☼ ☽ Finding the twilight (mpreg warning*) ตอนที่ 33 : 30/1/2019 P.6 (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☼ ☽ Finding the twilight (mpreg warning*) ตอนที่ 33 : 30/1/2019 P.6 (END)  (อ่าน 34372 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :ped149:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สู้เขานะศศิ

ออฟไลน์ skylover☁

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-2
Finding the twilight
32
การตัดสินใจ
☼ ☽

“ท่านเกงานเกินไปแล้วนะ อคิราห์!” ด้วยการมาหากันทุกค่ำคืนแบบนี้ ต่อให้ศศิไม่ได้ต้องรับงานของพระองค์ไปทำต่อ ก็ยังขุ่นเคืองแทนคนที่ทำงานด้วยอยู่ดี


“เจ้ารู้ไหม หากข้าเอาแต่ทำงานก็ไม่อาจจะมาหาเจ้าได้”


“ข้าได้ยินว่าที่เขื่อนมีปัญหา ท่านจะไม่ไปดูหรือ”


“ส่งธวัลย์ไปแล้ว”  ลูกชายเจ้าของบ้านที่เราอาศัยนอนจึงถูกส่งไปทำงานแต่เพียงผู้เดียวเพราะความเห็นแก่ตัวของบางคน  “โถ่…เมียรักอย่าได้โกรธ”


“จะไม่ให้ข้าโกรธได้ไง ท่านเสียนิสัยไปหมดแล้ว ข้าเองก็เสียงานเสียการ ไม่ใช่เพราะท่านรึที่งอแงมาหาทำให้การผลิตยาไว้ใช้ที่นี่ไม่ถึงไหน”


“…”


“ท่านคิดถึงข้ารู้ เราไม่ได้เจอกันนาน ข้าก็คิดถึงเช่นกัน”


“ศศิ”


“ข้ารักท่านมากนะรู้ไหม”  พระองค์รู้  “และข้าอยากให้ท่านรู้ดีกว่าใครว่าที่ข้าขอให้ไปทำนั้นก็เพื่อตัวของท่านเอง” 


“เฮ้อ…”


“ข้ากับลูกไม่ไปไหนไกลหรอก”


“อย่างไรก็จะไล่พี่ไปให้ได้ใช่ไหม”


“ใช่!”


“ตอบเร็วเกินไปแล้ว!”


“ก็อยากให้กลับมาเจอกันเร็วๆนี่!”


“…”


“รีบไปรีบมาเถิดนะ”  มือเล็กบางนั้นประคองพระพักต์หล่อเหลาให้มาประกบจูบเบาๆกับตน สุดท้ายแล้วแม้จะตั้งมั่นที่จะเก็บกักศศิไว้เพียงไหน ทว่าเมื่ออีกคนแสดงออกอย่างออดอ้อนแต่เต็มไปด้วยเหตุผลก็จำยอม ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวานอีกแล้วหรือ


ว่าแต่ชีวิตพระองค์นี่กินเปรี้ยวบ่อยเกินไปไหม!


“หากเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ข้าจะพิจารณามีลูกให้ท่านอีกสักคน”  เสียงกระซิบที่ไม่ดังนักของคนพูดที่ก็อายตนเองนั้นทำให้พระเนตรเบิกกว้าง เราห่างกันว่านานแล้ว เรื่องเช่นนั้นยิ่งนานเข้าไปอีก และดูความจำเป็นทุกสิ่งอย่างประกอบกันแล้ว พระองค์จึงเลือกได้


อย่างไรก็ต้องไปอยู่ดีไม่ใช่หรือ…


“นักรบพูดคำไหนคำนั้น หมอก็เช่นกัน…ต้องไม่โกหก เข้าใจไหม”


“อืม”  ทีกับเรื่องแบบนี้ช่างกระตือรือร้นนักเชียว ใจคอ…


จะไม่ให้เจ้าแสบได้โตอีกสักหน่อยเลยหรือ!


“ข้าจะกลับมาทวงสัญญา”  ใบหน้าของพระองค์นิ่งขรึม หากแต่ในใจกลับพองฟู คนรักผู้งดงามยิ้มตอบให้ก่อนจะเอียงซบใบหน้าบนไหล่หนา


“อืม”  เมื่อถึงตอนนั้นช่วยมารับกันไปที


ศศิจะรอ…


☼ ☽


นี่คือคำมั่นสัญญาระหว่างศศพินทุ์ที่ทำไว้กับองค์ราชินีรัญชิดา
ว่าจะให้อคิราห์รู้ไม่ได้ถึงการย้ายมาอยู่ที่นี่….


ณ.ตำหนักนพรัตน์ที่ซึ่งเคยเป็นตำหนักของพระชายาแห่งองค์เหนือหัวสมัยเก่านี้ มีผู้มาจับจองใช้พักผ่อนอยู่ชั่วคราว องค์ราชินีนั้นช่วยตระเตรียมจัดหาคนดูแลมาให้ โดยทุกอย่างเป็นความลับไม่ได้แพร่งพรายให้ใครฟัง ทั้งองค์เหนือหัวและท่านอาจารย์หมอวัชรินท์ และโดยเฉพาะองค์ชายอคิราห์ที่เสด็จไปว่าราชการต่างถิ่น


“หากลูกชายข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ไม่แคล้วจะย้ายตำหนักมาพำนักเป็นการถาวร”  สิ่งที่พระนางพูด คนฟังรู้ดีกว่าใครว่าเขาทำเช่นนั้นจริงๆแน่ ขนาดอยู่ห่างไกลกัน ก็ยังขยันไปยึดห้องนอนของเมียรักถึงบ้านเพื่อนทุกวันขนาดนั้น หากรู้ว่าย้ายมาอยู่ในรั้วเดียวกัน ไม่ย้ายเครื่องเรือนและห้องทำงานมาไว้ที่นี่เลยหรือ แม้จะมีลูกด้วยแล้ว แต่ศศิก็ร่วมด้วยช่วยต่อต้านความไม่งามนี่อยู่เหมือนกัน


สักวันหนึ่งพระองค์จะต้องรู้ และคงเป็นวันที่ศศิพร้อมแล้วที่จะเปิดตัว ไม่ใช่ว่าตอนนี้ยังถ่วงเวลาไว้เพื่อเปลี่ยนใจหรอก ทว่าแค่ยังไม่พร้อมจะรับมือใครในราชสำนักต่างหาก แม้ว่าจันทราปราการที่นำด้วยท่านหมอทิชากรจะสั่งสอนกันมาดีถึงมารยาทที่เหมาะสม แต่ศศิแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิหราชวงศ์เลย รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จะอย่างไรก็ต้องรู้ให้พร้อมรับมือก่อนที่จะป่าวประกาศออกไปถึงฐานะที่ใครบางคนอยากให้เป็น


นี่เรา…เข้ามารบในพระราชวังแห่งสิหราชนคราหรือนี่!


“วันนี้ข้าอยากให้เจ้าพบกับอาจารย์ที่จะมาสอนเรื่องของการวางตัวและการประชาสัมพันธ์ตนเองในฐานะของคนรักขององค์รัชทายาท”


“พะยะค่ะ”


“อย่ากังวล เรื่องนี้เจ้าต้องทำได้แน่ อันที่จริงก็ได้ทำไปบ้างแล้ว อย่าได้ห่วงไปเลย”  เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนที่ทำไปแล้วก็มึนงง ได้ทำอะไรลงไปหรือ?


ทว่าไม่ได้ถามไป และคนพูดก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม ศศพินทุ์ที่ถูกจับแต่งตัวให้งดงามนั้น เดินตามพระองค์มาที่ห้องรับรองแขกของตำหนัก หญิงสาวร่างบางที่มานั่งรอกันนั้นงดงาม เธอยิ้มให้ งดงามเสียจนต้องยิ้มกลับไป


“นี่คืออภิชญา”  แต่เมื่อได้ยินนาม ศศพินทุ์ก็หวังไม่ให้ตนทำสีหน้าแปลกๆออกไปจนทำให้คนมองรู้สึกไม่ดี


“ยินดีที่ได้รู้จัก” น้ำเสียงของเธอไม่ได้แสดงออกถึงความหยิ่งยโสแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยความใจดีที่ส่งมอบมาให้ หากนี่คือความจริง มันก็คงจะดีไม่น้อย


“ไม่ต้องกังวลไปศศิ อภิชญากับอคิราห์นั้นตัดขาดกันเรียบร้อย อันที่จริงนอกจากกินข้าวร่วมโต๊ะกันกับพวกข้า พวกเขาก็ไม่มีอะไรเกินเลย” องค์ราชินีที่สัมผัสได้ถึงความกังวลใจได้เอ่ยอธิบาย เมื่อช้อนตามองหญิงสาวผู้มาใหม่ เธอก็ยิ้มให้เช่นเคย


“อย่ากังวลไปเลย ข้าเพียงมาทำหน้าที่สอนให้ท่านปรับตัว ไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องที่ผ่านมา”  อันที่จริงนางไม่ได้คิดอะไรกับองค์ชายอคิราห์ผู้นั้นอยู่แล้ว เกรงว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต เพราะเขาคงไม่มีวันมารักกันหรอก


หากมีคนรักที่งดงามขนาดนี้เคียงกาย…


จริงๆแล้วท่านหมอผู้นี้มีพื้นฐานมารยาทที่ดี เพียงแค่อาจจะต้องพูดบอกอะไรให้ปรับเปลี่ยนกันนิดหน่อย ไม่นานก็คงทำได้คล่องแคล่ว น่าตกใจที่ดอกไม้ป่าแห่งชายแดนตะวันตกที่ 2 จะถูกเลี้ยงมาดีขนาดนี้ ทั้งองค์ราชินีและคุณหนูอภิชญาเองเมื่อได้มาลงมือสอนกันจริงๆก็ประหลาดใจไม่น้อย แต่เจ้าตัวก็ยังนอบน้อมถ่อมตน


“เคยได้ยินว่าจันทราปราการนั้นใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์ของคีรีธารามากๆ มาพิจารณาดูก็ไม่แปลกหรอก ต่อให้เติบโตที่ชายแดนแต่ผู้เลี้ยงดูย่อมเลี้ยงมาอย่างดีแน่”  เมื่อได้มาครุ่นคิดดูอีกครั้ง จะพบว่าศศิเป็นไม้ที่ถูกดัดไว้อย่างสวยงามอยู่แล้ว สมกับเป็นลูกหลานของคนในตระกูลที่โดดเด่นและมีอำนาจ


“ไม่เลยพะยะค่ะ กระหม่อมยังต้องรับการฝึกฝนอบรมอีกมาก”  กระนั้นก็ยังถ่อมตัว แต่กิริยามารยาทและทั้งความคิดของเจ้าตัวนั้นเป็นที่ชื่นชอบ อภิชญาเองก็รู้สึกโล่งใจที่การทำงานด้วยไม่ยากเย็นนัก


อีกไม่นานนางเองก็ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปแต่งงานกับองค์รัชทายาทแห่งคีรีธาราเช่นกัน เรื่องนี้ถูกนำมาเล่าให้ศศิฟังในภายหลัง และเจ้าตัวก็ตกใจอยู่ไม่น้อยในโชคชะตาแห่งความบังเอิญนี่ เดิมทีศศพินทุ์คือคนที่ถูกทาบทาม  แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ครองคู่ เป็นท่านแม่ทัพอชิระที่แนะนำให้กับทางนั้นไปถึงตัวอภิชญา


จะว่าไปเรื่องนี้ก็ดูมีเลศนัยอยู่ไม่น้อย


“ข้าเป็นห่วงท่านเหลือเกิน”


“นั่นสินะ ตัวเราก็เป็นห่วงตัวเองไม่น้อย”  อภิชญานั้นแม้จะมีชื่อเสียงที่ค่อนข้างกล้าหาญกว่าสตรีทั่วไป แต่นางก็มีความกลัวอยู่บ้าง เมื่อถูกทาบทามมาก็ต้องยอมรับคำพบเจอ กับอีกฝ่ายนั้นว่าพอจะชอบพอกันได้ไหม ตอนนี้นางไม่คาดหวังอะไรกับความรักหรอก แต่ชายผู้นั้นก็ไม่ได้ย่ำแย่ มิหนำซ้ำยังสง่างามไม่น้อย


ถ้าโชคดีสักวันเราคงได้รักกันจริงๆ


“อวยพรให้กันด้วยนะศศิ”  อภิชญานั้นเอ่ยเล่นๆ แต่ศศพินทุ์นั้นพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามศศิก็อดมองว่ามันเป็นเพราะตนเองไม่ได้ที่อภิชญาผู้ควรจะได้ครองคู่กับอคิราห์ต้องมาแต่งงานกับคนที่เคยหมายมั่นจะแต่งกับตน


ขอให้พวกเขารักกันจริงเถิด
ไม่เช่นนั้นศศิคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต


ก็ผ่านไปเป็นเดือนๆแล้วที่ศศิมาอยู่ที่นี่ และก็เป็นเดือนๆแล้วที่ยังคงคิดถึงผู้เป็นใหญ่ในขอบรั้วพระราชวังแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่ได้เจอ


เจ้าฉายนั้นได้รับการดูแลอย่างดีด้วยความเอ็นดูจากองค์ราชินี เจ้าอ้วนของศศิดูมีราศีเจ้าชายจับอยู่บ้าง อีกไม่นานก็คงจะเติบใหญ่สง่างามไม่ต่างจากพ่อของเขา เมื่อคิดถึงอีกคนที่ห่างไกลก็พลันนึกได้ว่าเมื่ออีกฝ่ายกลับมาเราควรจะไปพบกันอย่างไร ศศิสัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะไม่ไปไหน แต่ในความเป็นจริงคือตนทิ้งห้องนอนในคฤหาสน์วัชรวราภรณ์ไว้ และเข้ามาอยู่ที่ตำหนักนพรัตน์สักพักแล้ว


ไม่ได้การแล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง


“เจ้าฉาย เดี๋ยวแม่ไปเข้าเฝ้าเสด็จย่าก่อนนะ”  แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับการเรียกพระองค์อย่างนั้น แต่ก็ถูกคะยั้นคะยอให้ใช้คำนี้อยู่ดี ศศพินทุ์นั้นแจ้งเรื่องกับนางกำนัลว่าจะขอเข้าเฝ้า เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตแล้วจึงรีบเร่งเดินทางไปยังตำหนักส่วนพระองค์ที่แยกออกมาอาศัย


“มีอะไรหรือศศิ”  ทรงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปราณี ศศินั้นจึงรีบแจ้งไปด้วยหมายไม่อยากให้รอนาน


“กระหม่อมได้รับแจ้งจากทางองค์รัชทายาทว่าใกล้จะกลับมาแล้ว จึงใคร่อยากจะขอกลับไปที่คฤหาสน์วัชรวราภรณ์พะยะค่ะ”


“อา…อย่างนั้นหรือ”


“ทรงพระราชทานอนุญาตให้กระหม่อมได้ไหม…”  ทว่าศศิยังไม่ทันพูดจบ คนที่ตนมาพบก็ส่ายหน้า


“อคิราห์นั้นต้องดัดนิสัยเสียบ้าง เจ้าอย่าเพิ่งไปพบเลย รอสักหน่อย สะดวกแล้วข้าจะให้ไป”  ทำไมเป็นอย่างนี้กันเล่า ศศิเก็บความสงสัยเจือความไม่พอใจเอาไว้ หรือว่าพระองค์…กำลังคิดจะทำอะไรอยู่ คงไม่ได้เกี่ยวกับคุณหนูอภิชญาที่ชอบแอบคุยอะไรกันสองคนใช่ไหม…


คงจะไม่ทรยศต่อความตั้งใจของศศิใช่ไหม?


☼ ☽
ศศิกลับไปแล้ว…
อย่างนั้นหรือ??


“บ้าจริง”  จดหมายที่ถูกส่งมาถึงพระหัตถ์นั้นเพียงแจ้งว่ามีเหตุด่วนให้ต้องเร่งกลับไป เราอาจจะคลาดกันไม่กี่วัน แต่พระองค์แน่ใจว่าเนื้อความในจดหมายนี่เป็นของจริงแน่ ทรงรักอีกคนขนาดนี้ มีหรือว่าจะจำลายมือกันไม่ได้


หากจะรีบเร่งไปหา คาดว่าจะไปถึงได้ในอีก 3-4 วัน อคิราห์คิดได้เช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบเร่งกลับไปตระเตรียมงานที่พระราชวัง ช่างน่าขัดใจนัก ที่ภาระไม่ได้ให้อิสระแก่กันอย่างที่ต้องการ ทรงต้องรีบเร่งจัดการงานด่วน แต่ก่อนนั้นพระองค์ควรจะเร่งเขียนจดหมายให้ศศิรอ พระองค์จะไปหา และจะไปรอรับกลับมาให้เราอยู่ด้วยกัน


แต่เมื่อเขียนจดหมายเสร็จ ก็เพิ่งนึกได้ว่าตนติดพิธีเฉลิมฉลองวันชาติในไม่กี่วันข้างหน้านี้ จึงต้องนำเนื้อความในจดหมายออกมาแก้ไข แม้พระทัยจะติดตามท่านหมอน้อยและลูกชายผู้เป็นที่รักไปถึงชายแดนตะวันตกที่ 2 แล้ว


หลังจากเรียกคนสนิทให้มารับจดหมายไปดำเนินการจัดส่ง พระองค์ก็มองไปที่กองเอกสารที่มารออยู่ ทรงเสด็จออกไปจัดการกับพระราชกรณียกิจนอกสถานที่นานจนงานที่อยู่ตรงนี้ไม่ได้ลดน้อยลงและมีแต่จะเพิ่มพูนมากขึ้น เพียงเพราะต้องการเร่งรัดให้ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ทรงไม่ปราณีกับพระวรกายเลย ทั้งนี้พระองค์ค้นพบว่าการล้มหมอนนอนเสื่อโดยมีคนรักเฝ้าปรนนิบัตินั้นดีที่สุด อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ทรงอดมานานจนควรจะชินชาได้แล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง ที่จะทรงได้เสวยความหวานยาวๆสักที!


ผ่านไปแล้วสามวันกับกองเอกสารและหลายสิ่งหลายอย่าง ปริมาณงานนั้นลดลงไปเป็นจำนวนมาก ช่างเหมาะสมกับการที่ได้บรรทมแค่วันละสามชั่วโมงจริงๆ ทรงรับอ่างล้างหน้าจากนางกำนัลมาจัดการกับพระพักต์ที่อ่อนล้า และรับผ้าขนหนูผืนนุ่มมาซับเบาๆ ก่อนจะออกไปพบแขกที่มาเฝ้ารอเจอ


เสด็จแม่…


“ถวายบังคมพะยะค่ะ”  ทรงเสด็จเข้าไปหาอย่างรีบเร่งด้วยเห็นว่าทรงปล่อยให้รอนานแล้ว องค์ราชินีเมื่อได้ยลพระพักต์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าของพระโอรสก็อุทานออกมา แต่ภายหลังก็ควบคุมอารมณ์ได้ เลยไม่ได้ติฉินอะไรออกไปให้คนฟังต้องมาต่อล้อต่อเถียง


“แม่ว่าจะชวนเจ้าให้ไปทานอาหารด้วยกันเย็นนี้ จะบำรุงองค์รัชทายาทที่เอาแต่ทำงานอย่างดีเลย ต้องมานะลูก”  ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่พระพักต์ของพระโอรส นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนใจ


“กระหม่อมเกรงว่าจะไปวันนี้ไม่ได้ มีงานเร่งด่วนที่จะต้องทำ”


“สักนิดก็ไม่ได้เหรอลูก”


“….”


“เราแทบไม่ได้เจอกันเป็นปีแล้วนะ”  ก็จริงๆอยู่เพราะทรงเสด็จไปทำงานต่างถิ่นนานเหลือเกิน แต่จะบอกว่าไม่ได้เจอก็คงจะมากไป ทว่าเรื่องที่ไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารด้วย ก็นานหลายเดือนแล้วเช่นกัน


เพราะทรงร่วมทานอาหารด้วยครั้งสุดท้ายตั้งแต่ยังไม่ทราบว่าศศิตั้งครรภ์
จนเจ้าแสบอาจจะยืนได้แล้วในตอนนี้พระองค์ก็ยังไม่ได้ร่วมเสวยด้วยสักมื้อ


“ลูกจะไปพะยะค่ะ”


“จริงๆนะอคิราห์”


“พะยะค่ะ”


“ดีมาก งั้นแม่จะสั่งคนทำอาหารอร่อยๆไว้ให้”  พระองค์เองก็รู้สึกผิดกับเสด็จแม่และเสด็จพ่อไม่น้อยที่ไม่มีเวลาให้เลย จะอย่างไรซะครอบครัวก็คือครอบครัว และครอบครัวก็คือความสัมพันธ์รูปแบบหนึ่งที่ไม่ควรละเลย


บางทีพระองค์ก็ควรจะบอกทั้งสองพระองค์เกี่ยวกับคนที่พระองค์เลือกอยู่ตอนนี้


แค่คิด…ก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมา หากองค์เหนือหัวและองค์ราชินีทรงทราบว่าได้เป็นปู่เป็นย่าคนแล้วจะรู้สึกเช่นไร แน่นอนว่าคงโกรธเคืองกันไม่น้อยที่ปิดบัง แต่ในขณะเดียวกันก็คงรีบรับสั่งให้คนไปรับทั้งแม่และลูกมาให้ พระองค์ก็รู้ว่ายังไม่ได้ปรึกษาศศิให้ดีเกี่ยวกับเรื่องสถานะที่อยากเปิดเผยออกไป แต่มาถึงขนาดนี้ที่ทรงมั่นพระทัยว่าคงจะปกป้องอีกฝ่ายจากกระแสทางการเมืองอันเลวร้ายก็อยากจะรวบรัด คงจะโกรธอยู่แต่ใช่ว่าจะไม่หาย อย่างไรก็ให้มาเห็นก่อนว่าเจ้าฉายนั้นเป็นที่รักของราชวงศ์แค่ไหนเสียก่อนแล้วกัน


ดังนั้นจึงควรรีบเร่งไปขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อทรงงานไปจนถึงแก่เวลาก็ไปจัดการเตรียมตัว และเสด็จไปยังตำหนักขององค์ราชินีที่เป็นสถานที่รับรองมื้ออาหารนี้ของครอบครัวเรา ใบหน้าที่ดูซูบซีดเมื่อยามเช้าพลันสว่างไสว แม้ไม่แน่ใจว่าตนควรจะเริ่มอธิบายอย่างไร แต่ค่อยๆดูสถานการณ์และท่าทีไปก่อนแล้วกัน


ทรงได้รับการต้อนรับและนำทางมายังห้องที่ถูกจัดเตรียมเพื่อการร่วมเสวยอาหารค่ำที่นี่ เมื่อมาถึงก็พบว่าทรงมาช้ากว่าพระบิดาอยู่ประมาณหนึ่งแต่ไม่มีใครว่าอะไร องค์ราชินีนั้นยังคงเป็นผู้นำที่สดใส ชวนทั้งพ่อและลูกให้คุยไปเพื่อลบช่องว่างที่เราอึดอัดใจต่อกันให้ได้ประมาณหนึ่ง หลังจากทะเลาะกันในวันนั้น เสด็จพ่อก็ดูจะเสียใจไม่น้อยเลย


“กระหม่อมต้องขอประทานอภัยในสิ่งที่กระทำให้ขุ่นเคือง”  คนเป็นลูกจึงเห็นควรว่าจะเอ่ยออกมาก่อนเพื่อสนทนาหาทางออกที่จะไม่ทำให้ความรู้สึกติดค้าง และแม้องค์เหนือหัวจะตกพระทัยไม่น้อยที่ลูกชายเอ่ยก่อนแต่ก็แย้มพระสรวลออกมาด้วยความยินดี


“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ถือโทษโกรธเคือง เป็นข้าเสียอีกที่วุ่นวายเกินไป”  ด้วยเพราะทรงใส่พระทัยต่อความรู้สึกของพระองค์ชายเป็นอย่างมาก จึงเลือกที่จะปล่อยวางและตั้งใจจะแสดงตนเป็นผู้ให้คำปรึกษาในทุกทางที่อคิราห์จะเลือกแทน เมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มที่จะดีขึ้นมา องค์ราชินีก็วางพระทัย


“เหตุไฉนยังไม่จัดวางอาหารกันเล่า”


“ยังมีแขกอีกคนที่กระหม่อมอยากจะให้มาพบอีกสองคน เป็นคนที่น่ารักมากๆแต่เกรงว่าอาจจะติดธุระสำคัญในตอนนี้”  เมื่อได้รับฟัง ทั้งสองพระองค์ก็แปลกพระทัยอย่างยิ่ง มันใช่หรือ…ที่ให้องค์เหนือหัวและองค์รัชทายาทมารอ?


“ใครกันหรือ”  องค์เหนือหัวทรงตรัสถาม


“เป็นคนที่อยากให้อคิราห์ได้พบเจอเพคะ”  เมื่อได้ยินพระนามจากพระโอษฐ์ของเสด็จแม่ คนฟังก็ขมวดพระขนงด้วยไม่พอพระทัย หรือจะยังดึงดันแนะนำใครให้พระองค์อีก ที่ผ่านมาไม่ชัดเจนพอหรือไงว่าไม่ว่าจะใครก็ไม่เป็นที่ต้องการ


“หากจะทรงแนะนำใครให้ลูกเหมือนอภิชญาอีก เกรงว่าลูกก็คงจะต้องขอปฏิเสธออกไป”  ในตอนนี้แม้อยากจะพูดเรื่องของศศิและลูกจับใจ แต่ก็เกรงว่าจะทำไม่ได้


“ทำไมกันเล่าอคิราห์ เจ้ายังไม่ได้เจอน้องเลย”


“ลูกไม่มีวันรักพะยะค่ะ ขอทรงโปรดเข้าพระทัย”


“อคิราห์ แม่ไม่ได้บังคับหากลูกจะไม่ถูกใจ แต่อย่างน้อยให้ได้พบกันก่อนได้ไหมแล้วเจ้าค่อยตัดสินใจอีกครั้ง”  ทรงวอนขอออกไป แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะทำให้พระโอรสอ่อนไหวกว่าเรื่องใดๆ


“ลูกไม่อยากพบเจอใคร หากเป็นไปได้ก็อยากให้มื้อนี้มีแค่ครอบครัวเราพะยะค่ะ”


“แต่อีกคนอาจจะได้มาเป็น…”


“พอเถิดพะยะค่ะ”


“…”


“กระหม่อมคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว”  เพราะทรงยกพระทัยให้ใครอีกคนไปทั้งหมด


“ต้องการเช่นนั้นจริงๆหรือ”


“….”


“เข้าใจแล้ว”  ในที่สุดก็ทรงยอมรับในการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวนี่ “ปราณี งั้นเจ้าไปบอกแขกของเราว่าลูกชายเราไม่ต้องการจะพบ”


“….”  แปลก…


“เขาไม่อยากสานสัมพันธ์ด้วย ไปบอกให้หมดและถามเขาว่าจะเลือกเช่นไร”


“เสด็จแม่”  ปกติหากจะปฏิเสธอะไรใครก็ไม่เคยเห็นจะพูดตรงๆขนาดนี้ ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน


“น้องหญิง”  องค์เหนือหัวทรงทราบได้ว่าภรรยากำลังโกรธเคืองแต่เก็บอารมณ์อย่างมิดชิด


“หากเขาต้องการจะออกไปพร้อมกับพาลูกกลับชายแดนด้วย บอกให้รอเราก่อนเพราะเรายังอยากเจอกับเจ้าฉายเป็นครั้งสุดท้าย ให้ศศิรอก่อนเราจะออกไปคุยด้วย”  ศศิ…


นี่มันอะไรกัน!


“กระหม่อม…เข้าใจแล้วพะยะค่ะ”  ในขณะที่คนที่เมื่อครู่ปฏิเสธเสียงแข็งเช่นนั้น ยังมีอีกคนที่มายืนอยู่แถวประตูและได้รับฟังทุกอย่าง…


“ศศิ…”  และเพราะน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวังนั้นช่างคุ้นหู พระองค์ชายที่เมื่อครู่ทรงกริ้วอยู่ก็หันกลับไปมอง ว่าเสียงนั้นคุ้นแล้ว


ใบหน้า…ก็ยิ่งคุ้นเคยเข้าไปอีก


“….”


“….”


“ศศิ ไปรอข้าที่ตำหนัก”  ด้วยเพราะเห็นเด็กสองคนเอาแต่จ้องตากัน องค์ราชินีที่คิดแผนการทุกอย่างจึงตัดฉับภาวะอึดอัดนั่นให้ คนงามเพียงถวายความเคารพ และเดินหันหลังจากไป


ที่มาช้า…เพราะเจ้าฉายนั้นดื้อเหลือเกิน…


“ลูกขออนุญาต”  ไม่ได้การแล้วอคิราห์ เจ้าพลาดเสียท่าไปมากแล้วจริงๆ


เจ้าของแผนการอันปราดเปรื่องนั้นยิ้มส่งให้ ในขณะที่องค์เหนือหัวยังคงเงียบขรึมไม่ได้ตรัสสิ่งใด ทว่าเมื่อคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนและค้นพบถึงจุดเชื่อมโยงต่างๆก็เข้าใจได้ เมื่อสบพระเนตรงามขององค์ราชินีก็ทรงถอนหายใจและส่ายหัวออกมา เป็นเช่นนี้ดีที่สุดแล้วจริงๆ…ดีที่สุดจนหาอันใดเปรียบได้ไม่


ในส่วนของคนที่รีบเร่งเดินตามคนที่เข้ามาฟังวาจาร้ายๆเมื่อครู่ เมื่อตามทันก็ทรงคว้ามือเล็กนั้นไว้


“ศศิ เจ้าอย่าเพิ่งไป!”


“…”


“พี่ขอโทษ”  ชิงเอ่ยก่อนคือคนชนะกระนั้นหรือ จริงๆแล้วอคิราห์ยังปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ถูกเลย ทำไมศศพินทุ์ที่ควรจะอยู่ที่ชายแดนจึงมาอยู่ที่นี่เล่า แล้วองค์ราชินี…


ทรงไปเจอศศิของพระองค์ได้อย่างไร?


“…”


“ศศิ”


“องค์รัชทายาทคงจะเหนื่อยรอแล้วกระมัง หากเป็นเช่นนั้นกระหม่อมก็ขอตัวกลับไปดูลูกเสียหน่อย เขาร้องไห้งอแงเหลือเกิน ปลอบกันอยู่นานทำเอาเสียเวลามาหา”


“เจ้าฉายก็อยู่ที่นี่งั้นรึ”  และเมื่อทรงได้ไต่ถามออกไป คนงามก็ทำเสียงพึมพำหงุดหงิดใจออกมาได้ยิน ใครกันเล่าที่ขี้งอนถึงเพียงนี้ หากพระองค์รู้ว่าเมียรักจะมาหา ก็คงไม่มีวันแสดงออกอย่างนั้นไปหรอก คิดได้เช่นนั้น ก็หงุดหงิดใจไม่น้อยเลย


“ทูลลาพะยะค่ะ”


“เดี๋ยวสิ จะงอนกันไปถึงไหน”


“…”


“หากพี่รู้สักนิดว่าเป็นเจ้า ไม่มีหรอกที่จะไม่พอใจ และต่อให้เกลียดชังแค่ไหน ก็คงไม่มีทางที่จะเดินตามออกมาหรอก”


“…”


“ไม่รู้หรือว่าพี่รักและคิดถึงแค่ไหน”  ก็พอจะรู้อยู่บ้าง


แต่ไม่เจอกันนานบางทีก็ไม่มั่นใจนี่นา…


“แล้วไม่คิดหรือว่าศศิก็คิดถึง”  ดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำนั้นถูกช้อนขึ้นมามอง ท่าทีที่อ่อนลงของท่านหมอน้อยยอดรักทำให้พระองค์แย้มพระสรวลก่อนจะฉุดรั้งให้ร่างบางนั้นเข้ามาอยู่ในอ้อมอก ต่อให้รู้ตัวว่าทรงเป็นตัวตลกของเสด็จแม่อยู่ แต่ก็ยอมหมดทุกอย่างแล้ว เพราะตอนนี้ต่อให้ทรงขำในความโง่เง่านี่ดังแค่ไหน พระองค์ก็ไม่ได้ยินอะไร…


นอกจากเสียงหัวใจของเราสองคน…

☼ ☽


“ไม่คิดว่าน้องหญิงจะรู้จักกับศศิด้วย” เมื่อเหลือกันเพียงแค่สองคน องค์เหนือหัวก็ได้ตรัสถามออกมา


“ศศิเป็นเด็กดีเพคะ คาดว่าพระองค์คงจะได้พบเจอกันมาก่อนแล้ว”


“เขาเป็นเด็กดีจริงๆนั่นแล”  เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ที่ได้พบเจอและได้จากลา ก็ทำให้ทรงสะท้อนใจไม่น้อย เพราะทรงเป็นผู้คุ้มกฎที่ทำให้ทั้งสองแยกจาก


“เป็นเด็กที่นิสัยดีและงดงามมากๆ เหมาะสมกับอคิราห์เป็นที่สุด”


“ข้าก็คิดเช่นนั้น”  หรือจะกล่าวได้ว่าเคยคิดเช่นนั้น องค์ราชินีที่เห็นพระพักต์อันเศร้าสร้อยของพระสวามีก็รู้สึกสงสาร หลายเดือนจนเป็นปีที่ผ่านมาพระองค์ทรงรู้ดีว่าองค์เหนือหัวนั้นจมอยู่กับความทุกข์ใจมาตลอด ทรงรักและอยากจะตามใจอคิราห์มาก แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ด้วยฐานะหน้าที่มันค้ำคอ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องเก็บงำความหดหู่นั้นไว้อีกแล้วกระมัง


“อย่าได้ทรงกังวลอะไรอีกต่อไปเลย ต่อไปนี้พระองค์สามารถปล่อยวางสิ่งที่แบกรับไว้และมอบให้ลูกชายของเราได้สานต่อเถิดเพคะ”  ตลอดชีวิตของพระนางและพระสวามีที่ไม่เคยรักกันฉันสามีภรรยา แต่ความผูกพันห่วงหายังมีอยู่ไม่น้อย และตอนนี้ศศพินทุ์ได้นำพาเจ้าฉายมาปลดโซ่ที่ตรวนพระองค์ให้แล้ว ไฉนเลยพระองค์จึงจะเงียบเฉยทำเป็นไม่สนใจอะไรได้


ยังไงองค์เหนือหัวก็จะได้รู้อยู่ดี


“หากหลานปู่เห็นว่าพระองค์ทรงตีหน้าขรึมเช่นนี้ เด็กน้อยจะกลัวเอานะเพคะ”


“….”


“ทรงโดนเด็กหลอกเข้าแล้วองค์เหนือหัวของเรา เสด็จตามหม่อมฉันมาเถิด”  ไปไหน พระนางจะพาองค์เหนือหัวผู้ไม่รู้อะไรไปไหน? “พ่อแม่ของเจ้าฉายคงเอาแต่แสดงความรักต่อกัน เราปู่ย่าควรจะไปดูเจ้าตัวเล็กให้ มาเถิดเพคะหม่อมฉันจะพาไป”


“เจ้าฉาย…หลานของเราหรือ”  ใช่แล้ว…คนแก่คนนี้เฝ้ารอมาตลอด ครั้งหนึ่งเคยรอที่จะได้เจอลูกด้วยหมายจะค้นพบความรักที่แท้จริงที่ทรงจะมีได้ในโลกการเมืองนี้ และอีกครั้งก็ทรงคาดหวังจะได้เห็นลูกของลูกชาย และวันนี้การรอคอยนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว


พระองค์จะได้เจอองค์รัชทายาทองค์ต่อไปแห่งสิหราชนคราแล้ว…


Talk
ตอนหน้าก็จบละนะ


























































ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เจ้าแสบจะกลายเป็นองค์ชายเต็มตัวแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เจ้าฉายจะได้เจอเสด็จปู่แล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว  :heaven

ออฟไลน์ skylover☁

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-2
Finding the twilight
33
ยามอัสดง
☼ ☽


ใช่ว่าที่ทำให้ศศพินทุ์กังวลใจและทำให้ลูกชายโกรธเคืองไปเช่นนั้นเพราะทรงต้องการจะจับแยกเด็กสองคนนั้นจริงๆเสียด้วย
แกล้งนิดเดียวคงไม่เป็นไรหรอก ทีคู่รักอาทิตย์พระจันทร์ยังหลอกลวงและหลบซ่อนกันไม่ให้ผู้ใหญ่รับรู้ตั้งนานเลยนี่!


ทรงทอดพระเนตรมองพระโอรสที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น มือที่เคยเล็กเท่าเจ้าฉายในวันนั้นใหญ่โตพอที่จะกุมเพื่อมอบความมั่นใจให้กับคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดนั่งอยู่ข้างๆ คาดว่าเด็กคนหนึ่งที่ปกปิดการมีอยู่ของ ‘องค์ชายนภฉาย’ ในท้องของตนมานานคงจะละอายใจไม่น้อยเลย


“อคิราห์ เราไม่ทำอะไรศศิของเจ้าหรอก ใยต้องทำหน้าเหมือนจะฆ่าทุกคนที่เข้าใกล้เมียของเจ้าถึงเพียงนี้”  องค์เหนือหัวที่ปิติยินดีกับสถานการณ์นี้กว่าใครนั้นถามออกไป ทรงสะกดน้ำเสียงแห่งความปลื้มใจไว้มิด จะอย่างไรก็ต้องสอบสวนกันให้ดี


“เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเมียลูกแม้แต่น้อยที่จะปกปิดทุกคนเรื่องนี้ ในยามท้องเจ้าฉาย…บ้านเมืองหาได้มีความสงบไม่ และทางจันทราปราการเองก็กดดันให้ศศิต้องจากไปเช่นนั้น”  เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลที่สุด พระองค์ทรงรู้ดีว่าจันทราปราการที่มีอำนาจไม่ขึ้นตรงต่อใครนั้นยากที่จะแทรกแซง แต่ว่า…


“แล้วเมียเจ้าเคยคิดไหมว่าอยากจะพาหลานของเรา ลูกของเจ้ากลับมา”


“…”


“หรือจะบอกว่าในยามนั้นเจ้าก็รู้ดีว่ามีลูกแล้วจึงยอมปล่อยเมียที่ท้องอยู่ให้ออกเดินทางจากไป”


“อันที่จริงกระหม่อมไม่ทราบเลย”  องค์ชายอคิราห์นั้นตรัสออกมา ศศินั้นพลันรู้สึกผิดตามไปด้วย ทว่าเจ้าตัวคงถูกความรักครอบงำจนลืมบางสิ่งไป  “ศศิบอกลูกแล้วว่าเขาท้อง แต่เป็นลูกที่ไม่เชื่อเอง”  แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทรงปล่อยมือไปอยู่ดี


ตอนนั้นทรงคิดถึงแต่ความปลอดภัยของยอดรัก และหากตัดประเด็นที่ว่าภายในวังล้วนเต็มไปด้วยอันตรายและความไม่เข้าใจออกไป พระองค์ย่อมไม่ปล่อยศศิแน่ เดิมทีก็ทรงหลงรักคนๆนี้แม้ไม่ทราบว่าเขาจะมีลูกให้กันได้ก็ทรงรักมากมาย เพราะความจำเป็นในตอนนั้นที่ทำให้ปล่อยไป แต่ตอนนี้มันไม่มีความจำเป็นใดๆแล้วจึงไม่อาจจะปล่อยให้ไปได้อีก


แม้ว่าศศิจะเรียกร้องขอออกจากอ้อมกอดของพระองค์ก็ตาม


“เป็นกระหม่อมที่ผิดเองทั้งหมด ทรงอย่าตรัสว่าองค์รัชทายาทอีกต่อไปเลยพะยะค่ะ”


“ศศิ”  ทรงร้องท้วง


“กระหม่อมไม่เคยมั่นใจในตัวเองว่าจะอยู่ที่นี่ได้เลย จนกระทั่งมารู้ตัวได้ว่าการทำเช่นนั้นเท่ากับไม่มั่นใจในตัวคนรักที่พยายามทุกอย่างเพื่อกัน”  ศศิจ้องมองไปยังเบื้องหน้า ทว่าจับพระหัตถ์พระองค์แน่น  “กระหม่อมผิดไปแล้วที่ไม่ให้เกียรติในตัวพระองค์ชาย และไม่ให้เกียรติความรู้สึกตัวเอง แต่ตอนนี้ได้รู้แล้ว…”


“เจ้า…”


“ขอทรงโปรดประทานอภัยให้คนโง่งมคนนี้ กระหม่อมจะไม่หนีไปไหนอีก และจะไม่ปิดบังอะไร”  เดิมทีศศิตั้งใจว่าเมื่อคลอดเจ้าฉายออกมาแล้ว หากชะตาเห็นเป็นใจก็ให้องค์รัชทายาทได้มาพบเจอกัน และพรหมก็ได้ลิขิตเป็นเช่นนั้น ศศิมีเพียงอย่างเดียวที่จะเสีย ก็คือหัวใจของตนเองที่จะใช้วางเดิมพันลงไปนี่แล


“อย่าก้มหน้าอีกเลย เจ้าไม่ได้ผิดเลยนะศศิ”  เมื่อเห็นคนงามที่ไม่กล้าสู้หน้าและประโยคที่พรั่งพรูออกมาก็ทำให้ยิ้มได้ พระองค์ได้ทั้งกาย ใจ และเจตนามาครอบครองไว้แล้วทั้งหมด


“เป็นเช่นนั้นข้าก็คงต้องประทานโทษให้เจ้าในฐานหลอกลวงเชื้อพระวงศ์แล้ว”  องค์เหนือหัวทรงตรัสออกมาสั้นๆ ก่อนจะขยายความให้กระจ่าง  “ขอให้เจ้าสองคนครองรักกัน รับรู้และช่วยกันดูแลทั้งยามสุขยามทุกข์จากนี้ ขอให้อคิราห์ได้ขึ้นมาบริหารแผ่นดิน โดยมีศศพินทุ์อยู่เคียงข้างกาย”


จากวันนี้จนตราบสิ้นลมหายใจ…


“ข้าขอประทานสมรสให้กับองค์รัชทายาทและศศพินทุ์ ขอให้พวกเจ้ารักกันจนแก่เฒ่านับจากนี้”  สิ้นคำสั่ง คนทั้งสองก็น้อมรับในบัญชา หากว่านี่คือการทำโทษ มันก็ยาวนานกินเวลาไปตลอดชีวิต แต่หากว่านี่คือพรแห่งสวรรค์


ก็เท่ากับว่าเราจะได้รักกันตราบชั่วนิจนิรันด์ที่เราจะรับรู้ได้…


“ว่าแล้วว่านี่ต้องเป็นแผนของเสด็จแม่”   หลังจากที่การพูดคุยเสร็จสิ้น ก็ทรงไต่ถามองค์ราชินีถึงเหตุที่ศศพินทุ์ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ และก็ได้ทราบว่าทรงกลั่นแกล้งพระองค์และคนงามอย่างเจ็บแสบ แม้กระทั่งแอบเอาจดหมายที่ศศิเคยเขียนแต่ไม่ได้ส่งไปฝากมาให้พระองค์ด้วย


เพราะพระองค์ทรงปฏิเสธการมาเสวยพระกระยาหารแทบทุกครั้ง
มิหนำซ้ำศศิ…ยังอุ้มท้องหนีสิหราชวงศ์อย่างเด็ดเดี่ยวเสียเพียงนั้น


“ข้าเองก็กังวล ว่าเหตุใดถึงไม่ยอมให้ข้าได้ไปหาท่าน ที่ไหนได้…”  หลังจากที่ศศิเอ่ยขอกลับไปที่คฤหาสน์ของธวัลย์ ก็มักได้รับคำปฏิเสธอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งวันนี้…ทรงให้นางกำนัลมาตามให้ไปทานอาหารเย็นร่วมกัน เดิมทีศศินั้นจะมาอยู่แล้วเพื่อขอโอกาสอีกครั้งทว่าเจ้าฉายกลับแผงฤทธิ์จึงทำให้มาช้า มาทันฉากเด็ดคำพูดคำจาตัดสัมพันธ์ขององค์รัชทายาทพอดี


ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดมาก ก็จะหวั่นไหวกับอะไรง่ายๆไปหน่อย


“แต่แค่ได้เห็นเจ้า ที่ถูกแกล้งไปทั้งหมดข้าไม่โกรธเลย จริงๆนะ”  อคิราห์รับสารภาพ เพราะทรงพอใจในทัณฑ์แสนหวานนี่ที่สุด


“ข้าก็เช่นกัน”  หลังจากที่คุยกันจบ องค์เหนือหัวก็ไม่รอช้า ทรงเสด็จมาเจอเจ้าแสบที่หลับใหลอยู่ ทรงนิ่งเงียบ พินิจหลานชายคนแรกด้วยความยินดีอยู่พักใหญ่ เจ้าอ้วนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นเลยจึงต้องเสด็จกลับไป แต่คาดเดาได้ว่าพรุ่งนี้ต้องมีคนเห่อหลานยกเลิกการประชุมใหญ่เพื่อมาเจอหน้าเป็นแน่


น่าดีใจเหลือเกินที่เจ้าฉายเป็นที่รักถึงเพียงนี้


“ได้ยินว่าเจ้าไม่โกรธพ่อแม่ของข้าก็ดีใจนัก แต่ถึงโกรธ ลูกชายของพวกเขาย่อมง้องอนเป็นแน่ อย่าได้ห่วงเลย!”


“งั้นดีแล้วที่ไม่โกรธ เพราะข้ารำคาญการง้องอนของลูกชายพวกเขานัก”


“ศศิ…”


“ท่านให้ข้ารอท่านนานไปแล้ว หากยังจะไปไหนไกลๆอีก เห็นทีข้าจะต้องกระเตงลูกออกไปทำงานทำการบ้างเช่นกัน”


“เหตุใดต้องทำเช่นนั้น เจ้าเป็นเมียใครรู้ตัวหรือไม่”


“รู้สิ!”  ศศิจ้องมองหน้าพ่อคนอวดเบ่งระคนหมั่นไส้  “เป็นเมียขององค์รัชทายาทนั้นเท่ากับเป็นว่าที่องค์ราชินีคนต่อไปไม่ใช่หรือ เช่นนั้นแล้วหากไม่ทำงานให้ประชาชนรักใคร่ คนเขาจะว่าท่านตาถั่วหาเมียประสาอะไรได้”


“ศศิ…”  ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากศศิ คำที่เจ้าตัวยอมรับหมดใจว่าจะยอมรับฐานะตำแหน่งนี้ไว้เพื่อเคียงข้างกายของพระองค์


“เว้นเสียแต่ท่านจะไม่ยกตำแหน่งนี้ให้ข้าและไปยกให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ ข้าไม่ยอมหรอกนะ เห็นเช่นนี้ข้าก็เป็นพระญาติของกษัตริย์แห่งคีรีธาราเช่นกัน ข้าจะหอบลูกจากไปแล้วอย่าหวังว่าจะได้เจอกะ…”  แต่ไม่ทันที่คำพูดจาร้ายๆจะหมดประโยค คนฟังก็ทนไม่ไหวจนต้องฉุดให้เข้ามาอยู่ในอ้อมพระอุระ เจ้ากระต่ายน้อยที่ตกใจกับความกะทันหันนี่ก็คิดจะผลักออกไป ทว่าความนัยจากพระโอษฐ์บางนั้นก็ทำให้หยุดชะงัก


“ข้ารักเจ้า”


“….”


“เป็นข้ารักเจ้า ที่เป็นทั้งท่านหมอผู้ใจดี เป็นคนที่เหมือนกระต่ายแต่เลี้ยงกระต่ายที่น่ารำคาญ เป็นคนที่มีกลิ่นหอมติดกายตรึงใจ และยังเป็นแม่ของเจ้าฉายที่แสบซนแต่น่าเอ็นดูกว่าใครบนโลกนี้”


“พี่อาทิตย์”


“ข้ารักเจ้าเหลือเกินองค์ราชินีของข้า”  คำรักที่เหมือนจะไม่มีวันจางหายไปจากปากของชายคนนี้ทำให้ใจของศศิอ่อนยวบ


“ศศิก็รักท่านเช่นกัน”  เขาที่เป็นดั่งคนรัก เป็นพ่อของลูก องค์รัชทายาทของปวงชน และอาทิตย์ส่องแสงที่ให้ความอบอุ่นแก่หัวใจ  “องค์เหนือหัวของศศิ…ข้ารักท่านเหลือเกิน” การพบกันที่ไม่ธรรมดา ความใกล้ชิดที่ฟ้าบันดาล ความทุกข์ยากที่ได้พ้นผ่าน และความสัมพันธ์ที่ต้องใช้ความพยายาม



เราได้ประสบและอดทน เพื่อมาพบความสุขที่แท้จริงตรงนี้
แล้วใยจะลังเลใจที่จะคว้าไว้อีกเล่า!


☼ ☽


เจ้าแสบของพ่อและแม่เป็นที่เอ็นดูนัก
แม้จะงอแงเก่งกว่าใคร แต่ก็เป็นขวัญใจของคนทั่วไปได้ไม่ยาก


พระชายาในองค์รัชทายาทแห่งสิหราชนครานั้นตรวจสอบเนื้อหาในเอกสารอีกครั้งก่อนจะส่งมันให้กับท่านธมลที่มารอรับ หลังจากวันนั้นที่ได้กลับมาเจอกันก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว เจ้าฉายที่ได้ฉายาว่าแสบสันนั้นก็เริ่มจะเดินได้จนสร้างความวุ่นวายไปทั่วตำหนักชลสินทุ์


แต่การมาอยู่ที่นี่ในฐานะคนรักขององค์ชายอคิราห์ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เคยคิดไว้ แม้จะได้รับการไม่ยอมรับอยู่บ้างในตอนแรกด้วยที่มาที่ไปที่มีเงื่อนงำ ทว่าองค์ราชินีรัญชิดาก็ช่วยปูทางให้ดี ตัวตนของศศพินทุ์นั้นถูกเปิดเผย และตอนนี้คนทั้งดินแดนก็ทราบแล้วเด็กที่เกิดในวันพระจันทร์ทรงกลดตามคำทำนายนั้นคือคู่ครองขององค์ชายที่กำเนิดในวันที่มีอาทิตย์ทรงกลดเช่นกัน


ความมหัศจรรย์นี้จึงทำให้คนพาลคิดกันไปว่าพรหมลิขิตได้บันดาลชักพา


นอกจากนั้น สิ่งที่ตนได้กระทำมาตลอดก็มีผลให้ได้รับการยอมรับที่มากขึ้นในตอนนี้ เหล่าคนไข้ทั่วดินแดนที่เคยได้พาลพบล้วนพากันช่วยสรรเสริญในความดีแบบที่ไม่เคยคาดหวัง อีกทั้งหลังจากประกาศตัวออกไป ศศพินทุ์ก็ได้เข้าไปมีบทบาทในการสร้างระบบการศึกษาที่หวังมุ่งเน้นให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและมีหมอคุณภาพประจำท้องถิ่นทุกที่ งานหนักแต่เป็นงานที่ถนัดและทำได้ดี ศศิจึงมีความสุขใจในทุกวันที่เป็น


และตอนนี้ก็ยุ่งพอๆกับองค์รัชทายาทที่รักเลย…


“เจ้าฉาย มาหาแม่มา”  หลังจากที่ดูรายการจัดซื้อจัดหาและรับรองเอกสารไป ก็ได้เวลาพักผ่อนคลาย แต่คนเป็นแม่มีโอกาสเช่นนั้นด้วยหรือ แน่นอนว่าไม่ เจ้าฉายที่วันนี้อยากอยู่กับแม่กว่าใครก็คลานบ้างเดินบ้าง เล่นไปเล่นมาอยู่ในห้องทรงงานพระบิดาที่ศศิยึดมานั่นแล


“มะมา..มา”  เมื่อเห็นว่าคนแม่นั้นว่างจะเล่นด้วยแล้วก็รีบคลานมาหาอย่างดีอกดีใจ ไม่นานก็เข้าสู่อ้อมอกอุ่นที่เป็นสถานที่โปรดปราน


เจ้าฉายเป็นหลานรักของปู่ย่า เรียกว่าการได้พบหน้าทำให้เรื่องที่เคยอึดอัดต่อกันก่อนนี้ได้รับการสมานอย่างดี บางทีทั้งสองพระองค์ก็มาขอไปช่วยดูแล แม้ตอนแรกจะใจหายอยู่บ้าง แต่งานหนักเช่นนี้ก็…บางทีก็ดีเหมือนกันที่มีคนเอาไปแสบที่ตำหนักอื่น


“คิดถึงพ่อของเจ้าบ้างไหมนี่”  เพราะแทบไม่เคยได้อยู่กับลูก องค์ชายอคิราห์ก็กังวลไม่น้อยว่าจะทำให้ลูกรู้สึกไม่คุ้นเคย เมื่อได้อยู่ว่างๆ ไม่มีเสียหรอกจะเสียโอกาสในการเอาอกเอาใจ และตามประสาเด็กซน เมื่อมีคนแรงเยอะมาชวนเล่นด้วยก็ชอบใจใหญ่ สุดท้ายแล้วนภฉายก็ชื่นชอบอคิราห์ไม่น้อยกว่าใคร


จนบางทีศศิก็น้อยใจว่าลูกไม่ค่อยออดอ้อนกันแล้ว


แต่พออยู่ด้วยกันสองคนก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ เจ้าฉายไม่ได้ลืมใคร แต่อารมณ์ของเขามันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ วันนี้เมื่อไม่มีใคร ใจของเจ้าฉายก็เป็นของแม่ทันที เห็นเป็นเช่นนี้ก็คิดถึงวันที่เราอยู่ด้วยกันสองคน และแน่นอนว่าจะช่วงเวลานั้นหรือเวลานี้ ศศิก็มีความคิดถึงอีกคนอย่างช่วยไม่ได้


“อาบน้ำกันดีกว่าเราสองคน”  นี่ก็เย็นแล้ว อีกไม่นานก็ต้องหลับนอน วันนี้คึกมาก หลับสบายไม่ลำบากคนกล่อมเป็นแน่


“อาบด้วยกันสามคนไม่ได้หรือ ท่านแม่ของเจ้าลำเอียงเหลือเกินนะ”  เสียงทุ้มที่คุ้นเคยและอ้อมกอดที่มาจากด้านหลังทำให้คนร่างบางสะดุ้ง พระพักต์หล่อเหลานั้นซุกอยู่กับหลังคอของท่านหมอน้อยที่วันนี้รวบผมเป็นมวยสูง ปอยผมที่หลุดลงมาคลอเคลียขับให้ยิ่งดูอ่อนหวานจนทนไม่ไหว อยากสูดดมใกล้ๆให้รู้ว่าหวานอย่างที่จินตนาการหรือไม่


“พี่อาทิตย์”  ไหนว่าวันนี้จะกลับดึก


“อาบน้ำเสร็จเราก็ทานอาหารกันหน่อย ข้ายังไม่ได้ทานอะไรมาเลย”


“เป็นเช่นนี้อีกแล้ว”  ทรงรีบเร่งจนไม่ทานอะไรเพียงเพราะอยากกลับบ้าน องค์รัชทายาทแห่งสิหราชนครานั้นช่างเป็นเด็กติดบ้านโดยแท้!


หรือจริงๆไม่แน่ก็อาจจะติดเมีย…และลูก…


ช่วงเวลาของศศิในพระราชวังแห่งสิหราชนครานั้นจะว่าผ่านไปเร็วก็เหมือนจะเร็วเพราะภาระหน้าที่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในฐานะคนรักขององค์รัชทายาทที่ถูกเปิดเผย ช่างต่างจากในครั้งแรกที่มาอย่างหลบๆซ่อนๆนั้น องค์ชายอคิราห์เมื่อสามารถเปิดตัวได้ก็ไม่เพียงนัวเนียกันในตำหนัก เรียกว่าทุกซอกทุกมุมของพระราชวังที่พาไปได้ พระองค์ก็ไม่พ้นจะพาไปแสดงความเป็นเจ้าของทุกที่ จนตอนนี้ท่านหมอน้อยกลายเป็นคนดังไปแล้ว


ส่วนเจ้าฉายก็เป็นขวัญใจคนไปทั่ว ด้วยอุปนิสัยร่าเริงน่าเอ็นดูของเด็กน้อย คนที่พบเห็นย่อมถูกขโมยหัวใจไปได้ง่ายๆ ยิ่งตอนนี้เป็นหลานรักของปู่และย่า คนก็ยิ่งชอบพะเน้าพะนอเอาใจ จนคนแม่เริ่มจะกลัวจอมแสบกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจยามที่ไม่ได้อะไรตามต้องการ เมื่อเอาเรื่องนี้ไปบอกคนพ่อ คำตอบที่ได้ก็ไม่ได้สมใจ เพราะตอบดีแต่ปฏิบัติยอดแย่ คนนี้ก็หลงลูกเช่นกัน


“รู้สึกเช่นไรบ้างที่ในอาทิตย์หน้าก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้ว”  ทรงตรัสถาม


“ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ”  คำตอบชองคุณแม่คนงามนั้นทำให้พระองค์หน้าเสีย ยิ่งรู้จักยิ่งลึกซึ้ง ก็ไม่รู้ว่าที่เย็นชาขึ้นนี่คือธรรมชาติของเจ้าตัวที่เป็นกับทุกคนหลังจากสนิทสนมหรือไม่ แต่ยังไม่ทันหน้าเสียนาน คนที่แสบไม่ต่างจากลูกชายก็ยิ้มเผล่


อา…เกรงใจเมียไปก่อนย่อมดีกว่าอาจหาญหาเรื่องจนเป็นเรื่องจริงๆ อคิราห์ท่องไว้เช่นนี้ และยังคงเป็นคนกลัวเมียอย่างต่อเนื่องแบบไร้อนาคตต่อไป


ในสัปดาห์หน้า งานอภิเษกของพระองค์กับศศพินทุ์จะถูกจัดขึ้น จริงๆแล้วบ่าวสาวไม่ควรมาอยู่ด้วยกันเช่นนี้ แต่เราใช่บ่าวสาวทั่วไปที่ไหน ทรงอ้างเสียงดังว่าลูกจำต้องได้อยู่กับพ่อแม่ไม่งั้นเขาจะเป็นเด็กมีปัญหา จะสัปดาห์หรือวันก็จะไม่ห่าง ทรงจะขึ้นเป็นกษัตริย์ที่ดีได้อย่างไร หากพ่อที่ดียังเป็นไม่ได้ เมื่อทุกคนในท้องพระโรงได้ฟังเช่นนั้น ก็รับรู้ได้ว่าองค์รัชทายาทนั้นเกินเยียวยาแล้วจริงๆ


จึงมีมติให้หลงลูกหลงเมียอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ


“ข้าไม่คิดจริงๆว่าวันหนึ่งชีวิตจะพลิกผันมาถึงจุดๆนี้”  จากเด็กธรรมดา วันหนึ่งได้เจอกับคนๆหนึ่งที่ไม่ธรรมดา ไปสู่ความลับอันไม่ธรรมดาของตน แต่ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อมาถึงจุดๆนี้ได้ ก็ย่อมต้องขอบคุณความไม่แน่นอนที่แปรเปลี่ยนความธรรมดาเหล่านั้นให้กลายเป็นความพิเศษเช่นตอนนี้ ศศินั้นได้เดินนำพระองค์ไปยังระเบียงห้องและมองฟ้าอันงดงาม


“ข้าเองก็ไม่คิด ว่าวันหนึ่งจะทำเรื่องบ้าบิ่นไปตั้งมากมายถึงเพียงนั้น” 


“เสียใจหรือนึกเสียดายไหม หากวันนั้นเราไม่…”  ทว่าศศิที่อุ้มเจ้าฉายพูดเจื้อยแจ้วก็ไม่ได้โอกาสพูดจนจบ นิ้วชี้ของพระองค์กดบนริมฝีปากอิ่มของคุณแม่ที่ถามคำถามไม่รื่นหู ดวงตาที่มองกันในตอนนี้ยังคงฉ่ำวาวเหมือนกับวันแรกที่พระองค์ทรงฟื้นมาจากความตาย สวรรค์ถือว่าปราณีกันแล้วที่ให้กลับมา ไม่เช่นนั้นทั้งชีวิตที่สูญสิ้นอย่างไร้ค่าคงไม่มีวันได้พบเจอกับความรักเช่นนี้


“ไม่พูดเช่นนั้นสิ”


“เช่นนั้นข้าจะตีความว่าท่านไม่เสียใจที่เลือกจะเดินร่วมกัน”


“ย่อมไม่มีวันอยู่แล้ว”  อคิราห์มั่นใจ  “ยิ่งต้องขอบคุณเจ้าที่ยอมรับเราเช่นนี้”


“ข้าแค่ทำตามหัวใจตนเอง”  ศศิบอก ตนนั้นไม่ได้สนใจความรู้สึกเขามากเท่าไหร่แล้ว เมื่อรักมากๆขนาดนี้จะให้ทำตัวเป็นศศิผู้เสียสละเช่นเดิมก็เห็นทีจะไม่ได้ คาดว่าต่อไปพระองค์ชายคงเจอปัญหาใหญ่หน่อย เพราะเจ้ากระต่ายน้อยของพระองค์…เรียนรู้ที่จะเห็นแก่ตัวขึ้นมาอีกนิด


“งั้นก็ขอให้ตามต่อไป แล้วอย่าได้เปลี่ยนใจด้วย”  คำขู่ที่ออกมาจากเสียงทุ้มนุ่มนั้นทำให้คนฟังยิ้มออกมา ย่อมเป็นเช่นนั้น ศศินั้นคงมั่นไม่ต่าง และหากได้ชื่อว่าปักใจแล้วย่อมถอนไม่ออก เอาช้างมาฉุดก็ไม่ลุกไปไหนเหมือนกัน


คนทั้งสองหันไปมองท้องฟ้าสีส้มยามอัสดง ไม่ว่าจะตอนไหน ห่างไกลกันเพียงใด ตัวตนของอีกคนก็ไม่เคยห่างไกลไปจากหัวใจเลย เพียงมองฟ้าเท่านั้นก็รู้สึกได้ถึงอีกฝ่าย นั่นคงเพราะรักลึกซึ้งที่เรามีให้กันและกันจนกระทั่งวันนี้ และเห็นที…ว่ามันจะมีคำว่าตลอดไปต่อท้าย


“ข้าชอบพระอาทิตย์ยามนี้นัก”  ทรงตรัสออกมา


“เพราะชื่อของท่านคืออาทิตย์หรือไร”


“หาใช่ไม่”


“แล้วเหตุใดกันเล่า”


“เพราะยามอาทิตย์จะลับฟ้า ดวงจันทราจะส่องแสงเช่นในยามนี้อย่างไร”


“ข้าไม่เข้าใจ”


“เด็กโง่”  ช่างไม่เข้าใจความหวานหอมหรือความสุนทรีย์เอาเสียเลย  “พระอาทิตย์กับพระจันทร์นั้นต่างก็ทำหน้าที่ต่างเวลา ไม่มีวันได้พานพบ บางทีในช่วงเวลาเพียงเสี้ยวนาทีที่อาทิตย์ลับลงและพระจันทร์ฉายขึ้น พวกเขาอาจจะได้พบเจออีกฝ่ายก็เป็นได้”


“ท่านก็พูดไปเรื่อย”


“ข้าเคยหมายปองบางสิ่งที่ใหญ่ระดับพระจันทร์ เคยคิดว่ามันคงเหมือนผลไม้ที่สามารถเด็ดมาวางไว้บนหัวนอนได้ แต่พระจันทร์ไม่เป็นของใครเจ้าก็รู้ใช่ไหม”


“…”


“ตัวข้า…อาทิตย์นั้นไร้สิทธิ์ที่จะเอื้อมคว้าพระจันทร์บนฟ้า แต่นั่นอาจจะเป็นชะตาที่ลิขิตไว้แล้วให้เอื้อมหาพระจันทร์ดวงนี้” ทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดไว้แล้วว่าพระองค์จะไม่สามารถเอื้อมหาความยิ่งใหญ่อันงดงามที่ไม่อาจจะเป็นของใคร


เพียงเพื่อมาโอบกอดพระจันทร์ที่มีตัวตนอยู่ข้างกายตรงนี้


“พระจันทร์ดวงนี้ก็ไม่อาจจะไล่ตามอาทิตย์ดวงนั้นได้เหมือนกัน”  ศศิเอ่ย  “แต่ข้าช่างโชคดี มีพี่อาทิตย์ตรงนี้”  ในโลกที่ไม่เคยมืดมนของศศิ ไม่นึกเลยว่ามันยังต้องการแสงสว่างอื่นๆมาเติมเต็ม กาลเวลานั้นพิสูจน์แล้ว


ว่ายิ่งใกล้ชิด ยิ่งห่างกันไม่ได้


หลังจากงานอภิเษกขององค์รัชทายาทกับคนรัก…ไม่นานจากนั้น องค์เหนือหัวแห่งสิหราชนคราก็ลงจากราชบัลลังก์ นี่คงเป็นความเห็นแก่ตัวที่ทรงรู้สึกผิดน้อยที่สุด แม้จะถูกคัดค้านอยู่บ้าง แต่หลายคนก็เห็นพร้อมกันว่าองค์รัชทายาทนั้นพร้อมแล้วที่จะขึ้นบัลลังก์แทน องค์ชายอคิราห์ได้ขึ้นมาเป็นองค์เหนือหัวโดยมียอดรักเพียงหนึ่งเคียงข้าง…องค์ราชินีศศพินทุ์


ทั้งสองนั้นได้ร่วมกันปกครองดินแดนโดยมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตและการทูตระหว่างดินแดนก็รุดหน้า อนึ่งองค์รัชทายาทคนปัจจุบันหรือองค์ชายนภฉายนั้นยังเด็กอยู่มาก แต่ยิ่งโต ก็ยิ่งฉายแววความแกล้วกล้าเหมือนคนพ่อทว่ายังคงความอ่อนโยนไม่ต่างจากคนแม่ ครอบครัวเล็กๆของกษัตริย์แห่งสิหราชนครานั้นเป็นที่รักของปวงชน และได้รับการสรรเสริญไปทั่วหล้า


จากจุดเริ่มต้นที่ไม่มีอะไรจนกระทั่งความรู้สึกล้นใจนี้ คู่รักอาทิตย์พระจันทร์ได้พบพานอะไรมามากในช่วงเวลาไม่สั้นไม่ยาว ผ่านมาสิบยี่สิบปี คนรู้ใจคือคนรู้ใจ และจะเป็นเช่นนั้นเหมือนที่ลั่นวาจาไว้ แม้ในความเป็นจริงไม่มีคำว่าตลอดไปก็ตาม


หลายยุคหลายสมัยได้ผลัดเปลี่ยน เรื่องราวความรักขององค์รัชทายาทหนุ่มกับท่านหมอน้อยถูกบอกกล่าวเล่าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จุดประกายความหวังให้ผู้คนได้เชื่อมั่นว่าถ้าหากรักจริงย่อมฝ่าฟันไปได้


เมื่อองค์ชายนภฉายมีพระชนมายุได้ 30 ปี พระบิดาและมารดาก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่ที่เต็มไปด้วยภาระมากมาย โดยพระองค์ก็น้อมรับตำแหน่งองค์เหนือหัวองค์ต่อไปแต่โดยดี และมีทั้งสองพระองค์เคียงข้างกันเป็นผู้ให้คำปรึกษาและใช้ชีวิตอย่างสงบจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต


หากอาทิตย์และดวงจันทร์ไม่มีวันบรรจบกันได้
แล้วยามใดกันเล่า? ที่เราจะได้รักกัน
แม้คำตอบไม่อาจเป็นนิรันดร์ แต่เรารู้กัน ว่ารักนั้น..
จะเคียงฟ้า ตราบอาทิตย์และจันทราที่ไม่มีวันดับสลาย



-----END-----



TALK
วันนี้มาเร็วมากเฟร่อออออออ อยากให้คนอ่านได้อ่านกันเร็วๆ
วันนี้ตอนจบแล้ว ปรบมือออออออออออออออ
ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเมนท์นะคะ ต่อไปเราคงหายหัวไปสร้างเรื่องใหม่ๆมาลง
ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องใหม่ๆที่จะเขียนจากนี้นะคะ
ติดตามกันได้เลยที่
FACEBOOK : skyloverstories
TWITTER : @reallyuri

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2019 21:16:11 โดย skylover☁ »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ็นดูคนหลงลูกหลงเมียจริงๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
จากนี้ไป คงได้แต่คิดถึงเจ้าแสบในวัยเยาว์

นภฉายก็เป็นที่น่าเอ็นดูสำหรับเราเหมือนกัน
ถ้าว่างๆ พาเจ้าแสบมาวิ่งเล่นเป็นตอนพิเศษให้อ่านบ้าง ก็จะดีไม่ใช่น้อย 555

ขอบคุณ ที่เขียนงานดีๆมาให้อ่านกัน ^^
 :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คนหลงเมียและลูกตลอดปัย  :katai2-1:
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากจริงๆ อยากอ่านตอนพิเศษของเจ้าฉายวัยกำลังซนจังเลยค่ะ คงจะป่วนวังน่าดู

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ออฟไลน์ night2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จบแล้ว ขอบคุณมากเลย

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
สรุปพี่ทิตย์ของเราได้ลูกสมุนมาเพิ่มไหมน้าาาอยากอ่านตอนพิเศษเลยนะเนี่ยยยยปามาค่ะปามาาา 5555555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ขอบคุณมากนะคะ ชอบความน่ารักและทะเล้นของศศิ
และปลื้มความเป็นคนรักและเสด็จพ่อของอาทิตย์

ได้มาบรรจบ พบรัก และได้รักกันสมกับที่รอคอยมาแสนนาน
ศศิน่ารักมากค่ะ ชอบความอ้อนลูกอ้อนพี่
ชอบตอนคิดถึงความทะเล้นของเจ้าฉาย
ศศิก็เด็ดขาดเป็นเหมือนกันนะพี่อาทิตย์
อย่าเกเรเชียวนะ ไม่งั้นศศิจะร้าย

อาทิตย์คือความอบอุ่นของจริงค่ะ รักแม่รักลูก
ชอบความนัวเนีย ชอบความเปิดตัวและเปิดเผย

ศศิกับเจ้าฉายก็เป็นที่รักของปู่ย่า ของประชาชน ดีงามไปหมด
เพราะความตั้งใจ ความดีที่ทำมา ไม่ต้องทำไรมาก คนก็เห็น

ขอบคุณมากนะคะ เรื่องราวน่ารักมากค่ะ และน่าติดตามตลอด
อย่างที่บอก ชอบความคิดของศศิตอนที่ศศิคิดนั่นนี่
เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ จะมีตอนพิเศษไหมน้า ยังไงก็อยากอ่านนะคะ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

อ่านเพลิน เกินห้ามใจ


ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
คฤหาสน์ปิติชาญ ของอชิระ อยู่ที่เมืองชายแดนของสีหราชนครา ไม่ใช่อยู่ที่เมืองหลวงตามในตอนที่ 28 นะ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ Faiia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากๆคะ 

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Mushroom_mus

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขอบคุณ​ไรท์ที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ ชอบเนื้อเรื่องมากๆ โดยเฉพาะเจ้าแสบ น่าเอ็นดูมาก น้องศศิก็อยากปั้นเป็นก้อนกลมแล้วกลืนลงไปน่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สนุกดีค่ะ หน่วงๆบ้าง
แต่โดยรวมคือสนุกเลย
อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่มจังเลย
อยากรู้ว่าคู่ของอชิระกับหมอจะมีลูกด้วยกันไหม
อยากอ่านของคู่นี้มากๆเลย

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด