Chapter 6: [Now] ลูกค้าวีไอพี
หลังจากได้รับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มาสองวัน มธุวันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้ามืด เรียกได้ว่ามาพร้อมแม่บ้านและยามกะเช้าเลยทีเดียว เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องไปรับเมฆาเพราะอีกฝ่ายมากับรถของธีรเชษฐ์ ร่างโปร่งจึงถือโอกาสรีบมาสะสางงานที่ยังไม่เสร็จ เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านเรื่องที่เกิดขึ้นที่คฤหาสน์อีกต่อไป
อันที่จริง ก่อนหน้าที่เขาได้รับมอบหมายให้รับส่งเมฆา มธุวันเป็นคนที่มาทำงานเช้าจนเป็นนิสัย เขาชอบความสงบของออฟฟิศยามเช้าตรู่ที่มีแค่เขากับยามกะเช้าและแม่บ้านสองสามคน มันทำให้ร่างโปร่งรู้สึกผ่อนคลายและสามารถทำงานได้ประสิทธิภาพดีกว่าช่วงสายที่เจ้านายของเขาเข้ามาพร้อมหายนะเต็มอ้อมแขน
เขาจึงประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นแสงไฟและแอร์ของออฟฟิศฝ่ายการตลาดเปิดอยู่
ใครกัน มาเช้าขนาดนี้
ร่างโปร่งสาวเท้าก้าวไปตามทางเดินอย่างระมัดระวัง แม้จะมั่นใจว่าไม่น่าใช่โจร แต่เขาก็ถือคติปลอดภัยไว้ก่อน ค่อยๆย่องเข้าใกล้ประตูห้องอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องปรากฎร่างที่คุ้นตาของภรัณยูนั่งรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์อย่างขะมักเขม้น มธุวันขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างที่ควรจะเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อคืนและได้วันหยุดวันนี้ มือเรียวยกขึ้นเคาะประตูกระจกใสสองสามครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้าไป คนด้านในสะดุ้ง เงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ
"วันนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอครับคุณภรัณยู?" เลขาหนุ่มเลิกคิ้วถาม
"ครับ.... แต่งานผมยังไม่เสร็จ" รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดตอบเขาด้วยน้ำเสียงเนิบช้าเป็นเอกลักษณ์ เท่าที่จำได้ ภรัณยูอายุมากกว่าเขาเกือบสิบปี อีกทั้งทางด้านตำแหน่งยังไม่ได้ต่ำกว่าเขาเลย แต่ชายหนุ่มพูดกับเขาอย่างนอบน้อมเหมือนกับพนักงานทุกคนในบริษัท หากเป็นปกติมธุวันจะไม่รู้สึกอะไรเพราะชินเสียแล้ว แต่พอคิดว่าคนตรงหน้าเป็นที่หมายปองของลูกชายคนเล็กของท่านประธาน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะเป็นคนที่นอบน้อมให้อีกฝ่ายถึงจะถูก
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตน่ะนะ
“งานคุณเหลืออะไรครับคุณภรัณยู เท่าที่จำได้คุณไม่มีโปรเจคอะไรที่จะต้องรับผิดชอบแล้วนี่ครับ อีกอย่าง คุณเจนจิราก็จะกลับมาประจำตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเหมือนเดิม งานของคุณควรจะเบาขึ้นถึงจะถูก”
ร่างโปร่งเอื้อมหยิบแฟ้มเเอกสารบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่มขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ ภรัณยูนั่นอย่าว่าแต่จะห้ามเลย แค่เสียงร้องอย่างตกใจยังช้าไปเกือบสิบวินาที มธุวันกวาดสายตาไล่อ่านเอกสาร คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าด้วยกันจนแทบเป็นปมเมื่อเห็นรายละเอียดภายใน
“นี่มันไม่ใช่งานของคุณนี่ครับ”
“เอ่อ...” ภรัณยูจ้องเขาตาแป๋ว เหมือนกำลังค่อยๆประมวลผลว่าตนควรจะตอบอะไร มธุวันไม่มีวันเข้าใจว่าทำไมคนที่มีบุคลิกเชื่องช้าขนาดนี้ถึงได้ทำงานออกมาได้รวดเร็วและเป็นที่พอใจของลูกค้าจนได้เลื่อนตำแหน่งพรวดๆแบบนี้
เลขาหนุ่มพลิกดูแฟ้มเอกสารฉบับอื่นเรื่อยๆ ยิ่งอ่านยิ่งเห็นว่าเอกสารที่ภรัณยูยังทำไม่เสร็จนั้น ไม่ได้เป็นงานของเจ้าตัวเลยซักชิ้น
“คุณภรัณยู ผมถามคำถาม และผมต้องการคำตอบ”ร่างโปร่งเริ่มหงุดหงิดกับความสโลโมชั่นของคนตรงหน้า เขามีงานต้องทำก็จริง แต่หากไม่คุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง มธุวันรู้ว่าเขาจะต้องคิดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนไม่เป็นอันทำงานแน่
“คนอื่นเขาไม่ว่างครับ..”ภรัณยูตอบเสียงอ่อย มธุวันได้ยินเสียงผู้คนในออฟฟิศเริ่มทยอยกันเข้ามา เสียงพูดคุนทักทายยามเช้าดังขึ้นตามทางเดิน ร่างโปร่งยืนกอดอกจ้องหน้าคนอายุมากกว่าที่ลู่ไหล่ลงอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รอให้พนักงานในแผนกเดินเข้ามาแล้วจึงหันกลับไปหาผู้มาใหญ่ พนักงานฝ่ายการตลาดหลายชีวิตหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในแผนกของพวกเขา
“พวกคุณมาก็ดี พอจะตอบได้มั้ย ว่าทำไมงานที่ควรจะอยู่บนโต๊ะของพวกคุณถึงได้มาอยู่ตรงนี้”
พนักงานที่พูดคุยกันอย่างสบายใจเมื่อครู่ยืนก้มหน้าเรียงกันเป็นแผงปลาสลิด เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่พอใจ มธุวันสาวเท้าเข้าไปหาผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยูใกล้ที่สุด เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผมต้องการคำตอบ”
“พี่…พี่ภัทรเขาว่างพอดีค่ะ....” กลับเป็นหญิงสาวข้างๆที่ตอบขึ้นมา มธุวันตวัดสายตาไปทางร่างในชุดเครื่องแบบออฟฟิศที่สะดุ้งเฮือก
“ที่เขาว่าง เพราะเขาทำงานของตัวเองจนเสร็จทุกอย่าง เขามีสิทธิที่จะได้รับการพักผ่อน ไม่ใช่มาทำงานของพวกคุณทั้งๆที่เขาเป็นเจ้านาย” ร่างโปร่งดุ “ถ้าเขาคนเดียวสามารถทำงานทั้งกองนี้ได้ บริษัทจะจ้างพวกคุณมาเพื่ออะไร?”
ทุกคนก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครกล้าต่อล้อต่อเถียงกับปีศาจน้ำแข็งตรงหน้า
“คุณก็เหมือนกันครับคุณภรัณยู” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง สีหน้านิ่งเรียบทำให้มธุวันดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร “ถ้าคุณไม่ถนัดทำงานในตำแหน่งที่จะต้องกระจายงานให้ลูกน้อง เชิญที่โต๊ะผมได้ทุกเมื่อ ผมจะพาไปคุยกับท่านประธานเอง”
ภรัณยูพยักหน้าเชื่องช้า ฝ่ายเหล่าพนักงานเมื่อโดนสายตาเย็นเยียบตวัดกลับมามองก็รีบกุลีกุจอหยิบงานของตนกลับไปทำที่โต๊ะ
“อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกนะครับ” มธุวันหันกลับไปเตือนชายหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกมาจากแผนกการตลาด แทนที่จะได้เริ่มต้นทำงานแต่เช้า กลายเป็นเขากำลังจะเข้างานสายเสียอย่างนั้น
“คุณมธุวันครับ!แย่แล้วครับ!!”
ถ้าเขาได้หนึ่งบาททุกครั้งที่มีคนพูดแบบนั้นกับเขา มธุวันคงเก็บเงินซื้อคฤหาสน์ให้ครอบครัวอยู่ได้แล้ว ร่างโปร่งสูดหายใจเข้าลึกๆ หันกลับไปหาพรักงานรักษาความปลอดภัยที่วิ่งกรูกันมาหาเขา
“มีอะไรครับ?”
“คือ ท่านประธาน....”
“พี่เชษฐ์ทำแบบนี้กับนันท์ไม่ได้!!!!”
เสียงหวีดร้องปรอทแตกราวกับแส้ฟาดอากาศที่แทบทำให้เยื่อแก้วหูของเขาฉีกขาดดังลอดออกมาจากห้องของเจ้านายตัวดีของเขา มธุวันรู้สึกได้ว่าคิ้วของตนกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ ความรู้สึกอยากทำร้ายร่างกายคนให้เงินเดือนตัวเองเอ่อล้นจนแทบกระอัก เขาหันกลับไปเล่นงานเหล่าด่านหน้าที่ยืนสำนึกผิดอยู่ข้างๆเขาก่อน
“พวกคุณปล่อยเขาเข้าไปได้ยังไง?”
“ท่าน..ท่านประธานเป็นคนบอกให้เราพาเธอขึ้นมาครับ” หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยแก้ตัวเสียงสั่น
หือ?
“พวกคุณไปได้แล้ว เหลือไว้สองสามคนเผื่อผมตั้งการกำลังเสริม” ร่างโปร่งออกคำสั่ง ขาเรียวยาวรีบสาวเท้าไปยังห้องที่อาจจะกลายเป็นจุดเกิดเหตุคดีฆาตกรรมหากเขาไม่โผล่ไปขัดตอนนี้
“พี่เชษฐ์กับวีจะทำลายชีวิตนันท์ไปถึงไหนพี่ถึงจะพอใจ อย่าคิดนะว่านันท์ไม่รู้ว่างานชิ้นอื่นๆที่นันท์ควรจะได้ พี่ก็บอกให้เขาถอนชื่อนันท์ออกน่ะ!”
เอ๊ะ...ทำไมรอบนี้รูปแบบการโวยวายมันแปลกๆ
ทั้งสองคนในห้องไม่เห็นมธุวันที่เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวที่กำลังโวยวายใส่ท่านประธานของบริษัทหันหลังให้เข้า แต่มะุวันก็จำเธอได้จากละครหลายเรื่องตั้งแต่สมัยเขายังเด็ก ผู้หญิงตรงหน้าเขาชื่อนันท์นลิน เคยเป็นนางแบบและนักแสดงหญิงชั้นแนวหน้าของประเทศ แต่ยิ่งโตเขายิ่งไม่ค่อยเห็นผลงานของเธอ ทั้งที่เป็นผู้หญิงที่สวยไม่สร่างและเป็นนักแสดงมากฝีมือคนนึง
“หึ อย่าสำคัญตัวเองผิดสิครับน้องนันท์” ธีรเชษฐ์เท้าคางเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนค้ำศีรษะของตนด้วยสีหน้าขบขัน “พี่ไม่ได้ให้ค่ากับผู้หญิงอย่างนันท์มากพอที่จะไปทำลายชีวิตหรอกนะ”
มธุวันยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เคยเห็นคุณเชษฐ์ตอบโต้ใครด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ถ้าอย่างนั้นตลอดสิบแปดปีมานี่คืออะไรคะ ไม่ว่าจะบริษัทไหนที่เคยทำงานกับพี่ ทำงานกับวี ไม่มีใครจ้างนันท์ บางทีก็ยกเลิกสัญญาจ้างดื้อๆกลางคัน ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใคร?”
“อันนี้พี่ก็ตอบไม่ได้แฮะ”ร่างสูงไหวไหล่ “แต่พี่ว่า บริษัทที่ร่วมงานกับพี่ เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตา ตงไม่อยากให้ผู้หญิงที่กล้าขู่ฆ่าลูกตัวเองแลกกับเงินแค่สิบล้านมาทำให้แคมเปญเสียชื่อหรอก”
อะไรนะ?
นันท์นลินกำหมัดแน่นแต่ไม่พูดโต้ตอบอะไร มธุวันที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่ยืนฟังบทสนทนาต่อด้วยความสนใจ
“ใช่สิคะ นันท์มันเลว”
“รู้ตัวด้วยเหรอ?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วออดอ้อนบาทาอันเอกลักษณ์ของตน
“พี่เชษฐ์!” หญิงสาวเงื้อมือขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว ถึงคราวที่พระเอก(?)แสนดี(??)อย่างมธุวันจะออกโรงเสียที
“ผมว่าอย่าดีกว่านะครับ” นันท์นลินหันขวับมาทางต้นเสียงอย่างตกใจเมื่อรู้ว่ามีคนแอบฟังบทสนทนาของพวกตน และยิ่งตกใจขึ้นไปอีกเมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายกำลังถูกยกขึ้นมาบันทึกภาพของเธอ “เดี๋ยวจะมีข่าวฉาวไม่รู้ตัวนะครับ”
สาวใหญ่วัยใกล้เลขสี่ กระทืบเท้าอย่างขัดใจ นันท์นลินหันกลับมาทางธีรเชษฐ์อีกครั้ง คราวนี้ริมฝีปากสีแดงสดแสยะยิ้มบิดเบี้ยวไม่สมกับเป็นนางเอกละครออกมา
“นันท์น่ะเลว แต่ลูกของนันท์ก็มีพ่อที่รักเขา ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในกองเงินกองทอง” ร่างระหงส์เท้ามือลงบนโต๊ะทำงานของธีรเชษฐ์ “แล้วลูกของพี่เชษฐ์ล่ะคะ? ตอนนี้ไปแต่งหญิงล่อผู้ชายเข้าม่านรูดอยู่แถวไหนแล้ว?”
“หมอก เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป!” ร่างสูงคำรามเสียงกร้าว แววตาขี้เล่นดุดันจนราวกับจะฉีกกระชากคนตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ นันท์นลินผงะไปวูบหนึ่ง แต่ก็คงสติไว้ได้มากพอที่จะเดินเชิดหน้ากลับออกไป สะบัดทีมรักษาความปลอดภัยที่มธุวันเรียกเข้ามาออก
“ไม่ต้อง! ฉันไปเอง!”
เลขาหนุ่มหันกลับมาหาเจ้านายของตนด้วยความเป็นห่วง ธีรเชษฐ์มีสีหน้าอิดโรย แต่ก็ซ่อนมันไว้ด้วยรอยยิ้มไม่จริงจังเฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่สามารถทำร้ายราชสีห์ตนนี้ได้มีเพียงเรื่องของลูก โดยเฉพาะลูกคนกลางที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี
“เฮ้ๆ อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ คราวนี้ไอ้วีผิดเต็มๆเลยนะ ฉันแค่โดนลูกหลง” ร่างสูงแก้ตัวเสียงอ่อย ดูก็รู้ว่าไม่จริงใจซักนิด
“เอาอย่างนี้มั้ย เดี๋ยวฉันซื้อบอนไซให้ เป็นการไถ่โทษสำหรับเรื่องวุ่นๆนี่ เธอชอบไม่ใช่เหรอ?”
มธุวันนึกถึงต้นไม้แพงๆที่ร่างสูงซื้อให้เขาในระยะสามปีที่ผ่านมา แค่นี้ห้องของเขาก็แทบจะกลายเป็นป่าเขตร้อนอยู่แล้ว
“คุณเชษฐ์..”คำเรียกที่เปลี่ยนไปทำให้ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้ว ร่างโปร่งเดินตรงเข้ามาหาเจ้านาย ยกมือขึ้นแตะลงบนเส้นผมสีรัติกาลอย่างแผ่วเบา ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยน ที่ไม่เคยมีใครเห็นมานานหลายปี“การที่คุณเอาใจใส่ผมทุกครั้งที่คุณรู้สึกผิดกับคุณธารธารา มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกนะครับ”
“หมอก...” ร่างสูงพยายามจะแย้ง แต่มธุวันส่ายหน้า
“ผมรู้ ว่าผมกับเขามีส่วนที่คล้ายคลึงกัน แต่การที่คุณใช้ผมเป็นตัวแทนให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง ลูกชายคุณเขาไม่ได้รับรู้ด้วยนะครับ”
ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ แววตาเศร้าหมองทำให้มธุวันรู้สึกอยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นแน่นๆแล้วโอ๋ให้หายเสียใจ แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ปัญหาหลายอย่างก็ไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยอ้อมกอดกับรอยยิ้มอีกต่อไป
“ผมจะไปดูคุณนันท์นลินหน่อยนะครับ”
มธุวันเดินตามนันท์นลินออกมา นางแบบสาวใหญ่ที่สับขาก้าวฉับๆประหนึ่งเดินอยู่บนแคทวอร์คหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวสะอาดเดินออกมาจากลิฟต์ นายแบบเจ้าของกางเกงชั้นในสีดำเจ้าปัญหายิ้มให้รุ่นพี่ในวงการ แต่หญิงสาวกลับเบ้ปากด้วยสีหน้าดูแคลน รู้สึกชิงชังชายหนุ่มที่เข้ามาแทนที่เธอในแทบทุกงานที่เธอพลาดไป
“เฮอะ พวกเอาตัวเข้าแลกกับงาน คอยดูเถอะ อยู่ไม่ยืดหรอกวงการนี้”
ชายหนุ่มเอียงคอจ้องคนที่ด่าตนปาวๆตาแป๋ว ริมฝีปากเรียวสวยยังคงประดับรอยยิ้มไม่จางหาย สุดท้ายเป็นนันท์นลินเองที่รู้สึกอับอายกับการถูกคนที่เดินผ่านไปมาจ้องมอง กระแทกส้นเท้าเดินเขาลิฟต์ไป มธุวันก้มศีรษะให้กับนายแบบหนุ่มอย่างขอโทษขอโพย
“ผมต้องขอประทานโทษด้วยกับความยุ่งยากเมื่อสักครู่นะครับ คุณ....”ร่างโปร่งนึกขึ้นได้ว่าตนรู้จักแค่ชื่อเล่นของคนตรงหน้า
“วรินทร์ครับ เรียกรินเฉยๆก็ได้”ชายหนุ่มฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร โครงหน้าเรียวสไตล์เอเชียรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวดูฉ่ำน้ำสีแดงสด ดวงตาคมสวยสีม่วงสดแปลกตาที่เขาไม่ได้สังเกิดในทีแรกจากกิจกามที่เบี่ยงเบนความสนใจเขาอยู่ในวันนั้น อีกทั้งยังเส้นผมยาวระเอวที่ปล่อยสยายแต่กลับเรียงตัวสวยดูมีน้ำหนักแบบนี้เขาเคยเห็นแค่ในโฆษณา ผู้ชายคนนี้ทำให้เขานึกถึงพวกนางสนมเอกในวังหลวงในละครจีนย้อนยุค ไม่ก็องค์ชายผมยาวที่หน้าตาเกลี้ยงเกลาจนเหมือนผู้หญิง แต่กับมีกล้ามเนื้อสมส่วน ไม่บอบบางเหมือนจะปลิวไปตามลมอย่างมธุวัน
“คุณรินมาหาท่านประธานเหรอครับ?”มธุวันถาม ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาต่อคิวโวยวายใส่เจ้านายเขาเหมือนบรรดาคู่ขาคู่อื่นหรือไม่
“โถ่ คุณมธุวัน ทำหน้าระแวงกันแบบนั้นผมก็เสียเซลฟ์หมดสิครับ” นายแบบหนุ่มหัวเราะ คนอะไรขนาดหัวเราะยังดูสง่างามขนาดนี้ “ผมมาหาคุณนั่นแหละครับ”
“ผม?” เลขาหนุ่มยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“จริงๆก็ไม่เชิงว่ามาหาคุณหรอกครับ ผมมีนัดคุยรายละเอียดงานที่ชั้นล่าง เลยถือโอกาสแวะเอานี่มาให้”
มือเรียวขาวเนียนยื่นกล่องกำมะหยี่เล็กๆให้ มธุวันรีบมาเปิดดูอย่างงุนงง ภายในบรรจุเข็มกลัดเนคไทค์จากเงินแท้ดูเรียบง่าย ที่ปลายแท่งมีอัญมณีสีเทาอมฟ้าคล้ายคลึงกับสีดวงตาของเขาประดับอยู่
“โห…” ร่างโปร่งอุทานออกมาเบาๆ
“ถือว่าเป็นคำขอโทษ ที่ผมสร้างเรื่องยุ่งยากให้ก็แล้วกันนะครับ” วรินทร์ส่งยิ้มที่ใครก็ไม่กล้าปฎิเสธให้มธุวัน นายแบบหนุ่มหยิบเอาเข็มกลัดนั้นออกมาแล้วถือวิสาสะติดมันเข้ากับเนคไทค์ของร่างโปร่งที่ตกใจเล็กน้อยเมื่อโดนจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ
“เอ่อ...”
“เหมาะมากเลยครับ...” นายแบบคนงานเงยหน้าขึ้นมาเขาอย่างชื่นชม “คู่ควรกับคุณจริงๆ”
“จะทำอะไรกันก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อมากนัก”
เสียงทุ้มที่เขาไม่ได้ยินมาตลอดสุดสัปดาห์ดังขึ้น วรินทร์ยอมปล่อยมือจาดมธุวันแต่โดยดี ส่งยิ้มหวานหยอดให้รองประธานบริษัทที่ยืนกอดอกมองภาพตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“ขอโทษด้วยนะครับคุณเมฆา ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” นายแบบหนุ่มโค้งศีรษะให้ทั้งสอง แล้วหันหลังกลับไปที่ลิฟต์ มธุวันกำลังจะเดินตามไปส่ง แต่กลับถูกชายหนุ่มร่างสูงคว้าแขนไว้เสียก่อน
“พ่อมีงานด่วนให้ทำ”
“แค่นี้บอกกันดีๆก็ได้ครับ” มธุวันดึงแขนออกจากการเกาะกุมของร่างสูงอย่างไม่พอใจ
“ตามมา” เมฆาเดินนำไป แต่เมื่อเห็นเลขาของบิดาไม่มีท่าทีจะขยับ ชายหนุ่มจึงหันกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด “จะตามมาดีๆหรือจะให้ฉันอุ้มเข้าไป”
“ผมจะไม่ทำอะไรจนกว่าคุณจะเรียนรู้ที่จะพูดกับคนอื่นให้...เหวอ!!”
ร่างโปร่งร้องเสียงหลงออกมาอย่างหลุดมาด เรียกความสนใจของคนในแผนกได้เป็นอย่างดี มธุวันที่ถูกจับพาดบ่าพยายามดิ้นลงจากไหล่ของเมฆา แต่ชายหนุ่มกลับไม่สะทกสะท้าน สุดท้ายเป็นมธุวันเองที่ต้องยอมถูกอุ้มด้วยกลัวว่าการโวยวายจะดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากไปกว่านี้
ฝากไว้ก่อนเถอะ!
เลขาหนุ่มซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างอย่างอับอาย ไม่ได้รับรู้ถึงรอยยิ้มน้อยๆที่ระบายอยู่บนริมฝีปากของคนที่แบกตนเข้าไปในห้องทำงานของบิดาเลยแม้แต่น้อย
เมื่ออยู่ในลิฟต์ตามลำพัง รอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของวรินทรืค่อยๆหุบลง มือเรียวยกขึ้นจับเส้นผมไปทัดหลังใบหู และใช้โอกาสนั้นกดเปิดอุปกรณ์ขนาดเล็กจิ๋วที่ซ่อนอยูภายในหู
“ผมจะไม่ทำอะไรจนกว่าคุณจะเรียนรู้ที่จะพูดกับคนอื่นให้...เหวอ!!”ริมฝีปากสีแดงสดที่ไม่ผ่านการแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมใดๆเผยยิ้มออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ ที่น้อยคนนักจะได้เห็นจากร่างสูงโปร่ง หยิบโทรศัพท์ของตนออกมาส่งข้อความสั้นๆ
‘Mission Accomplished’
ภารกิจสำเร็จแล้ว
----------------
ยาวๆให้สมกับที่วาร์ปไป
คุณเมฆเอ๊ย ยอดชายนายตัวประกอบจริงๆลูก