...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53  (อ่าน 696799 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตัวยุ่ง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอ็นดูน้องโซ่ น่ารักตลอด อ่านตามไปก็ยิ้มไปกับความไม่รู้อะไรเลยของโซ่ คนอื่นจะเขม่นกัน โจ๊กจะนอยด์ จะหงุดหงิดขนาดไหน โซ่ก็ทำให้บรรยากาศสดใส วิ้งวั้งได้ตลอด เอ็นดูมากกก ส่วนนังโจ๊กนั้น ไม่รู้จะขำหรือสงสารก่อนดี 55555555

ออฟไลน์ thebrownbear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นึกถึงพี่โซ่ทีไรก็นึกถึงความวิ้งเทพบุตรประจำคณะจริงๆค่ะ แต่หมั่นไส้โจ้กมาก เกลียดความบอกพี่เวฟว่ามีกิจกรรมอะไรให้ทำก็บอกนะครับ อยากจะแหมมมมมมม 55555555  :pig4:

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โจ๊กคนติดแฟนนนน มีโซ่ที่ไหนมีโจ๊กที่นั่นน  :pig4:

ออฟไลน์ ตุ๊บป่อง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รักน้ำ รักปลา รักโซ่ไออาร์ รักซากุระ :laugh:

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นังโจ๊ก นังคนติดแฟนนน

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
มองบนแล้วมองบนอีก รำคาญโจ๊ก ปกครองมาก 5555
ที่ไหนมีโซ่ โจ๊กจะต้องเป็นเงาตลอด อย่าให้ได้พลาด
เพราะกลัวโซ่ถูกใครคาบไป แล้วงับคืนมาไม่ทัน
ไหนจะพี่รหัส ไหนจะเพื่อนรัก ไหนจะคนแสนแปดที่ปลื้มโซ่

จะว่าไม่แกล้งโจ๊กก็ไม่เชิงนะคะ หากิจกรรมให้โซ่ทำ
แล้วโจ๊กต้องตามไปคุม ก็เหมือนเบาๆ จ้า เป็นเอ็นดูโจ๊ก

พี่เวฟ โซ่ไม่ได้ซื่อ แค่มองบวกแค่นั้นเอง ทันนะ แต่ช้าหน่อย

ขอบคุณมากนะคะ ที่มาให้หายคิดถึงไปบ้าง
มาอีกนะคะ เรารออ่านเสมอ 5555

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
วาระซ่อนเร้น
By: Dezair
……………………….
ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร


   เจียระไน เป็นลูกชายคนที่สองในบรรดาลูกชายสามคน


การเกิดเป็นลูกคนกลาง ย่อม ‘ควร’ มีบุคลิกลักษณะบางประการที่สมกับเป็นลูกคนกลาง


...เป็นคนกลางระหว่างพี่กับน้อง ก็ต้องมีทักษะประณีประนอม คอยเชื่อมสายสัมพันธ์พี่น้องเอาไว้


   แต่ลูกคนกลางที่ชื่อเจียระไนนั้นแตกต่างออกไป


   ตอนยังเล็ก ‘บริสุทธิ์ เจียระไน กะรัต’ สามพี่น้องนอนห้องเดียวกัน ก่อนนอน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนทำการบ้านเสร็จแล้ว และกำลังหาอะไรสักอย่างเล่นด้วยกัน



พี่ชายคนโตอยากเล่นหมากล้อม แต่น้องชายคนเล็กอยากเล่นเกมส์ต่อสู้ พี่กับน้องเริ่มทะเลาะกัน คนกลางอย่างเจียระไนเลยประกาศกลางวงว่าไม่ต้องเล่นอะไรทั้งนั้น ก่อนจะพุ่งตัวไปปิดไฟนอน



คืนนั้น ไม่ว่าจะหมากล้อมหรือเกมต่อสู้ก็อดเล่นไปหมดทุกอย่าง ท้ายที่สุด เจียระไนเลยถูกย้ายไปนอนกับอาม่าอยู่พักหนึ่งเพราะนิสัยจุดศูนย์กลางของโลกเกินเหตุ


   ตอนที่โตขึ้นมาหน่อย ครอบครัวที่มีสามพี่น้องชายล้วน ให้อย่างไรก็ต้องมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง    


บริสุทธิ์ผู้เป็นพี่ชายคนโตยืนกรานว่าปิดเทอมนี้จะไปเที่ยวนิวยอร์ก ส่วนกะรัตน้องชายคนเล็กอยากไปดิสนีย์แลนด์ที่ญี่ปุ่น เจียระไนซึ่งเป็นคนกลางควรจะเป็นผู้ประนีประนอมให้ทั้งพี่ชายและน้องชายยอมกันและกัน แต่...คนกลางรายนี้ไม่ได้คิดจะอยู่ตรงกลาง


   ...อยากไปนิวยอร์ก ไม่อยากไปญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นงานเลือกข้างต้องมา!...


   “ไปนิวยอร์ก” ลูกคนกลางโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แม้จะยังอยู่ในชั้นประถม แต่วิชาสังคมศึกษาสอนเรื่องระบอบการปกครองแล้ว เจ้าตัวเลยยกมือขึ้นข้างหนึ่ง อีกข้างจับมือพี่ชายขึ้นยกด้วย แล้วประกาศก้อง


   “เสียงข้างมากไปนิวยอร์ก” เสียงข้างมากที่ว่าคือสองในสามเสียง


น้องชายคนเล็กเบะปากทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่พี่ชายคนกลางไม่มีอ่อนโยนสักนิด


   “ไปนิวยอร์ก เข้าใจมั้ยก๋วยจั๊บ พยักหน้าสิว่าเข้าใจ” แล้วเด็กชายเจียระไนก็หันไปกดหัวน้องชายให้ขึ้นๆลงๆ เด็กชายกะรัตร้องไห้จ้า แต่ไม่อาจเรียกความสงสารใดๆได้ เพราะสองพี่จะไปอเมริกา สุดท้ายต้องให้มารดามาช่วยเกลี้ยกล่อมน้องคนเล็ก โดยให้สัญญาว่าปิดเทอมคราวถัดไปจะไปดิสนีย์แลนด์แทน


   พอสามพี่น้องเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น บริสุทธิ์เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ในขณะที่กะรัตกำลังฮอร์โมนพุ่งพล่าน หัวร้อนหัวแข็ง


   “เฮียบอกว่าห้ามไปค้างที่อื่น ทำไมไม่ฟังเฮีย”


   “แล้วทำไมต้องฟังด้วย! ผมแค่ไปค้างบ้านเพื่อน”


   “เพื่อนที่ไหน! เฮียตามไปเจออยู่กับผู้หญิง!”


   “เออ! อยู่กับผู้หญิง! แล้วยังไง! ผมโตแล้วนะเฮีย!”


   “ถ้าโตแล้วก็ต้องรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ! แล้วนอนกับเขารึยัง?!”


   “เฮีย!! นั่นแฟนผมนะ!”


   “สรุปว่าเพื่อนหรือแฟน?!”


   “เออ! แฟนก็แฟน!!”


   “เฮ้ย! หนวกหู! อ่านหนังสือสอบอยู่เว้ย!!” เจียระไนเปิดประตูออกมาจากห้องนอนแล้วตะโกนใส่สองพี่น้องที่กำลังทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดง โดยไม่มีผู้ใหญ่สักคนรับรู้


...แค่อ่านหนังสือสอบก็หงุดหงิดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว! ยังจะมีคนมาทะเลาะกันให้หนวกหูอีก! อยากทะเลาะกัน ก็ทะเลาะตอนมีคนไกล่เกลี่ยสิวะ!...


   “เฮียโจ๊กดูเฮียของเฮียสิ! ผมแค่มีแฟนทำเป็นเรื่องใหญ่!”


   “ถ้าแค่มีแฟนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่! แต่ที่เรื่องใหญ่เพราะแกไปนอนกับเขาทั้งๆที่แกยังรับผิดชอบอะไรไม่ได้สักอย่าง!”


   “ถ้าผมรับผิดชอบได้ ผมก็นอนได้ใช่มั้ย?!”


   “ใช่!” เจียระไนตอบ แล้วเดินมาคั่นระหว่างบริสุทธิ์และกะรัต คล้ายจะทำตัวเป็นคนกลาง แต่กลับแบมือออกมาตรงหน้าน้องชาย แล้วสั่ง


   “ไอ้จั๊บ เอากระเป๋าตังค์มา”


กะรัตกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง แต่ก็ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาส่งให้ พี่ชายคนกลางรับไปเปิดแล้วดึงเงินพร้อมบัตรทั้งหมดออกมา เหลือแค่บัตรประชาชนและบัตรนักเรียนแล้วส่งคืน น้องชายคนเล็กก็ถึงกับอ้าปากค้าง


“ฮ...เฮียเอาตังค์ผมไปทำไมอ่ะ...”


   “ก็จะไปรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ งั้นก็ออกจากบ้านไปแต่ตัว แล้วเฮียจ่างก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก ไอ้จั๊บมันจะไปก็ปล่อยมันไป หนวกหูฉิบหาย! ทะเลาะกันอยู่ได้!”


   “น...นี่เฮียโจ๊กไล่ผมเหรอ...” กะรัตละล่ำละลัก ถูกไล่อย่างเดียวไม่พอ ดันเอาเงินเขาไปจนหมดอีกด้วย กะรัตหันไปมองหน้าบริสุทธิ์หมายจะฟ้องว่าโดนพี่ชายคนกลางยึดเงิน แต่เจียระไนแทรกขึ้นมาก่อน


   “ไม่ได้ไล่ แค่เปิดทางให้ จะไปก็ไปได้เลย ไม่ต้องห่วงทางนี้ จะบอกทุกคนให้เอง จะไม่มีใครไปรบกวนแน่นอน เอ้า! ไปสิ จะยืนอยู่ทำไม เสียเวลา เฮียต้องไปอ่านหนังสือต่อ”


กะรัตกะพริบตาปริบๆ ไม่ทันรู้ตัวก็ถูกรุนหลังออกมายืนตากลมตากน้ำค้างอยู่นอกอาคารตั้งกาญจนพาณิชย์แล้ว


   เด็กหนุ่มวัยรุ่นเลือดร้อน มาถึงวินาทีที่ร้อนไม่ออก ได้แต่ยืนเอ๋ออยู่หน้าประตูด้วยความตกใจ


...ทะเลาะกับพี่คนโตอยู่ดีๆ แล้วก็ถูกพี่คนรองสนับสนุนให้ออกจากบ้านไปเลย แถมไม่ได้ไปแบบหรูหราฟู่ฟ่าด้วยนะ! แต่ไปแบบสิ้นเนื้อประดาตัว! มีแค่บัตรประชาชนกับบัตรนักเรียนติดตัว!!...


   ...นี่มันอะไรวะเนี่ย!!...


   “เฮ้ย! โจ๊ก ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้น...” บริสุทธิ์เห็นน้องคนเล็กถูกไล่ออกนอกบ้านก็ใจฝ่อ รีบหันไปปรามก่อนที่เจียระไนจะปิดประตู


   “เฮียจะออกไปอยู่ข้างนอกด้วยอีกคนใช่มั้ย ไปเลย ไปอยู่กับไอ้จั๊บ ไปทะเลาะกันต่อข้างนอกก็ได้ จะได้ไม่เสียงดัง” แล้วพี่คนโตก็ถูกน้องคนกลางดันออกจากบ้านไปอีกคน


   ประตูอาคารตั้งกาญจนพาณิชย์ถูกปิด ทิ้งทายาทสองคนเอาไว้ข้างนอก บริสุทธิ์และกะรัตยืนงง จากที่ทะเลาะกันในตอนแรกกลายเป็นกอดคอกันทุบประตูขอความช่วยเหลือ โชคดีที่มีคนได้ยิน และมาเปิดประตูพาพวกเขากลับเข้าไปในบ้าน แต่ตอนนั้นก็ถูกยุงกัดจนเนื้อตัวลายพร้อย พร้อมกับการหยุดทะเลาะกันไปโดยปริยาย


   นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งระหว่างพี่คนโตและน้องคนเล็กอีกเลย ส่วนคนกลางอย่างเจียระไน ถูกพี่น้องยกให้เป็น ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ ไม่มีใครกินเขาได้ ไม่มีใครโค่นเขาลง สองพี่น้องบริสุทธิ์และกะรัตได้แต่ภาวนาทุกครั้งที่จุดธูปไหว้บรรษุบุรุษ


   ...กรรมใดที่เจียระไนก่อ ขอให้กรรมนั้นคืนสนองด้วยใครสักคนที่อยู่บนสุดของบนสุดของบนสุดของห่วงโซ่อาหารนี้ด้วยเถิด!!!...


…………..


   หลายปีผันผ่าน จุดธูปไหว้บรรพบุรุษไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบก็เหมือนจะไม่มีบรรพบุรุษคนใดได้ยินเสียงร่ำร้อง จนแล้วจนรอด เจียระไนก็ไม่มีแฟนอย่างที่เรียกว่าคบหากันยืดเลยสักคน ตอนที่พี่น้องกำลังสิ้นหวัง กะรัตก็บังเอิญตาดีไปสังเกตอะไรเข้า


   น้องชายคนเล็กอาศัยวันที่เจียระไนกลับมาอยู่ที่อาคารตั้งกาญจนพาณิชย์แล้วแวะไปหาอาม่า แอบฉกสิ่งที่หมายตาแล้ววิ่งมาหาพี่ชายคนโต


   “เฮียจ่าง! เฮียจ่าง! เกิดเรื่องใหญ่ล่ะเฮีย! เฮียดูนี่!!” กะรัตดึงพี่ชายเข้าที่ลับตาแล้วโชว์หน้าจอโทรศัพท์มือถือในมือให้ดู



ชายหนุ่มเพ่งมองภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นต้นไม้ใหญ่และโต๊ะม้าหิน และ...มีใครบางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินโดยหันหลังให้กล้องอยู่


   ...ใคร?...


   ...แล้ว...ยังไง?...


   ...คือมันเกี่ยวอะไรกับชีวิตเขาและทุกสรรพสิ่งในตั้งกาญจนพาณิชย์ไหม?...


   “โห เฮีย! อย่าเพิ่งทำหน้าตาเป็นน้ำเต็มแก้ว! นี่มือถือเฮียโจ๊ก!”


   “มือถือไอ้โจ๊ก?”


   “ชู่ว เบาๆ ผมแอบหยิบมา!”


   จากหน้าตาน้ำเต็มแก้ว บริสุทธิ์ถึงกับตาเบิกโพลง


   “ไอ้ก๋วยจั๊บ! ขโมยของเรอะ!”


   “ไม่ได้ขโมย! แค่ยืมมาดูเฉยๆ เห็นเฮียโจ๊กนั่งดูโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอเดินผ่านก็ทำเป็นปิดจอ มันน่าสงสัยไม่ใช่เหรอเฮีย!”


   บริสุทธิ์ฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยว่าน่าสงสัยจริง แต่...ของส่วนตัวก็คือของส่วนตัว ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต ถึงจะเป็นพี่น้องกัน และอาม่าสั่งสอนให้รักกัน แต่ก็ต้องเว้นวรรค


   “แต่หยิบของคนอื่นมาดูแบบนี้มันไม่ถูกต้อง” พี่ชายคนโตค้าน แต่น้องชายคนเล็กทำหน้าตาจริงจัง


   “แต่อาม่าสอนให้พวกเรารักกัน เราก็ต้องสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาแทนอาม่านะเฮีย”


   เลือดแซ่ตั้งข้นยิ่งกว่าน้ำขนาดไหน ดูได้จากความสอดรู้สอดเห็นของกะรัตในเวลานี้


   บริสุทธิ์ทำหน้าปั้นยาก เป็นห่วงน้องชายคนกลางก็ห่วง ที่กะรัตพูดมาไม่มีอะไรผิดเลยสักคำ พี่น้องต้องรักกัน ต้องสอดส่องดูแลกันอย่างที่อาม่าสั่งสอน แต่ว่า...


   “แล้วมันไม่ล็อกหน้าจอรึไง” บริสุทธิ์พยายามหาอุปสรรคในการไม่ล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคลของน้องชายคนกลาง แต่น้องชายคนเล็กสั่นหน้าพรืด


   “ล็อกสิ แต่เฮียโจ๊กไม่ซับซ้อนหรอก แค่กดรหัสเอ๊ง!”


“แล้วรู้รหัสมันเหรอ”


กะรัตกระตุกยิ้มมุมปาก


“วันเกิดอาม่า”


บริสุทธิ์ทำตาโต ไม่เชื่อ แต่น้องชายกดรหัสเปิดหน้าจอให้ดูเป็นขวัญตา พอทางสะดวกแบบนั้น ต่อให้บริสุทธิ์จะไม่อยากรุกล้ำความเป็นส่วนตัวใดๆ แต่ในเมื่อสวรรค์เปิดทาง มันก็...อดไม่ได้


“ดูสิเฮีย ดูๆ” แถมน้องชายคนเล็กจอมแสบก็ยังยื่นมาให้ดูอีก บริสุทธิ์ปิดตาข้างหนึ่ง เปิดตาแค่ข้างเดียวแล้วเหล่มอง แต่ยิ่งเหล่ก็ยิ่งไม่ชัด สุดท้ายเลยถอดใจ หันไปดูตรงๆเลยแล้วกัน!


ภาพพื้นหลังเจ้าปัญหาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเจียระไนหากดูเผินๆนั้นไม่น่าแปลกใจ แต่ยิ่งมองยิ่งจ้องก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลก


...ภาพคนนั่งอยู่บนโต๊ะม้าหิน หันหลังให้กล้อง...


ดูก็รู้ว่าเป็นรูปแอบถ่าย


แต่...แอบถ่ายใคร แอบถ่ายทำไม...


   “เฮียว่านี่ใคร” กะรัตถามเข้าประเด็น


   บริสุทธิ์ดึงโทรศัพท์ไปเพ่งดูอีกที เวลานี้มารยาทดีๆก็ลืมไปแล้ว เพราะสิ่งที่ปรากฏบนจอนั้นน่าสงสัยยิ่งกว่า


เจียระไนไม่ใช่คนอารมณ์สุนทรีย์ขนาดที่จะถ่ายรูปสื่อความหมาย เคยใช้กระทั่งพื้นหลังเป็นตารางสอบด้วยเหตุผลว่ากลัวไปสอบผิดวันด้วยซ้ำ แต่แล้ววันนี้...กลับใช้รูปแอบถ่ายใครสักคนจากข้างหลัง


   ...ใครคนนั้นเป็นใคร?...


   “หรือจะเป็นเพื่อนเฮียโจ๊ก?”


   “แกถ่ายรูปเพื่อนเอามาขึ้นจอมือถืองี้มั้ยล่ะ ไอ้ก๋วยจั๊บ” บริสุทธิ์อยากจะเขกกะโหลกน้องชายตัวเองนัก ขนาดทำอะไรในที่ลับและหวั่นว่าจะถูกพบได้ทุกเมื่อก็ยังไม่วายเสนอความเห็นที่ไม่น่าเป็นไปได้สักนิด


   กะรัตพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย “ก็จริง แล้วคนอย่างเฮียโจ๊กก็ไม่น่ามีเพื่อนเยอะให้ถ่ายรูปด้วยหรอก...แล้วถ้ารูปนี้ไม่ใช่เพื่อนเฮียโจ๊ก...แล้วเฮียโจ๊กจะถ่ายไว้ทำไม”


   พอคำถามหลุดออกมาจากปาก ก็คล้ายจะได้คำตอบขึ้นมาในใจทันที


   บริสุทธิ์และกะรัตเงยหน้าสบตากันด้วยดวงตาเหลือกโต แล้วร้องออกมาพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย


   “หรือว่าเป็นคนที่ชอบ!!”


   สองพี่น้องถึงกับชะงักกึกกับสิ่งที่คาดคะเนตรงกัน แล้ววินาทีต่อมากะรัตก็ถึงกับน้ำตาคลอ จับชายเสื้อพี่ชายคนโตราวกับพบที่พึ่ง


   “เฮียยยย...ในที่สุดสวรรค์ก็ไม่ทอดทิ้งมนุษย์ตาดำๆ ส่งเทพเซียนมากำราบเฮียโจ๊กแล้ว”


บริสุทธิ์โอบไหล่น้องชายด้วยความซาบซึ้ง


   “เหล่ากงเหล่าม่าคงเห็นแล้วว่าปล่อยไอ้โจ๊กไว้คนเดียวแบบนี้เราจะตายกันหมด ถึงได้ส่งบนสุดของห่วงโซ่อาหารลงมาซะที ดีจริงๆ...บรรพบุรุษก็ไม่ทิ้งเรา ในที่สุดก็จะมีน้องสะใภ้...” พอพูดคำว่าสะใภ้ขึ้นมา กะรัตก็เหมือนจะนึกอะไรออก


   “เฮ้ย...เฮีย เอาหน้าจอมาดูอีกรอบซิ”


   กะรัตดึงมือถือมาเปิดหน้าจอขึ้นมาใหม่ จ้องอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถาม


   “เฮียว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย”


   บริสุทธิ์กะพริบตาปริบๆ กับคำถาม ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปดูหน้าจออีกรอบ


   ภาพหน้าจอเป็นภาพถ่ายจากที่ไกลๆ มองเห็นแค่ข้างหลังคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิน


   ไม่เห็นหน้า ไม่เห็นว่าสวมกระโปรงหรือกางเกง เห็นแค่เส้นผมที่ปรกต้นคอ กับท่อนบนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว


   ...แต่...ทรงผมแบบนี้...ลาดไหล่แบบนี้...มันน่าจะเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ?!...


   น้องชายคนเล็กถึงกับตาเหลือกโต อ้าปากหวอ


   “ผ...ผู้ชายนี่หว่าเฮียจ่าง!”


   “ชู่ว! เบาๆสิวะ!”


   กะรัตรีบตะครุบมือปิดปากตัวเอง แต่ตาโตๆนั่นทำอย่างไรก็หรี่ให้เล็กเท่าเดิมไม่ได้


   สวรรค์ไม่ทิ้งมนุษย์ตาดำๆ บรรพบุรุษไม่ทิ้งลูกหลาน ส่งผู้ชายหนึ่งคนมาปราบเจียระไน!


   “ถ้าไอ้โจ๊กชอบ เราก็ต้องชอบ เข้าใจมั้ยไอ้จั๊บ”


   “เข้าใจๆ แต่แบบ...ตกใจ...” ประโยคหลัง กะรัตพูดเสียงแผ่วอย่างคาดไม่ถึง บริสุทธิ์พยักหน้าหงึกหงัก


   “อืม...ไอ้โจ๊กมีแต่แฟนผู้หญิงมาตลอดด้วย...”


   “จริงเฮีย แล้วคบไม่ยืดสักราย ไม่รู้ทำไม”


   “บางทีเป็นผู้ชายอาจจะดีก็ได้ ถ้าคนนี้ไปรอด เราจะได้มีที่พึ่งนอกจากอาม่า”


   กะรัตพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีค้าน เขาไม่มีปัญหากับเรื่องเพศ ขอแค่มีประสิทธิภาพในการกำราบเจียระไนเป็นใช้ได้ ว่าแต่...คนที่จะมากำราบเจียระไนได้ จะต้องเป็นคนแบบไหนล่ะ


   “เฮียว่า...เขาเป็นคนยังไง โหดมั้ย หน้าอาจจะดุมาก แล้วก็...เฮี้ยบ?...ต้องคนแบบไหนถึงจะเอาเฮียโจ๊กอยู่อ่ะ”


   มาถึงตรงนี้ บริสุทธิ์ก็ไร้จินตนาการขึ้นมาเช่นกัน


   นั่นสิ ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ ที่จะปราบเจียระไนอยู่หมัดต้องเป็นคนแบบไหน คนที่อยู่เหนือเจียระไนขึ้นไปจะต้องมีบารมีเพียงใด คนที่จะกำเจียระไนเอาไว้ในมือจะต้องโหดเหี้ยมแค่ไหน


   “ของยังงี้ต้องไปดูให้เห็นกับตา!”


   ...................   


    ถึงจะไม่ใช่หลานที่ใกล้ชิดอาม่าเท่าเจียระไนหรือเจตน์ แต่ทั้งบริสุทธิ์และกะรัตก็ล้วนยึดคำสอนของหญิงชราเป็นสำคัญ


   พี่น้องต้องรักกัน


   พี่น้องต้องดูแลกัน


   พี่น้องต้องช่วยเหลือกัน


   วันนี้ ทั้งพี่และน้องของเจียระไนก็เลยบุกคณะรัฐศาสตร์เพื่อมาดูหน้าเจ้าของมือที่กุมลูกไก่ เอ๊ย! เจ้าของมือที่กุมหัวใจของเจียระไน


   คณะรัฐศาสตร์เป็นคณะเล็กๆ แม้จะมีสี่ภาควิชาและสี่ชั้นปี แต่นิสิตปริมาณน้อยๆ ก็ล้วนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ดังนั้นเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้ามาด้อมๆมองๆในคณะ อีกทั้งยังเป็นคน ‘หน้าตาคล้ายๆ’ ใครสักคน การมาเงียบๆของบริสุทธิ์และกะรัตก็เลยไม่เงียบ...และมันดังไปเข้าหูเจียระไน


   หนุ่มปกครองปีสาม ยืนกอดอกมองพี่น้องของตนเองที่กำลังชะเง้อมองซ้ายทีขวาที จนกระทั่งกะรัตหันมาเห็นเขายืนจังก้า ถึงได้รีบใช้ศอกกระทุ้งเอวของพี่ชายคนโต


   แน่นอนว่าเวลานี้หนีไม่ทันแล้ว สองพี่น้องผู้ตั้งใจว่าจะแอบมาด้อมๆมองๆ ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ ก็เลยต้องกระมิดกระเมี้ยนเดินเข้าไปหาเจียระไนที่ยืนกอดอกจิกตา หน้าตาเอาเรื่อง


   “มาทำไมกัน” หนุ่มรัฐศาสตร์ ปีสาม ภาควิชาการปกครองถามเสียงเรียบ ในโถงตึกเรียนที่ทั้งเงียบและไร้ผู้คน ยิ่งทำให้เสียงของเขาเย็นแทบจะตัดขั้วหัวใจทั้งพี่ทั้งน้อง 


   “อ...เอ่อ...ผม...ผม...มา...มาดูที่ทาง...เลย...เลยชวนเฮียจ่างมาด้วย...” น้องชายคนเล็กให้เหตุผล แต่เจียระไนจิกตาหนักกว่าเดิม สองพี่น้องพากันกลืนน้ำลาย รู้แน่แล้วว่าโกหกยังไงก็ไม่รอด


   “เออๆ ยอมแล้วก็ได้...คือ...เฮียกับไอ้จั๊บ...อยากมาเห็นคนที่แกชอบ...” พี่คนโตรับสารภาพ


   เจียระไนชะงักไปเล็กน้อย มองซ้ายมองขวา ถึงจะไม่มีใคร แต่โถงตึกเรียนก็เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีใครเดินผ่านไปผ่านมาหรือไม่


   “ไปคุยกันข้างนอก” เจ้าของพื้นที่ออกปาก ก่อนจะหมุนตัวพาเดินนำออกไปนอกตึก


   ลานโต๊ะม้าหินหน้าตึกเงียบสงบและปราศจากผู้คนไม่แพ้ในโถง แต่อย่างน้อยมันก็กว้างกว่า และถ้าไม่ตะโกน คนที่เดินผ่านไปมา ก็คงไม่มีใครได้ยินเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกัน


   บริสุทธิ์และกะรัตนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหิน ในขณะที่เจียระไนยังยืนกอดอกตีสีหน้าเคร่งตั้งคำถาม


   “รู้เรื่องนั้นได้ไง”


   “เฮีย...เฮียขอโทษ...เฮียเห็นในโทรศัพท์...เอ่อ...มีรูปแอบถ่ายคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินแถวนี้ใช่มั้ย เฮียจำลานนี้ได้...” แม้จะเป็นน้องชายคนเล็กที่นำเรื่องนี้มาเสนอ แต่บริสุทธิ์ในฐานะพี่ชายคนโตจะหลบอยู่หลังน้องไม่ได้ เขาจึงเป็นฝ่ายออกตัวยอมรับผิด


พอคนพี่ยอมรับผิด คราวนี้คนน้องก็ทนไม่ได้


“ผมเป็นคนเอาให้เฮียจ่างดูเอง”


“ไม่ๆ เฮียผิดเองที่ไม่ห้าม” บริสุทธิ์รีบแย้ง


“แต่ถึงเฮียห้าม ผมก็ยังดูอยู่ดี เรื่องคราวนี้ผมผิดนะ เฮียโจ๊ก ผมผิดคนเดียว ผมขอโทษ”


สองพี่น้องแซ่ตั้งแย่งกันรับผิด จนเจียระไนต้องโบกมือ


   “เออๆ ไม่ต้องพูดแล้ว เอาเป็นว่าตามนั้นแหละ รู้แล้วก็กลับไปกันได้แล้ว”


   คนอย่างเจียระไน บทจะปิดก็เก็บเงียบ บทจะเฉลยก็ยอมรับตรงไปตรงมา แถมตบท้ายด้วยการไล่กลับบ้านด้วย


“ไม่ได้สิ! เฮียมาที่นี่เพราะอยากมาเห็นหน้าคนที่แกชอบนะ!” พี่ชายคนโตร้อง


   “จริง! ผมก็อยากเห็นหน้าพี่เขย” น้องคนเล็กมีหรือจะปล่อยให้พี่คนโตออกเสียงคนเดียว ต้องรีบสนับสนุนด้วย


   “พี่เขย?” เจียระไนตวัดสายตาไปมองน้องชาย กะรัตรู้สึกว่าตนเองจะพูดมากเกินไปแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆ พี่น้องกัน เปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่องให้สมกับที่อาม่าสั่งสอนว่าต้องรักกันดูแลกันยังไงล่ะ!


   “ก็...ในมือถือเฮียโจ๊ก...เป็นผู้ชายใช่มั้ยล่ะ”


เจียระไนสูดลมหายใจเข้าลึกคล้ายจะระงับความหงุดหงิดที่พี่น้องจุ้นจ้านวุ่นวายเรื่องของเขา


   “ผมอยากเจอจริงๆนะเฮียโจ๊ก ผมกับเฮียจ่างอยากรู้ว่าคนที่เฮียชอบเป็นใคร หน้าตาเป็นไง พวกเราแค่อยากรู้จัก”


   ทั้งสีหน้าจริงจัง ทั้งการบุกมาถึงที่นี่ ก็บอกให้รู้ว่าทั้งบริสุทธิ์และกะรัตอยากรู้จริง อยากเห็นหน้าจริง ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่เป็นที่เปิดเผย หนำซ้ำเจียระไนก็ยังไม่เคยบอกเจ้าตัวด้วยซ้ำว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่...ถ้าจะให้บอกพี่น้องของตนเอง เขาก็คิดว่า...คงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก


   “ชื่อโซ่” ลูกคนกลางยอมบอก


   “อยู่คณะนี้ใช่มั้ย” บริสุทธิ์ถาม


   “อือ เป็นเพื่อนในคณะ”


   “เรียนภาคเดียวกับเฮียมั้ย?” กะรัตถามบ้าง


   “เปล่า อยู่ไออาร์”


   “ฮู้วววว เราจะมีเขยเป็นทูต!” เจ้าน้องชายคนเล็กทำตาโตลุกวาว แต่พี่ชายคนกลางส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ


   “พอๆ ไอ้จั๊บ ไม่ต้องเพ้อมาก”


   “แล้วเป็นแฟนกันรึยัง” บริสุทธิ์ถามอีก คราวนี้ เจียระไนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า


   “มันไม่รู้” คำตอบทำเอาพี่ชายคนโตชะงัก


สำหรับบริสุทธิ์แล้ว เจียระไนคือน้องชายที่เขาไม่เคยนึกเป็นห่วงเลย เจ้าตัวดูไม่หือไม่อือ หรือถ้าเรื่องไหนจะหืออือขึ้นมาก็จะบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเสมอ ดังนั้น เรื่องไหนที่เจียระไนต้องการ แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่เก็บเงียบ


   ทว่า...เรื่องนี้...


   ทั้งๆที่เป็นเรื่องของความรู้สึก เป็นเรื่องของหัวใจ แต่...เจียระไนกลับไม่บอกใคร


   ไม่บอกทั้งคนรอบข้าง ไม่บอกทั้งคนที่เจียระไนรู้สึกด้วย


   “ทำไมเฮียโจ๊กไม่บอกเขาอ่ะ!” กระทั่งกะรัตเองก็แปลกใจ


   “ยังไม่ถึงเวลา”


   “แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาอ่ะเฮีย ไม่ใช่ว่ากว่าจะบอก เขามีแฟนไปแล้วเหรอ”


   “ทำไมลุ้นจังวะ ไอ้จั๊บ” เจียระไนหันมาถามน้องชาย กะรัตชะงักไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเผล่ ตอบเสียงอ่อยๆ


   “ก็...ก็อยากให้เฮียโจ๊กมีแฟน...” ...แท้จริงคืออยากให้มีคนมากำราบ ‘เฮียโจ๊ก’ สักที...


   เจียระไนส่ายหน้าไปมา คล้ายจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องของกะรัต


   “รู้กันแล้วก็กลับไปได้แล้ว เฮียไม่ทำงานรึไง แล้วไอ้จั๊บไม่มีเรียนเหรอ พากันโดดแบบนี้ ผมฟ้องอาม่านะ”


   “แกมีเรียนต่อเหรอ”


เจียระไนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วส่ายศีรษะ


   “คงไม่เข้าแล้ว ขี้เกียจ อาจจะกลับคอนโดเลย”


บริสุทธิ์มองน้องชายคนกลาง รู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างให้เจียระไนรับรู้ว่าถึงแม้พวกเขาจะมีเส้นทางคนละเส้น มีสังคมที่แตกต่าง มีวิถีชีวิตเป็นของตนเอง แต่...เวลาที่ไม่มีใคร เวลาที่มีเรื่องเก็บไว้ในใจ พี่น้องพร้อมจะเคียงข้างกันเสมอ


   “งั้นไปหาอะไรกินกันสามคนมั้ย เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว” พี่ชายคนโตออกปากชวน ทำเอาเจียระไนขมวดคิ้วอย่างงุนงง


   “อะไรน่ะ อยู่ดีๆ...” เจียระไนพูดไม่ทันจบ ไหล่ของเขาก็ถูกพี่ชายตบเข้าไปที บริสุทธิ์ยิ้มกว้าง


   “ถือว่า...เป็นการขอบคุณที่ให้พวกเราได้รู้เรื่องของแกไง ในหมู่พวกเราก็มีแกนี่ล่ะที่ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟัง เฮียคนนี้ก็อยากรู้นะเว้ย”


   “ผมก็อยากรู้!” กะรัตรีบชูมือขอมีส่วนร่วม


   เจียระไนไม่รู้ว่าความรู้สึกในใจตนเองตอนนี้คืออะไร


เขาเป็นลูกคนกลาง แม้จะมีพี่น้องชายล้วน แต่ก็ไม่ได้เล่นด้วยกันมากนัก ถึงจะรู้ว่าปรึกษากันได้ทุกเรื่อง แต่ด้วยเพราะตอนที่ยังเล็ก พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล เขาจึงถูกส่งไปให้อาม่าเลี้ยง เจียระไนใช้ชีวิตวัยเด็กกับญาติผู้ใหญ่สูงอายุ ไม่ได้เล่นกับพี่ชาย พอมีน้องชาย เขาก็ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรกับน้อง เล่นด้วยกันน้อยนับครั้งได้ พอยิ่งโตยิ่งแล้วใหญ่ ต่างคนต่างมีสังคมของตนเอง แถมแซ่ตั้งยังมีกฎสำคัญคือห้ามทำให้พี่น้องเดือดร้อน ดังนั้น ยามเจอหน้ากันย่อมไม่ใช่เวลาปรับทุกข์


   แต่วันนี้...กลับรู้สึกว่าโลกของเขา กำลังเปิดประตูให้พี่น้องได้เข้ามาสอดส่องรู้เห็น แล้วพอเปิดประตู ก็เหมือนมีลมพัดผ่าน


หัวใจเบาลงส่วนหนึ่ง จนเผลอถอนหายใจยาว


   “อืม...ไปก็ไป”


   แล้วสามพี่น้องตั้งกาญจนพาณิชย์ก็ได้นั่งกินข้าวพร้อมหน้ากันในวันนั้นเอง



............................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2020 13:32:21 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


เรื่องราวของ ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ ที่ชื่อ ‘โซ่’ ยังคงไม่ค่อยออกจากปากของเจียระไนให้พี่น้องรับรู้มากนัก เรียกได้ว่าไม่ถามก็ไม่พูด แต่พอถามทีไรก็ได้ยินแต่คำตอบเดิม


‘ยัง’


กี่ครั้งๆก็ ‘ยัง’ จนบริสุทธิ์ชักจะหวั่นใจ จนหลุดปากถามออกไป


‘ยังที่ว่านี่ยังเป็นคนเดิมมั้ย’


คำตอบที่ได้คือการตวัดสายตามาจิก บริสุทธิ์ก็เลยแน่ใจว่าบนสุดของห่วงโซ่อาหารยังคงเป็น ‘โซ่’ คนเดิม และก็ ‘ยัง’ ไม่รู้ความรู้สึกของเจียระไนเหมือนเดิม


ดูๆแล้วน่าถอดใจ แต่ความรู้สึกของเจียระไนคราวนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆที่คบๆเลิกๆ ถึงแม้ ‘โซ่’ จะยังไม่รู้ แต่เจียระไนก็ยังยืนยันว่ายังเป็นคนนี้ บริสุทธิ์ก็ได้แต่จุดธูปภาวนาต่อบรรพบุรุษและเทพเจ้า ให้ความรักของน้องชายคนกลางสมหวังสักที


   ผ่านพ้นไปเป็นปี ข่าวดีก็มาเยือนในวันหนึ่ง


   ‘เฮีย...เที่ยงนี้ว่างรึเปล่า จะพาไอ้โซ่ไปรู้จัก’


   ‘ว่าง!! ว่างมากกกก! โทร.ตามก๋วยจั๊บก่อน’


   หลังจากนัดแนะสถานที่สำหรับมื้อกลางวันเรียบร้อย สองพี่น้องก็วางสายจากกัน


เจียระไนไม่รู้ว่าพี่น้องของเขาจะรู้สึกเช่นไรกับความสัมพันธ์ของเขาและสิตางศุ์ แม้น้ำเสียงทางโทรศัพท์จะกระตือรือร้นอยากพบคนรักของเขา แต่...ก็ยังรู้สึกกังวลไปหมดทั้งใจ


เขาไม่รู้ว่าพอพบหน้ากันแล้ว บริสุทธิ์และกะรัตจะมีท่าทีอย่างไร จริงอยู่ว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องส่วนบุคคล และเขาก็ไม่ใช่คนสนใจว่าใครจะยอมรับในความสัมพันธ์ของเขาและสิตางศุ์หรือไม่ แต่เพราะทั้งบริสุทธิ์และกะรัตเป็นพี่น้องของเขา ต่อให้เจียระไนจะไม่สนใจโลก แต่เขาก็อยากให้ทั้งพี่และน้องยอมรับในความรัก ความสัมพันธ์ของเขาและสิตางศุ์


ท่าทางเคร่งเครียดเอาแต่นั่งคิดเงียบๆ ทำเอาคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จต้องเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง สิตางศุ์เป็นคนซื่อๆ แต่สีหน้าของเจียระไนฉายชัดถึงความรู้สึกนึกคิด ต่อให้ซื่อแค่ไหน เขาก็อ่านอารมณ์คนรักออก


   “พี่น้องของโจ๊กไม่ว่างมาเจอเหรอ”


   “เปล่า”


   “แล้วเป็นอะไร ทำไมขมวดคิ้ว” ไม่พูดอย่างเดียว ยังเอานิ้วจิ้มลงบนหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน หนุ่มตี๋ตาเรียวถอนหายใจ แล้วดึงมือคนรักลงนั่งบนโซฟาข้างกัน


   “มึงกังวลมั้ยโซ่” เจียระไนถาม


แม้บริสุทธิ์และกะรัตจะรู้เรื่องสิตางศุ์มาตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่คบหากับอีกฝ่ายอย่างคนรัก และทั้งสองคนไม่ได้มีท่าทีกีดกันอะไร แต่...เขาก็ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาพบหน้าจริงๆ จะเป็นอย่างไร


   ...เขากลัว เขากังวล…


   ถ้าบริสุทธิ์และกะรัตต่อต้าน ถ้าบริสุทธิ์และกะรัตขัดขวาง ถ้าสิตางศุ์เสียใจเพราะญาติพี่น้องของเขา เขาจะทำอย่างไร


   “กังวลสิ” น้ำเสียงของสิตางศุ์ยังนุ่มนวล และรอยยิ้มของเจ้าตัวก็ยังสดใส


   “แต่พวกเขาเป็นพี่น้องของโจ๊กไม่ใช่เหรอ โจ๊กเป็นคนดี ยอมรับและเข้าใจคนอื่น พวกเขาก็คงไม่ต่างกัน หรือ...ถ้าเรื่องของเรามันยากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ในวันนี้พรุ่งนี้ ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้คบกันแค่วันนี้พรุ่งนี้นี่นา ถ้าพวกเรายังยืนยันคำเดิม วันหนึ่งพวกเขาจะเข้าใจมันเอง”


   สิตางศุ์มองคนรักแล้วยิ้มให้ ก่อนจะจับมือมาบีบเบาๆ


   “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูจะทำให้ดีที่สุด เชื่อกูนะโจ๊ก”


   เจียระไนถอนหายใจยาวก่อนจะพยักหน้ารับ แม้จะเชื่อใจในความรู้สึกของพวกเขา แต่ความกังวลไม่ใช่เรื่องที่จะหายไปได้ในเวลาสั้นๆ สิตางศุ์เองก็รู้ดี จึงดึงอีกฝ่ายลุกขึ้นยืน


   “มึงมาช่วยกูเลือกเสื้อหน่อยสิ ใส่สีไหนไปกินข้าวเที่ยงวันนี้ดี”


   หนุ่มตี๋เลิกคิ้ว ปกติสิตางศุ์ไม่ใช่คนใส่ใจกับเรื่องเสื้อผ้ามากนัก เน้นสุภาพและใส่สบายเป็นหลัก แต่วันนี้กลับเอาเรื่องเสื้อผ้ามาชวนคุย ดูก็รู้ว่าไม่อยากให้เขากังวลเรื่องอื่นอีก


   “สีขาวก็เรียบๆดี แต่ก็กลัวจะเรียบเกินไป สีฟ้าดีมั้ย” เจ้าตัวถามแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตออกมาสองตัว ในตู้เสื้อผ้าของเจียระไนมีเสื้อผ้าของสิตางศุ์อยู่ด้วย อันเนื่องมาจากข้อตกลง ‘ค้างคืนห้องของกันและกัน 1วันต่อ 1สัปดาห์’ นั่นเอง


   “เปิดตารางสีมงคลมั้ย” หนุ่มตี๋ย้อน ทำเอาคนขอความเห็นถึงกับหัวเราะร่วน ก่อนจะพยักหน้าสนับสนุน


   “เปิดๆ เสื้อสีไหน ใส่แล้วผู้ใหญ่อุปถัมภ์”


   “มึงเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ โซ่” เจียระไนถาม ใครจะเชื่อว่าท็อปภาคฯ หัวกะทิของรุ่น เปเปอร์แต่ละชิ้นอุดมด้วยหลักการและเหตุผล จะเห็นด้วยกับตารางสีเสื้อมงคล


   “วินาทีนี้แล้ว อะไรช่วยเราได้ก็ต้องใช้แล้วนะ” สิตางศุ์พูดไปหัวเราะไป



พอเห็นรอยยิ้มของคนรัก เจียระไนเลยยิ้มไปด้วย เขาเปิดตารางเสื้อสีมงคลขึ้นมาดู แล้วหลังจากนั้น สองหนุ่มก็จุ่มหัวลงช่วยกันออกความเห็นว่าควรจะใส่เสื้อสีไหนจึงจะดีที่สุด มงคลที่สุด


ตอนก่อนจะออกจากคอนโดของเจียระไน เจ้าของรอยยิ้มสดใสยังหันมายิ้มให้ แล้วดึงเสื้อที่สวมอยู่ให้คนรักดู


“วันนี้ต้องเป็นวันดีล่ะ อย่างน้อยเสื้อก็สีมงคลนะ”


เจียระไนหัวเราะอย่างเอ็นดู ถึงจะยังกังวลกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น แต่เขาก็บอกได้ว่าคนที่ทำให้มันเจือจางลงทีละน้อยคือเจ้าของรอยยิ้มนี้...


...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขารู้ว่าสิตางศุ์จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ส่วนตัวเขาเอง...ก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเหมือนกัน...


   ................   


   สามพี่น้องตั้งกาญจนพาณิชย์ได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ร้านสุกี้เจ้าดัง พี่น้องพบหน้าไม่ใช่เรื่องตื่นเต้น แต่เรื่องตื่นเต้นคือมี ‘แขก’ หนึ่งคนจะมาร่วมมื้อกลางวันด้วย


เจียระไนเรียกแขกคนนั้นว่า ‘โซ่’


แค่ชื่อก็เป็นมงคลยิ่งแล้ว สำหรับสองพี่น้องบริสุทธิ์และกะรัตที่คาดหวังมาทั้งชีวิตว่าบรรพบุรุษและสรวงสวรรค์จะส่ง ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ ลงมาที่ตั้งกาญจนพาณิชย์


ตอนที่พบกันที่หน้าร้านอาหาร สายตาของพวกเขาจึงพุ่งตรงไปที่ชายหนุ่มผิวขาวจัดที่ยืนยิ้มสดใสอยู่ข้างเจียระไนทันที


   “อะโห...เฮียโจ๊กได้ของดีว่ะ เฮียจ่าง” เห็นหน้าวินาทีแรก กะรัตก็ถึงกับรีบกระซิบบอกพี่ชายคนโตทันที


   แม้จะยังไม่ได้คุยกันสักคำ แต่บริสุทธิ์มองแค่ปราดเดียวก็ดูออกแล้วว่า เจียระไนได้ของดีไปจริงๆ


   “สวัสดีครับ ผมชื่อโซ่” นอกจากจะหน้าตาสดใส ยิ้มสวย ดวงตาเป็นประกายวาววับแล้ว เสียงยังเพราะ ท่าทางก็แสนสุภาพอีกต่างหาก


   แต่จะให้คะแนนเต็มสิบ ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ มันก็ดูจะเข้าข้างกันมากไปหน่อย บริสุทธิ์กระแอมไอ ทำตัวขึงขังเป็นพี่ชายคนโต


   “เฮียชื่อจ่าง ส่วนนี่ก๋วยจั๊บ เราเข้าไปคุยกันในร้านเถอะ เที่ยงแล้ว ช้ากว่านี้คนจะเยอะ”


สามพี่น้องตั้งกาญจนพาณิชย์พร้อมด้วย ‘ว่าที่เขย’ ของแซ่ตั้งพากันเดินเข้าร้าน แล้วมื้อเที่ยงนั้น ก็เกิดปรากฏการณ์ ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ ให้บริสุทธิ์และกะรัตได้ดูเป็นขวัญตา!


……………….


   เริ่มต้นด้วยการสั่งอาหาร เมนูมี 2 เล่มสำหรับสี่คน บริสุทธิ์และกะรัตดูด้วยกัน ส่วนเจียระไนและ ‘โซ่’ ไม่ได้ดูด้วยกัน เพราะเจียระไนดูคนเดียว


   “มึงจะกินอะไรโซ่” คนกุมเมนูเพียงลำพังออกปาก เจ้าของชื่อเงยหน้าจากโทรศัพท์


   ”โจ๊กสั่งเลย ขอคุยกับแม่แป็บนึง” จากนั้นก็ก้มลงกดโทรศัพท์ยิกๆ เจียระไนเปิดเมนูไปมา พอบริกรเข้ามารับออเดอร์ เขาก็สั่งอาหารชุดใหญ่ชนิดไม่ต้องถามใครสักคน บริสุทธิ์กับกะรัตนั้นชินแล้ว เพราะเป็นพี่น้องกันมา รู้ดีว่าสิ่งที่เจียระไนสั่ง พวกเขาล้วนกินได้และชอบกินเหมือนๆกัน แต่... ‘ว่าที่เขยแซ่ตั้ง’ ล่ะ? กินได้ทุกอย่างเหมือนกันรึเปล่า…


   “โจ๊ก...แล้วโซ่ไม่กินอะไรเหรอ” บริสุทธิ์ถาม เจียระไนปรายสายตาไปมองคนที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ข้างๆเพียงวูบเดียว ก่อนจะหันมามองพี่ชาย


   “ก็กินด้วยกันนี่ไง”


   “หมายถึง...พี่โซ่ไม่มีอะไรที่อยากกินอีกเหรอ” กะรัตเสริม พอมีชื่อของตนเองผุดขึ้นมาในบทสนทนา ‘พี่โซ่’ ก็เลยเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์


   “ไม่มี” คนตอบยังคงเป็นเจียระไน ส่วน ‘พี่โซ่’ ผู้ที่บริสุทธิ์และกะรัตหมายตาว่าจะเป็น ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ กลับเพียงแค่ยิ้มหวานอย่างเดียว


   ...เหล่ากงเหล่าม่าส่งคนยิ้มอย่างเดียวมาให้จริงดิ?!...


…ไหนล่ะความเข้มงวดเด็ดขาด ไหนล่ะอำนาจบารมีในการกำราบเจียระไน ทำได้แค่ยิ้มจะไปพอยาไส้ได้ยังไง?!!...


ทั้งบริสุทธิ์และกะรัตชักจะรู้สึกผิดหวัง เพราะ ‘โซ่’ ช่างแสนสุภาพนุ่มนวล ดูแล้วไม่น่าจะเป็น ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ ได้เลย


...แต่เอาเถอะ! ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองดูสักตั้ง!...



   ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ บริสุทธิ์ก็เริ่มกระบวนการซักถาม ‘ว่าที่น้องเขย’ ด้วยบทสนทนาทั่วๆไป จะได้ประเมินได้ว่ายังควรหวังให้อีกฝ่ายเป็น ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ หรือไม่


   “โซ่เป็นคนที่ไหนเหรอ”


   “กระบี่” คำถามถาม ‘โซ่’ แต่คนตอบคือเจียระไน ส่วน ‘โซ่’ ที่ถูกถาม ยิ้มแล้วพยักหน้าสนับสนุนคำตอบ


   “เห็นเฮียโจ๊กบอกว่าพี่โซ่เรียนไออาร์เหรอครับ” กะรัตถามบ้าง จงใจมอง ‘พี่โซ่’ เพื่อบอกให้รู้ว่าขอฟังคำตอบจากเจ้าตัว


   “เออ” แต่คนตอบก็ยังคงเป็นเจียระไน


   “พี่โซ่อยากเป็นทูตเหรอ เอ๊ะ! ไออาร์เรียนเพื่อเป็นทูตใช่มั้ยนะ” แต่กะรัตยังไม่ยอมแพ้ มุ่งถามให้ ‘พี่โซ่’ เป็นคนตอบให้ได้


   “เซิร์จกูเกิ้ลสิ จะได้รู้ว่าไออาร์เรียนอะไร” แต่เจียระไนก็ยังตอบแทนได้ คราวนี้กะรัตชักหงิกแล้ว ตวัดสายตามามองพี่ชายคนกลางอย่างขุ่นๆ


   “เฮีย ผมถามพี่โซ่ ให้พี่โซ่ตอบสิ!”


   “ก็ถามอะไรให้มันเข้าท่าหน่อยสิวะ!” เจียระไนเฉ่งกลับ แต่...ก็เฉ่งได้แค่นั้น เพราะ ‘โซ่’ แตะมือลงกับแขนของเจียระไนเบาๆ


   บริสุทธิ์เห็น กะรัตเห็น การสัมผัสนั้นนุ่มนวลและดูแล้วน่าจะเบาเยี่ยงขนนกหล่น แต่...เจียระไนหยุดและหุบปาก


   “โจ๊ก...” ตามมาด้วยการเรียกชื่อด้วยเสียงทุ้มนุ่มระรื่นหู


   ภาพตรงหน้าของบริสุทธิ์และกะรัตในเวลานี้ เหมือนไฟกำลังโหมอยู่ดีๆ แล้วก็มีผงประกายนางฟ้าจากที่ไหนไม่รู้โรยลงมาอย่างอ้อยอิ่ง ทำให้ไฟกองนั้นมอดดับ สลายไปในอากาศราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน!


   …อุว้าว!!! นี่มัน! นี่มันพลานุภาพของ ‘บนสุดแห่งห่วงโซ่อาหาร’ ชัดๆ!!...


   “ขอโทษนะ ก๋วยจั๊บ โจ๊กเขากังวลนิดหน่อย... เรื่องของพวกเรา สำหรับบางคนไม่ใช่เรื่องที่จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆเลย วันนี้ก่อนจะมาที่นี่ก็เลย...ทั้งเครียดแล้วก็กังวลกัน” คำพูดของสิตางศุ์ไม่ผิดไปจากความรู้สึกของเจียระไนเลย เพราะเขาให้ความสำคัญกับพี่น้องของเขาไม่แพ้สิตางศุ์ ในฐานะคนกลางระหว่างพี่น้องกับคนรัก คนไม่เคยกลางอย่างเจียระไนย่อมทั้งเครียดและเป็นกังวล


   กลัวพี่น้องไม่เอ็นดูสิตางศุ์ กลัวสิตางศุ์ไม่ชอบพี่น้องของเขา


   แต่...ก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันไว้ เพราะต่างก็เป็นคนสำคัญของเขา


   “ถ้ากับพวกเราที่เป็นพี่น้องยังเครียดและกังวล แล้วกับคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวล่ะ จะทำยังไงกัน” บริสุทธิ์ตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิตางศุ์หันไปมองพี่ชายคนโตของคนรัก สูดลมหายใจลึก แต่ก็ยังยิ้มจาง


   “ผมเข้าใจเรื่องการยอมรับหรือไม่ยอมรับในเรื่องนี้ เลยตั้งใจว่าจะไม่ให้ชีวิตการทำงานของโจ๊กถูกเพ่งเล็งไปที่ความสัมพันธ์ของเรามากกว่าความสามารถของเขา เรื่องของพวกเราจะเป็นไปอย่างเงียบๆ นอกจากครอบครัวแล้ว ก็จะไม่ให้เป็นประเด็นครับ”


   “แล้วตอนนี้ครอบครัวของโซ่รู้รึยัง”


   “ยังครับ ผมกับโจ๊กตั้งใจว่าจะบอกตอนเรียนจบ”


   “แล้วโซ่จะทำงานอะไร เรียนไออาร์ ก็คงอยากเป็นทูตจริงมั้ย?”


   “ครับ ผมอยากเป็นทูต แต่มันเป็นเรื่องของโอกาสและความเหมาะสมด้วย เวลานี้ ผมคิดว่าตัวผมอยากให้ความสำคัญกับคนรอบตัว ถ้ามีทางอื่นที่ผมสามารถใช้ความรู้ความถนัดของผมทำงานได้ และได้อยู่กับโจ๊กต่อไปแบบที่โจ๊กไม่ลำบาก ผมก็ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องทำงานในตำแหน่งอะไร อาชีพอะไร”


   “แสดงว่าความเหมาะสมของโซ่คือได้ทำงานที่ชอบและได้อยู่กับโจ๊ก”


   “ครับ”


   “ไม่คิดว่าเงื่อนไขเยอะไปเหรอ”


   “ไม่นะครับ ผมคิดว่าผมทำได้”


   ทั้งๆที่ดูเป็นคนนุ่มนวลและหัวอ่อน แต่เจ้าตัวกลับแสดงความเชื่อมั่นได้อย่างเข้มแข็ง กะรัตเอนตัวหาพี่ชายแล้วกระซิบ


   “เต็มสิบไม่หักเลยสักจุดเดียวนะเฮีย”


บริสุทธิ์อยากจะบอกว่าเขาใส่คะแนนเต็มไปตั้งแต่ตอนที่เห็น ‘โซ่’ แตะแขนส่งกระแสบุญทำให้เจียระไนไฟมอดไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พอมาเจอคำตอบแบบที่ยกเอาเรื่องของเจียระไนเป็นสำคัญแบบนี้ ก็ยิ่งไม่รู้จะหักคะแนนจากตรงไหนอีก


   พี่ชายคนโตขยับตัวผายไหล่แผ่บารมี  กระแอมไอเล็กน้อย แล้วทำตัวให้สมกับเป็นพี่ชายผู้จริงจัง


   “ในเมื่อทั้งสองคนตัดสินใจแล้ว เฮียก็เป็นกำลังใจให้ ถ้ามีปัญหาอะไร บอกเฮียได้เสมอ”


   สิตางศุ์ยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่แสนสดใสชนิดที่ทำเอาบริสุทธิ์และกะรัตตาพร่า


“ขอบคุณครับ”


“จะเลิกคุยกันได้รึยัง หิวแล้ว” เสียงของเจียระไนดังขึ้น หลังจากนั่งเงียบปล่อยให้สิตางศุ์เป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว หน้าตาของเขาหงุดหงิดอย่างไรก็หงุดหงิดอย่างนั้น แต่ท่าทีไม่ได้เคร่งเครียดและเป็นกังวลอีกแล้ว ยิ่งสิตางศุ์หันไปยิ้มให้ ก็ยิ่งหุบปากเงียบ แล้วพอสิตางศุ์ตักอาหารในหม้อสุกี้ลงมาใส่ชามให้ คราวนี้คนหุบปากเงียบ ก็เอาลิ้นดุนข้างแก้มจนแก้มตุ่ย


บริสุทธิ์และกะรัตเข้าใจแจ่มแจ้งในวินาทีนั้นว่าบรรพบุรุษส่ง ‘บนสุดของห่วงโซ่อาหาร’ มาให้พวกเขาแล้วจริงๆ


เป็น ‘บนสุด’ ที่ไม่ต้องโค่นเจียระไนลง ไม่ต้องสยบเจียระไนราบคาบ แต่กุมเจียระไนเอาไว้ในกำมืออย่างอ่อนโยน ดูแลและเอาใจใส่เจียระไนอย่างอบอุ่นและมั่นคง



เพียงเท่านั้น...เจียระไน  ตั้งกาญจนพาณิชย์ก็ไปไหนไม่รอด ได้แต่เอาลิ้นดุนข้างแก้มเหมือนอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้


...เหล่ากง เหล่าม่า และสรวงสวรรค์ พวกท่านส่งลงมาถูกคนแล้วจริงๆ!!...




FIN

สวัสดีสิ้นเดือนค่ะ ฮ่าฮ่า


ทั้งตอนหลักและตอนพิเศษของวาระซ่อนเร้นส่วนใหญ่จะได้เห็นแต่ความผีบ้าของโจ๊ก ปกครอง ก็เลยอยากจะนำเสนอความเปราะบางของโจ๊กบ้างค่ะ (ใช่ค่ะ นี่คือพระเอกผู้เปราะบางที่สุดคนหนึ่งของบัวเลยค่ะ ฮ่าฮ่า)


โจ๊กเป็นคนอ่อนไหว แต่เพราะต้องเกรี้ยวกราดบังหน้าอยู่บ่อยๆ ก็เลยบดบังความอ่อนไหวของโจ๊กไปจนหมด ส่วนโซ่ จริงๆเป็นคนเข้มแข็ง แต่เพราะเป็นคนใจเย็นและสุภาพก็เลยดูเหมือนว่าเขาไม่สู้คน ทั้งๆที่จริงๆแล้ว โซ่เป็นคนแข็งคนนึงเลยค่ะ พี่น้องของโจ๊กพูดไม่ผิดเลยค่ะ ว่าโจ๊กได้ของดีไปจริงๆ ฮ่าฮ่า


ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนคิดถึงโจ๊กโซ่ นะคะ


เจอกันใหม่เดือนหน้า กับตอนพิเศษเรื่องไหนสักเรื่อง (ช่วงนี้ยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลยค่ะ แหะๆ)



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
บนสุดห่วงจริงๆค่ะ เพราะพี่เค้าคือโซ่ 55555

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โซ่คือที่สุดจริงๆ 5555

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
จะมีใครดีเท่าโจ๊กอีกคงไม่มีเพราะเราเชื่อโซ่ผู้อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร 5555 /me ไขว้นิ้วประกอบ

ทำไมอ่านตอนโซ่คิด.. คิดว่าโจ๊กเป็นคนดีแล้วเราต้องขำและทำท่ามองบนทุกทีเลยนะ 5555

ขอบคุณบรรพบุรุษที่ส่งโซ่มาแค่สัมผัสเบาๆ ที่แขนก็กำหราบคนอย่างโจ๊กได้แล้ว ขอบคุณ   :katai2-1:

ปล. ขอบคุณที่พาโซ่กับโจ๊กมาให้อ่านคลายคิดถึงนะคะ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แสบมาแต่เล็กแต่น้อย
อ่านแล้วยิ้มแก้มปริเลย
อย่างกับตั้งใจมีตอนนี้มาตั้งแต่ต้น บนสุดของห่วงโซ่อาหาร

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้องก๋วยจั๊บน่าเอ็นดูแท้....
แตะแขนส่งกระแสบุญ...ชอบมาก 555   :m20:

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
สุดของสุด ชอบมากกกกจ้า อันนี้สิของจริง อยู่บนสุด อ่านตอนนี้ยอ้มแต่แรก แล้วขำมากขึ้นเรื่อย 5555
ปล. คิดถึงคุณพ่อของขนมกับคู่ปรับของเค้า

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ toonsora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮืออออออ คิดถึงพี่บัวมากเลยค่าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ploybudz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Khongsak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai2-1: ขอตอนพิเศษเรื่อยๆนะคะ พี่น้องของโจ๊ก น่ารักมากๆ   :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
สนุกมาก อ่านแล้วยิ้มตลอดเลย

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอ็นดูสองพี่น้อง รอเจอคนมาปราบบนสุดของห่วงโซ่ 

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยย โจ๊กแสบแต่เล็กแต่น้อย พี่น้องถึงกับขอให้กรรมตามสนอง :laugh:
เหล่ากง เหล่าม่า ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ
พี่โซ่ บนสุดของบนสุดของห่วงโซ่อาหาร ที่แท้จริง! ลูกไก่ในกำมือจะบีบก็ตายไม่บีบก็ตาย 555555555555555555555555555
/หัวเราะประสานเสียงไปกับพี่จ่าง น้องจั๊บ!

 :pig4: ขอบคุณมากนะคะ ดีใจมากกกกก
ที่ได้เจอพี่โซ่กับนังโจ๊ก คิดถึงงงงง เจอกันกี่ทีก็ทำให้นั่งขำ จนหยุดยิ้มไม่ได้เลยย  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2020 15:54:06 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ allmysecret

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โจ๊กซึนเก่งมาก ขี้โมโห แต่ก็ติณงต๊องปัญญาอ่อน แต่พี่โซ่ของน้องคือที่สุดจ้า สนุกมาก

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
 :L2: :L2: :L2:
รักโซ่
แอบอิจฉาโจ๊ก
อ่านทุกครั้งก็ยิ้มได้เพราะความน่ารักของโซ่
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:


ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอบคุณ คุณบัวมากค่า :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด