◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 28 {27.02.62}  (อ่าน 118936 ครั้ง)

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #540 เมื่อ16-12-2017 11:18:32 »

Chapter 25
จิ้งจกทักเขาให้รักกัน

 

            ผมไขกุญแจพลางผลักบานประตูไม้เข้าไปในห้อง เผยให้เห็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กและแคบที่มีไว้สำหรับนอนคนเดียว เดินเข้าไปเปิดไฟ เสียงจิ้งจกก็ดันร้องทักเป็นอันดับแรกเหมือนจะทักทายว่า ‘กลับมาแล้วเหรอ’ สายตามองไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของมัน อย่าโผล่มาเลย ถ้าโผล่มาล่ะก็ ไม่ได้นอนแน่ๆล่ะคืนนี้

            ผมพยายามไม่สนใจรีบถอดรองเท้าออกแล้วยกไปวางเก็บบนชั้นเสร็จสรรพ คนตัวสูงที่ติดสอยห้อยตามกลับจากห้องสมุดชะเง้อคอมองพื้นที่ขนาดแคบในห้องก่อนจะเดินตามเข้ามา

            เทียบกับห้องที่หอของพี่กันแล้ว ห้องผมกลายเป็นรูหนูไปเลย

            พี่กันไม่ยอมกลับหอครับ เขาบอกว่าไหนๆก็พลาดรถไฟรอบนี้แล้ว เขาเลยตัดสินใจว่าจะนอนหอผมคืนนี้แล้วค่อยกลับพรุ่งนี้เช้า ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเพราะเป็นฝ่ายที่ทำให้เขาพลาดรถไฟฟ้า

            ถึงปากจะบอกโอเคๆ แต่หัวใจเนี่ย ไม่โอเคเลย

            หัวใจของผมเต้นรัวจนทำให้หายใจผิดจังหวะบางช่วง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ใครอีกคนมาเหยียบที่ห้อง ผมที่ทำอะไรไม่ถูกแม้จะเป็นเจ้าของห้องเก็บเสื้อผ้าที่ห้อยไว้บนเก้าอี้ไปใส่ตะกร้า พลางเหลือบตาไปมองคนตัวสูงที่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง

            “เอ่อ ห้องมันแคบหน่อยนะ”

            เอ่ยปากบอกเขาแบบตะกุกตะกัก พี่กันหันซ้ายหันขวาสำรวจบริเวณรอบๆห้องที่ก้าวจากเตียงเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงประตู โต๊ะเขียนหนังสือแบบญี่ปุ่นตั้งอยู่ที่พื้นข้างเตียงพร้อมกับหญ้าเทียมผืนเล็กๆที่ซื้อมาปูเพื่อความสบายตาเวลาอ่านหนังสือ บนโต๊ะมีหนังสือสารพัดกองเป็นภูเขากับโคมไฟหน้าตาง่อยๆที่ซื้อมาจากร้านหกสิบบาท

            “ไม่เป็นไร มึงตกแต่งเองเหรอ”

            “อือฮึ”

            “ห้องน่ารักเนอะ”

            เกาคิ้วแก้เขิน

            แค่เขาชมก็รู้สึกดีใจแล้ว

            “เหมือนเจ้าของห้องเลย”

            “เอ่อ พี่นั่งเล่นไปก่อนนะ ผมไปอาบน้ำก่อน”

            พี่กันหันมาสบตานิ่งๆเงียบๆจนทำให้ใจกระตุกขึ้นมาเฉยๆ หน้าผมร้อนจนต้องปลีกตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเพื่อสงบจิตสงบใจ ขืนยืนเล่นเกมจ้องตากับเขานานกว่านี้ล่ะก็ คงได้เป็นลมตายคาห้องจริงๆนั่นแหละ

            สายน้ำเย็นๆสัมผัสลงบนกลุ่มผมรวมไปถึงร่างกายของผม แผลเป็นบนแขนและขาบ่งบอกถึงความซุ่มซ่ามของตัวเองได้เป็นอย่างดี ล้มบ่อยๆจนโดนแม่บ่นว่าแม่คลอดออกมาผิวดี๊ดี ไม่รู้ไปเอาแผลเป็นมาจากไหนเยอะแยะ

            พลางคิดไปถึงอ้อมกอดอุ่นๆของพี่กันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นคนคิดมาก ชอบเก็บเรื่องนู้นเรื่องนี้มาคิด แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆเวลาได้ยินคำร้ายๆจากคนพวกนั้น ถึงแม้ว่าคนส่วนมากจะไม่ใช่แบบนั้นก็เถอะ

            ผมอยากขอโทษพี่กัน ที่ทำให้เขาต้องมากังวลและเป็นห่วง

            จะทำยังไงให้เข้มแข็งมากขึ้นกว่านี้ดีนะ

            อยากมองโลกในแง่บวกให้ได้แบบพี่กันจังเลยครับ

            ผมออกจากห้องน้ำแล้วไปหยุดอยู่ตรงตู้เก็บเสื้อผ้าที่เป็นแบบผ้าใบสีน้ำตาลอ่อนเข้ากับตัวห้อง เพราะตู้เสื้อผ้าแบบไม้หรือเหล็กมันใหญ่เกินไปและคิดว่ามันจะกินบริเวณห้องจนทำให้ดูแคบ ผมกับแม่เลยตัดสินใจซื้ออะไรที่ใช้สอยสะดวกมากกว่าความหรูหรา

            “พี่กัน อาบน้ำมั้ย ผมมีเสื้อกับกางเกงของเพื่อนทิ้งเอาไว้อ่ะ ตัวมันใหญ่พอๆกับพี่ ถ้าพี่ใส่ดะ…” ยังไม่ทันจะพูดจบจมูกโด่งๆก็กดลงมาบนแก้มของผม พี่กันที่โผล่มาอยู่ด้านหลังตอนไหนไม่รู้หัวเราะเบาๆในลำคอ

            “ชานมที่ว่าหอม ยังสู้หอมแก้มกอดไม่ได้เลย” พูดพลางยิ้มเผล่

            “ไปอาบน้ำเลยไป!”

            โยนเสื้อกับกางเกงของเพื่อนให้กับเขาแล้วรีบดันพี่กันเข้าห้องน้ำไปด้วยความรวดเร็ว พอประตูปิดลง ผมก็ทิ้งหัวลงบนบานประตูห้องน้ำอย่างอ่อนแรง หัวใจที่เต้นรัว หน้าที่ร้อนผะผ่าว

            ทำไมพี่ถึงได้มีพลังทำลายล้างสูงแบบนี้นะ

            เป็นซุปเปอร์แมนเหรอ

ไอ้คนใจบาปนี่

            ผมปล่อยให้พี่กันอาบน้ำอย่างสบายใจ ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวลงบนที่นอน หยิบกีต้าร์ที่ไม่ค่อยได้เล่นขึ้นมาวางไว้บนตัก กีต้าร์โปร่งตัวเล็กสำหรับเด็กเล่น แต่ผมชอบมันเพราะความกะทัดรัด

            ค่อยๆเกากีต้าร์ไปเบาๆตามเพลงที่อยู่ในหัว นั่งมองโคมไฟง่อยๆที่วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นที่จู่ๆก็ดับไปเหมือนหมดสภาพแล้ว

            ต้องซื้อใหม่แล้วสินะ

            ทำนองเพลงโปรดของผมที่เคยเปิดให้พี่กันฟังเมื่อครั้งไปเขาใหญ่ เพลง Aiokuri ที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ยังเพราะเสมอ

            ริมฝีปากของผมพึมพำเนื้อเพลงออกมาเบาๆ

“Ima kono shunkan Jikan ga tomaru nara”

           “Dakishimete Gyutto Gyutto Hanasanaide”

           ในตอนนี้ ถ้าเวลามันหยุดลง ช่วยกอดฉันไว้แน่นๆ อย่าปล่อยเด็ดขาดเลยนะ

            ผมเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นก่อนจะซุกหน้าลงบนตุ๊กตาหมีบราวน์ที่พี่กันให้มาเมื่อตอนไปเขาใหญ่ เพลงนี้คงจะกลายเป็นเพลงโปรดของผมไปอีกนาน ยังจำสัมผัสได้อยู่เลย จูบแรกที่เขาค่อยๆแตะริมฝีปากของเขาลงมา มันเป็นอาการเหมือนขาดอากาศหายใจ เหมือนจู่ๆโลกก็หยุดหมุน เหมือนโดนดูดพลังไปหมด

            คนๆหนึ่งสามารถมีอิทธิพลต่อหัวใจของเราได้มากขนาดนี้เลยเหรอ

            ‘แกร๊ก’

            เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ผมกระเด้งตัวขึ้นมานั่งทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกากีต้าร์ไปเรื่อยเปื่อยทั้งๆที่ใจเต้นรัวจะบ้าตายอยู่แล้ว

            กลิ่นแชมพูหอมๆที่ผมใช้ประจำ แต่ทำไมพอใครอีกคนมาใช้แล้ว ดันรู้สึกว่ามันหอมกว่าที่เคย พี่กันเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม

            “เล่นกีต้าร์เหรอ”

            ผมพยักหน้าตอบ

            “พี่เล่นเป็นป่ะ”

            “เป็นดิ ระดับนี้แล้ว มีไรที่กูทำไม่เป็นเหรอ”

            จริงเหรอ?

            แล้วเขาก็ดึงกีต้าร์ไปจากมือผม ตอนแรกก็นึกว่าเขาล้อเล่น แต่พอนิ้วเรียวๆไล่ไปตามสายกีต้าร์ ทำนองเพลงเพราะๆก็ดังออกมา

ความลับอีกอย่างหนึ่งของเขาที่ผมเพิ่งจะรู้ พี่กันเล่นกีต้าร์อย่างเซียนเลยครับ เขาเล่นเพลงโปรดของเขาที่ยังคงเป็นเพลงของแทททูคัลเลอร์อีกตามเคย แล้วก็ร้องออกมาเบาๆ

            “ทุกทีที่พบกัน ฉันเป็นอะไร แว้บเดียวเธอหันมา ทุกอย่างล่องลอยและเคลิ้มไปไกล … จนหยุดห้ามใจไม่รักไม่ได้ … เหมือนเธอไม่รู้ตัวว่าฉันคิดอะไร เห็นใครก็หลายคน ก็แอบมองเธออยู่ทุกวัน แต่จะเป็นคนไหนกัน”

            ทำนองเพลงสนุกๆกับเสียงทุ้มๆออกแหบเล็กน้อย เพิ่งเคยฟังเขาร้องเพลงเป็นครั้งแรก และพี่กันร้องเพลงเพราะมากจริงๆ

            บอกเลยว่าถ้าไปเล่นตามงานล่ะก็ สาวรักสาวหลงแน่ๆ เพราะนอกจากจะเล่นเก่งแล้ว ยังเล่นหูเล่นตาเก่งอีกต่างหาก ไอ้คนฟังคนนี้หัวใจมันจะวายวันละสามรอบ

            “ฉันไม่รู้ว่าใครจะดีกับเธอแค่ไหน ฉันไม่รู้ว่าใครจริงใจกับเธอเท่าฉันได้หรือเปล่า … หรือเปล่า … ไม่เอาอย่าให้ฉันคอยอีกต่อไป”

       “อยากให้เธอได้รู้จัก ได้รู้ว่าฉันเป็นใคร หากว่าเธอจะสัมผัส ว่ารักคืออะไร พาเธอออกไปมองที่สวยกว่า มองท้องฟ้างดงามขึ้นใหม่ เธอต้องมีฉัน คนที่รักกัน ไม่ใช่ฉัน แล้วมันจะเป็นใคร”

            ร้องจบก็หันมาจ้องตาผมแล้วยักคิ้วใส่ให้

            ไอ้คนขี้เก๊กนี่

            “ทำไมไม่เห็นบอกเลยว่าเล่นได้” เขาคืนกีต้าร์มาให้ผมแล้วหันไปสนใจการเช็ดหัวเปียกๆที่เพิ่งผ่านการสระผมมาแทน

            “ก็ไม่ถามอ่ะ”

            โว๊ะ

            ใจบาปแท้

            “กูเล่นสมัยอยู่มัธยมกับเพื่อน ฟอร์มวงเอา แต่พอขึ้นมหาลัยก็ไม่ค่อยได้เล่นละ”

            “ทำไมอ่ะ พี่เล่นเก่งออก”

            “ขี้เกียจ”

            สั้นๆง่ายๆกระชับได้ใจความเข้ากับน้ำเสียงโมโนโทนนั่นเป็นอย่างดี

            ผมกำลังจะวางกีต้าร์กลับลงไปที่ซอกระหว่างเตียง แต่พี่กันดึงแขนเอาไว้ก่อน

            “เล่นให้ฟังเพลงนึง ร้องให้ฟังด้วย”

            “เพลงไรอ่ะ”

            เขากระดิกนิ้วขอมือถือของผมไปเปิดคอร์ดเพลงให้ดู เพราะมือถือของเจ้าตัว แม้ว่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่เพราะเครื่องเก่าตกชักโครกไป ก็ยังไม่คิดจะใช้เน็ตอยู่ดีนั่นแหละ

            นิ้วเรียวๆส่งมือถือกลับมาให้ผม บนหน้าจอโชว์ชีทเพลงที่ชื่อว่า

            “Like”

            คอร์ดยากมาก!

            “เยป” พี่กันยิ้มหวาน ผิดกับผมที่เขินจนต้องหลบตาเขา

            ให้เล่นเพลงอะไรไม่เล่น ดันให้เล่นเพลงนี้อีก

            “ไม่รู้จะเล่นได้มั้ยนะ เล่นไม่เก่งอ่ะ”

            “ไม่เป็นไร อยากฟัง”

            ผมค่อยๆทาบคอร์ดทีละคอร์ดไปเรื่อยๆเพื่อจดจำ ถามว่าเคยฟังเพลงนี้มั้ย บอกเลยว่าตั้งแต่รู้จักกับเขามา เพลงของแทททูคัลเลอร์ผมก็ฟังมาหมดทุกเพลงแล้วล่ะ

            ค่อยๆเกากีต้าร์เบาๆไปตามจังหวะ 

            “จากวันนั้นที่เราพบกัน แม้ว่ามันจะดูไม่นาน แต่ตัวฉันในทุกๆวันมันยังร้อนใจ”

            นัยน์ตาสวยๆที่จ้องหน้าผมนิ่งๆทำให้ใจผมสั่น ใจสั่นอย่างเดียวไม่พอ

            มือสั่นด้วย

            “เก็บไปเพ้อให้ใครเขาฟัง คิดแต่เรื่องเดิมๆทั้งวัน อยู่อย่างนี้ จนใจฉันเก็บมันไม่ไหว … เอี๊ยด”

            “บอด”

            พี่กันบ่นเสียงแข็ง ผมยื่นกีต้าร์ให้เขาพลางทิ้งหน้าลงบนหมอนแล้วพูดเสียงอู้อี้ใส่
           
            “เล่นเองเลยไป!”

            เขาหัวเราะเสียงดัง สักพักเสียงเกากีต้าร์เบาสบายนุ่มหูก็ดังขึ้นข้างๆ พร้อมกับเสียงทุ้มๆของพี่กันที่ร้องออกมาแผ่วเบา ราวกับว่าอยากให้ผมได้ยินเพียงแค่คนเดียว

            “มีคำๆหนึ่ง เกิดขึ้นแล้วข้างในใจ ฟังเพียงเธอฟัง แค่เท่านั้นก็พอใจ”

            “ถ้าฉันชอบเธอ ให้ฉันบอกเธอได้ไหม ว่าฉันชอบเธอ ให้ฉันบอกเธอวันนี้ จากนี้ที่เธอฟัง จะคิดเป็นเช่นไร ก็คงไม่สนใจ แค่เพียงได้บอกฉันพอใจ”

            พอร้องจบ ผมก็เงยหน้าไปมองเขา เราสบตากันไม่ถึงห้าวินาทีก่อนจะหันหน้ากันไปคนละทาง ผมหันไปซุกกำแพงจนแทบจะรวมร่างกลายเป็นผนังคอนกรีต ส่วนพี่กันน่ะผมไม่รู้ว่าเขาจะทำสีหน้าแบบไหนออกมา แต่ที่รู้ๆกลิ้งไปอยู่ปลายเตียงแล้ว

            พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง

            ฮือๆ

            ไอ้บ้าไอ้บอแท้ๆ

            กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่โทรศัพท์ของพี่กันดังขึ้นนั่นแหละ เขาปลีกตัวออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง ส่วนผมก็ลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ตบหน้าตัวเองเบาๆสองสามทีแล้วหันไปมองรอบๆตัว

            เตียงที่นอนได้แค่คนเดียว เวลาเพื่อนสนิทมานอนที่ห้องเขาก็มักจะนอนที่พื้นตลอด
           
            พี่กันจะนอนพื้นได้มั้ยนะ

            “ไอ้เชี่ยหมอ!!!” เสียงตะโกนดังมาจากตรงระเบียงห้อง เหมือนพี่กันจะคุยกับพี่หมอสี่อยู่ ผมเลยลุกไปแปรงฟันเพื่อเตรียมเข้านอน

            กลุ่มผมที่ปิดหน้าผากอยู่ถูกรวบขึ้นไปลวกๆด้วยหนังยางมัดกับข้าวจนกลายเป็นน้ำพุขนาดย่อมๆอยู่บนหัว จัดการทาครีมและแปรงฟันด้วยเวลาอันรวดเร็ว 

            พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าพี่กันกลับมานั่งคุยโทรศัพท์ในห้องแล้ว เขาโยนหมอนที่ผมเตรียมไว้ให้ลงบนพื้นโดยไม่เอ่ยปากถามผมสักคำว่าจะให้เขานอนตรงไหน แล้วเขาก็ทิ้งตัวลงไปนั่งที่พื้นแคบๆทันที ผมกะพริบตาปริบๆมองพี่กันแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง

            พี่เป็นคนดีเกินไปหรือเปล่าเนี่ย

            “พี่กัน” เรียกเขาเสียงแผ่ว แต่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย คุยโทรศัพท์ไปมือก็เอื้อมไปหยิบโคมไฟที่ตายอย่างอนาถมากดๆเล่น

            “กูคุยกับมันแล้ว มึงก็ไปถามมันดิ เออ ก็เดี๋ยวดูอีกที อาทิตย์นี้ไปไหน อ่อ อัมพวาอ่ะนะ”

            อาทิตย์นี้เขาจะไปเที่ยวเหรอ

            “หือ อ้าวเหรอ งานบอลมีตอนไหนวะ … ไม่รู้เดี๋ยวถามน้องก่อน”

            คนตัวสูงละสายตาจากโคมไฟมาสนใจผมแทน พอเขาหันมาเห็นหน้าผม ก็ทำตาโตใส่เหมือนตกใจอะไรบางอย่าง ผมเอียงคอมองเขาเล็กน้อย

            เป็นไรอ่ะ

            “แค่นี้ก่อนนะ … ตัวขี้เหงามันทำหน้าอ้อนแล้ว”

            พี่กันวางโทรศัพท์ลงที่พื้นข้างหมอนของเขาพลางถอนหายใจออกมา

            “กอด”

            “หือ” ทำไมทำหน้าดุล่ะ ผมทำไรผิดเหรอ

            “เมื่อตอนเกิด แม่กินมายเมโลดี้เข้าไปเหรอ”

            หา

            “มายเมโลดี้อะไรอ่ะ”

            “กระต่ายที่หน้าตากุ๊งกิ๊งๆอ่ะ”

            “กุ๊งกิ๊ง?”

            “หน้ามึงอ่ะ โอ้ยใจพี่” คนตัวสูงพูดพลางกุมอก “มายเมโลดี้ๆ แต่กูเนี่ยคิดไม่ดี้”

            พี่กันบ่นพึมพำแล้วนั่งสั่นขาดิ๊กๆเหมือนคนผีเข้า บ่นไปก็มองหน้าผมไป

            “หายใจเข้าลึกๆ ท่องนะโมสามจบ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุท…โถ่เว้ยทนไม่ไหวแล้ว!” ดวงตาเรียวสวยหันมาสบกับผม หรี่ลงเหมือนกำลังพินิจพิจารณาอะไรบางอย่าง

            “ปล่อยไปตอนนี้เสียดายตายห่าแน่ๆ”

            ท่าไม่ดีแล้ว ชิงหนีก่อนดีกว่า

            “ผมนอนละ”

            “ช้าไป”

            แขนยาวๆเอื้อมมาดึงแขนของผม พูดง่ายๆว่ากระชากมากกว่า คนตัวสูงกระชากผมจากเตียงร่วงลงไปหาเขา ผมรีบตะเกียกตะกายจะกลับขึ้นเตียงแต่แขนสองข้างของใครอีกคนกั้นเอาไว้เพื่อขังผม พอไปไหนไม่ได้ก็เลยต้องหันไปเผชิญหน้า แผ่นหลังของผมสัมผัสกับฟูกนุ่มๆของเตียง สบตาเข้ากับนัยน์ตาสีสวยของเขาจนใจเต้นรัว

            “ห้ามไปทำหน้าตาแบบนี้ใส่ใครเด็ดขาด” พี่กันดึงหนังยางที่มัดน้ำพุบนหัวของผมออก ปรอยผมที่ถูกมัดเลยตกลงมาปรกหน้าเช่นเคย

            “กูไม่อนุญาต”

            เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาริมฝีปากของพี่กันก็บดเบียดลงบนริมฝีปากของผม ผมสะดุ้งพลางขืนตัวออกจากแผ่นอกกว้างๆนั่น จูบเบาๆครั้งแรก หรือจูบละเมียดละไมครั้งที่สอง เทียบไม่ติดเลยกับจูบครั้งนี้

            จูบครั้งที่สาม ผมตั้งชื่อให้เลยว่า จูบกระชากวิญญาณ

            จูบเบาๆละเมียดละไมค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เสียงหอบหายใจของผมและเขาตอกย้ำถึงสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ อุณหภูมิร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเหมือนจะเป็นไข้ มากไปกว่านั้นใจของผมเต้นรัวเพราะความรู้สึกที่กลั้นไว้ไม่อยู่

            ไม่ไหวแล้ว

            จะตายอยู่แล้ว

            ริมฝีปากของคนตรงหน้ากดย้ำๆซ้ำๆลงมาหนักๆแบบไม่ปล่อยให้ผมได้หายใจเลยสักนิด

            “อื้อ”

            มือของผมทุบแขนของพี่กันเบาๆเมื่อกำลังจะขาดอากาศหายใจ พอเห็นแบบนั้นเขาก็ถอนริมฝีปากออกไปแค่เพียงช่วงเดียว ผมรีบโกยอากาศเข้าปอด ยังไม่ทันจะได้หายใจเต็มที่เขาก็กดริมฝีปากลงมาใหม่ มือข้างหนึ่งของพี่กันจับแขนของผมเอาไว้ ในขณะที่อีกข้างค่อยๆเลื่อนเข้ามาภายใต้เสื้อนอน ฝ่ามืออุ่นๆสัมผัสลงบนแผ่นหลังเล่นเอาผมสะดุ้งตัวโยน

            ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัว กลัวว่ามันจะไปไกลกว่านี้

            ถ้าไปไกลกว่านี้ล่ะก็

            ตายแน่

            นิ้วเรียวๆของพี่กันไล่ไปตามเส้นกระดูกสันหลัง เหมือนเขารู้ว่าส่วนไหนเป็นจุดอ่อนของผม ปลายนิ้วกดลงไปบนเส้นกระดูกจากนั้นเขาก็ลากมันไล่ลงมา ผมร้องเสียงหลง

            ไม่ดีเลยแบบนี้ ไม่โอเคต่อหัวใจเลย

            ผมเคยสงสัยว่าคนที่เขินจนลมออกหูมันเป็นยังไง ตอนนี้ได้คำตอบเรียบร้อยแล้วครับ

            “ฮึก” 

            อาการสะอึกที่แทรกขึ้นมาทำให้การกระทำทั้งหมดของคนตัวสูงหยุดชะงัก ริมฝีปากของคนตรงหน้าถอนออกไปอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนผมก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองที่สะอึกไม่ยอมหยุด

            “อึ๊ก”

            ‘พรืด’

            พี่กันขำพรืดออกมาแบบไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด ผมมองเขาตาขวาง

            “ถึงกับสะอึกเลย”

            “อึก”

            “ตัวนิ่มเอ้ย” ฝ่ามืออบอุ่นขยี้เบาๆลงบนกลุ่มผมของผม มันยุ่งอยู่แล้วเขาก็ยังจะทำให้มันยุ่งมากเข้าไปอีก เหมือนพี่กันจะยังไม่พอใจ เขาขยี้หัวผมสนุกมือจนผมต้องปัดมือเขาออก

            “ฮึก อย่าเล่น หัวยุ่ง”

            มือหนักๆผลักหัวผมเบาๆ

            “มึงนั่นแหละตัวยุ่ง”

            “เกลียดพี่แล้ว อึก”

            “เถียงเหรอ ปล้ำสักทีมะ”

            “ไม่”

            ผมยกเท้าถีบเอวเขาเบาๆจนเขาเซ รีบปีนกลับขึ้นไปบนเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนทั้งๆที่ใจยังเต้นรัวไม่หาย สะอึกไม่ยอมหยุดสักทีจนต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากัน รสชาติของยาสีฟันรสมิ้นท์ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นอยู่เลย

            อยากขอบคุณที่ตัวเองสะอึกออกมา ถ้าขืนไปไกลกว่านี้ล่ะก็

            แย่แน่ๆ

            ผมนอนสะอึกอยู่สักพักก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนจ้องอยู่ สายตามองเลยขึ้นไปยังผนังสีขาวข้างเตียงก่อนจะสบตาเข้ากับเจ้าของเสียงที่ทักกันตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาในห้อง จิ้งจกวัยรุ่นสบตากลับมา ตาแป๋วดำๆกลมๆจ้องมาที่ผม หางของมันสะบัดซ้ายขวาดุ๊กดิ๊ก…

            “เฮ้ย!!!”

            ผ้าห่มถูกถีบลงจากเตียง ผมรีบพุ่งลงไปหาคนที่นอนอยู่ด้านล่างจนเขาจุก พี่กันร้องเสียงหลง

            “เชี่ยกอด!”

            “จิ้งจก! อึ้ก”

            “จิ้งจกก็จิ้งจก แต่กูเนี่ย จุก!”

            คนตัวสูงกุมท้องแล้วดันผมลงไปนอนข้างๆ พี่กันลุกไปหยุดอยู่ข้างกำแพงพลางใช้มือเปล่าๆนั่นแหละจับจิ้งจกมาถือเอาไว้ เขาหันมามองผมแล้วยิ้มมุมปาก

            “ห้ามแกล้งนะ ฮึก เอามันออกไปข้างนอกเลย!” ผมตะเบ็งเสียงใส่เขาทั้งๆที่ยังสะอึกไม่หยุด

            ไม่เล่นนะโว้ยย ตัวนี้ไม่เล่น!

            แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะนอกจากพี่กันจะไม่ขยับตัวแล้ว ยังเอาจิ้งจกไปวางลงบนไหล่ของเขาแล้วคุยกับมันเป็นเรื่องเป็นราว

            “เขารังเกียจเราทำไมอ่ะคริสโตเฟอร์ พี่ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ เราออกจะหน้าตาน่ารัก จริงมั้ย” คริสโตเฟอร์ของเขากำลังจะกระโดดไปที่แขน แต่พี่กันจับมันเอาไว้แล้วยื่นมาตรงหน้าผม

            เชี่ย!

            “พี่กัน!!”

            ผมทำหน้าจะร้องไห้

            “ถ้าพี่ไม่เอามันออกไป อึ้ก พี่ก็ต้องออกไปจากห้อง!!”

            “อูย โดนดุแล้วอ่ะ”

            “เอาออกไปเดี๋ยวนี้!”

            “คร้าบๆ” คนตัวสูงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ประตูห้องพลางเปิดออก ยังไม่วายกล่าวลากับเพื่อนรักสัตว์โลกของเขา “ลาก่อนนะคริสโตเฟอร์ แฟนพี่ไม่ชอบนาย เราก็ไปกันไม่รอดอ่ะ”

            เขากลับเข้ามาพลางยิ้มหวานให้ผม

            “โกรธจริงๆนะ”

            “โอ๋ๆ”

            พี่กันเดินเข้ามาหยิกแก้มผม เขาทำท่าจะลงไปนอนที่พื้นแต่ผมยื้อเสื้อของเขาเอาไว้ คนตัวสูงหันมาทำหน้างงๆใส่ ถ้าเจอหนึ่งตัวในห้อง แสดงว่ามันอาจจะมีพ่อแม่ลูกและเพื่อนอาศัยอยู่ด้วย ดังนั้นสัญชาตญาณบอกว่า อย่าวางใจเด็ดขาดว่ามันจะไม่มีอีกตัว

            “พี่นอนข้างกำแพงได้ป่ะ กลัวมันมีอีกตัวอ่ะ อึ้ก” ผมทำหน้าขอร้องเขา กับจิ้งจกนี่สู้ไม่ไหวจริงๆ ผมเองก็กลัวไม่แพ้พี่หมอสี่เลย พอเห็นแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆแล้วเป็นฝ่ายเข้าไปนอนชิดริมกำแพงแทน

            “ยังไม่หายสะอึกอีก”

            “ก็เพราะใครล่ะ”

            เตียงแคบๆที่มีไว้นอนคนเดียว แต่วันนี้กลับมีใครอีกคนมานอนอยู่ข้างๆ ผมซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างๆของพี่กัน สะอึกอยู่ข้างๆเขาแบบนั้นก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพราะความเหนื่อยล้า

            จะว่าไป นอนด้วยกันแบบนี้ ก็อบอุ่นดีเหมือนกันแฮะ

            “ฝันดีตัวนิ่ม”

            “ฝันดีพี่หมี”






// TALK

Jw : ผู้ชายรักสัตว์เขาว่าน่ารัก แล้วผู้ชายรักจิ้งจกล่ะน่ารักป่ะ

กอด : หน้า*ปี๊บ* (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

กัน : ทำไมต้องรังเกียจคริสโตเฟอร์ของพี่ด้วยอ่ะ ไม่เข้าใจ

Jw : บาย



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #541 เมื่อ16-12-2017 11:41:57 »

 :m20: น่ารัก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #542 เมื่อ16-12-2017 12:34:29 »

เพราะจิ้งจกเชียวที่ทำให้พี่กันได้นอนบนเตียงกับน้อง :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #543 เมื่อ16-12-2017 14:52:17 »

น้องงงง อยากเห็นตอนมัดผมจุกน้ำพุ :katai2-1: :fox2: :angellaugh2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #544 เมื่อ16-12-2017 15:00:43 »

คริสโตเฟอร์และปองเพื่อนเลยอดเป็นพยานรักของทั่งสองเลยอ่า555

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #545 เมื่อ16-12-2017 17:10:39 »

คุยกับจิ้งจกด้วยอะ 55555555

รอติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #546 เมื่อ16-12-2017 21:32:00 »

วรั้ย เขินเลย :o8:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #547 เมื่อ16-12-2017 21:49:48 »

 :pig4:

ออฟไลน์ AutoAngels

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #548 เมื่อ17-12-2017 02:04:21 »

พี่กันน่ารักมากๆเลยน้องกอดก็น่าฟัด55555มาต่ออีกนะคะ :o8:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #549 เมื่อ17-12-2017 06:55:18 »

ขอบคุณ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
« ตอบ #549 เมื่อ: 17-12-2017 06:55:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 25 {16.12.60}
«ตอบ #550 เมื่อ17-12-2017 08:04:01 »

พี่กันอดไปนะคร้าาาา

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #551 เมื่อ17-12-2017 13:29:34 »

Chapter 26
อัมพวาอมพะนำ
(ลุงรหัส x หมอสี่)

 

            อากาศร้อนๆของประเทศไทยทำให้ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวได้ตลอดเวลา แต่ใครก็ไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับไอ้คนที่ยืนหน้ามึนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ท้ายรถฟอร์จูนเนอร์คันใหญ่ที่ขนเพื่อนมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาในวันอาทิตย์แบบนี้

            “ทะเลาะกับมันอีกแล้วเหรอ”

            ไอ้หล่อเดินเข้ามาหา ผมพยักหน้าเบาๆ

            วันนี้ไอ้กันแต่งตัวดีเหมือนเคย เสื้อผ้าเนื้อบางระบายความร้อนกับกางเกงผ้าสีดำขายาวเลยตาตุ่มขึ้นมาเล็กน้อยและรองเท้าผ้าใบคู่โปรดของมัน เซ้นส์ด้านแฟชั่นดีกว่าพวกนายแบบอีกครับ แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูก ด้วยความที่หุ่นมันดี ขาแขนยาวแต่ไม่ดูเก้งก้าง รับกับช่วงตัวได้เหมาะเจาะ เวลาหยิบจับอะไรมาใส่ก็เลยดูดีไปหมด

            เพราะแบบนี้ไงแมวมองถึงได้มาทักบ่อย แต่กันมันก็ปฏิเสธไปทุกรอบเพราะความตั้งใจจริงๆของมันคือการเปิดร้านโดนัทเป็นของตัวเอง

            “เรื่องอะไรอีกวะ”

            “แมว”

            “เอ้า ทำไมอีก ไอ้แมวมันทำไร”

            “เตะกันดั้มตก”

            “เชี่ย” ไอ้กันสบถ

            “เออกูรู้ว่าแมวมันผิด แต่มันก็แค่แมวป่ะวะ ถ้ามันฉลาดมันจะเกิดเป็นแมวเหรอ” ผมบ่น แมวมันจะไปรู้มั้ยว่ากันดั้มมันแพง ก็รู้ว่าเลี้ยงแมวมันซน ทำไมไม่เอากันดั้มไปเก็บไว้ในตู้ ทำไมถึงเอามาตั้งไว้บนโต๊ะ

            ทำอะไรไม่เข้าท่า

            แล้วมาลงกับแมว ไอ้บ้าเอ้ย

            “พี่หมอ สวัสดีครับ” น้องกอดที่เพิ่งลงมาจากรถเดินมายกมือไหว้ผม ผมรับไหว้พลางส่งยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง

            พอเห็นการแต่งตัวของน้องวันนี้แล้ว ก็อดหันไปกระทุ้งแขนใส่เพื่อนไม่ได้

            เสื้อยืดสีขาวใหญ่กว่าช่วงตัวเล็กน้อย กางเกงยีนส์สีซีดตัวโปรดที่เจ้าตัวชอบใส่ พับขากางเกงขึ้นมานิดๆกับรองเท้าผ้าใบสีขาว กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่ดูนุ่มนิ่มเหมือนสายไหม

            ไม่แปลกใจที่ทำไมไอ้กันถึงรักหลงน้องได้ขนาดนี้ มันเป็นคนชอบอะไรน่ารักๆ ซึ่งน้องเนี่ยน่ารักเหมือนกระต่ายในไลน์ที่ไอ้กันมันชอบนั่นแหละ แต่ความน่าเอ็นดูไม่ใช่เพราะกอดมันตัวเล็กหรืออะไรนะครับ ตัวน้องก็ระดับผู้ชายทั่วๆไป ไม่ผอมไม่อ้วน ตากลมจมูกรั้นๆ

            ถ้าไม่รู้จักอาจจะคิดว่าน้องเป็นคนค่อนข้างจะโลกส่วนตัวสูง แต่พอได้รู้จักแล้ว น้องก็โลกส่วนตัวสูงนั่นแหละครับ แค่ไม่สูงเวลาอยู่กับไอ้กัน

            พอลงจากรถกันครบ พวกเราก็ค่อยๆทยอยเดินเข้าไปในตัวตลาดน้ำอัมพวาตอนบ่ายแก่ๆที่แดดร้อนจัดไม่ต่างอะไรกับตอนเที่ยงตรง ทริปครั้งนี้เป็นเพียงแค่ทริปไปกลับ พรุ่งนี้ผมเองก็มีสอบเลยไม่สามารถค้างกับเจ้าของบ้านได้ น้องกอดก็มีสอบ ไอ้กันก็ติดทำเปเปอร์

            ที่มานี่เพราะไอ้เพ้อเจ้าของบ้านมันจะพาทัวร์ดูหิ่งห้อย เห็นบอกว่าช่วงนี้หิ่งห้อยออกมาเยอะ อยากให้เพื่อนๆได้มาเห็นเป็นบุญตา ถ้าเลยอาทิตย์นี้ไปก็จะไม่เยอะเหมือนตอนนี้แล้ว ก็เลยตัดสินใจมากัน

            ผมเลือกที่จะเดินไปกับไอ้เพ้อและไอ้เจ้อ หลายคนคงสงสัยว่านี่ชื่อคนจริงๆมั้ย ไม่ใช่ครับ มันคือฉายาที่ผมและไอ้กันเรียกไอ้สองนรกนี่เพราะความเข้ากันดีเหมือนแฝด ก็เลยเรียกคนนึงว่าไอ้เพ้อ และเรียกอีกคนว่าไอ้เจ้อ เรียกรวมๆกันก็เป็นไอ้พวกเพ้อเจ้อนั่นเอง

            “ทำไมมึงไม่เดินกับหนวดวะ” ไอ้เจ้อหันมาถามผมที่ปกติจะเดินตัวติดกับแฟน

            แต่วันนี้แฟนเป็นบ้า เลยไม่อยากเดินด้วย

            “มันเตะแมวกู”

            “หุ๊ ทาสแมวอย่างกูของขึ้นเลย!”

            “ลบหลู่แมวเหรอไอ้ฉัด” ไอ้เพ้อมันเสริม

            “แล้วทำอิท่าไหนเตะแมววะ ไอ้แมวมันทำไร”

            “เตะกันดั้มตก”

            “เช้ด!!! ถ้าเป็นกูกูก็เตะ”

            “เชี่ยเจ้อ”

            เห็นด้วยหางตาแหละครับว่าไอ้หนวดมันพยายามจะเข้ามาชวนคุย แต่เพราะผมไม่อยากคุยด้วย มันก็เลยถอยๆห่างไปเดินกับน้องกอดลูกรักของมันแทน

            ไอ้เพ้อพาพวกผมมากินก๋วยเตี๋ยวต้มยำก่อนจะแวะซื้อของกินติดไม้ติดมือกันเล็กน้อย
           
            “กอด”

            กันเรียกกระต่ายน้อยของมันเข้าไปหาพลางเอาหูกระต่ายมาสวมให้ ผมหัวเราะเมื่อเห็นหน้าบูดๆของน้อง ไอ้กันก็ขำจนตัวงอ

            ไม่ต้องมีแหละดีแล้ว น้องก็น่ารักอยู่แล้ว

            “อ่ะ” ถุงทอดมันถูกยื่นมาตรงหน้าผมระหว่างที่กำลังยืนเลือกของฝากให้กับเพื่อนแก๊งหมออยากติว ผมหันไปมองผู้ชายหน้าตาดีไม่แพ้ไอ้กัน ยิ่งมันโกนหนวดโกนเคราตัดผมทำตัวเหมือนคนปกติแล้ว สาวๆนี่มองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว

            ตลกดีที่เวอร์ชั่นนี้ไม่ใช่เวอร์ชั่นที่ผมตกหลุมรัก ผมตกหลุมรักอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่น้องกอดเคยทักว่าเหมือนช่างแอร์ พอเห็นมันตัดผมโกนหนวดออกแล้ว ถึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาโดนตบตามาตลอด

            แต่ตอนนี้ผมงอนมันอยู่ครับ

            ดังนั้นจะไม่คุยด้วย

            ผมหันกลับมาสนใจแม่เหล็กติดตู้เย็นต่อ เลือกไปเกือบสิบอันแล้วเดินดุ่มๆหนีออกมา

            “พี่หมอ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของน้องกอดดังขึ้นใกล้ๆ ผมมองคนที่เดินมาเทียบด้านข้าง ในมือน้องกอดของกินเต็มไปหมด สายกินไม่แพ้ไอ้กันถึงว่าอยู่ด้วยกันได้

            “หือ”

            “ลุงฝากมาถามว่ายังไม่หายโกรธเหรอ” เจ้าหนูจำไมทำหน้าสงสัย

            “มันเตะแมวพี่อ่ะ”

            “โห ใจบาปอ่ะ”

            เห็นมะ กอดยังเข้าข้างผมเลย

            “ใช่มะ คนเตะแมวไม่น่าคุยด้วยอ่ะ”

            “ผมก็ไม่อยากคุยกับพี่กันเหมือนกัน” อ้าว

            “ทำไมอ่ะ”

            “ไม่กี่วันก่อนพี่กันจับจิ้งจกมาเล่นแล้วเรียกชื่อมันว่าคริสโตเฟอร์”

            ผมหัวเราะจนท้องแข็ง

            เมื่อตอนเรียนม.ปลายกับไอ้กัน ตอนคาบชีววิทยา ก็ได้มันเนี่ยแหละเป็นคนผ่าจิ้งจกให้ครับ ผมเป็นคนกลัวจิ้งจกมาก กลัวจนแบบถ้ามีมันอยู่ในบ้านหรือในห้องนอนล่ะก็จะทำอะไรไม่ได้เลย จะระแวงไปหมด ซึ่งไอ้กันอ่ะมันรักจิ้งจกมาก ผ่าไปก็บ่นไปบอกขอให้ไปสู่สุขคตินะ ตลกตรงที่เมื่อหลายปีที่แล้วมันก็เรียกจิ้งจกว่าคริสโตเฟอร์

            แล้วตอนนี้มันก็มาเรียกจิ้งจกตัวใหม่ว่าคริสโตเฟอร์อีก

            ตกลงมีคริสโตเฟอร์กี่ตัวบนโลกวะเนี่ย

            “อย่าไปสนใจมันเลย เรียนหนักก็งี้”

            เดินเล่นกันอยู่เกือบชั่วโมง ไอ้เพ้อก็ไลน์มาบอกว่าให้ไปเจอกันที่ท่าเรือ

            ไอ้เพ้อมันจองเรือแบบเหมาลำครับ มันบอกว่าไกด์ไม่ต้อง เดี๋ยวมันบรรยายเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเด็กผู้ซึ่งโตมากับน่านน้ำแห่งนี้เถอะ มันว่างั้น

            ผมมองไอ้กันที่ประคองน้องกอดลงไปในเรือ คือน้องอ่ะดูแลตัวเองได้ แต่เพื่อนผมอ่ะมันขี้เวอร์

            ทุกคนทยอยลงเรือกันหมดแล้วเหลือผมคนสุดท้าย ไอ้หนวดยื่นมือมาเพื่อจะประคองผมลงเรือบ้าง แต่ผมโกรธมันอยู่ไง ดังนั้นแตะตัวก็อย่าหวัง

            ขาของผมก้าวลงไปด้านท้ายของเรือ แต่พลาดไปเล็กน้อยเลยสะดุดหัวจะทิ่ม ไอ้หนวดมันรีบดึงตัวผมให้กลับมายืนตัวตรง สายตาเงียบๆปนน่าสงสารถูกส่งมาให้

            เหมือนจะบอกในใจว่า ขอโทษนะที่เตะลูก ไม่ได้ตั้งใจ

            หึ

            ฝันเถอะ

            ต่อให้ทำหน้าหงอยก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ

            “ขอบใจ” ผมพูดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงด้านหลังไอ้กัน ผู้ชายใจทรามทิ้งตัวลงนั่งด้านหลังของผม พร้อมกับเรือที่ค่อยๆแล่นออกไปจากฝั่ง

            ลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้าหน้าทำให้ผมหลับตาลงแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด การเรียนหมอมันหนักครับ ยิ่งหมอปีสามอย่างผมเนี่ย แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งจะสอบ อาทิตย์นี้สอบเพิ่มอีกแล้ว จากที่เป็นคนขี้เกียจๆสมัยมัธยม การอยู่มหาลัยบังคับให้ผมกลายเป็นคนขยันขึ้นมาโดยปริยาย

            ไกด์เถื่อนที่นั่งอยู่หัวเรือไอกระแอมเล็กน้อย

            “สวัสดีครับ ขอแนะนำตัวก่อน กระผมไกด์ยุงบินชุม มาจากเกาหลี ยินดีที่ได้นำท่านเข้าสู่น่านน้ำอัมพวาเพื่อทัวร์ชมห้อยหิ่งในวันนี้”

            “หิ่งห้อย!!” ทุกคนตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน ไอ้เพ้อยิ้มเผล่ พี่คนขับเรือหลุดขำออกมา

            “ครับ หิ่งห้อย ขอให้ท่านผู้โดยสารตั้งใจฟัง เนื่องจากตอนนี้เป็นหน้าฝน ขอให้ทุกท่านโปรดระมัดระวังยุงบินชุม ใต้ที่นั่งของท่านจะมียากันยุงชนิดโลชั่นกลิ่นมาดามหอมชื่นใจ ขอให้ทุกท่านที่สวมเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้นชะโลมยากันยุงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”

            เห็นหรือยังครับ ว่าชื่อเพ้อเนี่ย ไม่ได้มาเล่นๆ

            “ส่วนท่านที่สวมกางเกงยีนส์หรือกางเกงขายาว ไม่ต้องเป็นห่วง ยุงที่นี่เป็นยุงสายพันธุ์ไดโนเสาร์ อายุประมาณสามร้อยล้านปี พัฒนามาจากทีเร็กซ์ ปากแหลมยิ่งกว่าเข็มเย็บผ้า ต่อให้มึงใส่กางเกงทับสามชั้น มึงก็ไม่รอดหรอกไอ้สัส!”

            “ไกด์ๆ” ไอ้เจ้อโบกไม้โบกมือจะถามคำถาม

            “ว่าไงครับท่านผู้โดยสาร”

            “แล้วถ้าไม่ใส่กางเกงอ่ะ”

            “ไม่ใส่กางเกงมึงก็โป๊ไง!!”

            เกลียดพวกมันจริงๆ ความเข้ากันแบบเลวๆนี้

            ระหว่างที่เรือกำลังแล่น แรงสะกิดเบาๆด้านหลังผมพร้อมกับถุงทอดมันถุงเดิมถูกยื่นมาให้เช่นเคย ผมเมินมันไปอีกครั้ง เท่านั้นแหละ นิ้วเรียวๆของคนข้างหลังเลยสัมผัสกับต้นคอที่เป็นจุดอ่อนเล่นเอาผมสะดุ้ง หันไปจะอ้าปากด่า แต่พอเจอสายตาเรียบๆนิ่งๆที่ส่งกลับมาให้แล้ว สุดท้ายก็ต้องยอมรับถุงทอดมันมาแต่โดยดี

            ผมชอบกินทอดมันมากๆ ซึ่งไอ้หนวดมันรู้อยู่แล้ว

            ที่รับมานี่ไม่ใช่ว่าใจอ่อนหรอกนะ … รำคาญ

            เรือแล่นไปตามแม่น้ำที่ผมไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไร รอบๆบริเวณเริ่มมืดลงไปจนพี่คนขับเรือต้องเปิดไฟเพื่อระบุตัวตนว่ามีเรืออยู่ตรงนี้นะ ไม่อย่างนั้นชนกันตายแน่ๆครับ

            “ขออภัยที่ขัดจังหวะการพักผ่อนของทุกท่าน ขณะนี้เราล่องเรืออยู่บนแม่น้ำแม่กลอง”

            “ไม่ค่อยมันเลยว่ะ” ไอ้กันตะโกนใส่เพื่อนมัน
           
            “ไม่ค่อยมันมึงก็ไปหยิบปิ๊ก แล้วมันก็จะเป็นแม่น้ำแม่กีต้าร์ แล้วถ้ามึงยังมันไม่พอ ก็ไปหาเบสมาแล้วตั้งวงซะ ถุ๊ย มุกควายแบบนี้เล่นไปได้ยังไง”

            “เออ!!!”

            เสียงหัวเราะดังขึ้นภายในตัวเรือ ผมนั่งมองไอ้กันที่คอยดูแลน้องกอดเป็นระยะๆ พอเห็นว่าน้องหนาวมันก็เอาเสื้อมาคลุมให้ เห็นว่าน้องหิวก็เอาขนมมาป้อน พอเห็นภาพตรงหน้าก็เผลอยิ้มออกมา

            ผมไม่รู้สึกอิจฉาอะไรเลย แต่รู้สึกดีใจแทนน้องกอดที่ได้เจอคนอย่างไอ้กัน และดีใจที่กันได้เจอคนที่รักมันมากๆแบบน้องกอด กันมันเป็นผู้ชายที่ปากร้ายแต่ใจดีอ่ะครับ ถึงจะดูเหมือนเล่นๆไปแบบนั้น แต่จริงๆมันแคร์คนรอบตัวมากๆ  แต่ถ้าถามว่ามันดีขนาดพ่อพระอย่างพี่ชายของมันมั้ย ก็ขอตอบว่าไม่

            เวลามันอยู่กับเพื่อน กันมันเป็นคนอารมณ์ร้าย โมโหง่าย แต่กับน้องกอดของมันเนี่ย ไม่เคยแสดงด้านนั้นออกมาเลย เหมือนคนละคนกับไอ้กันที่ผมรู้จักตอนสมัยมัธยมที่เป็นหัวโจกแก๊งป๊อกกี้ คุมร้านเกมอยู่แถวหน้าโรงเรียน

            เป็นผู้ชายที่เถื่อนตามชื่อนั่นแหละ แต่ชอบของน่ารักๆอย่างเช่นหมีบราวน์ ถวายตัวเป็นสาวกมาตั้งแต่ม.สี่จนตอนนี้ปีสามก็ยังเสียเงินซื้ออยู่ตลอด

            ถ้าอยากรู้ว่านิสัยจริงๆของเพื่อนผมคนนี้เป็นยังไง ขอแนะนำให้เล่นเกมกับมันซักตาครับแล้วมันจะเผยธาตุแท้ออกมา

            กลิ่นฝนที่ลอยมาแตะจมูกบ่งบอกว่าอีกไม่นานฝนคงตก เรือค่อยๆแล่นไปเอื่อยๆขณะที่ผ่านต้นลำพู ตอนแรกๆเราเห็นหิ่งห้อยไม่กี่ตัว ต้องเพ่งนานอยู่กว่าจะเห็น แต่พอล่องมาสักพัก คราวนี้แหละอย่างกับต้นคริสต์มาสเลยครับ

            วิบวับมาก

            เสียงไกด์เถื่อนดังขึ้นแผ่วๆ

            “ขอให้ทุกท่านมองไปทางขวาของตัวเรือนะครับ ชุดใหญ่ไฟกะพริบมากๆ”

            “เหมือนต้นคริสต์มาสเลย” น้องกอดโพล่งออกมา

            ทุกคนบนเรือพร้อมใจกันเงียบเพราะไม่ต้องการให้หิ่งห้อยตกใจ ผมที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ได้แต่นั่งอึ้งในความสวยของธรรมชาติ ล่าสุดที่ได้ไปเที่ยวก็ตอนไปเขาใหญ่ หลังจากนั้นก็มัวแต่ขลุกอยู่กับหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง พอได้มาเห็นอะไรสวยๆแบบนี้ ก็เลยปริ่มใจไปเลยครับ

            นั่งเงียบๆอยู่คนเดียวสักพัก มือของหนวดที่แตะลงเบาๆบนไหล่ของผมทำให้ผมต้องหันไปมองหน้ามัน ใบหน้าซึมๆเหมือนหมาหงอยนั่นทำให้ผมถอนหายใจออกมา

            สุดท้ายก็ใจอ่อนจนได้นั่นแหละ

            ผมวางมือของตัวเองลงบนฝ่ามือของหนวดก่อนเจ้าตัวจะกุมมันไว้แน่น ไม่รู้ว่ามันทำหน้าแบบไหน แต่คงจะคลี่ยิ้มออกมานั่นแหละ เราสองคนมองหิ่งห้อยที่ส่องแสงกะพริบสวยบนต้นไม้ด้านหน้า

            สวยจนพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ

            เรือค่อยๆแล่นออกไปตามทางหลังจากที่เราเก็บภาพเก็บรรยากาศกันจนหนำใจ พอออกห่างจากบริเวณที่มีหิ่งห้อย ไอ้เพ้อกับไอ้เจ้อก็หันมาเล่นมุกกันอีกครั้ง

            “เมื่อกี้ที่เห็นห้อยอยู่บนต้นไม้นะครับ เราเรียกว่าหิ่งห้อย”

            “แต่ถ้าห้อยนานๆก็จะเมื่อยนะครับ ก็เลยขอแนะนำว่าให้วาง”

            “ก็จะเป็นหิ่งวางนะครับ”   

            “ตึ่งโป๊ะ!”

            พวกมึงไปเปิดคณะตลกเห๊อะ

            จริงๆถ้ามีแฟนผมอีกคนล่ะก็ ทริปนี้คงจะเป็นทริปไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยร่วมเลยครับ ติดที่ว่าไอ้หนวดมันกำลังง้อผมอยู่ มันก็เลยไม่กล้าไปเฮฮากับไอ้สามหน่อนั่น

            เรือยังคงแล่นไปเรื่อยๆท่ามกลางความมืด พอเห็นว่าผมยอมลงให้แล้ว ไอ้หนวดมันก็กระเถิบลงมานั่งข้างๆแล้วโอบเอวผมเอาไว้ ผมตีมือมันแล้วชี้ไปข้างหลัง

            พี่คนขับเรือนั่งหัวโด่อยู่ตรงนั้น มองไม่เห็นหรือไง

            “คิดถึงคุณนี่”

            “กลับบ้านไปขอโทษลูกด้วย”

            ไอ้หนวดทำหน้าบูด

            “ก็แมวคุณมัน…” ผมยกนิ้วชี้หน้าไอ้หนวด เรื่องอื่นยอมได้ แต่เรื่องลูกนี่พูดให้มันดีๆนะมึง

            “โอเคๆ จะกลับไปจูบตีนจูบไข่ลูกเลยอ่ะ”

            “เออ แล้ววันหลังกันดั้มอ่ะเก็บเข้าตู้ซะ ถ้าลูกเปิดตู้แล้วเอากันดั้มออกมาพัง กูจะยอมให้เตะลูกเลย”

            “จริงเหรอ”

            “ไม่จริง” คนเตะแมวมันคือคนชั่วครับ บอกเลย

            เสียงหัวเราะด้านหน้าเรือยังคงดังเป็นระยะๆ นานๆทีจะได้มาอยู่กับพวกไอ้เพ้อเจ้อ อยู่คนละมหาลัยว่าไกลแล้ว ยิ่งเรียนปีสูงขึ้นก็ยิ่งหาเวลามาเจอกันยากเข้าไปอีก

            “เหงาเหรอ” ผู้ชายตาคมข้างๆถามขึ้น ผมส่ายหน้าเบาๆ ทุกวันนี้อยู่กับพวกไอ้หมออยากติวก็ไม่เหงาแล้วครับ วันๆไร้สาระพอๆกับไอ้สามตัวข้างหน้าเนี่ยแหละ

            “ไม่อ่ะ”

            “ถ้าคุณเหงาก็ไปหาพวกมันบ้างดิ ไปดูพวกมันเตะบอลไรงี้”

            “ก็บอกว่าไม่เหงา”

            “แต่ผมเหงานะ” ดูมัน ดูหนวดมันอ้อน

            ถามว่าสำเร็จมั้ย

            เจอสายตาหมาจ๋อยเข้าไป เสร็จทุกรายนั่นแหละ

            “เออน้องกอดจะเรียนเอกอะไรนะ” ไอ้เจ้อมันถามเด็กที่นั่งเงียบมานานสองนาน อยู่กับผมและไอ้กันน้องกอดพูดเป็นต่อยหอยเลยครับ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆน้องจะเงียบเหมือนเป่าสากเลยอ่ะ

            “อิ้งครับ”

            “อิ้งเหรอ ว้าเสียดายจัง พี่อยากเรียนเกาหลีมากเลยอ่ะ” ไกด์เถื่อนยุงบินชุมมันว่างั้น

            “ทำไมอ่ะ” น้องถาม อยากจะจับน้องกอดยัดใส่กระเป๋าแล้วพากลับบ้านจริงๆอ่ะ ปล่อยให้คุยกับพวกเวรนี่ เดี๋ยวจะโดนล้างสมองเอาซะเปล่าๆ

            “พี่ชอบเกาหลี อยากร้องเพลงเกาหลีได้ รู้จักเพลง pick me ป่ะ”

            น้องกอดส่ายหน้า
           
            “รายการเด็กร้อยเอ็ดอ่ะ” นั่นชื่อรายการจริงๆเหรอ…

            “ไอ้เถื่อนมันชอบคนนึง ตาหวานๆหน่อย ลูกครึ่งๆ”

            “จริงเหรอ”

            ไอ้กันหน้าเหวอไปเลยครับ มันรีบหันไปแก้ตัวกับน้อง

            “ก็ทีวีที่หอมันมีช่องเกาหลี พอเปิดเจอบ่อยๆก็คิดว่าน่ารักดี”

            “ชื่อไรนะเถื่อน โซๆ”

            “โซมี”

            “ไหนร้องเพลงดิ๊ pick me pick me pick me up”

            พอคนหนึ่งร้อง อีกคนหนึ่งก็เต้น ซึ่งน่าประหลาดใจตรงที่

            ไอ้กันมันเต้นได้ด้วยครับ

            ขอไปฟ้องพี่ดิมของมันแปปนะ ปกติมันไม่เคยฟังเพลงของใครเลยนอกจากเพลงแทททูคัลเลอร์สุดที่รักของมัน

 

            เรือค่อยๆเทียบท่าลงพร้อมกับพวกเราที่ทยอยกันขึ้นจากเรือ ไอ้เพ้อกับไอ้เจ้อมันคงไม่กลับหอ ไอ้เพ้อน่ะผมเข้าใจเพราะมันตั้งใจจะกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่ แต่ไอ้เจ้อเนี่ย ไม่ว่าไอ้เพ้อจะไปไหน มันก็จะตัวติดกันเป็นแพคคู่น่ะครับ ดังนั้นขาดใครไปไม่ได้ เพ้อเจ้อต้องไปด้วยกัน

            ส่วนผมกับแฟน ไอ้กันและน้องกอด ก็ต้องกลับไปใช้กรรมกันต่อ

            ดูเหมือนน้องกอดจะเพลียๆ เลยหลับหัวทิ่มตั้งแต่ขึ้นรถ ไอ้กันก็หลับเหมือนกัน เหลือแต่ผมที่นั่งด้านข้างคนขับ กับไอ้คนขับรถ            จำเป็น

            เพลงคลอเบาๆทำให้ผมง่วงนิดๆ แต่เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนคนขับก็เลยพยายามฝืนให้ไม่หลับ

            “ง่วงก็นอนดิคุณ” หนวดมันดันหัวผมให้พิงกับเบาะ ซึ่งตอนนี้หัวผมวางอยู่ตรงคอนโซลรถ แว่นที่ใส่อยู่ถูกถอดออกเพราะรู้สึกปวดตาเล็กน้อย

            แหงล่ะ อ่านหนังสือมากๆพอได้พักหน่อยก็รู้สึกไม่ค่อยชิน

            “ปวดตาเหรอ” ผมพยักหน้าตอบ

            หนวดมันชอบเรียกผมว่าคุณมาตั้งแต่ตอนจีบกันแรกๆแล้วครับ ซึ่งตอนแรกๆบอกเลยว่าไม่ค่อยชิน มันเหมือนไม่ค่อยสนิททั้งๆที่มันเป็นน้องรหัสของพี่ชายไอ้กันแท้ๆ แต่พอโดนเรียกไปเรียกมาก็คิดว่า เออมันก็น่ารักดี

            “เรื่องงานบอลปีนี้เอาไง เห็นไอ้กันบอกจะไปแต่คงไม่ขึ้นแสตนด์” ถามออกไประหว่างหยิบกาแฟที่แวะซื้อระหว่างทางขึ้นมาจิบพลางยื่นให้คนขับรถจิบด้วยเพราะกลัวมันจะง่วง

            “ไม่รู้ว่ะ กลัวไม่ว่าง คุณจะไปป่ะ”

            “ให้คำตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ไอ้กันน่าจะไปเพราะน้องกอดยังไม่เคยไป”

            “เสื้อปีนี้สวยป่ะวะ อยากได้”

            “สีชมพูไม่เหมาะกับมึงอ่ะ ไปซื้อของมอไอ้กันแล้วกัน”

            “มอไอ้กันก็เหมือนแมคโดนัลด์อ่ะหมอ” หนวดมันบ่นอุบ ผมหลุดขำ เออก็จริงของมัน

            แต่ผู้ชายสมัยนี้ทำไมชอบสีชมพูกันนักล่ะครับ อย่างไอ้หนวดเนี่ยไม่เข้าเลย ใส่สีชมพูออกมาทีเหมือนแม่บ้านมีหนวดอ่ะ

            “แต่คุณใส่สีอะไรก็น่ารักนะ”

            ไอ้คนข้างๆมันหยอดซะจนมดแทบขึ้นแก้วกาแฟ ผมยกมือผลักหัวมันเบาๆ

            “แต่กูชอบสีครีม”

            “หวานเหมือนหมอเลยเนอะ”

            “จะหยอดจนถึงกรุงเทพเลยมะ”

            “ก็หยอดจนกว่าจะได้คุณนั่นแหละ”

            เสียงไอกระแอมจากทางหลังรถดังขึ้น ไอ้กันที่เมื่อกี้หลับอยู่ลุกขึ้นมามองตาขวาง เหมือนจะคุยเสียงดังไป มันเลยกลัวว่าน้องกอดของมันจะตื่น

            จ้าๆพ่อคนรักคนหลงแฟน

            มือข้างซ้ายของหนวดยื่นมาจับมือของผมพลางกุมไว้แบบนั้น

            ปากว่าเขา

            ผมเองก็เหมือนกันนั่นแหละครับ

            หลงมาสองปีกว่าแล้ว จนป่านนี้ยังหาทางออกไม่เจอเลย





// หลงทาง เขาให้ใช้แผนที่ แล้วถ้าหลงเธอล่ะ ต้องทำยังไง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #552 เมื่อ17-12-2017 18:28:42 »

นี่ก็หลงรักเรื่องนี้ไปไหนไม่ได้เหมือนกัน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #553 เมื่อ17-12-2017 18:47:49 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #554 เมื่อ17-12-2017 20:25:12 »

 :pig4:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #555 เมื่อ18-12-2017 14:16:43 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ FaiiFay_Elle

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #556 เมื่อ20-12-2017 13:08:03 »

งุ้ยยยย เขิน  :impress2: :impress2:
ส่วนคู่หูเพ้อเจ้อนี่มาทีไรแย่งซีนเลย สายฮาตลอดด  :z1: :z1:

ออฟไลน์ wichta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #557 เมื่อ22-12-2017 11:29:48 »

เอาอีกเอาอีกเอาอีก อยากอ่านทั้งวันเลยละมุนต่อใจมาก

ออฟไลน์ nuch-p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 345
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #558 เมื่อ25-12-2017 15:57:33 »

รอบๆ สนุกมากกกก ชอบบ :mew1:

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
«ตอบ #559 เมื่อ28-12-2017 12:30:11 »

โอ้ยละมุนละมัย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 26 {17.12.60}
« ตอบ #559 เมื่อ: 28-12-2017 12:30:11 »





ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #560 เมื่อ30-12-2017 19:35:10 »

Chapter 27
สายด่วนจีบน้อง

 

            “กอด กอดเอ้ย”

            แรงเขย่าเบาๆทำให้ผมค่อยๆสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมา แสงจ้าๆจากนอกตัวรถทำให้ต้องหยีตาลงเล็กน้อย ภาพที่เห็นเป็นอย่างแรกคือใบหน้าของพี่หมอสี่ที่ชะโงกเข้ามาใกล้

            “ถึงแล้วเหรอ”

            “ยังๆ พอดีลุงมันขับผิดทาง จีพีเอสพาหลง”

            อ่า

            “กินอะไรมั้ย พี่จะเข้าเซเว่น”

            สติที่ยังกลับมาไม่ครบทำให้ผมส่ายหน้าเบาๆ ฝ่ามือนุ่มนิ่มของพี่เต้าหู้ไข่วางแนบลงบนหน้าผากของผมก่อนจะละออกไปแล้วปิดประตูรถลง ภาพที่แทรกเข้ามาแทนที่คือใบหน้าของใครอีกคนที่ก้มหน้าลงมา เขาหลับตาพริ้ม

            หือ

            ทำไมพี่กันถึง…

            ผมสะดุ้งแล้วหันมองรอบๆตัว พลางเงยขึ้นไปมองคนที่กำลังหลับหัวทิ่ม ตั้งสติอยู่สักพักถึงได้รู้ว่าตัวเองนอนทับตักของพี่กันอยู่

            ตื่นเต็มตาเลยครับ

            ค่อยๆเคลื่อนตัวออกช้าๆ แต่ดูเหมือนคนที่หลับลึกจะไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ผมมองออกไปนอกกระจกรถ ปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีรถจอดเต็มไปหมดบ่งบอกว่าเรายังไม่ถึงบ้าน

            ภายในรถไม่มีใครอยู่นอกจากผมและพี่กัน ลุงรหัสและพี่หมอสี่น่าจะไปเซเว่น ความเงียบในตัวรถทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นแรง

            หลังจากกลับจากอัมพวา พอขึ้นรถผมก็หมดแรงหลับหัวทิ่มไปเลย ผมหันไปมองผู้ชายคนข้างๆที่หลับสนิท พลางคลี่ยิ้มออกมาจางๆ

            นอนแบบนี้ไม่ปวดคอหรือไงนะ

            ฝ่ามือของผมดันตัวของพี่กันให้นั่งตรงๆ ค่อยๆผลักเขาเบาๆ แต่ดันพลาดไปเพราะใครอีกคนพอโดนดันตัวไปด้านหลัง หัวก็ดันเอนไปฟาดกับกระจกรถดังตึง ผมกระเด้งตัวออกห่างพี่กันที่ร้องโอ้ยขึ้นมาพลางหันออกไปมองนอกรถแบบไม่รู้ไม่ชี้

            เปล่านะ ผมไม่ได้ทำ

            “ยังไม่ถึงเหรอ” พี่กันโพล่งขึ้นมา เสียงหาวดังๆของเขาบ่งบอกถึงความง่วงไม่ต่างจากผมเลย

            “ยังอ่ะ ลุงขับผิดทาง”

            “เอ้า ไอ้หนวดนี่”

            เขาบ่นพึมพำ

            “ตัวนิ่ม”

            “หือ” ผมหันไปมองพี่กัน ใบหน้าง่วงๆของเขาดูตลก แต่ก็น่ารักไปพร้อมๆกัน

            “ลงไปซื้อกาแฟเป็นเพื่อนหน่อย”

            “เป็นเพื่อนเหรอ”

            “เป็นแฟน”

            ผมคลี่ยิ้มออกมา มุกนี้เล่นได้เรื่อยๆสินะ

            “ยิ้มไร หรือไม่อยากเป็นแฟน เป็นเมียแทนก็ได้นะ”

            พี่กัน!

            ก่อนจะเล่นมุกอะไรกับผู้ชายคนนี้ล่ะก็ ต้องระวังหน่อยนะครับ เขาเป็นประเภทที่แม้เรื่องอื่นจะเอาชนะไม่ได้ แต่เรื่องมุกควายเนี่ย ยังไงเขาก็ต้องชนะ

            ขาของผมสัมผัสกับพื้นคอนกรีตของตัวปั๊ม ยืนบิดขี้เกียจสองสามทีพลางเงยหน้ามองฟ้า ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าชี้ให้เห็นได้ชัดเลยว่าเรายังคงอยู่ต่างจังหวัด เพราะปกติแล้วเวลาอยู่ในกรุงเทพผมไม่ค่อยเห็นแสงดาวเยอะขนาดนี้

            พี่กันเดินไปดึงกุญแจรถที่ถูกเสียบค้างเอาไว้ออกมา เขากดล็อครถแล้วเดินนำไปที่ร้านกาแฟที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงภายในปั๊ม โดยไม่ลืมที่จะโทรบอกพี่หมอสี่ก่อน

            “กูรอร้านแฟนะ อยู่ตรงหัวมุมอ่ะ”

            เขากดวางสายไปแล้วผลักประตูเข้าไปในร้านกาแฟชื่อดัง พอเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่สัมผัสกับจมูกของผมคือกลิ่นกาแฟหอมๆที่มักจะเป็นเอกลักษณ์ของร้านกาแฟเกือบทุกร้าน เสียงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆกับแอร์เย็นๆขัดกับอากาศอบๆด้านนอก

            ไม่ได้เข้าร้านกาแฟนานขนาดไหนแล้วนะ กินแต่ชานมธัญพืชจนไม่ได้กินอย่างอื่นเลย

            “กินไรมั้ย” คนตัวสูงหันมาถาม

            “สตอเบอร์รี่ชีสเค้กปั่นหวานน้อย”

            เมนูประจำที่ผมชอบกิน พี่กันเลิกคิ้วนิดๆ ทำหน้าเหมือนตอนที่ผมรู้ว่าเขาชอบกินอะไรในแต่ละครั้งนั่นแหละ

            “ชอบกินสตอเบอร์รี่เหรอเรา”

            ผมพยักหน้าตอบเขา

            เมื่อก่อนเวลาไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟ ก็มีอยู่สองเมนูที่ผมชอบสั่งกินบ่อยๆคือชาเขียวลาเต้และสตอเบอร์รี่ชีสเค้ก ถึงแม้จะเป็นคนชอบกินของหวาน แต่ถ้าหวานมากๆยิ่งกินก็ยิ่งจะเลี่ยนเอา เลยพยายามลดความหวานโดยการสั่งหวานน้อยตลอด

            ผมเลือกที่นั่งริมหน้าต่างพลางเหม่อมองออกไปด้านนอกระหว่างที่พี่กันเป็นฝ่ายรอเครื่องดื่ม ทริปอัมพวาวันนี้สนุกมากครับ เป็นการออกต่างจังหวัดครั้งที่สองกับพี่กัน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในลิสต์ที่อยากทำด้วยกันกับเขา

            ฮาสุดก็เพื่อนซี้ของพี่กันที่คอยสลับกันปล่อยมุกจนทำให้การล่องเรือชมหิ่งห้อยกลายเป็นทัวร์ของคณะตลกไปซะได้

            จะว่าไป ความลับอีกอย่างของพี่กันที่เพิ่งรู้วันนี้ก็คงจะเป็น

            เขาฟังเพลงเกาหลีและร้องได้ด้วย เต้นได้อีกต่างหากอ่ะ

            เป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ

            หนังสือเล่มที่ชื่อกันนี่ มีอะไรให้ตกใจเล่นเสมอๆเลยครับ

            ผมเคยคิดเล่นๆหลายๆครั้งว่าถ้าวันหนึ่ง หนังสือที่ชื่อกันมีตอนจบ ผมเองก็ไม่รู้ว่าตอนจบนั้นจะเป็นแบบไหน เป็นการจบที่สิ้นสุด หรือเป็นการจบเพื่อเริ่มต้น

            แต่สุดท้ายแล้ว หนังสือที่ชื่อกันเนี่ย มันมีแต่จะเพิ่มหน้าขึ้นเรื่อยๆ มีสิ่งใหม่ๆให้ได้เรียนรู้และทำความรู้จักอยู่เสมอๆนั่นล่ะนะ

            แก้วสตอเบอร์รี่ชีสเค้กถูกตั้งลงตรงหน้าของผม ส่วนในมือของใครอีกคนมีกาแฟหน้าตาดูท่าทางจะขม พี่กันทิ้งตัวนั่งลงตรงกันข้ามกับผม

            “อะไรอ่ะ”

            “อเมริกาโน่ ชิมมะ” พูดจบก็ยื่นแก้วมาตรงหน้าผม ผมจรดริมฝีปากแตะลงบนหลอดเบาๆแล้วดูดน้ำกาแฟขึ้นมา รสสัมผัสแรกคือขมปี๋จนต้องหยีตาลง

            “ขมปี๋เลยอ่ะ”

            “มะระที่ว่าขม ยังขมไม่สู้หัวใจเธอ”

            ผมขมวดคิ้วมองพี่กัน

            “เป็นไรอ่ะ”

            “ทำไมต้องขัดล่ะครับตัวเล็ก”

            ก็พี่ดูเหมือนจะเป็นบ้าอ่ะ

            “ชิมของผมป่ะ” ยื่นแก้วสตอเบอร์รี่ชีสเค้กที่ดูดแล้วไปตรงหน้าเขา หลายๆครั้งเวลากินอะไรที่ชอบ ถ้าใครอีกคนยังไม่เคยกินก็จะชวนเขากินตลอดจนกลายเป็นเรื่องชิน ยิ่งถ้าเขามีวี่แววว่าจะชอบเหมือนๆกันแล้วล่ะก็ ยิ่งรู้สึกดีเป็นเท่าตัวเลยล่ะครับ

            ริมฝีปากของพี่กันแตะลงบนหลอดสีเขียวแล้วดูดน้ำในแก้วโดยไม่ปฏิเสธ

            จู่ๆอะไรบางอย่างก็แล่นขึ้นมาบนหน้าของผม

            ความร้อนจำนวนมากเกาะกลุ่มกันอยู่บริเวณแก้มสองข้าง

            เดี๋ยวนะ นี่มัน …

            จูบทางอ้อมนี่นา

            “เป็นอะไร หน้าแดงๆ กินสตอเบอร์รี่แล้วต้องกลายเป็นสตอเบอร์รี่ด้วยเหรอ” พี่กันถอนริมฝีปากออกจากหลอดแล้วหันไปดูดกาแฟของเขาแทน นัยน์ตาสวยๆนั่นส่งกลับมาราวกับว่ารู้ถึงสาเหตุของใบหน้าแดงๆของผม

            ผมไม่ได้ตอบอะไร แค่ก้มหน้างุดๆเหมือนหาเศษเหรียญ

            ภาพเก่าๆย้อนกลับเข้ามาในหัว ครั้งนั้นที่ไปดูหนังด้วยกัน เขาบังคับให้ผมกินน้ำอัดลมแก้วเดียวกับเขา ริมฝีปากของเขาที่สัมผัสกับหลอดสีแดงมาตลอดการดูหนังและสุดท้ายหลอดสีแดงนั่นก็สัมผัสลงบนริมฝีปากของผม

            จะว่าไป วันนั้นพี่กันพูดว่าอะไรนะ ผมลืมไปแล้ว

            “กอด”

            “หือ” ผมที่กำลังคิดถึงคำพูดวันนั้นของเขาครางฮือขึ้นมาเบาๆ

            “หมูนี่มันโง่จริงๆ ใช้เวลาคิดมาทั้งชีวิตแล้วเนี่ย”

            เงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา พอพูดถึงหมู น้ำเสียงโมโนโทนก็แทรกเข้ามาในหัวเลย

            “หมูมันโง่ วางน้ำให้ก็ไม่กินซักที”

            “ก็เลยต้องยัดเยียดให้มันกิน”

            “อย่างที่คิด หวานมาก”

            “พี่ไม่ได้เลี้ยงหมูนี่” ผมถามออกไป คนตรงหน้าไม่ได้ตอบอะไรทำเพียงแค่จ้องหน้ากลับมานิ่งๆ แต่ริมฝีปากของพี่กันคลี่ยิ้มออกมา เขายกยิ้มมุมปาก

            ท่าไม้ตายของเขา
           
            “ไม่ได้เลี้ยง”

            อ่า

            เข้าใจแจ่มแจ้งเลย

            เขาว่ากันว่างองูมาก่อนฉอฉิ่งครับ โง่มาก่อนฉลาดนั่นเอง ผมไม่รู้เลยว่าวันนั้นเขาต้องการให้ผมกินน้ำแก้วเดียวกับเขาเพราะว่าอยากจูบทางอ้อม ซึ่งหมูโง่ๆอย่างผมดันคิดไม่ทัน ตอนนั้นคิดแค่ว่าการได้มาดูหนังกับเขา แค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว

            “พี่นี่มันจริงๆเลย”

            “ทำไม”

            เขาหัวเราะเบาๆ

            “นี่ขนาดผ่านมานานละนะ” คนตัวสูงโพล่งออกมา ผมสบตากับเขา

            “ยังหวานเหมือนเดิมเลย”

            ผมรีบดูดสตอเบอร์รี่ชีสเค้กเข้าปากแก้เขิน รสหวานๆที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้น กับรสขมๆของกาแฟอเมริกาโน่ที่ยังคงไม่จางหายไป ทั้งๆที่หวานสุดขั้วกับขมสุดขั้วแบบนี้ แต่กลับเข้ากันได้ดี

           

            เรากลับขึ้นรถกันอีกครั้งหลังจากทำธุระเสร็จ พี่หมอสี่นั่งเคี้ยวซาลาเปาหงับๆอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ส่วนลุงรหัสก็พยายามเลือกเพลงเพราะๆมาเปิดให้ฟังระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ซึ่งไม่รู้ว่าวันนี้จะถึงบ้านมั้ย จากที่จะเข้ากรุงเทพ ทำไมถึงมาออกจังหวัดอื่นได้ล่ะ

            ถามว่าตอนมาทำไมถึงไม่หลงทั้งๆที่ไม่ใช้จีพีเอส ก็มีเจ้าบ้านที่เกิดที่อัมพวาคอยชี้ทางอยู่ทั้งคน จะหลงได้ยังไงล่ะครับ

            “มึงกดตรงนี้ดิ” พี่กันแทรกตัวไปสอนลุงรหัสกดจีพีเอส พี่หมอสี่หันมามองหน้าผม เราสองคนหลุดหัวเราะออกมา ทุกครั้งที่เห็นจีพีเอสมันจะขำโดยอัตโนมัติเหมือนได้ยินเสียงอันนาเหมดแทรกออกมาตลอดๆ

            “สภาพมึงนี่ไม่น่าสอนคนอื่นได้นะกัน”

            “ทำไม”

            “อันนาเหมดของมึงเนี่ย”

            “ไอ้เชี่ยหมอ”

            คนตัวสูงเบ้ปากแล้วยอมแพ้กลับมานั่งที่เบาะแต่โดยดี ผมเองก็ยังขำไม่หยุดจนโดนพี่กันบิดหูไปหนึ่งที

            ก็มันตลกนี่นา

            “จะกลับถึงบ้านมั้ยเนี่ย” พี่หมอสี่บ่นเสียงดัง

            “ก็ค่อยๆขับไป”

            “จะถึงพรุ่งนี้เลยมะ”

            “ถ้าคุณง่วงก็นอนไปเลย ฝืนไปมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”

            “ไม่เอา เดี๋ยวมึงเผลอหลับ”

            “ไม่หลับหรอกคุณ ยังไงผมพาคุณถึงหออย่างปลอดภัย ไร้รอยขีดข่วนแน่นอน” ลุงรหัสทำเสียงเข้ม

            “หรือถ้าอยากจะโดนข่วนก็จัดให้นะ” พูดพลางเขี่ยแขนคนข้างตัว เลยโดนตบหัวทิ่มไปเลย

            “ตั้งใจขับ มีอีกสองชีวิตข้างหลังต้องดูแล”

            “ไม่ต้องกังวลน่า ปลอดภัยอยู่แล้ว”

            เวลาลุงรหัสอยู่กับพี่หมอสี่นี่อย่างกับคนละคนที่ผมเคยรู้จักเลยครับ เวลาอยู่ในกลุ่มสายรหัสสุดขั้วเขาจะดูเหมือนพึ่งพาไม่ค่อยได้เท่าไร เป็นขี้เมา เป็นลุงแก่ๆ เป็นคนบ้าๆบอๆ แต่ตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่สมตัว อาจจะเป็นเพราะว่าต้องดูแลใครอีกคนเลยจะมาทำตัวกากๆเหมือนตอนอยู่กับพวกผมไม่ได้ ซึ่งพอเห็นแบบนั้น ก็ดันหลุดยิ้มออกมา

            คนรักกัน พอมาถึงจุดๆหนึ่งมันก็ต้องมีเรื่องให้คิดมากกว่าเรื่องความรัก ทั้งเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย เป็นห่วงว่าเขาจะเหนื่อย จะเพลียเวลาขับรถไกลๆ

            ก็แหงล่ะ คนเราเห็นกันอยู่ทุกวัน ผูกพันกันขนาดนี้ เราก็อยากจะเห็นกันต่อไปอีกนานๆจริงมั้ยล่ะครับ

            “ยิ้มทำไม” พี่กันกระซิบถาม

            “ตั้งแต่รู้จักลุงมา ผมเพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าลุงเองก็มีด้านเท่ๆกับเขาเหมือนกัน”

            “กูก็เท่นะ”

            “เหรอ”

            “ให้มึงนอนตักด้วย” เขาพูดพลางยักคิ้ว

            เห็นผมชมใครไม่ได้เลยครับ เพราะเจ้าตัวถือคติว่า คนอื่นจะว่าอะไรเขาไม่สน แต่ถ้าเป็นผมล่ะก็ เขาจะต้องเป็นที่หนึ่งทุกเรื่องให้ได้ ประมาณนั้นเลยอ่ะ

            รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากปั๊มน้ำมัน เสียงเพลงสากลในรถคลอเบาๆ พอได้กินอะไรหวานๆเข้าไปแล้ว ก็ไม่รู้สึกง่วงแล้วครับ พี่กันเองก็ไม่ง่วงแล้วล่ะ ซัดกาแฟขมปี๋เข้าไปทั้งแก้วขนาดนั้น และก็คงไม่ง่วงจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้นั่นแหละ

            “ถ้าพี่บอกว่าไม่ได้เลี้ยงหมู แล้วตอนนั้นคุยโทรศัพท์กับใครอ่ะ ทำไมถึงดูเหมือนเปิดฟาร์มหมูอะไรแบบนั้นเลย” ผมถามคำถามออกไประหว่างนั่งเขี่ยวิปครีมขึ้นมากิน

            “คุยคนเดียว”

            ห่ะ

            หันไปมองใบหน้ากวนๆของพี่กันนิ่งๆ

            “คุยคนเดียวอ่ะนะ”

            “อือ เดี๋ยวมีคนรู้ว่าอ่อยอยู่”

            ใจผมกระตุกไปวูบหนึ่ง

            ไอ้คนบ้า

            “แล้วตอนอื่นอ่ะ คุยคนเดียวป่ะ” อย่างเช่นตอนกินข้าวครั้งแรก หรือตอนที่เขาเรียกผมว่าตัวขี้เหงา

            “ไม่ คุยกับไอ้หมอ”

            พี่หมอสี่หันขวับมามองพี่กันตาขวางเลยครับ

            “ไหนมึงบอกจะไม่เปิดเผยข้อมูลลับไงไอ้ห่ากัน กอดจะมองกูเป็นคนยังไง”

            “ก็น้องมันถาม”

            “งั้นกูก็บอกน้องได้ใช่ป่ะ”

            “เฮ้ยๆหมอ!”

            “ทำไม มาถึงขนาดนี้แล้วไม่ต้องกลัวหรอกว่าน้องจะด่ามึงว่าเป็นไอ้โรคจิตอ่ะ”

            “เชี่ยหมอ อย่า!” พี่กันพยายามห้ามพี่หมอสี่ที่กำลังจะพูดความลับอะไรออกมา แต่พี่หมอสี่ไม่สนใจเลยครับ ถ้าจะพูดแล้ว ยังไงก็ต้องพูดออกมาให้ได้ หน้าเขาบอกว่าอย่างนั้นนะ

            “ไอ้กันอ่ะนะน้องกอด มันบังคับพวกพี่ให้ตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมา แล้วให้พวกพี่รายงานความเคลื่อนไหวทุกอย่างของน้องกอดให้มันฟัง ทั้งๆที่แม่งไม่เล่นไลน์”

            “เออ! ลำบากพวกกูต้องโทรประชุมสายหามึงตลอด” ลุงรหัสบ่นเสริม

            ผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย

            “ไม่เข้าใจอ่ะ”

            “ไม่เข้าใจก็ดีแล้ว อย่าไปสนใจปากหอยปากปูเลยที่รัก” คนตัวสูงกอดเอวผมไว้หลวมๆ แต่ผมดันหัวพี่กันออกห่างตัว

            ร้อนรนขนาดนี้ ต้องเป็นความลับขั้นสุดยอดแน่ๆ

            พี่หมอสี่ทำหน้าไม่พอใจเพื่อนของเขา ก้มลงไปกดอะไรสักอย่างในมือถือของตัวเองพลางยื่นมาให้ผม พี่กันทำท่าจะคว้าไปซะก่อนแต่ช้ากว่าผมที่กระเถิบไปด้านหน้า เอาตัวแทรกเข้าไประหว่างช่องกลางของเบาะหน้าแล้วดูมือถือของพี่หมอสี่

            “กอดดด” เสียงอ้อนๆของเขาไม่ได้ทำให้ผมสนใจเลยสักนิด

            ความลับอีกอย่างของพี่กัน คืออะไรที่อยากจะรู้มากกว่า

            “เนี่ย กลุ่มไลน์ที่มันให้ตั้ง” นิ้วเรียวๆของพี่หมอสี่ชี้ลงบนกลุ่มไลน์ที่ถูกตั้งภาพโปรไฟล์เป็นสีดำ ชื่อกลุ่มไลน์เขียนเป็นภาษาไทยเป็นคำว่า

            ‘สายด่วนจีบน้อง’

            โอ้โห

            รู้เลยใครตั้งชื่อ

            ไม่พี่กันก็ลุงรหัสเนี่ยแหละ

            นิ้วของผมเลื่อนกดดูสมาชิกภายในกลุ่มที่ประกอบไปด้วยพี่หมอสี่ ลุงรหัส และปู่รหัสเพียงแค่สามคน ไม่มีพี่กันเพราะว่าเจ้าตัวไม่ได้เล่นไลน์ ไม่แปลกใจเลยที่มีสมาชิกเพียงแค่นี้เพราะแต่ละคนล้วนเป็นคนในความลับของพี่กันทั้งสิ้น

            ภายในกลุ่มมีข้อความที่คุยกันค้างไว้ ซึ่งพี่หมอไม่ยอมให้ผมอ่าน เขาดึงมือถือกลับไป

            “ไม่ต้องอ่านหรอก แค่นี้ไอ้กันก็จะบ้าตายละ”

            พี่หมอสี่พยักพเยิดหน้าไปยังด้านหลัง ผู้ชายตัวสูงนั่งกุมขมับหัวชิดหน้าต่างพลางมองผมตาละห้อย พอเห็นแบบนั้นก็ดันใจอ่อน

            ถ้าไม่อยากให้อ่าน ก็ไม่อ่านก็ได้

            “รู้แค่ว่าพอน้องกอดสอบติด กันมันก็สั่งให้พวกพี่ตามติดน้องกอดเลย ที่น้องกอดมาอยู่สายรหัสกับพี่ชายของมันก็เพราะว่าปู่รหัสนั่นแหละ”

            อ่า พอได้ยินแบบนี้แล้ว

            หัวใจมันเต้นรัวเลยครับ

            “งั้นรูปหลุดๆที่พี่กันมี ก็แสดงว่ามาจากกลุ่มนี้ใช่ป่ะ” ผมเอ่ยปากถามข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจว่าพี่กันได้รูปหลุดของผมมาจากไหนเยอะแยะ เยอะจนเอาไปทำโพลารอยด์ได้เป็นปึกๆ คนตรงหน้าพยักหน้าเป็นคำตอบ

            “เจ้าตัวมันไม่ยอมเล่นไลน์ ตุ๊กตาตัวละพันซื้อได้ แต่ไม่เติมค่าเน็ต น้องกอดก็ลองไปถามมันเองว่าทำไมมันถึงไม่ยอมเล่น”

            หันไปเผชิญหน้ากับคนที่มองเพื่อนตัวเองตาขวาง พี่หมอสี่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปคุยงุ๊งงิ๊งกับลุงรหัสต่อ ผมเอนตัวกลับมานั่งพิงเบาะรถตามเดิม

            “ทำไมอ่ะ”

            คำตอบครั้งแรกเขาบอกว่า ไม่เล่นไลน์เพราะกลัวติดผม

            แต่คำตอบครั้งนี้ เขาจะบอกว่าอะไรกันนะ

            “กลัวตัวเองไง”

            หือ

            “กลัวทำไมอ่ะ”

            “กลัวว่าจะทำให้มึงรำคาญ ที่กูทำนี่ไม่ต่างจากพวกโรคจิตอย่างที่ไอ้หมอว่านั่นแหละ”

            “ทำไมถึงคิดว่าผมจะรำคาญล่ะ”

            “ก็ลองคิดดูว่าถ้ากอดไม่ชอบไอ้กัน แล้วโดนตามตลอดแบบนั้น น้องกอดจะรู้สึกยังไง”

            คำพูดของลุงรหัสทำให้ผมนึกคิด

            ถ้าผมไม่ชอบพี่กันแล้วโดนตามน่ะเหรอ…

            อ่า มันก็คงไม่ต่างอะไรกับโดนโรคจิตตามจริงๆนั่นแหละ คงจะดูน่ากลัวไปเลย เพราะเวลาพี่กันตามน่ะ คือตามถึงที่จริงๆครับ ทุกครั้งที่ผมคิดถึงเขาเขาก็จะโผล่มาอยู่ข้างๆโดยไม่มีบอกกล่าวเลยว่าเขาจะมา แค่อยากโผล่ก็โผล่มาเหมือนผีเลยอ่ะ

            แต่ติดที่ว่า ผมชอบเขา ทุกอย่างที่เขาทำเลยดูเหมือนเป็นสิ่งพิเศษ

            “มึงควรขอโทษน้องด้วยที่ละเมิดสิทธิส่วนตัวเยอะขนาดนั้น” พี่หมอสี่ตะโกนแทรก

            “กูก็ไม่ได้อยากทำนะโว้ย!”

            “แล้วทำทำไมอ่ะ” ผมส่งสายตาขอคำตอบไปที่เขา

            “กูคลั่งมึงไงน้องกอด”

            เสียงภายในรถเงียบลง มีเพียงเสียงเพลงที่ยังดังคลอเบาๆเป็นระยะๆ ใบหน้าของผมร้อนขึ้นมาทั้งๆที่อากาศภายในรถเย็นจนต้องหยิบเสื้อคลุมไหมพรมมาสวม

            “ถ้ากูรู้ว่ามึงอยู่ไหน กูจะไปหาตลอด ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าพวกมันส่งข่าวมาให้ ถ้าไม่อย่างนั้นกูทำตัวเป็นวิญญาณตามติดมึงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแน่ๆ”

            คำตอบของพี่กัน ทำให้ผมต้องฟุบหน้าลงบนตักของตัวเอง ใบหน้าที่ร้อนผะผ่าว เสียงหัวใจที่เต้นรัวแข่งกับเสียงเพลง ฝ่ามืออบอุ่นของพี่กันวางลงบนศีระษะของผม ไม่ต่างจากครั้งแรก

            มันยังคงอบอุ่นเหมือนอย่างเคย

            “เพราะแบบนี้ไง ถึงไม่อยากให้มึงรู้ ให้มึงคิดว่ามันเป็นความบังเอิญที่ได้เจอกัน คงจะดีมากกว่า”

            ไม่หรอก

            ไม่จริงเลย

            ผมดีใจนะที่รู้ว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่พยายามเข้าหาพี่ แต่พี่เองก็พยายามไม่ต่างจากผมเลย

            “แล้วอีกอย่าง”

            “ถ้ามีไลน์ ก็ไม่มีข้ออ้างในการไปหามึงไง จริงมั้ย”

            ผมยิ้มกว้างออกมาโดยที่ไม่ยอมให้ใครอีกคนเห็น ความลับอีกอย่างของพี่กันถูกเปิดเผยออกมา แม้จะเป็นความลับที่เปิดเผยออกมาโดยบังเอิญ หากแต่เป็นความลับที่ทำให้รู้จักกับเขามากขึ้นอีกก้าวหนึ่ง ผมไม่รู้ว่ายังมีความลับอะไรที่เขาปิดบังอยู่อีกมั้ย

            แต่บางทีก็คิดนะ ว่าถ้ามีอีกล่ะก็ ผมคงไม่เซ้าซี้ให้เขาบอกแล้วล่ะ

            ความลับบางอย่างน่ะ ถ้าเก็บให้มันเป็นความลับ ก็คงจะดีกว่า

            เพราะพอรู้เข้าแล้ว หัวใจก็เต้นรัวไม่ยอมหยุดจนอยากจะร้องไห้ออกมา คิดอยู่แค่ว่า

            เขาน่ะ คงจะรักผมมากๆ

            ถ้าอนาคตเผลอทำให้เขาเสียใจล่ะก็ ผมคงเสียใจไปตลอดแน่ๆเลยล่ะครับ

 

 



// ความลับบางอย่าง ปล่อยให้มันเป็นความลับอ่ะดีแล้ว

อย่างเช่นที่คนอ่านอยากได้พี่กัน แต่พี่กันเป็นของเราอะไรแบบนี้ (หลบตีน)




ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #561 เมื่อ30-12-2017 22:37:21 »

โอ้โห  o13

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #562 เมื่อ30-12-2017 22:46:43 »

น่ารักมากกกก

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #563 เมื่อ31-12-2017 09:18:34 »

  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #564 เมื่อ31-12-2017 12:33:42 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #565 เมื่อ31-12-2017 13:29:22 »

 :mc4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #566 เมื่อ31-12-2017 15:55:58 »

น่ารักกกก

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #567 เมื่อ31-12-2017 21:57:27 »

หลงน้องหัวปักหัวปำเลยพี่กัน // แต่แอบปันใจให้คู่ลุงหนวดกับหมอสี่อ่ะ เอ็นดูว์ ทะเลาะกันเอาซะมุ้งมิ้งหมดมาดช่างแอร์เลย 5555

HNY 2018 นะคะ มีความสุขทั้งคนเขียนและคนอ่าน สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บไม่จนทุกท่านนะคะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #568 เมื่อ31-12-2017 22:05:48 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: ◆_Likeกัน_◇ ตอนที่ 27 {30.12.60}
«ตอบ #569 เมื่อ31-12-2017 23:34:27 »

อ้อยยยจ้า อ้อยย !!
รอติดตามตอนต่อไป  :-[ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด