วาระซ่อนเร้น
By: Dezair
…………………..
ตอนพิเศษ คนดีศรีไออาร์
ช่วงนี้ ในมหาวิทยาลัยมีแต่คนพูดถึงคณะเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีชมรมฟุตบอลและสนามฟุตบอลเป็นของตัวเอง เหตุผลไม่ใช่เพราะนิสิตในคณะก่อหวอดประท้วง ตั้งม็อบ หรือไฮปาร์คเสี่ยงคุก แต่เพราะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ดังไกลไปทุกหนทุกแห่ง
“นั่นน่ะ คนนั้นอ่ะแฟนพี่โซ่”
เจียระไนหูกระดิก พยายามไม่หันมองแต่ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของผู้ชายคนนี้ คนที่เป็น ‘แฟนไอ้โซ่’
“คนไหน”
“คนที่ตี๋ๆอ่ะมึง มีคนบอกว่าบ้านเขารวยมากกกก...ตอนสอบเข้า เป็นที่หนึ่งภาคฯด้วยนะเว้ย!”
“โอ้โฮ!”
“เป็นญาติพี่เจ๋งบัญชีปีสามด้วย แล้วก็พี่ระฟ้า สัตวะฯเป็นเพื่อนสนิทเขา ส่วนพี่รหัสคือพี่ตฤณ”
“คอนเนคชั่นสุด!”
...ใช่! ถูกต้อง! โปรไฟล์แซ่บ การศึกษาดี คอนเนคชั่นเยี่ยม มีใครให้มากกว่าไอ้โจ๊กคนนี้มั้ย?!...
“แต่ยังไงกูก็เสียดายพี่โซ่อยู่ดี คนดีๆแบบพี่โซ่ทำไมมาเอาพี่คนนี้ กูไม่เข้าใจ”
...เอ้า เชี่ย!...
เจียระไนหันขวับไปมอง ทำเอาเจ้าของเสียงนินทารีบมุดตัวหายออกไปจากโรงอาหารทันที
วันนี้โรงอาหารคณะรัฐศาสตร์คนหนาตาเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะว่าพักเที่ยง แต่เป็นเพราะข่าวลือที่ว่าสิตางศุ์มีแฟนแล้ว คนทั้งมหาวิทยาลัยก็เลยแห่กันมาดูหน้าแฟนของไอ้มนุษย์สเป็คสาธารณะ
...แล้วดูอย่างเดียวไม่ว่า ดูแล้วเชิดชูไม่ว่า ดูแล้วอิจฉาไม่ว่า นี่เสือกดูแลนินทาหาว่ากูไม่คู่ควรกับไอ้โซ่! ถ้ากูไม่คู่ควร! ไอ้โซ่ก็ควรละทางโลกแล้วไม่ต้องคู่กับใครทั้งนั้น!...
“ทำหน้าตาดีๆหน่อยไอ้โจ๊ก เดี๋ยวเขาจะสงสัยว่าทำไมคนดีๆอย่างโซ่ได้แฟนบ้า” ปราการที่นั่งกินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อนสนิทออกปาก แล้วก็โดนเจียระไนตวัดสายตามาจิกหนึ่งที
“ไอ้พวกขี้อิจฉา!!!!” หนุ่มตี๋ภาคปกครองเข่นเขี้ยวต่อคำครหาที่ว่าเขาไม่เหมาะกับสิตางศุ์
...ไม่เหมาะพ่อง!!!!...
“กูตามไอ้โซ่ดีกว่า” เห็นเพื่อนท่าจะบ้ามากกว่าเดิม ตาขวางน้ำลายเริ่มยืด ปราการเลยคิดว่าน่าจะเอาไม้กันหมาบ้าอย่างสิตางศุ์มาสถิตอยู่ข้างๆให้ไวที่สุด
เจียระไนไม่ได้สนใจว่าเพื่อนสนิทจะตามสิตางศุ์ด้วยวิธีไหน เพราะตอนนี้กำลังจำหน้าพวกขี้อิจฉาทั้งหลายที่นั่งอยู่ในโรงอาหาร เดี๋ยวสิตางศุ์เลิกเรียนก็ต้องมากินข้าวกับเขา แล้วคอยดูเถอะ! เขาจะทำให้ไอ้พวกนี้อกแตกตายที่เขาได้ครอบครองคนดีๆอย่าง ‘โซ่ ไออาร์’ !!!
“อ้าว ไอ้โจ๊ก โซ่อยู่หน้าตึก มันบอกว่ามีน้องเป็นลม”
ปราการเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่กำลังแชทกับเพื่อนร่วมคณะ คราวนี้จากคนที่ไม่สนใจในคราวแรก ถึงกับเงยหน้าขึ้นทันที
“แล้วมันเป็นไรรึเปล่า?!”
“สัดโจ๊ก! กูบอกว่ามีน้องเป็นลม ไอ้โซ่จะเป็นอะไรได้ไง”
“แล้วมันไปเกี่ยวอะไร คนเป็นลมแล้วหน้าที่มันต้องไปดูแลรึไง?! ไหนมึงเอาโทรศัพท์มาซิ” แล้วมนุษย์ผู้ไม่สนใจโลก ไม่ใส่ใจมนุษย์หน้าไหนก็ขอโทรศัพท์จากปราการ แน่นอนว่าเพื่อนสนิทที่รู้เช่นเห็นชาติกันดีรีบยกแขนหนีเพราะเกรงว่าห้องแชทของตัวเองกับสิตางศุ์จะกลายเป็นสมรภูมิของเจียระไนไปซะก่อน
“ไม่เอา! เดี๋ยวมึงใช้ชื่อกูด่าโซ่!”
“งั้นกูโทร.หามันเอง ไอ้โซ่แม่งเอาแต่วุ่นวายคนอื่น! นี่จะเที่ยงกว่าแล้ว! มันยังไม่ได้แดกข้าวเลย!!” ท้ายประโยคนั้นเจียระไนบ่นคนรักล้วนๆ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออกทันที
“โซ่! มึงอยู่ไหน?!”
ประโยคแรกแห่งการทักทายที่กรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์นั้นบาดใจปราการยิ่งนัก คนที่มันกำลังขึ้นเสียงใส่อย่างหงุดหงิดคือของดีประจำภาคไออาร์เชียวนะ!
“มึงเรียนอะไร ไออาร์หรือพยาบาล?!” พาลล้วนๆ ไม่มีสติผสมแม้แต่นิด
“แต่มึงยังไม่ได้แดกข้าว! มาแดกเดี๋ยวนี้!!”
หน้าตาของเจียระไนชักจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆจากการเจรจากับปลายสาย ปราการพนันกับตัวเองในใจอย่างเงียบๆ ระหว่างสิตางศุ์ศิษย์ไออาร์กับเจียระไนขบถปกครองใครจะชนะ
...วางร้อยนึงที่ฝั่งไอ้โซ่เลยอ่ะ กูว่างานนี้ไอ้โจ๊กลุกไปหา...
“กูไม่ไป! มึงสิต้องมาโรงอาหาร!!” เจียระไนเสียงแข็งโป้ก ปราการเกือบจะดึงเงินร้อยที่วางฝั่งสิตางศุ์คืนแล้วใส่แค่แปดสิบ แต่ปรากฏว่า...
“เออๆ! เดี๋ยวกูไปหา!! รอแม่งตรงนัั้นแหละ!!”
เรียบร้อยโรงเรียนสิตางศุ์ ไม่รู้เจรจากันท่าไหน เพื่อนซี้ร่วมภาควิชาของเขาก็พ่ายแพ้ให้กับเด็กไออาร์อีกแล้ว
...เสียชื่อเสียงเด็กปกครองก็เพราะไอ้โจ๊กคนเดียว!!...
“กูจะไปหาไอ้โซ่! มึงจะไปมั้ย!” คนลุกจากโต๊ะหันมาถามเพื่อนสนิทที่กินข้าวเสร็จแล้ว
“แล้วสรุปน้องที่เป็นลมว่าไง”
“ไม่รู้! กูไม่ได้ถาม!”
“ถามแต่เรื่องไอ้โซ่ว่างั้น? สรุปใครเป็นลม น้องหรือไอ้โซ่?” ปราการหยอกตามประสาเพื่อนที่รู้ใจกันดี ลองว่าถ้าสิตางศุ์เป็นลม เจียระไนไม่มีเวลามายืนจิกตาใส่เขาแบบนี้หรอก
“อ่ะๆ กูไม่ถามก็ได้ แล้วนั่นมึงจะไปไหน ประตูอยู่ทางนี้” เขารีบเรียกเอาไว้ ก่อนที่เจียระไนจะเดินตรงไปยังร้านอาหารที่เรียงราย ซึ่งสวนทางกับประตูทางออก หนุ่มตาเรียวผู้ซึ่งเมื่อกี้ประกาศกร้าวว่ายังไงก็ต้องให้สิตางศุ์มากินข้าวที่โรงอาหารหันกลับไปมองเพื่อน
“ซื้อเก็กฮวยไปให้ไอ้โซ่! แม่งยังไม่ได้แดกอะไร เดี๋ยวก็เป็นลมจนได้!”
แล้วจากนั้น ปราการก็ต้องยืนรอเพื่อนสนิทอีกห้านาที เนื่องจากตี๋ปกครองซื้อเก็กฮวยแก้วใหญ่ แถมด้วยแซนวิชสำเร็จอีกหนึ่งอัน ไม่ต้องถามว่าของสองอย่างนั้นมีให้สิตางศุ์ที่กำลังเฝ้าคนเป็นลม หรือให้คนที่เป็นลม เพราะยังไง คำตอบของเจียระไนก็มีคำตอบเดียว
‘ไอ้น้องนั่นเป็นญาติฝ่ายไหนของกู แค่ไอ้โซ่ไปนั่งเฝ้ามันก็เกินไปแล้ว ยังต้องให้กูซื้อของให้แดกด้วยรึไง’
เป็นมนุษย์ที่...นอกจากคนที่มันรักแล้ว ก็ไม่คิดจะเมตตาใครอีกเลยยยยยย
................................
เจียระไนและปราการเดินมาที่หน้าตึกเรียน โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้ใหญ่มีนิสิตชายสองคนกำลังนั่งอยู่ มองไกลๆก็รู้ว่าหนึ่งคนที่ขาวจัดคือสิตางศุ์ อีกหนึ่งตัวใหญ่ผิวเข้มคืออลงกต ส่วน...น้องที่เป็นลมนอนราบกับเก้าอี้โต๊ะม้าหิน มีสิตางศุ์คอยเอาหนังสือพัดให้
“โซ่!”
ที่โต๊ะม้าหินมีสามชีวิต แต่เจียระไนเรียกคนเดียว เจ้าของชื่อหันมายิ้มให้ แต่หนุ่มตี๋ปกครองยังตีหน้าหงิก ปรายสายตาไปที่อลงกต
“ไอ้กตก็อยู่ ทำไมมึงไม่ให้มันเฝ้าแล้วไปแดกข้าว”
“ก็เผื่อกตคนเดียวไม่ไหว นี่แพทไปเอากระเป๋ายาที่กิจการนิสิตยังไม่กลับมาเลย น้องเขาอยู่คนเดียวด้วย ไม่เห็นเพื่อนเขาเลย เออ...นี่ใช่น้องปกครองเปล่า” สิตางศุ์พูดแล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อยให้สองหนุ่มจากภาควิชาการปกครองเห็นหน้าน้องผู้ชายร่างผอมตัวเล็กที่นอนนิ่งอยู่บนเก้าอี้
“ใช่ๆ น้องใบตอง” ปราการผู้รู้จักแต่ของสวยๆงามๆย่อมรู้จักรุ่นน้องร่วมภาควิชาที่ว่ากันว่าผ่าเหล่าผ่ากอผู้ชายเหี้ยมๆของภาคฯนี้
‘น้องใบตอง’ ไม่รู้ชื่อเล่นที่แท้จริงชื่ออะไร ชื่อจริงนามสกุลจริงก็ไม่รู้จัก รู้แต่ว่าเป็นรุ่นน้องในคณะ น้องเป็นแนวชายสวย ตุ้งติ้งเล็กน้อย แม้จริตจะก้านจะไม่เท่าติซซี่คนดัง แต่ก็รู้กันดีว่าน้องเป็น ‘มาดอนน่า’ ของปกครองรุ่นนี้
ที่สำคัญ...ปราการได้ยินมาว่าน้องชอบ ‘ไอ้โจ๊ก’ ด้วย!
“รู้จักเพื่อนๆของน้องมั้ย โทร.ให้มารับหน่อยสิ น้องไม่น่าจะกลับเองไหว...” สิตางศุ์คนดีผู้มีใจเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งในโลกเสนอ ทว่าก่อนที่จะมีใครพูดอะไรขึ้นมา รุ่นน้องปีหนึ่งก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“อย่าเพิ่งลุกเลย เดี๋ยวหน้ามืดนะ”
ปกติเป็นคนเอื่อยเฉื่อย แต่เรื่องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากล่ะก็ สิตางศุ์จะว่องไวเสมอ เจ้าตัวช่วยพยุงแขน ทั้งๆที่ผู้ชายอีกสามคนซึ่งอยู่ใกล้ๆยังไม่มีใครทันขยับตัวด้วยซ้ำ อ้อ...แถมหนึ่งในสามที่หน้าตี๋ๆก็ยังไม่คิดจะกระดิกแม้แต่นิ้วก้อยด้วย
“ผมไหว...” หนุ่มรุ่นน้องตอบ ทั้งๆที่ยังเอาแต่ก้มหน้างุด
“แล้วอยู่ดีๆทำไมเป็นลมล่ะ โชคดีว่าพวกพี่เดินมาเห็นเข้า ถ้าวิ่งมาช่วยไม่ทัน เกิดล้มหัวฟาดพื้นจะทำยังไง” สิตางศุ์ถามด้วยความห่วงใย แต่ประโยคหลังนั้นทำเอาเจียระไนขมวดคิ้วฉับ
“ใครช่วย?!” เขาถามแทรก สิตางศุ์ที่นั่งอยู่กับรุ่นน้องเงยหน้ามอง
“อ่า...กูเอง...”
“ช่วยยังไง?!”
“เอ้อ...ก็...เห็นน้องเขาเซ ก็เลย...”
“มึงก็บอกมันไปสิโซ่ ว่ามึงช่วยพยุง แถมอุ้มขึ้นมานอนบนเก้าอี้ด้วย” อลงกตที่อยู่ในเหตุการณ์รีบแจง เรื่องสร้างความร้าวฉานให้เจียระไนกับสิตางศุ์ เขาถนัดอยู่แล้ว คราวนี้ตาเรียวๆของหนุ่มปกครองถึงกับวาววับเมื่อตวัดมาจ้องคนรัก ร่างโปร่งหัวเราะแห้งๆ
“ก็...น้องเป็นลมน่ะโจ๊ก เออ! แล้วน้องมีเรียนต่อตอนบ่ายมั้ยล่ะ” สิตางศุ์รีบหาทางออกก่อนที่จะโดนคนตาวาวๆนั่นหงุดหงิด เขาหันไปถามรุ่นน้องที่ยังเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ
“ไม่มี…”
“อ้อ กลับบ้านได้เลยสินะ แล้วกลับยังไงล่ะ” คนสัมภาษณ์ยังเป็นคนเดิมคือคนผิวขาวจัดจากไออาร์
“กลับ...รถเมล์” คราวนี้ดวงตาคู่สวยเบิกโต เงยหน้าขึ้นมองเจียระไน ปราการและอลงกต แน่นอนว่าสามหนุ่มเห็นสายตาของคนที่มีเมตตาเป็นสรณะในชีวิตแล้วก็เหมือนรู้เห็นอนาคต
“เดี๋ยวกูพาน้องไปส่งเอง!” ปราการเสนอตัว จริงๆแล้วก็ไม่อยากแสดงตัวเป็นฮีโร่เท่าไร แต่เกรงใจความมีน้ำใจของสิตางศุ์จะก่อความยุ่งยากและวุ่นวายตามมา โดยเฉพาะ...น้องใบตองคนนี้ที่มีข่าวลือว่าแอบชอบเจียระไน
พอปราการเสนอตัว สิตางศุ์ก็ถึงกับยิ้มออก เขาก้มลงไปหารุ่นน้องปีหนึ่งแล้วส่งยิ้มให้
“เดี๋ยวพี่ปาร์คไปส่งนะ จะได้ไม่ต้องกลับเอง”
“แต่...บ้านผมใกล้คอนโดพี่โจ๊ก…” หนุ่มรุ่นน้องแย้งเสียงแข็งแล้วเงยหน้ามองรุ่นพี่ทั้งสี่คน คราวนี้ทั้งสิตางศุ์ ปราการและอลงกตหันมองไปที่ ‘พี่โจ๊ก’ ของน้องใบตองทันที
หนุ่มตี๋ตาเรียวแห่งภาคปกครองเหลือบตาไปมองรุ่นน้องร่วมภาควิชาที่พูดจาราวกับอยากให้เขาไปส่ง
“กูไม่ใช่แท็กซี่”
เจียระไนก็คือเจียระไน น้ำใจและเมตตาไม่ได้มีเผื่อมนุษยชาติ
“โจ๊ก...” สิตางศุ์เรียกเสียงเบา คำพูดห้วนๆของร่างสูงทำเอาบรรยากาศรอบกายอึดอัดไปหมด
“มันตื่นแล้วก็ให้มันช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว มึงน่ะไปแดกข้าวสักที! จะรอแดกเย็นทีเดียวรึไง!” เจียระไนไม่ได้สนใจใครอีก แต่หันมาใส่ใจปากท้องคนรักเพียงผู้เดียว
“เอ้า! กูซื้อมาให้ ไม่น่าจะอร่อยหรอก มึงแดกครึ่งเดียวรองท้องไปก่อน โรงอาหารไม่เหลืออะไรแล้วมั้ง เดี๋ยวกูแวะร้านให้” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ดึงคนรักให้มายืนข้างตัวเอง แถมด้วยการยัดแซนวิชใส่มือขาว
“เอ้อ...แต่ว่าน้องเขา...” ทว่าสิตางศุ์ก็ยังห่วงรุ่นน้องที่นั่งอยู่ เจียระไนปรายตาไปมอง
“ไอ้ปาร์คบอกแล้วว่าจะไปส่ง ถ้าไม่ให้ไอ้ปาร์คไปส่งก็กลับเอง” พูดจบก็หันมาทางคนรักแล้วกระตุ้นอีกที
“มึงก็ไปได้แล้ว! ไป! ไปหาข้าวแดก!”
สิตางศุ์โดนดึงให้ออกเดิน ร่างโปร่งจำต้องก้าวเท้าตาม แต่ไม่วายหันมาพยักหน้าลาให้อลงกตและปราการ ทว่าพอจะลารุ่นน้องที่เพิ่งฟื้นจากการเป็นลม สายตาของน้องใบตองกลับทำให้เขาชะงัก
“ไอ้โซ่! เดินก็ดูทางข้างหน้า! ไม่ใช่หันกลับไปดูข้างหลัง!” แล้วเสียงของเจียระไนก็ดังขึ้นอีก สิตางศุ์ยอมหันกลับไปดูทางที่ถูกดึงให้เดิน ทั้งๆที่ยังติดใจสายตาของรุ่นน้องต่างภาควิชา
เจียระไนและสิตางศุ์เดินจากไปแล้ว ที่โต๊ะม้าหินเหลือเพียงปราการ อลงกตและรุ่นน้องปีหนึ่ง ทว่าพอปราการจะหันมาแสดงน้ำใจตามประสารุ่นพี่ที่ดี หนุ่มน้อยกลับลุกขึ้นยืนอย่างว่องไว ไม่มีอาการตกค้างจากเมื่อครู่นี้เลย
“อ้าว...หายดีแล้วเหรอ”
“ครับ ขอตัวก่อนแล้วกัน”
แล้วน้องใบตองก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว อลงกตกับปราการมองตามด้วยความงุนงง และคนที่งงยิ่งกว่าคือพฤกษาที่หิ้วกระเป๋าปฐมพยาบาลตรงมา แต่ไม่พบคนเป็นลมแล้ว
.........................
ห้องสมุดของคณะรัฐศาสตร์คือสถานที่แห่งการนัดพบ
แอร์เย็นฉ่ำ จ้อกแจ้กจอแจ คนที่หมายจะเข้ามาอ่านหนังสือต้องมองหาที่เงียบสงบกันเอง เพราะ ‘เสียงส่วนใหญ่’ ที่นี่เน้นวิพากษ์วิจารณ์
เจียระไนเป็นหนึ่งในคนที่เข้าห้องสมุดเพื่อนัดพบ แต่คนที่เขานัดยังไม่มาเพราะยังไม่เลิกเรียน หนุ่มปีสี่ภาคปกครองจับจองโต๊ะใหญ่ตัวหนึ่งแล้วฟุบนอน แม้รอบกายจะเสียงดังมากแค่ไหน เขาก็พร้อมจะเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองเสมอ
“พี่โจ๊ก...” เสียงเรียกดังขึ้นครั้งที่หนึ่ง เจียระไนที่นอนฟุบได้ยินชื่อตัวเอง แต่...เสียงใครก็ไม่รู้ ถือซะว่าเขาไม่ได้ยินก็แล้วกัน
“เอ่อ...พี่โจ๊ก” เสียงเรียกดังขึ้นครั้งที่สอง หนุ่มปกครองปีสี่นิสัยขี้หงุดหงิดเริ่มขมวดคิ้ว แต่ก็ยังฟุบหน้าอยู่อย่างนั้น
“พี่โจ๊ก...” ครั้งที่สามไม่ได้มาแค่เสียงแต่อะไรบางอย่างแตะลงบนไหล่ของเขา คราวนี้เจียระไนเงยหน้าแล้วหันมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“เรียกกูทำไม ไม่เห็นรึไงว่านอนอยู่!”
คนเรียกไม่ใช่ใครที่ไหน น้องใบตอง มาดอนน่าแห่งภาควิชาการปกครอง ปีหนึ่ง แต่...เจียระไนจำไม่ได้
“อ่า...ก็...ใบตองเห็นพี่โจ๊กนั่งคนเดียว...” หนุ่มรุ่นน้องเอ่ยปากตะกุกตะกัก
“กูนั่งคนเดียวเพราะไม่อยากให้ใครมายุ่ง แม่ง! เสือกมาเรียกอยู่ได้!” ร่างสูงดุเสียงห้วนหน้าตาหงุดหงิด กำลังจะฟุบหน้าลงหลับอีกที แต่น้องใบตองรั้งเอาไว้
“ใบตองนั่งด้วยได้มั้ย”
ตาเรียวๆตวัดมาจิกจึ้ก! “กูบอกว่าไม่อยากให้ใครมายุ่ง!”
และก่อนที่เจียระไนจะด่ารุ่นน้องร่วมภาควิชามากไปกว่านี้ ติซซี่ปีสองจากภาคสังคมที่เห็นเหตุการณ์ไกลลิบๆก็รีบพุ่งตัวมาขวางระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องของตนเองทันที
“พี่ติซซี่ว่าน้องใบตองได้ยินชัดแล้วนะคะ ว่าพี่โจ๊กขาไม่อยากให้ใครมาเสือก”
เจียระไนเห็นติซซี่เข้ามาเจรจา เขาก็หันกลับไปฟุบหน้าจะนอนต่อ แต่...เอฟซีของสิตางศุ์ไม่ยินยอม พอจัดการให้น้องใบตองระเห็จตัวออกไปจากโต๊ะได้แล้ว ติซซี่ก็ทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆแล้วกระตุกแขนคนที่ฟุบหน้าอยู่ทันที
“อย่าเพิ่งแกล้งตายค่ะ ตื่นขึ้นมาคุยกับติซซี่ก่อน”
“อะไรวะ?!”
“นั่นสิคะ นี่มันอะไร?! ทำไมปล่อยยัยหนูใบตองมาแทะ! นี่จะนอกใจพี่ซอโซ่ของติซซี่เหรอคะ?!” ติซซี่คนดังผู้หูตาว่องไว แม้จะยกเรื่องผู้ชายเป็นอันดับหนึ่ง แต่เส้นสายก็มากพอตัวที่จะได้ยินข่าวลือเรื่องน้องใบตอง ที่เขาว่ากันว่า ‘มอง’ พี่โจ๊กมาตั้งแต่เทอมหนึ่ง
“นอกใจพ่อง!”
“พ่องแน่ค่ะ ก็ยัยใบตองน่ะชอบพี่โจ๊กขานะคะ”
“ชอบกู?” เจียระไนย้อนถามด้วยความงุนงง
“แล้วมันไม่รู้รึไงว่ากูมีแฟนแล้ว สัด! แสดงว่ามีอีกหลายคนไม่รู้ว่าไอ้โซ่กับกูเป็นแฟนกัน! ไหนมึงว่ามึงกระจายข่าวให้กูแล้วไง ติซซี่!” ประโยคหลังๆนั่น เจียระไนหันมาด่ารุ่นน้องต่างภาควิชาโดยตรง
“โอยยยย กระจายจนน่าจะถึงดาวพลูโตแล้วค่ะ! ยัยน้องใบตองก็รู้! แต่ทำเนียนจะเข้ามาแทะพี่โจ๊กขาไงคะ?!”
“อ้อ แล้วไป กูนึกว่ามีคนไม่รู้”
ติซซี่เบะปาก กลอกตามอง 360 องศา
“นี่ก็ห่วงอยู่เรื่องเดียว! คือกลัวประชาชีทั้งจักรวาลจะไม่รู้ว่าพี่ซอโซ่เป็นแฟนกับพี่โจ๊กขาใช่มั้ยคะ”
“เออ! เดี๋ยวมีคนมายุ่งกับมัน!”
“แล้วเรื่องน้องใบตองละคะ”
เจียระไนนิ่งไปเล็กน้อย อันที่จริง เขาก็ไม่ได้สนใจว่าจะมีใครหน้าไหนมาชอบเขา เพราะฉะนั้น ก็เลยไม่เคยเห็นสิตางศุ์หึงสักที อ้อ...ยกเว้นรอบนิตาคราวก่อนนู้น ซึ่งตอนนู้น…สิตางศุ์ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังหึงอยู่
หนุ่มปกครองตาเรียวยกยิ้มมุมปาก แน่นอนว่าติซซี่บอกตัวเองว่ามันเป็นยิ้มที่หล่อมากแต่ก็ไม่น่าวางใจเช่นกัน
“ติซซี่...ช่วยพี่สักอย่างสิ”
ปกติแทนตัวเองว่ากู มาตอนนี้แทนตัวเองว่าพี่ ติซซี่ก็ถึงกับสูดลมหายใจลึก ท่องเอาไว้ในใจว่าเพศผู้เชื่อไม่ได้ ยกเว้นพี่ซอโซ่!
“พี่อยากเห็นไอ้โซ่หึง”
“ไม่ค่ะ!” เล่นกับความรู้สึกของคน ไม่อยู่ในนโยบายของติซซี่ หนำซ้ำยังเป็นความรู้สึกของพี่ซอโซ่สุดที่รักอีกต่างหาก FC อย่างติซซี่ย่อมไม่มีวันทำตาม
เจียระไนทำหน้าตาเรียบเฉยเหมือนไม่ได้สนใจคำตอบแรกของรุ่นน้องเท่าไร เพราะเขายิงคำถามต่อไปทันที
“เคยเห็นไอ้โซ่เปลือยมั้ย”
“อะไรนะ?!” ติซซี่หูผึ่งตาโต เจียระไนยิ้มกระหยิ่ม ชูโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วโบกไปมา
“กูมีรูปเยอะเลย”
“มึงคงไม่รู้หรอก ไอ้โซ่น่ะ ข้างนอกว่าขาวแล้ว ข้างในขาวกว่าข้างนอกอีก จับไปตรงไหน แม่งก็เนื้อแน่นไปหมด”
คนฟังกลืนน้ำลายเอื้อก ไม่อยากจะจินตนาการอย่างบาปหนา แต่ก็อดไม่ได้ สิตางศุ์ที่ว่าขาวจัด ขาวจนไม่รู้จะขาวยังไง แต่ก็ยังมีคนยืนยันว่าข้างในขาวกว่าข้างนอก
...แถมเนื้อแน่น...แค่ได้ยินก็อยากจะฝังเขี้ยวลงกับท่อนแขน แล้วก็เคี้ยว! เคี้ยว! เคี้ยว! หลายๆที!...
“พี่โจ๊กอยากให้ติซซี่ทำอะไร”
หมูไปไก่มา ถ้าจะได้ดูสิตางศุ์เปลือยสักครั้งในชีวิต มันก็น่าลอง
เจียระไนยกยิ้มมุมปาก ดวงตาเรียวพราวระยับ
“ทำให้มันหึงน่ะสิ!”
..............................