Chapter 23
ร่ายมนตร์
“ดวงของหนูเนี่ย หน้าตาน่ารัก มีคนรักคนชอบมากมาย แต่ต้องระวังคนคิดร้าย ช่วงนี้จำเป็นต้องเกาะติดกับคนดวงแข็งแล้วจะแคล้วคลาดปลอดภัย” ผมมักจะคิดเสมอว่าหมอดูมักจะคู่กับหมอเดา ดังนั้นเลยไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่หมอดูพูดเท่าไร
เมื่อวานก่อนจะแยกย้ายกับครอบครัวของพี่กัน คุณพ่อแวะดูดวงเล่นๆระหว่างทาง ซึ่งดวงของทุกคนเป็นไปในทางที่ดีหมด พ่อจะมีดวงด้านการงานและการเงิน ปู่รหัสมีแววว่าจะได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศและจะกลายเป็นพ่อคนในเร็วๆวัน ส่วนพี่กันก็มีดวงด้านความรักรวมไปถึงด้านชื่อเสียง จะมีคนรักคนเอ็นดูเพราะความอ่อนน้อมถ่อมตัว
พอหันมาที่ผม กลายเป็นว่าผมต้องระวังคนคิดร้ายเพราะดวงความปลอดภัยอยู่ในช่วงขาลง ให้เกาะติดกับคนดวงแข็ง ซึ่งหมอดูบอกว่าพี่กันน่ะ ดวงแข็งและจิตแข็งมาก
ไอ้เรื่องคนคิดร้ายเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมาเกิดในช่วงนี้หรอกครับ สาเหตุที่แม่หวงผมทั้งๆที่อายุสิบเจ็ดเข้าไปแล้วก็เพราะเรื่องนี้แหละ
จะว่ายังไงดี
ตั้งแต่เด็กๆผมเหมือนมีแรงดึงดูดคนประเภทนี้ให้เข้ามาใกล้ อย่างเช่นตอนที่เดินลงจากสะพานกับพี่กัน แล้วนั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรก เคยเจอหนักสุดก็โดนจูงมือไปต่อหน้าต่อตาแม่เลย โชคดีที่มีตำรวจอยู่แถวนั้น แม่เลยขอให้เขาช่วยทัน
ถ้าหมอดูจะบอกว่าดวงความปลอดภัยของผมอยู่ในช่วงขาลงล่ะก็
มันก็คงจะลงมาทั้งชีวิตแล้วอ่ะ
“อันยองค่ะเพื่อน” จำพี่ลำไยเพื่อนของลุงรหัสได้มั้ยครับ วันนี้เขามาร่วมโต๊ะกินข้าวเที่ยงที่คณะวิศวะกับเรา ถึงจะเป็นเพื่อนร่วมคณะแต่ก็เรียนกันคนละเอก พี่ลำไยเรียนเอกฝรั่งเศสครับ
“มึงเรียนเอกฝรั่งเศสไม่ใช่เหรอ”
“ก็แล้วทำไมคะ ฝรั่งเศสแต่หัวใจเกาหลีอ่ะค่าอปป้า”
“ไหนพูดฝรั่งเศสดิ๊”
“เฌอแตมกอมเอิงฟู” พูดเสียงนุ่มๆทุ้มลึกในลำคอตามสไตล์คนฝรั่งเศสแท้ๆ
“แปลว่า”
“ฉันรักเธออย่างบ้าคลั่งเลยค่า”
“กูก็พูดได้นะ ดูเวลังสิกิมง” ทุกคนอึ้งไปเลย
เมื่อกี้ลุงรหัสพูดว่าอะไรนะ
“ดูเวลังสิกิมง”
“ดูเวลาสิกี่โมง” พี่รหัสเป็นฝ่ายตอบให้ ลุงรหัสหันไปยกนิ้วเยี่ยมให้กับพี่รหัส
ไม่แปลกใจเลยทำไมสนิทกันได้
“มีอีกๆ” ยังจะมีอีกเหรอ!
“มงวัวอยู่บงราเบียงค์”
“มองวัวอยู่บนระเบียง”
“มึงซงคนปัยกระโดดราเบียงค์ไป อิบ้า!”
ก่อนที่ผมจะมาเป็นส่วนหนึ่งของสายรหัสสุดขั้วนี่ อยากรู้จังเลยครับว่าปู่รหัสมีคาถาอาคมอะไรในการป้องกันเชื้อบ้าของลุงรหัสและพี่รหัส
‘ปั่ก’
นั่งดูพี่ลำไยทะเลาะกับลุงรหัสอยู่ดีๆ แรงกระแทกจากด้านหลังพร้อมกับน้ำแดงที่หกราดหัวลงมาก็เล่นเอาผมสะดุ้ง ลุงรหัสที่นั่งอยู่ข้างๆกระเด้งตัวออกโดยอัตโนมัติ เขาร้องเสียงหลงเพราะตกใจไม่แพ้ผมนั่นแหละ เพื่อนสนิทที่นั่งเล่นเกมอยู่เงียบๆมานานสองนานถึงกับหันไปจะหาเรื่องคนด้านหลังแต่เจ้าของน้ำแดงแก้วนั้นรีบขอโทษขอโพยก่อน
“เฮ้ยขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ พอดีเพื่อนมันชนอ่ะ”
“ขอโทษจริงๆครับ แค่จะแกล้งเพื่อนเฉยๆอ่ะ โอเคมั้ย”
ผมนั่งมองหยดน้ำแดงที่หยดจากปรอยผมลงมาสัมผัสกับแขนเสื้อสีขาวของตัวเอง พลางคิดไปถึงเรื่องที่หมอดูทัก
ถ้าหมอดูทักว่าช่วงนี้ผมจะโชคร้ายล่ะก็ ก็อาจจะเชื่อนะ
“วันหลังเล่นกันระวังๆหน่อย คนอื่นเขาเดือดร้อน” ลุงรหัสขึ้นเสียง ผมเลยรีบดึงเขากลับมาก่อนที่จะมีเรื่องไปมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”
มันก็แค่จะเหนียวๆหน่อย
“เฮ้ยเราขอโทษจริงๆนะ นายโอเคใช่ป่ะ เดี๋ยวเราไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยน” ฝ่ามือของเจ้าของแก้วน้ำแดงที่เหมือนจะมีโซดาผสมอยู่ด้วยแตะลงเบาๆบนไหล่ของผม ผมหันไปสบตาเขาพลางยิ้มให้เขานิดๆ
“ไม่เป็นไร เราโอเค”
ถึงจะพูดแบบนั้นออกไป แต่เขาก็ไม่ยักจะเชื่อว่าผมโอเคจริงๆแฮะ
สุดท้ายก็เลยต้องมาล้างหัวล้างตัวที่ก๊อกน้ำล้างมือของทางโรงอาหาร เสื้อนักศึกษาสีขาวเปื้อนน้ำแดงเป็นคราบดูน่ากลัว เพราะแบบนี้ผมเลยต้องจำใจรับเสื้อยืดของเด็กคณะวิศวะมาเปลี่ยน
“เราขอโทษจริงๆนะ ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ”
เขาก้มหัวขอโทษขอโพยผมประมาณรอบที่สิบได้แล้วมั้งครับ
ผมไม่ได้โกรธอะไรเลย สงสัยอยู่กับปู่รหัสบ่อยไปหน่อยเลยติดเชื้อความใจเย็นมาจากเขา
“ยังไงก็ ขอบคุณเรื่องเสื้อนะ ไว้เดี๋ยวเราซักมาคืนให้” ดูจากสกรีนบนเสื้อแล้ว น่าจะเป็นเสื้อที่เอาไว้ใช้รับน้องของคณะวิศวะแฮะ อาจจะเป็นของสำคัญก็ได้
“เฮ้ยไม่เป็นไร เรายังไม่ได้ใช้”
ยังไม่ได้ใช้กับไม่ใช้แล้วนี่ คนละความหมายกันเลยนะ
“เออน่า เดี๋ยวเราซักมาคืนให้” ยื้อกันไปยื้อกันมา สุดท้ายเขาก็ยอมแต่โดยดี ถ้าขืนไม่ยอมแล้วไม่มีเสื้อใส่เข้ารับน้องล่ะก็ เดี๋ยวก็ได้โดนรุ่นพี่เฉ่งเอาหรอก
“อ่าโอเค งั้นเราขอไลน์ไว้ได้ป่ะ จะได้นัดเอาเสื้อคืนอ่ะ”
“อือ” เขายื่นโทรศัพท์มาให้ผมกดไอดีไลน์ ซึ่งผมก็กดไปให้แบบไม่ได้คิดอะไร
ผมและนายน้ำแดงแยกจากกันโดยที่ก่อนจะแยกกันเขาก็ยังขอโทษไม่ยอมหยุด เพื่อนสนิทผมหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินเข้ามาพลางดึงเสื้อสีขาวเปื้อนน้ำแดงในมือผมไปกางดู
“โอ้โห เปื้อนเยอะเลย ไอ้ห่าแกล้งอะไรของมันอย่างกับจงใจ”
ไม่หรอก ถ้าจงใจเขาจะเอาเสื้อรับน้องตัวเดียวที่มีอยู่มาให้ผมใส่ทำไมล่ะ จริงมั้ย?
เดินกลับมาที่โต๊ะที่พี่ๆยังนั่งกินข้าวกันอยู่ ผมก็ดันลื่นน้ำแดงที่หกอยู่ที่พื้นจนเกือบหัวทิ่ม ดีที่เพื่อนดันหลังเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นก็คงลงไปนอนจมกองน้ำแดงกลางโรงอาหารเนี่ยแหละ
โอเค เชื่อก็ได้
สงสัยจะซวยจริงๆนั่นแหละ
“ใส่เสื้ออะไรมา”
คนตัวสูงยืนสำรวจหน้าหลังของผมไม่หยุดตั้งแต่ลงจากรถไฟฟ้า พี่กันหมุนตัวผมไปรอบๆเหมือนกำลังดูว่าเสื้อเนี่ย มันไม่ได้มาจากคณะผม แต่มาจากคณะเพื่อนบ้านที่ผมและเพื่อนชอบไปกินข้าวกันบ่อยๆเพราะอาหารอร่อย
“เสื้อเด็กวิศวะนี่”
พยักหน้าตอบคำถามเขา
“ได้มายังไง ใครให้มา”
“มีคนทำน้ำแดงหกใส่อ่ะ” กลัวพี่กันจะไม่เชื่อ เลยดึงเสื้อที่เปื้อนน้ำแดงเป็นคราบออกมาจากกระเป๋าผ้าให้เขาดู “เขาก็เลยเอาเสื้อมาให้เปลี่ยน เสื้อรับน้องของเด็กวิศวะอ่ะ”
“แล้วก็รับมาเนี่ยนะ”
“อือฮึ ก็ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกนี่นา”
“ถอดเลย ถอดๆ” พี่กันทำท่าจะเลิกเสื้อของผมขึ้น ผมรีบตีมือเขาดังเพี๊ยะ
“พี่กัน!”
นี่มันกลางสถานีรถไฟฟ้าพี่จะมาถอดอะไรเล่า!
“เขาให้มาก็ต้องรับไว้สิ เดี๋ยวก็เอาไปคืนแล้ว”
คนตัวสูงมองตาขวางแบบไม่พอใจ พอเห็นแบบนั้นเลยดึงแก้มเขาเบาๆ
ก็รู้น่าว่าเขาหวง แต่นี่มันเป็นอุบัติเหตุที่ฝ่ายนั้นเองก็ไม่ได้ตั้งใจเหมือนกัน ก็แค่ยืมเสื้อมาวันเดียว เดี๋ยวกลับหอเอาไปซักแล้วตาก แห้งเมื่อไรก็เอาไปคืน แค่นั้นก็จบแล้ว
“ถ้างั้นไปซื้อเสื้อใหม่ มานี่เลย”
แล้วเขาก็ลากผมไปซื้อเสื้อใหม่ตามที่ปากพูดจริงๆ เสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวมาอยู่ในมือผม เขาเลือกให้เสร็จสรรพ แถมยังบังคับให้เปลี่ยนทันทีเลยด้วย
เลือกเสื้อแบบไหนไม่เลือก เลือกเสื้อสกรีนที่มีคำว่า GUN ตัวเบ้อเริ่มแปะอยู่ตรงกลางเนี่ย
“วันหลังห้ามรับของจากคนแปลกหน้ารู้มั้ย”
“ผมอายุจะสิบแปดแล้วนะ”
“อายุสิบแปดแล้วโดนหลอกไม่ได้หรือไง อายุสามสิบยังโดนหลอกได้เลย”
ทำไมพูดแล้วต้องทำหน้าดุด้วยเล่า
“แล้วก็ห้ามสบตากับใครด้วย”
“ทำไมถึงสบตาไม่ได้อ่ะ”
พี่กันหันมาทำตาขวางใส่ผม เขาเดินดุ่มๆเข้ามาใกล้เหมือนจะเข้ามาหาเรื่องเลยครับ
“ตามึงอ่ะมีเวทมนตร์”
หือ
“ยังไงอ่ะ”
“ใครสบตาก็ตกหลุมรักมึงทุกคน” “แล้วจะให้ทำไงอ่ะ หลับตาเดินเหรอ”
“ใช่ เพราะถ้าคนอื่นสบตามึงล่ะก็ เวทมนตร์ที่มึงสะกดกูไว้ก็จะเสื่อม”
“คือไรอ่ะ”
“กูก็จะหมดรักมึง”
กะพริบตาปริบๆมองคนตัวสูงที่เดินนำออกไป ยังไม่ทันไรโทรศัพท์ในมือก็สั่นครืด ผมเปิดดูข้อความในไลน์ที่มีใครบางคนกดส่งมาเมื่อตะกี้
นายน้ำแดงนั่นแหละครับ
เสื้ออ่ะไม่ต้องรีบคืนก็ได้นะ ยังไม่รีบใช้อ่ะ ผมกดส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายร้องเสียงดังว่า Sir Yes Sir กลับไป
น่ารักเนอะ *กระต่ายเหรอ
อือ
ทั้งกระต่ายทั้งคน ถลึงตาใส่ข้อความนั้นด้วยความตกใจ ผมรีบเดินตามไปหาพี่กันพลางดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ คนตัวสูงที่สวมชุดนักศึกษาหันมามองแบบไม่พอใจเท่าไร
หรือว่าที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริง
เพราะผมสบตากับนายน้ำแดงเข้าไปแล้ว
“พี่กัน”
“หือ”
“จริงเหรอที่พี่บอกว่าตาผมมีเวทมนตร์”
“อือ” เขาพยักหน้า
“ทำไม ไปร่ายมนตร์ใส่ใครไว้อีกอ่ะ”
ยื่นโทรศัพท์ในมือให้เขาดู ถ้าเป็นพี่กันล่ะก็จะต้องดูออกแน่ๆว่าจุดประสงค์ของนายน้ำแดงคืออะไรกันแน่ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นอุบัติเหตุนั่นแหละ แต่พอพิมพ์แบบนั้นมา ก็เริ่มคิดแบบเพื่อนตัวแสบแล้วว่าอาจจะเป็นการจงใจก็ได้
“ร่ายมนตร์ใส่คนอื่นอีกแล้ว”
“จริงเหรอ”
“อือ”
“แล้วทำไงอ่ะ ทำไงดี เขาจะไม่มาตกหลุมรักผมใช่มั้ย” ผมลนลานอยู่ข้างๆพี่กัน เขาหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอ
“อยากให้ช่วยป่ะ เดี๋ยวคุยให้”
คนตัวสูงพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในโทรศัพท์ เขายิ้มมุมปากเหมือนมีแผนชั่วร้าย นี่คิดถูกหรือคิดผิดล่ะเนี่ยที่เอาโทรศัพท์ให้เขา กดอยู่สักพักก็คืนโทรศัพท์กลับมาแล้วเดินหนีออกไป
ผมกดดูข้อความที่พี่กันส่งไป
*กระต่ายมีเจ้าของแล้ว
*คนก็มีเจ้าของแล้ว
*จีบคนมีเจ้าของมันบาปนะครับน้อง
เท่านั้นไม่พอ พี่กันยังรัวสติ๊กเกอร์กระต่ายที่ผมจ่ายเงินซื้อมาส่งกลับไปอีกด้วย แถมยังเลือกเฉพาะตัวที่กวนประสาทที่สุดอีก
*สลัดผัก
*กลาก
*ไอ้บ้านี่
*อยากปะทะหรอ
*อย่าหาว่าสอนเลยนะ
*…เงิบไปดิ
ไอ้คนเงิบเนี่ย
คือผม
นี่มันไม่ใช่วิธีการคุย แต่เป็นการเกทับต่างหากล่ะ แล้วเขาจะมองผมเป็นคนแบบไหนกันล่ะเนี่ย
ไอ้พี่กัน! ไอ้พี่บ้า!
พอเห็นผมทำหน้าบูดใส่ เขาก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว ขาสองข้างของผมเดินดุ่มๆเข้าไปหาเขาพลางดันตัวพี่กันแรงๆจนเขาเซไปชนกับกำแพงด้านหลัง
ทำไมพี่กันถึงเป็นคนแบบนี้นะ
คนใจบาป!
ตบตีกับเขาอยู่ไม่ทันไรโทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง คราวนี้นายน้ำแดงส่งข้อความรัวมาเลย
อ้าว มีแฟนแล้วเหรอ
ขอโทษๆ
เสื้ออ่ะถ้าจะคืนฝากไว้ที่ร้านน้ำปั่นก็ได้นะ พอเห็นข้อความแบบนั้น ก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย เห็นจากหางตาเหมือนว่าใครอีกคนจะชะโงกหน้ามามอง พอผมเงยหน้าขึ้นไปพี่กันก็ทำเป็นมองไปอีกทางพลางผิวปากไม่รู้ไม่ชี้
“เป็นไง ได้ผลป่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย” ป่านนี้นายน้ำแดงคงนึกว่าผมเป็นคนพิมพ์ข้อความนั้นแน่ๆ ผมไม่ใช่คนกวนประสาทขนาดนั้นสักหน่อย
คนตัวสูงยังยืนขำตัวงอไม่หยุด ไอ้คนนิสัยเสีย
ฝ่ามือของพี่กันวางลงบนกลุ่มผมของผมแล้วขยี้เบาๆ เขาปล่อยท่าไม้ตายของเขาอีกแล้ว
ใจผมเต้นรัวขึ้นมาจนจับจังหวะไม่ได้เลย
“ไอ้กระต่ายต๊องเอ้ย”
“พี่แกล้งผมอ่ะ”
“แต่ก็ได้ผลนะ”
“นิสัยไม่ดี”
“โอ๋ๆ คุณกระต่ายไม่โกรธสิครับ”
เขาวางแขนของตัวเองลงบนไหล่ของผมพลางโยกตัวไปมาเหมือนต้องการจะง้อ
“หายโกรธเร็ว”
“ไม่”
“เดี๋ยวก็จับทำแกงกระต่ายเลย”
คนเลว!
ที่หมอดูบอกไว้ว่าดวงของผมจะเจอคนรักคนชอบมากมายแต่ต้องระวังคนคิดร้ายเนี่ย มันใช่คนๆเดียวกันหรือเปล่าครับ เพราะพี่กันเนี่ย ทั้งชอบผมแถมยังคิดร้ายกับผมตลอด
สรุปว่าคนที่ผมต้องระวัง คือคนดวงแข็งที่ผมต้องอยู่ด้วยใช่มั้ยครับหมอดู
พอพ้นออกมาจากบริเวณขายเสื้อผ้า ผมและคนตัวสูงก็เดินไปตามทางเพื่อตรงไปยังห้องสมุดสาธารณะ ถึงแม้ว่ามิดเทอมจะผ่านไปด้วยดี แต่ยังไงก็ต้องติวจนกว่าพี่กันจะสามารถสอบผ่านไฟนอลไปได้อย่างปลอดภัยแหละครับ
ช่วงหลังๆก็ดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็สามารถแปลออกได้ เขาสามารถจำคำศัพท์ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว เรื่องแกรมม่านี่สอนเพียงแค่ครั้งสองครั้งก็เข้าใจแล้ว แต่ถ้าถามถึงความเลวร้ายเรื่องการออกเสียงคำล่ะก็ ยังต้องใช้เวลาแก้อีกนาน
พี่กันเป็นประเภทที่ว่าไม่สามารถออกเสียงคำได้ครับ ถึงจะจำความหมายได้ แปลออก ก็ออกเสียงไม่เคยถูก อาจจะเป็นเพราะสมองของเขาใช้พื้นที่ส่วนมากไปกับการคำนวณและเรื่องทางวิทยาศาสตร์ อย่างที่เขาเคยบอกว่าเขาเก่งด้านคำนวณอย่างเช่นแคลคูลัสเอามากๆ ผมเคยเห็นเวลาว่างๆเขาอ่านหนังสือพวกแคลคูลัสเล่นด้วย
ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงเป็นอะไรที่สมองเขาไม่เปิดรับ ระบบการสะกดคำก็เลยรวนไปหมด ขนาดนั่งสอนวิธีการไล่เสียงคำ ทุกวันนี้เขาก็ยังไม่สามารถอ่านออกเสียงได้เหมือนคนทั่วไป อย่างเช่นคำว่า User เขาก็ไม่อ่านว่า ยูสเซอร์ พี่กันจะอ่านเป็น อูซี หรือคำว่า Visual ก็ไม่อ่านเป็น วิชวล แต่อ่านเป็น ไวซูอั้น
แต่เวลาสอบเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปพูดสะกดคำให้อาจารย์ฟัง ดังนั้นขอแค่แปลออกและตอบได้เท่านั้นก็พอแล้วล่ะ
“แต่เรื่องตามึงกูไม่ได้โกหกนะ”
จู่ๆพี่กันก็โพล่งขึ้นมา ผมหันไปสบตากับเขาเพียงแค่แวบเดียวก็ต้องกลับมาจ้องรองเท้าผ้าใบของตัวเอง
“ทำไมล่ะ”
“ตามึงอยู่กับยาย”
ห่ะ
นี่คือเล่นมุกเหรอ
“ตลกเหรอ”
“อ้าวไม่ขำเหรอ”
“อยากให้ขำเหรอ หัวเราะให้นิดนึงก็ได้ ฮ่าๆ”
“ไอ้เด็กนี่” เขายกมือทำท่าจะตีผม แต่เปลี่ยนเป็นผลักหัวผมเบาๆ
“กูไม่เคยบอกใช่ป่ะว่ากูตกหลุมรักมึงครั้งแรก เพราะสบตากับมึง”
ขาสองข้างของผมหยุดเดินไปโดยอัตโนมัติ ผมหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะตกใจที่ได้ยินแบบนั้น สายตามองจ้องไปยังรองเท้าของตัวเอง ที่จู่ๆรองเท้าอีกคู่ของใครอีกคนก็มายืนอยู่ตรงหน้า
เหมือนหูฝาดไป เมื่อกี้สิ่งที่ผมได้ยินมันคือความจริงหรือเปล่า
“จริงเหรอ”
“อือ แค่สบตา ก็ชอบเลย”
ริมฝีปากของผมเม้มเข้าหากันแน่น อยากจะยิ้มออกมาแต่ก็ดันทำไม่ได้ ใจเต้นรัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ใบหน้าร้อนผะผ่าวจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา ได้แต่ก้มหน้าเหมือนหนีความผิด
ผมเองก็ยังไม่ได้บอกพี่กันเลยว่าครั้งแรกที่เจอกับเขา ครั้งแรกที่ตกหลุมรักเขา
ก็เพราะสบตากับเขานั่นแหละ
“กูถึงบอกไงว่ามึงร่ายมนตร์ใส่คนที่สบตากับมึงหรือเปล่า”
เปล่า
ผมไม่ได้มีเวทมนตร์อะไรแบบนั้นหรอก พี่กันต่างหาก…
“พี่นั่นแหละ ร่ายมนตร์ใส่ผม”
“หืม”
ผมน่ะ
“เพราะแค่สบตากับพี่วันนั้น ก็ชอบพี่เลย”
ไม่รู้ว่าพี่กันทำหน้าแบบไหนออกมา ไม่รู้ว่าเขาจะเขินจนหลุดยิ้มกว้างออกมาหรือเปล่า หากแต่ผมไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไป ไม่กล้าที่จะสบตากับเขาตอนนี้ ไม่กล้าที่จะจ้องนัยน์ตาสวยๆนั่น เพราะรู้ตัวว่าถ้าสบตากับเขาตอนนี้ล่ะก็ ผมคงโดนเวทมนตร์ของเขาเข้าไปอีกครั้ง
ครั้งแรกก็ว่าหัวใจมันสาหัสแล้ว ถ้าโดนครั้งที่สองล่ะก็ ตายคาอกสมใจเขาแน่ๆล่ะ
เวทมนตร์ของพี่กันน่ะ ถ้าโดนแล้ว
ไปไหนไม่รอดหรอกครับ
ผมพิสูจน์มาแล้ว เชื่อสิ
// มองตาน้องกอดจะต้องมนตร์ แต่ถ้าพี่กันมองตาเรา จะต้องตกเป็นของเรานะ (โดนน้องกอดตบ)
///// ขอโทษแงงงงงงงงงงงงงงงงไม่มีเวลามาลงให้เลยไม่ว่างพอๆกับนังคนแต่งนั้นแหละ แต่หลังจากนี้จะเอามาลงถี่ๆละ
รอกันเด้อ รักจุบๆ #แอดพี