ตอนที่ 23
[พาร์ตของศิลา]
ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ห้องของไอ้เสา ผมรู้สึกเมาค้างสุด ๆ แถมยังปวดหัวชะมัด ผมได้ยินเหมือนเสียงไอ้เสากับไอ้นนท์มันพูดอะไรพึมพำอยู่ พอผมเดินออกไปตรงโต๊ะอาหารที่พวกมันอยู่มันก็เงียบ
“ตื่นแล้วเหรอไอ้ศิลา ไปล้างหน้าไป มากินข้าว” ไอ้เสามันว่าขึ้น ผมมองหากระเป๋าของตัวเองพลางคิดถึงโทรศัพท์อย่างแรก...เปล่าหรอก ที่ผมคิดถึงไม่ใช่โทรศัพท์แต่เป็นไอ้หมูต่างหาก
“เห็นโทรศัพท์กูไหม” ผมถาม ไอ้เสาเลยชี้ไปที่โซฟาตรงกระเป๋าผมวางอยู่ ผมเดินด้วยท่าทางงัวเงียไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู...ก็เจอสายที่ผมไม่ได้รับจากไอ้หมู แต่มันเป็นสายของเมื่อวานก่อนที่เราจะทะเลาะกัน...สถานการณ์แบบนี้ระหว่างผมกับมันคงเรียกได้ว่าทะเลาะล่ะมั้ง...
ผมเห็นว่าไม่มีสายโทรเข้าจากไอ้หมูก็ทำหน้าเศร้าลงโดยไม่รู้ตัว
“ไอ้ศิลาไปล้างหน้าเร็ว โจ๊กเจ้านี้อร่อยนะเว้ย ใช่ไหมไอ้เหี้ยนนท์” ไอ้เสาลุกขึ้นมาดันหลังของผมไปล้างหน้าอาบน้ำ พลางถามความเห็นของไอ้นนท์ไปด้วย ผมรู้ครับว่า...มันไม่อยากให้ผมเศร้า เพราะเมื่อวานผมก็ร้องไห้ระบายใส่ไอ้เสาไปเยอะแล้ว
หลังจากผมอาบน้ำทานข้าวเรียบร้อยก็นอนดูหนังเล่นอยู่ที่ห้องไอ้เสา เป็นวันหยุดไม่มีเรียนที่โคตรเงียบ...เงียบมาก ไอ้เสากับไอ้นนท์ที่นั่งดูผมอยู่ใกล้ ๆ ก็มองด้วยความเป็นห่วง
“มึงก็อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลยไอ้ศิลา กูว่าเรื่องมันต้องดีกว่านี้แน่ ๆ” ไอ้เสาว่าตบบ่าของผมปุ ๆ ไปด้วย ผมคลี่ยิ้ม กดเลื่อนช่องไปเรื่อย
“เออ..กูก็หวังว่างั้น...มึงว่าไอ้หมูมันจะไปหากูที่หอไหม...” ผมถามขึ้น ไอ้นนท์เลยตอบแต่ผมก็ยังไม่ทันได้ฟัง ไอ้เสาก็เอาศอกไปกระทุ้งท้องของไอ้นนท์ซะก่อน
“มันกลับไป โอ๊ย...เสา ยะ...อยากกินชานมเหรอ” ผมมองพวกมันสองคน เป็นอะไรกัน??
“เออ ไปซื้อมาให้กูเลยไป...มึงเอาด้วยไหมไอ้ศิลาชานมไข่มุก” ไอ้เสาถาม ผมเลยพยักหน้าอย่างไม่อยากคิดอะไรมากตอนนี้ บอกเลยว่าหัวของผมตอนนี้แม่ง...ยอมรับตรง ๆ ว่าคิดถึงไอ้หมู อยากรู้มันทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน มันนี้มันน่าจะมีเรียนอยู่มั้ง...ก็วันนี้วันศุกร์
“เอามาแก้วหนึ่งละกัน อยากรู้ว่ามันอร่อยไหม” ไอ้เสาหันไปไล่ไอ้นนท์เมื่อสั่งมันเสร็จแล้ว
เวลาเหมือนผ่านไปช้ามากวันนี้ ผมนอนเล่นอยู่โซฟาส่วนไอ้เสากับไอ้นนท์ก็นั่งกินขนมอยู่โต๊ะ พวกมันชวนผมแล้วล่ะ แต่พอดีผมกินชานมไข่มุกเข้าไปจนอิ่มมาก ผมมองโทรศัพท์ที่ไม่มีสายเรียกเข้าจากไอ้หมูเลย หรือมันจะโกรธผมไปแล้ว...จนมันไม่อยากเจอหน้าของผมอีก พอผมคิดแบบนั้นขึ้นมาก็ทำให้ใจของผมเจ็บแปล๊บ...
ผมรักมันมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ รู้ตัวอีกทีไอ้รุ่นน้องที่คอยตามผมต้อย ๆ ก็เข้ามาอยู่ในใจของผมซะแล้ว อยากคุยกับไอ้หมูจังเลยครับ...ผมเริ่มเป็นเอามากแล้ว
“ไอ้ศิลา กินขนมหน่อยไหมมึง” ผมลุกขึ้นไอ้นนท์เลยยื่นขนมมาให้ผม ผมยิ้มให้พวกมัน
“พวกมึงกินเหอะ กูว่าจะกลับหอ” ผมว่า ไอ้เสาเลยลุกมาห้ามผม
“หยุดเลยไอ้สัดศิลา จะกลับไปสภาพจิตใจแบบนี้เนี่ยนะ? กูไม่ปล่อยมึงไป เดี๋ยวมึงร้องไห้อีกไอ้สัด” ไอ้เสาพูดเหมือนรู้ดี ครับ...มันเป็นเพื่อนสนิทผมมานานแถมมันยังรู้ว่าผมเวลาร้องไห้ขึ้นมา หรือมีเรื่องเสียใจจะร้องหนักกว่าปกติ เพราะด้วยความที่อยากซ่อนความอ่อนแอไว้ พอเวลาแสดงด้านอ่อนแอออกมามันก็เลยเป็นแบบนี้
“กูไม่อยากอยู่ขัดจังหวะพวกมึงสองคน มึงอยู่กันไปเหอะ” ผมว่า ที่จริงแล้ว...ผมเห็นคนที่เป็นแฟนกันก็ดันนึกถึงไอ้หมูขึ้นมาทุกที ยิ่งทำให้ผมเจ็บ
“ไอ้ศิลา ขัดจังหวะอะไรของมึงวะ พวกกูเอากันจนเบื่อแล้ว มึงไม่ต้องคิดมากหรอก” ไอ้เสาว่าทำให้ไอ้นนท์ตาลุกวาว
“เสาโกหกว่ะ ไม่เห็นนนท์จะได้เข้าใกล้เสาสักนิด”
ผลั้วะ! ไอ้เสาตบหัวไอ้นนท์ไม่แรงมากนัก
“ไอ้สัดกูเล่นมุขให้ไอ้ศิลามันขำ” ไอ้เสาว่า ทำให้ผมหลุดหัวเราะขำพวกมันสองคนจริง ๆ ไอ้นนท์มองผมก่อนจะแตะบ่าผมเบา ๆ
“อย่างที่เสาว่าแหละ ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกันเว้ย มีไรไม่สบายใจก็ระบายกับพวกกูได้เสมอ เพื่อนไม่มีวันทิ้งกัน” ไอ้เสาเองก็ยิ้มให้ผม พวกนี่แม่งทำหน้าตาของผมซึม...ดีใจจังครับที่มีเพื่อนที่ดีขนาดนี้
“ขอบคุณพวกมึงมาก ๆ นะ กูดีใจว่ะที่มีเพื่อนอย่างพวกมึง”
“ไอ้สัดอย่าพากูซึ้ง...เหี้ยน้ำตากูจะไหล...” ไอ้เสาว่าตบบ่าของผมปุ ๆ
“วันนี้พวกเรามาเล่นเกมแข่งรถกันดีกว่า! ไหน ๆ ก็อยู่ครบแก๊งค์แล้วเว้ย บอกเลยกูไม่อ้อมมือนะ ไอ้เหี้ยนนท์ไปค้นเกมกับกู ส่วนมึงไปนั่งรอที่หน้าโทรทัศน์เลยไอ้ศิลา” ไอ้เสาเสนอขึ้นเหมือนต้องการให้ผมคลายเครียด ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินไปนั่งรอตามที่มันบอก ผมหวังว่ามันคงจะทำให้ผมผ่อนคลายลงได้บ้าง....
2 วันเต็ม...แล้วล่ะครับที่ไอ้หมูหายไป ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มทนไม่ได้ ทำไมมันหายไปแบบนี้ล่ะ หายเงียบไปเลยไม่โทรไม่ติดต่อหาผมสักนิด...ผมเองก็ไม่ได้กลับหอของตัวเองเลยเพราะไอ้เสาแม่งไม่ให้ผมออกจากห้องเลยด้วยซ้ำ มันกลัวว่าผมจะไปร้องไห้อีก ผมไม่ร้องแล้วล่ะครับมีแต่จะไปหาไอ้หมูเท่านั้นแหละตอนนี้ เพราะเมื่อเช้าผมตัดสินใจโทรหาไอ้หมูปรากฏว่ามันปิดเครื่อง!...ผมเพิ่งรู้ตอนนี้แหละว่า การที่คนที่เราห่วงอยู่ปิดเครื่อง มันทำให้รู้สึกกังวลใจมาก....งั้นไอ้หมูก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากผมแน่ ๆ ตอนที่ผมปิดเครื่องหนีมันแบบนั้น
ผมมันแย่ใช่ไหมครับ...ทำให้คนที่เขารักตัวเองและคนที่ตัวเองรัก เจ็บ...
“ไอ้ศิลามึงยังไม่ได้กินข้าวเลยนะเว้ย” ไอ้เสาเดินมาโวยวายกับผมที่นั่งอยู่โซฟา ใช่ครับ ผมไม่กินข้าว ผมไม่อยาก...ที่ผมอยากทำตอนนี้คือออกไปหาไอ้หมู ไปดูว่ามันหายไปไหน
“ไอ้เสากูจะออกไปข้างนอก”
“มึงจะออกไปไหน อยู่นี่แหละ” มันห้ามผมอีกแล้ว ผมเริ่มขมวดคิ้วสงสัยขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้นนท์แม่งก็ทำสายตาลอกแลก
“พวกมึงมีอะไรปิดบังกูอยู่รึเปล่าวะ ทำไมกูออกจากห้องไม่ได้”
“เปล่า...” ไอ้เสากับไอ้นนท์ตอบพร้อมกันราวกับเตรียมกันมาบ่งบอกเลยว่า มีอะไรปิดบังแน่!!
“บอกกูมา...กูอยากไปหาไอ้หมูที่หอ ให้กูไปนะ” ผมบอกจุดประสงค์จริง ๆ ของตัวเอง บอกเลยว่าตอนนี้ผมไม่อยากจะกั๊กแล้ว ผมอยากเจอก็จะบอกว่าอยากเจอ...ไม่เอาอีกแล้วไอ้ความไม่ชัดเจนที่ทำให้หัวใจของผมเจ็บ ไอ้เสามันมองหน้าของผมสักพักเหมือนใจอ่อน (ไอ้เสามันเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ)
“เออ เฮ้อ...กูก็ใจอ่อนกับเพื่อนอย่างมึงตลอดแหละไอ้สัดศิลา กามเทพอย่างกูใจร้ายไม่ลง” มันว่า
“ไอ้น้องหมูของมึงไม่อยู่หอหรอก เพราะมันกลับบ้านมันและมันก็สั่งให้กูดูแลแฟนของมันให้ดี ๆ อย่าให้ผู้ชายมายุ่ง” ผมได้ฟังก็ตาโต...อะไรนะกลับบ้าน?
“มันกลับบ้านทำไม...”
“น้องมันรู้เรื่องแม่ของน้องที่มาหามึงแล้ว...” ผมตาโตเข้าไปอีกเท่าไข่ห่านเลยคราวนี้...ติดความอลังการมาจากไอ้หมู....เดี๋ยวทำไมรู้วะ...เอ๊ะ
“มันได้ยินที่มึงพูดทั้งหมดเพราะไอ้น้องหมูมันเดินหันหลังไปจากมึง...แต่มันไม่ได้กลับไปจริง ๆ มันแอบฟังมึงอยู่” ไอ้เสาคลายข้อสงสัยทำให้ผมแทบลมจับ...เชี่ยยย...
งั้นไอ้หมูก็ได้ยินทั้งหมดสิ! “มันได้ยินหมดเลยเหรอ...” ผมกลืนน้ำลาย
“เออ ตั้งแต่ต้นยันจบ...” เชี่ย...คำว่าตั้งแต่ต้นยันจบก็แสดงว่าไอ้หมูได้ยินความรู้สึกของผมแล้วทุกอย่าง แค่คิดผมก็รู้สึกเขินขึ้นมาแล้ว
“มึงรู้แบบนี้แล้วจะเอาไงต่อล่ะ จะปฏิเสธอีกมะ” ไอ้เสาถาม ผมเลยส่ายหน้า...พอแล้วล่ะครับ ไอ้ความรู้สึกไม่ยอมรับ พอแล้ว
ผมไม่อยากเสียไอ้หมูไปอีก
“ในเมื่อไอ้หมูมันรู้แล้วก็ดี...กูจะไปตามมันที่บ้าน...กูจะไปหาแม่ของหมูและบอกว่า กูไม่เลิกกับไอ้หมู” ผมบอกออกไปอย่างแน่วแน่...นี่ความคิดของกูเองเหรอวะเนี่ย
“ไอ้เชี่ยยยย แบบนี้หน่อยสิวะ! ไม่เสียแรงที่กูคอยเป็นกามเทพ บอกเลยนะ...กูเห็นน้องมันรักมึงมาก ทุ่มเทให้มึงก็มาก กูก็อยากให้เพื่อนของกูได้เจอคนที่ดี ๆ....” ไอ้เสาพูดอย่างพ่อพระ
“เออ มึงเป็นกามเทพให้น้องกับกูสำเร็จแล้วล่ะ...แต่มึงต้องช่วยกูอีกเรื่อง”
“ว่ามา”
“พากูไปหาไอ้หมูที่บ้านที....”
“หา? แล้วรู้เหรอวะว่าบ้านน้องอยู่ไหน” เออว่ะ...ผมไม่รู้ แต่ผมว่าผมมีตัวช่วยนะ
“กูรู้ว่าจะถามใครได้.....” ผมบอก ไอ้เสากับไอ้นนท์ก็มองหน้ากันอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะไปหาที่อยู่ไอ้หมูกรอบมาจากไหน
.................
.................
และผมก็มาถึงหน้าบ้านของไอ้หมูจนได้ ถามว่าได้ข้อมูลมาจากใคร...ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลหรอกครับ เฮียใหญ่ของผมเองนั่นแหละ ผมโทรไปถามเฮียใหญ่มาเพราะพอจะเดาได้เลยว่าเฮียแกต้องสอบถามพวกที่อยู่ของไอ้หมูไว้อยู่แล้ว ก็ไอ้หมูมันเคยบอกนี่ว่าเฮียมีส่วนช่วยให้ไอ้หมูเข้ามาจีบผม ผมก็เดาไม่ผิดจริง ๆ เฮียรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประวัติไอ้หมู เฮียบอกผมว่าถ้ามันทำผมเสียใจเฮียจะได้ตามมากระทืบมันที่บ้านได้ถูก ฮ่า ๆ โหดจริงอะไรจริง
ผมมองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า สมแล้วที่เป็นลูกประธานธนาคาร YOU ระบบรักษาความปลอดภัยเพียบ แล้วกูจะเข้าไปได้ยังไงวะเนี่ย...
“มึงเข้าไปคนเดียวได้เหรอวะ”
“เออได้ พวกมึงรอกูอยู่นี่แหละ” ผมว่าแล้วเปิดประตูลงจากรถ ไอ้เสามองอย่างห่วง ๆ แต่ผมก็ชูสองนิ้วให้มันว่าไม่เป็นไร ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูเล็ก ยังไม่ทันจะพูดอะไรประตูเล็กก็เปิดให้ผมซะงั้น
“คุณศิลาใช่ไหมครับ?” พี่ยามท่าทางใจดีถามผมขึ้น ผมพยักหน้าหงึก ๆ ทำไมรู้ชื่อผมได้
“คุณผู้หญิงบอกให้เข้ามาได้เลยครับ” คุณผู้หญิงที่ว่า...ใช่แม่ของหมูรึเปล่านะ ผมแอบเกร็งนิดหน่อยแฮะ ผมเดินเข้ามาในบริเวณบ้านที่มีสวนนั่งเล่นด้วย ผมเดินไปสักพักก็หยุดกับแม่ของหมูที่วิ่งออกมาทำตาโตเล็กน้อย
ก่อนผมเองจะเป็นคนตกใจแทนเมื่อแม่ของหมูโค้งให้ผม
“แม่ขอโทษจ๊ะหนูศิลา...” ผมเลยยกมือไหว้แม่ของหมู
“ครับ? ขอโทษผมเรื่องอะไรเหรอครับ?” ผมมองงง ๆ แม่ของหมูเข้ามาจับมือของผมไว้และพูดประโยคที่ทำให้ผมอึ้ง....กับสิ่งที่ได้ยิน
“เรื่องที่แม่บอกว่าให้ศิลาเลิกกับหมูนั่นแหละ....แม่ไม่รู้ว่าศิลากับหมูรักกันแล้ว แม่รึว่าลูกชายของแม่ไปตามตื้อข่มขู่ศิลา แม่ก็เลยอยากให้หมูเลิกทำร้ายหัวใจของตัวเอง....” จริง ๆ ผมก็ทำร้ายหัวใจไอ้หมูเหมือนกัน เพราะความไม่ชัดเจน....
“แม่ทำให้พวกหนูสองคนทะเลาะกันแม่ขอโทษจ๊ะ คือแม่ไม่รู้ว่าศิลาเองก็รักหมูเหมือนกัน.....”
“ไม่เป็นไรครับ...หมายความว่า...คุณน้า” ผมเรียกด้วยความสุภาพ แม่ของหมูเลยส่ายหน้า
“เรียกแม่สิคะ เรียกแม่ได้...” ผมรู้สึกว่าใจเต้นระริกด้วยความตื่นเต้น...แม่ของผู้ชายที่ผมรักกำลังบอกให้ผมเรียกว่าแม่ ผมรู้ครับว่าแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกชายของตัวเองได้สิ่งที่ดีที่สุด และได้อยู่กับคนที่รักจริง ๆ
“ครับแม่...หมายความว่าผมไม่ต้องเลิกกับหมูใช่ไหมครับ...” ผมถามด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน
“ใช่ค่ะ ไม่ต้องเลิก...ถ้าพวกหนูเลิกกันแม่ต้องรู้สึกผิดไปตลอดแน่ ๆ...ขอโทษนะจ๊ะ แม่เคยเห็นหมูทำหน้าเศร้าเวลาคิดถึงศิลาแล้ว แม่ทำใจไม่ได้ก็เลยจะหาวิธีเด็ดขาดทำให้หมูตัดใจ...แต่ไม่คิดว่าลูกชายของแม่จะคว้าใจหมวยเล็กมาได้อย่างที่เขาพูดจริง ๆ...” ผมได้ยินแม่ของหมูพูดจบก็อึ้งอีกรอบ
“แม่รู้จักชื่อ หมวยเล็กของผมด้วยเหรอครับ...”
“รู้สิคะ ก็หมูเล่าให้ฟังตลอด...จนแม่รู้ไงว่าหมูแอบรักศิลามานาน แต่ที่แม่ทำไปเพราะอยากให้ลูกชายหลุดจากความทรมาน แม่ทำตัวเด๋อไม่รู้เรื่องเข้าไปหาหนูโดยที่ไม่ได้บอกเจ้าหมูก่อน ก็เลยเข้าใจผิดกันแบบนี้แหละ โอ๊ะ...ดีเลยที่ศิลามา คือว่า หมูเขาขังตัวเองประท้วงแม่มาสองวันแล้วค่ะ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน แม่ไม่รู้จะทำยังไงนี่ก็กำลังจะออกไปหาศิลาเนี่ยแหละ แต่หนูก็มาที่นี่ก่อน” ผมฟังก็เลิกคิ้ว ไอ้เชี่ยหมูขังตัวเองประท้วง เดี๋ยวนะครับ มันเป็นเด็กรึยังไง
“แม่บอกเขาแล้วนะว่า แม่เข้าใจผิดเรื่องศิลาและแม่เป็นคนบอกให้ศิลาเลิกกับหมูเอง แม่บอกว่าแม่ไม่ได้อยากให้ลูกสองคนเลิกกันแล้ว แต่หมูไม่ฟังเลย ดูเหมือนจะไม่ได้ยินด้วย”
“ทำไมแม่ไม่เปิดประตูเข้าไปล่ะครับ?” ผมถามออกไป แม่เลยยิ้มแห้ง ๆ
“คือว่า ระบบล็อคประตูมันล็อครหัสจากข้างใน...ศิลาก็เห็นใช่ไหมว่าบ้านของหมูเขา...เป็นลูกเจ้าของประธานธนาคาร ประตูก็เวอร์อย่างนี้แหละจ๊ะ...แม่เปิดไม่ได้ถ้าเขาไม่เปิดเอง แถมดูท่าทางหมูจะไม่ยอมฟังเสียงอะไรจากข้างนอกด้วย เหมือนจะอยู่แต่ตรงระเบียง พ่อเขาตะโกนเขาไปยังไม่สนใจเลย นี่พ่อศิลาก็งอนแม่ออกไปทำงานแล้ว...” โอ้โห...ผมเชื่อแล้วครับว่าบ้านของไอ้หมูมันรวยจริง แค่ประตูยังต้องแข็งแรงขนาดนี้เลยเหรอ ผมมองระเบียบที่แม่บอกว่าเป็นห้องของไอ้หมูอย่างใช้ความคิด...
และผมก็คิดอะไรออก!
“แม่ครับ ผมรู้แล้วว่าจะเรียกไอ้หมูยังไง...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมละกันครับ” ผมมองไปทางต้นไม้ที่อยู่แถวบริเวณระเบียงไอ้หมู แม่ของหมูก็มองตามอย่างเป็นห่วง
“แน่ใจแล้วเหรอคะศิลา?”
“แน่ใจครับ ไม่ต้องห่วงผมนะครับ ผมจะทำให้ลูกชายของแม่ออกมากินข้าวข้างนอกเอง...และผมก็จะพูดความจริงกับไอ้หมู ความรู้สึกชัดเจนของผม” ผมบอกแม่ของหมูก็มองตาปริบ ๆ พยักหน้าให้ผมยอมทำในสิ่งที่ผมคิด....
แม้จะดูผาดโผนไปสักหน่อยแต่วัยเด็กของผมเวลาเล่นกับเฮียใหญ่และเฮียกลาง ผมก็จะปีนต้นไม้เล่นเป็นประจำ ถึงจะไม่ปีนมานานแล้วแต่ก็น่าจะยังปีนได้อยู่...กูจะทำตัวเป็นลิงละนะ ผมปีนขึ้นไปและทดสอบดูว่ามันแข็งแรงไหม ก็โอเคครับ... ไม่ตกแน่นอน ผมปีนขึ้นไปด้วยความเจ็บมือชะมัด ผมเหลือบเห็นไอ้หมูที่ยืนเอามือเท้าคางอยู่ตรงระเบียงพร้อมกับเบียร์ในมือ...ไอ้เชี่ยยยย มายืนกินเบียร์เป็นพระเอกเอ็มวีน้ำเน่าทำซากอะไรอยู่ตรงนี้วะ...รู้ไหมว่ากูรอมึงมาหากู!
อยากด่ามาก...แต่ตอนนี้ผมเริ่มมีปัญหาแล้วเพราะกิ่งไม้ตรงนี้มันห่างจากระเบียงอยู่เหมือนกัน เอาแล้วครับไอ้ศิลา...ขากูเอื้อมไปไม่ถึงขอบระเบียง มือของผมก็เริ่มลื่นไปด้วยเหงื่อ....เชี่ยกูจะตกแล้ว
“ไอ้หมูกรอบ...” ผมเรียก ไอ้หมูก็ทำท่าลอกแลกมองหาต้นเสียง... “ไอ้ง้าว! กูอยู่ทางนี้โว้ย บนต้นไม้” ผมบอกมันก็เลยเงยหน้ามาทางต้นไม้ที่ผมกำลังห้อยต่องแต่งอยู่ มันตาโตเท่าไข่ห่านตามสไตล์มัน
“พี่ศิลา!! มาที่นี่ได้ยังไงครับ แล้วทำไมไปปีนต้นไม้เล่า” เพราะมึงไง...ไอ้ฟาย!
“กูมาหามึงไงวะ...แม่มึงบอกให้เปิดประตูก็ไม่เปิดไอ้เชี่ยหมู กูเลยต้องมาปีนอยู่นี่ไง” ผมด่าให้ มันก็เลิกคิ้วงง
“พี่เจอแม่ของผมแล้วเหรอ...” เออ...ดีเนอะครับแทนที่มันจะช่วยรับผมไปก่อน คือผมกำลังจะตกแล้วไง!!
“เออ คือค่อยคุยได้ไหม ช่วยกูก่อน...” ผมบอก ไอ้หมูก็เลยนึกขึ้นได้ มันทิ้งกระป๋องเบียร์ในมือและเดินเข้ามาชิดระเบียง กูจะข้ามไปไงวะ...ปล่อยมือไม่ได้
“พี่ศิลาส่งมือมาให้ผมข้างหนึ่ง ผมจะรับพี่เอง” แปลกที่ผมดันเชื่อคำพูดของมันและไม่ลังเลที่จะยื่นมือไปให้ไอ้หมู...ผมเชื่อว่ามันจะรับผมได้ ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งไปจับมือไอ้หมูไว้ มันก็เอาแขนของมันดึงแขนพร้อมกับเอาอีกแขนของมันโอบเอวของผมไว้...
แรงดึงทำให้ผมกับไอ้หมูล้มไปตรงริมระเบียง
“อ๊ะ เหวอ...”
ตุบ...จุ๊บ..ผมล้มทับตัวของไอ้หมูและจุ๊บแก้มของมันเต็ม ๆ ไอ้เชี่ยล้มดี ๆ ไม่ได้รึไงวะ ทำไมต้องมาจุ๊บมันด้วย
“จังหวะเหมาะชะมัด” หมูกระตุกยิ้ม...ยิ้มที่ผมยอมรับว่าชอบ ผมสะดุ้งเมื่อมือหนาของมันสองข้างเลื่อนมาโอบเอวของผมไว้
“ไอ้เชี่ยหมูปล่อย...แม่มึงให้มาตามมึงไปกินข้าว” มันเลิกคิ้วขึ้น
“ทำไมแม่ถึงให้พี่ศิลาเข้ามาตามผม...เอ๊ะ หรือว่าเรื่องที่แม่บอกว่าไม่ได้คัดค้านเรื่องของเราแล้ว จะเป็นเรื่องจริง!” ไอ้หมูทำหน้าตาตื่น มันเพิ่งจะรู้ตัวจริง ๆ เหรอ แสดงว่ามันได้ยินที่แม่ของมันพูด
“เออ แม่พูดความจริงทำไมไม่เชื่อวะ เด็กไม่รักดี” ผมด่าไม่จริงจังและพยายามจะดิ้นออกจากมือหรือคีมวะ ถ้าจะแน่นขนาดนี้
“ผมไม่รักดีครับ แต่ผมรักพี่ศิลา....” จึก...พอเจอหน้าปั๊ปก็หยอดผมทันทีทันใด ผมมองแววตาคมเข้มที่จ้องผมลึกเข้ามาในดวงตากลมสวยของผม
“พี่ศิลา...” เสียงละมุนฟังแล้วหัวใจพร้อมจะละลายลงทุกเมื่อ...ไอ้เชี่ยนี่มีอิทธิพลต่อหัวใจของไอ้ศิลาซะแล้วล่ะครับ
“อะไร...”
“พี่ศิลา...”
“เชี่ย เรียกทำไม มีไรก็พูดสิ...” ผมมองคนที่ผมกำลังนอนอยู่ข้างผม เป็นท่าที่ล่อแหลมชะมัด แต่ผมก็ขยับตัวไม่ได้เลยเพราะมันกอดเอวผมไว้แน่น
“ดีใจจังที่แม่ไม่ได้คัดค้านเราแล้ว ที่จริงกำลังเครียดเรื่องพี่เลยว่าจะทำยังไงดีให้แม่ยอมรับ แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ...แม่ยอมรับเรื่องของเราแล้ว หรือว่าการประท้วงไม่กินข้าวของผมจะได้ผล ฮ่า ๆ” ไอ้หมูระบายออกมา ผมเหลือบมองกระป๋องเบียร์ที่ทิ้งเรียงรายอยู่เต็ม บ่งบอกว่ามันเครียดจริง...ผมต้องพูดคำนั้นนี่นา คำที่ผมอยากจะบอกกับมันตรง ๆ แต่พอเห็นหน้าของไอ้หมูแล้ว ผมกลับรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พูดไม่ถูกทุกที
“มีอะไรจะบอกผมไหม..” ราวกับว่ามันรู้ความคิดของผม ผมมองหน้ามันที่เหมือนรอฟังผม ไอ้เสาบอกว่าไอ้หมูเองก็ได้ยินที่ผมพูดแล้วนี่...แต่เดาว่ามันคงอยากจะฟังจากปากผมชัด ๆ มากกว่า
ท่าทีจริงจังของไอ้หมู...ผมต้องพูดจริงเหรอ เขินนะเฮ้ย...(จริงครับไอ้ศิลา เขินก็ต้องพูด...)
“คือว่ากู....”
“ครับ? ผมฟังอยู่” มันยิ้มแฉ่ง แบบว่าตั้งใจฟังมากไปรึเปล่า...ผมสูดลมหายใจเอาลึก ๆ
“กู....มึง” ผมพูดเสียงแผ่วจนไอ้หมูมันเลิกคิ้ว เอียงหูมาฟังใกล้หน้าของผมอีก
“อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยิน” ไอ้เชี่ย...ผมว่ามันได้ยินแล้วแน่ ๆ แต่มันแกล้งผม!! ก็ดูหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ตรงหน้านี่สิ ผมเม้มปาก เออ...มึงชนะ ยกนี้มึงชนะ!
“กูรักมึง...ไอ้หมูกรอบ” ผมพูดจบก็ดันตัวเองลุกขึ้นจากตัวมัน ไอ้หมูลุกขึ้นนั่งตามผม ผมกำลังปัดเสื้อผ้าที่มีใบไม้ด้วยใบหน้าที่กำลังร้อนวูบ ก็เซไปตามแรงดึงเข้าไปกอดของผู้ชายตรงหน้า
กลิ่นน้ำหอมที่ผมคุ้นเคยลอยฟุ้ง
“ไอ้เชี่ยปล่อย...” ผมชะงักกับใบหน้าหล่อที่ก้มลงมาตรงหน้า เสียงหัวใจที่ผมกำลังพิงอยู่ของมัน เต้นแรงมากกกกกก...ผมว่าก็น่าจะพอ ๆ กับเสียงหัวใจของผม รอยยิ้มของไอ้หมูที่คลี่ออกมาทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามมันไม่ได้
“พี่รู้ไหมว่าผม...โคตรดีใจสุด ๆ ใจเต้นแรงสุด ๆ” ผมอึ้งไปทันที เพราะผู้ชายที่กอดผมอยู่กำลังน้ำตาซึมเล็กน้อย “บ้าจัง...ผมร้องไห้เหมือนเด็กเลย ดีใจจัง ที่
ในที่สุดผมก็ได้ใจของพี่มา...” มึงได้มันนานแล้วล่ะกูว่า...แค่กูไม่ยอมรับก็เท่านั้นเอง ผมเลื่อนมือไปแตะหน้าของไอ้หมูเบา ๆ
“มึงมันเด็กชะมัด...ประท้วงไม่กินข้าว บ้ารึเปล่าวะ แล้วใครใช้ให้กินเบียร์วะ...” ผมบ่นแต่ไอ้หมูกลับยิ้มมีความสุขกับเสียงบ่นของผม ส่วนผมเองก็ไม่รู้เป็นอะไรถึงได้กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่...หุบปากไม่ได้โว้ย
ซึ้งอยู่ดี ๆ ...ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อตัวเองลอยขึ้นเพราะไอ้หมูมันอุ้ม
“ไอ้หมูทำอะไรของมึง?”
“เมื่อกี้พี่ศิลาบอกว่าแม่ให้มาตามผมไปกินข้าวใช่ไหม?”
“อือ ใช่” มันกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำไมไม่น่าไว้ใจเลยวะ...
“งั้นผมขอเวลา 1 ชั่วโมง”
“หา?”
“ผมขอนอนกอดพี่ศิลาก่อน แล้วเดี๋ยวลงไปทานข้าวพร้อมกัน” ไอ้หมูบอกพร้อมกับเดินจ้ำอ้าวพาผมเข้ามาในห้องของมัน ผมดิ้นทันที
“กอดอะไรของมึง!!...ไอ้เชี่ยหมูหยุดเลยนะ” มันทิ้งผมลงเตียง
“ไม่หยุด หมูขอกอดพี่ศิลาหน่อยนะ...” ผมตาโตกับน้ำหนักที่ถาโถมมาใส่ผมทั้งหมด ตัวมึงไม่ใช่เบา ๆ นะเว้ย....ไอ้หมูที่ล้มตัวลงมานอนกอดผมไว้ราวกับว่าผมเป็นหมอนข้างของมัน
“ผมไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว มัวแต่คิดถึงพี่ศิลา ขอนอนกอดหน่อยนะ...นะ” ไอ้หมูหลับตาลงไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่ง่วงนอน ผมเหลือบมองมันก็หลุดขำ...
“ไอ้นี่แม่งบ้า...” ผมว่าแต่มือกลับเอื้อมไปจับเส้นผมของร่างสูงเล่น
“ขอบคุณนะที่คิดเรื่องของกูจริงจังขนาดนี้...” ผมกระซิบแผ่วเบาข้างหูของไอ้หมู ไม่รู้มันจะได้ยินรึเปล่า...แต่น่าจะไม่ได้ยินหรอกเพราะมันหลับไปแล้ว...
...........................++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณคอมเมนต์เเละกำลังใจดี ๆ จากคนอ่านที่น่ารักค่า ^^