Cr. Pic [F.GC]
say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด
#พี่กันต์สายอ่อย ด้วยนะคะ
บท14 l “อ่อย...หรือ...จีบ”กันต์ได้แต่อมยิ้มจนเต็มแก้มยามที่มองตามหลังน้องตัวเล็กที่เดินทำหน้ามึนออกจากห้องของเขาไปดูแล้วเจ้าตัวคงยังงงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย แล้วไหนจะคำสารภาพของเขาอีกที่บอกว่า...
ชอบตอนพูดออกไปหัวใจของคนพูดก็เต้นระรัวเสียจนกลัวจะหัวใจวายไปก่อนหรือเปล่าเพราะมันทำงานหนักมากเหลือเกิน แม้กระทั่งตอนนี้จังหวะการเต้นของหัวใจก็ไม่ได้ลดลงเลยจนต้องยกมือนวดที่อกเบาๆ
“พอแล้ว... เลิกเต้นรัวแบบนี้ได้แล้ว” ได้แต่บอกกับหัวใจของตัวเอง
เดินมาทิ้งตัวนอนพาดอยู่บนโซฟาที่น้องนั่ง คว้าตุ๊กตาตัวที่น้องกอดมาวางบนหน้าท้องแล้วจ้องหน้ามันอยู่แบบนั้น สุดท้ายก็ขย้ำหัวมันไปที
“หมั่นไส้! ทำไมน้องถึงมากอดหะ! ห้ามมาแย่งน้องไปจากเรานะโว้ยเราไม่ยอมหรอก” แล้วก็เตะเจ้าหมีตัวนั้นลงไปนั่งไปที่พื้นโทษฐานที่น้องตัวเล็กกอด
ถอนหายใจออกมาแล้วก็ลุกไปคว้ามากอดเอาไว้แน่นแทน แล้วใบหน้าก็ปรากฎรอยยิ้มอีกรอบตอนที่นึกถึงหน้าตาอึ้งๆ งงๆ ของเดียร์ตอนที่เขาบอกว่าชอบ มันดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด
เขาคิดว่าตัวเขาชักจะอาการหนักจริงๆ แล้วเอาแต่นึกถึงใครอีกคนแล้วก็อมยิ้มอยู่แบบนี้ ช่างเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากจริงๆ ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกว่าหัวใจหวั่นไหวได้แบบนี้เลยสักครั้งเดียว
“เด็กบ้าเอ้ย...” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ทั้งหน้าทั้งดวงตาก็เต็มไปด้วยความสุข
กันต์ผละจากความคิดเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ เจ้าตัวคว้ามาดูก่อนจะกดรับ “สวัสดีครับมัม”
[ว่ายังไงครับ สอบเป็นยังไงบ้าง] ปลายสายส่งเสียงกลับมา
“ก็ดีครับ คิดว่าไม่น่าตกนะครับ” ตอบไปแล้วก็หัวเราะ
[ดูมีความสุขจังนะเพิ่งสอบมาไม่ใช่หรือยังไงกันครับ มีอะไรดีๆ หรือเปล่าลูกชายมัม]
กันต์นึกแปลกใจกับตัวเองว่าเขามีความสุขมากขนาดนั้นเลยหรือ ขนาดที่ว่าแสดงออกมาอย่างไม่รู้ตัว ขนาดที่ว่ามัมพัทธ์แค่ฟังเสียงเขาก็รู้ว่าเขากำลังมีความสุข
“หือ... ทำไมมัมคิดแบบนั้นละครับ”
[ก็เสียงลูกชายมัมฟังดูมีความสุขมากน่ะสิครับ]
กันต์หัวเราะอีกรอบก่อนจะยอมรับ “ก็ครับ น้องกันต์คงกำลังมีความสุขมากจริงๆ อย่างที่มัมว่า”
[หือ... เรื่องอะไรกันครับ]
“น้องกันต์เพิ่งบอกชอบ... น้องตัวเล็กไปครับ” รู้สึกเขินเหมือนกันที่เล่าให้มัมพัทธ์ฟัง แต่โดยปกติแล้วเขาไม่เคยมีความลับอะไรกับที่บ้านเลย
[โอ๊ะ! จริงเหรอ แล้วน้องเขาว่ายังไงบ้างล่ะ] อีกฝ่ายก็ดูแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยิน ปนๆ กับตื่นเต้นไปกับลูกชายที่ได้บอกชอบกับคนที่แอบชอบอยู่
“น้องก็... ยังงงๆ อยู่น่ะครับ ตลก... แล้วก็น่ารักดี”
[มัมว่าคงน่ารักจริงๆ ไม่อย่างนั้นลูกชายมัมไม่ดูมีความสุขขนาดนี้หรอก เอาเป็นว่าถ้าจีบน้องติดแล้วอย่าลืมพามาแนะนำให้ที่บ้านรู้จักนะครับ]
“ครับมัม...”
กันต์คุยโทรศัพท์กับมัมพัทธ์ต่ออีกเกือบชั่วโมง ทั้งถามสารทุกข์สุขดิบ เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะเวลาช่วงสอบมัมจะไม่ค่อยโทรมาเท่าไหร่กลัวว่าจะรบกวนเขา พอสอบเสร็จได้โทรศัพท์คุยกันก็เลยคุยกันยาว
พอวางสายจากมัมพัทธ์เจ้าตัวก็ลุกไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวนอน ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ก่อนจะคว้าตุ๊กตาหมีตัวโตมากอดเอาไว้ หยิบโทรศัพท์มาเล่น ในเฟซบุ๊คมีการแจ้งเตือนเต็มไปหมด ทั้งคอมเมนต์ทั้งแชร์รูปที่เขาโพสต์ไปเมื่อตอนเย็น ภาพที่น้องตัวเล็กวิ่งเอามาให้เขาดูนั่นแหละ
เปลี่ยนไปเข้าแอปฯ รูปภาพแทน ไม่ได้มีแค่รูปเดียวที่ถ่ายเอาไว้ แต่มีเป็นสิบรูปสำหรับวันนี้ เห็นแก้มป่องๆ ที่พองตอนกินข้าวแล้วก็หลุดขำ เหมือนทั้งกระต่าย ทั้งหนูแฮมสเตอร์ แล้วก็เหมือนตุ๊กตาแมวน้ำด้วย
นึกแล้วก็ชักอยากจะได้ตุ๊กตาเอามาไว้ที่ห้อง... พรุ่งนี้คงต้องแวะไปดูเสียหน่อยแล้วว่ามีขายหรือเปล่า ไหนๆ เขาก็สอบเสร็จแล้วด้วย
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พาเพื่อนมาหา ดีไหม” พูดกับคุณหมีตัวโตแล้วก็กอดเอาไว้แน่น สุดท้ายเจ้าตัวก็หลับไปทั้งแบบนั้น
รู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนที่แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง กันต์ควานหาโทรศัพท์มือถือที่เมื่อคืนวางทิ้งเอาไว้บนเตียงก่อนจะหยิบมาเพื่อดูเวลา
เกือบสิบโมงแล้ว...
วางโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้แบบเดิมก่อนจะคว้าตุ๊กตาหมีตัวโตมากอดแน่นแล้วซุกหน้าลงที่หมีแบบนั้นอยู่สักพักเพื่อให้หายงัวเงีย ก่อนจะลุกไปล้างหน้าอาบน้ำเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาจะไปดูตุ๊กตา
หนึ่งชั่วโมงต่อมากันต์ก็ขับรถออกจากคอนโดเพื่อตรงเข้าไปในตัวเมือง ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ มหา’ลัยก็มีแต่ก็แปลกที่เขากับเพื่อนชอบไปเดินเที่ยวในเมืองมากกว่าอาจจะเพราะว่าก่อนจะเข้ามหา’ลัยกันต์ก็อาศัยอยู่แถวใจกลางเมืองหลวงก็เลยชินกับแถวนั้นมากกว่า
ใช้เวลาขับรถอยู่ชั่วโมงกว่าก็ถึงที่หมาย แม้จะเป็นวันธรรมดาแต่ที่จอดรถในห้างฯ ก็เต็ม ขับวนอยู่สองสามรอบถึงจะเจอที่จอด
สิ่งแรกที่เขาเลือกจะทำหลังจากเดินเข้ามาข้างในก็คือหาร้านอาหารสักร้านเพราะตอนนี้ชักจะหิวแล้ว เดินไปยังโซนร้านอาหารสายตาก็หันไปเห็นตัวดุ๊กดิ๊กกำลังหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น กันต์เลยเดินเข้าไปหายกมือวางบนหัวอีกฝ่ายจนฝ่ายนั้นสะดุ้งโหยงหลุดเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ
“เหี้ย! พ พี่กันต์!” หันมามองก่อนจะร้องออกมา “ตกใจหมดเลยพี่ ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจจะด่าพี่นะ มันตกใจเลยอุทานออกมาเอง”
กันต์หัวเราะไม่ได้ถือสาเอาความอะไรเพราะรู้ว่าเขาเองที่ทำให้อีกฝ่ายจกใจ “แล้วทำไมมาอยู่นี่คนเดียวล่ะ เพื่อนไปไหน”
“มันสอบตอนบ่ายกันครับ ผมสอบแค่ตอนเช้าเลยเสร็จแล้วก็เลยมาฉลองที่นี่ แล้วพี่อ่ะ” หันซ้ายหันขวาเหมือนกับมองหาใคร “มาคนเดียวเหรอ”
“อือ จะกินอะไร หิวแล้ว” กันต์ถามก่อนจะจับอีกคนหันหลังแล้วดันให้เดิน “ร้านนี้แล้วกันอยากกิน”
“หะ...” เดียร์ได้แต่งงแล้วเดินตามแรงดันจากคนด้านหลังเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น
กว่าจะกลับมาตั้งสติได้อีกทีก็ต้องที่เข้ามานั่งในร้านแล้วเรียบร้อย เจ้าตัวทำตาปริบๆ มองเมนูตรงหน้าก่อนจะเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อยากกินอะไรก็สั่งเลย” กันต์บอกก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงาน “เอาชุดสเต็กปลาแซลมอนย่างเกลือครับ”
แล้วก็ยังสั่งทั้งแซลมอนซาชิมิ แซลมอนโรลไปอีก ไหนจะมียำสลัดทูน่าอีกหนึ่งอย่าง เดียร์ได้แต่มองอีกคนอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าจะกินเยอะขนาดนี้ ตัวเขาสั่งไปแค่ชุดกุ้งเทมปุระกับซูชิรวมแค่นั้น
“พี่ชอบแซลมอนเหรอ” เพราะมันดูเงียบเกินไปและเดียร์ก็ไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆ แบบนี้ก็เลยหาเรื่องคุย
“อือ อร่อยดีถ้าเป็นแซลมอนล่ะก็กินได้เพียบ” กันต์ตอบพลางมองสำรวจใบหน้าของเดียร์ ขนาดยังไม่มีอะไรอยู่ในปากแก้มขาวนั้นก็ป่องจนน่าหยิก
“เรามีฝาแฝดใช่ไหม” กันต์ถามพลางนึกไปถึงคนที่หน้าเหมือนน้องตัวเล็ก แต่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คนถูกถามพยักหน้า “ครับ พี่เคยเจอเหรอ”
“เคย สองสามครั้งแล้วก็เคยคุยด้วยเมื่อวันที่เอาแพนเค้กไปให้”
“อ๋อ...” เจ้าตัวลากเสียงยาวหนักหน้าหงึกหงัก “พี่ชายฝาแฝดครับ ชื่อฮาร์ท”
“ฮาร์ท... ที่แปลว่าหัวใจน่ะเหรอ”
“ครับ ฮาร์ท หัวใจ เดียร์ ที่รัก แด๊ดกับมัมเคยบอกว่ากว่าจะได้หัวใจที่เป็นที่รักมากพวกเขาผ่านอะไรกันมาหลายอย่าง ผมกับพี่ชายก็เลยเป็นทั้งหัวใจเป็นทั้งที่รักน่ะครับ”
กันต์รับฟังแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้เมื่อเห็นคนเล่าพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข “มีความหมายลึกซึ้งดีนะ”
“ใช่ไหมล่ะ! ผมละชอบมากเลย โอ๊ะ... มาแล้ว...” เดียร์ยิ้มกว้างก่อนจะร้องออกมาเมื่อเห็นพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ
เจ้าตัวตาเป็นประกายตอนเห็นกุ้งเทมปุระแล้วก็เนื้อปลาแซลมอนสีส้มสวย กันต์นึกขำกับท่าทางเหมือนเด็กๆ เวลาเจอของถูกใจ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบแซลมอนซาชิมิให้คนที่ทำตาวาว
“สั่งมาเผื่อ กินเลย”
“อ่า... ขอบคุณครับ อย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ” มือจับตะเกียบคีบเนื้อปลาสีส้มไว้แล้ว
“อือ ตามสบายเลย”
พอได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างก่อนจะส่งปลาแซลมอนชิ้นหนาเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ท่าทางอารมณ์ดีจนคนมองยิ้มขำ อดใจไม่ได้ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายรูปน้องตัวเล็กเอาไว้ ใช้เวลาไม่นานอาหารทั้งหมดก็หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ นั่งย่อยกันสักแป๊บก็พากันออกจากร้าน
“แล้วนี่จะไปไหนต่อ” กันต์หันไปถามคนที่ยืนลูบท้องอยู่ข้างๆ
“ผมเห็นข้างล่างมีจัดงานเกี่ยวกับของกิน... เลยว่าจะลงไปดูน่ะครับ แล้วพี่ล่ะ”
“เพิ่งจะกินออกมาจากร้านจะลงไปดูของกินอีกแล้วเหรอ” มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตัวแค่นี้แต่กินเยอะไม่ใช่เล่นเลย
เดียร์ยิ้มเผล่ “ก็เอาไปกินที่ห้องไง”
“หึ... ไปสิ มันอยู่ตรงไหนล่ะ เผื่อพี่จะซื้อกลับไปกินที่ห้องบ้าง”
“แล้วพี่ไม่ไปดูอะไรเหรอ”
กันต์ยกมือแตะที่ไหล่ของเดียร์ก่อนจะดันเบาๆ เป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายเดินนำ “เดี๋ยวค่อยไปดูก็ได้ เอาไว้จะกลับค่อยไปซื้อเพราะมันถือค่อนข้างลำบากน่ะ ไปดูอย่างอื่นก่อนได้”
“อ่อ... ครับ อย่างนั้นก็ตามผมมาเลย ผมเดินผ่านตอนขึ้นมาบนนี้เห็นร้านน่าอร่อยหลายร้านเลยด้วย” เดียร์พูดก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปที่บันไดเลื่อนเพื่อลงไปชั้นล่างที่มีจัดงานอยู่
คนเยอะเป็นพิเศษบริเวณนี้คงเพราะมีจัดงานอาหารอยู่คนเลยมาเดินดูกัน แต่ก็ยังดีที่คนไม่ได้แน่นถึงขนาดเบียดเสียดจนมองไม่เห็นอะไร กันต์เดินตามน้องตัวเล็กไปเรื่อยๆ อีกฝ่ายแวะร้านนู้นร้านนี้แต่ก็ยังไม่เห็นซื้ออะไร เจ้าตัวบอกขอเดินดูให้ครบก่อนแล้วค่อยจัดทีเดียว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเออออไปกับอีกคน ปล่อยให้เดียร์เดินตามสบาย
“พี่กันต์ๆ ดูนี่สิ น่ารักอ่ะ” เดียร์หันมากระตุกแขนเสื้อของคนที่เดินอยู่ข้างๆ แล้วชี้ไปที่ร้านขนมที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะจัดการดึงอีกฝ่ายเดินเข้าไปใกล้ “อันนี้คืออะไรเหรอครับ โมจิเหรอ”
“ใช่แล้วค่ะ มีไส้มันม่วงกับราสเบอร์รี่ค่ะ” คนขายยิ้มกลับมาให้
เดียร์หันมามองกันต์ก่อนจะหันกลับไปขนมตรงหน้าอีกรอบ “ซื้อได้คนละสองชิ้นเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ... วันหนึ่งเราทำจำนวนไม่เยอะมากเลยต้องจำกัดจำนวนซื้อน่ะค่ะ”
“อ่า...” เดียร์ครางรับ สีหน้าเจ้าตัวดูหงอยลงเมื่อรู้ว่าซื้อได้แค่สองชิ้นเท่านั้น “อย่างนั้นเอาสองชิ้นครับ เอาทั้งสองไส้เลย”
“ค่ะ สักครู่นะคะ”
“ของผมด้วยครับ ทั้งสองไส้” กันต์พูดกับคนขายหลังจากที่ยืนดูเงียบๆ อยู่นาน
คนตัวสูงกว่ายื่นมือไปรับถุงขนมจากคนขายพร้อมกับส่งเงินให้โดยให้คิดรวมทั้งสองกล่องไปเลยก่อนจะดึงน้องตัวเล็กที่ยังมองร้านขนมตาละห้อยให้เดินต่อ
เดินวนจนรอบ ได้ขนมมาอีกหลายอย่างกันต์ก็จัดการกึ่งพากึ่งดึงเดียร์ไปหาที่นั่งพักเพราะเขาเริ่มรู้สึกเมื่อยหลังจากเดินวนไปวนมารอบบริเวณงาน
“นี่... ผมขอยืมถ่ายรูปหน่อยได้ไหมอ่ะ” เดียร์ชี้ไปที่ถุงขนมที่ซื้อมาพร้อมทำตาปริบๆ
กันต์ไม่ได้ตอบอะไรแต่เลื่อนถุงขนมไปวางไว้ตรงหน้าให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างหยิบกล่องขนมออกมาจากถุงรวมถึงของตัวเองด้วย
“มันน่ารักมากเลยอ่า...” เอานิ้วจิ้มๆ ที่โมจิสีขาวที่ทางร้านทำออกมาเป็นรูปแมวน้ำตัวกลมๆ อมยิ้มจนแก้มตุ่ย “อุ๋งๆ น่ารักอ่า น่าเสียดายเนอะให้ซื้อได้คนละสองชิ้นเอง อยากกินก็อยากกินนะ แต่ก็ไม่กล้ากินเพราะมันน่ารัก”
พูดไปก็จับเจ้าแมวน้ำโมจิหมุนไปหมุนมาเพื่อหามุมถ่ายรูป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้รูปที่ถูกใจ ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์อยู่สักพักก็เก็บ เป็นอันว่าลงรูปไปแล้วเรียบร้อย
“อ่ะ... ขอบคุณนะครับที่ให้ยืมถ่ายรูป” เดียร์เก็บแมวน้ำโมจิของกันต์ใส่ถุงให้เหมือนเดิมแล้วเลื่อนไปคืนอีกฝ่าย “ผมจะกินเลยดีหรือเก็บเอาไว้ก่อนดี”
“สงสารมันไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสิ... อยากกินก็อยากกิน สงสารก็สงสาร แต่จะไม่กินก็ไม่ได้ ถ้ามันเสียขึ้นมาก็เสียดายของ แค่จะกินไม่กินแค่นี้นี่มันยุ่งยากจริงๆ เลย” พูดจบเจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกๆ อย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์ตรงนี้
“ทีแพนเค้กคุณหมีน้อยยังกินได้เลย” กันต์ว่าพลางนั่งท้าวคางมองคนที่ทำหน้ายุ่งยากใจ
“ฮื่อ... ไม่เทียบกันสิ” เจ้าตัวทำท่างอแง
“นั่งตัดสินใจไปก็แล้วกัน” กันต์พูด หยิบเจ้าโมจิแมวน้ำมาพิจารณาดู มันดูน่ารักจนไม่กล้ากินนั่นแหละ เมื่อพิจารณาจนพอใจแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเอาไว้ก่อนจะเก็บลงกล่องเหมือนเดิม
“ผม... จะกินแล้วนะ...”
“อือ ก็กินสิ”
เดียร์ทำหน้าเสียดายปนๆ กับสงสารเจ้าแมวน้ำโมจิแต่แค่แป๊บเดียวก็เปลี่ยนมาเป็นสายตามุ่งมั่นก่อนจะงับหัวเจ้าแมวน้ำเข้าปาก
“อร่อย~” พอกลืนลงคอเจ้าตัวก็อ้าปากพูดทันที “อร่อยอ่ะพี่ แต่ฮือ... เรากินตัวเองไปแล้วอ่ะ” ท้ายประโยคพูดกับโมจิแมวน้ำส่วนที่เหลืออยู่แต่ก็ส่งเข้าปากต่อทันที
กันต์มองแล้วก็ขำเดี๋ยวก็ทำหน้าฟินที่ได้กินของอร่อย เดี๋ยวก็ทำหน้าหงอยเพราะกินแมวน้ำเข้าไป “เด็กต๊อง”
“พี่ว่าผมเหรอ” คนหูดีเงยหน้าขึ้นมาถาม
กันต์ที่นั่งท้าวคางอยู่เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยิ้มออกมาด้วยประโยคหนึ่งที่ทำให้เดียร์รู้สึกทำตัวไม่ถูก มันคันยุบยิบไปหมดที่แก้ม ไม่รู้ว่าเป็นอะไร หรือจะแพ้เจ้าขนมแมวน้ำโมจิที่เพิ่งจะกินเข้าไปกันนะ
“เด็กต๊อง... เป็นเด็กน่ารัก”อ่า... สงสัยเขาจะแพ้ขนมแมวน้ำโมจิแน่ๆ เลย อยู่ๆ ก็รู้สึกตาลายไปกับรอยยิ้มของคนตรงหน้าจนไม่กล้าจะสบตาได้แต่ทำเป็นคว้าน้ำมาดูดอึกๆ แทน
************************************************
ฮูยยยยย เด็กต๊องเป็นเด็กน่ารัก ฮูยยยยย ขอส่งเสียงอีกสักรอบ หมั่นไส้เบาๆ จ้าาาา ตอนนี้ก็มาเต็มกับของกิน หิวกันไหมคะทุกคน? ฟางชักจะไม่แน่ใจว่านิยายพากินหรือนิยายรักกันแน่ ลูกมีแต่ของกินตลอดเลยค่ะลูก ไม่รู้จะใช้สรรพนามไหนในการเรียกเด็กคนนี้ดี ลูก นุ้ง หรือ หนู เพราะฟางรู้สึกว่าเหมาะหมดทุกคำเรียกเลย
แล้วคืออะไร??? พี่ก็ตามใจน้องเหลือเกิน แถมยังขี้อิจฉาอีกด้วย น้องกอดตุ๊กตาก็ไปขย้ำตุ๊กตาเตะคุณหมี กลัวตุ๊กตาจะมาแย่งน้องไป โธ่... พี่... ถ้าน้องไม่สนพี่จริงๆ มาหาเรานี่มา เรายินดีดูแลพี่เนอะทุกคนเนอะ อิอิ
แล้วเจอกันใหม่นะคะ ^^
ปอลอ. ขอบคุณทุกคอมเมนต์ ทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายของฟางจ้า ขอบคุณนะคะ
ปล. เหตุการณ์รับน้อง การเรียนการสอน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่ใส่ในนิยาย บางส่วนฟางเอามาจากชีวิตจริงที่ฟางได้เจอมาตอนเรียน บางส่วนฟางแต่งเติมเสริมขึ้นมาเอง และได้รับการอนุญาตจากทาง รศ.ดร.นฤพนธ์ ไชยยศ คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เผยแพร่แล้วค่ะ
เจอคำผิด บอกได้ค่า
ไม่อยากจะขออะไรมาก แต่ขออย่างเดียวอ่านแล้วเมนต์หน่อยน้า ไม่งั้นพี่กันต์น้อยใจแย่เลย รักพี่กันต์เมนต์ รักน้องเดียร์เมนต์ รักคนแต่งเมนต์ ไม่รักกันก็เมนต์ค่า
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
รัก #พี่กันต์สายอ่อย กันเยอะๆ นะคะ กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ