บทที่ 14.1
“ยิ้มหน้าบานเป็นแป๊ะยิ้มเลยนะมึง” เสียงแขวะของไอ้ปองกุล แต่ผมไม่โกรธครับ ไม่โกรธ ยิ้มหน้าบานรับคำของมัน
ตอนนี้เห็นอะไรก็ทุ่งดอกเก๊กฮวยไปหมดครับ ชีวิตแฮปปี้ไปอีก
แม้แต่ไอ้ปองกุลทำหน้าเบ้ ตาหยามเหยียดใส่ผมก็ไม่โกรธครับ คนมีความสุขย่อมเห็นทุกอย่างดีไปหมด แม้แต่หน้าทุเรสอย่างปองกุลผมยังเห็นว่ามันดูดีขึ้นมานิดหน่อยครับ
“เอ้า! ไอ้ห่านี่ ยิ้มเข้าไป ด่าอะไรก็ยิ้ม ประสาทกลับ” จ้าเอาเลยจ้า ด่ามาอีกจ้า ยังยิ้มได้
ผมฉีกฟันใส่มันต่อ
“พอคืนดีกับไอ้โรห์นะ แหมทำหน้าระริกระรี้เหมือนได้ผัว ที่ก่อนหน้านั้นจะเป็นจะตายให้ได้” มันทำหน้าแขยง
“อื้มม” มิได้นำพาแต่อย่างใด จุดนี้ผมยิ้มร่าหมดครับ ก็คนมันแฮปปี้ชีวิตดี๊ดีย์ ประเด็นคือคนตามใจคนเดิมเพิ่มเติมคือยังไม่มีนะครับ อิๆ เพราะโรห์ยังไงก็คือโรห์ เสมอต้นเสมอปลาย
“ไอ้ห่า ทีตอนนั้นมานั่งปรึกษาหน้าเครียดบอกว่าเพื่อนกับเพื่อนจูบกัน ที่แท้ก็เรื่องของมึงเอง” ครับ...ตอนนั้นผมปรึกษามันตอนที่โรห์จูบแล้วผมสับสนมาก
สุดท้ายไอ้ปองกุลค่อยมารู้ตอนที่แจ๊คพอตแตกตอนโรห์มาได้ยินผมปากหมาๆพอดี มันถึงกับตาค้าง แต่ตอนนั้นผมแคร์ไอ้แขกอยู่เลยไม่ได้มาสนใจหนังหน้าไอ้แห้งเท่าไร
“ทำไม อิจ?” ผมเบ้ปากไม่สนใจเสียงนกเสียงกาครับ
“เหอะ” มันพ่นลมหายใจออกจมูก แต่รีบเขยิบหน้าเข้ามาหาผม แบบหน้าตาดูอยากเผือกเสือกจนออกนอกหน้ามากครับ “ว่าแต่...”
มันเงียบไปทำหน้าเจ้าเล่ห์ ทุเรสมาก
“พวกมึง...ได้กันยัง?” ฟหกด่าวงงงงงงง
“สัส” ผมยันหน้าผากเหม่งๆล้านๆของไอ้ปองกุลออกจากตัวเอง
“โอย...เขินแล้วอย่ารุนแรงดิไอ้หมูอ้วน!” มันร้อง คลำหน้าผากตัวเอง
แต่เดี๋ยวก่อน...เมื่อกี้มันเรียกกูว่าอะไรนะ อะไรอ้วน อะไรหมู???
“มึงเรียกกูว่าอะไร?” ผมถามเสียงเข้ม ทำท่าทีคุกคามใส่มันจนมันย่นคอหลบ
“อย่ากระโดดทับกู” ดูมัน! ภายใต้ความกลัวคือความกวนตีนของมัน น่ากระโดดทับอย่างที่มันว่าจริงๆ
หนูพุกมั่นใจว่ากูไม่น่าจะกระโดดทับใครแบนหรอก...ถ้าทับจริง กูทับให้ไส้แตกม้ามปลิ้นครับ แค่แบนแม่งธรรมดาไป ใครๆก็ทำได้
“ตายซะเถอะมึงงงงง” ผมลากเสียงยาว เอามือไปเขย่าหัวไหล่ไอ้แห้ง
“อ่อกแอ่ก” เขย่าไม่แรงเลยแต่ปองกุลมันตอแหลทำเสียงจะขาดใจตาย
นี่คือการคลายเครียดของพวกผมล่ะครับ ฮ่าๆ ไม่มีไรทำก็เล่นบ้าบอกันไป
ปริ๊น!
เสียงแตรรถทำให้ต้องหันไปมอง รถยนต์คันคุ้นตาจอดชิดอยู่ริมฟุธบาทหน้าคณะ
ผมรีบแจ้นเข้าไปหาเลยครับ ไอ้โรห์ขับรถมารอแล้ว ไอ้แห้งมันวิ่งแถ่ดๆตามหลังมาด้วย พวกผมนัดกันว่าจะไปเดินเล่นห้างกันครับ
เปิดประตูฝั่งข้างคนขับแต่ต้องตาเหลือกสะดุ้งเฮือกครับ เพราะว่าที่นั่งมันไม่ว่างเหมือนเคยเสียแล้ว
“อ้าว!” ผมร้องเมื่อเปิดเข้าไปแล้วป๊ะกับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนั่งอยู่บนเบาะ เจ้าตัวก็ดูตกใจกำลังจะขยับลงแต่คนขับดันชิงพูดก่อน
“พุกไปนั่งข้างหลังกับปองกุลก่อนนะ” เสียงเข้มของมันดังแทรกขึ้นมา ผมมองหน้าเข้มๆแล้วเกิดเป็นความรู้สึกแปลกๆแต่ก็ปิดประตูแล้วไปเปิดด้านหลังแทน
รู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที เพราะผมเป็นคนไม่ชอบนั่งข้างหลัง ไม่รู้ทำไม นั่งรถไอ้โรห์ทีไรก็ไม่เคยนั่งหลัง นั่งข้างหน้าตลอด เอาให้ถูกคือ...รถไอ้แขกไม่เคยมีใครนั่งข้างหน้านอกจากผม คือในตอนที่ผมเห็นนะ ถ้ากูไม่เห็นมันจะให้ใครนั่งอันนี้ก็ไม่รู้จริงๆ
แต่ถ้าผมอยู่ผมต้องได้นั่งสิ!
รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็ขึ้นมานั่งพิงเบาะด้านหลัง ตามมาด้วยไอ้ปองกุลที่ปีนขึ้นมานั่งข้างๆ รถยนต์ก็เคลื่อนที่ ผมนั่งกอดอกมองไปข้างนอกไม่ยอมสบตาคมสวยที่มองผ่านกระจกมาข้างหลัง
รู้สึกเหม็นหน้าไม่อยากคุยชั่วคราว แต่ไม่พูดหรอกนะ เดี๋ยวมันหนีหายไปอีกผมฉิบหายแน่ นั่งมองแต่ข้างทางจนไอ้แห้งเอาศอกสะกิด ห่านจิก! เรียกว่าเอาศอกกระแทกพุงกูจะดีกว่า ศอกแหลมสัส!
“อะไร?!” ผมหันไปถามเสียงเขียวปั๊ด มันพยักเพยิดให้ผมมองกระจกที่ติดหน้ารถ ฟาโรห์ยังคงชำเลืองมองเขาเป็นระยะ
เห็นตาคมๆหวานย้อยมองเหมือนจะถามไถ่ เป็นห่วงเป็นใยทำให้ผมใจอ่อนยวบ นับวันๆกูยิ่งจะเป็นขี้ผึ้งเข้าไปทุกที ผมอมลมเข้าแก้มแล้วปล่อยออกขยับตัวแน่นๆมาเกาะเบาะคนขับจากด้านหลังแล้วยื่นหน้าไปหาคนขับ
“ว่าไง?” ใบหน้าคมเข้มหันมามองผมชั่วพริบตาแต่รู้สึกเหมือนแก้มอุ่นๆแปลกๆ
เมื่อกี้เหมือนโดนจมูกโด่งๆสูบลมจากแก้มไปชั่ววูบหนึ่ง ผมมองตามมัน เห็นรอยยิ้มติดมุมปาก หน้าระรื่นมาก เลยเอื้อมมือไปอีกฝั่งหยิกบนไหล่แข็งๆนั่น มันสูดปากเบาๆ ผมพอใจขึ้นเล็กน้อย
“อ้อ...นี่แจน เพื่อนในคณะโรห์เอง เขาขอติดรถมาลงห้างเฉยๆ” ผมหันไปมองผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มข้างคนขับ เธอยิ้มให้ผมก่อนจนต้องผงกหัวให้เป็นมารยาท “แจนนี่หนูพุกกับปองกุลเพื่อนผมเอง” ปองกุลมันพึมพำสวัสดีเพื่อนร่วมรถ
ผมหันกลับมาข้างขวาตัวเองที่เกาะเบาะคนขับอยู่ โรห์หันมายิ้มให้จนผมใจกระตุกหงึกหงัก หงึกๆหงักๆ มันเต้นหงึกๆหงักๆ จั่งซี่มันต้องถอน! โง๊ยยย! ไรของกูวะ สติๆ!
มันเอามือซ้ายเอื้อมไขว้มาด้านหลังมาจับมือผมที่เกาะเบาะอยู่ฝั่งประตู เคาะเบาๆแล้วลูบไล้เหมือนเป็นเชิงขอโทษ
มันคงรู้ว่าผมกำลังงอน...ไม่ใช่งอนสิวะ! ไม่พอใจที่มีคนมานั่งทับที่ของผมต่างหาก! นั่นแหละ! มันจับความรู้สึกของผมได้เสมอ มันสบตาผมผ่านกระจก มีแววเว้าวอนกลายจนได้แต่หรี่ตามอง
ผมเกี่ยวนิ้วยาวๆของมันเอาไว้เขย่าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่ได้โกรธแล้วก่อนจะถอยกลับไปนั่งเบาะตัวเองดีๆ ไอ้แห้งรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที
“แหมๆๆๆๆ” มึงจะแหมยาวไปดาวอังคารเลยมะ “งอนเป็นตุ๊ดเลยไอ้ห่า”
“ใครงอน! ไม่มีเว้ย” ผมกัดฟันโวยใส่มัน อยากตบลูกตาล้อเลียนให้หลุดจริงๆ
รู้สึกเลือดลมสูบฉีดดีฉิบหาย ไหลขึ้นกองรวมบนหน้าให้กูอับอายตลอดเวลา อยากจะให้เส้นเลือดตีบกระทันหันจะได้ไหลช้าๆหน่อย
ผมคว่ำปากเลิกสนใจไอ้แห้งข้างๆ ขยับตัวพิงเบาะให้สบายแล้วหลับตา ผมจะค่อนข้างเมารถง่ายถ้ามัวแต่คุยเล่น ยิ่งนั่งข้างหลังผมยิ่งมึนง่ายมาก ไอ้ปองกุลก็รู้ตัวเลยขยับไปนั่งดีๆ ไม่วอแวกับผมแล้ว
จนรถยนต์แล่นมาถึงหน้าห้าง การจราจรตัดขัดเป็นระยะ แจนเลยขอลงก่อน ตอนแรกเธอดูลังเลเพราะว่าถ้าเธอลงแล้วที่นั่งตรงนั้นจะว่างและไอ้แขกจะดูเป็นคนขับรถทันที ผมเห็นเธออึกอักเลยบอก
“ไม่เป็นไรหรอกแจน” เธอหันมามองผม ผมพยักหน้าให้ ใบหน้าคมเข้มสีน้ำผึ้งหวานย้อยของไอ้แขกยิ้มสำทับ
“อืม...แจนลงตรงนี้น่าจะสะดวกนะ ไม่ต้องไปวนหาที่จอดกับผมแล้วต้องลงเดินมาหน้าห้างใหม่”
เพราะวินรถตู้อยู่แถวหน้าห้าง ถ้าลงเลยอาจจะเร็วกว่า สุดท้ายแจนขอบคุณคนขับแล้วหันมาลาพวกผมก่อนลงจากรถไป
หนูพุกคนนี้เอนตัวกลับมาพิงเบาะหลับตาสบายใจเฉิบ ไม่สนใจสายตาคมหวานที่ยังมองอยู่ แต่ปากก็เปิดถาม
“มองไม?” ทำเสียงแข็งใส่แม่ง หมั่นไส้!
ได้ยินเสียงมันขำเบาๆในคอ “เห็นโรห์เป็นคนขับหรือไง?”
ถามมาได้ ฉลาดซะเปล่า!
“เออเซ่ะ ขับไปเลยพูดมาก”
“ขึ้นมานั่งหน้าเถอะ เดี๋ยวมึนหัว” โทษทีนะไอ้แขก อีกสามร้อยเมตรมึงจะเข้าลานจอดรถห้างแล้ว ถ้ากูเมาจะอ้วกนะ กูอ้วกใส่หน้ามึงตั้งแต่กิโลเมตรแรกที่ออกจากมหาลัยแล้ว! ฮ่วย!
“อื้อ…” ผมส่ายหน้าดิก กอดอกแน่น ไอ้ปองกุลมันแสยะปาก ขมุบหมิบเหมือนกำลังล้อพวกผมที่คุยกันอยู่ บ้องหูแม่ง!
“มานั่งเถอะมา รถติดพอดีเลย” รถยังคงคิดอยู่อยู่แถวหน้าห้าง รถยังคงออกันเพราะคนเดินเยอะด้วย ติดพวกรถโดยสารที่จอดรับส่งผู้โดยสารอีก
ผมเปิดตาข้างหนึ่งมองคนพูดผ่านกระจก มือใหญ่สีน้ำผึตบเบาะข้างตัวแปะๆเชื้อเชิญ อยากฮึดฮัดนะแต่เริ่มเมาละ ปวดหัวคลื่นไส้ เลยรีบขยับตัวเปิดประตู แต่ก็ระมัดระวังนะครับมองซ้ายขวาแล้ว ลงมาแล้วก็รีบเดินอ้อมรถมาฝั่งข้างคนขับกระโดดขึ้นนั่งเรียบร้อย ขยับตัวลองสามทีให้สบาย คาดเข็มขัด ถึงจะอีกสามร้อยเมตรเข้าลานจอดรถก็ตาม เพราะเดี๋ยวตำรวจซิวเสียค่าปรับไม่คุ้มครับ
“กลัวเมารถเฉยๆ” รีบทะลุกลางปล้องพูดออกไป ไม่ได้อยากนั่งข้างมันสัดนิด นิดหนึ่งก็ไม่มีนะ หนูพุกบอกเลย
“ครับๆ” มันพูดกล้วหัวเราะ ตบเกียร์ไปอยู่ที่ตัวดีแล้วเหยีบยตันเร่งตามคันข้างหน้าไปเรื่อยๆ
ในที่สุดก็ผ่านพ้นสามร้อยเมตรสุดนรกจนเข้ามาถึงล่นจอดรถได้สำเร็จ แต่ห่านจิก! ชีวิตคนกรุงเทพฯคงบัดซบจริงๆครับเพราะเข้ามาแล้วยังต้องวนหาที่จอดรถเหมือนเล่นวัดดวงวัดใจใครมาก่อนมาหลังไม่รู้ แต่ถ้าเจอช่องว่างกูต้องรีบเสียบครับ
โชคดีไอ้โรห์ตาไวเห็นรถคันหนึ่งกำลังจะออกจากซองพอดี ไอ้ปองกุลถึงกับเกาะหน้าต่างอย่างตื่นเต้น เสรดแค่ได้ที่จอดรถไหมล่ะ!
จอดเสร็จก็เดินเข้าห้าง ไอ้แห้งเสือกเสร่ออยากเข้าห้องน้ำ
“มึงกูปวดฉี่เดี๋ยวมานะ” มันพูดรัวๆเสร็จก็วิ่งแจ้นไปห้องสุขาชายทันที
ผมเหล่คนที่ทำเนียนตีคู่มาข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรกันแต่ว่านิ้วก้อยเรียวยาวของมันเกี่ยวนิ้วก้อยผมเอาไว้แล้วแกว่งเบาๆ
หึ! เป็นการง้อที่โคตรอนุบาลสาม แต่ถามว่ากูชอบไหม?!
เออ! ชอบ!
มีไรมะ?!
------------------- 50% ----------------
สวัสดีค่ะ วันนี้เอาตอนใหม่มาลงให้ค่ะ
ขออภัยที่หายไปนานมากเลยค่ะ ตอนนี้จัดการต้นฉบับรักตามสั่งเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาให้หนูพุกและฟาโรห์ รวมถึงรักรสนมจืดแล้ว
ขอบคุณที่ยังคอยถามไถ่ ไม่ลืมยัยหนูกันนะคะ
อ่านแล้วถูกใจชอบ คอมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ รวมถึงหวีดกันได้ในทวิตเตอร์ #ชะรีฟหนูพุก #รักหนักมาก
ขอบคุณมากค่า
ปล. ตอนนี้เรามีโปรเจ็คร่วมกับน้องนักเขียน heartbrekxr's ผู้เขียนมนุษย์แฟนเด็ก, ความจริงใจ และอื่นๆ ขอฝากเรื่อง How to feed bambi #เชมาคนเลี้ยงกวางด้วยนะคะ