[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 505346 ครั้ง)

ออฟไลน์ JACKSON

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เมฆ ในอกีต โคดจะรักหมอก อะไรทำให้เปลี่ยน

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5





“เมฆนี่เก่งเหมือนกันเนอะ แข่งรถเป็นด้วย เราเนี่ยขนาดรถธรรมดายังขับไม่เป็นเลย” มธุวันชมจากใจจริง อันที่จริงต้องบอกว่าทั้งบ้านเขาไม่มีใครขับรถยนต์เป็นเลยต่างหาก






“ไม่เป็นเลย?”คนขับรถเลิกคิ้ว ไม่ละสายตาจากท้องถนนแม้แต่วินาทีเดียว





“อื้อ เรากับดินขับมอเตอร์ไซค์เป็นนะ แต่ที่บ้านไม่มีรถ เลยไม่มีใครสอนขับรถ”ร่างโปร่งตอบ “นี่ก็ว่าจะหางานพิเศษทำอยู่ ปิดเทอมจะลองไปเรียนขับรถดู จะได้มาสอนน้องด้วย”






“อันตราย เนื้อหุ้มเหล็ก”คนฟังขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เดี๋ญวเมฆสอน ต่อไปนี้ห้ามนั่งมอเตอร์ไซค์แล้วนะ”






“ได้ไงล่ะเมฆ ไม่นั่งก็ไปเรียนไม่ทันกันพอดี”มธุวันหัวเราะ ไม่คิดจริงจังกับคำพูดของอีกฝ่าย





“เมฆไปส่ง”






“เมฆคงจะไม่ได้สะดวกไปรับไปส่งเราทุกวันหรอก จริงมั้ย?” มธุวันให้เหตุผล ร่างสูงคิดตามก่อนจะพูดต่อเสียงหนักแน่น





“เอารถเมฆไปใช้สิ”






“เมฆ!อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ เราไม่ชอบ” ร่างโปร่งขมวดคิ้ว “คนอื่นมาได้ยินมันจะไม่ดีด้วย ถึงจะพูดเล่นก็เถอะ เขาจะคิดว่าเมฆเป็นพวกขี้อวดนะ”





คนโดนดุดูซึมลงไปทันที มธุวันคิดว่าตนพูดแรงไปจึงรีบแตะต้นแขนอีกฝ่ายเบาๆ






“ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะว่า...แต่เมฆพูดเล่นแบบนั้นมันดูไม่ดีนะ เราเป็นห่วง”






“ไม่ได้พูดเล่น...”ร่างสูงพึมพำ นั่นยิ่งสร้างความปวดหัวให้กับคนฟังหลายเท่า มธุวันยกมือนวดขมับก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจเย็น





“เมฆ เราดีใจนะ ที่เมฆรู้สึกดีๆกับเรา แต่ที่เมฆทำตอนนี้มันมากเกินกว่าคนเป็นเพื่อนเขาทำให้กัน เมฆเข้าใจเราใช่มั้ย”






ร่างสูงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปยังลานจอดรถของสนามแข่งรถที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยเกือบชั่วโมง มธุวันขยับตัวยุกยิกอย่างไม่สบายใจ กลัวว่าตัวเองจะกลับหอไม่ทันเวลาปิด





“ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ทันไปนอนห้องเมฆได้” เมฆาเสนอ





“เมฆ…”





“เพื่อนกันไปค้างที่ห้อง...ไม่มากไปใช่มั้ย?”







น้ำเสียงมีความของร่างสูงยากเกินกว่ามธุวันจะปฎิเสธ ร่างโปร่งพยักหน้า เมฆาดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถเดินอ้อมไปรอรับเด็กหนุ่มที่เปิดประตูลงมาจากรถ ทั้งสองเดินเข้าไปในสนามแข่ง มธุวันนิ่วหน้ากับเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามอย่างต่อเนื่องชนิดที่เสียงปืนในสนามยิงเมื่อครู่เทียบไม่ติด




“ไม่ชอบเหรอ?”






คำถามนั้นเหมือนแค่คำถามธรรมดา แต่มธุวันสังเกตถึงความคาดหวังในน้ำเสียงของร่างสูง เขาส่ายหน้าปฎิเสธ






“เปล่าหรอก เสียงแค่ดังไปหน่อย แต่ก็น่าสนุกดีนะ”ร่างโปร่งตอบอย่างรักษาน้ำใจ เมฆาฉีกยิ้มกว้างออกมา ความเจิดจ้าแบบไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอามธุวันเซวูบไปเลยทีเดียว







“โอ้โห เอาแล้วเว้ยท่านเมฆา ในที่สุดก็พาตุ๊กตาหน้ารถมาให้เพื่อนยลโฉมแล้วเรอะ”







มธุวันหันไปตามเสียง ชายร่างใหญ่ในเสื้อโปโลสสีดำแขนสั้นกับกางเกงยีนขายาวเดินตรงมาทางพวกเขา เส้นผมหยักศกยาวระต้นคอกับลายสักมากมายเต็มสองแขนยิ่งทำให้คนตรงหน้าโดดเด่นจากคนรอบข้าง ปกติแล้วมธุวันเป็นคนกลัวคนที่สักเต็มตัวแบบนี้ แต่คนตรงหน้าดูสดใสเสียจนเขาไม่ค่อยรู้สึกกลัวเท่าไหร่







“ปากหมา” เมฆาเอ่ยเสียงเรียบ







“เอ้าๆ มาถึงก็ทักทายเพื่อนซะน่ารักเลยมึง แล้วจะไม่แนะนำคนสวยข้างๆให้เพื่อนรู้จักหน่อยเหรอ?” ร่างสูงฉีกยิ้ม







“หมอก นี่นาวินทร์ เพื่อนเมฆ เป็นเจ้าของสนาม”เมฆาหันมาแนะนำคนตรงหน้าให้มธุวันรู้จัก “วิน นี่หมอก”







“สถานะโสดมั้ยครับ?” นาวินทร์ฉีกยิ้มให้ร่างโปร่ง







“เอ่อ..”มธุวันยิ้มแห้งๆให้อย่างไม่รู้จะพูดอะไร แต่คนข้างเขานี่สิ แยกเขี้ยวจนเหมือนจะขย้ำเพื่อนตัวเองได้แล้ว







“เอ้าๆ ไม่โสดก็บอกดีๆสิวะไอ้เมฆ เดี๋ยวพาไปฉีดยาให้หายบ้าซะหรอก” นาวินทร์ยิ้มขำ “ของมึงรอบต่อไป จะให้พาคุณหมอกไปรอที่ห้องวีไอพีมั้ย?”







“อือ ดูแลให้ด้วย” เมฆากำชับ “ห้ามให้ใครแตะต้องหมอก”







“เออๆ รู้แล้ว”นาวินทร์รับคำเสียงกลั้วหัวเราะ เบนความสนใจไปที่มธุวันซึ่งยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หลังเมฆา “เชิญเลยครับคุณหมอก”







“เอ่อ เรียกหมอกเฉยๆก็ได้ แล้ว...แล้วเมฆจะไปไหนเหรอ?” ร่างโปร่งถามอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่พาเขามาเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยไม่อธิบายอะไร






“ไปเช็ครถกับช่างน่ะ ไม่ต้องห่วง ไอ้เมฆมันไม่เล่นเอาเงิน ไม่แลกผู้หญิง แค่มาแข่งแล้วก็กลับ มันไม่หลอกนายมาขายหรอก” นาวินทร์อธิบาย “ทำไม อยากไปดูเหรอ”






“เอ่อ...ได้มั้ย?” มธุวันถามอย่างเกรงใจ นาวินทร์เพียงแต่หัวเราะอย่างถูกใจ กวักมือให้เขาเดินตามมา ตรงหน้าของเขา ร่างโปร่งเห็นเมฆาที่เช็ครถเสร็จแล้วกำลังคุยกับใครบางคนที่ยืนควงสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มทว่าทรวดทรงเกินอายุไปมาโข ดูแล้วน่าจะเป็นคนรู้จัก







“กูก็นึกว่ามึงไม่ว่าง...อ้าว ใครน่ะ?” ร่างสูงที่คุยกับเมฆาถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเขา เมฆาหันหลังกลับมาเห็นเขาก็ขมวดคิ้ว นาวินทร์ไหวไล่ราวกับจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของตน






“มึงมีคนมาเติมพลังให้ก่อนแข่ง ทำไมไอ้เมฆจะมีบ้างไม่ได้วะ?”








“เฮ้ย จริงดิ พ่อฤาษีธุดงค์ป่าอย่างมันเนี่ยนะ” อีกฝ่ายถามอย่างไม่อยากเชื่อ








“คุณเมฆา คุณอัครเดช เชิญประจำที่ค่ะ” พนักงานคนหนึ่งเดินมาบอก คนที่ชื่ออัครเดชพยักหน้า ก้มหน้าลงยิ้มให้เด็กสาวในอ้อมกอดที่โอบแขนรอบคออีกฝ่ายอย่างรู้หน้าที่ มอบจุมพิตดูดดื่มที่ทำเอามธุวันรีบเบือนหน้าหนีอย่างอายแทน เมฆาหันมาโบกมือให้เขาเล็กน้อย แล้วเดินไปที่รถของตัวเอง







มธุวันเหลือบมองฝ่ายคู่แข่งที่ยังคงแลกลิ้นกับสาวสวยในอ้อมกอดอย่างร้อนแรง แล้วหันไปมองคนที่พาตนมาซึ่งเปิดประตูเข้าไปนั่งรอในรถเงียบๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่รถของเมฆา








“คุณคะ เข้าไม่...” นาวินทร์ที่เดินตามหลังมายกมือเป็นเชิงอนุญาต มธุวันก้มลงเคาะกระจกรถ ยิ้มให้เมฆาที่เปิดกระจกลงมา
อย่างงุนงง





“สู้ๆนะเมฆ เรารู้ว่าเมฆทำได้” ร่างโปร่งยกนิ้วโป้งให้สองนิ้ว “แต่ต้องปลอดภัยไว้ก่อนนะ”






เมฆามีสีหน้าสดใสขึ้น ถึงแม้จะดูยาก แต่มธุวันที่เริ่มชินกับอีกฝ่ายเริ่มดูออกแล้ว





“อือ”





ร่างโปร่งลังเลเล็กน้อย เหลือบมองคู่ของอัครเดชที่แทบจะฟ่อนเฟ้นกันกลางสนามแข่ง แล้วหันกลับมาหาคนที่เบิกบานเพียงแค่เขาเดินมาอวยพร อาจเป็นเพราะความสงสารทำให้มธุวันเอื้อมมือไปบีบมือของร่างสูงเบาๆ





“เราไปรอกับวินนะ”




ร่างโปร่งเดินกลับไปหานาวินทร์ที่ยืนรออยู่ พยายามทำเป็นไม่เห็นดวงตาที่เป็นประกายราวกับต้นคริสต์มาสเพียงแค่ถูกเขาจับมือนั้น





“โฮ่ ท่าจะเป็นเอามากนะไอ้เมฆ” นาวินทร์หัวเราะ มธุวันยิ้มอาย เดินตามเจ้าของสนามแข่งไปยังห้องวีไอพีที่อีกฝ่ายพูดถึง นาวินทร์พาร่างโปร่งเดินขึ้นบันไดด้านหลังอัฒจรรย์ที่มีแค่พนักงานเดินเข้าออก มธุวันไม่รู้ว่าตัวเองคิดว่าจะได้เจออะไรเมื่อเมฆาพูดถึงสนามแข่งรถ เขาคิดว่าถ้าไม่ใช่แบบที่เขาเห็นในทีวีที่ใช้แข่งรายการใหญ่ๆก็น่าจะอารมณ์เด็กแว๊นเถวบ้านเขา แต่นี้เหมือนกับเป็นการรวมตัวของทั้งสองแบบ สนามแข่งดูดีมีมาตรฐาน มีหน่วยพยาบาลประจำอยู่หลายจุดรอบสนาม อัฒจรรย์เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่เขาก็เห็นพวกวัยรุ่นอายุพอๆกับเขาที่อ้อมแขนเต็มไปด้วยสาวๆซ้ายขวานุ่งน้อยห่มน้อย บางรายก็กระดกขวดเบียร์เข้าปากไม่หยุด แต่คนพวกนั้นถูกจัดให้นั่งอยู่โซนเดียวกันที่ด้านล่างของอัฒจรรย์ แต่ยิ่งขั้นบันไดสูงขึ้น การตกแต่งก็เริ่มหรูหราขึ้น คนที่นั่งอยู่ในโซนยิ่งดูเป็นคนมีฐานะ แต่ห้องที่นาวินทร์พาเขาขึ้นมาเหมือนอยู่คนละโลกกับด้านล่าง





ภายในห้องแอร์เย็นเฉียบโล่งกว้างมีโซฟาตัวยาวที่จุคนได้ประมาณสิบคนวางหันหน้าไปทางกระจกใสซึ่งกินพื้นที่ทางผนังเพื่อที่จะได้ดูการแข่งขันได้ ด้านหน้าโซฟามีโต๊ะเตี้ยตัวยาวทำจากกระจกวางไว้ รอบๆมีโซฟาตัวเล็กวางจักเป็นกลุ่มๆ กับโต๊ะแก้วกลมๆ มีตู้บิวท์อินติดผนังหนึ่งฟากและอีกฟากเป็นเคาท์เตอร์เล้กๆที่มีชา กาแฟ น้ำร้อน ขนมขบเคี้ยว วางอยู่ข้างตู้เย็น









“นั่งนี่เลย” นาวินทร์ผายมือไปยังโซฟายาว เดินไปเปิดตู้ที่ใช้เก็บหมอนนุ่มใบยักษ์กับผ้าห่มผืนใหญ่น่าห่มมาวาง “อยากกินขนม ผลไม้อะไรบอกฉันได้นะเดี๋ยวหยิบให้ ถ้าอยากกินข้าวก็กดโทรศัพท์ที่โต๊ะเอา เบอร์ศูนย์ เมนูวางอยู่ข้างๆ”
มธุวันนั่งลงอย่างทึ่งกับการบริการ ร่างสูงวางแก้วน้ำเย็นที่หุ้มพลาสติกใสและหลอดลงบนโต๊ะพร้อมกับตะกร้าขนมขบเคี้ยว และจานใส่ส้ม องุ่น แอปเปิ้ล แก้วมังกร และมะละกอที่หั่นเรียบร้อยแล้ว





“เอ่อ...”





“ฉันนั่งอยู่ในห้องเนี่ยแหละ เรียกได้ ไมต้องเกรงใจ ห้องน้ำอยู่ประตูนี้นะ” ร่างสูงชี้ไปยังประตูสีขาวที่อยู่ด้านข้าง แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเล็ก





“ขอบใจนะ” มธุวันเอ่ยอย่างเกรงใจ





“ไม่เป็นไร เมฆอุตส่าห์พาแฟนมาเปิดตัวทั้งที ไม่ดูแลได้ไงล่ะ” ร่างสูงหัวเราะ “เอ้อ นั่งรอไปก่อนนะ กว่าเกมส์ของเมฆจะเริ่มก็นน่าจะอีกสิบนาที”





“เอ่อ เราไม่ใช่แฟนเมฆ” มธุวันรีบแก้ข่าว “แค่เพื่อนกัน”






“เหรอ?”ร่างสูงเลิกคิ้ว “แต่เท่าที่ฉันเห็น นายก็ดูจะไม่ได้รังเกียจอะไรไอ้เมฆมันนี่นา”





“ก็…เพิ่งรู้จักกันนี่นา” มธุวันแก้ตัวเสียงอ่อย







“ถ้ามีอะไรที่ฉันเรียนรู้จากการใช้ชีวิตในวงการนี้ คือนายไม่มีวันรู้หรอกนะว่าจะเสียคนที่นายรักไปเมื่อไหร่” นาวินทร์กอดอก “ยิ่งรู้ตัวเร็ว เวลาที่ได้ใช้ด้วยกันก็ยิ่งเยอะขึ้นนะ”






ร่างโปร่งคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะรีบเปลี่ยนประเด็นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังโอนอ่อนตามคำพูดของคนตรงหน้า






“วิน เป็นเจ้าของที่นี่นานแล้วเหรอ?”






“เปล่าหรอก ก่อนหน้านี้เป็นของพี่ชาย” ร่างสูงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “ฉันเปิดร้านสักอยู่ใกล้ๆนี่ ส่วนที่บ้านเป็นพวกบริษัทรักษาความปลอดภัยอะไรเทือกนี้น่ะ”





“โห…เป็นช่างสักตั้งแต่อายุเท่าไหร่เนี่ย” มธุวันถาม อีกฝ่ายเป็นเพื่อนของเมฆาก็ไม่น่าจะอายุห่างจากเขามากไม่ใช่เหรอ





“เท่าไอ้เมฆนั้นแหละ ฉันไม่ใช่ช่างหรอก แค่เปิดร้านน่ะ ฉันชอบสัก” ร่างสูงยกแขนโชว์ลายที่พาดตั้งแต่หลังมือไปถึงต้นคอ “แต่ก็ให้เขาสอนเวลากลับมาไทยว่างๆแบบนี้ เป็นงานอดิเรกน่ะ”





“เอ๋? วินไม่ได้อยู่ที่ไทยเหรอ?”คนถามเอียงคอสงสัย





“อือ เรียนอยู่อิตาลีน่ะ พอดีบริษัทใหญ่ของที่บ้านอยู่ที่นั่น” นาวินทร์ว่า “แต่ว่าช่วงม.ปลายก็เรียนโรงเรียนเดียวกับเมฆนั่นแหละ เลยรู้จักกัน”





“อ๋อ…”






มธุวันพยักหน้าเข้าใจ ร่างโปร่งหันกลับมาสนใจการแข่งขันทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศว่าการแข่งขันของคู่ต่อไปมาถึงแล้ว ร่างโปร่งสังเกตเห็นรถของเพื่อนและรถของคู่แข่ง ดวงตาสีเทาเหลือบฟ้าเขียวจับจ้องภาพตรงหน้าตาไม่กระพริบ





“และ หนึ่ง...สอง...”





ปัง!





 รถทั้งสองคันออกตัวทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณ มธุวันลุ้นจนตัวโก่ง กลั้นหายใจมองตามรถสองคันที่ตีคู่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร คนในสนามโห่ร้องเชียร์อย่างบ้าคลั่ง ผิดกับเขาที่ได้แต่ภาวนาให้คนในรถปลอดภัย
นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่รถของเมหาสะบัดวืด มธุวันยกมือขึ้นปิดเสียงร้องของตัวเอง โชคดีที่รถตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งถอนหายใจ แต่ยังไม่สามารถวางใจได้จนกว่าจะจบการแข่งขัน







“เป็นอะไรไป?ดูไม่สนุกเลย?” นาวินทร์ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง







“เรา…เราไม่ชอบอะไรแบบนี้ ขอโทษนะ” มธุวันละสายตาไปจากภาพตรงหน้าไม่ได้ เขากลัว กลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไปหากเขาไม่จับตามองรถคันนั้น






“ตัวสั่นใหญ่แล้ว ไหวมั้ย?” ร่างสูงแตะไหล่เขาอย่างเป็นห่วง






“อือ…”มธุวันตอบ ทั้งที่รู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่






“เมฆมันมีเรื่องเครียดที่บ้านเยอะ บางทีมันก็มาระบายกับอะไรแบบนี้”ร่างสูงเอ่ยปลอบ “ลองชวนมันทำอะไรอย่างอื่นดูสิ จะได้ไม่ต้องกังวลแบบนี้ไง”






“เรา…ไม่อยู่ในสถานะที่จะห้ามเขาหรอก” ร่างโปร่งพึมพำ






“ถ้าห่วงมันขนาดนี้ ฉันว่านายเลื่อนสถานะได้แล้วล่ะ”นาวินทร์หัวเราะ “กำลังจะเข้าเส้นชัยแล้ว อยากลงไปหา...”






“อื้อ!” มธุวันตอบรับอย่างไม่ต้องคิด นาวินทร์ยิ้มเอ็นดู แล้วเดินนำมธุวันลงไปยังสนามแข่ง ทันเวลากับที่เมฆาเข้าเส้นชัยพอดี เมฆาเปิดประตูรถออกมา คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นคนที่ควรจะอยู่ข้างบน






“หมอก ทำไมไม่รออยู่ด้านบน?”






“ก็เราเป็นห่วงนี่! เมฆไม่เป็นไรใช่มั้ย เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”มธุวันก้มเงยหารอยฟกช้ำตามร่างกายอีกกฝ่ายอย่างเป็นห่วง เมฆาส่ายหน้า






“ไม่เจ็บ” ร่างสูงส่ายหน้า “ห่วงเมฆจริงเหรอ?”





“ก็จริงน่ะสิ ทีหลังเราไม่มาแล้วได้มั้ย เวลาเห็นเมฆทำอะไรอันตรายแบบนั้นเราใจไม่ดีเลย” ร่างโปร่งช้อนตาขึ้นมองเพื่อน เมฆานิ่งไป พยักหน้าราวกับต้องมนต์สะกด






“พาหมอกไปหาที่ผ่อนคลายดีกว่าเมฆ” นาวินทร์แนะนำ “เมื่อกี้ตอนดูมึงแข่งเขาทำหน้าจะร้องไห้หลายรอบแล้ว”
คนโดนเผาไม่ทันตั้งตัวหันขวับไปมองร่างสูงเตรียมแก้ต่าง แต่แววตารู้ทันของนาวินทร์ทำให้เขาต้องหุบปากฉับอย่างไม่มีทางเลือก






“ขอโทษนะ” เสียงทุ้มกระซิบ มือหนายกขึ้นปัดเส้นผมออกจากใบหน้าเขาอย่างเบามือ “จะไม่พามาอีกแล้ว”
มธุวันพยักหน้า อันที่จริงต่อให้ไม่มา เขาก็ยังกังวลกับกับความปลอดภัยของเมฆาอยู่ดี แต่ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรไปเช่นเดียวกับที่เมฆาไม่มีสิทธิ์ยกรถให้เขาพร่ำเพร่อนั่นแหละ






ถ้าห่วงมันขนาดนี้ ฉันว่านายเลื่อนสถานะได้แล้วล่ะ






“เมฆ” ร่างโปร่งกัดริมฝีปาก “เรากลับไปไม่ทันปิดหอแล้วใช่มั้ย?”





“อือ คงอย่างนั้นแหละ ขอโทษนะ”เมฆาพยักหน้าอย่างสำนึกผิด ทว่ามธุวันเพียงแต่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน





“นี่ เราไปหาอะไรกินก่อนมั้ย?” คนตัวเล็กกว่าถาม “แล้วค่อยกลับห้องเมฆกัน”





เมฆาพยักหน้าหงึกหงัก เดินนำร่างโปร่งไปยังรถยนต์ของตัวเอง หากมธุวันไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง เขาว่าเขาเห็นอีกฝ่ายกระโดดเล็กน้อยราวกับเด็กน้อยกำลังมีความสุขด้วย







และการเห็นอีกฝ่ายมีความสุข ก็มากพอที่จะทำให้เขาอารมณ์ดีตามได้แล้ว










แบบนี้...เรียกว่าชอบได้รึยังนะ?






------


เรียกได้แล้วม้างงงงงง :hao7: :hao7: :hao7:

#พี่เมฆไม่ตัวประกอบนะครับ

จะเปิดเทอมล้าวววววว

สัญญาว่าทุกเรื่องจะมาอย่างน้อยอาทิตย์ละตอน ไม่เกินสองอาทิตย์เน้อออออ :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮื้อออออออ อย่างงี้เรียกว่าชอบแล้วค่ะน้องหมอกกกกกกก น่ารักมาก น่ารักจนไม่อยากอ่านพาร์ทปัจจุบันเลย มันหน่วงที่จิตใจ :hao5:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
พาร์ท อดีต ดอกไม้บานมาก

พาร์ท ปัจจุบัน อย่าว่าแต่ดอกไม่เลย หญ้ายังไม่กล้าขึ้น =_=

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
555+

น่ารักอะ

แต่อยากรู้แล้ว

ปมอะไรทำไมเค้าต้องเลิกกัน

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ทำไมพาร์ทนี้มันเหมือนเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์จังเลย ไม่ต้องพูดถึงความเป็นจริงในปัจจุบันนะ555

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เเต่ก่อนก็ดี
ทำไมตอนนี้เมฆเป็นเเบบนี้

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สงสารเมฆจัง
แต่ก่อนเมฆคงรักน้องหมอกม๊ากมากกกกกกกกกกกกกกกก
มากจนยอมที่จะทำทุกอย่างขอแค่ให้ได้รักหมอก
เราว่าเมฆน่าสงสารสุดแล้วล่ะ
หมอกเป็นคนคิดมาก แบบมากๆๆ ซึ่งเราเข้าใจหมอกนะ แต่เมฆก็คงเจ็บอยู่ลึกๆเหมือนกันล่ะที่หมอกเป็นแบบนี้ทั้งที่เมฆรักหมอกมากแท้ๆ
คงมีอะไรสักอย่างที่ทำให้เมฆเปลี่ยนไปจนบอกเลิกหมอก
ความทรงจำที่หายไปก็รีบกลับมาแก้ไขล่ะเมฆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มันดีมากนะตอนเริ่ม แต่ทำไมต้องมีอุปสรรคนะ

ออฟไลน์ giintoniic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นบ่วงมาก ตอนแรกเาชราอ่านแอบรักค่ะ
ละก็เห็นลิ้งค์เล็ก เผลอกดตามมาอ่านอย่างกับโดนของ
พออ่านเริ่มติดก็เพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่จบ /ทำท่าเบ่งไฟฮึกเหิม
มาค่ะ ยังไม่จบก็ไม่เป็นไร เราจะได้เดินไปพร้อมกัน
เป็นกำลังใจให้ค่ะ เนื้อหาเป็นอดีตสลับปัจจุบัน
ไม่ได้หวือหวาสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อเลย
มีแต่จะทำให้อดคิดเรื่อยๆไม่ได้ว่าทำไมอดีตที่ดูดีถึงต้องจบ
ปัจจุบันที่ขรุขระจะลงเอยยังไง อยากจะรู้แล้วละค่ะ
รอติดตามผลงานนะคะ

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
หน่วงใจมาก. หมอกจะเข้มแข็งได้นานเท่าไหร่กันนะ

อ่านวนไปที่บทเริ่มต้นใหม่เป็นรอบที่สามละ

ชอบมากกกกกก กอไก่ล้านตัวละ. 555

 o13  o13  o13  o13  o13

 :n1:  :n1:  :n1:  :n1:  :n1:

....

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ถ้าเมฆาจำได้ เรื่องจะเป็นยังไงต่อนะ

หมอกจะน่าสงสารแค่ไหน

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนปัจจุบันกับอดีตนี่ต่างกันลิบลับเลย รอวันหวานเหมือนอดีต :mew6:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
แบบนี้คือชอบเมฆแล้วนะจ๊ะหมอก

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
โอ้ย น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ เนื้อเรื่องน่าสนใจสุดๆ ติดตามค่าสา :katai2-1:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2

ออฟไลน์ momokaii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • momoka's blog
เจ็บหน่วงมาก ในหัวมีคำถามตลอดเวลาว่าทำไมเมฆถึงบอกเลิกหมอก ทำไมต้องเลิกกัน
ยิ่งอ่านพาร์ทอดีต ยิ่งรู้สึกเศร้า มันสัมผัสได้ว่าเมฆกับหมอกในตอนนั้นมีความสุขมาก. รอบตัวมีแต่ความอบอุ่นของกันและกัน แต่อิคนอ่านแทนที่จะยิ้มหน้าบานนอนดีดขากะแด่วๆ เพราะเขินแทนหมอก กลับน้ำตาซึมซะนี้ ไม่รู้อะ มันสุขนะตอนนั้น แต่พอดีนึกย้อนไปมันกลับข่มขื่น

เฮ้อออ นี่นะอยากให้เมฆจำหมอกได้ พอๆกับไม่อยากให้เมฆจำได้ เฮ้อออ อินซะอย่างกับเป็นหมอกเอง55555

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 6: [Now] ลูกค้าวีไอพี




หลังจากได้รับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มาสองวัน มธุวันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้ามืด เรียกได้ว่ามาพร้อมแม่บ้านและยามกะเช้าเลยทีเดียว เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องไปรับเมฆาเพราะอีกฝ่ายมากับรถของธีรเชษฐ์ ร่างโปร่งจึงถือโอกาสรีบมาสะสางงานที่ยังไม่เสร็จ เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านเรื่องที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์อีกต่อไป





อันที่จริง ก่อนหน้าที่เขาได้รับมอบหมายให้รับส่งเมฆา มธุวันเป็นคนที่มาทำงานเช้าจนเป็นนิสัย เขาชอบความสงบของออฟฟิศยามเช้าตรู่ที่มีแค่เขากับยามกะเช้าและแม่บ้านสองสามคน มันทำให้ร่างโปร่งรู้สึกผ่อนคลายและสามารถทำงานได้ประสิทธิภาพดีกว่าช่วงสายที่เจ้านายของเขาเข้ามาพร้อมหายนะเต็มอ้อมแขน





เขาจึงประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นแสงไฟและแอร์ของออฟฟิศฝ่ายการตลาดเปิดอยู่






ใครกัน มาเช้าขนาดนี้







ร่างโปร่งสาวเท้าก้าวไปตามทางเดินอย่างระมัดระวัง แม้จะมั่นใจว่าไม่น่าใช่โจร แต่เขาก็ถือคติปลอดภัยไว้ก่อน ค่อยๆย่องเข้าใกล้ประตูห้องอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องปรากฎร่างที่คุ้นตาของภรัณยูนั่งรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์อย่างขะมักเขม้น มธุวันขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างที่ควรจะเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อคืนและได้วันหยุดวันนี้ มือเรียวยกขึ้นเคาะประตูกระจกใสสองสามครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้าไป คนด้านในสะดุ้ง เงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ







"วันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอครับคุณภรัณยู?" เลขาหนุ่มเลิกคิ้วถาม





"ครับ.... แต่งานผมยังไม่เสร็จ" รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดตอบเขาด้วยน้ำเสียงเนิบช้าเป็นเอกลักษณ์ เท่าที่จำได้ ภรัณยูอายุมากกว่าเขาเกือบสิบปี อีกทั้งทางด้านตำแหน่งยังไม่ได้ต่ำกว่าเขาเลย แต่ชายหนุ่มพูดกับเขาอย่างนอบน้อมเหมือนกับพนักงานทุกคนในบริษัท หากเป็นปกติมธุวันจะไม่รู้สึกอะไรเพราะชินเสียแล้ว แต่พอคิดว่าคนตรงหน้าเป็นที่หมายปองของลูกชายคนเล็กของท่านประธาน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะเป็นคนที่นอบน้อมให้อีกฝ่ายถึงจะถูก
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตน่ะนะ






“งานคุณเหลืออะไรครับคุณภรัณยู เท่าที่จำได้คุณไม่มีโปรเจคอะไรที่จะต้องรับผิดชอบแล้วนี่ครับ อีกอย่าง คุณเจนจิราก็จะกลับมาประจำตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเหมือนเดิม งานของคุณควรจะเบาขึ้นถึงจะถูก”






ร่างโปร่งเอื้อมหยิบแฟ้มเเอกสารบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่มขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ ภรัณยูนั่นอย่าว่าแต่จะห้ามเลย แค่เสียงร้องอย่างตกใจยังช้าไปเกือบสิบวินาที มธุวันกวาดสายตาไล่อ่านเอกสาร คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าด้วยกันจนแทบเป็นปมเมื่อเห็นรายละเอียดภายใน






“นี่มันไม่ใช่งานของคุณนี่ครับ”






“เอ่อ...” ภรัณยูจ้องเขาตาแป๋ว เหมือนกำลังค่อยๆประมวลผลว่าตนควรจะตอบอะไร มธุวันไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมคนที่มีบุคลิกเชื่องช้าขนาดนี้ถึงได้ทำงานออกมาได้รวดเร็วและเป็นที่พอใจของลูกค้าจนได้เลื่อนตำแหน่งพรวดๆแบบนี้






เลขาหนุ่มพลิกดูแฟ้มเอกสารฉบับอื่นเรื่อยๆ ยิ่งอ่านยิ่งเห็นว่าเอกสารที่ภรัณยูยังทำไม่เสร็จนั้น ไม่ได้เป็นงานของเจ้าตัวเลยซักชิ้น






“คุณภรัณยู ผมถามคำถาม และผมต้องการคำตอบ”ร่างโปร่งเริ่มหงุดหงิดกับความสโลโมชั่นของคนตรงหน้า เขามีงานต้องทำก็จริง แต่หากไม่คุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง มธุวันรู้ว่าเขาจะต้องคิดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนไม่เป็นอันทำงานแน่






“คนอื่นเขาไม่ว่างครับ..”ภรัณยูตอบเสียงอ่อย มธุวันได้ยินเสียงผู้คนในออฟฟิศเริ่มทยอยกันเข้ามา เสียงพูดคุนทักทายยามเช้าดังขึ้นตามทางเดิน ร่างโปร่งยืนกอดอกจ้องหน้าคนอายุมากกว่าที่ลู่ไหล่ลงอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รอให้พนักงานในแผนกเดินเข้ามาแล้วจึงหันกลับไปหาผู้มาใหญ่ พนักงานฝ่ายการตลาดหลายชีวิตหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในแผนกของพวกเขา






“พวกคุณมาก็ดี พอจะตอบได้มั้ย ว่าทำไมงานที่ควรจะอยู่บนโต๊ะของพวกคุณถึงได้มาอยู่ตรงนี้”







พนักงานที่พูดคุยกันอย่างสบายใจเมื่อครู่ยืนก้มหน้าเรียงกันเป็นแผงปลาสลิด เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่พอใจ มธุวันสาวเท้าเข้าไปหาผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยูใกล้ที่สุด เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น






“ผมต้องการคำตอบ”






“พี่…พี่ภัทรเขาว่างพอดีค่ะ....” กลับเป็นหญิงสาวข้างๆที่ตอบขึ้นมา มธุวันตวัดสายตาไปทางร่างในชุดเครื่องแบบออฟฟิศที่สะดุ้งเฮือก






“ที่เขาว่าง เพราะเขาทำงานของตัวเองจนเสร็จทุกอย่าง เขามีสิทธิที่จะได้รับการพักผ่อน ไม่ใช่มาทำงานของพวกคุณทั้งๆที่เขาเป็นเจ้านาย” ร่างโปร่งดุ “ถ้าเขาคนเดียวสามารถทำงานทั้งกองนี้ได้ บริษัทจะจ้างพวกคุณมาเพื่ออะไร?”





ทุกคนก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครกล้าต่อล้อต่อเถียงกับปีศาจน้ำแข็งตรงหน้า





“คุณก็เหมือนกันครับคุณภรัณยู” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง สีหน้านิ่งเรียบทำให้มธุวันดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร “ถ้าคุณไม่ถนัดทำงานในตำแหน่งที่จะต้องกระจายงานให้ลูกน้อง เชิญที่โต๊ะผมได้ทุกเมื่อ ผมจะพาไปคุยกับท่านประธานเอง”






ภรัณยูพยักหน้าเชื่องช้า ฝ่ายเหล่าพนักงานเมื่อโดนสายตาเย็นเยียบตวัดกลับมามองก็รีบกุลีกุจอหยิบงานของตนกลับไปทำที่โต๊ะ





“อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกนะครับ” มธุวันหันกลับไปเตือนชายหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกมาจากแผนกการตลาด แทนที่จะได้เริ่มต้นทำงานแต่เช้า กลายเป็นเขากำลังจะเข้างานสายเสียอย่างนั้น





“คุณมธุวันครับ!แย่แล้วครับ!!”





ถ้าเขาได้หนึ่งบาททุกครั้งที่มีคนพูดแบบนั้นกับเขา มธุวันคงเก็บเงินซื้อคฤหาสน์ให้ครอบครัวอยู่ได้แล้ว ร่างโปร่งสูดหายใจเข้าลึกๆ หันกลับไปหาพรักงานรักษาความปลอดภัยที่วิ่งกรูกันมาหาเขา






“มีอะไรครับ?”







“คือ ท่านประธาน....”






“พี่เชษฐ์ทำแบบนี้กับนันท์ไม่ได้!!!!”






เสียงหวีดร้องปรอทแตกราวกับแส้ฟาดอากาศที่แทบทำให้เยื่อแก้วหูของเขาฉีกขาดดังลอดออกมาจากห้องของเจ้านายตัวดีของเขา มธุวันรู้สึกได้ว่าคิ้วของตนกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกอยากทำร้ายร่างกายคนให้เงินเดือนตัวเองเอ่อล้นจนแทบกระอัก เขาหันกลับไปเล่นงานเหล่าด่านหน้าที่ยืนสำนึกผิดอยู่ข้างๆเขาก่อน







“พวกคุณปล่อยเขาเข้าไปได้ยังไง?”






“ท่าน..ท่านประธานเป็นคนบอกให้เราพาเธอขึ้นมาครับ” หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยแก้ตัวเสียงสั่น






หือ?





“พวกคุณไปได้แล้ว เหลือไว้สองสามคนเผื่อผมตั้งการกำลังเสริม” ร่างโปร่งออกคำสั่ง ขาเรียวยาวรีบสาวเท้าไปยังห้องที่อาจจะกลายเป็นจุดเกิดเหตุคดีฆาตกรรมหากเขาไม่โผล่ไปขัดตอนนี้





“พี่เชษฐ์กับวีจะทำลายชีวิตนันท์ไปถึงไหนพี่ถึงจะพอใจ อย่าคิดนะว่านันท์ไม่รู้ว่างานชิ้นอื่นๆที่นันท์ควรจะได้ พี่ก็บอกให้เขาถอนชื่อนันท์ออกน่ะ!”






เอ๊ะ...ทำไมรอบนี้รูปแบบการโวยวายมันแปลกๆ






ทั้งสองคนในห้องไม่เห็นมธุวันที่เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวที่กำลังโวยวายใส่ท่านประธานของบริษัทหันหลังให้เข้า แต่มะุวันก็จำเธอได้จากละครหลายเรื่องตั้งแต่สมัยเขายังเด็ก ผู้หญิงตรงหน้าเขาชื่อนันท์นลิน เคยเป็นนางแบบและนักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าของประเทศ แต่ยิ่งโตเขายิ่งไม่ค่อยเห็นผลงานของเธอ ทั้งที่เป็นผู้หญิงที่สวยไม่สร่างและเป็นนักแสดงมากฝีมือคนนึง







“หึ อย่าสำคัญตัวเองผิดสิครับน้องนันท์” ธีรเชษฐ์เท้าคางเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนค้ำศีรษะของตนด้วยสีหน้าขบขัน “พี่ไม่ได้ให้ค่ากับผู้หญิงอย่างนันท์มากพอที่จะไปทำลายชีวิตหรอกนะ”






มธุวันยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เคยเห็นคุณเชษฐ์ตอบโต้ใครด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย







“ถ้าอย่างนั้นตลอดสิบแปดปีมานี่คืออะไรคะ ไม่ว่าจะบริษัทไหนที่เคยทำงานกับพี่ ทำงานกับวี ไม่มีใครจ้างนันท์ บางทีก็ยกเลิกสัญญาจ้างดื้อๆกลางคัน ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใคร?”






“อันนี้พี่ก็ตอบไม่ได้แฮะ”ร่างสูงไหวไหล่ “แต่พี่ว่า บริษัทที่ร่วมงานกับพี่ เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตา ตงไม่อยากให้ผู้หญิงที่กล้าขู่ฆ่าลูกตัวเองแลกกับเงินแค่สิบล้านมาทำให้แคมเปญเสียชื่อหรอก”






อะไรนะ?






นันท์นลินกำหมัดแน่นแต่ไม่พูดโต้ตอบอะไร มธุวันที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่ยืนฟังบทสนทนาต่อด้วยความสนใจ





“ใช่สิคะ นันท์มันเลว”





“รู้ตัวด้วยเหรอ?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วออดอ้อนบาทาอันเอกลักษณ์ของตน





“พี่เชษฐ์!” หญิงสาวเงื้อมือขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว ถึงคราวที่พระเอก(?)แสนดี(??)อย่างมธุวันจะออกโรงเสียที





“ผมว่าอย่าดีกว่านะครับ” นันท์นลินหันขวับมาทางต้นเสียงอย่างตกใจเมื่อรู้ว่ามีคนแอบฟังบทสนทนาของพวกตน และยิ่งตกใจขึ้นไปอีกเมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายกำลังถูกยกขึ้นมาบันทึกภาพของเธอ “เดี๋ยวจะมีข่าวฉาวไม่รู้ตัวนะครับ”
สาวใหญ่วัยใกล้เลขสี่ กระทืบเท้าอย่างขัดใจ นันท์นลินหันกลับมาทางธีรเชษฐ์อีกครั้ง คราวนี้ริมฝีปากสีแดงสดแสยะยิ้มบิดเบี้ยวไม่สมกับเป็นนางเอกละครออกมา






“นันท์น่ะเลว แต่ลูกของนันท์ก็มีพ่อที่รักเขา ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในกองเงินกองทอง” ร่างระหงส์เท้ามือลงบนโต๊ะทำงานของธีรเชษฐ์ “แล้วลูกของพี่เชษฐ์ล่ะคะ? ตอนนี้ไปแต่งหญิงล่อผู้ชายเข้าม่านรูดอยู่แถวไหนแล้ว?”







“หมอก เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป!” ร่างสูงคำรามเสียงกร้าว แววตาขี้เล่นดุดันจนราวกับจะฉีกกระชากคนตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ นันท์นลินผงะไปวูบหนึ่ง แต่ก็คงสติไว้ได้มากพอที่จะเดินเชิดหน้ากลับออกไป สะบัดทีมรักษาความปลอดภัยที่มธุวันเรียกเข้ามาออก






“ไม่ต้อง! ฉันไปเอง!”





เลขาหนุ่มหันกลับมาหาเจ้านายของตนด้วยความเป็นห่วง ธีรเชษฐ์มีสีหน้าอิดโรย แต่ก็ซ่อนมันไว้ด้วยรอยยิ้มไม่จริงจังเฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่สามารถทำร้ายราชสีห์ตนนี้ได้มีเพียงเรื่องของลูก โดยเฉพาะลูกคนกลางที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี






“เฮ้ๆ อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ คราวนี้ไอ้วีผิดเต็มๆเลยนะ ฉันแค่โดนลูกหลง” ร่างสูงแก้ตัวเสียงอ่อย ดูก็รู้ว่าไม่จริงใจซักนิด






“เอาอย่างนี้มั้ย เดี๋ยวฉันซื้อบอนไซให้ เป็นการไถ่โทษสำหรับเรื่องวุ่นๆนี่ เธอชอบไม่ใช่เหรอ?”






มธุวันนึกถึงต้นไม้แพงๆที่ร่างสูงซื้อให้เขาในระยะสามปีที่ผ่านมา แค่นี้ห้องของเขาก็แทบจะกลายเป็นป่าเขตร้อนอยู่แล้ว






“คุณเชษฐ์..”คำเรียกที่เปลี่ยนไปทำให้ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้ว ร่างโปร่งเดินตรงเข้ามาหาเจ้านาย ยกมือขึ้นแตะลงบนเส้นผมสีรัติกาลอย่างแผ่วเบา ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ที่ไม่เคยมีใครเห็นมานานหลายปี“การที่คุณเอาใจใส่ผมทุกครั้งที่คุณรู้สึกผิดกับคุณธารธารา มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะครับ”





“หมอก...” ร่างสูงพยายามจะแย้ง แต่มธุวันส่ายหน้า






“ผมรู้ ว่าผมกับเขามีส่วนที่คล้ายคลึงกัน แต่การที่คุณใช้ผมเป็นตัวแทนให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง ลูกชายคุณเขาไม่ได้รับรู้ด้วยนะครับ”






ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ แววตาเศร้าหมองทำให้มธุวันรู้สึกอยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นแน่นๆแล้วโอ๋ให้หายเสียใจ แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ปัญหาหลายอย่างก็ไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยอ้อมกอดกับรอยยิ้มอีกต่อไป






“ผมจะไปดูคุณนันท์นลินหน่อยนะครับ”





มธุวันเดินตามนันท์นลินออกมา นางแบบสาวใหญ่ที่สับขาก้าวฉับๆประหนึ่งเดินอยู่บนแคทวอร์คหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวสะอาดเดินออกมาจากลิฟต์ นายแบบเจ้าของกางเกงชั้นในสีดำเจ้าปัญหายิ้มให้รุ่นพี่ในวงการ แต่หญิงสาวกลับเบ้ปากด้วยสีหน้าดูแคลน รู้สึกชิงชังชายหนุ่มที่เข้ามาแทนที่เธอในแทบทุกงานที่เธอพลาดไป






“เฮอะ พวกเอาตัวเข้าแลกกับงาน คอยดูเถอะ อยู่ไม่ยืดหรอกวงการนี้”







ชายหนุ่มเอียงคอจ้องคนที่ด่าตนปาวๆตาแป๋ว ริมฝีปากเรียวสวยยังคงประดับรอยยิ้มไม่จางหาย สุดท้ายเป็นนันท์นลินเองที่รู้สึกอับอายกับการถูกคนที่เดินผ่านไปมาจ้องมอง กระแทกส้นเท้าเดินเขาลิฟต์ไป มธุวันก้มศีรษะให้กับนายแบบหนุ่มอย่างขอโทษขอโพย





“ผมต้องขอประทานโทษด้วยกับความยุ่งยากเมื่อสักครู่นะครับ คุณ....”ร่างโปร่งนึกขึ้นได้ว่าตนรู้จักแค่ชื่อเล่นของคนตรงหน้า







“วรินทร์ครับ เรียกรินเฉยๆก็ได้”ชายหนุ่มฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร โครงหน้าเรียวสไตล์เอเชียรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวดูฉ่ำน้ำสีแดงสด ดวงตาคมสวยสีม่วงสดแปลกตาที่เขาไม่ได้สังเกิดในทีแรกจากกิจกามที่เบี่ยงเบนความสนใจเขาอยู่ในวันนั้น อีกทั้งยังเส้นผมยาวระเอวที่ปล่อยสยายแต่กลับเรียงตัวสวยดูมีน้ำหนักแบบนี้เขาเคยเห็นแค่ในโฆษณา ผู้ชายคนนี้ทำให้เขานึกถึงพวกนางสนมเอกในวังหลวงในละครจีนย้อนยุค ไม่ก็องค์ชายผมยาวที่หน้าตาเกลี้ยงเกลาจนเหมือนผู้หญิง แต่กับมีกล้ามเนื้อสมส่วน ไม่บอบบางเหมือนจะปลิวไปตามลมอย่างมธุวัน







“คุณรินมาหาท่านประธานเหรอครับ?”มธุวันถาม ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาต่อคิวโวยวายใส่เจ้านายเขาเหมือนบรรดาคู่ขาคู่อื่นหรือไม่







“โถ่ คุณมธุวัน ทำหน้าระแวงกันแบบนั้นผมก็เสียเซลฟ์หมดสิครับ” นายแบบหนุ่มหัวเราะ คนอะไรขนาดหัวเราะยังดูสง่างามขนาดนี้ “ผมมาหาคุณนั่นแหละครับ”






“ผม?” เลขาหนุ่มยิ่งงงเข้าไปใหญ่






“จริงๆก็ไม่เชิงว่ามาหาคุณหรอกครับ ผมมีนัดคุยรายละเอียดงานที่ชั้นล่าง เลยถือโอกาสแวะเอานี่มาให้”





มือเรียวขาวเนียนยื่นกล่องกำมะหยี่เล็กๆให้ มธุวันรีบมาเปิดดูอย่างงุนงง ภายในบรรจุเข็มกลัดเนคไทค์จากเงินแท้ดูเรียบง่าย ที่ปลายแท่งมีอัญมณีสีเทาอมฟ้าคล้ายคลึงกับสีดวงตาของเขาประดับอยู่






“โห…” ร่างโปร่งอุทานออกมาเบาๆ






“ถือว่าเป็นคำขอโทษ ที่ผมสร้างเรื่องยุ่งยากให้ก็แล้วกันนะครับ” วรินทร์ส่งยิ้มที่ใครก็ไม่กล้าปฎิเสธให้มธุวัน นายแบบหนุ่มหยิบเอาเข็มกลัดนั้นออกมาแล้วถือวิสาสะติดมันเข้ากับเนคไทค์ของร่างโปร่งที่ตกใจเล็กน้อยเมื่อโดนจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ





“เอ่อ...”






“เหมาะมากเลยครับ...” นายแบบคนงานเงยหน้าขึ้นมาเขาอย่างชื่นชม “คู่ควรกับคุณจริงๆ”





“จะทำอะไรกันก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อมากนัก”






เสียงทุ้มที่เขาไม่ได้ยินมาตลอดสุดสัปดาห์ดังขึ้น วรินทร์ยอมปล่อยมือจาดมธุวันแต่โดยดี ส่งยิ้มหวานหยอดให้รองประธานบริษัทที่ยืนกอดอกมองภาพตรงหน้าอย่างไม่พอใจ






“ขอโทษด้วยนะครับคุณเมฆา ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” นายแบบหนุ่มโค้งศีรษะให้ทั้งสอง แล้วหันหลังกลับไปที่ลิฟต์ มธุวันกำลังจะเดินตามไปส่ง แต่กลับถูกชายหนุ่มร่างสูงคว้าแขนไว้เสียก่อน






“พ่อมีงานด่วนให้ทำ”





“แค่นี้บอกกันดีๆก็ได้ครับ” มธุวันดึงแขนออกจากการเกาะกุมของร่างสูงอย่างไม่พอใจ






“ตามมา” เมฆาเดินนำไป แต่เมื่อเห็นเลขาของบิดาไม่มีท่าทีจะขยับ ชายหนุ่มจึงหันกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด “จะตามมาดีๆหรือจะให้ฉันอุ้มเข้าไป”







“ผมจะไม่ทำอะไรจนกว่าคุณจะเรียนรู้ที่จะพูดกับคนอื่นให้...เหวอ!!”






ร่างโปร่งร้องเสียงหลงออกมาอย่างหลุดมาด เรียกความสนใจของคนในแผนกได้เป็นอย่างดี มธุวันที่ถูกจับพาดบ่าพยายามดิ้นลงจากไหล่ของเมฆา แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้าน สุดท้ายเป็นมธุวันเองที่ต้องยอมถูกอุ้มด้วยกลัวว่าการโวยวายจะดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากไปกว่านี้





ฝากไว้ก่อนเถอะ!






เลขาหนุ่มซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างอย่างอับอาย ไม่ได้รับรู้ถึงรอยยิ้มน้อยๆที่ระบายอยู่บนริมฝีปากของคนที่แบกตนเข้าไปในห้องทำงานของบิดาเลยแม้แต่น้อย









เมื่ออยู่ในลิฟต์ตามลำพัง รอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของวรินทรืค่อยๆหุบลง มือเรียวยกขึ้นจับเส้นผมไปทัดหลังใบหู และใช้โอกาสนั้นกดเปิดอุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วที่ซ่อนอยูภายในหู






“ผมจะไม่ทำอะไรจนกว่าคุณจะเรียนรู้ที่จะพูดกับคนอื่นให้...เหวอ!!”







ริมฝีปากสีแดงสดที่ไม่ผ่านการแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมใดๆเผยยิ้มออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ ที่น้อยคนนักจะได้เห็นจากร่างสูงโปร่ง หยิบโทรศัพท์ของตนออกมาส่งข้อความสั้นๆ





‘Mission Accomplished’






ภารกิจสำเร็จแล้ว


----------------

ยาวๆให้สมกับที่วาร์ปไป
คุณเมฆเอ๊ย ยอดชายนายตัวประกอบจริงๆลูก :hao5: :hao5: :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2017 18:51:36 โดย littlepig »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
รินติดเครื่องดักฟังทำไม
ใครเป็นคนบอกให้ติด
จะเกิดอะไรกับหมอกนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จนกว่าเมฆจะเลิกน่ารำคาญก็ทีมหมอกต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
โอ๊ะ เริ่มลึกลับซับซ้อนอ่ะ

รินแจ้งใคร ดักฟังทำไมกัน

แต่พี่เมฆก้อหึงไม่รู้ตัวอีกละ

 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:

....

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ติดเครื่องดักฟังเพื่อ? ใครสั่งให้ทำหรือทำเอง

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หืมมม!! คุณพ่อวางแผนสินะ

ออฟไลน์ Tuffina

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอต่อนะคะ ชอบมากๆ แอบติดใจนิดหน่อยตรงที่เมฆอุ้มพาดบ่า เพราะเหมือนตอนนี้เองเมฆก็ยังไม่ได้สนิทกับหมอกมาก พอมาเจอเรื่องไม่พอใจแล้วอุ้มพาดบ่าเลยสะกิดใจหน่อยๆ5555 ส่วนรินทร์นี่ยังต้องรอดูต่อไปว่าต้องการอะไร สู้ๆนะคะ เราติดตามทั้งเรื่องนี้แล้วก็เรื่องวีเลย ชอบมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ :L2:

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กรี๊ดดดดดด ชอบบบบบบ

ออฟไลน์ Aly-Q

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
อะไรอ่ะ รินมีจุดประสงค์อะไรร่วมมือกับคุณเมฆหรือเปล่า หรือกับคู่แข่ง  ทำไมคุณเมฆถึงต้องมาเห็นฉากเข้าด้ายเข้าเข็ม(?) ของหมอกกับคนอื่นตลอดเลยนะ :katai1: :katai1: :katai1: อยากรู้ๆ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด