “แต่ทั้งหมดจะโทษว่าเป็นเพราะน้องกูฝ่ายเดียวคงไม่ถูก เพราะมึงคงไม่รู้ว่าคนที่อยู่ใกล้ตัวมึงมากที่สุดเป็นคนวางแผนทุกอย่าง!”

   “มะ... หมายความว่าไง” ผมถามเสียงสั่น และกำลังมึนงงในสิ่งที่โดนัทพูดเมื่อกี้ คนใกล้ตัวผมงั้นเหรอ

   “ใครคือคนที่มึงเชื่อใจที่สุดล่ะ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด” โดนัทว่าก่อนจะหันไปมองทางเก็ท ซึ่งทำให้ผมเบนสายตาที่เจ็บปวดและผิดหวังไปมองทางนั้นด้วยเช่นกัน

   “กะ... เก็ท... เก็ทอย่างนั้นเหรอ” ผมรีบเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยชื่อที่เคยเรียกด้วยความคุ้นเคยอย่างยากลำบากแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่อยากจะเชื่อ มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดสิ จะเป็นเก็ทได้ไง จะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างผม คอยดูแลและเป็นกำลังใจให้ผมตลอดจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทุกอย่างได้อย่างไรกัน ผมไม่เชื่อ มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน “ม่ะ... ไม่จริง! ไม่จริงใช่ไหมเก็ท!”

   “... ขอโทษ” เก็ทเอ่ยเสียงเรียบแต่แผ่วเบาเหมือนพึมพำในลำคอ แต่นั่นก็ดังพอที่จะให้ผมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายและแทบล้มทั้งยืน แข้งขาของผมอ่อนแรงลงทันทีที่ได้ยินคำขอโทษโดยปราศจากคำแก้ตัวใดๆ นั้น ดีที่เจ้าตัวคว้าตัวผมไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะลงไปกองกับพื้นห้อง ทำไมกันเก็ท! ทำไมกัน!!

   ตอนนี้บรรยากาศในห้องเงียบสนิท ทุกอย่างดูอึมครึมสำหรับผมไปหมด ดวงตาของผมพร่าไปด้วยม่านน้ำตา มันก็เหมือนกับชีวิตของผมในตอนนี้ที่มองไปทางไหนก็พร่ามัวไปหมด แม้จะเห็นแต่มันก็เบลอจนดูอะไรไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เลยว่าผมจะสามารถคุยหรือไว้ใจใครได้อีก เพราะแม้แต่คนที่ผมเคยไว้ใจที่สุดและคิดว่าเขาจะไม่ทำร้ายผม กลับทำกับผมแบบนี้เลย แล้วผมยังเหลือใครอีกงั้นเหรอ

   “ทุกคนกำลังล้อเล่นกับเราอยู่ในไหม มันไม่จริงใช่ไหม!” ผมสะบัดตัวออกจากเก็ทก่อนจะหันไปถามทุกๆ คนเสียงเข้มที่ขัดกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

   “ฟร๊องก์ใจเย็น แล้วตั้งสติให้ดี มันถึงเวลาแล้วที่ฟร๊องก์จะต้องรู้ว่าความจริงมันคืออะไร เราเองสืบเรื่องนี้มันพักใหญ่แล้ว และก็ไม่อยากปิดบังมันไว้อีกต่อไป สิ่งที่เก็ททำไว้ ฟร๊องก์ควรได้รับรู้มัน และถามเหตุผลด้วยตัวเอง” ชัญญ่าเป็นคนเข้ามาดึงสติของผมที่หลุดลอยไปแสนไกลให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ดึงให้ผมกลับมาเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในห้องๆ นี้ แม้ว่าผมจะพยายามหนีหรือหลอกตัวเองให้เชื่อว่ามันไม่จริงแค่ไหนก็ตาม

   “...” ผมมองหน้าเก็ทอย่างพร่ามัวผ่านม่านน้ำตา

   “...” เก็ทเองก็ไม่เอ่ยอะไรออกมาให้ผมรู้สึกดีขึ้นหรือแย่ลง เพียงแต่เลือกที่จะยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

   “พี่ฟร๊องก์จำวันที่เราเจอกันครั้งแรกได้ไหม” เสียงทาร์ตดังขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวเงียบไปจนผมแทบจะลืมไปแล้วว่ายังมีทาร์ตอยู่ตรงนั้นด้วย เพราะมัวแต่สนใจกับเก็ทอยู่ “จริงๆ แล้ววันนั้นมันไม่ใช่ความบังเอิญหรอก แต่มันเกิดจากความตั้งใจของผมกับพี่เก็ทนี่ต่างหาก”

   “หมายความว่าไง” ผมหันไปถามทาร์ตด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นก่อนจะหันมามองหน้าเก็ทอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ

   “พี่เขานัดให้ผมออกไปเจอพี่ พี่จำได้ใช่ไหมที่พี่เก็ทขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์นอกร้านตอนนั้น เขาคุยโทรศัพท์กับผมเนี่ยแหละ พี่เก็ทเขาได้เจอผมโดยบังเอิญก่อนที่ผมจะเจอพี่ฟร๊องก์ และก็รู้ว่าผมเป็นน้องพี่โดนัท แล้วบังเอิญว่าตอนนั้นผมเองก็เคยเห็นรูปพี่จากโทรศัพท์และเฟซบุ๊กของพี่โดนัทและเคยเจอพี่ผ่านๆ แล้วเกิดสนใจพี่ขึ้นมา จึงไปปรึกษาพี่โดนัทดูแล้วบังเอิญพี่เก็ทมาได้ยิน มันเลยเข้าทางเขาพอดี เขาดึงตัวผมเข้ามาเป็นหมากในเกมของเขา ตอนแรกผมก็คิดว่าพี่เขาจะช่วยเป็นพ่อสื่อให้ผมจริงๆ เพราะพี่เก็ทคอยแนะนำผมหลายต่อหลายอย่างให้ผมเข้าหาพี่ หมั่นคุยกับพี่ แต่พี่รู้อะไรไหม พอผมได้ทำความรู้จักพี่มากขึ้น ผมก็รู้สึกว่าผมหลงรักพี่เข้าแล้วจริงๆ ผมหลงรักความน่ารัก ความร่าเริงของพี่ ผมหลงรักในดวงตากลมโตดวงนี้ แต่... ก็เป็นผมเองที่ทำลายความรู้สึกดีๆ เหล่านั้น”

   “ไม่จริงใช่ไหมเก็ท มันไม่จริงใช่ไหม!” ผมถามเก็ทเสียงดังกอปรกับเข้าไปเขย่าตัวเก็ทอย่างรุนแรงโดยไม่สนว่าตัวผมเองจะสั่นคลอนแรงไปด้วยแค่ไหน

   “เก็ทเป็นคนดึงทาร์ตเข้ามาในชีวิตฟร๊องก์เอง...” เก็ทตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่ง ดึงให้ผมหยุดการกระทำทุกอย่าง ทำได้เพียงแค่กำแขนเสื้อทั้งสองข้างของเก็ทไว้แน่นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาแบบนั้น

   “... แล้วเรื่อง ฮึก... ที่ทาร์ต... วางยาฟร๊องก์ เก็ทก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า” ผมถามออกไปอย่างยากลำบากด้วยเสียงที่แหบแห้งราวกับไม่ได้ดื่มน้ำมาแรมปี แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ให้ทุกอย่างมันกระจ่างไปเลย

   “ฟร๊องก์...”

   “มันคงเป็นแผนของเก็ทด้วยสินะ” ผมพูดอย่างผิดหวังและเจ็บปวด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ช่วยเหลือผมมาตลอดคนนี้จะทำร้ายผมได้อย่างเลือดเย็น

   “มันไม่เกี่ยวกับพี่เก็ทหรอกครับ...” เสียงทาร์ตดังขึ้นขัดความคิดของผมก่อนที่มันจะถลำไปไกลกว่านี้เสียก่อน

   “จริงๆ แล้วพี่เก็ทแค่แนะนำให้ผมใช้โอกาสวันเกิดผมนี้ทำให้พี่รู้สึกดีและเปิดใจกับผมมากขึ้น แต่มันเป็นเพราะความเลวในตัวผมเองที่อยากใกล้ชิดพี่เร็วๆ และอยากได้พี่จนหน้ามืด จนใช้วิธีที่ทำร้ายทั้งร่างกายและความรู้สึกของพี่อย่างไม่เหลือชิ้นดี เรื่องนี้ผมขอรับผิดไว้เองคนเดียว มันเป็นแผนของผมเองคนเดียว พี่เก็ทไม่ผิดหรอก แล้วที่สำคัญพี่ฟร๊องก์อย่าโกรธ อย่าเกลียดพี่โดนัทเลยนะ ผมขอร้องให้เขาช่วยเหลือผมเอง แม้ตอนแรกเขาจะไม่เห็นด้วยแต่เพราะผมคะยั้นคะยอ คนเป็นพี่ก็ย่อมจะช่วยเหลือน้องอยู่แล้ว”

   “กูไม่แก้ตัวนะที่กูช่วยน้องแม้จะรู้ว่ามันผิด และกูก็ไม่กล้าขอให้มึงให้อภัยกู แต่ที่น้องกูพูดมันคือความจริง เก็ทเป็นคนดึงทาร์ตให้มารู้จักกับมึงเอง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันเกิดทาร์ตมันเป็นสิ่งที่กูสองคนทำให้มันเกิดขึ้นเอง กูเคยคิดนะว่าจะโยนความผิดนี้ให้เก็ท แต่สุดท้ายมันได้อะไรล่ะ ในเมื่อความรู้สึกมึงมันก็เสียไปแล้ว แค่นี้พวกกูก็ทำกับมึงมากเกินอภัยแล้ว” โดนัทพูดเสริมเสียงสั่น

   “ขอโทษที่ตอนนั้นไม่ได้ไปช่วย... เพราะเก็ทเองก็ไม่คิดว่าทาร์ตมันจะกล้าทำเรื่องเลวๆ แบบนี้” เก็ทพูดอย่างสำนึกผิด แต่นั่นก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้นหน่อยที่อย่างน้อยเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับทาร์ตก็ไม่ใช่เพราะฝีมือเก็ท

   “วันนั้นเราบอกให้ปาร์คไปช่วยฟร๊องก์ไว้เอง จริงๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดี แต่เราแค่บอกปาร์คว่าวันนั้นมีปาร์ตี้วันเกิดของทาร์ตและฟร๊องก์ไปด้วย อีกอย่างเราได้ยินเก็ทคุยโทรศัพท์กับน้องคนนี้ด้วย ปาร์คจึงแอบตามไปดูลาดเลาใกล้ๆ ร้านตั้งแรก พอเห็นทาร์ตพาฟร๊องก์ขึ้นแท็กซี่ด้วยท่าทางไม่ค่อยดีของฟร๊องก์ ปาร์คเลยรีบตามไปแล้วช่วยฟร๊องก์เอาไว้” ชัญญ่าเสริมทัพ ที่ปาร์คเข้ามาช่วยผมไว้แม้จะสายไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกันสินะ ทำไมดูเหมือนชีวิตของผมถูกกำหนดไว้ด้วยคนอื่นตลอดเลย

   “ผมขอโทษนะครับ...” ทาร์ตพูดเสียงอ่อน “ที่วันนี้ผมมา ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ชัญญ่าเขาบอกว่าอยากให้เรื่องนี้มันจบด้วย ผมเองก็สงสารพี่และสำนึกผิดในสิ่งที่ผมทำ ผมเลยยอมทำตามแผนที่พี่ชัญญ่าเขาวางเอาไว้ เผื่อมันจะชดเชยสิ่งที่ผมทำได้บ้าง พี่คงพอได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับพี่เก็ทบนดาดฟ้าแล้ว”

   “ที่ทุกคนมาวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก เราเองก็ต้องขอโทษที่ทำให้ฟร๊องก์ตกใจและต้องมารับรู้เรื่องที่ทำให้เสียความรู้สึกแบบนี้ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่วันหนึ่งฟร๊องก์ก็ต้องรู้และเสียใจกับมันอยู่ดี เราติดต่อไปหาทาร์ตแบบที่น้องมันบอกเองแหละ และวางแผนให้ทาร์ตกับโดนัทมาหาเก็ทที่นี่เพื่อแสร้งทำเป็นปรับความเข้าใจและขอร้องให้เก็ทช่วยพูดกับฟร๊องก์อีกแรงให้ยกโทษให้ ที่เราเลือกวันนี้เพราะเราคิดว่ามันพร้อมสุดแล้ว ฟร๊องก์บอกเราเองว่าวันนี้จะมาติวหนังสือกับเก็ท และเราก็พอเดาได้ว่าเก็ทจะพามาติวที่นี่ จึงวางแผนนี้ขึ้นมา” 

   “เซอร์ไพรส์ไหมล่ะเก็ท จริงๆ ฉันใช้เวลาสืบเรื่องของเธอมาพักใหญ่แล้วแหละ ถึงจะช้าไปหน่อย แต่มันก็เนียนพอที่จะทำให้เธอไม่สงสัยและไม่ทันระวังตัว ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนฉลาด แต่เธอก็รู้จักฉันดีไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นเราคงคบกันไม่ได้จริงไหม” ชัญญ่าไขข้อสงสัยให้กระจ่างว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้และ ณ ตอนนี้มันผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี คงมีเพียงผม... และเก็ทที่ไม่รู้

   “มีเรื่องอะไรที่เราจะต้องรู้อีกไหม” ผมถามเสียงเย็นกอปรกับหันมองเข้าไปยังนัยน์ตาของเก็ทอย่างคาดคั้น พยายามหาว่าเขามีเรื่องอะไรที่ปิดบังผมอยู่อีกหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมได้กลับมีแต่ความว่างเปล่าเจือความเศร้าในดวงตานั้น

   “ที่เก็ทต้องแอบคุยกับโดนัทแล้วก็ทาร์ตก็เพราะแบบนี้แหละ เก็ทแค่ไม่อยากให้ฟร๊องก์รู้ว่าเรื่องของทาร์ตที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกมันเกิดขึ้นจากตัวเก็ท” เก็ทเอ่ยเสียงเรียบตามสไตล์ แต่น้ำเสียงกลับไม่หนักแน่นเท่าครั้งไหนๆ

   “...” ผมไม่ได้ตอบรับอะไร เพียงแต่รอการอธิบายจากเจ้าตัวต่อ

   “เก็ทแค่อยากให้ฟร๊องก์ได้ลองเปิดใจกับคนอื่นบ้าง แทนที่จะมาจมอยู่กับความเจ็บปวด ความทุกข์จากคนๆ เดียวที่ฟร๊องก์ไม่เคยได้รับความรักกลับมาเลย”

   “มึงเลยคิดแผนหมาๆ นี่ขึ้นมาล่ะเหรอ ไอ้สัด! ตลกสิ้นดี!” ปาร์คที่ยืนนิ่งอยู่ถึงกับสบถด่าทออย่างหยาบคายพร้อมพยายามพุ่งตัวเข้าไปหาเก็ท แต่ก็ถูกชัญญ่าห้ามเอาไว้ก่อน เพื่อให้ผมได้ฟังเหตุผลจากปากเก็ท “กูรักฟร๊องก์ รู้เอาไว้ด้วย!”

   “หึ! สิ่งที่มึงทำกับฟร๊องก์ มึงกล้าเรียกว่ารักงั้นเหรอ! ถ้ามึงรักฟร๊องก์จริง ทำไมมึงทำให้ฟร๊องก์ต้องรอมาตั้งหลายปีล่ะ แค่นั้นยังไม่พอ มึงยังทำร้ายคนที่มึงบอกว่ารักอีกด้วยซ้ำ มันไม่ใช่เพราะความไม่แน่ใจ ความกลัวและเห็นแก่ตัวของมึงมากกว่าเหรอ มึงถึงไม่ยอมคบกับฟร๊องก์ แต่ก็ไม่ยอมให้ฟร๊องก์ไปไหน” เก็ทหันไปพูดกับฟร๊องก์ด้วยเสียงเยาะเย้ย แต่นั่นก็กรีดใจผมได้ไม่แพ้กัน เพราะความจริงมันก็เป็นอย่างที่เก็ทพูดจริงๆ

   “มึงมันจะไปรู้อะไร!” ปาร์คตะเบ็งเสียงดังอย่างไม่ยอมลดละ

   “หึ! อย่างน้อยกูก็รู้ใจตัวเองมากกว่ามึง” เก็ทตอบกลับด้วยใบหน้าเยาะเย้ย 

   “ฟร๊องก์ขอฟังเหตุผลของเก็ทก่อนได้ไหมว่าที่ทำแบบนี้เพราะอะไร” ผมพูดนิ่งๆ เพื่อยุติความเดือดพล่านของคนทั้งคู่ โดยพยายามกดก้อนสะอึกไว้ในลำคอ

   “ตั้งแต่เก็ทรู้จักฟร๊องก์มา มีคนพยายามเข้ามาในชีวิตฟร๊องก์ตั้งแต่ แต่ฟร๊องก์ไม่เคยหันไปมองรอบๆ ตัวเลย ไม่เคยสนใจคนเหล่านั้นเลย เพราะใจฟร๊องก์มัวแต่ติดอยู่กับไอ้หมอนี่ หวังแค่ว่ามันจะหันมาสนใจบ้าง แล้วมีสักครั้งไหมที่มันเคยสนใจ ฟร๊องก์จำได้ไหมว่าตัวเองเป็นทุกข์เพราะมันกี่ครั้ง เคยร้องไห้กับเก็ทกี่รอบ เก็ทก็แค่อยากให้มีใครสักคนเขามาทำให้ฟร๊องก์มีความสุขบ้าง บางทีฟร๊องก์อาจจะได้รู้ใจตัวเองมากกว่าแต่ก่อน แต่เก็ทก็ต้องขอโทษที่คนที่เก็ทดึงเข้ามาในชีวิตฟร๊องก์จะคิดทำร้ายฟร๊องก์ไปด้วยอีกคน”

   “...” ผมทำได้เพียงแค่รับฟังเหตุผลนั้นนิ่งๆ เพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ถามว่าผมรู้สึกดีไหมกับสิ่งที่เก็ททำ บอกเลยว่าไม่เลยแม้แต่น้อย จะโกรธก็โกรธ อีกใจผมก็ทำให้เก็ทรู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ต้องมารับรู้เรื่องของผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ชอบอยู่ดีกับการมาบงการให้ชีวิตผมต้องไปทางนั้นหรือทางนี้

   “เก็ทรู้ว่าเก็ทอาจจะทำไปโดยไม่ปรึกษาฟร๊องก์ก่อน หรือไม่เห็นความรู้สึกฟร๊องก์ แต่ที่ทำก็เพราะเป็นห่วง...”

   “แล้วเก็ทเคยถามฟร๊องก์สักคำไหมว่าฟร๊องก์ต้องการหรือเปล่า!”

   “มันไม่ใช่แค่เป็นห่วงหรอกมั้ง ทำไมไม่บอกฟร๊องก์ไปล่ะว่าจริงๆ แล้วเธอรู้สึกยังไงกับฟร๊องก์กันแน่ ที่เธอวางแผนเพื่อให้ฟร๊องก์สนใจคนอื่นบ้าง หรืออยากให้ฟร๊องก์สนใจตัวเธอบ้างกันแน่”

   “หมายความว่า...” แม้ผมจะสับสนกับสิ่งที่ได้รับรู้ แต่สิ่งที่ชัญญ่าพูด ผมกลับเข้าใจมันได้

   “ขอโทษ...” เก็ทไม่ตอบอะไร เพียงแค่เอ่ยขอโทษอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปเก็บหนังสือและเหล่าเครื่องเขียนของผมเก็บใส่กระเป๋า “เก็บของเถอะ เดี๋ยวเก็ทไปส่งที่หอ วันนี้เหนื่อยมากแล้ว กลับไปเตรียมตัวเรื่องสอบดีกว่า เรื่องพวกนี้อย่าเก็บมาคิดให้มันรกสมอง เก็ทขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย”

   “ไม่คิดจะบอกฟร๊องก์เรื่องที่เกี่ยวกับปาร์คด้วยหรือไง...”


à suivre...


อุ๊ปส์!!! ขอโทษนะ ที่เก็ทเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจนได้ 555+
หลายคนคงสงสัยความรู้สึกที่เก็ทมีให้กับฟร๊องก์ใช่ไหมล่ะ
แต่มันก็จะเป็นข้อสงสัยต่อไป เราไม่ขอบอกแล้วกันว่าเก็ทรู้สึกยังไงกันแน่ แล้วแต่ว่าใครอ่านแล้วจะเข้าใจว่าเก็ทรู้สึกอย่างไร

ตัวละครทาร์ต จริงๆ แล้วเป็นตัวละครที่ดีนะ แต่คนเรามักจะมีความโลภ ความอยากได้อยากมีอยู่ในตัว
ดังนั้นเมื่อเห็นโอกาสอะไรที่เราพอจะเอื้อมถึง ความโลภอาจดึงให้เราทำอะไรที่ไม่คาดคิดได้
แต่เจ้าตัวก็แมนพอที่จะยืดอกรับความผิดที่ทำไว้ โดยที่ไม่ใช้โอกาสนี้โยนความผิดให้เก็ทอีก ทั้งที่ถ้าจะทำจริงๆ ก็ทำได้

เราน้อมรับทุกๆ ความเห็นนะ ผลงานของเราอาจจะไม่ได้ถูกใจทุกคน แต่เราก็ตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่
เก็บทุกๆ ความเห็นนำมาปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ แต่สุดท้ายเส้นเรื่องที่วางไว้ก็ยังคงต้องเป็นไปตามนั้น 555+
ขอบคุณทุกคนนะฮะ

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด