from PAST to FUTURE... อดีตเพื่อน อนาคต... หล่ะ? L’épilogue 3 [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: from PAST to FUTURE... อดีตเพื่อน อนาคต... หล่ะ? L’épilogue 3 [จบแล้ว]  (อ่าน 35718 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ฮ่าฮ่า เจอไปขนาดนั้นยังจะลองใจสุดที่รักอีกเหรอ
ที่ผ่านมา..เละเทะซะขนาดนั้น ยังไม่รู้อะไรเลย จริงดิ
กร๊ากกกกกกกกก

เอาตามที่สบายใจเลยฟร๊องก์
รักเค้ามากมายขนาดนี้ จะยังไงก็จะยังรักอยู่เหมือนเดิม

จะลองใจให้มันได้อะไรล่ะ
ความมั่นใจ..เหรอ


หราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หุหุ

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 53 [25/11/2017]
«ตอบ #241 เมื่อ25-11-2017 19:29:30 »

Chapitre 53

   กว่าที่พี่หมากจะฝ่ารถติดจากร้านอาหารที่เราไปทานด้วยกันมาส่งผมที่หอได้ ก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม สิ่งที่ผมคุยกับพี่หมากที่ร้าน พี่หมากเข้าใจได้เป็นอย่างดี ผมรู้สึกดีนะที่อย่างน้อยพี่เขาก็ไม่โกรธหรือรู้สึกแย่กับผมไปหลังจากที่ผมปฏิเสธความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้ แม้จะรู้ดีว่าเขาก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย

   “ฟรีองก์แน่ใจนะว่าจะให้พี่ทำแบบนั้นจริงๆ” พี่หมากเอ่ยถามเพื่อความชัวร์อีกครั้งกับสิ่งที่ผมขอความช่วยเหลือ

   “แน่ใจครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป”
 
   “ไม่กลัวพี่จะยิ่งรุกเราหนักขึ้นเหรอ” พี่หมากพูดขำๆ เป็นเชิงทีเล่นทีจริง

   “ถ้าพี่ทำให้ฟร๊องก์ใจอ่อนมาหาพี่ได้อ่ะนะ งั้นฟร๊องก์ไปก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ แล้วก็ขอบคุณ... ที่เข้าใจและไม่โกรธฟร๊องก์” 

   “ก็อยากโกรธอยู่หรอก แต่มันโกรธไม่ลง เดี๋ยวพี่ลงไปส่งนะ”

   แล้วพี่หมากก็เดินมาส่งผมที่หน้าประตูหอ เอาจริงๆ ระยะทางรถเขาจอดจนถึงบันได้ขึ้นตึกที่เป็นหอพักของผมมันไม่ได้ไกลอะไรเลย ไม่จำเป็นต้องลงมาส่งด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเจ้าตัวอยากลงจากรถมาส่ง ผมก็ไม่ขัดศรัทธา

   “ฟร๊องก์!” เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงทุ้มเข้มจากคนที่ผมไม่ได้รับสายเมื่อหัวค่ำทำให้ผมหันกลับไปมองตามเสียงเรียงนั้นด้วยความตกใจ

   “ปาร์ค!” ผมหันไปมองคนร่างสูงที่กำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยคำถามที่ดูห่างเหิน “มีธุระอะไรหรือเปล่า” 

   “ปาร์คจะโทรบอกว่ามาหา ปาร์คเป็นห่วง ยังเจ็บแผลอยู่ไหม” เมื่อปาร์คเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ก็ทำให้ผมเห็นใบหน้าเขาได้ชัดมากขึ้น รอยช้ำตามจุดต่างๆ เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่มันก็ยังคงมีรอยม่วงๆ ที่เป็นที่น่าสังเกตอยู่ ส่วนแขนที่โดนมีดบาดก็ไม่จำเป็นต้องใช้ที่พยุงแขนช่วยแล้ว

   “พี่เริ่มเลยนะ” พี่หมากก้มลงมากระซิบข้างหูของผม ก่อนที่วงแขนนั้นจะวาดมากโอบผมก่อนจะออกแรงดึงตัวผมเบาๆ ให้เข้าไปใกล้เขา “มีธุระอะไรกับฟร๊องก์หรือเปล่าครับ”

   “ไม่เกี่ยวกับคุณ แล้วก็ปล่อยฟร๊องก์ด้วย!” น้ำเสียงของปาร์คเปลี่ยนไปทันที

   “แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งครับ เป็นอะไรกับฟร๊องก์ไม่ทราบ” พี่หมากตอบกลับอย่างกวนประสาท เป็นมุมที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน

   “กูเป็นแฟนฟร๊องก์ มึงนั่นล่ะเป็นใคร มายุ่งอะไรกับแฟนกู!” ปาร์คว่าเสียงดังพร้อมกับอารมณ์ที่เดือดดาลขึ้นตามลำดับ

   “หึหึ ถามเจ้าตัวเขาหรือยัง หรือเอาแต่คิดไปเอง บอกเขาไปสิฟร๊องก์ว่าวันนี้ฟร๊องก์ตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่แล้ว เผื่อเขาจะรู้ตัวว่าฟร๊องก์เป็นแฟนใครกันแน่” พี่หมากแสยะยิ้มอย่างมีชัย พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ถือไพ่เหนือกว่า

   “หมายความยังไง!” เสียงกระด้างของปาร์คดังขึ้นด้วยความไม่พอใจ พลางจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่เจ็บปวดอย่างต้องการคำอธิบาย

   “...” ผมไม่ตอบอะไร ใช่ครับ อย่างที่พี่หมากบอก ตอนที่อยู่ที่ร้านอาหารพี่หมากขอโอกาสได้ดูแลหัวใจของผม อาจจะเพราะสิ่งที่ผม ‘ขอ’ พี่หมากถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ แม้จะรู้ว่าในอนาคตผมอาจจะเปลี่ยนใจหรือไม่ก็ตาม

   “ฟร๊องก์! ตอบปาร์คมาสิว่าที่มันพูดไม่ใช่เรื่องจริง!” เสียงปาร์คเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง สายตาที่เจ็บปวดฉายแววชัดเจนมากขึ้น ร่างสูงโปร่งขบฟันแน่นจนแนวกรามขึ้นเป็นสันชัดเจน มือทั้งสองกำแน่นจนผมกลัวว่ามันจะส่งผลให้ปากแผลเปิด

   “ผมว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะ”

   “อย่าเสือก! กูจะฟังจากปากของฟร๊องก์คนเดียว! แค่ฟร๊องก์คนเดียวที่กูจะเชื่อ...” ปาร์คบริภาษอย่างเดือดดาล แต่ท้ายประโยคกลับแผ่วเบา

   “น้องฟร๊องก์บอก ‘เพื่อน’ น้องไปสิครับว่าเราเป็นอะไรกัน” ผมหันไปมองคนที่กำลังโอบไหล่ผมอยู่ด้วยสีหน้าปั้นลำบาก ผมคิดว่าถ้าผมตอบตกลงว่าจะเปิดใจให้พี่หมากแล้วมันจะทำให้ผมตัดใจจากปาร์คได้เร็วขึ้น แต่เอาจริงๆ ทำไมมันถึงยากเหลือเกินที่จะบอกความจริงกับคนตรงหน้า

   “...” ปาร์คเบนสายตาดุดันที่มองพี่หมากเมื่อครู่มามองผมอย่างตำหนิ แต่แววตากลับสั่นไหวจนสังเกตได้

   “ปาร์ค... มีธุระอะไรกับฟร๊องก์หรือเปล่า” ผมเปลี่ยนเรื่องเพื่อเลี่ยงการตอบคำถาม

   “ธุระของปาร์คไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ปาร์คอยากรู้จากฟร๊องก์ตอนนี้หรอก! บอกปาร์คมาสิฟร๊องก์! บอกทีว่าปาร์คยังมีโอกาสอยู่ใช่ไหม” แต่กลับไม่เป็นผล เมื่อปาร์คยังคงดื้อดึงจะเอาคำตอบกับผมเสียให้ได้

    “ถ้าปาร์คไม่มีธุระอะไร ก็กลับไปเถอะ ฟร๊องก์จะขึ้นห้องแล้ว”

   “ปาร์คจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าฟร๊องก์จะบอกปาร์คว่าที่ไอ้หมอนี่พูดมันไม่ใช่ความจริง!” เสียงปาร์คเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มหันมามองเป็นระยะ รวมทั้งยามของหอพักด้วย

   “พี่ว่าเพื่อนฟร๊องก์คงพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ ฟร๊องก์ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปส่ง” พี่หมากพูดอย่างใจเย็น พลางโอบไหล่ผมแน่นขึ้น พร้อมพยายามออกแรงรั้งให้ผมเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร

   “กูไม่ให้มึงขึ้นไปห้องฟร๊องก์หรอก ไอ้เวร!”

   ผลั๊วะ!

   ยังไม่ทันที่ผมกับพี่หมากจะได้หันหลังกลับ ปาร์คก็พุ่งเข้ามากระชากตัวผมออกจากวงแขนของพี่หมากทันที จนผมเหวี่ยงกระเด็นไปด้านหลังจากปาร์ค ก่อนที่เจ้าตัวจะปล่อยกำปั้นหนักกระแทกเข้าที่ใบหน้าคมของพี่หมากอย่างรุนแรง

   “ไอ้เหี้ย!”

   ผลั๊วะ!

   แค่เพียงเสี้ยวนาทีพี่หมากที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบในตอนแรกก็หันกลับมาปล่อยหมัดที่หนักไม่แพ้กันเข้าที่ใบหน้าของปาร์คเช่นกัน และมันก็กลายเป็นการซ้ำรอยเก่าที่ยังไม่หายดีของปาร์คให้ช้ำหนักมากขึ้น

   “แม่งเอ๊ย!”

   พลั่ก!

   ปาร์คที่หันกลับมาสวนอีกครั้งถึงกลับหยุดชะงัก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เมื่อเห็นว่าหมัดที่ปล่อยกลับมาเพื่อสวนคู่ต่อสู้อย่างเต็มแรงนั้นปะทะเข้ากับใบหน้าของผมจนผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวและสัมผัสของเลือดที่ไหลซึมออกมาจากรูจมูกข้างหนึ่ง

   ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใบหน้า เจ็บจนมันชา จนแทบไม่รู้สึกอะไร แต่น่าแปลกที่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่นี้ของผมแม้แต่หยดเดียว

   “ฟร๊องก์!/ฟะ... ฟร๊องก์...” ทั้งพี่หมากและปาร์คต่างเรียกชื่อผมขึ้นมาด้วยความตกใจ

   “จะหยุดบ้าได้หรือยัง...” ผมค่อยๆ หันกลับมามองเจ้าของกำปั้นนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ค่อยๆ ยกขึ้นมาเช็ดเลือดที่ยังคงไหลออกมาจากจมูกไม่หยุดอย่างเชื่องช้าโดยไม่เป็นเดือดเป็นร้อน

   “ปาร์ค... ไม่ได้ตั้งใจ” ปาร์คพูดเสียงอ่อนด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะรอยช้ำที่เกิดจากน้ำมือของตัวเองอย่างแผ่วเบา “เจ็บไหม ปาร์คขอโทษ... ปาร์คไม่ได้ตั้งใจทำร้ายฟร๊องก์”

   “สะใจปาร์คแล้วหรือยัง พอใจไหม ถ้าพอใจแล้วก็ปล่อยฟร๊องก์ไปสักที”

   “ฟะ... ฟร๊องก์...” มือที่แตะตรงรอยช้ำนั้นสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ผมมองร่างสูงด้วยสีหน้าเย็นชาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่แวบหนึ่งกลับต้องสั่นไหว เมื่อเห็นรอยเลือดบริเวณต้นแขนที่ซึมออกมาจากบาดแผลที่เริ่มปริแตก

   “คำตอบที่ปาร์คต้องการ คงชัดเจนมากพอแล้วนะ” ผมตั้งใจเอาตัวเองเข้าไปปกป้องพี่หมาก ไม่ใช่เพราะจะบอกให้ปาร์ครู้ว่าผมเลือกใคร แต่เพราะผมอยากให้ปาร์ครู้ว่าทุกครั้งที่ปาร์คตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะเหมือนเดิมทุกครั้ง นั่นคือ

   ปาร์คเป็นคนทำร้ายผมด้วยตัวเขาเอง...

   “ปาร์ค...” แววตาของปาร์คที่มองผมช่างสั่นไหวไม่ต่างจากสัมผัสแผ่วเบานั้น น้ำใสๆ ค่อยๆ หยดลงมาจากดวงตาหม่นหมองนั้นโดยไม่เหลือความอาย

   “เนี่ยเหรอ คนที่ฟร๊องก์รักนักรักหนา เสียดายความรักที่ฟร๊องก์มีให้มึงว่ะ!” พี่หมากคว้าตัวผมออกห่างจากปาร์คราวกับกลัวว่าผมจะต้องแปดเปื้อนเพราะคนตรงหน้าก็ไม่ปาน “ถ้าฟร๊องก์แบ่งความรักที่มีให้กับมึงมาให้กูบ้าง กูจะไม่ทำให้ฟร๊องก์ต้องมานั่งเสียใจแบบมึงเลย!”

   “แต่มึงก็ได้ฟร๊องก์ไปแล้วไง! ฟร๊องก์เลือกมึงแล้วไง!!” ปาร์คจ้องพี่หมากตาเขียว พร้อมทำท่าจะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง แม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะเอ่อล้นด้วยน้ำตาอยู่ก็ตาม และถึงน้ำเสียงจะดูแข็งกร้าวเพียงใด แต่มันกลับรู้สึกได้ถึงการประชดประชันและความน้อยใจอยู่ไม่น้อย

   “ฟร๊องก์ไม่ได้เลือกใครทั้งนั้น! ฟร๊องก์เป็นคนขอให้พี่หมากช่วยเอง ช่วยเข้ามาทำให้ฟร๊องก์ลืมปาร์คได้สักที ช่วยพาหัวใจฟร๊องก์ให้หลุดพ้นจากปาร์คสักที!”

   “คะ... คืออะไร...”

   “กูจะช่วยอธิบายให้มึงฉลาดขึ้นเอง” พี่หมากกระตุกยิ้มหยามอย่างไม่ไว้หน้า “ตั้งแต่วันที่กูเห็นมึงอยู่กับฟริองก์ที่โรงพยาบาล แววตาและท่าทางของฟร๊องก์แสดงออกชัดเจนขนาดนั้นแล้วว่าใจฟร๊องก์อยู่ที่ใคร แต่มึงก็ยังไม่รู้ตัว ยังมัวแต่ระแวง ไม่ไว้ใจ และไม่แม้แต่จะเชื่อใจฟร๊องก์เลยด้วยซ้ำ มึงเอาแต่ขู่คนนั้นคนนี้ที่เข้ามาใกล้ฟร๊องก์เหมือนเป็นหมาบ้า โดยไม่เคยดูเลยว่าจริงๆ แล้วฟร๊องก์ไม่เคยเลือกใครเลยนอกจากมึง”

   “...” คิ้วของปาร์คขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่พี่หมากจะพูดต่อ

   “แล้ววันนี้ฟร๊องก์ก็ยังคงปฏิเสธกูอีก และแม้ว่าต่อให้กูจะดีกว่านี้อีกแค่ไหน ฟร๊องก์ก็ยังคงปฏิเสธกูอยู่ดี เพราะอะไรมึงคงไม่ต้องถาม ฟร๊องก์น่ะ เป็นคนขอร้องให้กูช่วยแสดงออกเหมือนเราตกลงว่าเป็นแฟนกันแล้วเองแหละ กูเจ็บแต่กูก็เต็มใจที่จะช่วยคนที่กูรัก ถ้ามันจะพิสูจน์ของระหว่างฟร๊องก์กับมึงได้ และมันจะทำให้ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจฟร๊องก์จางลง กูก็ยอม”

   “...”

   “ถึงฟร๊องก์ไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับมึงให้กูรู้เลยก็ตาม แต่ความกังวลที่ฟร๊องก์มี บวกกับสิ่งที่กูได้เห็นมึงตอนนี้ กูก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไม แม้ว่าในใจฟร๊องก์จะมีแค่มึง แต่ทำไมฟร๊องก์กลับกลัวที่จะรักกับมึง มันเป็นเพราะมึงไม่เคยทำให้ฟร๊องก์มั่นใจได้เลยว่าความที่มีให้มันจะไปรอด แต่แม้แต่ความเชื่อใจ มึงยังไม่เคยมีให้ฟร๊องก์เลย”

   พี่หมากพูดราวกับว่ามานั่งอยู่ในใจของผม เมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อนที่ร้านอาหารนั้น ผมเป็นคนขอให้พี่หมากช่วยแสดงเหมือนเรากำลังคบกัน แม้ว่ามันจะดูใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับคนที่ผมเพิ่งบอกปฏิเสธไป แต่ก็ถือว่าโชคดีที่พี่หมากยินดีที่จะช่วย โดยไม่แม้แต่จะถามเหตุผลว่าเพราะอะไร

   ความคิดดังกล่าวมันผุดเข้ามาในตอนที่ผมเหลือบไปเห็นข้อความจากไลน์ที่ปาร์คส่งมาว่ามารอผมอยู่ที่หอ ถึงจะไม่แน่ใจว่าปาร์คจะยังคงรออยู่ไหม แต่มันก็น่าเสี่ยงที่จะพิสูจน์ว่าผมควรละทิ้งจากอดีตที่เลวร้ายมาเชื่อใจปาร์คอีกครั้งหรือเปล่า หรืออย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าปาร์ครู้สึกอย่างไรกับผมกันแน่

   ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ คือปาร์คยังคงรออยู่ แต่มันต่างไปจากที่ผมคิดก็คือ นอกจากการไม่ได้เห็นความพยายามที่ปาร์คจะแข่งกับพี่หมากอย่างยุติธรรมแล้ว ปาร์คกลับฉุดให้ความรู้สึกของผมกลับไปจมกับอดีตที่เจ็บปวดเช่นเดิม

   นั่นคือปาร์คไม่เคยเชื่อในความรู้สึกที่ผมมีให้เลย...

   “มะ... มันไม่จริงใช่ไหมฟร๊องก์” 

   “หึ! ความรู้สึกเวลาที่โดนหักหลังบ้างมันเป็นยังไงล่ะปาร์ค มันเจ็บดีไหมล่ะ แต่มันอาจจะยังน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับสิ่งที่ฟร๊องก์เคยรู้สึกมา” ทั้งที่ผมพยายามจะไม่ร้องไห้มากเพียงใด แต่สุดท้ายทำนบน้ำตาที่พยายามกั้นไว้ก็แตกออกมาจนได้

   “ทำไมกันฟร๊องก์ ทำแบบนี้ทำไมกัน” น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อของปาร์คกำลังต่อว่าผมด้วยความเจ็บปวด

   “ถามตัวปาร์คเองดีกว่าว่าทำไม ฟร๊องก์ไม่ได้อยากให้เรื่องมันบานปลายแบบนี้หรอกปาร์ค ฟร๊องก์แค่อยากให้ปาร์คแสดงสปิริตให้ฟร๊องก์เห็นเหมือนที่พี่หมากทำให้ฟร๊องก์เห็น แต่ปาร์คก็กลับเลือกจะทำในแบบเดิม ซึ่งมันคงเป็นสิ่งที่ปาร์คคุ้นเคยสินะ แล้วจะให้ฟร๊องก์เชื่อได้ยังไงว่าต่อไปปาร์คจะไม่ทำร้ายฟร๊องก์อีก”

   “ปาร์ค... ปาร์คแค่... หึงฟร๊องก์ ปาร์คไม่ได้ตั้งใจ”

   “กลับไปเถอะปาร์ค เรื่องระหว่างเรามันคงเป็นไปไม่ได้หรอก จะให้กลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิมยังยากเลย ฟร๊องก์เจ็บ เจ็บมาจนถึงตอนนี้! มันเจ็บจนฟร๊องก์ไม่กล้าจะรักใครอีกแล้ว เพราะความรักที่ฟร๊องก์ได้รู้จักและสัมผัส มันทำให้ฟร๊องก์เจ็บเจียนตาย ฟร๊องก์ไม่พร้อมสำหรับใครทั้งนั้นล่ะ ไม่ใช่ทั้งกับพี่หมาก หรือกับใคร แม้แต่กับปาร์ค...”

   “ปาร์คขอโทษ แต่ปาร์คจะไม่ยอมแพ้หรอกที่จะทำให้ความรักของฟร๊องก์... กับปาร์คกลับมาสวยงามอีกครั้ง” ปาร์คว่าก่อนจะเดินจากไป

   รถของปาร์คขับออกไปได้เพียงไม่นาน ผมที่เหมือนจะเข้มแข็งในตอนแรกก็ถึงกับทรุดลงกับพื้น ดีที่พี่หมากคว้าตัวไว้ได้ทัน ก่อนจะค่อยๆ พยุงผมเข้าไปในตึกและกดลิฟต์ไปยังห้องด้านบน

   “พี่คงไม่ถามอะไรฟร๊องก์หรอกนะ แม้ว่าจะมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวพี่แค่ไหนก็ตาม” เมื่อพี่หมากพาผมขึ้นมาส่งจนถึงห้อง ก็จัดแจงหาน้ำทาให้ผมดื่มเพื่อลดความกังวลและความเครียดที่มีลง เราทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่บนเตียงร่วมสิบนาที ก่อนที่พี่หมากจะพูดเพื่อทำลายบรรยากาศอันเงียบงันลง

   “ฟร๊องก์ทำถูกแล้วใช่ไหม ที่ฟร๊องก์ทำไปมันดีแล้วใช่ไหมพี่หมาก” มันเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้วใช่ไหม ช่วยตอบผมที
   
   “มันคงไม่ได้ดีที่สุดหรอก เพราะถ้ามันดีที่สุดฟร๊องก์คงไม่ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฟร๊องก์ได้รู้ผลลัพธ์ในแบบที่ฟร๊องก์ต้องการไม่ใช่เหรอ” นั่นสินะ คำตอบที่ผมอยากรู้นักหนาว่าปาร์คจะรู้สึกอย่างไรกับผม ผมควรจะดีใจไหมที่ได้เห็นปาร์คหึงหวงแบบนี้ ผมมัวแต่อยากที่จะรู้นั่นนี่ จนลืมนึกไปว่าทุกคำตอบมันทำร้ายตัวผมเอง

   “ฟร๊องก์... ขอโทษพี่หมากด้วยนะ ที่ดึงพี่หมากเข้ามาในเรื่องวุ่นวายนี้ แถมยังทำให้พี่หมากต้องเจ็บตัวอีก”

   “ไม่เป็นไรหรอก” พี่หมากยิ้มตอบจางๆ พลางส่ายหัวเบาๆ เพื่อยืนยันว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ “คนเราอ่ะ ถ้าไม่รู้จักทำใจหรือเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับอดีต ก็จะถูกอดีตกักขังไว้แบบนั้น และจะไม่มีวันหลุดพ้นจากมันได้เลย”

   “...”

   “พี่ไม่ได้พูดเพราะจะให้ฟร๊องก์ลองให้โอกาสพี่อีกครั้งหรอกนะ แต่พี่พูดเพื่อให้ฟร๊องก์ปล่อยวางเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น ไม่ว่าอดีตมันจะทำให้ฟร๊องก์มีความสุข หรืออดีตจะทำให้ฟร๊องก์เป็นทุกข์มากเพียงใด ฟร๊องก์ต้องปล่อยวางเพื่อให้ตัวเองก้าวต่อไปได้ เพราะเมื่อไหร่ที่ฟร๊องก์หลุดพ้นจากสิ่งที่เหนี่ยวรั้งฟร๊องก์อยู่ได้ เมื่อนั้นฟร๊องก์จะใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีกเลย”

   “ขอบคุณนะครับพี่หมาก ฟร๊องก์จะพยายาม...”

   “น้องพี่คนนี้เก่งอยู่แล้ว พี่เชื่อว่าสักวันฟร๊องก์จะเข้มแข็งได้อย่างแท้จริง” พี่หมากว่าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบศีรษะผมอย่างแผ่วเบา “พี่กลับแล้วนะ ไว้เจอกัน”

   ผมก็หวังว่าวันหนึ่งผมจะสามารถหลุดพ้นจากอดีตที่กักขังผมไว้ และก้าวเดินต่อไปได้...


à suivre...


ฮ่าๆ ลองใจจนสุดท้ายตัวเองก็เจ็บเองอีกครั้ง
ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็อย่า่งว่าแหละ ในใจฟร๊องก์ก็ยังหวังอ่ะเนอะ
สงสารก็แต่พี่หมากแหละ ตัวละครตัวนี้ดูมีด้านดีอย่างเดียวเลยจริงๆ 555+

เหลือแค่ไม่กี่ตอนแล้วจริงๆ นะฮะ ไม่เกินสิ้นปีนี้จบแน่นอน 555555
ขอโทษด้วยฮะที่มาช้าบ่อยมากๆ
รอบนี้ไข้รับประทานไปสามวันเลยฮะ เพราะอากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้

ยังไงก็จะมาลงตอนที่เหลือให้เร็วขึ้นนะฮะ
ขอบคุณที่ยังคงอ่านกันอยู่

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ลำบากลำบนไม่สนใจ
ตะเกียกตะกายสักเพียงใด
ก็ดีกว่าปล่อยเธอไปจากฉัน
ตกหลุมรักจริงจริง เพราะรักจริงจริง
..เธอคงไม่ว่ากัน..
ฮ่าฮ่า

ลงทุนเชียร์เลยนะ ตะเอง#ปาร์ค
 :jul3:

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :katai5: เพลียจิต (เรื่องมันไม่ไปไหนว่ายวนอยู่อย่างนี้นานเท่าไหร่
เรื่องเราไม่ไปไหน ก็จะให้ซ้ำให้ซ้ำให้ซ้ำใจจะจำไปหน่อยไหม) เพลงพี่ดา เอ็นโดรฟิน ลอยวนมาเลยทีเดียว

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น้ำตาเกือบไหลแหนะ แม่งเศร้าแต่แบบ ถ้าก่อนพี่หมากกลับฟร้องจูบพึ่หมากนะเด็ดเลย 55555

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... Chapitre 54 [12/12/2017]
«ตอบ #246 เมื่อ12-12-2017 19:25:05 »

Chapitre 54

   หลังจากวันนั้น ปาร์คก็หายไปจากชีวิตผม อาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้ว่าจริงๆ มันไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับผมมากกว่าความเป็นเพื่อนเลยหรืออาจเป็นเพราะสิ่งที่ผมทำลงไปมันร้ายแรงจนอีกฝ่ายรับไม่ไหว

   แต่มันก็ชัดเจนสำหรับผมเช่นกันที่จะได้เลือกจะตัดใจได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าผมกำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า เพราะยิ่งนานวันเข้า ผมกลับยิ่งรู้สึกทรมานกับการไม่มีปาร์คมากยิ่งขึ้น ทั้งที่เป็นเพราะผมเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากไล่

   ผ่านมานานที่ผมไม่ได้ติดต่อกับปาร์คเลย ผมหันไปทุ้มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ และเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านและจมอยู่กับความคิดของตัวเอง พี่หมากยังคงแวะเวียนมาให้ผมเจอ หรือชวนผมไปกินข้าวนั่นนี่อยู่เสมอ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่แสดงท่าทีเข้าหาเหมือนแต่ก่อนก็ตาม

   แต่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ในส่วนลึกของหัวใจผมยังคงเรียกหาปาร์คอยู่เสมอ แต่มันก็ได้แค่คิดในใจ ผมเป็นคนเลือกความสัมพันธ์แบบนี้เอง เลือกที่จะปฏิเสธทุกอย่างเอง แล้วจะมาเรียกร้องหาอะไรได้ จบแบบนี้คงดีที่สุดแล้ว ผมไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับปาร์คยังคงเหลืออยู่ไหม

   เวลาผ่านไปจากวันก็กลายเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์กลายเป็นเดือน จนมารู้ตัวอีกทีก็เข้าสู้ช่วงพักผ่อนของปิดเทอมใหญ่แล้ว ผมกับชัญญ่ายังคงติดต่อกันอยู่เสมอ และก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ และข่าวดีอีกอย่างที่เกิดขึ้นก็คือ เธอยอมกลับไปคบกับเก็ทอีกครั้ง ในวันเกิดของเธอหลังจากที่เก็ทขอคืนดีด้วยแหวนที่เคยให้ผมไปช่วยเลือกนั้น

   ผมมีแอบถามเรื่องของปาร์คจากชัญญ่าบ้าง เผื่อว่าชัญญ่าจะยังคงติดต่อกับปาร์ค แต่ก็ไม่ค่อยได้ข้อมูลอะไรสักเท่าไรเพราะเธอเองก็ไม่ได้คุยกับปาร์คเช่นกัน ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ปาร์คจะต้องคุยกับชัญญ่า หรือชัญญ่าจะต้องติดต่อไปหาปาร์ค ผมว่าระหว่างผมกับปาร์คคงมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วแหละ ปาร์คคงหมดความอดทนกับผมแล้ว และผมเองก็เป็นคนบอกเองว่าไม่พร้อมสำหรับใครทั้งนั้น จนถึงตอนนี้ผมก็พอจะปล่อยวางได้แล้วบ้างแล้วนะ แต่ก็แค่อยากรู้ความเคลื่อนไหวของปาร์คบ้าง แต่... ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ นะ

   “นี่ถ้าไม่ชวนออกมา ก็ไม่คิดจะออกไปไหนเลยใช่ไหม อยู่แต่บ้านไม่เบื่อมั้งหรือไง” ชัญญ่าที่กำลังคุยกับผมขณะที่ พวกเรากำลังนั่งกินข้าวเพื่อรอรอบหนังที่ซื้อตั๋วไว้ เก็ทที่นั่งอยู่ข้างๆ ชัญญ่าเองก็หัวเราะเยาะผมเช่นกัน ก็มันจะแปลกตรงไหนเมื่อคนไม่อยากจะไปไหนเลยนี่หว่า

   “ก็ไม่รู้จะไปไหนนิ ให้มาเดินห้างแบบนี้บ่อยๆ เข้าก็เบื่อ หนังก็ไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรน่าดู สู้นั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ ประหยัดตังค์ด้วย” ผมตอบไปขำๆ “ว่าแต่ปาร์คไม่ติดต่อมาบ้างเลยเหรอ”

   “อืม ก็เงียบหายไปเลยนะ คิดถึง เป็นห่วงเขาทำไมไม่โทรไปบอกเขาเองล่ะ อีกอย่างฟร๊องก์เป็นคนเอ่ยปากไล่ปาร์คเองไม่ใช่เหรอ ถ้ายังคงรัก ทำไมไม่ตกลงปลงใจกันไปให้มันจบๆ จะมานั่งทรมานตัวเองแบบนี้ทำไม” ชัญญ่าว่าผมด้วยน้ำเสียงประชดประชัน และก็ตอกย้ำการกระทำของผม

   “รู้ตัวไหมว่าตัวเองโทรมลงเยอะมาก” เก็ทเองก็แสดงความเห็นขึ้นเช่นกัน จะโทรมลงก็คงไม่แปลก เพราะช่วงหลังๆ มาผมนอนไม่ค่อยหลับอยู่หลายครั้ง

   “เปล่าสักหน่อย ก็แค่ถามดูเฉยๆ กะ... ก็... ช่างเถอะ” ก็เห็นว่าหายไปนานแล้ว ก็แค่อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง จะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงบ้างหรือเปล่า หรือจะลืมผมคนนี้ไปแล้ว

   บางทีผมอาจจะหวังมากไปที่จะได้เห็นปาร์คพยายามเพื่อผมมากขึ้น ผมคงหวังมากเกินไป...

   “ปากแข็งนักระวังเถอะ เฮ้อออ... ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ ทั้งที่มีโอกาสแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่คว้ามัน พอเขาไปขึ้นมาจริงๆ ก็มานั่งร้องไห้ทีหลัง” ชัญญ่าพูดขึ้นมาลอยๆ ที่มันเป็นประโยคที่เจ็บจี๊ดเข้ามายังหัวใจผมเลย ผมรู้ว่าโอกาสเข้ามาหาผมแล้ว โอกาสที่จะได้คบกับปาร์คอย่างที่หวัง แต่... มันก็เป็นแค่ความหวังของผมที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตจริง แค่ความหวังที่เห็นแก่ตัวของคนๆ หนึ่งที่ไม่อาจก้าวผ่านภาพความเจ็บปวดที่มีได้ แต่ก็ไม่อาจปล่อยมือจากต้นเหตุได้เช่นกัน

   “...” ผมไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ก้มหน้าละเลียดอาหารตรงหน้าลงคออย่างยากลำบาก

   “ญ่าพูดเล่น เลิกเครียดๆ” ชัญญ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเหมือนรู้ว่าอารมณ์ผมกำลังดาวน์ลง ก่อนจะเปลี่ยนเสียงเป็นโทนที่ดูตื่นเต้นขึ้น “เอางี้ งั้นเราไปเที่ยวกันดีกว่า ไปผ่อนคลายด้วย ถือเป็นการคลายเครียด เอาความทุกข์ ความเศร้า เรื่องไม่ดีๆ ต่างๆ ที่ผ่านมา เอามันไปทิ้งให้หมด ดีมั้ย”

   “เอาดิ ก็ดีเหมือนกัน ไปที่ไหนอ่ะ” น่าสนใจดีเหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่เกาะล้านเมื่อเทอมที่แล้ว ผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนอีกเลย แถมยังเจอแต่เรื่องหนักๆ ถาโถมเข้าในชีวิตอีกต่างหาก ไปพักผ่อนสักทีก็ดีเหมือนกัน เผื่อผมจะสามารถทำใจจากอดีตที่กัดกินภายในใจของผมได้สักที

   “ไปภูเก็ตกันม่ะ ช่วงนี้กำลังสวยเลย กลางวันก็เที่ยวแบบธรรมชาติ กลางคืนก็ปาร์ตี้ให้มันหลุดโลกไปเลย!”

   “โห้! ไกลขนาดนั้นเราไม่มีตังค์หรอก” อยู่ๆ มาชวนไปไกลขนาดนั้นแบบกะทันหัน ผมเก็บตังค์ไม่ทันหรอกครับ ไหนจะทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากินอีก ยิ่งภูเก็ตด้วยคงต้องใช้งบหลายแน่นอน

   “อย่ากังวัลไป ก็รู้อยู่ว่าไปกับใคร ใช่ไหมเก็ท! ไม่ต้องห่วง ฟร๊องก์มีหน้าที่แค่ขอพ่อแม่แล้วเก็บเสื้อผ้าเอาไว้ก็พอ ที่เหลือเดี๋ยวเราจัดการเอง โอเคตามนี้นะ จะได้จองตั๋วเลย” ชัญญ่าพูดเองเออเองขณะที่ผมยังอ้าปากพะงาบๆ งงอยู่เลย

   “ได้ไง รบกวนเก็ทกับชัญญ่ามากเกินไปแบบนี้เราไม่เอาด้วยหรอก” พอตั้งสติได้ผมก็รีบบอกปฏิเสธไปทันที อยู่ๆ จะให้ทั้งเก็ท หรือชัญญ่ามาออกค่าโน้นค่านี่ให้ผมเฉยๆ ได้ยังไง ผมก็ดูเอาเปรียบ ดูเห็นแก่ตัวตายเลยอ่ะดิ ไม่เอาด้วยหรอก ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้นก็ไม่ต้องไปหรอก หาที่เที่ยวใกล้ๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นเอาก็ได้

   “ชู่ววว... อย่าพูดแบบนี้ เราสองคนเต็มใจ เก็ทก็เป็นห่วงฟร๊องก์มากรู้ไหม เราเองก็เหมือนกัน อยากเห็นฟร๊องก์มีความสุขบ้าง ไม่ใช่เจอกี่ทีก็เอาแต่ทำหน้าอมทุกข์อยู่แบบนี้” ชัญญ่ายกนิ้วชี้ข้างหนึ่งขึ้นมาบอกให้ผมเงียบ ขณะที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์ไว้

   “แต่...”

   “เอาล่ะ เป็นอันตกลงตามนี้ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน เรื่องที่พักไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวกลับบ้านไปเราจัดการ วันเวลาเดี๋ยวเราส่งไปให้ในไลน์อีก อาทิตย์หน้าเลยเป็นไง” ผมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกกับการพูดเองเออเองของชัญญ่า ผมไปตอบตกลงตอนไหน

   “หึหึ” เก็ทไม่พูดอะไร เพียงแค่ยกยิ้มอย่างพอใจในการกระทำอันเอาแต่ใจของแฟนตัวเอง สองคนนี้วางแผนกันมาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม

   “ห๊ะ... ห๊า เราไปตกลงด้วยตอนไหนเนี่ย!” ผมรีบแย้งขึ้นมาทันที นี่มันบ้าไปแล้ว! ผมยังไม่รู้เลยว่าจะขอพ่อแม่ไปได้ไหม ไม่เคยไปเที่ยวไกลขนาดนั้นด้วย แถมเงินเก็บที่มีก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่พัน จะขอเพิ่มก็เกรงใจพ่อกับแม่ ทำอะไรไม่ปรึกษาก่อนบ้างเลย!

   “แล้วจะรอนานทำไม แค่นี้ก็เบื่อจะตายอยู่ล่ะ ไม่รู้สึกบ้างหรือไง” สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลย แต่ผมก็ยังไม่ได้รับปากชัญญ่าหรอกว่าจะไปได้หรือเปล่า ยังไงก็ต้องขึ้นอยู่ที่พ่อกับแม่อยู่ดี ถ้าเกิดชัญญ่าจองทุกอย่างให้หมดแล้ว แต่ผมไม่ได้ไปเดี๋ยวผมจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าทีพักให้ทีหลังแล้วกัน แล้วก็ปล่อยให้สองคนนั้นไปฮันนีมูนกันแทน

   “จะเอาเราไปเป็นก้างขว้างคอทำไม ญ่าไปกับเก็ทสองคนก็ดีอยู่แล้ว”

   “โอ้ย! เรากับเก็ทอ่ะ แค่เห็นหน้าก็เบื่อกันจะตายแล้วย่ะ ตาบ้านี่เคยหวานกับเขาซะที่ไหน ไปเที่ยวด้วยน่าเบื่อจะตาย!” ชัญญ่าบ่นพลางหันไปเบ้ปากใส่เก็ทด้วยความหมั่นไส้ ถึงตอนนี้ผมก็ยังมีข้อสงสัยเสมอว่าสองคนนี้คบกันได้อย่างไร แม้ว่าชัญญ่าจะบ่นจะกัดยังไง แต่เก็ทผู้เย็นชาก็ไม่ได้รู้สึกร่วมไปด้วยเลย

   กลับบ้านมายังไม่ทันที่ผมจะได้ทำใจใดๆ ชัญญ่าก็จัดการส่งรายละเอียดทั้งที่นั่ง เที่ยวบิน และที่พัก รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของภูเก็ตมาให้ผมได้ศึกษาด้วยความเร็วแสง แถมที่ทำให้ผมช็อคกว่าเดิมก็คือ กำหนดการไปเที่ยวเริ่มขึ้นตอนกลางอาทิตย์หน้าตามที่เธอพูดไว้จริงๆ

   เล่นเอาผมทำใจอยู่นานว่าจะเริ่มพูดกับพ่อแม่ยังไงดีไม่ให้โดนด่า ก็มันกะทันหันมาก แล้วอีกอย่างไปไกลแบบนี้ค่าใช้จ่ายก็คงไม่น้อย

   “แม่...” ผมเดินเข้าไปหาแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ พ่อ ก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักอย่างอ้อนๆ

   “อ้อนแบบนี้มีอะไรอีกล่ะ” แม่ก้มลงมาถามพลางหัวเราะเบาๆ พ่อเองก็หันมามองนิ่งๆ เหมือนกัน

   “ฟร๊องก์... ขอไปเที่ยวนะ” เข้าเรื่องเลยอย่าได้เสียเวลา อย่างน้อยถ้าโดนด่าก็ไม่ต้องถูกด่าที่พูดจาอ้อมค้อม พูดยืดเยื้อด้วย

   “จะไปที่ไหนล่ะ” พ่อถามขึ้น ผมเลยเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งให้มันเป็นกิจจะลักษณะ

   “คือ... ไปภูเก็ตอ่ะ ให้ฟร๊องก์ไปนะพ่อนะ ให้ฟร๊องก์ไปนะแม่” ผมใช้ลูกอ้อนอย่างเต็มที่

   “ไปกับใคร แล้วมีตังค์?” แม่เลิกคิ้วถาม แต่ใบหน้ายังอมยิ้ม

   “ไปกับเพื่อน เก็ทกับชัญญ่าไงแม่ ที่เคยมาบ้านอ่ะ ส่วนตังค์ก็พอมี แหะๆ แต่ถ้าได้เพิ่มก็ดี เผื่อฉุกเฉินไรงี้” ผมยิ้มกว้างก่อนจะเข้าไปคลอเคลียร์ที่ไหล่แม่อีกครั้ง

   “ตังค์ตัวเองก็มีแล้วยังมาขอพ่อกับแม่อีก ลูกคนนี้!” พ่อบ่นอุบอิบ แต่ผมรู้ว่าบ่นไปแค่นั้นแหละครับ ถึงเวลาก็ให้
   “แล้วจะไปเมื่อไหร่”

   “อาทิตย์หน้าครับ” ผมหลับตาบอกออกไปขณะที่หัวยังอิงอยู่ที่ไหล่แม่ โดนด่าแน่เลยกูๆ

   “อยากไปก็ไปสิ” ห๊ะ! ผมหูไม่ฝาดใช่ไหม แม่ให้ไปง่ายๆ แถมยังไม่บ่น ไม่ด่าอะไรอีกต่างหาก ทำไมบทจะง่ายก็ง่ายมากขนาดนี้ นี่ผมเตรียมหูไว้โดนด่าเต็มที่เลยนะเมื่อกี้ “แล้วไปอะไรยังไง พักที่ไหน”

   “เอ่อ... นั่งเครื่องไปอ่ะ ส่วนที่พักฟร๊องก์ไม่รู้จักเหมือนกัน ชัญญ่าเป็นคนจัดการหมดเลย เนี่ยรายละเอียดเที่ยวบินแล้วก็ที่พัก” ผมก็บอกรายละเอียดไปพร้อมเอาไลน์ที่ชัญญ่าส่งมาให้แม่ดู แต่ไม่ได้บอกหรอกนะครับว่าชัญญ่าพูดว่าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ ไม่งั้นผมโดนด่าตายเลย แต่เอาเถอะ รอดจากการโดนบ่น โดนด่ามาได้ก็ดีแล้ว แล้วผมต้องเตรียมอะไรบ้างล่ะที่จะไปเนี่ย

**********___________**********

   ‘สวัสดีภูเก็ต’ ผมเช็คอินพร้อมกับเขียนคำบรรยายสั้นๆ ง่ายๆ ก่อนจะโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ใช่ครับ ตอนนี้เครื่องแลนด์ดิ้งยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตแล้ว ไฟล์ทบินของพวกเราคือสิบโมงครึ่งครับ ใช้เวลาชั่วโมงเศษๆ ก็มาถึงที่นี่

   ลืมบอกไปว่าเก็ทไม่ได้มาด้วยหรอกครับ เห็นมันบอกว่าติดธุระนิดหน่อยและฝากเที่ยวเผื่อด้วย ซึ่งชัญญ่าก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนผมจะบ่นอะไรได้ แค่ชัญญ่าซื้อตั๋วให้ก็เกรงใจมากแล้วใช่ไหมครับ พอเห็นบอร์ดดิ้งพาสผมยิ่งอยากจะร้องไห้เลย เธอไม่ได้ซื้อตั๋วชั้นประหยัดด้วยครับ ซึ่งแน่นอนว่ามันแลกมากกับความสบายที่มากกว่า แต่ก็แพงกว่าเช่นกัน

   เอาจริงๆ ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าสรุปแล้วชัญญ่าจองที่พักไว้ที่ไหน แต่ถึงจะรู้ชื่อ เห็นรูปจากรีวิวมาบ้างประปราย แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีแหละว่ามันอยู่ส่วนไหนของที่นี่อยู่ดี ฉะนั้นก็ตามๆ คนที่ชวนมาไปเรื่อยๆ ล่ะกัน

   สุดท้ายชัญญ่าก็ทำอะไรให้ผมอึ้ง ทึ้ง (เสียว) กับทริปครั้งนี้มา ผมตกใจมาเมื่อมาถึงที่พัก เพราะมันโคตรใหญ่ และโคตรหรู หรูชนิดที่ว่าถ้าผมมาเองคงไม่มีปัญญาเข้าพักในที่แบบนี้แน่ๆ แถมตอนมายังไม่ต้องลำบากอีกด้วย เพราะมีรถรอรับอยู่ที่สนามบินเลย อะไรจะเลิศหรูขนาดนี้ มันหรูมากจนผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยอะไรชัญญ่าเลย แต่ตอนนี้จะให้ช่วยค่าใช้จ่าย ผมคงต้องขายทุกอย่างที่ติดตัวมาด้วยแล้วแหละ มาที่แบบนี้แล้วผมทำตัวไม่ถูกเลย มันหรูมากเกินไป

   โรงแรมที่ตั้งตระง่านอยู่ตัวหน้าผมและชัญญ่านี้เป็นสิ่งปลูกสร้างสไตล์โมเดิร์น ตัวตึกดูสะอาดตา ด้านหน้ามีสวนหย่อมที่ดูร่มรื่น และมีบ่อน้ำและน้ำตกเล็กๆ สร้างบรรยากาศที่ดูสงบ ก่อนที่รถจะเข้าไปจอดตรงจุดรับรอง

   เดินเข้ามาเป็นส่วนของล็อบบี้ที่ค่อนข้างโล่งและโอ่โถง มองตรงไปเป็นเคาน์เตอร์พนักงาน ส่วนที่นั่งพักจะแยกอยู่ทั้งสองข้าง ฝั่งหนึ่งจะมีร้านกาแฟเล็กๆ เป็นร้านกระจกเปิดโล่ง ตกแต่งแบบเดียวกับตัวโรงแรม

   ช่วงเที่ยงกว่าๆ อย่างนี้มีคนมากอยู่เพราะมีทั้งคนที่เตรียมจะเช็คอินรวมทั้งคนที่เพิ่งเช็คเอ้าท์ และบางคนที่นั่งเล่น นั่งพักผ่อน เพราะจากมุมที่นั่งพักมองออกไปจะเห็นสวนที่อยู่ด้านนอกด้วย ชัญญ่าบอกให้ผมไปนั่งรอก่อนก็ได้ ก่อนที่เธอจะเดินไปติดต่อในส่วนของห้องพัก

   “ได้คีย์การ์ดมาล่ะ ไปกัน” ไม่นานชัญญ่าก็เดินกลับมาก่อนจะชูคีย์การ์ดให้ผมดูพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส

   “ชัญญ่า... มันหรูไปหรือเปล่า คือเราเกรงใจว่ะ” ผมบ่นเสียงอ่อนขณะที่เดินตามหลังชัญญ่าและพนักงานที่พาผมสองคนไปส่งที่ห้องพัก

   “เอาน่า มาถึงนี้แล้ว อีกอย่างที่นี่ก็เป็นของเพื่อนญ่าเอง ได้ส่วนลดพิเศษ ไม่ต้องเกรงใจ” ชัญญ่าหันมาตอบยิ้มๆ ก่อนจะขยิบตาให้ ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่ก็คงไม่ได้ลดให้เยอะแยะอะไรมากหรอก หรูขนาดนี้ ผมรู้สึกพนักงานต้อนรับยังดูดีกว่าผมเลย

   เราเดินไปตามที่พนักงานนำทางไปเรื่อยๆ ก็ผ่านป้ายที่ชี้ไปทางห้องอาหารซึ่งสามารถมองเข้าไปได้เหมือนกันเพราะเป็นกระจกรอบด้าน มองทะลุห้องอาหารไปสามารถเห็นวิวทะเลและภูเขาได้ และยังมีโต๊ะด้านนอกที่เป็นเฉลียงยื่นออกไปอีกต่างหากสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารกลางแจ้ง (แต่ก็มีหลังคาอยู่นะ แค่รับลมเต็มๆ อะไรแบบนั้น) ถัดไปฝั่งตรงข้างกับห้องอาหารก็มีป้ายชี้ว่าสปา แต่ต้องเดินออกจากตัวอาคารไปเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นแบบไหน

   ไม่นานเราก็ขึ้นมาถึงห้องพัก ที่ตกแต่งสะอาดตา น่าพักผ่อน เข้ามาด้านในมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดีฟฟิวเซอร์ที่ช่วยให้ผ่อนคลายทุกครั้งที่หายใจเข้า ตัวห้องค่อนข้างกว้างขวาง แบ่งเป็นสัดส่วน โดยที่เข้าห้องมาจะเป็นส่วนของทางเดินแคบหน่อย พ้นมาจะเจอกับโซฟานั่งเล่น ตรงมุมส่วนนั่งเล่นเข้าไปนั้นจะเป็นห้องน้ำ

   ถัดไปจะเป็นส่วนของเตียงนอนขนาดคิงไซส์สีขาวสะอาดตา อยู่ตรงข้ามกับจอทีวีติดผนังขนาดพอสมควรที่สามารถเห็นได้ทั้งห้อง พ้นจากเตียงไปจะเป็นประตูกระจกใสกับม่านสีทึบกั้นแสงซึ่งเก็บไว้อย่างสวยงามเผยให้เห็นทางระเบียง

   ด้านนอกระเบียง มีเก้าอี้หวายพร้อมเบาะนวมทรงโมเดิร์นเข้ากับสไตล์ของโรงแรมวางอยู่มุมหนึ่งของระเบียง ส่วนอีกฝั่งจะมีระแนงไม้กั้นให้แสงแดดพอลอดเข้ามาได้ ซึ่งเป็นส่วนของอ่างจากุซซี่ ซึ่งห้องที่ผมสองคนพักจะอยู่เหนือจากจุดนั่งพักผ่อนกลางแจ้งอีกจุดและสระว่ายน้ำอยู่สองชั้น ซึ่งตรงส่วนนั้นจะเป็นส่วนที่ยื่นออกมาของชั้นสอง

   จุดนั่งเล่นที่ปูด้วยหญ้าเทียม พร้อมทั้งมีต้นไม้พุ่มประดับให้ความร่มรื่นอยู่ประปราย มีทั้งที่นั่งเป็นเบาะแบบชิลล์ๆ รวมไปถึงโต๊ะที่สามารถนั่งทานอะไรได้ ผมเห็นมีพนักงานกำลังเตรียมสถานที่เหมือนจะจัดงานอะไรสักอย่าง คงจัดในตอนกลางคืนล่ะมั้ง เพราะเห็นมีไฟประดับไว้ตามต้นไม้ด้วย รวมถึงจอโปรเจคเตอร์ขนาดกว้างพอสมควรที่พอจะมองเห็นได้ทั้งพื้นที่นั้น

   อีกด้านเป็นสระว่ายน้ำขนาดกลางๆ ยกพื้นสูงกว่าส่วนอื่น มีกระจกกั้นอีกด้านเพื่อไม่ให้ตกลงไป ด้านที่อยู่ติดกับจุดพักผ่อนนั้นมีแถบกระถางต้นไม้เล็กๆ กั้น พร้อมด้วยบาร์เครื่องดื่มที่มีไว้ให้บริการด้วยเช่นกัน ในส่วนนี้ทั้งหมดจะหันหน้าออกไปยังทะเล คือเห็นวิวทะเลได้ชัดเจนมากเพราะเป็นฝั่งเดียวกับห้องอาหาร เช่นเดียวกับวิวที่มองจากระเบียงห้องของผม

   “ขอบคุณมากนะคะ” ชัญญ่าบอกขอบคุณพนักงานที่มาส่งและอธิบายในส่วนต่างๆ ขณะที่ผมเนี่ยเดินสำรวจดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเต็มที่โดยไม่ได้สนใจอะไรเลย เอาหน่อยเถอะ อย่างผมจะมีโอกาสได้เข้าพักห้องที่หรูหราแบบนี้สักกี่ครั้งกันในชีวิตเนี่ย!
   “เป็นไงฟร๊องก์ ดีเลยใช่ไหมล่ะ”

   “มากกก ไม่คิดว่าตัวเองจะมีบุญได้เข้าพักที่พักหรูๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ ถ้าทำงานมีเงินอยากจะพาพ่อกับแม่มาพักแบบนี้ดู ท่านคงรู้สึกดี” ผมหวังเอาไว้ อยากให้พ่อกับแม่ได้มาเห็น ได้มาพักสถานที่ดีๆ แบบนี้ แต่มันก็คงต้องใช้เงินไม่น้อย

   “อีกหน่อยฟร๊องก์อาจจะได้มาบ่อยๆ ก็ได้นะ” ผมหันไปมองชัญญ่าที่พูดยิ้มๆ ก็ขอให้เป็นอย่างที่ชัญญ่าพูดแล้วกัน เพราะถ้าผมมาเองก็คงได้แค่โรงแรมระดับกลางๆ เท่านั้นแหละ “ว่าแต่หิวไหม เราหิวว่ะ ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”

   แล้วผมกับชัญญ่าก็เปลี่ยนชุดพร้อมลุย ก่อนลงไปกินอาหารมื้อแรกของวันที่ห้องอาหารของโรงแรมครับ ก่อนที่เราจะไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ต่อ มาถึงทะเลแล้วก็เอาให้เต็มที่ซะหน่อย


à suivre...


กลับมาอัปแล้วฮะ หายไปออกบูทขายของมา 555+ (หารายได้แป๊บ)

มีคนหันกลับมาเชียร์ปาร์คด้วย 55555+
ลองดูสิ๊จะได้ผลป่าว ตอนหน้าเป็นตอนส่งท้ายแล้ว (แต่ตอนส่งท้ายมีอีกกี่พาร์ทก็ดูต่อไป หุหุ)

จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:


ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... [16/12/2017]
«ตอบ #248 เมื่อ16-12-2017 19:31:46 »

L’épilogue 1

   มาถึงภูเก็ตแค่วันเดียวผมก็คล้ำขึ้นซะแล้ว ก็ผมกับชัญญ่าเล่นน้ำทะเลอย่างไม่กลัวแดดเลยครับ สนุกมากๆ น้ำทะเลฝั่งอันดามันใสสมคำล้ำลือจริงๆ เราสองคนไปยังเกาะต่างๆ จนลืมเวลาเลย กลับมาถึงโรงแรมอีกทีก็เกือบมืดแล้ว แถมยังหิวข้าวอีกต่างหาก ก็เล่นใช้พลังงานเยอะขนาดนั้น

   “ฟร๊องก์ เดี๋ยวอาบน้ำแต่งตัวดีๆ หน่อยนะ เอาให้น่ารักๆ เลย” ชัญญ่าที่กำลังง้วนกับการกดโทรศัพท์เงยขึ้นมาบอกผม ตัวก็เปียกแล้วมานั่งตากแอร์แบบนี้ไม่กลัวเป็นปอดชื้นหรือไง

   “แต่งตัวดีๆ ทำไมอ่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย แค่จะลงไปกินข้าว แล้วก็ขึ้นห้องนอนแล้ว จะแต่งตัวไปทำไม

   “เอาน่า วันนี้โรงแรมเขามีงานเลี้ยง เขาเชิญแขกไปร่วมงานด้วยนะ นี่ไงเขาเอาการ์ดมาวางไว้ตอนที่เราออกไปเที่ยวเล่นกัน งานอยู่ตรงสระว่ายน้ำนั่นไง เราก็ไปร่วมแจมสักหน่อย ดริ้งกึ่มๆ แล้วค่อยขึ้นมานอน” อ๋อ ถึงว่าสิมีการจัดงานเลี้ยง ถึงจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ทำไมอยู่ๆ ทางโรงแรมถึงได้จัดเลี้ยงขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้มีโอกาสพิเศษหรือวันพิเศษอะไร แต่ก็โชคดีจังที่ได้รับการ์ดเชิญด้วย เขาคงให้แขกที่เลือกห้องพักดีๆ ในระดับที่ชัญญ่าเลือกมาแบบนี้ล่ะมั้ง ก็มาพักหรูแบบนี้แล้วยังมีโอกาสได้ไปร่วมงานพอดีอีก จะไม่ให้บอกว่าตัวเองโชคดีได้ไง

   “โอเค แต่ไม่รู้ว่าจะมีชุดที่ดูดีๆ เปล่านะ ไม่ค่อยได้เอาชุดมา เอาแต่ชุดเล่นน้ำมาอย่างเดียวเลย”

   “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้ทางการอยู่แล้ว ใส่เชิ้ต ใส่อะไรก็ได้ เอาให้น่ารักๆ หน่อยก็พอ”

   ผ่านไปกว่าชั่วโมง ทั้งผมและชัญญ่าก็อยู่ในเสื้อผ้าอีกชุด ชัญญ่าอยู่ในเสื้อครอปแขนกุดมีดีไซน์สีขาวดำ เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบและช่วงเอวขาวเนียนของเธอ กับกระโปรงสอบเอวสูงสีดำไม่ยาวนักแต่มีระบายผ้าซีฟองช่วยพรางตา กับรองเท้าส้นสูงสีดำที่เธอใส่ตอนมาถึง ทุกอย่างมันทำให้เธอดูโดดเด่นมากๆ

   ซึ่งต่างกับผมลิบลับ ผมที่สวมเสื้อเชิ้ตมีลายบางๆ ทั้งตัวสีฟ้าอ่อนสดใส กับกางเกงขาสั้น ซึ่งไม่มีแล้ว ผมเอามาแต่กางเกงขาสั้นทั้งนั้นเลย ขนาดตอนมายังใส่ขาสั้นมา แล้วก็รองเท้าผ้าใบคู่ที่ใส่มาเช่นกัน เอาเถอะ ไม่มีใครรู้จักอยู่แล้ว
 
   เกือบสองทุ่มเราสองคนก็ลงไปยังส่วนของสระว่ายน้ำและจุดพักผ่อนชั้นสองที่ตอนนี้ประดับประดาไปด้วยดวงไฟหลากสีเข้ากับแสงไฟของสระว่ายน้ำที่เปลี่ยนไปมา เสียงดนตรีคลอเบาๆ ช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่ง ด้วยบรรยากาศไม่ไกลจากทะเลมากแบบนี้ จึงทำให้มีลมพัดเบาๆ มาเป็นระยะ ผมค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน ทำไมดูไม่มีคนเลย ทั้งที่ปกติถ้าเป็นงานแบบนี้แขกน่าจะเยอะ แต่ตอนนี้เหมือนจะมีเพียงหนักงานเท่านั้น

   ผมค่อยๆ เดินผ่านเข้าไปยังซุ้มลอดที่ทำจากดอกไม้สีหวานที่เมื่อตอนกลางวันยังไม่มี เข้าไปยังส่วนของสวนหญ้าเทียมที่ตอนนี้มีเทียนหอมจุดห้อยไว้เป็นระยะเพื่อสร้างบรรยากาศและกลิ่นที่ชวนให้ผ่อนคลาย ผมรู้สึกดีและผ่อนคลายกับบรรยากาศงานนี้มากๆ ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศโดยรอบอยู่นั้น จู่ๆ แสงไฟทุกดวงก็ดับลง

   เสียงดนตรีที่เปิดคลอในตอนแรกก็ถูกปิดลงตามไปด้วย ก่อนที่เสียงกีต้าร์โปร่งพร้อมกับเสียงเต้นของจังหวะหัวใจจะดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับภาพของใครบางคนที่หายไปจากชีวิตผมเนิ่นนานจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นภายในจอโปรเจคเตอร์

   ‘ได้ยินไหม ข้างในนี้... ได้ยินเสียงของหัวใจที่มันร้องเพลงนี้ไปเพื่อเธอ’

   ผมหันไปมองหน้าชัญญ่าที่ตอนนี้อมยิ้มกึ่งหัวเราะกับท่าทางตกใจของผม นี่มันอะไรกัน

   ‘ไม่มีคำ พูดพร่ำเพ้อ สบตาของฉันและเธอแทนทุกๆ คำที่เอ่อล้นใจ’

   ภาพของปาร์คที่กำลังดีดกีต้าร์ พร้อมกับร้องเพลงที่ดังออกมานั้นปรากฏของยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดมากขึ้น ภาพของปาร์คไปอยู่ในนั้นได้ยังไง

   ‘หากวันเวลาจะพาโลกเปลี่ยนแปรฝันไป’

   “ชัญญ่านี่มันเรื่องอะไร... กัน” ผมที่ตั้งสติได้ละสายตาจากหน้าจอเพื่อหันกลับมาถามชัญญ่าอีกครั้ง แต่ชัญญ่าไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียวอีกแล้ว แต่พ่อกับแม่ผมกลับมายืนอยู่ด้วย อะไรกัน นี่มันคืออะไรกัน พ่อกับแม่ผมมาได้ยังไง

   ‘เส้นทางยาวใกล้แค่ไหนแต่รักยังเหมือนเดิม’

   ยังไม่ทันที่จะคลายข้อสงสัย พ่อและแม่ของปาร์คถ้าผมจำไม่ผิด ก็เดินตามออกมาพร้อมด้วยผู้ชายอีกคนที่ผมจำได้ดี ซึ่งก็คือพี่ปอนด์ พี่ของปาร์ค

   เสียงร้องของปาร์คและภาพที่ปรากฏอยู่บนจอนั้นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่ผมเองกลับได้แต่มึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมงงไปหมดแล้ว ทุกคนมาได้ยังไง แล้ว... กำลังทำอะไรกันอยู่

   ‘เก็บเพลงนี้ไว้ตรงที่เล็กๆ ในใจ เก็บให้นานๆ อย่าให้จางลบเลือนไป
เมื่อเธอเหงา ไม่เหลือใคร โปรดรู้ว่าเธอนั้นยังมีฉัน
อยู่ตรงนั้นเสมอตรงที่เล็กๆ ในใจ ความห่างไกลไม่มีความหมายใดๆ
แค่เอามือขวาแนบอกซ้าย ได้ยินไหม นี้คือเพลงของหัวใจของเรา’

   ท่อนฮุคของเพลงเริ่มขึ้น ก่อนที่โคมไฟดวงเล็กๆ ตรงซุ้มด้านข้างจอจะสว่างขึ้น เผยให้เห็นเงาของคนที่ผมคุ้นเคย คนที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังอยู่ในใจของผมตลอดมา

   ปาร์คค่อยๆ เดินออกมาจากซุ้มนั้น ขณะเดียวกันใบหน้าคมเข้มกับร่างสูงกำยำในเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนดูดีก็ค่อยๆ ปรากฏชัดแก่สายตาผมมากขึ้น อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของปาร์ค โดยร่วมมือกับชัญญ่าอีกแล้ว แถมทุกคนยังรู้เห็นเป็นด้วยอีกต่างหาก

   เสียงเพลงที่ปาร์คร้องยังคงบรรเลงต่อไป แต่ตอนนี้ผมแทบไม่รับรู้สิ่งรอบข้างแล้ว ผมได้แต่อึ้งกับคนที่ปรากฏกายตรงหน้า น้ำตาผมค่อยๆ ไหลลงมาช้า ขณะที่ปาร์คเองก็เดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น

   “ยังจำเพลงนี้ได้อยู่ไหม” ไม่นานปาร์คก็มาหยุดที่ด้านหน้าของผม ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคุงนุ่มทุ้ม รื่นหูเสมอ ผมเองก็ค่อยๆ เงยหน้ามองปาร์คผ่านม่านน้ำตา ก่อนที่มือใหญ่นั้นจะยกขึ้นมาเช็ดให้ผมอย่างแผ่วเบา

   เพลงๆ นี้... เพลงที่ผมเคยได้ยินแล้วครั้งหนึ่ง เพลงที่เคยได้ฟังจากคนตรงหน้าเมื่อนานมาแล้ว เพลงที่ปาร์คร้องให้ผมฟังตอนที่จบมอหกและเพลงๆ นี้... ที่ผมเองก็เกือบจะลืมไปแล้วเหมือนกัน หากแต่คนที่อยู่เบื้องหน้าผมตอนนี้กลับมาดึงความทรงจำของผมให้กลับมา แล้วยังแสดงออกว่าเขายังคงจำมันได้ดีและไม่เคยลืมเลือนมันไปเลย

   “ไม่ร้องนะ ไม่ดีใจหรือไงที่เจอปาร์ค” ปาร์คพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นที่อบอวลไปด้วยความรักและห่วงใย ดีใจสิ ผมดีใจมากเลยด้วยซ้ำ มากจนไม่กล้าจะเชื่อว่าสิที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องจริง

   “น่ะ... นี่มันอะไรกัน”

   “ปาร์คจัดมันขึ้นมาเพื่อฟร๊องก์ไง” ปาร์คตอบเสียงนุ่มด้วยรอยยิ้ม

   “ฮึก... หมายความว่าไง ปาร์ค... มาได้ไง”

   “ก็มาหาฟร๊องก์ไง ปาร์คคิดถึงฟร๊องก์มากนะ ปาร์คเองก็ไม่รู้จะง้อฟร๊องก์ยังไงนะ ไม่รู้จะทำยังไงให้ฟร๊องก์เห็นว่าปาร์ครักฟร๊องก์จริงๆ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่นี้จะถูกใจฟร๊องก์หรือเปล่า แต่ปาร์คก็ขอโทษนะกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ขอโทษ... ที่เคยทำร้ายฟร๊องก์” ฝ่ามือใหญ่ที่แสนอบอุ่นคู่นั้นยังคงคลอเคลียอยู่ที่ใบหน้าผม ประคองไว้อย่างทะนุถนอมและลูบไล้อย่างเบามือราวกับกลัวว่าผมจะอันตรธานหายไป

   สัมผัสจากคนที่ผมพยายามจะลืมเลือนมาตลอดช่วงเวลาที่เขาหายไป แต่บัดนี้คนตรงหน้ากลับมา พร้อมกับดึงความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพยายามกดและซ่อนมันเอาไว้ออกมาจนหมด

   “ขอโทษเหมือนกัน ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรแล้วที่พูดขอโทษ ขอโทษที่ยังคอยติดต่อกับปาร์คอยู่เสมอ และวางแผนนี้กับปาร์คขึ้นมา เรื่องตั๋วเครื่องบินปาร์คเป็นคนจัดการให้ ส่วนโรงแรมนี้ก็เป็นโรงแรมที่ครอบครัวปาร์คถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่งเช่นกัน เราทำไปเพราะอยากให้ทั้งฟร๊องก์กับปาร์คลงเอยด้วยดีนะ” ชัญญ่าเข้ามาอธิบายเสริมด้วยเสียงอ่อน ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดแต่ที่ชัญญ่าทำ ก็เพื่อผมและปาร์ค

   “ที่ปาร์คปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานขนาดนี้ และวางแผนนี้ขึ้นมา เพราะพ่อแม่ และตัวฟร๊องก์บอกเองว่าให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ปาร์คใช้ทั้งเวลาและระยะทางเป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว จนถึงตอนนี้สิ่งเหล่านั้นก็เป็นเครื่องยืนยันความรู้สึกของปาร์คแล้วว่า ‘ปาร์ครักฟร๊องก์’ เสมอ”

   “...”

   “แม้ว่าฟร๊องก์จะพยายามไล่ปาร์คยังไง แต่ปาร์คทำใจไม่ได้จริงๆ ที่จะปล่อยฟร๊องก์ไป และปล่อยให้ฟร๊องก์ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากปาร์คคนเดียว อย่างน้อยปาร์คก็อยากจะแชร์ความรู้สึกเจ็บปวดที่ฟร๊องก์มีมาให้กับปาร์คบ้าง ให้ปาร์คได้รับผิดชอบมันบ้าง” ฝ่ามือใหญ่นั้นยังคงคลอเคลียอยู่ที่ใบหน้าของผม พร้อมทั้งหมั่นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวของผมด้วยเช่นกัน

   “ฟร๊องก์... ฮึก...”

   “ปาร์คไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไรให้ฟร๊องก์รู้สึกดีและรับรู้ความรู้สึกของปาร์คที่มีให้ฟร๊องก์จริงๆ” ปาร์คพูดพร้อมกับแสงไฟรอบข้างที่ค่อยๆ สว่างขึ้นกว่าในตอนแรก ก่อนที่ปาร์คจะหยิบเอาแหวนทองคำขาวที่สลักว่า ‘Park & Franc’ ซึ่งร้อยไว้กับสร้อยทองคำขาวเส้นเรียวยื่นมาข้างหน้าของผม ขณะที่อีกมือก็หยิบสร้อยที่ตัวเองใส่อยู่ขึ้นมาคู่กัน

   “ปะ... ปาร์ค...” น้ำตาที่ปาร์คพยายามเช็คออกไปก่อนหน้า มันยิ่งไหลออกมามากขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและความตั้งใจของคนๆ นี้

   “เรากลับมาดีกันนะ ได้โปรดคบกับปาร์คเถอะนะ”

   “...”

   “ปาร์คไม่อยากปล่อยให้ฟร๊องก์ต้องเจ็บปวดกับการกระทำเลวร้ายในอดีตของปาร์คคนเดียวอีกแล้ว เรามาช่วยกันแก้ไขและก้าวข้ามมันไปด้วยกันเถอะนะ... นะครับ”

   “แต่...” ผมหันกลับไปมองพ่อแม่ของผม รวมทั้งครอบครัวปาร์คที่ยืนมองอยู่ แม้ว่าทุกคนต่างมองภาพของผมกับปาร์คตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอยู่ก็ตาม

   “มันก็พิสูจน์ได้แล้วนะ ว่าเรื่องของครอบครัวที่ฟร๊องก์อาจจะกังวล มันไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรเลย ทุกคนยอมรับได้ ปาร์คเองก็ไปขอพ่อกับแม่ฟร๊องก์ด้วยตัวปาร์คเองแล้ว ท่านต่างยอมให้ปาร์คได้ลองคบกับฟร๊องก์แล้ว ท่านทั้งสองถึงได้ยอมมาที่นี่ ป๊า แม่และก็พี่ปอนด์เองก็เหมือนกัน เขายอมให้เราสองคนคบกัน เหลือแค่ฟร๊องก์ตอบตกลง”

   “ฟร๊องก์ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” ผมเอ่ยพร้อมกับหันมามองยังปาร์คเหมือนเดิม ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นปาดน้ำตา

   “แล้วเรื่องอะไร” ปาร์คเอามือมาจับมือทั้งสองข้างของผมเหมือนขอร้อง

   “ปาร์คคิดว่าฟร๊องก์ทำใจเรื่องที่ผ่านมานั้นได้เหรอ!” ผมสะบัดมือของปาร์คออก ก่อนจะผลักเขาอย่างแรง ดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตาก่อนหน้า แปรเปลี่ยนเป็นสายตานิ่งงัน ไร้ความรู้สึกใดๆ

   ไม่ยินดียินร้าย หรือแม้แต่จะเห็นใจคำข้อร้องจากคนตรงหน้า


ปล. เพลงประกอบ: เพลงของหัวใจ - โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร


à suivre...


ปาร์คมาง้อแล้ว แต่ยังไงต่อ
สรุปฟร๊องก์จะตัดใจ ไม่ยอมคืนดีจริงๆ ใช่ไหม


จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ  :mew1:


ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าจะเล่นใหญ่ขนาดนี้
ถึงขนาดยกกันมาหมดทั้งสองครอบครัว

เฮ้ออออออ..ยังงี้ก็ยอมใจล่ะ
ใจอ่อน+อ่อนใจ ไปกับปาร์ค
อิอิ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อดีตมันเป็นอะไรที่ลืมยาก เราว่าปาร์คสมควรที่จะคบแบบเพื่อนและค่อยๆ สานสัมพันธ์ใหม่นะเราว่าแบบนี้ดีสุดแล้วล่ะ
เพราะคงไม่มีอะไรมารับประกันว่าปาร์คจะไม่กลับไปคบกับผู้หญิงอีกหรือเปล่านี่นะ เพราะเห็นตอนนั้นสับสนซะเหลือเกินนี่
ว่าจะคบกับใครดีระหว่างยัยชะนีนั้นหรือฟร็องก์จนเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ปวดหัวตุบเลย อะไรกันเนี้ย

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
รู้ว่าอดีตลืมยาก แต่คนเราก็ไม่ควรยึดติดอดีตเพราะมันเป็นตัวฉุดรั้งอนาคตไว้

ปราค์ก็พยายามพิสูจน์ตัวเองก็น่าจะให้โอกาสอีกครั้งสิ

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ได้เวลาบ๊ายบายอย่างจริงจังสักที ไม่ชอบความยึดติดของฟร้องซ์ ที่ผ่านมาไม่เคยสงสัยฟร้องซ์ด้วยซ้ำ สมน้ำหน้าด้วยซ้ำเพราะเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้เอง แต่คนอื่นที่ร้ายกับฟร้องซ์ แต่เรากลับรู้สึกว่าเหตุผลมันสมควรเพราะที่ร้ายก็เพราะรักไงแต่มีอยู่ตัวนึงที่ร้ายมาตลอดแต่มีอยู่ตัวนึงที่ร้ายมาตลอดไม่ใช่เพราะรักด้วย. เพราะมันเลือกคนอื่นก่อนฟร้องซ์เสมอ ทำร้ายอีกสารพัด ถ้าคิดว่าความดีที่เคยมีมามันมากพอก็เอาเลยฟร้องซ์ ถ้าสิ่งที่โดนกระทำมาตลอดไม่เลือกที่จะนึกถึงก็เอาเลย คนโง่ดักดานก็ควรแค่แก่คนเลวๆแล้ว สมกันแล้วผีเน่ากับโลงผุ

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
from PAST to FUTURE... L’épilogue 2 [24/12/2017]
«ตอบ #255 เมื่อ24-12-2017 19:32:27 »

L’épilogue 2

   “ปาร์คคิดว่าฟร๊องก์ทำใจเรื่องที่ผ่านมานั้นได้เหรอ!” ผมพูดใส่หน้าปาร์คด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว พลางมองด้วยสายตาเย็นชา ระยะเวลาที่ผ่านมามันนานพอที่จะทำให้ผมทำใจให้รู้สึกกับปาร์คน้อยลงได้บ้าง แม้จะไม่ได้หมดรัก แต่ก็ผมก็ทำใจได้ที่จะไม่รักอีก แต่รอยแผลที่เกิดขึ้นในอดีต ผมคงเป็นไอ้ขี้ขลาดที่ไม่กล้าจะลืมมัน

   “รู้ไหมสิ่งที่เกิดขึ้นกับฟร๊องก์ก่อนหน้า ฟร๊องก์เจ็บปวดแค่ไหน ปาร์คทำให้ฟร๊องด์ต้องเผชิญหน้ากับฝันร้ายและความเจ็บปวด เจ็บจากการกระทำที่โหดร้ายของปาร์ค แล้วจะให้ฟร๊องก์ไปคบกับคนที่ทำร้ายตัวเองได้อย่างนั้นเหรอ ฟร๊องก์บอกปาร์คตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอว่าฟร๊องก์ไม่อยากจะเปิดใจให้ใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับคนอย่างปาร์ค ที่ทำร้ายฟร๊องก์ครั้งแล้วครั้งเล่า!”

   “... ฟร๊องก์...”

   “แล้วก็ครั้งนี้อีก ปาร์คก็ยังคงกลับมาทำร้ายความรู้สึกของฟรีองก์อีก แถมครั้งนี้ปาร์คยังพาทุกคนมาให้รวมหัวกันหลอกฟร๊องก์อีก นี่มันกี่ครั้งกี่หนแล้วที่ทุกคนรวมหัวกันหลอกฟร๊องก์ กี่ครั้งแล้วที่ฟร๊องก์ต้องถูกหลอก! เห็นฟร๊องก์เป็นตัวอะไรเหรอ! เห็นฟร๊องก์เป็นหุ่นเชิดที่จะเชิดไปไหนก็ได้ ให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้นเหรอ! ที่ผ่านมายังเห็นฟร๊องก์เจ็บไม่พออีกหรือไง!”

   “ฟะ... ฟร๊องก์ เปล่านะ ปาร์คไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลย” ปาร์คที่มองผมด้วยรอยยิ้มบางๆ ในตอนแรก กลับเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าซีดเผือดด้วยความตระหนกตกใจขึ้นทันที

   “แล้วทำแบบนี้ทำไม! เห็นฟร๊องก์เป็นตัวอะไรเหรอ เห็นฟร๊องก์เป็นไอ้โง่ที่จะหลอกได้ง่ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนั้นเหรอ! หรือเห็นว่าฟร๊องก์เป็นของตายของปาร์ค ที่แค่ทำเซอร์ไพรส์แค่นี้ฟร๊องก์ก็จะยอมให้อภัย! บอกเลยว่ามันง่ายไปหน่อยมั้งกับความรู้สึกที่เสียไปของฟร๊องก์!” ผมยังคงตะโกนใส่หน้าปาร์คอย่างห้ามไม่อยู่

   คิดว่าผมยินดีกับสิ่งที่ปาร์คทำอยู่เหรอ คิดว่าผมจะดีใจที่ปาร์คทำเซอร์ไพรส์เหรอ เปล่าเลย มันยิ่งตอกย้ำให้ผมดูเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้นเอง! สุดท้ายก็คงเป็นผมเองที่ต้องกลับไปจมอยู่กับความเจ็บปวดเช่นเดิม

   “ปาร์คขอโทษ... เพราะ... เพราะปาร์คไม่รู้ว่าจะกลับมาคุยกับฟร๊องก์อย่างไร จะขอคบกับฟร๊องก์ได้อย่างไร ปาร์คเลยต้องทำแบบนี้ ฟร๊องก์เข้าใจปาร์คนะ ปาร์คไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลย ปาร์คแค่อยากจะเซอร์ไพรส์ ไม่คิดจะหลอกฟร๊องก์เลยสักนิด ปาร์ครู้ว่าสิ่งที่ปาร์คเคยทำกับฟร๊องก์ไว้ แค่นี้มันคงลบล้างไม่ได้ แต่ปาร์คไม่อยากจะใช้มันมาลบล้างความผิดอยู่แล้ว ปาร์คแค่อยากให้ฟร๊องก์ให้โอกาสปาร์คได้เป็นคนรักษาแผลนั้นด้วยตัวปาร์คเอง”

   “...”

   “เรากลับมาดีกันเหมือนเดิมเถอะนะฟร๊องก์ ยังไม่ต้องตกลงคบกันก็ได้ แต่ให้โอกาสปาร์คเถอะนะ” ดวงตาทรงเสน่ห์ของปาร์คตอนนี้เอ่อล้นด้วยน้ำตา มุมอ่อนแอของปาร์คที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก

   “ฟร๊องก์คงกลับไปรู้สึกดีกับปาร์คไม่ได้อีกแล้ว ทั้งที่ฟร๊องก์พยายามจะตัดใจแล้ว ปาร์คกลับมาอีกทำไม ทำไมยังต้องคอยทำให้ฟร๊องก์ตกอยู่ในความรู้สึกนี้ด้วย ทำไมไม่ปล่อยฟร๊องก์ไปสักที” ผมฟังคำเว้าวอนจากปาร์ค ก็อ่อนลงอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะพูดทั้งน้ำตา ทำไมกัน ทั้งที่ผมพยายามจะเดินออกจากจุดที่ผมยืนอยู่แล้วแท้ๆ ทำไมปาร์คถึงฉุดให้ผมกลับมาเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ซ้ำๆ ด้วย

   ไม่ว่าผมจะพยายามลืมอย่างไร ปาร์คก็มักจะโผล่เข้ามาปั่นป่วนความรู้สึกของผมเสมอ ไม่ว่าผมจะพยายามเปิดใจให้ใครได้เข้ามา ปาร์คก็มักจะมากันท่า ทำท่าทางหึงหวงกับผมเสมอ และสุดท้ายสิ่งเหล่านั้นก็กลับมาทำร้ายผมเสมอเช่นกัน แล้วผมควรจะทำอย่างไร   

   “ปาร์คขอโทษ... แต่ปาร์คจะละเลยความรู้สึกที่มีเหมือนแต่ก่อนแล้วปล่อยฟร๊องก์ไปไม่ได้จริงๆ” ปาร์คอ้อนวอนผมอย่างน่าเห็นใจ มือที่ถือสร้อยที่ร้อยแหวนวงนั้นไว้เอื้อมมาจับมือผมอย่างเว้าวอน

   “หึ! แล้วปาร์คคิดว่าไอ้ของแค่นี้มันจะมีค่าพอลบล้างสิ่งต่างๆ ที่ปาร์คทำไว้กับฟร๊องก์เหรอ ต้องให้พูดไหมว่าทำอะไรกับฟร๊องก์ไว้บ้าง แล้วคิดว่าไอ้ของแค่นี้มันจะมีค่าพองั้นเหรอ!” ผมแย่งสร้อยเส้นนั้นจากมือปาร์ค ก่อนจะขว้างมันออกไปสุดแรง ถึงมันจะมีค่าแค่ไหน แต่ความรู้สึกของผมมันก็มาแทนที่ไม่ได้หรอก คิดว่าผมจะลืมวันที่ถูกปาร์คย้ำยีอย่างทารุณได้เหรอ คิดว่าผมจะลืมว่าที่ปาร์คทำร้ายผมเพื่อปกป้องอีกคนได้เหรอ คิดว่าของแค่นี้มันจะทดแทนความรู้สึกที่เสียไปของผมได้อย่างนั้นหรือ!

   “ฟร๊องก์!” ปาร์คพูดด้วยท่าทางตกใจ พร้อมกับมองหน้าผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง ปาร์คจะผิดหวังอะไรกับแค่ของแค่นั้น แล้วกับผมล่ะ ไม่คิดว่าผมจะเคยรู้สึกผิดหวังบ้างเหรอ ไม่คิดว่าผมจะเคยเจ็บกับการกระทำต่างๆ นานานั่นบ้างเหรอ ปาร์คมองหน้าผมอยู่เป็นนาที ก่อนที่จะทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ แล้ววิ่งออกไป “มันอาจจะไม่มีค่าพอสำหรับฟร๊องก์ แต่ปาร์คก็จะเอามากลับคืนมาให้ฟร๊องก์ให้ได้!”

   “มันไม่มากไปหน่อยเหรอวะ!” ขณะที่ปาร์คกำลังวิ่งออกไปจากบริเวณนี้ ตัวผมก็ปลิวด้วยแรงกระชากของใครอีกคน จนเมื่อตัวผมหันตามแรงกระชากนั้นไปคนที่เข้ามากระชากไหล่ผมอย่างแรงนั้นก็คือพี่ปอนด์นั้นเอง เขาตัวใหญ่กว่าผมเล็กน้อย และเป็นจังหวะที่ผมกำลังเผลอ เลยทำให้แรงกระชากนั้นค่อนข้างรุนแรง

   “มันไม่มากไปหรอกครับ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมเคยได้รับมา มีใครเคยสนใจ เคยถามผมหรือเปล่าว่าผมต้องทนเจ็บปวดกับสิ่งที่ผ่านมามากขนาดไหน” ผมรีบตั้งสติ พร้อมสะบัดไหล่ออกจากการจับกุมดังกล่าว ก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่ดุเข้ม พร้อมกับจ้องตาพี่ปอนด์อย่างไม่มีใครยอมใครเช่นกัน

   “แต่มันมากถึงขั้นที่จะต้องทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้เลยเหรอ! มึงยังจะเอาอะไรอีก มึงรักน้องกูจริงหรือเปล่า ไหนมึงเคยบอกว่ารักน้องกูไง!” พี่เขาบริภาษใส่ผมด้วยอารมณ์เดือดพล่าน สายตาดุดันจ้องลึกเข้ามาในนัยน์ตาของผมอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ผมเองก็ไม่ได้หลบสายตาเขาเหมือนกัน เพราะยังไงซะวันนี้มันก็ต้องแตกหักอยู่แล้ว ผมไม่อยากจะโง่ต่อไปอีกแล้ว ผมไม่อยากจะเป็นแค่ตัวอะไรก็ไม่รู้ที่ใครจะมาทำร้ายจิตใจได้อีกแล้ว!

   “ผมเคยบอกพี่เหรอครับ เท่าที่ผมจำได้ผมบอกพี่ว่าระหว่างผมกับปาร์คเราคือ ‘เพื่อน’ กันเท่านั้นนะครับพี่ปอนด์ จำไม่ได้เหรอ พี่ปอนด์ยังย้ำเลยว่าจำที่ผมบอกเอาไว้ดีๆ นี่ไงครับ ผมจำได้แม่นเลย แล้วก็ทำตามแล้วไง” ผมแสยะยิ้มเหยียดอย่างท้าทาย ผมพูดจริงนิ ผมเป็นคนบอกพี่เขาเองว่าเป็นเพื่อนกัน พี่เขาเองก็ให้ผมย้ำสถานะนั้นเอง ตอนนี้ผมก็ทำแล้วไง ผมพยายามที่จะหยุดความสัมพันธ์ที่ล้ำเส้นของความเป็นเพื่อนมานานแล้ว แต่อีกคนต่างหากที่กำลังล้ำเส้น

   “มึงมันโคตรเห็นแก่ตัวเลย! น้องกูรักมึงมาก มึงรู้บ้างรึเปล่า! มันทำเพื่อมึงมากขนาดไหน มึงเคยรับรู้บ้างไหม! มึงมันไม่เคยรู้อะไรเลย ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเอง!”

   “...!” ผมนิ่งงันกับสิ่งที่ปอนด์พูด ที่ผ่านมาผมแคร์แต่ตัวเองงั้นเหรอ ผมแค่กลัวความเจ็บปวดที่ทำให้ผมไม่อยากกลับไปเจ็บอีก แปลว่าผมเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ

   “มึงรู้ไหมว่าปาร์คมันพยายามมากแค่ไหนที่ต้องให้ป๊ากับแม่ยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ มึงคิดว่ามันง่ายนักเหรอกับการทำให้ความรักที่ผิดธรรมชาตินี้เป็นที่ยอมรับได้ ปาร์คมันแบกความกดดันไว้มากแค่ไหนมึงไม่เคยรู้เลย หึ! มึงคงคิดว่าปาร์คมันไม่เห็นจะดูมีปัญหาอะไรตรงไหน ก็ใช้ชีวิตสุขสบายดี ใช่! เพราะครอบครัวไม่เคยบังคับว่าต้องให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่กับเรื่องนี้มันไม่ใช่ไง ป๊ากับแม่เคยต้องผิดหวังกับกูมาแล้วคนหนึ่ง ปาร์คมันเลยถูกตั้งความหวังและสร้างแรงกดดันมาตั้งแต่เด็กว่าไม่อยากให้เป็นเหมือนกู”

   “...”

   “กูเองก็พอจะดูน้องกูออกว่าปาร์คมันรู้สึกกับมึงมานานแล้ว แต่มันไม่กล้า แม้จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง เพราะมันกลัวว่าป๊ากับแม่จะผิดหวังและเสียใจ กลัวว่าอาการของป๊าจะทรุดลงด้วย มึงคงไม่รู้สิว่าป๊าของพวกกูเป็นมะเร็งลำไส้ แต่ถึงจะรู้ มึงก็คงไม่ได้ใส่ใจ แต่กูจะบอกไว้ให้ว่านั่นก็ยิ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ปาร์คต้องปิดกั้นความรู้สึกตัวเอง และไม่ตอบรับความรู้สึกของมึง”

   “...!” ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อของปาร์คป่วย

   “ปาร์คมันน่าสงสารนะ ทั้งที่มันสามารถมีความสุขได้กับทุกๆ เรื่อง แต่เรื่องนี้มันกลับทำตามหัวใจตัวเองไม่ได้ แต่ก็เป็นเพราะมึง ที่ทำให้มันกล้าที่จะเดินออกมาเปิดอกคุยกับป๊าและแม่ เพราะมันรักมึงมากไง มันถึงกล้าที่จะทำตามหัวใจตัวเองในอีกเรื่อง และมันก็ยอมจะแลกความฝันของตัวเองที่จะเป็นสถาปนิกเพื่อต่อโทบริหารมาสืบทอดงานที่บ้าน ที่มันยอมแลกก็เพราะมันคิดว่าความรักที่มันมีให้มึง จะทำให้ป๊ากับแม่เห็นใจและยอมรับเรื่องนี้ได้ มันใช้เวลานานนะที่จะพิสูจน์ตัวเอง ทั้งกับครอบครัวมันเอง แล้วไหนจะครอบครัวมึงอีก”

   “…”

   “เรื่องเซอร์ไพรส์มึงวันนี้ ปาร์คมันก็เตรียมตัว และขอร้องให้ทุกคนช่วย มันยอมที่จะโดนหักค่าขนม และไปช่วยงานที่บริษัททุกเสาร์ อาทิตย์เพื่อรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายที่ทำให้เกิดงานนี้ขึ้นมา บอกตรงๆ มาวันนี้กูไม่แค่สงสารน้องกูที่มันต้องทนเก็บความรู้สึกมานาน และยอมแลกอะไรหลายๆ อย่างแล้วว่ะ แต่กูสงสารมันที่ไปรักกับคนไร้หัวใจแบบมึง!”

   “ผมเนี่ยนะไร้หัวใจ แล้วที่ผ่านมา ถ้าปาร์ครักผมจริงๆ ทำไมปาร์คถึงได้ทำร้ายผมล่ะ ผมน่ะรู้ใจของตัวเองมาตลอดว่ารักปาร์ค แต่ไม่ใช่ปาร์คหรอกเหรอที่โลเล จนทำให้ความรู้สึกของผมตอนนี้มันสายเกินกว่าจะกลับไปรักอีกแล้ว” 

   “มึง!” พี่ปอนด์พูดกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นเส้น ก่อนที่จะผลักผมอย่างแรงจนผมล้มลงกับพื้น ก่อนที่ตัวเขาจะตามมาคร่อมและใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างบีบคอผม

   “ฟร๊องก์! พี่ปอนด์ปล่อย! ผมบอกให้ปล่อย!!” ปาร์คที่วิ่งกลับมาช่วยดึงตัวพี่ปอนด์ออกไปจากตัวผม ก่อนที่จะคว้าตัวผมมาไว้ในอ้อมแขนและเอาตัวเอาเข้ามากันฝ่ามือที่หมายจะฟาดมาที่ผมไว้แทน

   เพี๊ยะ!

   เสียงฝ่ามือที่กระทบลงที่แก้มของปาร์คดังสนั่น ทำเอาทุกอย่างหยุดนิ่ง เสียงแตกตื่นของเหล่าพนักงานที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ดังอื้ออึง

   ทุกคนที่พยายามจะเข้ามาห้ามสถานการณ์ถึงกับนิ่งงัน ตื่นตะลึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ หลังจากที่พี่ปอนด์ตบลงที่ใบหน้าปาร์คอย่างแรง ดูเขาเองก็อึ้งไปเหมือนกัน ผมเองก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดตรงหน้า แต่ปาร์คไม่ได้แสดงออกถึงความเจ็บปวดใดๆ ยังคงกอดผมเอาไว้ในอ้อมแขนนั้นแน่น ไม่ยอมปล่อย

   ผมที่พอสงบลง หันไปมองรอบข้าง ผมเห็นชัญญ่าเบือนหน้าหนีด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่าผิดหวังอย่างชัดเจน เห็นแม่ปาร์คยืนร้องไห้อยู่กับอกของพ่อปาร์ค ในขณะที่แม่ผมเข้าไปจับมือท่านเหมือนกำลังปลอบ ผมดูแย่ในสายตาพวกท่านมากเลยใช่ไหม พวกท่านคงเกลียดและผิดหวังในตัวผมเหมือนกับความรู้สึกที่พี่ปอนด์มีต่อผมสินะ

   “หยุดบ้าหรือยังครับพี่ปอนด์” ปาร์คหันไปกล่าวโทษพี่ปอนด์ด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆ ประคองตัวผมให้ลุกขึ้นยืน “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมฟร๊องก์ ปาร์คขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่อยู่ช่วยฟร๊องก์ ขอโทษที่เข้ามาช่วยฟร๊องก์ช้าไป ขอโทษที่ทำให้ฟร๊องก์ต้องเจ็บอีกแล้ว”

   “พะ... พี่ขอโทษ” พี่ปอนด์พี่เสียงอ่อน ผมมองดูปาร์คที่กำลังสำรวจตัวผมว่าผมบาดเจ็บอะไรหรือเปล่าแล้วก็รู้สึกสงสาร รู้สึกผิดขึ้นมา ผมก็ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะผมคนเดียว เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะผมแค่คนเดียว!

   เพราะผมคนเดียวที่ยึดติดอยู่กับภาพความเจ็บปวดในอดีต เพราะผมที่ถูกอดีตกักขัง และเอามันมาเป็นข้ออ้างปกป้องตัวเอง โดยไม่คิดว่ามันจะทำร้ายคนอื่นๆ มากแค่ไหน 

   “อย่าทำร้ายฟร๊องก์เลยนะพี่ปอนด์ ถ้าจะทำขอให้มาทำกับปาร์คคนเดียว ปาร์คเคยทำให้ฟร๊องก์เสียใจเอาไว้มาก แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับปาร์คด้วยซ้ำ ปาร์ครักฟร๊องก์นะพี่ปอนด์ ฟร๊องก์คือคนที่ปาร์ครัก ไม่ว่ายังไงปาร์คก็ยังคงรัก ของที่เสียไปมันก็คือสิ่งของ ยังไงซะตัวคนก็สำคัญกว่าอยู่ดี แค่ที่ผ่านมา ฟร๊องก์ก็คงเกลียดปาร์คจนไม่อยากจะมองหน้าแล้ว” ปาร์คที่สำรวจตัวผมแล้วว่าไม่เป็นอะไรก็หันกลับไปพูดกับพี่ปอนด์ทั้งน้ำตา

   ผมไม่ได้เกลียดปาร์ค ไม่เคยเลย แต่ผมแค่กลัวสิ่งใจตัวเอง ผมไม่อยากให้เราสองคนถลำเข้าไปลึกกว่านี้ ผมกลัวว่าวันหนึ่งปาร์คจะทำร้ายผมอีก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผมเอง ที่ทำให้ทุกคนเจ็บปวด ทั้งปาร์ค ทั้งพ่อแม่ของเราสองคน ผมทำให้พี่น้องต้องทะเลาะกัน

   คงเป็นผมเองที่เห็นแก่ตัวอย่างที่พี่ปอนด์ว่า ผมไม่ควรอยู่ที่นี่ ไม่ควรมีตัวตนอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม ก่อนจะตัดสินใจผลักปาร์คออกแล้ววิ่งออกไปจากตรงนี้ ไปให้ไกลจากคนที่เคยต้องทำให้ผมเจ็บปวด และต้องเจ็บปวดเพราะผมเหล่านี้ มันควรเป็นผมต่างหากที่อยู่บนโลกนี้คนเดียว

   คนที่ห่วงแต่ตัวเองอย่างผม ไม่ควรได้รับความรักใคร...


à suivre...


อ้าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า
ฟร๊องก์เป็นบ้าขึ้นมาแล้วแน่ๆ นี่ถ้ามีคนทำให้ขนาดนี้ เราคงใจอ่อนไปแล้ว
แต่นี่คืออะไร แต่งมาถึงตอนนี้ยังสงสัยว่านี่เราแต่งให้นายเอกเป็นบ้าหรือเปล่านะ 555+


ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วนะฮะ

เจอกันใหม่สิ้นเดือน สิ้นปี และจุดสิ้นสุดของเรื่อง จุ๊บ  :mew1:

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หึ ฟร้องซ์เป็นคนโง่ดักดานไม่พอ ยังกลายเป็นคนผิดด้วย ยินดีด้วยกับตำแหน่งนายเอกน่าสมเพชแห่งปี

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
บางทีทิฐิก็ควรปล่อยวางลงบ้าง ถ้าเป็นเราก็คงใจอ่อนกับเซอร์ไพรส์นี้นะ เอามาได้ทั้งพ่อแม่ของเราและของเขา
เพื่อที่ให้ได้รับรู้แบบนี้ เราว่าดีออก

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เราว่าครอบครัวนี้แม่งไม่น่าคบ ไม่เคยคิดถึงคนอื่นเลย น้องตัวเองลำบาก

โอ๊ยยยยย ไอ้เฮี้ย น้องเมิงทำผิดหมดทั้งกฎหมาย ความเป็นคน ความรับผิดชอบ ในฐานะมนุษย์
ยิ่งพี่ออกมา ยิ่งเฮี้ยมาก

เฮี้ยสุด ตัวเองทำครอบครัวผิดหวัง ยกให้น้องรับผิดชอบ มาด่าคนของน้องรัวๆ ทำร้ายร่างกาย

นี่เค้าโตมากับการที่พ่อตบแม่ให้ดูหลังอาหารวันละ 3 เวลารึเปล่า
ถึงเห็นว่าการใช้กำลังเป็นเรื่องปกติ


ต่อให้ปาร์กดีขึ้น มีพี่แบบนี้ ชีวิตก็เฮี้ยเกินจะทน

ออฟไลน์ Sweetchan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยยยยยยย งงกับฟร๊อง เป็นไบโพหรอ เด๋วก็คิดถึงเค้าพอเค้ามาง้อก็วีนแตก งานคุณหนูเจ้าอารมมากกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บอกตรงๆนะ รำคาญคนที่เอาแต่ด่าฟร้องซ์ ถามจริงโดนขนาดนี้จะให้ปล่อยวาง? ใช้อะไรคิด ปาร์คมันเลวเกินความเป็นคนด้วยซ้ำ แล้วดูพี่มันสิ สันดานเหี้ยที่สุดแล้ว มาด่าฟร้องซ์ว่าทำกับน้องมันแบบนี้ แค่นี้มันยังไม่ถึง10%ที่ปาร์คมันทำกับฟร้องซ์ไว้ด้วยซ้ำ คนที่เลวที่สุดและน่าขยะแขยงที่สุดคือพี่ไอ้ปาร์คที่มีความคิดต่ำตมแบบนี้ เรื่องนี้ควรจบด้วยการทางใครทางมัน ปัญหามันมีมากจนเกินเยียวยาแล้ว มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว ห่างกันออกไปเลย บางทีสิบปีข้างหน้าอาจจะกลับมาเจอกันใหม่แล้วให้อภัยกันก็ได้ แต่เวลานี้ควรจบแล้วต่างคนต่างไปมีชีวิตเป็นของตัวเองเถอะ ถ้ามันรักกันจริงอีกสิบปีกลับมาเจอกันใหม่ก็ไม่สายไปหรอกนะ

ออฟไลน์ PorschePor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
L’épilogue 3

      “ฟร๊องก์!” เสียงปาร์คตะโกนเรียกผมพร้อมด้วยเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามผมมา ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะคว้าตัวผมให้หยุดวิ่งและดึงเข้าไปไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง “ฟร๊องก์ จะไปไหน”

      “ฟร๊องก์ไม่ควรอยู่ที่นี่ ฟร๊องก์ทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด ทำให้แม่ปาร์คต้องร้องไห้ แล้วอาจจะทำให้พ่อของปาร์คอาการทรุดลง ฟร๊องก์ทำให้ปาร์คต้องทำเลาะกับพี่ปอนด์ เรารักกันไม่ได้หรอกปาร์ค ทุกคนคงเกลียดฟร๊องก์หมดแล้ว มันจบแล้ว มันจบแล้ว!” ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดนั้นพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างกลั้นไม่อยู่

      “ไม่เลย ทั้งหมดมันเป็นเพราะปาร์คต่างหาก ปาร์ครู้นะว่าการกระทำที่ผ่านมาที่เคยทำไว้กับฟร๊องก์มันยากที่จะให้อภัย ปาร์ครู้ว่าฟร๊องก์ต้องเจ็บปวดกับมัน แต่ให้โอกาสปาร์คอีกครั้งได้ไหม แผลต่างๆ ที่ปาร์คทำไว้ ขอให้ปาร์คได้เป็นคนรักษามันด้วยตัวเองได้ไหม ไม่ว่าฟร๊องก์จะยอมหรือไม่ แต่สิ่งที่ปาร์คอยากให้ฟร๊องก์รู้ไว้คือความรักของปาร์ค ปาร์คไม่ได้โกหกฟร๊องก์เลย ฟร๊องก์จะไล่ปาร์ค จะหนีปาร์คไปอีกก็ได้นะ จะให้ปาร์ครอต่อไปอีกนานแค่ไหนก็ได้ แต่ปาร์คอยากให้ฟร๊องก์ถามใจตัวเอง เพราะยังไงฟร๊องก์ก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นหรอก” ปาร์คยื้อตัวผมไว้สุดแรงพลางอธิบายอย่างยืดยาว ส่งผ่านสิ่งที่อยู่ในใจของเขามาสู่ผม

      “ฮือ... ปล่อยนะ”

      “ฟร๊องก์จะไม่ให้อภัยปาร์คตอนนี้ก็ได้ จะหนีปาร์คไปก็ได้ แต่ปาร์คจะบอกว่าปาร์คไม่มีวันยอมแพ้ ไม่ว่าฟร๊องก์จะหนีปาร์คไปที่ไหน จะให้ปาร์ครอนานแค่ไหน แต่ปาร์คก็จะรอ รอที่จะได้เยียวยาหัวใจที่เป็นแผลเพราะตัวปาร์ค...”

      “แล้วต้องนานแค่ไหนเหรอปาร์ค อีกนานแค่ไหนที่เราจะต้องเจ็บไม่รู้จักจบสิ้นแบบนี้ เมื่อไรที่เราจะกลับไปมองหน้ากันแล้วยิ้มและหัวเราะด้วยกัน เมื่อไรที่ปาร์คจะแกล้งฟร๊องก์ได้โดยทั้งเราทั้งคู่บริสุทธิ์ใจในฐานะของเพื่อน! เมื่อไรที่ปาร์คจะปล่อยให้ฟร๊องก์ได้ทำใจสักที!” เมื่อไรจะหยุดความเจ็บปวดในใจของผมสักที

      “ฟร๊องก์...”

      “ปล่อยฟร๊องก์ไปเถอะนะปาร์ค อย่าทรมานกันอีกเลย” ผมพูดอย่างอ่อนแรง ต่างจากอารมณ์ที่คุกรุ่นก่อนหน้า ผมเหนื่อยแล้วจริงๆ ผมไม่อยากให้ใครต้องเจ็บอีกแล้ว ผมไม่อยากให้ใครต้องผิดหวังไปมากกว่านี้อีกแล้ว

      “ปาร์ค... เข้าใจแล้ว... ถ้านั่นจะทำให้ฟร๊องก์มีความสุข... กว่าการที่มีปาร์คอยู่ในชีวิต ปาร์ค... ปาร์ค... ก็จะยอมปล่อยฟร๊องก์ไป...” สิ้นเสียงอันแสนหดหู่ของปาร์ค ผมรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระตุกวูบ เหมือนตัวเองกำลังตกจากที่สูง

      บรรยากาศรอบข้างของผมเปลี่ยนไปทันที ต้นไม้ที่ถูกประดับด้วยดวงไฟหลากสีกลับดูไม่สดใสอีกต่อไป กลิ่นหอมจางๆ จากเทียนหอมที่จุดไว้ กลับทำให้รู้สึกคลื่นไส้ชวนอาเจียน สายลมจากท้องทะเลที่เคยพัดโชยเอื่อยๆ กลับหยุดนิ่งจนรู้สึกอบอ้าว ก่อนที่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่นจะค่อยๆ ละออกจากตัวผมจนสัมผัสได้ถึงความเดียวดายและความเหงาจับขั่วหัวใจ แต่นั่นคือสิ่งที่ผมเลือกเอง...

      “ฮึก...” ผมหลับตาแน่นไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร ไม่กล้าที่จะมองอะไร แม้แต่การหายใจตอนนี้ยังรู้สึกยากลำบาก

      “ฟร๊องก์ไปตามทางที่ฟร๊องก์เลือกเถอะ...” เสียงปาร์คยังคงดังก้องจากด้านหลังของผม แต่ปราศจากวงแขนที่เคยโอบผมไว้แล้ว

      “ทำไมต้องไล่กันด้วย... หึหึ ฟร๊องก์ไม่ได้อยากไปไหนสักหน่อย” ผมค่อยๆ หันกลับไปหาปาร์ค ก่อนจะหัวเราะออกมาเล็กน้อยด้วยความพอใจ ทั้งพ่อแม่ของผม และพ่อแม่ของปาร์ค รวมถึงพี่ปอนด์และชัญญ่าเดินตามออกมาทางด้านหลังของปาร์คด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของทุกคน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้เป๊ะ! แถมยังได้ผลเกินคาดด้วยซ้ำไป

      “น่ะ... นี่มันอะไรกัน” ปาร์คมองหน้าผมด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองยังทุกคนด้วยความสงสัยเช่นกัน

      “ปาร์คโดนฟร๊องก์ซ้อนแผนเข้าแล้วล่ะ ฮ่าๆ” ชัญญ่าอธิบายพร้อมเสียงหัวเราะ

      “หมายความว่า...”

      “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ฟร๊องก์เป็นคนวางแผนเองแหละ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ขำที่ปาร์คยังดูงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ โดนหักดิบ ซ้อนแผนแบบคาดไม่ถึงของผมเป็นไงล่ะ “ขอโทษด้วยนะ และก็ขอบคุณที่อุตส่าห์วางแผนจะเซอร์ไพรส์ฟร๊องก์ไว้ แต่มันเนียนไม่พอ ฟร๊องก์เลยจับได้ซะก่อน มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ”

      ใช่แล้วครับ ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เป็นแผนการของผมเอง ทั้งปาร์คและคุณผู้อ่านโดนผมต้มเข้าเต็มๆ เลยแหละ เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าที่ผมจะมาที่นี่ ผมดันเผลอไปได้ยินแม่คุยโทรศัพท์กับปาร์ค ก็เลยเริ่มจับได้ว่าทุกคนกำลังวางแผนหลอกให้ผมไปภูเก็ตเพื่อไปหาปาร์ค ถึงว่าทำไมแม่ถึงให้ผมไปง่ายจัง

      ผมรอจนแน่ใจว่าผมไม่ได้เข้าใจผิด จึงบอกให้แม่รู้เลยว่าผมรู้เรื่องแผนการที่วางไว้หมดแล้ว ผมเลยถามเรื่องราวทั้งหมด ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงยอมทำตามแผนของปาร์คได้ ทั้งที่ก่อนหน้าที่ได้รู้ว่าปาร์คทำไม่ดีไว้กับผม ท่านดูท่าทางไม่พอใจ แม่จึงบอกว่าปาร์คแอบพาพ่อกับแม่ของตนมากราบขอโทษสิ่งที่เคยทำผิดไว้กับผม พร้อมสารภาพว่ารู้สึกยังไงกับผม และพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง

      และการที่ปาร์คพาพ่อกับแม่ของตัวเองไปก็เพื่อให้พ่อกับแม่ของผมรับรู้และสบายใจได้ว่ามันไม่ได้เกิดจากความคิดอุกอาจของปาร์คคนเดียว แต่เป็นการที่ปาร์คได้คุยและทำให้พ่อแม่ของตัวยอมรับแล้วด้วย และนั่นก็ทำให้ผมถึงได้ถามต่อว่ามีใครสมรู้ร่วมคิดบ้าง พอผมรู้ถึงผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด คนแรกที่ผมโทรไปจัดการก็คือชัญญ่า ผมจัดการดึงเธอมาเป็นพวกทันที

      ก่อนจะพยายามหาทางติดต่อไปยังพี่ปอนด์ ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยนัก เพราะแผนที่ผมวางมานั้นค่อนข้างรุนแรง ก็อย่างที่เห็นก่อนหน้าว่ามันเล่นกับความรู้สึกและอารมณ์รุนแรงจริงๆ แต่ผมก็พยายามเกลี่ยกล่อมพี่ปอนด์ อย่างน้อยมันก็เป็นการพิสูจน์ได้ว่าปาร์ครู้สึกยังไงกับผมจริงๆ พิสูจน์สำหรับผมด้วย และก็พิสูจน์สำหรับตัวปาร์คเองด้วย ทั้งปาร์คและผมจะได้ไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองในภายหลัง และมันยังเป็นการเปิดโอกาสให้ปาร์คได้แสดงการขอโทษที่ออกมาจากใจจริงๆ และทำให้ผมเห็นอีกด้วยว่ามันมากพอจะทำให้ผมก้าวข้ามอดีตที่มีได้ไหม พี่ปอนด์จึงรับปากว่าจะช่วย รวมทั้งไปนัดแนะกับพ่อแม่ปาร์คอีกที

      และการที่ผมล่วงรู้ถึงแผนการนี้ก่อนจะตลบหลังกลับ ก็ทำให้ผมได้เปิดใจคุยและขอโทษพี่ปอนด์ถึงคำพูดที่ไม่สุภาพในเฟซบุ๊กตอนนั้นด้วย จึงทำให้ผมได้รู้ในอีกด้านของปาร์คที่ผมไม่เคยได้รับรู้เช่นกัน

      อย่างที่พี่ปอนด์พูดไปในแผนตลบหลังของผมก่อนหน้า สิ่งที่พี่ปอนด์พูดนั่นคือความจริงที่ผมไม่เคยรู้เลย ผมเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากจริงๆ ที่กลัวแค่ตัวเองจะเจ็บปวดแบบที่ผ่านมา โดยไม่รับรู้เลยว่าปาร์คพยายามเพื่อผมมากแค่ไหน

      พี่ปอนด์เหมือนคนที่เข้ามาทำให้ตาของผมสว่างและชัดเจนมากขึ้น ทำให้ผมได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ปาร์คหายไป ปาร์คหายไปเพื่อจะพิสูจน์ตัวเองกับครอบครัวของตัวเอง และครอบครัวของผมว่าเขารักและจริงจังกับผมมากแค่ไหน

      ความฝันของปาร์ค ที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เคยที่จะบอกผมก็คือการเป็นสถาปนิก แม้ครอบครัวจะไม่ห้าม แต่เพราะธุรกิจการนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่มีมันก็ค้ำอยู่เป็นนัยว่าปาร์คจะต้องรับผิดชอบ และสุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมละทิ้งความฝันเพื่อรับปากว่าจะเรียนต่อด้านการบริหารในระดับที่สูงขึ้น เพื่อมาดูแลธุรกิจดังกล่าวต่อจะพ่อของตนที่ถึงเวลาวางมือ

      และในช่วงแรกๆ ที่ปาร์คเอ่ยปากคุยเรื่องของผมกับครอบครัว พ่อแม่ของปาร์คยังคงทำใจไม่ได้ ส่งผลให้อาการของพ่อปาร์คทรุดลงเล็กน้อย ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลพ่อของตนด้วย แม้จะทำให้การเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยจะลำบากมากขึ้น แต่เจ้าตัวก็ไม่หวั่น แถมยังทำผลการเรียนออกมาได้ดีอีกด้วย เป็นข้อพิสูจน์อีกอย่างถึงความรับผิด และมันก็ทำให้พ่อกับแม่ของเขาเริ่มใจอ่อนจากคำขอร้องที่ปาร์คเอ่ยเป็นประจำ

      ปาร์คพยายามอย่างมากที่จะทำให้พ่อแม่ของตนยอมรับ รวมทั้งพี่ปอนด์ ที่เมื่อเห็นน้องของตนพยายามมากขนาดนั้น จึงช่วยน้องอีกแรง แม้ว่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่สุดท้ายปาร์คก็ทำสำเร็จ และพาพ่อกับแม่ของตนมาคุยกับพ่อแม่ของผมอย่างเป็นทางการ

      ตัวชัญญ่าเองก็รู้เรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เพราะปาร์คขอเอาไว้ว่าไม่อยากให้ผมรู้ ชัญญ่าจึงไม่ปริปากพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มักจะคอยเป็นสายรายงานความเป็นอยู่ของผมให้กับปาร์คอยู่เสมอ

      ในตอนแรกที่ผมได้รู้เรื่องราวต่างๆ จากพี่ปอนด์ หัวใจผมมันเหมือนถูกบีบรัดอย่างรุนแรง ผมเฝ้าแต่ถามตัวเองเสมอว่าสิ่งที่ปาร์คทำมันมากพอแล้วใช้ไหมกับสิ่งที่เคยผ่านมา และสิ่งเหล่านี้มันจะลบล้างการกระทำเลวร้ายเหล่านั้นได้หรือเปล่า
และผมก็ได้คำตอบสำหรับตัวเองว่า ถ้าเราไม่รู้จักปล่อยวาง เราก็คงไม่มีวันหลุดพ้น   

      แม้แผนที่ผมวางไว้จะค่อนข้างรุนแรง และไม่ค่อยเป็นที่เห็นด้วยจากใครหลายๆ คนมากนัก แต่พอเห็นพี่ปอนด์เล่นละครเมื่อกี้ ผมว่าพี่เขาจริงจังกว่าผมอีก เล่นผลักผมเต็มแรงเหมือนเกลียดผมจริงๆ แถมยังนอกบทตบหน้าปาร์คซะเต็มจนผมเองยังอึ้งอีกด้วย แล้วบอกว่าไม่อยากให้ความร่วมมือ ฮ่าๆ

      ผมเองก็รู้นะว่าแผนนี้ค่อนข้างเสี่ยง เพราะถ้าปาร์ครู้ตัวว่าจริงๆ แล้วความรู้สึกที่มันมีไม่ได้จริงจังกับผม เรื่องระหว่างผมกับปาร์คก็จะถึงจุดแตกหักจริงๆ แต่ไม่ว่ามันเสี่ยงยังไง ผลลัพธ์ที่ได้มันก็คุ้มพอที่ผมจะยอมเสี่ยง เพราะผมไม่เหลืออะไรที่จะเดิมพันแล้ว

      อีกอย่างที่ผมกล้าวางแผนที่เสี่ยงขนาดนี้ก็เพราะสิ่งที่ปาร์คพยายามทำให้ผมเห็นก่อนหน้า ที่เจ้าตัวพยายามแสดงให้เห็นว่าเขารักผมจริงๆ ยอมที่จะลดทิฐิและศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อง้อและขอโทษผม นั่นคือความพยายามของปาร์คที่ทำให้เกิดแผนการตลบหลังวันนี้ขึ้นมา และทำให้ผมเลือกที่จะเริ่มต้นความรู้สึกดีๆ กับปาร์คใหม่เช่นกัน

      อย่างที่ผมตอบคำถามของตัวเอง ผมปล่อยวางมันลงหมดแล้ว ถึงผมจะไม่ได้รักปาร์คน้อยลง แต่ก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดการกระทำของปาร์คก่อนหน้าแล้ว ความรู้สึกมันกลับไปยังจุดเริ่มต้นมากกว่า อยู่ที่ว่าเราจะสานต่อมันอย่างไร

      “เล่นแรงไปแล้วนะฟร๊องก์ ปาร์คคิดว่าจะต้องปล่อยฟร๊องก์ไปแล้วจริงๆ” ปาร์คว่าผมด้วยท่าทางเคืองเล็กๆ พร้อมกับเชิดหน้าใส่ผมอย่างงอนๆ ดูแล้วผมตลกมากกว่า แต่เห็นแบบนี้ก็น่ารักดี ก่อนที่เจ้าตัวจะวาดวงแขนมาโอบผมไว้อีกครั้ง และกอดผมแน่นกว่าเดิม แต่ต่างที่ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลานั้นประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่างจำเป็นต้องเล่นแรงถึงขั้นต้องโยนแหวนทิ้งเลยเหรอ รู้ไหมว่าปาร์คตั้งใจสั่งทำมันขึ้นมาพิเศษสำหรับเราสองคนเลยนะ จะหาเจอเปล่าก็ไม่รู้”

      “ใครว่าทิ้งไปแล้วล่ะ อยู่นี่ต่างหาก” ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบแหวนที่ร้อยอยู่กับสร้อยนั้นออกมา ผมคงโยนได้เนียนมาก และด้วยอารมณ์ตอนนั้นพาไปด้วยมั้ง ปาร์คถึงเชื่อสนิทใจว่าผมปาทิ้งไปแล้วจริงๆ เห็นหน้าตาตื่นตอนที่ผมเขวี้ยงแล้วยังเกือบหัวเราะออกมาเลย

      “ร้ายนักนะ พี่ปอนด์ก็อีกคน เล่นตบมาซะเต็มแรงเลย โกรธอะไรผมหรือเปล่าเนี่ย!” ปาร์คว่าก่อนจะยกมือข้างหนึ่งมาลูบที่แก้มตัวเองปอยๆ คงจะเจ็บจริงๆ แล้ว โดนซะเต็มแรงขนาดนั้น ผมยังนึกนะว่าถ้ามันพลาดมาโดนผมขึ้นมาจะทำยังไง หน้าผมคงได้ห้อเลือดแน่ๆ

      “อารมณ์มันพาไปต่างหากจ้ะ!” พี่ปอนด์ว่า จะว่าไปแม่ปาร์คเองก็ใช่ย่อยนะ มีร้องไห้ด้วย สมบทบาทกันสุดๆ เลย

      “เดี๋ยวฟร๊องก์เป่าให้มา เพี้ยง! หายไวๆ นะ” ผมยกมือขึ้นมาลูบแก้มปาร์คเบาๆ อย่างทะนุถนอม ก่อนจะทำเป็นเป่าเบาๆ อย่างปลอบโยน

      “ไม่รู้แหละ แกล้งกันแบบนี้ต้องโดนทำโทษ!” ปาร์คกัดฟันบอกผมอย่างคาดโทษ

      “จะทำอะ... อุ๊บ!” ยังพูดได้ไม่ถึงสามพยางค์ ริมฝีปากของผมก็ถูกปิดสนิทด้วยริมฝีปากสีสดของปาร์คแล้ว ปาร์คจูบผมอย่างนุ่มนวล ดูดดื่ม ล้ำลึก แต่ก็ดุดันราวกับกำลังทำโทษผมไปด้วยในคราวเดียวกัน เรียวลิ้นไล่หยอกล้อลิ้นของผมอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับว่าเราสองคนพยายามเก็บเกี่ยวความหวานที่รอคอยของกันและกัน ตักตวงความสุขจากการที่ต้องห่างเหินกันเนินนาน โดยไม่อายสายตานับสิบคู่ที่มองอยู่

      “นี่เป็นการทำโทษที่ทำแผนเอาไว้แสบนัก!” ปาร์คว่าหลังจากที่ละริมฝีปากออกจากกันอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะกัดริมฝีปากล่างของผมเบาๆ อีกครั้งเมื่อพูดจบ พร้อมกับมือที่กำลังยุกยิกที่ลำคอของผม พอก้มลงไปมองอีกทีสร้อยและแหวนวงนั้นก็อยู่ที่ลำคอของผมเป็นที่เรียบร้อย “ห้ามหาย! ห้ามถอด!”

      “จะทำอะไรเกรงใจพ่อแม่กันมั้งนะเห้ย! ไม่ได้อยู่กันสองคน” พี่ปอนด์ว่าเสียงเข้ม แต่สีหน้าล้อเลียน พอพี่ปอนด์พูดแบบนี้ต่อมความอายผมก็ทำงานทันที ผมไม่กล้าจะเงยหน้ามองใครเลย ก็เมื่อกี้เล่นจูบกันซะ... ไม่อายฟ้าอายทะเลเลย

      “จบได้สักทีสินะลูก เข้าใจกันได้ก็ดีแล้ว แม่ก็ลุ้นแทบแย่ ต่อไปนี้ก็ดูแลกันและกันให้ดีล่ะ” แม่ผมพูดพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันไปยิ้มกับพ่อและพ่อแม่ของปาร์คด้วยเช่นกัน

      “ยังไม่จบหรอกครับ มันเพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก นับจากนี้เป็นต้นไปต่างหากครับที่ทุกอย่างจะเข้ามาทดสอบความรักของเราว่ามันจะแข็งแรงพอไหม หัวใจที่มีให้กันจะมั่นคงพอหรือเปล่า มันนับจากนี้เป็นต้นไปต่างหากครับ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ปาร์คก็กระชับอ้อมแขนที่เอวผม ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้ม

      รอยแผลที่เคยถูกทำไว้แม้ว่าจะมีคนมารักษาให้ แต่สิ่งที่เหลือไว้คือร่องรอยแห่งความทรงจำ ทุกสิ่งที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของบทพิสูจน์ของหัวใจ กาลเวลาที่เดินมาตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ และต่อไปในอนาคต มันคือการเดินทางของหัวใจที่ช่วยให้เราสองคนได้เรียนรู้กันมากขึ้น ทุกรอยแผลที่เกิดขึ้นกับของเราทั้งสองคนมันจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและเตือนความจำไม่ให้เราทั้งคู่กลับไปทำอะไรผิดๆ ที่จะมาซ้ำรอยแผลเดิมอีก

      สำหรับผม ความรัก ไม่มีคำว่าเกินให้อภัย... เพียงแค่เราจะเลือกหยุดและสัมผัสมันตรงจุดไหน

      และสำหรับผมแล้ว ผมอาจจะไม่ได้ให้รักกับปาร์คมากมายอย่างเช่นต่อก่อน แต่มันก็ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีวันกลับไปมากเช่นเดิมได้ เส้นทางความรักระหว่างผมกับปาร์คมันได้ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นต่างหาก จุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่ต่อจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเราสองคนจะเลือกพามันไปถึงจุดหมายอย่างไร

      สิ่งอยู่นับจากนี้ไป ที่จะเป็นทบทดสอบหัวใจของเราสองคนว่าจะยังมั่นคงต่อกันอยู่ไหม ผมไม่รู้หรอกว่าวันนี้การก้าวล้ำเส้นของความเป็นเพื่อนของผมกับปาร์คมันผิดหรือเปล่า คำถามที่เคยเกิดขึ้นและเป็นข้อสงสัยในใจมาตลอด คงไม่มีใครสามารถตอบมันแทนได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากหัวใจของเราสองคน...

      ขอบคุณทุกบทเรียนที่เข้ามาทำให้ผมได้เรียนรู้ และเข้มแข็งมากขึ้น ขอบคุณคนที่อยู่ตรงหน้าที่ทำให้รู้ว่า...

      แค่ ‘รัก’ อย่างเดียวมันอาจจะไม่พอ...

La fin…


จบแล้วฮะ สำหรับนิยายเรื่องแรกที่ยาวมากๆ นี้
ก่อนอื่นต้องขอโทษที่มาลงช้านะฮะ ทั้งที่บอกว่าจะมาลงก่อนสิ้นปี แต่ก็เลยจนได้
และก็ดีใจและรู้สึกดีมากๆ ที่ได้รับรู้มุมมองจากคนอ่านหลายต่อหลายอย่างเลย
เดินทางมาจนจบ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการจบของเราจะถูกใจทุกคนไหม ผิดพลาดยังไงก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะฮะ

ที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นจนจบ ขอบคุณมากๆ จริงๆ สำหรับทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน ติดตามและแสดงความเห็นต่างๆ
เรายิ้ม และรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเม้นต์ เพราะมันคือสิ่งที่ดีที่สุดในการนำมาปรับผลงานของเราให้ดีขึ้น
มันคือประสบการณ์และมิตรภาพที่ดีมากๆ ที่ส่งมาให้เราโดยตลอด

สุดท้ายนี้ก็ไม่มีมีอะไรจะเอ่ยไปมากกว่าคำว่า "ขอบคุณ" อีกครั้ง

จนกว่าจะมีโอกาสได้พบกันใหม่
  :mew1:


Porsche Por

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
พระเอกเลวตอนต้นเรื่อง
แล้วกลับกลายมาดีเอาตอนท้ายเรื่อง

เราโอเค..กับปาร์คนะ

คนเราถ้าร้ายมาตอนแรกๆ แล้วเปลี่ยนไปเป็นดี
โอเคเลยยอมรับได้

ดีกว่าพระเอกมาตอนแรกๆโคตรจะดี
อ้้าววววว...ไหงกลับเหี้ยขึ้นมาเฉยเลย
แบบนี้ล่ะก็..รับไม่ไหวจริงๆ

ทั้งนิยายและเรื่องจริง
บอกเลย...มันเหี้ยมากกกก

ดีใจด้วย..ปาร์ค+ฟร๊องก์
จุ๊บๆๆๆๆๆ

เหนื่อยเลย..ลุ้นคู่นี้มานานนนนนนนนนนน
อิอิ

ขอบคุณคนแต่งฮับ
เลิฟเลย

ออฟไลน์ nuch-p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คนแต่งสุดยอดมากกกก :pig4: แต่งเก่งมากกกก ติดตามต่อไปค่า :L1: :L1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Final_love

  • @-@
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • www.Final_love95.com
เกือบจะเลิกอ่านกลางคันแล้วเชียว ดีนะที่อ่านจบ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด