ตอนที่ 3 [พาร์ตของศิลา]
“พี่ศิลาครับ อันนี้มะ”
“พี่ศิลาครับ อันนี้ด้วยไหม”
“พี่ศิลา...”
“โว้ย!...เรียกชื่อกูทำไมนักหนาวะ” ผมตบโต๊ะอาหารทำเอาพนักงานที่กำลังเสิร์ฟอยู่โต๊ะอื่นสะดุ้ง ก็ไอ้คนตรงหน้าพี่ศิลา ศิลาอยู่นั่นแหละ โว้ย...กูรู้ว่ากูชื่อศิลา
หมูหัวเราะยิ้มร่าเหมือนสนุก กูรุ่นพี่มึงนะครับ...ไอ้ฟาย
“ก็อาหารมันน่ากินทุกอย่าง เลยอยากให้พี่บำรุงไง”
“บำรุงทำไม”
“ก็พี่ตัวเล็กไม่รู้เหรอ จิ้มลิ้มมากเลย...หมวยเล็ก” เขาพูดคำหลังเบา ๆ แต่ผมได้ยินนะเว้ย!!
“อย่ามาเรียกกูงั้นนะ ไม่งั้นก็จะลุกออกจากร้านจริง ๆ ด้วย” เขาเลยยกมือห้ามผมไว้ก่อน
“ล้อเล่นครับ ล้อเล่น...ไม่เรียกแล้ว” ทำไมผมต้องมาต่อร้องต่อเถียงกับไอ้หมูกรอบนี่ด้วยไม่เข้าใจ
“นี่ไอ้หมูกรอบ...” ผมเผลอเรียกชื่อที่ตั้งฉายาให้เขา “เออ หมู”
“ไม่!..” เขาตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น(?) “พี่เรียกผมว่าหมูกรอบก็ได้...น่ารักดี”
ห๊ะ....
“ฉายาที่อยากตั้งให้ผมใช่ไหม เรียกเลย” เขาดูจะชอบมันมากราวกับว่า มันเพราะมาก ไอ้หมูกรอบเนี่ยนะ เป็นชื่อที่ทำให้อยากกินหมูกรอบราดซอสน้ำหมูแดงไปด้วย...อร่อยแน่ ๆ
“ถ้ากูอยากเรียกจะเรียกเอง” ผมทำฟอร์ม หมูทำหน้าหง่อยลงนิด ๆ ก่อนจะถามผม
“ว่าแต่พี่มีอะไรจะพูดเหรอครับ?”
“ลืมแล้ว” อันนี้ผมลืมจริง ๆ ไม่ได้กวนมันแต่อย่างใด...มัวแต่มองหน้ามันแหละ
“อ้าว...กวนจังครับ ทำไมลืมง่ายจัง” เขาทำตาปริบ ๆ
“ลืมแล้วก็คือลืม! อย่ามาถามกูเซ้าซี้ได้มะ” ผมส่งสายตาดุให้มันก็เลยเลิกถาม
ร้านที่หมูพาผมมา (มันรีเควสเอง) เป็นร้านอาหารตามสั่งข้างทางที่มีคนเข้ามากินเยอะเหมือนกันอยู่ไม่ห่างจากหอของผมมากนัก เพิ่งเคยเข้าครั้งแรกนี่แหละ แต่ผมรู้สึกเกร็งมาก...ก็เพราะว่าสายตาของผู้หญิงที่นั่งกินข้าวกันโต๊ะอื่นมองมารวมที่โต๊ะของผม
...พวกเธอไม่ได้มองผมนะครับ แต่มองไอ้หมูกรอบตรงข้ามผมต่างหาก
หมูพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้นไปเกือบถึงข้อแขนเผยให้เห็นเส้นเลือดที่สาว ๆ พากันชอบกรี๊ด ดูเหมือนมันจะรู้ด้วยว่าคนรอบข้างมองมัน มีการโปรยยิ้มให้สาว ๆ อีก
เหอะ..คิดว่ามันหล่อมากนักรึไงวะ..หมั่นไส้
“มองหน้าผมทำไมครับ?” ผมไม่ได้มองมันนนน...
“กูไม่ได้มอง กูมองรถที่วิ่งตามถนนต่างหาก” ไอ้หมูกำลังจะพูดต่อแต่อาหารก็มาเสิร์ฟซะก่อน
ผมมองอาหารตรงหน้าอย่างน้ำลายไหล โอ๊ยมันน่ากินทุกอย่างเลยแฮะ...แต่ที่น่าแปลกใจมากก็คือ
...ทำไมมันมีแต่ของโปรดผมทั้งนั้น....ไอ้หมูมันเป็นคนสั่งหมดเลยนี่
“ถูกใจทุกเมนูเลยใช่มะ” เสียงเข้มของหมูดังขึ้นพร้อมกับตะเกียบที่คีบหมูกรอบมาให้ผม
“ชอบ
หมูกรอบ ไหมครับ” มันเน้น ผมกำลังจะตอบก็ชะงัก
“กูไม่ชอบ มันมีไขมัน!” ผมหันไปสนใจตักอย่างอื่นกินแทน ผมเคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ ด้วยความหิวโดยไม่สนใจว่าไอ้คนตรงหน้ามันจะมองหรือทำหน้ายังไงอยู่
ไอ้เชี่ยนี่ก็จ้อง...และก็ยิ้ม...จ้อง...และก็ยิ้ม....
กว่าจะกินข้าวอิ่ม! ผมเกือบจะเป็นบ้ากับสายตาที่ไอ้หมูมันมอง ไม่ทราบว่ามันจะมองอะไรกันนักกันหนา แต่ด้วยความที่ขี้เกียจมีเรื่องกับเขาแบบสุด ๆ เลยเลือกที่จะไม่พูด
“เดี๋ยวแชร์กันจ่าย” ผมควานหากระเป๋าเงินของตัวเอง แต่หมูก็วางแบงค์พันจ่ายบิลไปเฉยเลย
“ไม่เป็นไรพี่ ผมเลี้ยง” ผมเลิกคิ้ว
“ไม่ต้อง จะมาเลี้ยงกูทำไมวะ คนละครึ่ง” ผมไม่ยอม จู่ ๆ จะมาเลี้ยงผมทำไมไม่ทราบไม่ได้รู้จักสนิทอะไรกันซะหน่อย
“ก็เป็นค่าที่พี่บอกว่าให้ผมรอกับพี่ไง” หมูอ้าง
“มึงไม่เห็นจะอยู่ห้องกูถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ” ผมยืนกรานให้มันรับเงินที่ผมยื่นให้ “เอาไปสิวะ”
“ผมไม่เอาครับ ก็พี่ยอมมากินข้าวกับผมไง..หรือไม่ก็เอาไว้เลี้ยงผมคืนมื้ออื่นก็ได้” เขาดีดนิ้วเหมือนคิดอะไรออก
แล้วกูจะมากินกับมึงอีกครั้งทำไมไม่ทราบบบ...!!
ยังไม่ทันจะเถียงอะไรกับมันจบ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นซะก่อน
+ป๊า+ เหยด...ป๊าโทรมา!!
“เดี๋ยวกูไปคุยโทรศัพท์แป๊ป มึงก็รอเงินทอนมึงละกัน” ผมรีบลุกเดินออกไปนอกร้านทันที พร้อมกับกดรับเบอร์ที่กำลังโทรเข้า
(“ อาหมวยเล็ก!! ทำไมรับช้าอย่างนี้หา”) ผมรับสายป๊าก็พูดกลับมา อ๊าก...หูผม แถมชื่อประจำตัวผมก็มาเต็ม ๆ
“ก็ควานหาโทรศัพท์อยู่ไงครับป๊า”
(“อยู่ไหน กินข้าวรึยัง หืม?”) ป๊าของผมมักจะโทรมาถามข่าวคราวแบบนี้เป็นประจำแหละครับ ก็บอกแล้วว่าป๊าหวงผมยังกับลูกสาว นี่กว่าจะขอมาเรียนคณะวิศวะแสนเถื่อนนี่ก็อ้อนวอนขอสุด ๆ ได้เฮียใหญ่กับเฮียกลางช่วยอีกแรง โฮะ ๆ
“กินแล้วครับป๊า เพิ่งกินนี่แหละ”
(“ก็ดีแล้ว ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ป๊ากับม๊าคิดถึงหมวยเล็กมาก ๆ...(ป๊าก็ปล่อย ๆ หมวยไปบ้างเหอะ มันโตแล้วนะเว้ยป๊า)...ไอ้เฮียใหญ่หุบปากไปเลย ป๊าจะปล่อยหมวยเล็กได้ไง..”) ผมได้ยินเสียงเฮียใหญ่พูดขำ ๆ ก็หลุดขำไปด้วย
คิดถึงบรรยากาศที่บ้านมาก ๆ เลยแฮะ ผมไม่ได้กลับบ้านมาสักพักแล้วล่ะครับ ก็ขึ้นปี 2 มามันก็ต้องรับผิดชอบเรื่องรับน้องด้วย เลยได้มาอยู่ที่หอตั้งแต่มหาวิทยาลัยยังไม่ไปเปิดเทอมเลยด้วยซ้ำ
(“หมวยเล็กไปนอนเถอะ เดี๋ยวป๊าก็จะนอนแล้ว”) ป๊าบอกกลับมา
“ครับป๊า หมวยเล็กรักป๊านะ รักม๊าด้วย” ผมบอกกลับอย่างลืมตัวว่าตัวเองอยู่ข้างนอก พอวางสายไปก็ต้องสะดุ้งโหย่งกับเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลัง
“พี่ศิลา..” ผมหันหน้าไปปะทะใบหน้าหล่อคมที่โน้มตัวมาหาผมที่เตี้ยกว่านิดเดียว...(จริง ๆ เตี้ยกว่ามากอยู่)
“ไอ้เชี่ยหมู!!” ผมผงะ หมูหัวเราะพอใจ
“ฮ่า ๆ ผมชอบฉายาหมูกรอบ มากกว่าเชี่ยหมูนะครับ” เขายิ้มต่อปากต่อคำกับผม
“มึงมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามเหมือนร้อนตัว...
หมูกดรีโมทเปิดรถเหลือบมองผมด้วยสายตากวนตีนสุด ๆ
“อยากให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ตอนไหนล่ะครับ?”
“กูไม่พูดกับมึงละ!! แม่ง...กวน” ผมสบถเดินจ้ำอ้าวขึ้นรถไป หมูก็เดินขึ้นรถแล้วพาผมกลับมาที่หออย่างความปลอดภัย
เกือบกระทืบไอ้หมูกรอบนี่ในรถซะแล้ว...เหอะ โทษฐานกล้าต่อปากต่อคำกับรุ่นพี่
| หอ A |
ผมลงจากรถก่อนจะมองไอ้หมูที่เปิดกระจกรถยิ้มแฉ่งอยู่ เห็นเมื่อกี้ก่อนมาถึงหอผมเพื่อนมันโทรบอกแล้วล่ะครับ ว่าเพื่อนมันกลับมาละ ดี! จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระของผม...จริง ๆ ไม่ได้เป็นภาระเลยสักนิด แถมมันยังมาเลี้ยงข้าวผมอีก เป็นเหตุการณ์งง ๆ แต่ก็เอาเถอะได้กินของโปรดจนอิ่มท้องก็โอเค
“เจอกันพรุ่งนี้ที่มหาลัยนะครับ พี่ศิลา”
“กูไม่อยากเจอมึงอ่ะ บาย” ผมบอกพร้อมยกมือบ๊ายบายและหันหลังเดินกลับไปหอของตัวเอง
โดยที่ไม่รู้ว่าหมูมองจนผมเข้าไปในหอแล้วถึงจะยอมขับรถกลับไปหอตัวเองที่ฝั่งตรงข้าม
............
...........
เสียงสั่งระเบียบเชียร์ตั้งแต่เช้าของถั่วดำดังขึ้นอย่างไม่มีผ่อนแรง กำลังสงสัยว่ามันไปเอากำลังจากไหนมา แถมยังไม่หลุดขำด้วยนะ แต่ถ้าหลังเลิกคลาสไม่เห็นหน้าน้อง ๆ ปี 1 ถั่วดำกรี๊ดสนั่นมากครับ ผมก็ยังคงรับหน้าที่เดิมคือเด็กเสิร์ฟน้ำกับไอ้พวกเสากับนนท์นี่แหละ
“มึงเสร็จน้องยัง” นั่นคือคำถามแรกของไอ้พวกเพื่อนชั่วที่โยนผมไปให้ไอ้หมู ถามได้น่าเอาปืนลูกซองมายิงมาก
ผมเอามือฟาดพวกมันไปคนละทีด้วยความหมั่นไส้และคันไม้คันมือ
“เสร็จเชี่ยอะไรวะ! กูไปกินข้าวกับมันเฉย ๆ คิดอะไรบ้าอะไรของพวกมึง”
“แหม มีกินข้าวด้วยเว้ย...ก้าวหน้า” ไอ้เสาหันไปหัวเราะคิกคักกับไอ้นนท์ที่นั่งเล่นเกมเหมือนเดิม ไอ้นี่ก็กะจะเล่นแต่เกมทั้งวัน
มาก้าวนงก้าวหน้าบ้าไร...ไม่เห็นจะเกี่ยวกับไอ้เด็กนั่นสักนิด
“เออ! ไอ้ศิลามึงไปห้องซ้อมดาวเดือนกับกูด้วยนะวันนี้” จู่ ๆ ไอ้เสาก็พูดขึ้น
มันเกี่ยวอะไรกับกูอีกครับ...พวกนี้ชอบโยนแต่งานมาให้ผมตลอด!
“กูไม่ไป”
“เอ๋า ไม่อยากไปดูน้องหมูกรอบของมึงหน่อยเหรอ ป่ะ ๆ อย่าลืมว่าตอนประกวดครั้งก่อนมึงก็ไปช่วยดูแลเหมือนกัน” เสาทำตาปริบ ๆ
“กูจะฟ้องเจ้นิ่มถ้ามึงไม่ไป ว่ามึงแม่งไม่มีน้ำใจจะช่วยเหลือกองประกวดเล๊ย...” มันแกล้งบ่น
“เออ ๆ! ไปก็ไป มึงแหละแม่งไม่เคยจะทำหน้าที่เป็นรองเดือนที่ดี ได้มาได้ยังไงวะตำแหน่งนี้”
“กรรมการเมากาวแหละกูว่า” ไอ้นนท์จากที่เงียบมานานก็พูดว่าไอ้เสาด้วย เสาเลยเอามือไปกอดคอนนท์แล้วทำท่าบีบ
เป็นอะไรที่ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกเลยก็คือ กองประกวดดาวเดือน...ถ้าจะถามว่าผมไปเกี่ยวอะไรด้วยกับพวกดาวเดือนทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็น คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ จะเล่าสั้น ๆ แบบกระชับใจความสำคัญ ผมดันเป็นเพื่อนกับไอ้เสา (รองเดือนมหาวิทยาลัย) เพื่อนสนิทของผมเองแหละ มันก็บังคับให้ผมไปเป็นเพื่อนมันด้วย และเจ้นิ่มที่ไอ้เสากล่าวถึงไว้เมื่อกี้ ดันมาต้องตาต้องใจในใบหน้าของผม (เจ้แกชมว่ามันขาว สวย เนียน) เจ้แกกะจะดันผมให้เป็น ดาววิศวะ แทนดาวที่ประกวดอยู่ตอนนั้นด้วยซ้ำ....ด้วยความที่เจ้นิ่มถูกชะตากับผม ก็เลยได้ช่วยงานอยู่แถว ๆ กองนั่นแหละ และงานที่ผมช่วยก็คือ...เติมหน้าให้เดือนคณะนั่นคณะนี้บ้าง
แต่ที่มันพีคไปกว่านั้นคือ...ผมดันได้ไปสอนรำให้กับดาวของคณะครุศาสตร์ด้วยน่ะสิก็เลยมีชื่อเสียงในพวกกองประกวดดาวเดือนซะงั้น....รู้เรื่องนี้ก็เหยียบไว้ให้มิดเลยนะครับ เพราะมีไม่กี่คนในกองหรอกที่รู้ คนนอกไม่รู้
ถามว่าทำไมคนอย่างผมรำเป็น ก็ป๊าส่งผมไปเรียนมาไงครับ...เรียนตามแบบฉบับหญิงไทยเป๊ะ..ยังมีอีกหลายวิชาที่ป๊าส่งผมไปเรียนมา แต่ผมไม่บอกทุกคนหรอกครับว่าไปเรียนอะไรมาบ้าง...
เวลาประมาณ 15:00 น.
@ห้องซ้อมดาวเดือน
ผมโดยเพื่อนทรยศครั้งที่ 2 ไอ้เพื่อนชั่วววว...พวกมันทิ้งผมให้มาที่กองคนเดียวอีกแล้ว! ตอนแรกไอ้เสาเดินมาด้วยกับผม แต่จู่ ๆ มันดันบอกว่า แม่มันโทรตามตัวไปทำธุระให้ด่วน โอ๊ย ผมว่าผมควรจะได้ตำแหน่งรองเดือนแทนไอ้เสาอ่ะ! ถ้าจะให้ผมมาทำงานอยู่ในกองประกวดขนาดนี้!
เสามันเดินมาพร้อมผมก่อนจะขอตัวออกไป ผมที่เดินเข้ามาในห้องแล้วแถมพวกน้อง ๆ ดาวเดือนที่ถูกคัดเลือกไว้ยังมองมาที่ผมกันพรึบ จะแอบย่องออกไปก็ไม่ทันซะละ
“อ๊ายยย!! นี่มันนางฟ้าของบ่าววว...น้องศิลา” เจ้นิ่มอยู่ปี 4 แล้วล่ะครับ คณะบริหารธุรกิจเป็นประธานใหญ่ในการดูแลกองประกวดดาวเดือน เจ้แกวิ่งเข้ามากอดผมไว้หมับ
‘นางฟ้าของบ่าว’ ทำเอาผมขนลุกซู่ มีคำดีกว่านี้ไหมวะ....แต่ก็ไม่กล้าขัดเจ้แกเพราะดูจากแข้งแล้ว ผมไม่น่ารอด
“สวัสดีเจ้...เออ หายใจไม่ออก” ผมดันเจ้ออกนิด ๆ
“แหม ไม่เจอกันตั้งนานตั้งแต่การประกวดจบยังสวยเหมือนเดิมเลยนะจ๊ะ!” ....หล่อครับหล่อ.....
“จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากมา” ผมพึมพำ เจ้แกหันขวับมา “อ้อ ก็กะจะมาช่วย ๆ เจ้ดูน้องนี่แหละครับ แวะมาดูเด็กคณะตัวเองด้วย” ผมว่า เจ้นิ่มก็ยิ้มกว้างมาให้ผม และจับไหล่ของผมให้ไปยืนอยู่ต่อหน้าน้องดาวเดือนที่ทำตาปริบ ๆ เหมือนกำลังพากันแต่งหน้า
สงสัยจะไปถ่ายรูปโปรไฟล์การประกวด
“เอ้า เด็ก ๆ ทักทายพี่ศิลา ปี 2 คณะวิศวะหน่อยเร็วววว...พี่เขาถือเป็นดาวของกองประกวดเชียวนะ”
ทั้ง ๆ ที่ก็มีอยู่หลายคณะที่นั่งเรียงกันอยู่แต่คนที่ผมมองเห็นชัดที่สุดคือ หมู มันนั่งอยู่หลังสุดแต่กลับเด่นกว่าคนอื่นชะมัด สงสัยเพราะมันตัวสูง...
ไอ้พวกรุ่นน้องพากันทำตาโตเหมือนฟังเรื่องตื่นเต้น....กูจะบ้ากับฉายาดาวของกองประกวด หมูที่นั่งทำหน้านิ่งแต่แววตากลับยิ้มเหมือนอยากจะหัวเราะ ผมรู้! ผมดูมันออก ว่าแต่ผมจะไปดูมันทำไมฟะ!
หลังจากแนะนำฉายาอันหน้าอายของผมเสร็จทุกคนก็เริ่มทำงานกัน ผมเดินไปหาไอ้รุ่นน้องเดือนคณะของผม มันหน้าเถื่อน ๆ หน่อย หล่อผิวเข้มชายไทยแท้มาก
“มึงชื่ออะไรนะ กูจำไม่ได้” ผมถามรุ่นน้องตัวเองแต่สิ่งที่ได้ยินกลับมากลับไม่ใช่คำตอบที่ผมต้องการ
“หมูครับ” เสียงตอบมาจากไอ้เดือนคณะแพทย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คณะผม
“กูถามน้องกู” ผมมองเสื้อผ้าหน้าผมของหมูที่ยังไม่ได้ทำอะไรมาก แต่กลับเหมือนนายแบบพร้อมเดินแฟชั่นวีคในชุดนักศึกษามาก
นี่มึงจะไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเขาได้แจ้งเกิดเลยเหรอ....
“ผมชื่อโชครับ” รุ่นน้องผมตอบพร้อมกับหัวเราะไอ้หมู “อยากพูดกับพี่ศิลาคณะกูก็บอก”
“ใช่ อยากคุยกับพี่ศิลามาก...พี่เขามีเบอร์ปะวะ” หมูถามไอ้โชกลับ ราวกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ เดี๋ยว...อย่าบอกว่าไอ้สองคนนี่มันเป็นเพื่อนกันนะ!
“ถามเองดีไหมวะ พี่เขาก็ยืนอยู่ตรงนี้” ยัง...มันยังไม่หยุดเล่นกันอีก
“พวกมึงสองคนเล่นกันพอยัง” ผมมองด้วยสายตานิ่ง ๆ ไม่รู้มันดุไหม เก๊กไว้ก่อน โชเลยลุกหนีไปก่อนเพราะต้องไปถ่ายโปรไฟล์คิวต่อไป
หมูเงยหน้ามองผมด้วยรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ที่สาวหลายคนเห็นแล้วอาจจะกรี๊ดจนคอแหบคอแห้งไปเลยก็ได้ แต่ผมก็แค่มองนิ่ง ๆ
“ผมพูดจริงนะ” จู่ ๆ มันก็พูดขึ้นหลังจากที่เราจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้
“พูดอะไรจริง”
“เบอร์น่ะ...” เขาลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวไปถ่ายโปรไฟล์ต่อจากคณะที่ถ่ายเสร็จ
“ผมอยากได้เบอร์พี่ศิลาจริง ๆ เดี๋ยวกลับมาขอนะ” มันเอาไหล่มาสะกิดผมนิด ๆ ก่อนจะเดินผ่านผมไป ...ขะ..ขอเบอร์บ้าบอไรวะ!! ไม่ให้โว้ย
ถามจริงว่าวันนี้ผมมานั่งทำอะไรอยู่ในกองประกวด ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างนอกจากนั่งเถียงกับไอ้หมูที่กลับมานั่งเก้าอี้ของมันปุ๊ปของทวงขอเบอร์ผมอยู่นั่นแหละ
“ให้ไม่ได้เหรอ” เสียงตื้อจากคนข้าง ๆ ทำเอาผมเริ่มรำคาญ
“ศูนย์” ผมตอบออกไป มันเลิกคิ้ว “ก็มึงบอกขอเบอร์ไง กูให้ตัวเดียวคือเลข 0 นอกนั้นไปหาเอง”
“โหย จะซุ่มยังไงให้เจอ หมดเป็นแสนก็ไม่เจอ...ให้หน่อยนะสิบหลัก นะ” หมูทำตาปริบ ๆ มันคิดว่ามันน่ารักเหรอ....
แล้วกูจำเป็นต้องให้เหรอออออออ....!
“เอ้า! เด็ก ๆ วันนี้ถือว่าพวกหนูได้ให้ความร่วมมือดีมากกกก...ปรบมือให้ตัวเองค๊า!!...” เจ้นิ่มปรบมือเสียงดังเรียกความสนใจของหมูให้หันไปสนใจแทนที่จะมาตื้อขอเบอร์กับผม
“แล้วก็มีเรื่องอยากจะแจ้งน้องดาวเดือนทุกคนว่า ให้ไปเตรียมคิดการแสดงตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยนะจ๊ะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยซ้อมกัน...คิดไว้แล้วไปหาซ้อม ๆ ได้เลยนะจ๊ะ สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้จ้า!” เจ้นิ่มร่ายยาวมาเป็นกิโลจนผมเกือบจะหลับ
แรงสะกิดเสื้อจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมองไอ้คนที่สะกิด...เพื่อนเล่นเหรอวะ
“พี่ศิลา...” เสียงที่ไอ้หมูเรียกผมมันชวนขนลุกชะมัด มันเป็นน้ำเสียงทุ้ม ๆ ฟังดูอ่อนโยนแปลก ๆ
“อะไรของมึง สะกิดกูแบบนี้เพื่อนเล่นเหรอ”
“นี่ถ้าไม่เกรงใจผมกะจะกอดเลย” ผมลุกขึ้นพรึบ หมูเลยหลุดหัวเราะพร้อมกับลุกขึ้นตามผม
“ผมแค่จะถามพี่ว่า มีการแสดงอะไรแนะนำผมไหม”
ตอนนี้คนในกองประกวดทยอยกันกลับกันเกือบหมดแล้ว อ้าวเฮ้ย...อย่ามาทิ้งกูไว้กับไอ้นี่เซ่
“ไม่มี” ผมตอบทันควัน
“เอ๊ะ สองคนนี้ทำไมดูสนิทกันจัง” เจ้นิ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องแต่งตัวคนสุดท้ายมองพวกผมด้วยสายตาแปลกใจและส่งสายตาวิ้ง ๆ ให้ไอ้หมูด้วย
“ผมว่าจะให้พี่ศิลาแนะนำการแสดงให้น่ะครับ...แต่เหมือนพี่เขาไม่อยากช่วยเลย” หมูทำเสียงให้น่าสงสารเหมือนผมใจร้ายมาก ....ตอแหลลล
และผมก็ต้องตาโตกับความคิดของเจ้นิ่ม
“ทำไมไม่ช่วยน้องล่ะคะ น้องศิลาก็รำเก่งนี่...พี่ว่าถ้าน้องหมูใช้การรำแบบตัวพระเอกเป็นการแสดง สาวก็น่าจะกรี๊ดเยอะนะ รักษาวัฒนธรรมไทย”
เฮือก...ไปบอกไอ้หมูมันทำไมเล่าเจ้!!
“พี่ศิลารำเป็นด้วยเหรอครับเนี่ย!” หมูตาลุกวาวประดุจเห็นของที่ตื่นตาตื่นใจ
เออ กูรำเป็น กูเก่ง...แต่เรื่องอะไรจะไปยอมรับล่ะครับ
“ไม่ / ใช่จ๊ะ” ผมตอบพร้อมกับเจ้นิ่มที่ตอบพร้อมกัน
“เจ้มีหลักฐานนะ!” ผมเริ่มหน้าซีดเมื่อเห็นโทรศัพท์ไอโฟนพลัสเครื่องใหญ่ของเจ้นิ่มผู้ไม่ยอมแพ้ เปิดหาคลิปของผมอยู่
อย่าว่าถ่ายเก็บไว้ด้วย!! ตอนไหนฟะ...
หมูเองก็ตั้งใจดูสิ่งที่เจ้แกบอกจะโชว์ ส่วนผมเองก็ตั้งใจดูเหมือนกันว่ามันคลิปตอนไหนวะ!
ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเบิกตากว้าง....
กับคนที่อยู่ในจอโทรศัพท์มันคือผม! เป็นตอนที่ซ้อมให้น้องดาวดู ผมใส่จงกระเบนสีแดงแบบนางรำ มืออ่อนช้อยอรชร ร่ายรำมือไม้อ่อนในเพลงลาวดวงเดือน ผิวขาวรึว่าไฟนีออนมาเอง ช่วงนั้นผมค่อนข้างขาวมากเพราะเพิ่งเข้ามาที่มหาลัยใหม่ ๆ แถมยังผอมกว่านี้ด้วย ตัวเล็กมาก หลังจากปีสองมาเริ่มตากแดดเลยผิวไม่ขาวมาก...แต่ก็ขาวอยู่ดี (อะไรของมึงครับศิลา)
หมูดูคลิปที่ผมรำและมองอึ้ง ๆ เหมือนมันไม่อยากจะเชื่อ....กูเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน พอมองสายตายิ้มประจำตัวของมันก็รู้เลยว่าผมต้องได้สอนมันแน่
เชี่ยแล้ว...ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมรำได้ก็มันเหมือนผู้หญิงน่ะสิ!!....แถมจะให้ไปสอนคนอย่างไอ้หมูกรอบรำเนี่ยนะ!! บ้าไปแล้ว
...ผมจะไม่สอนมันเด็ดขาดโว้ย!!...ยื่นคำขาด การแสดงอันอื่นก็มีจะมารำทำไมมมม...แก้เสื้อโชว์ซิคแพคแร็บบีบอยก็ทำไปเซ่!!.....
...
ขอพื้นที่ให้น้องหมูของเราด้วยค่าา 555555 ><

ฝากน้องหมูไว้ในอ้อมกอดด้วยน๊าาา