[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 505335 ครั้ง)

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
สนุกมากกกก เพลินมาก
อยากอ่านต่ออีกกก
เราแบบสงสารหมอกมาก
แต่ก็คิดว่าาไม่อยากให้เมฆจำได้เหมือนกัน
ปล่อยให้ทรมานไปเลย
เชอะ  แต่อีกหนึ่งเหตุผลที่ค้างคา
ทั้งๆที่ดูรักหมอกขนาดนั้น แล้วทำไมต้องขอเลิกละ
หรือว่าเป็นเพราะรู้ตัวว่าถูกหมายหัวจากยัยป้า
เลยบอกเลิกตบตางี้หรอ
เราชอบอ่านตอนโตมาก มันหน่วงใจดี
แต่ตอนมหาลัยก็น่ารัก
เอาใจช่วยหมอกน้าา อ่อ
นายแบบรินนั่นจะมาดีหรือร้ายละเนี่ยะ
หมอกทิ้งไอ้เข็มกลัดนั่นไปเร็วว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2017 18:54:24 โดย namngern »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ่านแล้วเราคาใจอย่างเดียว ทำไมเมฆดูรักหมอกมากขนาดนั้น แต่ก็ทิ้งไป  :ruready

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Aly-Q

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ทำไงๆ จะไปเจรจาธุระกิจแล้ว แต่ไอ้ของที่ติดอยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าดีหรือร้ายยังไม่ได้เอาออกไปไหน :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ ZiiZone

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เนื้อเรื่องดีมากเลยยยยย รออ่านต่อๆ   :z13:

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
เป็นเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมากที่สุดตั้งแต่ตามอ่านนิยายคุณลิตเติ้ลพิกมาเลยค่ะ ติดตามและเป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
ชอบมากๆเลยคะ รอตอนต่อไป  :hao7:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 7:[Then]ชุดนอนสีชมพู






“หมอกอยากกินอะไร?” ร่างสูงพลิกดูเมนูของตัวเอง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในร้านอาหารหน้าตาค่อนข้างหรูหราแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นภัตรคารที่อยู่ไม่ห่างจากคอนโดของร่างสูงมากนัก มธุวันแค่เงยหน้ามองตึกสูงที่เมฆาบอกว่าเป็นที่อยู่ของตนก็รู้สึกถึงออร่าความรวยแผ่กระจายออกมา ร่างโปร่งพยายามไม่คิดมากเรื่องนั้น แล้วหันกลับมาใส่ใจคนตรงหน้าแทน





“เราแล้วแต่เมฆเลย”





ร่างสูงก้มลงมองเมนู ก่อนจะยกมือเรียกบริกรมารับออเดอร์




“เอาตำไทยไข่เค็ม ตำปูปลาร้า ไก่ย่าง ลาบปลาดุก ต้มแซ่บกระดูกหมู แล้วก็ข้าวเหนียวสอง”





“เมฆกินเป็นด้วยเหรอ?” มธุวันหลุดถามออกมาอย่างประหลาดใจ ก่อนจะรีบแก้ตัว “เอ่อ...เราไม่ได้หมายความอย่างนั้น...”





“กินไม่ค่อยเป็นหรอก” เมฆาไหวไหล่ “เห็นว่าหมอกชอบ”





“รู้ได้ไง?” ร่างโปร่งเอียงคออย่างงุนงง




“ได้ยืนหมอกคุยกับเพื่อนที่โรงอาหาร” คนตอบไม่เปลี่ยนสีหน้าด้วยซ้ำราวกับว่าการแอบฟังคนอื่นคุยกันเป็นเรื่องปกติ






“อ้าว เมฆอยู่แถวนั้นทำไมไม่ทักล่ะ” มธุวันถาม




“….” คราวนี้ร่างสูงลังเลที่จะตอบ เมฆากลอกตาไปมาราวกับกำลังหาคำตอบดีๆที่ทำให้ตัวเองไม่ดูเป็นตัวประหลาดในสายตาคนตรงหน้า “เมฆ...พูดไม่เก่ง”





“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่” มธุวันยิ้มขำ “หมอกพูดแทนเมฆก็ได้”




ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองร่างตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะคลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่โผล่มาโดยไม่มีคำเตือนล่วงหน้าแทบทำให้มธุวันหัวใจวาย ร่างโปร่งต้องรีบกัดริมฝีปากตัวเองไว้ไม่ให้เผลอพูดอะไรออกมา






ฮือ...หล่อคัก หล่อแฮง หล่อหล๊ายหลายอีพ่ออีแม่






“ขออนุญาตครับ”





บริกรหนุ่มลำเลียงอาหารลงบนโต๊ะ มธุวันก้มลงจัดการอาหารอย่างหิวโหย เมื่อความเครียดที่สนามแข่งผ่านพ้นไป ความหิวก็เข้ามาแทนที่จนแทบหน้ามืด กว่าจะรู้ตัวว่าท่ากินของตนดูไม่งามข้าวก็หมดไปครึ่งถุงแล้ว ร่างโปร่งยิ้มแห้ง ใช้กระดาษทิชชู่ซับมุมปากอย่างอายๆ





“โทษนะ หิวไปหน่อย”





“น่ารัก...” นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ร่างสูงตอบกลับมา







“…” มธุวันก้มลงทานอาหารต่อ คราวนี้เด็กหนุ่มพยายามใช้ช้อนส้อมให้ดูเรียบร้อย แต่นั่นกลับเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งได้เป็นอย่างดี





“อยากกินแบบไหนก็กินไปเถอะ”





“แล้วเมฆไม่กินเหรอ?”ร่างโปร่งถามเมื่อเห็นร่างสูงทานไก่ย่างไปแค่นิดเดียว





“ไม่กินเผ็ด” ร่างสูงตอบ มธุวันพยักหน้าเข้าใจ แล้วก้มลงทานต่อโดยไม่พูดอะไร





เขารู้สึกว่า การทำแบบนี้ทุกวันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่




แบบนี้รึเปล่านะ ความรู้สึกที่เรียกว่าชอบ...




“เตียงมันใหญ่อยู่ น่าจะนอนด้วยกันได้” เมฆาเอ่ยขึ้นเมื่อพวกเขาเข้ามาในห้อง หากคิดว่าข้างนอกคอนโดดูหรูหราแล้ว ภายในยิ่งสวยงามหรูหราสไตล์โมเดิร์นจนเหมือนกับหลุดเข้ามาในแคตตาล็อกสินค้าแต่งบ้านอย่างไรอย่างนั้น มธุวันพยายามไม่มองสำรวจมากมาย กลัวอีกฝ่ายจะมองว่าเขาไม่มีมารยาท






“จริงๆไม่รบกวนก็ได้นะ เรานอนโซฟาก็ได้”มธุวันเอ่ยอย่างเกรงใจ






“ไม่หรอก” ร่างสูงเปิดประตูห้องนอนของตัวเองให้มธุวันดู ภายในห้องมีเตียงหลังใหญ่ที่กินพื้นที่หนึ่งในสี่ของห้องกว้าง อย่าว่าแต่สองคนเลย นอนลงไปสี่คนมธุวันยังไม่มั่นใจเลยว่าจะกลิ้งมาชนกันมั้ย เหมือนพวกเตียงหลังใหญ่ที่เขาเห็นในละครหลังข่าวที่ป้าของเขาชอบดู






อยู่คนเดียวต้องเตียงใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?





“อ่า…ถ้าอย่างนั้นเรารบกวนคืนนึงแล้วกันนะ” มธุวันหันไปบอกเจ้าของห้อง ยังคงรู้สึกเกรงใจไม่หาย






“หลายๆคืนก็ได้” ร่างโปร่งไม่แน่ใจว่าได้ยินอีกฝ่ายพูดถูกหรือไม่ แต่ความกระดากอายในก้นบึ้งของจิตใจห้ามเขาไว้ไม่ให้ถามย้ำอีกครั้ง “เดี๋ยวเมฆเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน นั่งรอที่โซฟาก็ได้”






แขกของห้องนั่งลงบนโซฟาหนังสีแดงคล้ำตามที่เจ้าของห้องบอกอย่างว่าง่าย ถือโอกาสสำรวจรอบห้องอย่างรวดเร็วในเวลาที่เจ้าของห้องไม่อยู่ ดูจากสไตล์การตกแต่งอย่างมืออาชีพ ถ้าเมฆาไม่ได้หัวดีมากๆเรื่องตกแต่งภายใน ก็คงเป็นงานของมืออาชีพซักเจ้า ดวงตาสีแปลกเคลื่อนมาหยุดที่กรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแก้วหน้าโซฟา ในห้องนี้มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่ห้องตัวอย่าง ไวกว่าความคิด มือเรียวหยิบเอากรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ ภายในนั้นเป็นภาพถ่ายของครอบครัวที่สวนหน้าบ้าน...ไม่สิ ต้องบอกว่าสวนหน้าคฤหาสน์ถึงจะถูก ชายหนุ่มหน้านิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดของรูปดุคล้ายคลึงกับเมฆาจนน่าตกใจ แต่ดูจากรูปน่าจะแก่กว่าเจ้าของห้องแค่ไม่กี่ปี







พี่ชายงั้นเหรอ?







หญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถเข็นส่งยิ้มให้กล้องอย่างอ่อนโยน แม้แก้มที่ตอบจนเห็นกระดูกหรือร่างกายผ่ายผอมก็ไม่อาจบดบังความงดงามของเธอได้ บนไหล่บอบบางมีมือใหญ่ของชายหนุ่มวางอยู่ สายตาที่ร่างสูงก้มมองหญิงสาวสื่อความหมายได้มากกว่าคำหวานหลายล้านคำ





ที่นั่งยองอยู่ข้างรถเข็นคือเมฆาในชุดนักศึกษา บ่งบอกว่ารูปนี้เพิ่งถูกถ่ายไม่นานมานี้ นิ้วโป้งของเด็กหนุ่มลูบไล้ใบหน้าคมเข้มในรูปถ่าย นึกสงสัยว่าทำไมคนที่ดีพร้อมขนาดนี้ถึงได้มาสนใจคนอย่างเขา





ข้างกายร่างสูงมีเด็กสาวร่างสูงโปร่งในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้านั่งอยู่บนเก้าอี้ เส้นผมสีน้ำตาลละเอียดปลิวตามกระแสลมเล็กน้อย ใบหน้าขาวเรียวและดวงตารีเล็กจากการยิ้มให้กับกล้องทำให้เธอดูโดดเด่นออกมาจากทุกคน แต่หากสังเกตดีๆจะพบว่าร่างโปร่งมีโครงหน้าที่เหมือนกับหญิงสาวในรถเข็นมากพอสมควร หากไม่ใช่เพราะอายุที่ดูใกล้กันเกินไปเขาคงคิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของหญิงสาว






คนสุดท้ายในรูปคือเด็กชายตัวเล็กในชุดเอี๊ยมสีดำน่ารัก ร่างของเด็กชายไม่ได้ผอมแห้ง แต่ก็ยังดูว่าเป็นเด็กที่ตัวเล็กในสายตาของมธุวันอยู่ดี เด็กชายนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้นที่ปลายเท้าของเด็กสาวคนสวย ฉีกยิ้มที่สดใสราวกับแสงจากดวงอาทิตย์ให้กับกล้อง รอยยิ้มของเด็กน้อยเรียกรอยยิ้มจางๆให้ปรากฏบนริมฝีปากของคนมองเช่นกัน





“ดูอะไรอยู่?” เสียงของร่างสูงดังขึ้นข้างหู มธุวันสะดุ้งเล็กน้อยอย่างตกใจ หันกลับไปหาเจ้าของห้องที่ยืนหอบเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูผืนใหญ่ไว้ในอ้อมกอด





“ขอโทษนะเมฆ ที่หยิบรูปมาดูโดยพลการแบบนี้”





“ไม่เป็นไร” เมฆาไหวไหล่อย่างไม่ถือสา “ตอนพาไปแนะนำจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร”





“หือ?ทำไมต้องพา...เมฆ!”ร่างโปร่งร้องเสียงสูงเมื่อเข้าใจความหมายโดยนัยของประโยคเมื่อครู่ เมฆาฉีกยิ้มอย่างไม่สำนึก กระโดดข้ามโซฟามานั่งข้างๆมธุวันอย่างคล่องแคล่ว






“นี่พ่อ...” นิ้วเรียวยาวจิ้มจึ้กลงมาที่ชายหนุ่มรูปงามที่มธุวันเข้าใจว่าเป็นพี่ชายของเมฆา เมื่อเห็นสายตาไม่อยากเชื่อของร่างโปร่ง คนพูดจึงเอ่ยเสริม “พ่อมีลูกตอนเด็ก”






“แสดงว่าคนนี้ก็...”มธุวันก้มลงมองหญิงสาวในรถเข็น





“แม่”เมฆาตอบสั้นๆร่างโปร่งไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกไปเองหรือเสียงของร่างสูงสั่นเครือขึ้น “แม่ไม่สบายมาตั้งแต่เฆมเด็กๆ”
มธุวันนึกสงสารอีกฝ่ายขึ้นมาจับใจ ถึงเขาจะไม่เคยมีแม่ แต่ถ้าหากป้าของเขาล้มป่วย เขาคงกระวนกระวายจนไม่เป็นอันทำอะไร





ไม่ทันได้คิด มือเรียวเอื้อมไปกุมมือใหญ่ไว้ เมฆาที่ท่าทางประหลาดใจ แต่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปง่ายๆ พลิกมือขึ้นประสานนิ้วทั้งห้ากับนิ้วของคนข้างๆ มธุวันที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจากรูปหรือแม้กระทั่งดึงมือออกจากการเกาะกุม รีบถามถึงคนต่อไปในรูป





“แล้วเด็กผู้หญิงคนนี้นี่น้องสาวเหรอ?”





“น้องชาย” เมฆาตอบเสียงเรียบ






“ฮึ? คนในกระโปรงนะ” มธุวันชี้อีกรอบ พยายามจิ้มให้โดนเด็กสาวผมสีน้ำตาลคนนั้น





“อือ น้องชาย”ร่างสูงยังคงยืนยันคำเดิม “ยายให้น้องใส่กระโปรงแก้เคล็ด เผื่อแม่จะหาย ยายบอกว่าเพราะน้องแย่งดวงแม่ไปแม่ถึงได้ล้มป่วย”





โห...น่าสงสารจัง







มธุวันรู้สึกสงสารเด็กสาว...ไม่สิ เด็กหนุ่มในรูปขึ้นมาอีกคน เด็กคนนี้ต้องผ่านความทรมานทางจิตใจมากมายแค่ไหนกับการต้องถูกบังคับให้ใส่กระโปรงทั้งที่ตนไม่ต้องการแบบนี้






แต่นั่นก็เป็นความเชื่อของทางนั้น มธุวันไม่มีสิทธิืไปก้าวก่าย





“คนสุดท้ายนี่น้องชายเหมือนกันสินะ?”






“อือ ที่บ้านมีแต่ผู้ชาย”เมฆายังคงกุมมือเขาไว้ มธุวันไม่รู้ว่าควรจะดึงมือออกจากมือของเพื่อนอย่างไรไม่ให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ






“เอ่อ..เมฆ...มือ...”





แทนที่จะดึงมือออกเอง เมฆก้มมองมือที่เกี่ยวประสานกันจนยกไม่ออกว่าเป็นมือใคร เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่น่าหมั่นไส้ที่สุดที่เขาเคยเห็น






“มือมันทำไมเหรอหมอก?”




มันไม่ปกติมั้ยล่ะ?!!!!







มธุวันมองค้อนอีกฝ่ายอย่างลืมตัว เรียกเสียงหัวเราะอย่างไม่ทันตั้งตัวกับความน่ารักจากร่างสูงได้เป็นอย่างดี





“โอเค ไม่แกล้งแล้ว”





เมฆายอมปล่อยมืออย่างอ้อยอิ่ง มธุวันรีบวางกรอบรูปลงและคว้าเอาเสื้อผ้าที่จะใช้เปลี่ยนมาหอบไว้เต็มแขนทันทีที่เป็นอิสระ





“เอ่อ เรา...เราไปอาบน้ำเลยได้มั้ย?”





“ห้องน้ำอยู่ในห้องนอน”ร่างสูงชี้ แขกของห้องรีบพยักหน้าและผลุบหายเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็ว เมฆามองตามภาพตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า เขารู้สึกว่าตัวเองยิ้มในหนึ่งวันมากกว่าที่เคยยิ้มมาทั้งปีเสียอีก








-------------

 :katai5: :katai5: :katai5:
แขนบวมมาก5555 มีความพิมพ์สปีดเต่า
 :katai4: :katai4:
คิดถึงทุ๊กกกกคนเบย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2017 10:00:55 โดย littlepig »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
เป็นนิยายที่ผมหาจุดติแทบไม่ได้เลยนะครับ ยกเว้นเรื่องคำผิด (หัวเราะ) คุณลิตเติ้ลพิกเขียนดีมากครับ! ไม่เจอนิยายที่ให้ฟีล ‘นิยาย’ แบบนี้มานานมากๆแล้ว เด็กแพทย์นี่มีพรสวรรค์เขียนหนังสือดีแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าเนี่ยครับ? (พูดไปนั่น ฮะๆ) แต่อย่างไรก็ดี มีบางจุดที่ผมอยากนำเสนอหน่อยนะครับ อย่าถือว่าเป็นเรื่องติเลยละกัน เพราะมันไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น

เรื่องแรกคือ Diversity ของตัวละครครับ ผมลองเปิดอ่านหลายเรื่องของคุณลิตเติลพิกแล้วนะครับ ตอนแรกน่ะผมลองอ่านเรื่องของน้องแว่นอยู่ แต่อ่านไปอ่านมา มันมีสะกิดใจหน่อยครับ คือถ้าสังเกตในเรื่อง Blind Side จะเห็นว่าแนวโน้มการสร้างคาแรกเตอร์ที่มี diversity หลากหลายและมีบทสำคัญๆต่อพล็อต คุณลิตเติลพิกจะให้ตัวละครพวกนี้อยู่แต่ในคณะแพทย์ แม้ว่าจะมีกล้ากับผองเพื่อนที่อยู่บริหาร แต่ถ้าไปดูการเกลี่ยบทจริงๆจะเห็นว่าน้ำหนักของมันห่างจากตัวละครคณะแพทย์เยอะมาก มันเลยดูโน้มเอียงไปทางคณะแพทย์และทำให้คนอ่านที่จับจุดได้เร็วจะเห็นว่าคนเขียนมี Bias ที่ดีต่อคณะแพทย์ครับ จุดนี้เลยทำให้สมดุลของการสร้างบทและการกระจายน้ำหนักบทสำคัญต่อการดำเนินพล็อตเสียไป ทุกอย่างจะอยู่แต่ในคณะแพทย์ชนิดที่ว่าเดินเข้ามาคณะเดียวคือจบพล็อตทุกอย่างได้เลย คีย์คาแรกเตอร์อยู่ในนี้หมด ซึ่งนี่ถือว่าแบ่งบทกระจายแบ็คกราวด์ตัวละครยังไม่ค่อยดีนะครับ ผมเลยหยุดอ่านเรื่องนั้นไป (และพอแวบไปลองอ่านเรื่อง Which one ก็ยังเห็นจุดบกพร่องตรงนี้อยู่)

เรื่องที่สอง Age Gap ครับ เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องเล็ก และเป็นเรื่องของรสนิยมคนเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่น่าคิดคือถ้าสร้าง age gap ระหว่างตัวละครสองตัวให้มากเข้า มันจะไปส่งผลกระทบต่อลักษณะของคาแรกเตอร์และการดำเนินเรื่อง รวมถึงการดึงพล็อตให้เข้ามาสมจริง ทั้งหมดนี้มันจะทำได้ยากขึ้นครับ เพราะว่าอายุที่ห่างจะส่งผลต่อลักษณะนิสัย ลักษณะกายภาพ รวมถึงการสร้างพล็อตเพื่อดึงตัวละครทั้งสองให้เข้ามาเจอกันและปรับเข้าหากันมันจะท้าทายมาก ถ้าทำไม่ดีมันจะทำให้คนอ่านจับจุดพลาดได้ง่ายครับผม ดังนั้น ผมจึงค่อนข้างนิยมชมชอบเรื่องนี้ (You Stranger) มากกว่าเรื่องอื่นๆ เพราะว่าอ่านง่าย

แต่สิ่งที่ต้องชมมากๆคือ คาแรกเตอร์ พล็อต ทักษะบรรยาย ทุกอย่างคุณลิตเติลพิกทำได้ตรงจริตผมนะครับ คือไม่พลาดองค์ประกอบใหญ่ๆเลยสักข้อ คาแรกเตอร์แน่น มีพื้นหลังชัดเจน ทุกการกระทำหรืออดีตมีผลต่อปัจจุบันได้อย่างมีระบบและมีหลักการ พล็อตมีความชัดเจน รวมถึงทักษะการบรรยายก็ช่วยส่งเสริมความหนักแน่นของอารมณ์ในแต่ละหัวข้อให้คนอ่านรับรู้ได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความคิด ความรู้สึกของตัวละคร หรือแม้แต่การบรรยายในมุมมองบุคคลที่สามเพื่อดำเนินพล็อต ก็ถือว่าทำได้ดีมากครับ ถ้าตัดเรื่องข้อบกพร่องสองจุดนั้นไป ทุกเรื่องของคุณลิตเติลพิกก็ถือว่าเป็นนิยายที่อ่านเพลินได้ดีครับ

ที่ต้องชมไม่ใช่อะไรครับ เพราะว่าเรื่องนี้ You Stranger เป็นเรื่องที่สำหรับผม ถือว่าสอบผ่านที่สุดในบรรดานิยายที่คุณลิตเติลพิกเขียน ถ้าไม่นับองค์ประกอบที่ผมชมไปในแล้วในย่อหน้าข้างต้น จุดบกพร่องทั้งสองอย่างก็เกือบจะเรียกได้ว่า ‘ไม่มี’ เลย เรื่องนี้มีความหลากหลายของความสามารถส่วนบุคคลเยอะมาก และด้วยสกิลของคุณลิตเติลพิกก็สามารถบริหารมันออกมาได้ดีและน่าสนใจ พระนางเรียนคนละคณะ(บริหาร/บัญชี) เพื่อนก็เรียนคนละคณะ(คหกรรม) เพื่อนของพระเอกก็เรียนต่างออกไปอีก(มาเฟีย) ความหลากหลายของตัวละครมันเยอะและน่าสนใจมากทีเดียวครับ การที่เรามีความหลากหลายมากๆนี้ทำให้เราเล่นกับเนื้อเรื่องได้เยอะมาก แตกเส้นพล็อตได้ดี และสามารถเจาะเข้าไปที่แต่ละตัวละครในด้านลอจิกการกระทำหรือเหตุผล มุมมอง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ครับ อีกทั้งนิสัยตัวละครทุกคนมีความแตกต่างกันอย่างโดดเด่น ซึ่งเกิดจากทักษะการสร้างคาแรกเตอร์ที่ดีของคุณลิตเติลพิก เรื่องนี้ผูกเรื่องได้ดีมาก พล็อตน่าสนใจมาก Age Gap ก็ไม่มี ทำให้เราเห็นพัฒนาการความใกล้ชิดของพระนางที่ค่อยๆ develop จากอดีต มาถึงจุดเปลี่ยนของเรื่อง และต่อเนื่องมาที่ปัจจุบัน ผมอ่านแล้วประทับใจครับ บอกตรงๆ

ตัวหมอกเองก็ถือว่ามีมิติ ลักษณะคาแรกเตอร์ตรงใจผมมาก เขาแสดงความเป็นมนุษย์ในหลายๆด้านได้อย่างสมเหตุสมผล มีบุคลิกหลักที่ไม่หลุด แต่ก็มีบ้างที่มีมุมหลุด(โดยมีเหตุผลรองรับ) ทำให้เป็นตัวละครที่น่าสนใจและสมเหตุสมผล คอยเชียร์ตามได้ไม่ยาก พล็อตก็น่าสนใจอย่างที่ผมบอกไปแล้ว การเล่นเรื่องความจำเสื่อมและใช้เหตุการณ์เพื่อสร้างสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่โดยมีอีเวนท์ต่างๆแทรกนี่เป็นพล็อตเบสิค แต่ด้วยเทคนิคการเขียนพล็อต สร้างอีเวนท์ของคุณลิตเติลพิก ก็สามารถทำให้มันแตกต่างจากพล็อตทั่วไปได้อย่างโดดเด่นครับ จุดที่เว้นไว้เพื่อเป็นปริศนาแก้พล็อตก็ทำได้ดีและบรรยายออกมาได้ลื่นไหล การบรรยายความรู้สึกและมุมมองส่วนบุคคลของแต่ละตัวละครก็ทำได้ดีจนผมอินไม่น้อยเลย ประกอบตัวตัวละครทุกตัวมี diversity และความมีเอกลักษณ์ ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจมากๆครับ

แต่ยังเรื่องนี้ก็ยังมีจุดที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผลักดันไปนิดนึงจนสังเกตได้ คือ การสร้างคู่รองอื่นๆให้ดูมีความเด่นจนเกือบจะกลบตัวละครหลักครับ (เช่น น้องชายของเมฆ-หัวหน้าฝ่ายการตลาด / คุณจอมทัพ-น้องขวัญข้าว) จะสังเกตว่าทั้งสองคู่เล่น age gap อีกแล้ว (ไม่นับว่าอนาคตจะมีคู่คุณเชษฐ์-น้องมีน อีก) จุดนี้เลยทำให้ผมรู้สึกว่าเริ่มมีความซ้ำของเคมีการจับคู่ครับ เริ่มเดาทางการจับคู่ได้ เลยทำให้บรรดาคู่รองสำหรับผม ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ (แม้ว่าตัวละครจะโดดเด่นมาก และพล็อตจริงๆคงจะต่างกันมาก ซึ่งโดยรวมก็คงน่าอ่านด้วยทักษะการเขียนที่ดีของคุณลิตเติลพิก แต่การคงลักษณะการจับคู่ที่ทำให้คนอ่านเดาทางได้ มันทำให้เห็นจุดบกพร่องเดิมๆครับ)

ยังไงก็รออ่านต่อนะครับ ถือว่าอ่านได้เพลินและน่าสนใจเลย ใช้เป็นตัวอย่างในการอ้างอิงก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว สำหรับคู่หลัก ทุกอย่างทำได้ดีมากครับ! ถ้าเป็นหนังสือนี่ผมคงเก็บเรื่องนี้แน่ๆ


ความประทับใจแรกของคอมเม้นท์นี้คือ ยาวมาก ยาวมากจริงๆ55555
ขอบคุณที่ใส่ใจกับการอ่านนิยายของเรามากขนาดนี้ เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ :-[
ยอมรับทุกข้อติชมเน้อ ส่วนการตอบนี้ไรท์มิได้มาแก้ตัวแต่อย่างใด แต่อยากอธิบายความคิดที่มีตอนแต่ง อิอิ
 
จริงๆเรื่องที่centerน้องแว่นอยู่ในคณะแพทย์ ยอมรับเลยว่ามาจากความขี้เกียจ5555 เพราะเด็กแพทย์(ส่วนใหญ่)เป็นมนุษย์ที่แทบไม่มีทางได้เจอกับคณะอื่นเลย ถึงได้เกิดสำนวนที่ว่า ถ้าไม่ได้กันเองก็อยู่ในคณะข้างเคียง เพราะไม่สามารถซมซานออกไปหาข้างนอกได้จริงๆ เหอๆ และไรท์ก็ยังกลัวกับการถ่ายทอดว่าถ้าใช้คณะอื่นมากไปจะถ่ายทอดคณะนั้นออกมาได้ดีเท่าที่ควรรึเปล่า เพราะเขียนแบบไร้ข้อมูลมาก

ส่วนเร่องage gap อันนี้ก็พยายามสลับแล้วแหละ จริงๆมีหลายคู่ที่ตอนแรกไม่ได้คู่กันด้วยนะ แต่มาสลับทีหลังเพราะรู้สึกว่าเคมีเข้ากันมากกว่า เลย เอาวะ เลยตามเลย เพราะสตอรี่ต่างกันอยู่แล้ว อย่าเพิ่งเบื่อกันเน้อ5555

ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ติดตาม มีความสุขมากๆเลย :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ Marchyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอให้คนเขียนหายไวๆนะครับ คนอ่านของผมเข้ามารอทุกวันเลย สนุกมากครับ ^^

ออฟไลน์ Papangtha

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เข้ามารอทู๊กกกกกวัน เช้า-เย็น รอ เมฆ-หมอก ก็รอ รอคุณวี-ทีม เวย์-เทสต์ ก็รอ หืออออออ  รักอ่ะ รักทุกคู่เลย แต่จะรักมากก็คุณเชษฐ์-น้องมีนนั่นแหละ 5555 ชอบโผล่มาแว๊บๆ แต่ได้ใจ :mew1:  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ยิ่งอ่านก้อยิ่งเห็นว่าเมฆรักหมอกมากกกก

แล้วทำไมนะต้องปล่อยหมอกไป...

....

 :ling1:  :ling1: :ling1:  :ling1:

...

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ชอบน้องหมอกสมัยวัยรุ่น มีความคึกคักและบ้าผู้ชายในใจ55555
ปล. หายป่วยไวๆน้า เค้าเป็นกำลังใจให้ :mew1:

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ค้างคาในใจอะไรทพให้เมฆขอ้ลิดดับหมอก ดูก็รู้ว่ารักมากอะ ทำทุกอย่างให้ทำไมถึงเลิกง่ายๆ

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ไม่รู้ว่า คห.ตามด้วยเลขนี่คืออะไร ดูกี่ทีก็ไม่เข้าใจเลย เปลี่ยนเป็นใส่เลขหน้าแทนได้ไหมคะ มาทีหลีงจะได้ตามอ่านง่ายๆ รอภาคปัจจุบันของทั้งคู่นะคะ นิยายสนุกมาก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
         ยิ่งอ่านยิ่งสงสัยว่าทำไมคนสองคนที่รักกันถึงได้เลิกกันแบบนี้ :heaven :heaven
และยิ่งอ่านยิ่งสงสัยพ่อของเมฆว่าทำไมตัวละครตัวนี้ถึงได้มีนิสัยแบบนี้ถ้ารักเมียมีลูกแล้วทำไมไม่ทำตัวดีๆมันต้องมีจุดเปรียนซิค่ะซึ่งเราว่าตรงนี้ไม่เคลียร์ตั้งแต่ในเรื่องของแว่นละเปิดประเด็ดไว้แล้วไม่ได้มีการพูดถึงอีกเลยกลายเป็นน้ำอุ่นเข้าใจรับได้ซะงั้น
รอติดตามตอนต่อไปนะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ thanapontigy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอค่ะ

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขอบคุณค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ janeyuya

  • ชี่น้อยวิ่งหัวซุกหัวซุน... (*¯︶¯*)
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
    • สมาคมศรีพันยาแห่งบ้านทาคาคิ
ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ว่าพี่เมฆมีเหตุผลอะไรถึงขอเลิกกับพี่หมอก
อยากรู้เหตุการณ์ในรถตอนที่พี่เมฆรับโทรศัพท์พี่หมอกว่าเป็นยังไง เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ตอนนี้มันคาใจไปหมดล้าวววววว  :serius2:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
อ่านแล้วยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตอ่ะ

ขอให้แขนหายไวๆนะคะ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5



ฝ่ายคนในห้องน้ำรีบปิดล็อคประตูอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งเอนหลังพิงประตูห้องน้ำ ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นกระเบี้ยงสีขาวสีอาดตา
อย่างหมดอาลัยตายอยาก







ฮือ...นี่เราไปจับมือเขาทำไมเนี่ย







มธุวันยังคงให้คำตอบตัวเองไม่ได้ ร่างโปร่งตัดสินใจเลิกฟุ้งซ่านกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ลุกขึ้นยืนแล้วหันซ้ายขวาสำรวจสภาพโดยรอบเพื่อเริ่มต้นชำระร่างกาย ห้องน้ำของเมฆาค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยอย่างครบครัน ทั้งโซนเปียก โซนแห้ง และอย่างอาบน้ำทรงกลมยี่ห้อดังขนาดที่พอให้คนสองคนลงไปแช่ได้โดยไม่อึดอัด







มธุวันพยายามไม่คิดถึงความเป็นไปได้ที่หนึ่งในสองคนนั้นอาจจะเป็นเขาในอนาคต ร่างโปร่งสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น ก่อนจะเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าแล้วก้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำ สายน้ำอุ่นๆที่กระทบเรือนร่างผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากกิจกรรมต่างๆในวันนี้ได้เป็นอย่างดี ร่างโปร่งหลับลง ลูบไล้ฟองสบู่ทั่วผิวกายเนียนนุ่มอย่างผ่อนคลาย







“หมอก โทรศัพท์” เสียงของเมฆาดังขึ้นจากด้านนอกห้อง ร่างโปร่งรีบปิดน้ำ เสียงที่อยู่ใกล้เกินไปของเจ้าของห้องทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกจ้องมองร่างเปลือยเปล่าของตนทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่เห็นอะไร






“ใครโทรมาเหรอ?” มธุวันร้องถาม สภาพฟองสบู่เต็มตัวทำให้เขาไม่กล้าก้าวออกจากโซนเปียกไปยังประตูห้องน้ำ






“โดนัท รูมเมทท” ร่างสูงอ่านชื่อบนหน้าจอให้เจ้าของเครื่องฟัง





แย่แล้ว เขาได้บอกโดนัทรึยังนะว่าเขาจะไม่กลับหอ นัทจะเป็นห่วงมั้ยถ้าเขาไม่รีบรับโทรศัพท์แบบนี้






“เมฆรับให้หน่อยได้มั้ย บอกว่าเราไม่กลับหอ ไม่ต้องห่วง” เมื่อไม่มีทางเลือก มธุวันจึงตะโกนบอกเมฆาไปแบบนั้น เขาได้ยินเสียงร่างสูงตอบรับจากหน้าประตูแล้วกดปุ่มรับสาย ก่อนจะกรอกเสียงลงไป






“หมอกไม่กลับหอ ไม่ต้องห่วง...อือ...ค้างกับฉัน” มธุวันได้ยินเสียงบทสนทนาแว่วผ่านประตู “หมอกอาบน้ำอยู่...อือ..”





ทำไมเขาต้องหน้าแดงพอได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าอาบน้ำอยู่ด้วยล่ะ?! มาอาบน้ำห้องเพื่อนมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง?!
มธุวันเช็ดตัวอย่างไม่สบอารมณ์ เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ






ร่างโปร่งหยิบชุดนอนที่พับไว้อย่างเรียบร้อยขึ้น ดวงตาสีประหลาดเบิกกว้างเมื่อผ้าแพรลื่นมือคลี่ตัวออกเผยให้เห็นชุดกระโปรงนอนสีชมพูหวานเบาบาง





“เมฆ!!!!”





เมฆาลอบขำเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของร่างโปร่งตามคาด เขาได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ พร้อมกับร่างของมธุวันที่ก้าวออกมา





“เมฆ เล่นอะไรเนี่ย”




สิ่งเดียวที่ดูจะผิดความคาดหมายคือการที่มธุวันก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว หยดน้ำเกาะพราวบนแผ่นอกแบนราบขาวนวลเนียน ร่างสูงกลืนน้ำลาย รีบเบือนหน้าหนีเมื่อรู้ตัวว่าแผนการชั่วร้ายกลับมาเล่นงานตัวเองเสียแล้ว





“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า?”





“ก็เมฆนั่นแหละเอาชุดอะไรมาให้เราใส่”มธุวันกอดอกอย่างไม่พอใจ






“ชุดน้องชาย มันเป็นตัวเดียวที่น่าจะพอดี”ร่างสูงให้เหตุผลเสียงใสซื่อ มธุวันมีสีหน้าไม่ไว้วางใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าชุดของเมฆาน่าจะไม่พอดีตัวเขาซักตัวจริงๆ






“หลวมก็ไม่เป็นไร ชุดนี้มัน...หวิวๆอ่ะ”





“แล้วที่ยืนอยู่แบบนี้ไม่หวิวเหรอ”เมฆาเลิกคิ้ว “เดินออกมาหาเมฆในสภาพแบบนี้...เกิดอะไรขึ้นเมฆไม่รู้ด้วยนะ”






“เมฆไม่ทำอะไรเราหรอก”





มธุวันไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่ลึกๆในใจ เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีวันทำอะไรที่จะทำร้ายเขาแน่ๆ






เมฆาถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเอาเสื้อยืดกับกางเกงบอลของตัวเองออกมา ถึงแม้กะจากสายตาแล้วมธุวันไม่มีทางจะใส่ได้ แต่ร่างโปร่งก็ยินดีใส่มันมากกว่าเดรสผ้าแพรสีชมพูในมือเขา





“เมฆ ขอหมอกข้างหน่อยได้มั้ย”





มธุวันถาม เมฆาหยิบหมอนข้างของตัวเองให้ร่างโปร่งอย่างว่าง่าย มธุวันวางมันลงคั่นตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งคู่ ก่อนจะล้มตัวลงไปบนเตียง





“ไหนว่าไว้ใจเมฆไง”ร่างสูงแสร้งเอ่ยเสียงเจ็บปวด





“เราบอกว่าเมฆไม่ทำอะไรเราหรอก ไม่ได้บอกว่าไว้ใจเมฆซะหน่อย”มธุวันย้อนเสียงทะเล้น ตะแคงข้างหันมาหาเจจ้าของห้องที่นอนอยู่อีกด้านของหมอนข้าง“อีกอย่าง เรากำลังช่วยเมฆอยู่ต่างหาก”





“ช่วย?”เมฆาเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ





มธุวันเพียงแต่ยิ้มไม่พูดอะไร










คืนนั้น เมฆาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหมอนข้างที่คั่นกลางระหว่างพวกเขาไว้เป็นเกราะกำบังที่ถูกวางไว้เพื่อปกป้องเขาจริงๆ






ปึ้ก...ปึ้ก....






เขาไม่เคยเจอคนที่นอนดิ้นขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ยังดีที่เตียงของเขากว้างมากทำให้การถีบของอีกฝ่ายไม่ค่อยโดนเขาเท่าไหร่ แต่ท่าทีกระสับกระส่ายและเสียงครางผะแผ่วของร่างโปร่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก





ในที่สุดเมฆาก็หมดความอดทน ร่างสูงดึงหมอนข้างเขวี้ยงลงไปบนพื้น คว้าร่างที่ดิ้นจนเหงื่อโทรมกายเข้ามาในอ้อมกอดแน่น แต่แทนที่มธุวันจะดิ้นต่อ ร่างโปร่งกลับค่อยๆหยุดดิ้นเสียอย่างนั้น เมฆาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็ขยับตัวให้ศีรษะของคนที่ยังไม่ตื่นซบลงบนแขนของตนอย่างเบามือ





ริมฝีปากสีชมพูระบายยิ้มน้อยๆ มธุวันขยับซุกเข้าหาความอบอุ่นนั้นอย่างโหยหา เมื่อเห็นร่างโปร่งหลับสนิท เมฆาจึงหลับตาลงบ้าง แล้วจมสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย






“อารมณ์ดีจังนะหมอก มีเรื่องดีๆเหรอ”





ญาวิกาถาม จิ้มสัปปะรดที่ซื้อมาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ มธุวันส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่ยอมบอกเพื่อนว่าตนกำลังมีความสุขเรื่องอะไร





“อารมณ์ดีสิ สอบควิซกี่รอบก็ได้เต็ม ถามจริงนี่มึงแดกตำราเป็นอาหารเช้าเหรอวะ”ณัฐภาสบ่นแล้วก้มปั่นงานของตัวเองต่อ
มธุวันยังคงอมยิ้ม ไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจผิดของเพื่อน





เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากคืนที่เขาไปค้างกับเมฆา มธุวันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของร่างสูง เด็กหนุ่มกลั้นหายใจกับความใกล้ที่แสนจะน่ากลัว แต่เมฆายังคงหลับสนิท ดูไร้พิษภัยเสียจนเขาไม่อยากจะลุกหนี





คนอะไรจะหล่อได้ทุกมุมทุกองศาแบบนี้




ร่างโปร่งยกมือขึ้นแตะสันกรามของคนตรงหน้าแผ่วเบา รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่มุมปากของมธุวันอย่างห้ามไม่อยู่





ชีวิตแบบนี้...ก็ไม่เลวเหมือนแฮะ




“ถ้ายังไม่ทำอะไรเมฆจะเก็บเงินค่าจ้องแล้วนะ”





เสียงทุ้มที่แหบพร่าจากการตื่นนอนเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังไม่ลืมตา มธุวันสะดุ้ง ชักมือออกจากใบหน้าคมของอีกฝ่ายราวกับถูกของร้อน




“เมฆ! ตื่นแล้วทำไมไม่บอก”




“ถ้าบอกหมอกก็ไม่ลักหลับเมฆน่ะสิ”ร่างสูงตอบด้วยสีหน้าโมโนโทนราวกับว่านั่นเป็นสัจธรรมของชีวิต





“เรา..เราไม่ได้ลักหลับซะหน่อย”คนถูกจับได้ตะกุกตะกักแก้ตัว





“ชอบเมฆแล้วก็บอกมาเถอะน่า”ร่างสูงเท้าคางลงบนหมอน ดวงตาสีควันบุหรี่ฉายแววรู้ทัน





“พอเลย เราไปอาบน้ำแล้ว วันนี้มีเรียนเช้า”มธุวันเปลี่ยนเรื่อง ผละออกจากเจ้าของห้องอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างสูงจะใช้โอกาสนั้นทำอะไรเขา หรือเขาอาจจะหน้ามืดทำอะไรคนตรงหน้าก็เป็นได้





“หมอก” เสียงทุ้มเรียกตามหลัง ร่างที่กำลังจะเข้าไปในห้องน้ำหันกลับมาตามเสียงเรียก เมฆายกยิ้มมุมปากกระชากใจให้เขาจากบนเตียงก่อนจะถาม “ตกลงเมฆจีบหมอกได้แล้วใช่มั้ย”





“เรื่อง...เรื่องแบบนั้นใครเค้าถามกันโต้งๆแบบนั้นเล่า!” แก้มของมธุวันขึ้นสีเรื่อด้วยความอาย ก่อนที่ร่างโปร่งจะผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อคประตูอย่างรวดเร็ว





“ว่าไงหมอก...ถ้าไม่บอกเมฆจะยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำแบบนี้แหละ”เสียงของเจ้าของห้องดังลอดเข้ามา คนถูกแกล้งกัดริมฝีปาก ก่อนจะหลับหูหลับตาตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ




“ทำอะไรก็ทำ เราไม่สนแล้ว!”




เรื่องแบบนั้น...แค่ดูหน้าเขาเมื่อกี้ก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง?!












กลับมที่ปัจจุบัน มธุวันยังคงไม่ได้เจอเมฆาหลังจากวันนั้น แต่ร่างสูงก็มักจะโทรมาคุยกับเขาก่อนนอนแทบทุกคืน บางครั้งก็ส่งข้อความมากลางดึกเหมือนรู้ว่าเวลานั้นมธุวันหลับไปแล้ว ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่มธุวันรู้ดีกว่าการที่ตนนั่งรอโทรศัพท์ของอีกฝ่ายทุกวัน เช็คข้อความจากเมฆาทุกเช้า ไม่ใช่เรื่องที่คนที่มีความรู้สึกให้กันแค่เพื่อนเขาทำกัน





เขา...ชอบเมฆาเข้าให้แล้วจริงๆ





“เออแก จำเพื่อนหมอกได้มั้ย คนที่โคตรหล่อแต่หน้าบอกบุญไม่รับตลอดเวลาอ่ะ”จู่ๆญาวิกาก็เอ่ยขึ้น ขัดจังหวะการใจลอยของมธุวันด้วยการบรรยายรูปพรรณสันฐานที่เขาคุ้นเคยดี “ที่ชื่อเมฆป่ะ?”






มธุวันพยายามเก็บอาการไม่ให้หูผึ่งกับชื่อของคนที่สถานะยังไม่ชัดเจนคนนั้น





“อ๋อ ไอ้ที่ดูฝรั่งๆหน่อยป่ะ? ทำไมอ่ะ?”ณัฐภาสถามเมื่อจู่ๆคนที่เขาเคยเห็นหน้าแค่ครั้งสองครั้งก็โผล่เข้ามาในบทสนทนา





“ฉันเพิ่งเห็นเขาออกทีวีเว้ย เนี่ย มีวีดีโอให้ดูย้อนหลังด้วย”เด็กสาวเปิดคลิปวีดีโอย้อนหลังให้เพื่อนทั้งสองดู มธุวันสนใจขึ้นมา เขาไม่ยักรู้ว่าเมฆาเคยออกทีวีด้วย





“สวัสดีคุณผู้ชมทางบ้านนะคะ วันนี้รายการของพวกเราก็อยู่่กับนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงที่เรียกได้ว่าขยายเครือบริษัทอย่างรวดเร็วจนทั่วภูมิภาคเอเชีย และลูกชายคนโตที่หล่อไม่แพ้คุณพ่อ คุณธีรเชษฐ์ ทรัพย์ดำรง และคุณเมฆา ทรัพย์ดำรงค่า”
มธุวันรู้อยู่หรอกนะว่าเมฆาเป็นคนมีฐานะ แต่เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นทายาทคนโตของมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจร้อยแปดพันเก้าที่ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อคนนี้






เขารู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ






คำถามส่วนที่เป็นเรื่องของธุรกิจพ่อของเมฆาเป็นคนตอบเสียส่วนใหญ่ ชายหนุ่มวัยสามสิบกลางๆดูอย่างไรก็เหมือนพี่ชายของร่างสูง ใบหน้าคมคายมีกลิ่นอายของความเป็นยุโรปมากกว่าลูกชายเล็กน้อย ธีรเชษฐ์ตอบคำถามทุกข้ออย่างกระชับ ถูกต้อง และตรงประเด็น เช่นเดียวกับเมฆาเวลาที่ถูกถามถึงหน้าที่ของตนในบริษัท มธุวันไม่อยากเชื่อว่าเด็กอายุสิบแปดจะได้รับการไว้วางใจจากบิดามากพอที่จะช่วยทำงาน แต่นั่นก็สามารถอธิบายความรู้สึกที่เหมือนกับว่าร่างสูงดูมีความเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริงในบางครั้งได้






“มาถึงคำถามเรื่องส่วนตัวที่สาวๆอยากรู้กับบ้างดีกว่านะคะ” พิธีกรสาวยิ้มให้กับกล้อง “น้องเมฆาสุดหล่อมีเจ้าของหัวใจรึยังเอ่ย?”






“….”เด็กหนุ่มเหลือบมองบิดาที่ไม่มีปฎิกิริยาใดๆกับคำถามนั้นก่อนจะตอบ “มีครับ”





“ว้า…อย่างนี้สาวๆคงอกหักเป็นแถวเลยนะคะเนี่ย”คนถามหัวเราะ “แล้วเคยพามาเจอคุณพ่อคุณแม่รึยังครับ”





“ยังครับ...ผมชอบเขาแค่ฝ่ายเดียว”เมฆาตอบเสียงทื่อ ไม่มีเค้าของความอายแม้แต่น้อย




“อื้อหื้อ คนจริง มันต้องอย่างงี้ดิวะ”ณัฐภาสพยักหน้าอย่างนับถือ




…ส่วนหมอกนั้นอายจนอยากจะม้วนลงไปใต้โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว





“แต่ก็น่าสงสารผู้หญิงที่หมอนี่ตามจีบอยู่นะ”ญาวิกาเอ่ยขึ้น “แม่ฉันรู้จักกับพวกคุณหญิงคุณนาย เห็นเขาเม้าท์กันให้แซ่ดว่าแม่ของเมฆเป็นพวกผู้ดีที่ห่วงหน้าตาตัวเองมาก ตอนเมฆเกิดมานี่คือแทบจะตัดหางปล่อยวัดทั้งลูกสาวทั้งหลาน แต่โชคดีที่พ่อของเมฆเป็นลูกคนรวย เลยยอมๆให้แต่งงานกัน แต่ก็รู้สึกว่าหลังแต่งงานคนพ่อก็ยังมีบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว ไม่รู้จริงรึเปล่า”





“ขนาดนั้นเลยเหรอ?”มธุวันถาม





“อือ ส่วนตายายน่ะเห็นว่าเพิ่งยอมกลับมาพูดกับลูกสาวตอนที่หลานอายุได้สามขวบ ทั้งพ่อทั้งแม่เมฆเลยพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ตายายโกรธอีก เห็นว่าถึงขนาดยายจับลูกชายคนรองใส่กระโปรงสะเดาะเคราะห์ให้แม่ที่เข้าโรงพยาบาล คนพ่อยังไม่ห้ามซักคำ”ญาวิกาเล่าเรื่องที่เมฆาเคยเล่าให้เขาฟัง “เป็นฉันถ้าแต่งเข้าบ้านนั้นคงเครียดตายเลย”





มธุวันพอจะเข้าใจแล้ว ว่าที่เมฆาดูเครียดอยู่ตลอดเวลามีสาเหตุมาจากอะไร






เขาไม่อยากจะคิดเลย ว่าหากทางบ้านที่หัวโบราณขนาดนั้นรู้ว่าคนที่เมฆาชอบไม่ใช่ผู้หญิง ร่างสูงจะโดนอะไรบ้าง





“หมอก...เป็นอะไรรึเปล่า?”ณัฐภาสถามเพื่อนที่นิ่งไป มธุวันส่ายหน้า ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกบิดมวนในช่องท้อง




“เดี๋ยวเราไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดนะ”




เด็กหนุ่มเกือบจะไปถึงห้องสมุดแล้วหากเสียงแตรรถสั้นๆจากด้านหลังไม่เรียกเขาไว้เสีียก่อน





“ไปไหน?”เมฆาชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างที่ลดกระจกลง




“เราว่าจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดน่ะ”มธุวันตอบ เขาไม่คิดว่าจะเจอกับเมฆาในเวลาแบบนี้ ร่างสูงเคลื่อนรถมาเทียบข้างเขาแล้วกดกระจกด้านข้างคนขับลง






“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวพาไปหาที่อ่านหนังสือ”





“แต่…”มธุวันลังเล กอดหนังสือในมือแน่นขึ้นราวกับจะหาเครื่องป้องกันตัว






“เมฆไม่ทำอะไรหมอกหรอก หมอกพูดเองไม่ใช่เหรอ?”เจ้าของรถย้อนคำพูดของเขา มธุวันถอนหายใจ ก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแต่โดยดี










“ร้านสวยจัง เมฆรู้จักที่นี่ได้ไง” ร่างโปร่งมองไปรอบร้านกาแฟเล็กๆหน้าตาน่ารักที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร ร้านนี้อยู่ลึกเข้ามาในซอยแคบข้างตึกยักษ์ใหญ่ตึกหนึ่ง ทำให้พวกเขาต้องเดินเข้ามา แต่ความเงียบสงบของร้านและการตกแต่งด้วยโทนสีพาสเทลสบายตา รวมถึงขนมและเครื่องดื่มอร่อยๆทำให้มธุวันถูกใจเป็นอย่างมาก






“มาอ่านหนังสือตอนสอบบ่อยๆ” เมฆายกกาแฟขึ้นดื่ม “บริษัทพ่ออยู่ข้างๆ”




และตอนนี้มธุวันก็รู้แล้วว่าลานจอดรถที่พวกเขาไปจอดทิ้งไว้เป็นตึกของบริษัทอะไร






“พูดถึงคุณพ่อของเมฆ...เมื่อกี้เราเห็นวีดีโอที่เมฆออกทีวีด้วย”





ไหนๆเขาก็ได้มีโอกาสคุยกับอีกฝ่ายแล้ว มธุวันคิดว่าเขาควรจะคุยกับเมฆาตรงๆให้เข้าใจ






“….”เมฆาดูงุนงงเล็กน้อย แต่เมื่อนึกออกว่ามธุวันพูดถึงอะไร ร่างสูงถึงได้ถาม “ทำไมเหรอ?”





“คือ เราได้ยินมาว่า บ้านของคุณตาคุณยายเมฆเข้มงวดมากเลยใช่มั้ย”ร่างโปร่งถาม





“…ก็ใช่”ร่างสูงตอบ มองคนถามอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่ามธุวันจะแปลงร่างเป็นงูพิษฉกเขาได้ตลอดเวลา





“ถ้าที่บ้านเมฆไม่โอเค...เราว่าเราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไปดีกว่ามั้ย เราไม่อยากทำให้ครอบครัวเมฆมีปัญหา”





เขารู้ว่ามันอาจฟังดูโหดร้ายที่หลังจากความพยายามทั้งหมดของร่างสูงเขากลับพูดแบบนี้ใส่ แต่มธุวันไม่อยากให้เมฆาต้องมีปัญหากับคนในครอบครัวเพราะเรื่องของเขาจริงๆ






เมฆาขมวดคิ้ว




“ทำไมถึง...”




“เมฆรู้ใช่มั้ยว่าเราเป็นเด็กกำพร้า” มธุวันเอ่ยขัดเสียงเบา “ครอบครัวเป็นสิ่งที่เราไม่เคยมี จนกระทั่งคุณป้ารับเรามาเลี้ยง”





“หมอก...”ร่างสูงเอื้อมมือมากุมมือที่วางอยู่บนโต๊ะของเขาอย่างสงสาร แต่มธุวันดึงมันออกช้าๆ





“เราอยากให้เมฆมีความสุข เราพอจะเดาได้ว่าสถานการณ์ที่บ้านเมฆในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราไม่อยากเป็นอีกปัญหาที่ทำให้เมฆต้องกลุ้มใจไปมากกว่านี้”





“หมอกฟังเมฆนะ” คราวนี้มือใหญ่กุมมือของเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยให้ร่างโปร่งดึงมือออกโดยง่าย “เมฆไม่สนว่าคนพวกนั้นจะคิดยังไง เขาไม่ใช่ครอบครัวของเมฆ และไม่มีวันเป็น”





“เมฆ พูดอย่างนั้นได้ยังไง...”




“คนที่ห่วงแต่หน้าตาของตัวเองจนไม่สนใจใยดีทั้งลูกทั้งหลานของตัวเองจนทำให้แม่ของเมฆล้มป่วย เมฆไม่คิดจะนับญาติหรอก” ร่างสูงเอ่ยเสียงแน่วแน่ “คนพวกนั้นไม่มีสิทธิมาชี้นิ้วสั่งว่าเมฆจะต้องชอบใคร”





“แล้วแม่ของเมฆล่ะ”มธุวันถามขึ้น เมฆาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ




“แม่เมฆไม่ว่าหรอก แม่แค่อยากให้เมฆมีความสุข”





“แต่ถ้าเมฆทำให้คุณตาคุณยายโกรธ คุณแม่เมฆจะไม่เสียใจกว่าเดิมเหรอ”มธุวันให้เหตุผล “คุณแม่ของเมฆยังไม่แข็งแรงดีเลย ท่านจะรับความเครียดแบบนี้ได้เหรอเมฆ”




นั่นเป็นครั้งแรกที่มธุวันเห็นความลังเลในแววตาของร่างสูง ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ชั่ววูบ แต่ร่างโปร่งก็รู้ว่าเข้าจี้จุดอ่อนไหวเข้าให้อย่างจัง





“ถ้าหมอกไม่ได้คิดอะไร พูดออกมาตรงๆก็ได้นะ” ทว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของเมฆากลับเป็นคำพูดนั้น “ไม่ต้องเอาเรื่องของเมฆมาอ้างหรอก”





“ไม่ใช่อย่างนั้นนะเมฆ” มธุวันรีบปฎิเสธความเข้าใจผิดนั้น แต่ร่างโปร่งกลับชะงักกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัว
เราก็ชอบเมฆนะ...





เขาไม่สามารถพูดแบบนั้นออกไปได้จริงๆ





“ไม่เป็นไร เมฆเข้าใจ”ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นั่ง “เดี๋ยวเมฆไปวนรถมารับที่ปากซอยนะ”





“เดี๋ยวเมฆ”มธุวันคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้ก่อนที่ร่างสูงจะได้เดินออกไป





เมฆาเลิกคิ้ว รอประโยคถัดไปของมธุวันอย่างใจเย็น






ร่างโปร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา






“ถ้าเรื่องนี้รู้กันแค่เราสองคนล่ะ?”





“หมายความว่าไง?”ร่างสูงถามต่ออย่างไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ






“ถ้าเราเก็บ...เรื่องของเราไว้เป็นความลับ อย่างน้อยก็จนกว่าคุณแม่ของเมฆจะหายดี อย่างนั้นได้มั้ย”มธุวันถามด้วยน้ำเสียงประหม่า เขาไม่รู้ว่าตัวเองไปเองความคิดแบบนั้นมาจากไหน ขนาดตอนที่พูดมันออกไปเขายังรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเรื่องที่คนสติดีเขาไม่ทำกันอยู่







แต่เมฆากลับยิ้มออกมาเสียอย่างนั้น







“ถึงจะไม่ใช่ที่หวังไว้ แต่เริ่มจากแค่นี้ก่อนก็ได้”







ร่างสูงยื่นมือให้กับคนที่นั่งอยู่ มธุวันเอื้อมมือไปจับกับร่างสูง ก่อนจะถูกแรงของอีกฝ่ายรั้งให้ร่างทั้งร่างปลิวเข้าไปในอ้อมกอดของเมฆา








“ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสเมฆ”เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ






“อือ…ขอโทษนะที่ขออะไรเอาแต่ใจ” มธุวันกระซิบ ยกมือขึ้นกอดตอบอย่างหลวมๆ







ถือได้ว่าเรื่องผ่านพ้นไปด้วยดี









หรือนี่จะเป็นลมสงบก่อนที่พายุจะกระหน่ำกันนะ?

--------

ดีใจกับความยาวนี้ อุอิ :-[ :-[ :-[
อย่างที่บอกว่าเปิดเทอมแล้ว วารืปบ้างไรบ้างอย่าได้ถือสาเลย  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ พล้อตน่าสนใจมาก ได้เห็นเมฆากะหมอกทะงสองบุคลิกเลย แต่หมอกนี่มีความคอนทราสท์มาก เปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ แต่ #ทีมหมอกนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พาร์ทอดีต ก็น่ารัก กร๊าวใจ ตอนปัจจุบันมันหน่วงแต่บีบหัวใจดี รอติดตามหมอก เมฆ ค่ะ

ออฟไลน์ wargroup

  • Twitter/IG : @inaSSusani
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-3
นานแล้ว...ที่ไม่ได้รู้สึกคลั่ง อยากอ่านเรื่องต่อเร็วๆ อยากรู้เรื่องราวทั้งหมดจนจบขนาดนี้!

ชอบที่สุดคือ การบรรยายที่เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของพระ-นาย พาร์ทปัจจุบันคือเข้มข้นถูกใจจริงๆค่ะ
สนุกมาก เขียนดีมาก พล็อตดีมาก ชวนติดตามมาก รออ่านต่ออยู่นะคะ...รอแบบจริงจังมากๆเลยล่ะ ^^"

ปล.ส่วนตัวชอบมากกว่า Blind Side เพราะเป็นคนชอบดราม่าๆแนวนี้อ่ะ นี่รออ่าน เชษฐ์xมีน อย่างใจจดใจจ่อ บอกเลย!

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด