Chapter 26
อัมพวาอมพะนำ (ลุงรหัส x หมอสี่)
อากาศร้อนๆของประเทศไทยทำให้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวได้ตลอดเวลา แต่ใครก็ไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับไอ้คนที่ยืนหน้ามึนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ท้ายรถฟอร์จูนเนอร์คันใหญ่ที่ขนเพื่อนมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาในวันอาทิตย์แบบนี้
“ทะเลาะกับมันอีกแล้วเหรอ”
ไอ้หล่อเดินเข้ามาหา ผมพยักหน้าเบาๆ
วันนี้ไอ้กันแต่งตัวดีเหมือนเคย เสื้อผ้าเนื้อบางระบายความร้อนกับกางเกงผ้าสีดำขายาวเลยตาตุ่มขึ้นมาเล็กน้อยและรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของมัน เซ้นส์ด้านแฟชั่นดีกว่าพวกนายแบบอีกครับ แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก ด้วยความที่หุ่นมันดี ขาแขนยาวแต่ไม่ดูเก้งก้าง รับกับช่วงตัวได้เหมาะเจาะ เวลาหยิบจับอะไรมาใส่ก็เลยดูดีไปหมด
เพราะแบบนี้ไงแมวมองถึงได้มาทักบ่อย แต่กันมันก็ปฏิเสธไปทุกรอบเพราะความตั้งใจจริงๆของมันคือการเปิดร้านโดนัทเป็นของตัวเอง
“เรื่องอะไรอีกวะ”
“แมว”
“เอ้า ทำไมอีก ไอ้แมวมันทำไร”
“เตะกันดั้มตก”
“เชี่ย” ไอ้กันสบถ
“เออกูรู้ว่าแมวมันผิด แต่มันก็แค่แมวป่ะวะ ถ้ามันฉลาดมันจะเกิดเป็นแมวเหรอ” ผมบ่น แมวมันจะไปรู้มั้ยว่ากันดั้มมันแพง ก็รู้ว่าเลี้ยงแมวมันซน ทำไมไม่เอากันดั้มไปเก็บไว้ในตู้ ทำไมถึงเอามาตั้งไว้บนโต๊ะ
ทำอะไรไม่เข้าท่า
แล้วมาลงกับแมว ไอ้บ้าเอ้ย
“พี่หมอ สวัสดีครับ” น้องกอดที่เพิ่งลงมาจากรถเดินมายกมือไหว้ผม ผมรับไหว้พลางส่งยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง
พอเห็นการแต่งตัวของน้องวันนี้แล้ว ก็อดหันไปกระทุ้งแขนใส่เพื่อนไม่ได้
เสื้อยืดสีขาวใหญ่กว่าช่วงตัวเล็กน้อย กางเกงยีนส์สีซีดตัวโปรดที่เจ้าตัวชอบใส่ พับขากางเกงขึ้นมานิดๆกับรองเท้าผ้าใบสีขาว กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่ดูนุ่มนิ่มเหมือนสายไหม
ไม่แปลกใจที่ทำไมไอ้กันถึงรักหลงน้องได้ขนาดนี้ มันเป็นคนชอบอะไรน่ารักๆ ซึ่งน้องเนี่ยน่ารักเหมือนกระต่ายในไลน์ที่ไอ้กันมันชอบนั่นแหละ แต่ความน่าเอ็นดูไม่ใช่เพราะกอดมันตัวเล็กหรืออะไรนะครับ ตัวน้องก็ระดับผู้ชายทั่วๆไป ไม่ผอมไม่อ้วน ตากลมจมูกรั้นๆ
ถ้าไม่รู้จักอาจจะคิดว่าน้องเป็นคนค่อนข้างจะโลกส่วนตัวสูง แต่พอได้รู้จักแล้ว น้องก็โลกส่วนตัวสูงนั่นแหละครับ แค่ไม่สูงเวลาอยู่กับไอ้กัน
พอลงจากรถกันครบ พวกเราก็ค่อยๆทยอยเดินเข้าไปในตัวตลาดน้ำอัมพวาตอนบ่ายแก่ๆที่แดดร้อนจัดไม่ต่างอะไรกับตอนเที่ยงตรง ทริปครั้งนี้เป็นเพียงแค่ทริปไปกลับ พรุ่งนี้ผมเองก็มีสอบเลยไม่สามารถค้างกับเจ้าของบ้านได้ น้องกอดก็มีสอบ ไอ้กันก็ติดทำเปเปอร์
ที่มานี่เพราะไอ้เพ้อเจ้าของบ้านมันจะพาทัวร์ดูหิ่งห้อย เห็นบอกว่าช่วงนี้หิ่งห้อยออกมาเยอะ อยากให้เพื่อนๆได้มาเห็นเป็นบุญตา ถ้าเลยอาทิตย์นี้ไปก็จะไม่เยอะเหมือนตอนนี้แล้ว ก็เลยตัดสินใจมากัน
ผมเลือกที่จะเดินไปกับไอ้เพ้อและไอ้เจ้อ หลายคนคงสงสัยว่านี่ชื่อคนจริงๆมั้ย ไม่ใช่ครับ มันคือฉายาที่ผมและไอ้กันเรียกไอ้สองนรกนี่เพราะความเข้ากันดีเหมือนแฝด ก็เลยเรียกคนนึงว่าไอ้เพ้อ และเรียกอีกคนว่าไอ้เจ้อ เรียกรวมๆกันก็เป็นไอ้พวกเพ้อเจ้อนั่นเอง
“ทำไมมึงไม่เดินกับหนวดวะ” ไอ้เจ้อหันมาถามผมที่ปกติจะเดินตัวติดกับแฟน
แต่วันนี้แฟนเป็นบ้า เลยไม่อยากเดินด้วย
“มันเตะแมวกู”
“หุ๊ ทาสแมวอย่างกูของขึ้นเลย!”
“ลบหลู่แมวเหรอไอ้ฉัด” ไอ้เพ้อมันเสริม
“แล้วทำอิท่าไหนเตะแมววะ ไอ้แมวมันทำไร”
“เตะกันดั้มตก”
“เช้ด!!! ถ้าเป็นกูกูก็เตะ”
“เชี่ยเจ้อ”
เห็นด้วยหางตาแหละครับว่าไอ้หนวดมันพยายามจะเข้ามาชวนคุย แต่เพราะผมไม่อยากคุยด้วย มันก็เลยถอยๆห่างไปเดินกับน้องกอดลูกรักของมันแทน
ไอ้เพ้อพาพวกผมมากินก๋วยเตี๋ยวต้มยำก่อนจะแวะซื้อของกินติดไม้ติดมือกันเล็กน้อย
“กอด”
กันเรียกกระต่ายน้อยของมันเข้าไปหาพลางเอาหูกระต่ายมาสวมให้ ผมหัวเราะเมื่อเห็นหน้าบูดๆของน้อง ไอ้กันก็ขำจนตัวงอ
ไม่ต้องมีแหละดีแล้ว น้องก็น่ารักอยู่แล้ว
“อ่ะ” ถุงทอดมันถูกยื่นมาตรงหน้าผมระหว่างที่กำลังยืนเลือกของฝากให้กับเพื่อนแก๊งหมออยากติว ผมหันไปมองผู้ชายหน้าตาดีไม่แพ้ไอ้กัน ยิ่งมันโกนหนวดโกนเคราตัดผมทำตัวเหมือนคนปกติแล้ว สาวๆนี่มองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว
ตลกดีที่เวอร์ชั่นนี้ไม่ใช่เวอร์ชั่นที่ผมตกหลุมรัก ผมตกหลุมรักอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่น้องกอดเคยทักว่าเหมือนช่างแอร์ พอเห็นมันตัดผมโกนหนวดออกแล้ว ถึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาโดนตบตามาตลอด
แต่ตอนนี้ผมงอนมันอยู่ครับ
ดังนั้นจะไม่คุยด้วย
ผมหันกลับมาสนใจแม่เหล็กติดตู้เย็นต่อ เลือกไปเกือบสิบอันแล้วเดินดุ่มๆหนีออกมา
“พี่หมอ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของน้องกอดดังขึ้นใกล้ๆ ผมมองคนที่เดินมาเทียบด้านข้าง ในมือน้องกอดของกินเต็มไปหมด สายกินไม่แพ้ไอ้กันถึงว่าอยู่ด้วยกันได้
“หือ”
“ลุงฝากมาถามว่ายังไม่หายโกรธเหรอ” เจ้าหนูจำไมทำหน้าสงสัย
“มันเตะแมวพี่อ่ะ”
“โห ใจบาปอ่ะ”
เห็นมะ กอดยังเข้าข้างผมเลย
“ใช่มะ คนเตะแมวไม่น่าคุยด้วยอ่ะ”
“ผมก็ไม่อยากคุยกับพี่กันเหมือนกัน” อ้าว
“ทำไมอ่ะ”
“ไม่กี่วันก่อนพี่กันจับจิ้งจกมาเล่นแล้วเรียกชื่อมันว่าคริสโตเฟอร์”
ผมหัวเราะจนท้องแข็ง
เมื่อตอนเรียนม.ปลายกับไอ้กัน ตอนคาบชีววิทยา ก็ได้มันเนี่ยแหละเป็นคนผ่าจิ้งจกให้ครับ ผมเป็นคนกลัวจิ้งจกมาก กลัวจนแบบถ้ามีมันอยู่ในบ้านหรือในห้องนอนล่ะก็จะทำอะไรไม่ได้เลย จะระแวงไปหมด ซึ่งไอ้กันอ่ะมันรักจิ้งจกมาก ผ่าไปก็บ่นไปบอกขอให้ไปสู่สุขคตินะ ตลกตรงที่เมื่อหลายปีที่แล้วมันก็เรียกจิ้งจกว่าคริสโตเฟอร์
แล้วตอนนี้มันก็มาเรียกจิ้งจกตัวใหม่ว่าคริสโตเฟอร์อีก
ตกลงมีคริสโตเฟอร์กี่ตัวบนโลกวะเนี่ย
“อย่าไปสนใจมันเลย เรียนหนักก็งี้”
เดินเล่นกันอยู่เกือบชั่วโมง ไอ้เพ้อก็ไลน์มาบอกว่าให้ไปเจอกันที่ท่าเรือ
ไอ้เพ้อมันจองเรือแบบเหมาลำครับ มันบอกว่าไกด์ไม่ต้อง เดี๋ยวมันบรรยายเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็กผู้ซึ่งโตมากับน่านน้ำแห่งนี้เถอะ มันว่างั้น
ผมมองไอ้กันที่ประคองน้องกอดลงไปในเรือ คือน้องอ่ะดูแลตัวเองได้ แต่เพื่อนผมอ่ะมันขี้เวอร์
ทุกคนทยอยลงเรือกันหมดแล้วเหลือผมคนสุดท้าย ไอ้หนวดยื่นมือมาเพื่อจะประคองผมลงเรือบ้าง แต่ผมโกรธมันอยู่ไง ดังนั้นแตะตัวก็อย่าหวัง
ขาของผมก้าวลงไปด้านท้ายของเรือ แต่พลาดไปเล็กน้อยเลยสะดุดหัวจะทิ่ม ไอ้หนวดมันรีบดึงตัวผมให้กลับมายืนตัวตรง สายตาเงียบๆปนน่าสงสารถูกส่งมาให้
เหมือนจะบอกในใจว่า ขอโทษนะที่เตะลูก ไม่ได้ตั้งใจ
หึ
ฝันเถอะ
ต่อให้ทำหน้าหงอยก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ
“ขอบใจ” ผมพูดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงด้านหลังไอ้กัน ผู้ชายใจทรามทิ้งตัวลงนั่งด้านหลังของผม พร้อมกับเรือที่ค่อยๆแล่นออกไปจากฝั่ง
ลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้าหน้าทำให้ผมหลับตาลงแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด การเรียนหมอมันหนักครับ ยิ่งหมอปีสามอย่างผมเนี่ย แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งจะสอบ อาทิตย์นี้สอบเพิ่มอีกแล้ว จากที่เป็นคนขี้เกียจๆสมัยมัธยม การอยู่มหาลัยบังคับให้ผมกลายเป็นคนขยันขึ้นมาโดยปริยาย
ไกด์เถื่อนที่นั่งอยู่หัวเรือไอกระแอมเล็กน้อย
“สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวก่อน กระผมไกด์ยุงบินชุม มาจากเกาหลี ยินดีที่ได้นำท่านเข้าสู่น่านน้ำอัมพวาเพื่อทัวร์ชมห้อยหิ่งในวันนี้”
“หิ่งห้อย!!” ทุกคนตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน ไอ้เพ้อยิ้มเผล่ พี่คนขับเรือหลุดขำออกมา
“ครับ หิ่งห้อย ขอให้ท่านผู้โดยสารตั้งใจฟัง เนื่องจากตอนนี้เป็นหน้าฝน ขอให้ทุกท่านโปรดระมัดระวังยุงบินชุม ใต้ที่นั่งของท่านจะมียากันยุงชนิดโลชั่นกลิ่นมาดามหอมชื่นใจ ขอให้ทุกท่านที่สวมเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้นชะโลมยากันยุงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
เห็นหรือยังครับ ว่าชื่อเพ้อเนี่ย ไม่ได้มาเล่นๆ
“ส่วนท่านที่สวมกางเกงยีนส์หรือกางเกงขายาว ไม่ต้องเป็นห่วง ยุงที่นี่เป็นยุงสายพันธุ์ไดโนเสาร์ อายุประมาณสามร้อยล้านปี พัฒนามาจากทีเร็กซ์ ปากแหลมยิ่งกว่าเข็มเย็บผ้า ต่อให้มึงใส่กางเกงทับสามชั้น มึงก็ไม่รอดหรอกไอ้สัส!”
“ไกด์ๆ” ไอ้เจ้อโบกไม้โบกมือจะถามคำถาม
“ว่าไงครับท่านผู้โดยสาร”
“แล้วถ้าไม่ใส่กางเกงอ่ะ”
“ไม่ใส่กางเกงมึงก็โป๊ไง!!”
เกลียดพวกมันจริงๆ ความเข้ากันแบบเลวๆนี้
ระหว่างที่เรือกำลังแล่น แรงสะกิดเบาๆด้านหลังผมพร้อมกับถุงทอดมันถุงเดิมถูกยื่นมาให้เช่นเคย ผมเมินมันไปอีกครั้ง เท่านั้นแหละ นิ้วเรียวๆของคนข้างหลังเลยสัมผัสกับต้นคอที่เป็นจุดอ่อนเล่นเอาผมสะดุ้ง หันไปจะอ้าปากด่า แต่พอเจอสายตาเรียบๆนิ่งๆที่ส่งกลับมาให้แล้ว สุดท้ายก็ต้องยอมรับถุงทอดมันมาแต่โดยดี
ผมชอบกินทอดมันมากๆ ซึ่งไอ้หนวดมันรู้อยู่แล้ว
ที่รับมานี่ไม่ใช่ว่าใจอ่อนหรอกนะ … รำคาญ
เรือแล่นไปตามแม่น้ำที่ผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร รอบๆบริเวณเริ่มมืดลงไปจนพี่คนขับเรือต้องเปิดไฟเพื่อระบุตัวตนว่ามีเรืออยู่ตรงนี้นะ ไม่อย่างนั้นชนกันตายแน่ๆครับ
“ขออภัยที่ขัดจังหวะการพักผ่อนของทุกท่าน ขณะนี้เราล่องเรืออยู่บนแม่น้ำแม่กลอง”
“ไม่ค่อยมันเลยว่ะ” ไอ้กันตะโกนใส่เพื่อนมัน
“ไม่ค่อยมันมึงก็ไปหยิบปิ๊ก แล้วมันก็จะเป็นแม่น้ำแม่กีต้าร์ แล้วถ้ามึงยังมันไม่พอ ก็ไปหาเบสมาแล้วตั้งวงซะ ถุ๊ย มุกควายแบบนี้เล่นไปได้ยังไง”
“เออ!!!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นภายในตัวเรือ ผมนั่งมองไอ้กันที่คอยดูแลน้องกอดเป็นระยะๆ พอเห็นว่าน้องหนาวมันก็เอาเสื้อมาคลุมให้ เห็นว่าน้องหิวก็เอาขนมมาป้อน พอเห็นภาพตรงหน้าก็เผลอยิ้มออกมา
ผมไม่รู้สึกอิจฉาอะไรเลย แต่รู้สึกดีใจแทนน้องกอดที่ได้เจอคนอย่างไอ้กัน และดีใจที่กันได้เจอคนที่รักมันมากๆแบบน้องกอด กันมันเป็นผู้ชายที่ปากร้ายแต่ใจดีอ่ะครับ ถึงจะดูเหมือนเล่นๆไปแบบนั้น แต่จริงๆมันแคร์คนรอบตัวมากๆ แต่ถ้าถามว่ามันดีขนาดพ่อพระอย่างพี่ชายของมันมั้ย ก็ขอตอบว่าไม่
เวลามันอยู่กับเพื่อน กันมันเป็นคนอารมณ์ร้าย โมโหง่าย แต่กับน้องกอดของมันเนี่ย ไม่เคยแสดงด้านนั้นออกมาเลย เหมือนคนละคนกับไอ้กันที่ผมรู้จักตอนสมัยมัธยมที่เป็นหัวโจกแก๊งป๊อกกี้ คุมร้านเกมอยู่แถวหน้าโรงเรียน
เป็นผู้ชายที่เถื่อนตามชื่อนั่นแหละ แต่ชอบของน่ารักๆอย่างเช่นหมีบราวน์ ถวายตัวเป็นสาวกมาตั้งแต่ม.สี่จนตอนนี้ปีสามก็ยังเสียเงินซื้ออยู่ตลอด
ถ้าอยากรู้ว่านิสัยจริงๆของเพื่อนผมคนนี้เป็นยังไง ขอแนะนำให้เล่นเกมกับมันซักตาครับแล้วมันจะเผยธาตุแท้ออกมา
กลิ่นฝนที่ลอยมาแตะจมูกบ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงตก เรือค่อยๆแล่นไปเอื่อยๆขณะที่ผ่านต้นลำพู ตอนแรกๆเราเห็นหิ่งห้อยไม่กี่ตัว ต้องเพ่งนานอยู่กว่าจะเห็น แต่พอล่องมาสักพัก คราวนี้แหละอย่างกับต้นคริสต์มาสเลยครับ
วิบวับมาก
เสียงไกด์เถื่อนดังขึ้นแผ่วๆ
“ขอให้ทุกท่านมองไปทางขวาของตัวเรือนะครับ ชุดใหญ่ไฟกะพริบมากๆ”
“เหมือนต้นคริสต์มาสเลย” น้องกอดโพล่งออกมา
ทุกคนบนเรือพร้อมใจกันเงียบเพราะไม่ต้องการให้หิ่งห้อยตกใจ ผมที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ได้แต่นั่งอึ้งในความสวยของธรรมชาติ ล่าสุดที่ได้ไปเที่ยวก็ตอนไปเขาใหญ่ หลังจากนั้นก็มัวแต่ขลุกอยู่กับหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง พอได้มาเห็นอะไรสวยๆแบบนี้ ก็เลยปริ่มใจไปเลยครับ
นั่งเงียบๆอยู่คนเดียวสักพัก มือของหนวดที่แตะลงเบาๆบนไหล่ของผมทำให้ผมต้องหันไปมองหน้ามัน ใบหน้าซึมๆเหมือนหมาหงอยนั่นทำให้ผมถอนหายใจออกมา
สุดท้ายก็ใจอ่อนจนได้นั่นแหละ
ผมวางมือของตัวเองลงบนฝ่ามือของหนวดก่อนเจ้าตัวจะกุมมันไว้แน่น ไม่รู้ว่ามันทำหน้าแบบไหน แต่คงจะคลี่ยิ้มออกมานั่นแหละ เราสองคนมองหิ่งห้อยที่ส่องแสงกะพริบสวยบนต้นไม้ด้านหน้า
สวยจนพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ
เรือค่อยๆแล่นออกไปตามทางหลังจากที่เราเก็บภาพเก็บรรยากาศกันจนหนำใจ พอออกห่างจากบริเวณที่มีหิ่งห้อย ไอ้เพ้อกับไอ้เจ้อก็หันมาเล่นมุกกันอีกครั้ง
“เมื่อกี้ที่เห็นห้อยอยู่บนต้นไม้นะครับ เราเรียกว่าหิ่งห้อย”
“แต่ถ้าห้อยนานๆก็จะเมื่อยนะครับ ก็เลยขอแนะนำว่าให้วาง”
“ก็จะเป็นหิ่งวางนะครับ”
“ตึ่งโป๊ะ!”
พวกมึงไปเปิดคณะตลกเห๊อะ
จริงๆถ้ามีแฟนผมอีกคนล่ะก็ ทริปนี้คงจะเป็นทริปไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยร่วมเลยครับ ติดที่ว่าไอ้หนวดมันกำลังง้อผมอยู่ มันก็เลยไม่กล้าไปเฮฮากับไอ้สามหน่อนั่น
เรือยังคงแล่นไปเรื่อยๆท่ามกลางความมืด พอเห็นว่าผมยอมลงให้แล้ว ไอ้หนวดมันก็กระเถิบลงมานั่งข้างๆแล้วโอบเอวผมเอาไว้ ผมตีมือมันแล้วชี้ไปข้างหลัง
พี่คนขับเรือนั่งหัวโด่อยู่ตรงนั้น มองไม่เห็นหรือไง
“คิดถึงคุณนี่”
“กลับบ้านไปขอโทษลูกด้วย”
ไอ้หนวดทำหน้าบูด
“ก็แมวคุณมัน…” ผมยกนิ้วชี้หน้าไอ้หนวด เรื่องอื่นยอมได้ แต่เรื่องลูกนี่พูดให้มันดีๆนะมึง
“โอเคๆ จะกลับไปจูบตีนจูบไข่ลูกเลยอ่ะ”
“เออ แล้ววันหลังกันดั้มอ่ะเก็บเข้าตู้ซะ ถ้าลูกเปิดตู้แล้วเอากันดั้มออกมาพัง กูจะยอมให้เตะลูกเลย”
“จริงเหรอ”
“ไม่จริง” คนเตะแมวมันคือคนชั่วครับ บอกเลย
เสียงหัวเราะด้านหน้าเรือยังคงดังเป็นระยะๆ นานๆทีจะได้มาอยู่กับพวกไอ้เพ้อเจ้อ อยู่คนละมหาลัยว่าไกลแล้ว ยิ่งเรียนปีสูงขึ้นก็ยิ่งหาเวลามาเจอกันยากเข้าไปอีก
“เหงาเหรอ” ผู้ชายตาคมข้างๆถามขึ้น ผมส่ายหน้าเบาๆ ทุกวันนี้อยู่กับพวกไอ้หมออยากติวก็ไม่เหงาแล้วครับ วันๆไร้สาระพอๆกับไอ้สามตัวข้างหน้าเนี่ยแหละ
“ไม่อ่ะ”
“ถ้าคุณเหงาก็ไปหาพวกมันบ้างดิ ไปดูพวกมันเตะบอลไรงี้”
“ก็บอกว่าไม่เหงา”
“แต่ผมเหงานะ” ดูมัน ดูหนวดมันอ้อน
ถามว่าสำเร็จมั้ย
เจอสายตาหมาจ๋อยเข้าไป เสร็จทุกรายนั่นแหละ
“เออน้องกอดจะเรียนเอกอะไรนะ” ไอ้เจ้อมันถามเด็กที่นั่งเงียบมานานสองนาน อยู่กับผมและไอ้กันน้องกอดพูดเป็นต่อยหอยเลยครับ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆน้องจะเงียบเหมือนเป่าสากเลยอ่ะ
“อิ้งครับ”
“อิ้งเหรอ ว้าเสียดายจัง พี่อยากเรียนเกาหลีมากเลยอ่ะ” ไกด์เถื่อนยุงบินชุมมันว่างั้น
“ทำไมอ่ะ” น้องถาม อยากจะจับน้องกอดยัดใส่กระเป๋าแล้วพากลับบ้านจริงๆอ่ะ ปล่อยให้คุยกับพวกเวรนี่ เดี๋ยวจะโดนล้างสมองเอาซะเปล่าๆ
“พี่ชอบเกาหลี อยากร้องเพลงเกาหลีได้ รู้จักเพลง pick me ป่ะ”
น้องกอดส่ายหน้า
“รายการเด็กร้อยเอ็ดอ่ะ” นั่นชื่อรายการจริงๆเหรอ…
“ไอ้เถื่อนมันชอบคนนึง ตาหวานๆหน่อย ลูกครึ่งๆ”
“จริงเหรอ”
ไอ้กันหน้าเหวอไปเลยครับ มันรีบหันไปแก้ตัวกับน้อง
“ก็ทีวีที่หอมันมีช่องเกาหลี พอเปิดเจอบ่อยๆก็คิดว่าน่ารักดี”
“ชื่อไรนะเถื่อน โซๆ”
“โซมี”
“ไหนร้องเพลงดิ๊ pick me pick me pick me up”
พอคนหนึ่งร้อง อีกคนหนึ่งก็เต้น ซึ่งน่าประหลาดใจตรงที่
ไอ้กันมันเต้นได้ด้วยครับ
ขอไปฟ้องพี่ดิมของมันแปปนะ ปกติมันไม่เคยฟังเพลงของใครเลยนอกจากเพลงแทททูคัลเลอร์สุดที่รักของมัน
เรือค่อยๆเทียบท่าลงพร้อมกับพวกเราที่ทยอยกันขึ้นจากเรือ ไอ้เพ้อกับไอ้เจ้อมันคงไม่กลับหอ ไอ้เพ้อน่ะผมเข้าใจเพราะมันตั้งใจจะกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่ แต่ไอ้เจ้อเนี่ย ไม่ว่าไอ้เพ้อจะไปไหน มันก็จะตัวติดกันเป็นแพคคู่น่ะครับ ดังนั้นขาดใครไปไม่ได้ เพ้อเจ้อต้องไปด้วยกัน
ส่วนผมกับแฟน ไอ้กันและน้องกอด ก็ต้องกลับไปใช้กรรมกันต่อ
ดูเหมือนน้องกอดจะเพลียๆ เลยหลับหัวทิ่มตั้งแต่ขึ้นรถ ไอ้กันก็หลับเหมือนกัน เหลือแต่ผมที่นั่งด้านข้างคนขับ กับไอ้คนขับรถ จำเป็น
เพลงคลอเบาๆทำให้ผมง่วงนิดๆ แต่เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนคนขับก็เลยพยายามฝืนให้ไม่หลับ
“ง่วงก็นอนดิคุณ” หนวดมันดันหัวผมให้พิงกับเบาะ ซึ่งตอนนี้หัวผมวางอยู่ตรงคอนโซลรถ แว่นที่ใส่อยู่ถูกถอดออกเพราะรู้สึกปวดตาเล็กน้อย
แหงล่ะ อ่านหนังสือมากๆพอได้พักหน่อยก็รู้สึกไม่ค่อยชิน
“ปวดตาเหรอ” ผมพยักหน้าตอบ
หนวดมันชอบเรียกผมว่าคุณมาตั้งแต่ตอนจีบกันแรกๆแล้วครับ ซึ่งตอนแรกๆบอกเลยว่าไม่ค่อยชิน มันเหมือนไม่ค่อยสนิททั้งๆที่มันเป็นน้องรหัสของพี่ชายไอ้กันแท้ๆ แต่พอโดนเรียกไปเรียกมาก็คิดว่า เออมันก็น่ารักดี
“เรื่องงานบอลปีนี้เอาไง เห็นไอ้กันบอกจะไปแต่คงไม่ขึ้นแสตนด์” ถามออกไประหว่างหยิบกาแฟที่แวะซื้อระหว่างทางขึ้นมาจิบพลางยื่นให้คนขับรถจิบด้วยเพราะกลัวมันจะง่วง
“ไม่รู้ว่ะ กลัวไม่ว่าง คุณจะไปป่ะ”
“ให้คำตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ไอ้กันน่าจะไปเพราะน้องกอดยังไม่เคยไป”
“เสื้อปีนี้สวยป่ะวะ อยากได้”
“สีชมพูไม่เหมาะกับมึงอ่ะ ไปซื้อของมอไอ้กันแล้วกัน”
“มอไอ้กันก็เหมือนแมคโดนัลด์อ่ะหมอ” หนวดมันบ่นอุบ ผมหลุดขำ เออก็จริงของมัน
แต่ผู้ชายสมัยนี้ทำไมชอบสีชมพูกันนักล่ะครับ อย่างไอ้หนวดเนี่ยไม่เข้าเลย ใส่สีชมพูออกมาทีเหมือนแม่บ้านมีหนวดอ่ะ
“แต่คุณใส่สีอะไรก็น่ารักนะ”
ไอ้คนข้างๆมันหยอดซะจนมดแทบขึ้นแก้วกาแฟ ผมยกมือผลักหัวมันเบาๆ
“แต่กูชอบสีครีม”
“หวานเหมือนหมอเลยเนอะ”
“จะหยอดจนถึงกรุงเทพเลยมะ”
“ก็หยอดจนกว่าจะได้คุณนั่นแหละ”
เสียงไอกระแอมจากทางหลังรถดังขึ้น ไอ้กันที่เมื่อกี้หลับอยู่ลุกขึ้นมามองตาขวาง เหมือนจะคุยเสียงดังไป มันเลยกลัวว่าน้องกอดของมันจะตื่น
จ้าๆพ่อคนรักคนหลงแฟน
มือข้างซ้ายของหนวดยื่นมาจับมือของผมพลางกุมไว้แบบนั้น
ปากว่าเขา
ผมเองก็เหมือนกันนั่นแหละครับ
หลงมาสองปีกว่าแล้ว
จนป่านนี้ยังหาทางออกไม่เจอเลย// หลงทาง เขาให้ใช้แผนที่ แล้วถ้าหลงเธอล่ะ ต้องทำยังไง