+++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ แจ้งข่าวหน้า๘
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ แจ้งข่าวหน้า๘  (อ่าน 43970 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
พารัมรอดแล้วใช่ไม๊  :katai1:

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
ตอนที่๑๒
       “จะ...เจ้า ทำไม”  โซลาที่รีบเข้ามาพยุงพารัมถามอย่างตกใจเมื่อเห็นดวงตาสองสีนั้นชัดๆ  “ช่างเถอะๆ มาๆตามข้ามาเจ้าเดินไหวไหม”  โซลาปัดความสงสัยออกไปทันที  การที่เธอเสี่ยงเข้ามาช่วยชายหนุ่มเอาไว้นั้นจะให้เสียเที่ยวไม่ได้เพราะมันหมายถึงชีวิตเธอและเด็กหนุ่มตรงหน้า
      “โซลาเจ้ามาได้ยังไง”  พารัมถามก่อนจะลุกตามโซลาออกมา
 หากแต่ไม่มีคำตอบ โซลาผวาเข้าไปค้นร่างที่แน่นิ่งขององค์รัชทายาทแห่งอันราทันที
      “ทำอะไรน่ะ” พารัมถามอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ลุกขึ้นมาช่วยโซลาค้นตัวคนที่หมดสติอยู่ตรงหน้าทันที
        “เจอแล้ว” โซลาบอกก่อนหยิบเอาลูกแก้วสีใสที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือออกมาหากประกายที่สะท้อนออกจากลูกแก้วที่ดูธรรมดานั้นมาช่างแปลกตา
โซลาขยับตัวใกล้พารัมมือบางจับแก้มพารัมบีบเบาๆก่อนจะส่งลูกแก้วนั้นเข้าไปในปากทันทีทุกอย่างรวดเร็วจนพารัมไม่ทันได้ขัดขืน
        “อย่างเพิ่งพูด มององค์รัชทายาทเอาไว้ เร็วๆสิ ไม่ต้องมองข้ามององค์รัชทายาทเอาไว้” โซลาบอก
         “พารัมจำเป็นต้องทำตามอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่แล้วทันทีที่เขาเพ่งมองร่างขององค์รัชทายาทแห่งอันราเพียงครู่ร่างของเขาก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นองค์รัชทายาทเสียเอง
       “ช่วยข้าหน่อย” โซลาบอกก่อนออกแรงลากร่างขององค์รัชทายาทตัวจริงเข้าไปซ่อนในพุ่มไม้ พารัมในร่างของคินยังคงไม่เข้าใจอะไรนัก แต่ก็พอนึกรู้ว่านี่คงเป็นวิธีที่จะพาเขาออกไปจากวังหลวงนี้
      “ฟังข้านะ...” โซลาหันมาบอกพารัมทั้งที่ตนเหนื่อยหอบจากการลากร่างของคินไปซ่อน “ตามข้ามาทางนี้...และไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น เราะจะออกไปจากวังหลวงนี้กัน”  พารัมยังคงมีท่าทีไม่เข้าใจนัก แต่ก็ทำตามโซลาอย่างจนใจเพราะอย่างน้อยโซลาก็น่าจะไว้ใจได้ พารัมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น แต่เมื่อมองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าที่แม้จะมีรอยแผลเป็นไม่น่าดูแต่แววตาที่สดใจจริงใจนั้นก็ทำให้พารัมไว้ใจได้ไม่ยากบางทีนี่อาจเป็นสัณชาติญาณของพวกอมนุษย์ก็เป็นได้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
-------------

         หลังจากที่สหัสอาละวาดพังร้านอาหารในอันราเสียยับเยิน จนถูกจับระงับสติอารมณ์ด้วยโซ่สายฟ้า ทุกอย่างดูเหมือนจะถึงทางตัน เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าพารัมถูกใครพาไปและไปที่ไหน แต่แล้วก็มีทหารมารายงานธันว่ามีหญิงสาวต้องการพบกับนายทหารแห่งนันทานคร ภาพของโซลาที่มาพบธันด้วยความร้อนรนนั้นดูไม่น่าสนใจเท่าเธอมาพร้อมข่าวบางอย่าง

        “ข้าเห็นว่ามีคนลักพาตัวหนุ่มน้อยตาบอดไป” โซลาบอก เธอตัดสินใจมาแจ้งนายทหารแห่งนันทาเราะรู้มาว่าหนุ่มน้อยคนนั้นมาจากบันกุซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ขึ้นกับนันทานคร เพราะฉะนั้นนันทานครจึงมีสิทธิที่จะช่วยหนุ่มน้อยคนนี้ได้ไม่มากก็น้อย  “ท่านไปช่วยเจ้าหนุ่มนั่นหน่อยเถอะ ตาก็บอดมองไม่เห็นจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ขนาดคนตาดีๆแข็งแรงทุกอย่างยังหายไปง่ายราวผักปลา” โซลาบอกกับธันอย่างกังวล
         “ไปที่ไหน” เสียงถามราวกับคำรามของสหัสที่เดินออกมาจากมุมมืด
เขากับราซีนหลบฟังคำบอกเล่าของโซลามาตั้งแต่แรก เมื่อหญิงสาวบอกว่าเห็นพารัมโดนลักพาตัวไป จึงออกมาอย่างทนไม่ได้ ท่าทางใจร้อนที่ทำเอาธันถอนหายใจ
         “วังหลวง...ข้าแอบตามไปจนเห็นว่าพวกนั้นจับหนุ่มน้อยตาบอดใส่เกวียนขนเสบียงที่ใช้ในงานเลี้ยงคืนนี้ก่อนจะเข้าไปในเขตกำแพงวัง” โซลากล่าวด้วยความเป็นห่วงเธอจึงแอบตามพวกนั้นไป
          “ข้าจะไปขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทเอง” ธันบอก
          “ในวังหลวงมีงานรื่นเริง ไม่ให้คนนอกเฝ้าหรอก” ราซีนบอก “งานเลี้ยงฉลองภายในแบบนี้เขาไม่ให้คนนอกเฝ้ากันหรอกมันเป็นประเพณีของวังหลวงทุกที่จนกว่าจะรุ่งสาง”
          “งั้นข้าเข้าไปชิงตัวพารัมออกมาเอง” สหัสเอ่ยออกมาทำเอาทั้งราซีนทั้งธันส่ายหัวในความใจร้อน
       “เอาให้อันรากับนันทานครรบกันเลยนะ เจ้าเป็นคนของพระสนมเธราถ้าเข้าไปอาละวาดต่อให้เอาพารัมออกมาได้ อันราก็ต้องสืบรู้ว่าเจ้าเป็นใคร แล้วความสัมพันธุ์ที่ดีต่อกันมันจะเหลืออะไร” ราซีนบอกออกมาอย่างเหนื่อยใจ
    “ข้า...ข้าพอรู้วิธีเข้าไป” โซลาบอกเบาๆ
       “ยังไง”
       “งานเลี้ยงในวังปกติจะให้พวกผู้หญิงในหอนางโลมเข้าไปรับใช้อยู่แล้ว ตอนนี้พระจันทร์ยังไม่ตรงหัวหญิงสาวกลุ่มสุดท้ายคงยังไม่ถูกส่งเข้าไป...ถ้าแอบไปกับหญิงสาวพวกน่าจะเข้าไปได้ไม่ยาก พวกทหารไม่ค่อยกล้าตรวจค้นนักเพราะนางโลมบางคนเป็นคนโปรดของพวกขุนนางจึงไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่ง”  โซลาบอกก่อนนิ่งไปเพียงครู่ “ข้าจะลอบเข้าไปเอง” คำพูดนั้นทำเอาคนฟังคาดไม่ถึง
      “ทำไมเจ้าต้องเสี่ยงด้วย มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
      “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า...พวกนั้นจับตัวพวกชายหนุ่มไปทำไม”
      “หมายความว่ายังไง” สหัสถามอย่างไม่เข้าใจ
      “หนุ่มน้อยคนรักของเจ้าไม่ใช่คนแรกที่ถูกจับไป” โซลาหันมาบอกกับสหัสเธอจำได้ดีว่าอมนุษย์ผู้นี้คือคนรักของหนุ่มน้อยตาบอดคนนั้น  ที่โมโหจนพังร้านอาหารแบบนั้นคงเพราะคนรักถูกจับไปสินะ
      “หรือพวกท่านมีทางที่ดีกว่านี้” โซลาถามเมื่อทั้งสามยังคงเงียบ เธอจึงเอ่ยต่อ
       “พวกท่านไปรอที่กำแพงวังหลวงฝั่งที่ติดกับเขตแดนป่าศักสิทธิ์ เดี๋ยวข้าจะพาหนุ่มน้อยคนนั้นไปส่ง...ระวังลำธารอย่าลงไป ถ้าเห็นท่านคงเข้าใจดีท่านสิงห์รา” โซลาหันไปบอกกับสหัส
      “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร” สหัสถามเขาจะไว้ใจหญิงสาวที่เพิ่งเจอกันได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ศัตรูอยู่รอบตัว
      “ท่านมีทางอื่นหรือ” โซลาย้อนถามก่อนถอนหายใจ “ข้าเป็นคนอันรา ถามท่านธันดูสิ บ้านข้าอยู่ที่นี่ถ้าข้าจะเล่นตลกล่ะก็ ท่านไปพังร้านพังบ้านข้าได้เลย” โซลาบอกก่อนยกผ้าคลุมใบหน้าของตนด้านที่เป็นแผลเป็นเอาไว้หลวมๆ  “ข้าไปล่ะ พระจันทร์ขึ้นกลางท้องฟ้าเจอกันที่นอกกำแพงวัง



-----------------------------------------------------------------------

----------------------



    “ท่านแน่ใจนะ” เสียงของธันเอ่ยถามราซีนอย่างกังวล พลางเหลือบมองร่างของสหัสที่เริ่มสูงใหญ่ขึ้น ขนสีเงินค่อยๆงอกออกมาปกคลุมร่างกาย เพื่อบ่งบอกชาติพันธุ์สิงห์ราอย่างปิดไม่มิด
     “ก็สาวน้อยคนนั้นบอกให้มารอตรงนี้ ไม่ใช่รึ” ราซีนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน หากแววตากลับมีแววเคร่งเครียด
     “ถึงโซลาจะเป็นคนดี ก็เถอะแต่การที่เราจะเสี่ยงแบบนี้มัน...” ธันยังคงกังวลเขาประจำการที่อันรามานานเขารู้จักทุกคนในอันรา  แต่เขาก็รู้แค่เพียงสิ่งที่คนอันราอยากให้รู้ยังไงเขาก็เป็นคนนอก เรื่องบางเรื่องเขาเองก็ยากคาดเดา
     “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนขี้กลัวนะ ธัน” ราซีนหันมากระตุกยิ้มใส่ธันเบาๆท่าทางกวนประสาทที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงได้ตะบันหน้าไปแล้ว คนอย่างธันไม่เคยเกรงใจใครนอกจากเจ้าเหนือหัวราชาแห่งนันทานคร องค์วิรัล
     “อย่าทำให้เสียเรื่อง” น่าแปลกที่คนห้ามปรามกลับเป็นอมนุษย์ที่กำลังกลายร่างเต็มที่ ธันกับราซีนหันไปตามเสียงก็พบกับสิงห์ราขนาดโตเต็มวัย ขนสีเงินสะทอนวาววับกับแสงจันทร์ที่สาดลงมาเขี้ยวขนาดใหญ่โผล่พ้นริมฝีปากดูน่าขนลุกใบหน้าครึ่งสิงห์นั้นยากจะคาดเดาอารมณ์ ตั้งแต่เข้าใกล้เขตป่าศักสิทธิ์สหัสก็ปล่อยให้ร่างของตนนั้นกลับกลายเป็นสิงห์ราอย่างไม่ได้ต่อต้าน ราซีนมองร่างแสนสง่างามตรงหน้าอย่างนึกนิยมในใจสิงห์ราเป็นอมนุษย์ที่เป็นที่ต้องการในหมู่พรานค้าทาสเสมอมา ทั้งความงดงาม ความว่องไวและสัญชาตญาณการต่อสู้ที่ยากจะหาเผ่าพันธุใดมาเทียบนั้นทำให้ราคาของสิงห์ราในตลาดค้าทาสยิ่งพุ่งขึ้นสูง เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าถ้าเขาได้สิงห์ราตรงหน้าไปขายล่ะก็เขาจะได้เงินเข้ากระเป๋ามากขนาดไหน
   “หน้าตาท่านเลวมากเลย” เสียงประชดนั้นมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ธันเอ่ยออกมาอย่างทนไม่ได้เมื่อเห็นสายตาของราซีนที่กำลังตีราคาสหัส
    “ขอบใจที่ชม” ราซีนตอบอย่างไม่ยี่หร่ะ
สหัสยืนนิ่งพร้อมจ้องเขม็งไปยังป่าศักสิทธิ์ที่ตั้งอยู่อีกฝากของลำธารที่ไหลเชี่ยว บริเวณนี้นั้นอยู่ห่างจากเขตชายป่าศักสิทธิ์เพียงแค่ลำธารกั้นมีเพียงสะพานไม้เก่าๆเชื่อมต่อระหว่างเมืองอันราและป่าศักสิทธิ์เท่านั้น
   “ทำไมชายแดนตรงนี้ถึงไม่มีทหารเฝ้าเลยล่ะ”  ราซีนถามอย่างสงสัย ปกติแล้วบริเวณเขตรอยต่อแบบนี้จะต้องมีทหารเฝ้ายามไม่ขาด
   “พวกทหารจะประจำการอยู่ชายแดนอีกฝั่งเท่านั้น  ชายแดนบริเวณนี้น่ะไม่มีใครใช้ข้ามมาอันราหรอก”
   “ทำไม” ราซีนถามอย่างไม่เข้าใจหากแต่ธันยังไม่ทันได้ตอบก็เกิดเสียงแปลกๆขึ้นที่ลำธาร


จ๋อม!! เสียงเหมือนปลาขึ้นมาฮุบอากาศเรียกความสนใจจากสหัส ธัน และราซีนได้ไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา


   “อย่าเข้าไปใกล้”  เสียงคำรามเบาๆในลำคอบ่งบอกถึงความระแวดระวัง สหัสเหลือบมองไปยังลำธารเพียงครู่ก่อนที่ดวงตาสีเทาเหลือบมองท้องฟ้าอีกครั้งดวงจันทร์ส่องแสงสว่างตาลอยมาเกือบกึ่งกลางท้องฟ้าแล้ว กรงเล็บใหญ่ที่สามารถตะปบหินแตกเป็นเสี่ยงๆได้ในพริบตาสั่นน้อยๆ  ความเปนห่วงแล่นริ้วไปมาในความรู้สึกเขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้นัก  ไม่มีท่านเธราคอยออกคำสั่ง ไม่มีหน้าที่แม่ทัพมาค้ำคอ สหัสที่ต้องทำตามความรู้สึกตัวเองนั้นช่างว้าวุ่นใจ

 
   “เป็นห่วงเจ้ายักษ์น้อยรึไง” ราซีนเอ่ยทำลายความเงียบ เขามองท่าทีเครียดเกร็งของสิงห์ราตรงหน้าก่อนหัวเราะเบาๆ “ต่อให้เจ้ายักษ์น้อยตายก็ไม่ใช่ความผิดเจ้า ใครๆก็รู้ว่าพารัมน่ะแสบแค่ไหน ไม่ต้องกลัวเธราว่าหรอกรายนั้นน่ะใจดีจะตายเจ้าก็รู้” ราซีนพูดไปเรื่อยเหมือนไม่สนใจอะไรแต่ความจริงเขากำลังจับสังเกตท่าทางของสหัสอย่างไม่ล่ะสายตา  แม้จะอยู่ในร่างของอมนุษย์แต่ราซีนรู้ดีว่าสิงห์ราตรงหน้ากำลังกังวลเป็นอย่างมาก กรงเล็บสั่นเทาไม่มีเสียงคำรามในลำคอเช่นเคย สิงห์ราไม่เคยเงียบสนิท เผ่าพันธุ์ที่หยิ่งผยองจะแผดเสียงคำราม  ในลำคอแทบจะตลอดเวลาราวกับประกาศศักดาห์แห่งตน แต่ตอนนี้สหัสกลับเงียบเสียจนราซีนนึกแปลกใจ
    “อย่าไปเที่ยวล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น” เป็นธันที่อดไม่ได้ เขาจับแขนของราซีนดึงให้ออกห่างจากสหัสก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่พอใจ ราซีนยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะใบหน้างดงามยิ้มมุมปากราวนึกสนุก ผิดกับธันที่ไม่ตลกด้วย

---------------------------------------------------------------------------------------------------



        โซลากับพารัมที่อยู่ในร่างของคิน  ค่อยเดินลัดเลาะมาจนถึงริมกำแพงวังหลวงอย่างปลอดภัยแม้ระหว่างทางจะพบกับทหารเวรอยู่บ้างแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนเพราะรู้กันดีในความเจ้าอารมณ์ขององค์รัชทายาทแห่งอันรา ว่าถ้าหากใครทำผิดใจเพียงนิดหัวก็สามารถหลุดออกจากบ่าได้เสมอ
           เมื่อหลบอยู่ในเงามืดพารัมก็คายแก้วพรางร่างออกกมาทันที “แล้วจะทำยังไงต่อ” พารัมเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างจนปัญญา ถ้าไม่ให้เขาอาละวาดแล้วหนีออกไป เขาก็คิดไม่ออกจริงๆว่าจะออกไปได้ยังไง
         “กำแพงวังหลวงด้านหลังนี้ติดกับป่าศักสิทธิ์ถ้าเจ้าออกไปได้ก็จะเจอกับพวกของเจ้าที่รออยู่ ที่กำแพงจะมีช่องเล็กๆพอมุดออกไปได้”
        “เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามีที่หนีออกไปได้” คำถามของพารัมทำเอาโซลานิ่งริมฝีปากบางเม้มแน่น
         “เอาเถอะเรื่องนี้ถ้ามีโอกาสข้าจะเล่าให้ฟัง  เจ้าชื่อพารัมสินะ” โซลาถามเพราะได้ยินสิงห์ราตนนั้นเรียกก่อนจะมองใบหน้าสะอาดสะอ้านนั้นอีกครั้ง
        "สีดวงตาเจ้า... "  เสียงทักเบาๆนั้นทำให้พารัมอยากจะหันหน้าหนี เขาไม่อยากสร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่เพิ่งเสี่ยงชีวิตช่วยเขาอย่างโซลา
      "คือ..."
       "งดงาม"  โซลาบอกทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากดวงตาของพารัมนอกจากจะไม่มีท่าทีกลัวแล้วโซลายังดูเหมือนจะชื่นชอบดวงตาต่างสีคู่นี้ไม่น้อย
        "ไม่กลัวเหรอ"
         "ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าใบหน้าข้าแล้วล่ะ" โซลาตอบก่อนยิ้มกว้างตอบกลับมาแม้ดวงตาจะมีแววเจ็บปวด
        “ไม่น่ากลัวสักนิด ไม่มีใครหมดจดหรอก” พารัมตอบก่อนส่งยิ้มให้คนที่พยักหน้ารับง่ายๆ  ท่าทางง่ายๆและใจดีของโซลาทำให้พารัมนึกถึงพี่เธราของเขาไม่น้อยคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ
         “ไปเถอะ ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวสิงห์ราคนรักของเจ้าจะมาบุกวังหลวงเอา” โซลาพูดติดตลกก่อนลุกนำพารัมไปยังที่ใช้หลบหนี

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


          ดวงตาสีเทาเงยขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง  ดวงจันทร์จเลยกึ่งกลางท้องฟ้ามาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววของพารัมและโซลาเลย สหัสสาวเท้าเข้าใกล้กำแพงวังหลวงเรื่อยๆ
      “ลา ลา ลันลาล๊าลา” ทำนองเพลงแปลกหูเริ่มลองมาตามลม หึพวกมันเริ่มแล้วสินะ
       “เสียงอะไร” คนที่เอ่ยถามคือราซีน คิ้วเรียวขมวดมุ่นเสียงเพลงที่ได้ยินนนั้นฟังดูชวนเคลิ้มหลับมากกว่าไพเราะ
       “มนต์วารี”  ธันตอบ
        “ทำไมข้าง่วง” ราซีนพูดพลางสะบัดหัวไปมา
       “เป็นพรานค้าทาสภาษา ไม่รู้จักมนต์นางวารี”
ราซีนเริ่มสะบัดหน้าไปมา เขาเป็นพรานค้าทาสมาหลายปีก็จริงแต่วารีเป็นอมนุษย์ที่แทบจะศูนย์หายไปจากสามดินแดนแล้วด้วยซ้ำ แม้จะเป็นในเมืองของพวกอมนุษย์เองก็ใช่ว่าจะเจอได้ง่ายๆ
“หันหน้ามานี่” เป็นธันที่จับราซีนให้หันมาพร้อมกับเอาเศษผ้ามาอุดหูทั้งสองข้างของเขา “หายใจลึกๆอย่าไปสนใจเสียงนั่น สนใจแค่ว่าพารัมจะมาเมื่อไหร่ก็พอ”  ธันบอกพร้อมกับอาการหาวเล็กๆ แม้เขาจะพอรู้ว่ามนต์วารีนั้นจะทำให้หมดสติ  และพยายามระวังตัวแล้วแต่คนธรรมดาอย่างเขาจะไปต้านได้สักเท่าไหร่
          ลำธารที่เคยเงียบสงบเริ่มมีบางสิ่งแหวกว่ายไปมา สหัสส่งเสียงคำรามในลำคอเบาๆร่างครึ่งสิงห์หันมามองราซีนกับธันก่อนส่งสัณญานให้ระวังตัว 
         “วารี อาศัยในน้ำเต็มไปด้วยเวทย์มนลวงตา เสียงเพลงที่หลอกล่อจิตวิญญาณมนุษย์เอาไปเป็นอาหาร ข้านึกว่าจะสาปสูญไปซะแล้วมาหลบอยู่แถวนี้นี่เอง” เป็นสหัสที่เอ่ยขึ้น เมืองอมนุษย์นั้นเต็มไปด้วภูมิประเทศที่หลากหลาย พวกอมนุษย์จึงมีหลากหลายพันธุ์ ทั้งพวกที่อาศัยบนเขา บนต้นไม้ในถ้ำ หรือแม้กระทั่งในน้ำ
       “แล้วเราจะทำยังไง”
        “ไม่ต้องทำอะไรแค่รอ พารัมกับโซลาที่นี่ก็พอ พวกวารีก็ทำได้แค่หลอกล่อเราให้หมดสติหรือเผลอตัวลงไปในน้ำเท่านั้น ถ้าเราไม่หลงกลก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก”  ธันบอก
       “เจ้านี่รู้ดีจริงๆ”
       “ข้าประจำอยู่อันรามานาน เรื่องพวกวารีนี้จำเป็นต้องรู้เอาไว้”   
       “ทำไม” เป็นสหัสที่ถามขึ้น
       “ในนิทานพื้นบ้านเขาว่ากันว่า แต่เดิมนั้นชาวอันราบูชาและนับถือพวกวารี เพราะเมื่อแรกเริ่มอันรานั้นเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆที่ถูกรุกรานจากพวกอมนุษย์เสมอ  พวกวารีจึงเสนอว่าจะช่วยปกป้องชาวอันราจากพวกอมนุษย์ทั้งหลายแต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือชาวอันราจะต้องส่งเด็กหนุ่มที่งดงามมาบูชายัญทุกปี แต่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเลือกเป็นเครื่องบูชายัญไม่ยินยอมเด็กหนุ่มคนนั้นเลยฆ่าพวกวารีแล้วดื่มเลือดของพวกมันเข้าไปจนแข็งแกร่ง เด็กหนุ่มกลับเข้ามายังหมู่บ้านรวบรวมผู้คนและสามารถสร้างเมืองอันราขึ้นมาได้ ชายหนุ่มคนนั้นจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นราชาองค์แรกของอันรา  พวกวารีจึงโกรธแค้นและประกาศไว้ว่าจะฆ่าคนที่มีสายเลือดของกษัติย์แห่งอันราทันทีที่ข้ามมายังป่าศักสิทธิ์  และจะปล่อยให้อมนุษย์ทุกตนเข้าไปยังอันราได้โดยไม่ขัดขวาง”  ธันเล่าสิ่งที่ตนรู้มาให้ราซีนฟัง
       “พวกวารีที่แทบจะสูญสิ้นไปจากพาณา มารวมกันอยู่ที่นี่เพราะเหตุนี้เองหรอกรึ”  สหัสพูดออกมาก่อนแสยะยิ้มเขาเองก็พอรู้มาว่าพวกวารีนั้น แต่เดิมเป็นเผ่าพันธุ์ที่สนิทสนมกับมนุษย์มากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น จึงไม่มีอมนุษย์ตนไหนแปลกใจที่พวกวารีจะหายไป เพราะพวกในสายตาของอมนุย์นั้นมนุษย์ไม่มีใครไว้ใจได้  แม้แต่สหัสเองก็เคยเข้าใจแบบนั้นจนวันที่เขามีเจ้าของเป็นท่านเธรา
       “พี่สหัส!!”  เสียงเรียกดังลั่นที่ดูจะไม่สนใจใครนั้น ส่งผลให้สหัสหันไปมองทันทีร่างของพารัมนั้นเดินจูงโซลาที่ดูเหนื่อยหอบตรงมายังสหัสที่รออยู่


 :katai4: :katai4: :katai4:

****คราวนี้พิมหายไปนานมากจริงๆ  แต่กลับมาแล้วนะคะ
ฝาก #ดวงใจรักขสะ  ด้วยค่า

อย่าเพิ่งลืม #ยักษ์อ่อย  กันนะคะ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
นึกว่าไม่ต่อสะแล้ว ดีใจจังที่กลับมา

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องของพารัมต่อ คนที่มาช่วยพารัมคือใคร ปลอดภัยก็ดีแล้วนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Piga77

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไรท์จะไม่มาต่อแล้วหรอ คือเข้ามาส่องตลอด แต่ไรท์หายไปนานอีกแล้วง่า ฮือออ อ่านเธรารอรอบที่5แล้ว ชอบเรื่องของไรท์มากๆ กลับมาเถ้อะะะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2018 14:10:18 โดย Piga77 »

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
ตอนที่๑๓

“เดี๋ยว” โซลาออกแรงรั้งพารัมที่กำลังเดินไปหาสหัส

“มีอะไรเหรอโซลา”

“ข้าส่งเจ้าตรงนี้ล่ะกัน” โซลาบอกก่อนจะปล่อยมือออกจากพารัม และก้าวถอยออกไป

“เจ้าจะกลับเข้าไปเหรอ”

“ใช่” โซลาพยักหน้า “อันราเป็นบ้านข้า”

“แต่ว่า...”

“ไปเถอะไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตัวเองได้ไม่มีใครทำอะไรข้าได้หรอก”  โซลาบอกแค่นั้นก่อนหันหลังให้พารัมและวิ่งหายเข้าไปยังเขตเมืองอันรา

“พารัม” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้พารัมตัดใจเดินไปหาสหัสทั้งที่ในใจยังคงห่วงโซลาไม่น้อย

“โซลา...กลับไปแล้ว” พารัมเอ่ยบอกสหัสทันทีใบหน้ายังคงมีแววกังวลเพราะความห่วงใยโซลาฉายชัด แม้คำบอกเล่าของพารัมจะสร้างความกังวลให้คนฟังไม่น้อยแต่ตอนนี้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะข้ามไปฝั่งป่าศักสิทธิ์ให้เร็วที่สุด

“ไปเถอะ” สหัสเอ่ยบอกก่อนออกเดินนำไปยังลำธารที่กั้นกางระหว่างเมืองอันราและป่าศักสิทธิ์

“ล๊า ลา ลา ^&^%$ .....” เพียงแค่ก้าวเข้าใกล้ลำธารเสียงเพลงทำนองประหลาดก็เอื้อนเอ่ยขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงเงียบสงบ

“อะไร” พารัมถามราซีนที่ยืนอยู่ข้างๆตนอย่างไม่เข้าใจ  แต่สิ่งที่ได้มามีเพียงเศษผ้าที่นำมาอุดหูให้เขาอย่างลวกพร้อมท่าทางยกนิ้วขึ้นแตะรมฝีปากให้พารัมหยุดพูด  ใบหน้าน่ารักเริ่มงอหงิกในใจของพารัมตอนนี้กังวลไปหมด ไหนจะห่วงโซลา ไหนจะกลัวว่าข้ามไปฝั่งป่าศักสิทธิ์แล้วตัวเองจะกลางร่างเป็นยักษ์ไหนจะไอ้เสียงร้องกวนประสาทนี่อีก  ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างคนไม่สบอารมณ์ถ้าเขากลายร่างแล้วตัวใหญ่น่าเกลียดจะทำยังไงล่ะ

“ขนาดตอนเป็นคนตัวเล็กๆน่ารักแบบนี้พี่สหัสยังไม่สนใจ ขนาดเป็นทั้งหญิงทั้งชายร่างไหนพี่สหัสก็ไม่เคยแล แล้วถ้าเป็นยักษ์ตัวใหญ่น่าเกลียดน่ากลัวข้า”จะมองหน้าพี่สหัสติดได้ยังไงกัน” พารัมบ่นงึมงำอย่างไม่สบอารมณ์

“สหัสเจ้าจะเอายังไง” เสียงธันถามขึ้นตอนนี้ทั้งสี่คนยืนอยู่ริมลำธาร ห่างจากสะพานไม้ที่ใช้ข้ามเพียงไม่กี่ก้าว เสียงเพลงเงียบไปแล้วแต่สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้คือ บางสิ่งที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในลำธารตรงหน้าต่างหาก

“อะไรน่ะ” เป็นพารัมที่ทนความเงียบไม่ไหวเอ่ยถามออกมาพร้อมก้าวเข้าไปใกล้ริมลำธารมากขึ้น เหมือนเสียงเพลงนั้นจะเข้าครอบครองสติของพารัมได้ไม่ยากเมื่อคนตัวเล็กเผลอฟังเพลงนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

“รอก่อนพารัม”  เสียงเรียกของราซีนที่ดูเหมือนพารัมจะไม่ได้ยินเมื่อร่างบอบบางเดินใกล้ลำธารมากขึ้นไปอีก

พารัมเดินเข้าไปใกล้ลำธารมากขึ้นเขาก็พบว่าสิ่งที่กำลังแหวกว่ายอยู่กลางลำธารนั้นเป็นคนแต่มีขนาดเล็กผมสยายยาวบนผิวน้ำจนแทบจะปกคลุมลำธารเอาไว้  เหมือนพวกเขาจะรู้ว่าพารัมกำลังมองร่างที่เคยแหวกว่ายไปมาในน้ำค่อยๆหยุด ก่อนใบหน้าขาวๆที่เล็กเพียงฝ่ามือจะหันมามองพารัมพร้อมๆกัน ก่อนจะค่อยๆขยับพาตัวเองมาใกล้ริมฝั่งที่พารัมยืนพร้อมกับเส้นผมที่ยื่นยาวออกมายังร่างของพารัม  ดวงตาสองสีเหม่อมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าอย่างนิ่งสงบ ขาก้าวไปข้างหน้า ราวกับไร้สติ

หากร่างของพารัมยังไม่ทันก้าวถึงลำธาร แขนแข็งแกร่งของสิงห์ราก็คว้าร่างเอาไว้พร้อมกับธันพุ่งมาออกมาขวางทันที ก่อนที่เส้นผมสีดำสนิทจับร่างของธันเอาไว้ได้แทนที่จะเป็นพารัม

“ปล่อย!” ธันตวาดพร้อมฟาดดาบลงไปที่เส้นผมพวกนั้นทันที  แต่เหมือนยิ่งฟันลงไปผมพวกนั้นกลับยิ่งเยอะขึ้นพร้อมกับแรงลากให้ร่างของเขาตกลงไปในลำธาร

“ธัน จับข้าเอาไว้” เป็นราซีนที่เข้ามาดึงร่างของธันเอาไว้  ดวงตาคมเหลือบมองบรรดาพวกวารีที่มีเกือบสิบตนอย่างกังวลใจ โซ่สายฟ้าของเขามีฤทธิ์สามารถจับอมนุษย์ทุกชนิดได้ก็จริง แต่มันไม่สามารถฆ่าพวกอมนุษย์ได้ พวกวารีนับสิบแบบนี้ท่าทางจะรับมือไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งต้องดึงธันเอาไว้แบบนี้เขายิ่งทำอะไรไม่ถนัด

สหัสก้มมองร่างของพารัมที่ยังคงสลึมสลือ ร่างบอบบางไม่ได้สิ้นสติหากดวงตาที่เหม่อลอยนั้นช่างดูน่าเป็นห่วง “พารัม” สหัสเรียกพารัมเบาๆหลังมือที่ปกคลุมไปด้วยขนแตะแก้มขาวเบาๆ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลนัก  ดวงตาสีเทาเหลือบมองธันที่ตอนนี้ถูกลากลงไปจวนเจียนจะถึงลำธารแล้วโดยมีราซีนกำลังช่วยดาบในมือของอดีตรัชทายาทแห่งนันทาฟาดลงไปบนผมสีดำสนิทที่พันตัวธันอย่างไม่ยั้งมือ หากผมสีดำกลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละสถานการณ์ตอนนี้แทบจะหาทางรอดให้ตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  สหัสมองคนที่ยังเหม่อลอยในอ้อมแขนอย่างกังวลพารัมโดนมนต์ของพวกวารีย์นั้นน่าห่วงหากพารัมที่กลายร่างเป็นยักษ์นั้นน่าห่วงกว่า ตอนนี้ยาของพวกค้าทาสที่ใช้สะกดอมนุษย์ก็หกไปแล้วหากพารัมกลายร่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“สหัสพาพารัมข้ามไปก่อน  ไป!!!”  เป็นราซีนที่ตะโกนบอกสหัสที่มีท่าทางลังเล  ก่อนจะโยนโซ่สายฟ้าให้สหัสที่รับเอาไว้อย่างไม่เข้าใจ พลางเม้มปากแน่นเมื่ออกแรงดึงธันร่างของธันนั้นเริ่มแน่นิ่งเส้นผมของพวกวารีนั้นเมื่อจับต้องสิ่งมีชีวิตใดๆจะดูดกลืนเอาพลังชีวิตไปด้วย  “ข้ามไปแล้วเจ้าจะรู้เอง” ราซีนตะโกนสุดเสียงตอนนี้ขาข้างหนึ่งของเขาแตะน้ำแล้วพอๆกับธันที่ถูกดึงลงเกือบครึ่งร่างพร้อมกับกระแสน้ำที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

ธันกลั้นหายใจทันทีเมื่อเขาถูกลากลงไปใต้น้ำ เส้นผมมากมายพันขาและลำตัวช่วยล่างเอาไว้ทั้งที่แขนข้างนึงยังคงถูกดึงรั้งจากราซีนที่ไม่ยอมปล่อยเขาแม้แต่น้อย มือที่จับดาบพยามกวัดแกว่งฟันเส้นผมเหล่านั้นเริ่มหมดแรงเมื่อเขาอยู่ใต้น้ำนานเกินไปและเส้นผมพวกวารีเมื่อจับต้องสิ่งใดมักดูดกลืนเอาพลังชีวิตของสิ่งนั้นไปด้วย

ราซีนกัดฟันแน่นเขาเองก็เริ่มจะหมดแรงเมื่อกระแสน้ำเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆพอๆกับเส้นผมพวกวารีที่เริ่มมาเกาะกุมและดึงรั้งเขาอีกคน  เขาพยายามรั้งร่างของธันขึ้นมาจนพ้นผิวน้ำร่างสูงใหญ่ใกล้หมดสติเต็มทีหากมือหนายังคงกระชับดาบแน่นไม่ยอมให้หลุดออกไปจากมือราวกับกำลังจับเส้นใยแห่งชีวิตของตนอาไว้

“ธัน...ธัน ส่งดาบมาให้ข้า” ราซีนเรียกธันให้ได้สติก่อนจะรับดาบมาถือไว้ริมฝีปากบางเม้มแน่น เขาไม่อยากทำแบบนี้สักเท่าไหร่แต่ตอนนี้คงมีทางเลือกไม่มากนัก .....

 

สหัสตัดสินใจอุ้มร่างของพารัมก่อนจะกำโซ่สายฟ้าแน่นแล้วเร่งฝีเท้าข้ามไปยังฝั่งป่าศักสิทธิ์ทันที  ร่างครึ่งสิงห์ก้าวเหยียบเข้าเขตแดนป่าศักสิทธ์พร้อมกับเสียงคำรามก้องขนสีเงินยาวเหยียดสะท้อนแสงจันทร์ พอๆกับดวงตาสีเงินที่แวววาวราวลูกแก้ว  ร่างสุงใหญ่ค่อยๆวางร่างของพารัมที่ยังไม่มีสตินักลงบนพื้นพลางเอาโซ่สายฟ้าพันเอาไว้ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าโซ่สายฟ้าจะแสดงฤทธิ์ต่อเมื่อผู้ใช้มีสายเลือดกษัตริย์แห่งนันทา แต่ตอนนี้เขาไม่มีตัวเลือกมากนัก ดวงตาสีเทาตวัดมองราซีนกับธันที่ตอนนี้ถูกพวกวารีลากลงไปในน้ำได้เกือบสำเร็จแล้ว สหัสเม้มปากแน่นก่อนพุ่งตัวออกไปยังลำธารทันทีแต่ก่อนที่สหัสจะได้ลงไปช่วยสาน้ำตรงหน้าก็เริ่มหมุนวนพร้มกับเสียงกรีดร้องของพวกวารีที่ดังโหยหวนไปทั่ว

สายเลือดแห่งกษัตริย์ผู้มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ สายเลือดที่ได้รับพรให้ครอบของของวิเศษที่สามารถปกป้องและขจัดสิ่งชั่วร้ายได้ ตามตำนานพื้นบ้านที่เล่าขานกันมาเลือดแห่งราชาสามารถชุบชีวิตและคร่าชีวิตได้ และราซีนรู้ดีถึงตำนานนั้น  ใบหน้างดงามที่มักฉายแววเจ้าเล่ห์นิ่งสนิท ดาบในมือที่คอยฟาดฟันเส้นผมของเหล่ามารีหยุดนิ่งก่อนจะหันคมดาบเข้าหาตัวเองแล้วกดมันลงไปยังร่างของตนจนโลหิตสีแดงไหลทะลักออกมา

“นามของข้าคือราซีน ผู้มีสายเลือดที่แท้จริงแห่งนันทานคร ผู้มีสิทธิ์ในบัลลังค์อันศักสิทธิ์ เทพเทวดาและเหล่าบูรพกษตริย์แห่งนันทาจงเมตตา ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้หายไปด้วยเถิด”  สิ้นคำ ของราซีนโลหิตที่ไหลออกจากร่างลงไปยังลำธารนั้นก็ค่อยๆแผ่กระจายไปทั่ว จนลำธารอันเชียวกรากนั้นย้อมไปด้วยสีแดง

“กรี๊ดดดด ....อ๊ากกกกก” เสียงร้องโหยหวนของพวกวารีดังก้องขึ้นจะสะท้อนไปทั่วบริเวณพร้อมกับร่างของราซีนและธันที่หายไปกับสายน้ำอันเชี่ยวกรากต่อหน้าตาตาสหัส

 

“อ๊ากกกกกกกกก” เสียงร้องดังลั่นเรียกความสนใจของสหัสจากราซีนกับธันได้ทันที  ร่างครึ่งสิงห์มุ่งตรงไปยังเสียงร้องนั้นอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้สหัสชะงักเมื่อร่างของพารัมที่กำลังจะกลายเป็นยักษ์นั้นดิ้นทุรนทุรายแต่ไม่สามารถทำร้ายใครได้เพราะมีโซสายฟ้าพันอยู่รอบตัวและคนที่กำลังใช้โซ่สายฟ้านั้นก็ช่างคุ้นตา

“คาเซ”

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------

-------------------------

-----------

ใบหน้าได้รูปที่ประดับด้วยดวงตาหม่นแสงนั้นมองร่างของ อดีตรัชทายาทแห่งนันทานครอย่างเป็นห่วง ธันมองแผลที่หน้าท้องของราซีนนั้นไม่ใหญ่เท่าไหร่  แต่เจ้าตัวคงเสียเลือดไปมากพอดูเพราะตอนนี้ใบหน้างดงามนั้นซีดเซียวราวกับไร้ชีวิต  ธันไม่คิดว่าราซีนจะใช้วิธีนี้ เพื่อช่วยชีวิตเขา  เพราะผู้มีสายเลือดแห่งราชาจะไม่หลั่งเลือดเพื่อใครง่ายๆเรื่องนี้เขารู้ดี  แต่ราซีนกลับยอมที่จะหลั่งเลือดเพื่อช่วยเขาที่เป็นเพียงหัวหน้าทหารม้า

“เจ็บ”  เสียงของราซีนดึงสติของธันให้กลับมา ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงให้คนเจ็บลุกขึ้นนั่ง

“เป็นยังไงบ้างท่านราซีน” ธันถามอย่างนึกห่วงแม้เขาจะทำแผลให้แล้วแต่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด

“อืมมม โชคดีที่ไม่ทะลุหลัง” ราซีนตอบอย่างติดตลกทั้งที่ใบหน้าซีดเซียว พลางมองรอบตัว “แล้วเราอยู่ที่ไหนกัน”

“ในป่าศักสิทธิ์”  ธันตอบทั้งที่สายตายังคงจับจ้องมองแผลของราซีนอย่างนึกห่วง

“แล้วเราจะเอายังไงต่อดี” ราซีนถามก่อนเบ้หน้าเพราะเจ็บแผล

“ข้าเคยเข้ามาในป่าศักสิทธิ์  แต่ไม่เคยเข้ามาลึกเท่านี้”

ราซีนพยักหน้าก่อนมองไปรอบตัวอย่างกังวลไม่น้อย  ดูจากขนาดต้นไม้ที่ใหญ่โตแปลกตา ลำธารที่เขาดูจะใหญ่กว่าช่วงที่ผ่านเมืองอันราแล้วนั้นบริเวณที่เขาอยู่คงเข้ามาแทบจะกลางป่าศักสิทธิ์แล้วทีเดียว

“ท่านเดินไหวไหม”

“สบ๊าย” ราซีนบอกก่อนพยายามลุกขึ้น แต่ก็ต้องนั่งลงที่เดิมพร้อมกับเลือดที่ยิ่งซึมออกมาจากแผลมากขึ้น

“คืนนี้เราพักที่นี่ก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวข้าจะไปหาฟืน มาก่อไฟกับอาหารเอาไว้กินคืนนี้” 

ราซีนแค่พยักหน้ารับ ตอนนี้เขารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักอาจเป็นเพราะเสียเลือดมากไป แถมยังถูกน้ำพัดมาไกลขนาดนี้อีก  มือเรียวแตะที่แผลตัวเองเบาๆก่อนเบ้หน้าอาการปวดตุ๊บๆที่แผลเริ่มเล่นงานเขาหนักขึ้นจนเขาต้องเลือกที่จะนอนอยู่เฉยๆ

 

 

กองไฟถูกก่อขึ้นพร้อมกับผลไม้ที่วางอยู่เพื่อรอคนป่วยตื่นมากิน  ธันมองราซีนอย่างเป็นห่วงเมื่อคนเจ็บยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด

ร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผลแห่งการรบนั้นซูบผอมลงจากแต่ก่อนมากโข  ธันตอนนี้ไม่ได้กล้าแกร่งดังเก่าหัวใจของเขาแหลกสลายไปนานแล้ว แหลกไปตั้งแต่เลือกที่จะรักคนที่ไม่ใช่ของตน  ทุกครั้งที่เขาอยู่กับตัวเองเขาก็เอาแต่นึกถึงเรื่องผิดพลาดที่เคยทำเอาไว้ เรื่องที่เขาเคยหลงรักพระสนมขององ์วิรัลราชาแห่งนันทานครผู้เป็นเจ้าชีวิตของเขา  แม้จะรู้สึกผิดบาปอยู่เสมอแต่เขากลับไม่เคยลืมแววตาคู่นั้นได้เลย   

“หนาว” เสียงจากคนเจ้บเรียกสติเขาให้กลับมา ก่อนจะขยับเข้าไปดูราซีนใกล้ๆ ตอนนี้ไม่มีเลือดไหลซึมออกมาจากแผลแล้ว  แต่คนตรงหน้ากลับตัวร้อนราวกองไฟ

“เป็นไข้งั้นรึ”  ธันพึมพำก่อนจะลากเอาร่าของราซีนที่ตอนนี้ครางฮืออย่างคนไข้ขึ้นสูง  ให้เข้ามาอยู่ใกล้กองไฟมากขึ้น ธันลุกไปที่ลำธารก่อนถอดเสื้อตัวเองออกเอาไปชุบน้ำพอหมาด แล้วเดินมาเช็ดตัวให้คนป่วย

“ทำไม...ทำไมเจ้าถึงทรยศข้า”  ประโยคแปลกๆที่ออกมาจากปากของคนไร้สติทำเอาธันที่กำลังเช็ดตัวให้ชะงักมือ

“ข้า...ผิดอะไร”  คนป่วยยังคงละเมอไม่หยุด มือหนายกขึ้นไขว่คว้าอากาศราวกำลังต้องการดึงรั้งใครบางคนเอาไว้  ธันมองคนตรงหน้านิ่งๆ ไม่ได้เอ่ยเรียกปลุกให้ได้สติแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าบางทีการได้พบคนที่รักในฝันก็ยังดีกว่าการตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าไม่มีใครให้รักอีกแล้ว

ธันเอื้อมมือออกไปจับมือของราซีนเอาไว้เบาๆก่อนที่ราซีนจะดึงเอามือของเขาไปกุมไว้ราวกับจะดึงรั้งไม่ไห้จากไปไหนได้อีก

“อย่า...ทิ้งข้าไป”  เสียงงึมงำของคนป่วยบ่งบอกความกลัวในหัวใจได้เป็นอย่างดี  ธันนั่งนิ่งให้ราซีนที่ไม่ได้สติกุมมือเอาไว้โดยไม่คิดจะดึงออก  ดวงตาเศร้าเงยมองดวงดาวบนฟ้านิ่งงั้น บางทีอาจเพราะที่นี่คือป่าศักสิทธ์ สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งจึงเท่าเทียมกัน มีชีวิตได้เท่ากัน  เจ็บได้เท่ากันและมีสิทธิ์จะรักได้เท่ากัน  ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัชทายาทที่สูงส่งหรืออดีตเด็กเหลือขาแบบเขาก็มีหัวใจที่แตกสลายได้เหมือนๆกัน

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
มาแว้ววววว

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
สนุกมากเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เกือบโดนดึงไปในน้ำแล้วนะธัน 

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอาอีกกกก

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 :L1: อู้วววลุ้นอ่ะ จะเป็นไงต่อ  :mew1:

ออฟไลน์ snartza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขออนุญาตและขอโทษที่เม้นท์ตามตรงนะ เราชอบเรื่องดวงใจบรรณาการ มากกกกกก
(อ่านในเนตแล้วซื้อหนังสือมาเก็บไว้ด้วย)

แต่เรื่องนี้ บอกตรงๆว่าผิดหวังเหลือเกิน คือ เราไม่อินกับบท พารัม จากเด็กสาวที่กลายเป็นชายหนุ่มเลย
เราไม่ได้เกลียดตัวละครพารัม ตรงข้าม เราชอบด้วยล่ะ นิสัยน่ารักดี
แต่เราอินกับพารัม ที่เป็นเด็กสาวจอมแก่น จากเรื่องดวงใจบรรณาการมากกว่า
อินจนไม่สามารถฟินไปกับความเป็นชายของพารัมได้เลย T___T

ขอโทษนะ ที่อ่านต่อไปไม่ได้จริงๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ

(ตอนแรกแอบลุ้นมากว่าจะเป็นเรื่องของสหัส คุช ธัน ราซีน คาเซ ใครก็ได้จับคู่กันในนี้ หรือตัวละครชายตัวอื่นก็ได้
หรือจะเป็นรุ่นลูกอย่าง ธีรัน ก็จะดีมากๆเลย เสียดายมากจริงๆ T_T )

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
อยากจะบอกว่ายังติดตามและอยากอ่านอยู่จ้า คนเขียนสู้ๆ น๊า  :กอด1:  :กอด1:

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใครจะไม่อินเรื่องพารัม อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบ

แต่ยังมีเราคนนึงที่รอติดตามเรื่องนี้อยู่นะคะ

รออ่านและให้กำลังใจนักเขียนอยู่ค่ะ

เราเพิ่งจะมาอ่านเรื่องนี้ ชอบสหัสกับพารัมตั้งแต่เรื่องดวงใจบรรณาการแล้วค่ะ

แอบอยากให้ธันมีคู่จังเลย ยิ่งฉากที่ราซีนยอมกรีดเลือดเพื่อช่วยธันคือจิ้นหนักมาก 555

รออ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
มาต่อเร็วๆนะคะ ชอบมากๆเลย

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
รออยู่นะคะ เราคือคนที่คุณนักเขียนบอกในทวิตว่าจะกลับมาอัพ  เรารออ่านอยู่นะคะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :call:  กลับมาอัพไวไวน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Maeo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
                ตอนที่๑๔ 50%แรก

                แสงสว่างจากกองไฟที่ก่อขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นสิงห์ราโตเต็มวัยที่เต็มไปด้วยความงดงามและน่าเกรงขาม  ดวงตาสีเทามองร่างหมดสติที่สงบลงของพารัมอย่างเป็นห่วง  ผมที่ตัดสั้นของพารัมยาวขึ้นเล็กน้อยและมีสีดำสนิทราวผงถ่านผิวที่สวยอยู่แล้วกลับดูนวลเนียนราวกับเปล่งประกาย  ใบหน้าน่ารักประดับด้วยเขี้ยวเล็กๆ  พอๆกับเขาอันน้อยทั้งสองอันที่แทงทะลุหน้าผากออกมา  พารัมในร่างของยักษ์ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้สักนิด

                “ยักษ์น่ะไม่ได้น่ากลัวเหมือนในตำนานของเมืองอมนุษย์หรอกนะ  สิ่งที่คุมธาตุแห่งชีวิตทั้งสี่ได้คงไม่ร้ายกาจนักหรอก  แต่..อาจจะไม่รวมตอนโมโหนะ”  เสียงบอกเล่าติดตลกของคนที่ได้ชื่อว่ากบฏนั้นดูราบเรียบไม่ได้มีท่าทางสั่งสอนให้ขุ่นเคืองหากเป็นการบอกกล่าวอมนุษย์ย่างสหัสที่ดูจะยังไม่เข้าใจอะไรนัก

                “แล้วเจ้า...”

                “พระสนมเธราขอให้ข้ามาช่วยน่ะ”  คาเซชิงบอกเสียก่อนที่สหัสจะเอ่ยถามใบหน้างดงามของคาเซแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อคิดถึงวันที่ได้รับข่าวจากเธรา จดหมายฉบับเล็กๆที่แนบมากับขนมรสชาติคุ้นปาก

ตั้งแต่ถูกเนรเทศออกมาจากเมือมนุษย์คาเซก็มาอาศัยอยู่ในป่าศักสิทธิ์อย่างยากลำบาก   หากทุกครั้งที่เขาเข้าตาจนมักมีความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าเข้ามาอย่างน่าประหลาดใจ  สุดท้ายเขาก็รู้ว่าความช่วยเหลือต่างๆนั้นไม่ได้มาเพราะความบังเอิญแต่เป็นเพราะเธราให้คนตามเขามาตลอดต่างหาก

“นี่คือร่างจริงของพารัมงั้นรึ”  สหัสเอ่ยถาม

คาเซพยักหน้ารับ ก่อนอธิบายต่อ “พวกยักษ์น่ะขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์รุนแรง เมื่อโมโหก็โถมร่างให้ใหญ่โตน่ากลัว  ร่างปกติก็เป็นแบบที่เจ้าเห็นนี่แหละ”

“แล้วไม่ต้องใช้โซสายฟ้าคอยจับไว้รึ”  สหัสยังคงสงสัยเมื่อตอนนี้ร่างของพารัมนั้นเป็นอิสระแม้จะไม่ได้สติ

“โซ่สายฟ้าใช้จับอมนุษย์ไม่ให้แปลงร่างเท่านั้น  แต่ตอนนี้พารัมอยู่ในร่างของยักษ์อย่างสมบูรณ์แล้ว โซ่นี่คงไม่จำเป็น”

“แล้วถ้าเป็นแบบนี้พวกอมนุษย์ไม้ได้กลิ่นไอของยักษ์กันหมดแล้วน่ะสิ” สหัสกล่าวอย่างกังวล

“ต่อให้รับรู้ว่ามียักษ์ปรากฏตัวขึ้น ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก ที่นี่เป็นป่าศักสิทธิ์ทุกสิ่งเท่ากัน  ไม่มีพลังพิเศษใดๆจะมีอำนาจในที่แห่งนี้  และถ้าให้สู้กันแค่พละกำลังหรือทักษะการต่อสู้ล่ะก็ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าใคร”  คาเซบอกก่อนถอนหายใจเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้  “ข้าว่าคนที่น่าห่วงตอนนี้ไม่ใช่พารัมหรอก”  คำพูดที่ทำเอาสหัสกังวลถึงคนที่หายไปกับสายน้ำขึ้นมาทันที

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



“ธัน...ตื่น”  เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าเบาๆส่งผลให้หัวหน้าทหารม้าแห่งนันทานครเริ่มได้สติ ธันขยับตัวลุกขึ้น ก่อนพบกับราซีนที่ตื่นขึ้นมาก่อนแล้ว

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”  ธันถามก่อนสำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด เลือดหยุดไหลแล้วแต่ใบหน้างดงามของราซีนยังคงซีดเซียว

“ปวดแผลนิดหน่อย” ราซีนตอบง่ายๆ  เขานึกกระดากใจไม่น้อยที่ต้องมาเจ็บหมดสภาพให้ธันต้องมาดูแล  แล้วยิ่งตื่นมาเจอตัวเองกุมมือธันไว้แน่นยิ่งทำหน้าไม่ถูกดีนะที่เขาตื่นก่อนถ้าธันตื่นก่อนแล้วมาเห็นเขากุมมือตัวเองเอาไว้ล่ะก็เขาคงกระอักกระอ่วนกว่านี้เป็นแน่

“ไปเถอะ...ท่านเดินไหวไหม”  ธันถามก่อนจะกุลีกุจอเข้าไปพยุง แต่คนเจ็บกลับชักแขนหนีแล้วพยายามจะลุกเอง

“ไปไหน” ราซีนถามทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าธัน

“ไปหมู่บ้านของพวกลูกครึ่งกันก่อน ท่านเจ็บหนักคงเดินทางไปชายแดนเมืองอมนุษย์ไม่ไหวหรอก จะกลับไปที่เมืองอันราตอนนี้ก็คงไม่ดีนัก” ธันบอกเขาเคยหลงเข้ามาในป่าศักสิทธิ์กับพระสนมเธรามาแล้ว ถ้าเขาคิดไม่ผิดหมู่บ้านของพวกลูกครึ่งที่อยู่ในป่าศักสิทธ์นี้อยู่ห่างจากบริเวณนี้ไม่มาก คงพอที่จะพาคนเจ็บเดินทางไปได้โดยไม่ลำบากนัก

ราซีนพยักหน้ารับเขาพยายามเดินด้วยตัวเองแต่แล้วความเจ็บแปลบที่แผลก็ทำเอาเซจนต้องเกาะต้นไม้ข้างๆตัวเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม

“ท่านไหวไหม จับข้าไว้ก่อนเถอะ”  ธันจับแขนของราซีนเอาไว้ พยางค่อยๆพยุงให้เดินตาม  โดยไม่สนท่าทางไม่พอใจของคนเจ็บสักเท่าไหร่

ป่าศักสิทธิ์ดินแดนที่ทุกสิ่งเสมอเหมือนกันหมด  ไม่มีสิ่งใดต่ำค่าไม่ว่าดอกไม้หรือแสงจันทร์เมื่อสาดส่องเข้ามายังป่าแห่งนี้ทุกอย่างเทียมเท่ากัน  ดินแดนที่เต็มไปด้วยตำนานและเรื่องเล่าปรัมปรา

ราซีนมองป่าศักสิทธิ์อย่างหวาดระแวง  แม้เขาจะใช้ชีวิตเป็นพรานค้าทาสมานานหลายปีแต่เขายังไม่เคยเข้ามาในป่าศักสิทธิ์ลึกขนาดนี้สักครั้ง เขาและพรรพวกมักจะตะเวนไล่จับพวกอมนุษย์แถวชายป่าเพียงเท่านั้น  เพราะฉะนั้นการเข้ามาครั้งนี้จึงทำให้เขากังวลไม่น้อย  ยิ่งธันบอกว่าจะพาไปยังหมู่บ้านของพวกลูกครึ่งแล้วเขายิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยก็จะมีลูกครึ่งอมนุษย์ตนไหนชื่นชมพรานค้าทาศอย่างเขากันเล่า

“ท่านเป็นอะไรรึเปล่า  เจ็บแผลงั้นรึ”  ธันถามเมื่อเห็นคนเจ็บมีท่าทีกระวนกระวาย

“เปล่า”  ราซีนปฏิเสธ

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก  พวกที่หมู่บ้านนั่นไม่ทำอะไรท่านหรอก อย่างน้อยท่านก็เป็นพี่เขยท่านเธราคนที่มีบุญคุณกับพวกเขา”

“ข้าไม่ได้กลัว”

“ข้ายังไม่ได้ว่าท่านกลัวเลยนะ”

“ธัน...เจ้า!”

“อ้าว...ธันท่านราซีน มากันได้อย่างไร”  เสียงหวานๆดังขึ้นขัดการวิวาทอย่างฉิวเฉียด

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

                ในความมืดมิดและอับชื้น โซ่เส้นหนาที่พันธนาการมือและเท้า  พารัมขยับตัวไปมาอย่างอึดอัดก่อนที่จะมีชายคนนึงเข้ามาช่วยแกะโซ่ออกให้  พารัมจำได้เหตุการณ์นี้พารัมเคยเจอมาครั้งหนึ่งแล้วตอนที่ต่อสู้กับสหัสและโดนกรงเล็บสิงห์ราทำร้ายเอาจนเกือบสิ้นชีวิต  แต่คราวนี้ต่างออกไปพารัมรู้ตัวว่ามันคือภาพในอดีตที่ดำลังบอกอะไรบางอย่าง  ดวงตาสองสีพยายามเพ่งมองชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยตนผ่านเงามืออันอึกครึมของที่คุมขัง  ปอยผมที่แตะลงบนใบหน้าและกลิ่นที่คุ้นเคยนั้นทำเอาพารัมใจเต้นแรงเมื่อร่างสูงตรงหน้าทาบมือลงบนหัวของเขาเบาๆ

                “ไปซะ” น้ำเสียงอ่อนโยนพอๆกับสัมผัสจับดึงให้พารัมลุกขึ้น  แสงเพียงน้อยนิดที่ส่องเข้ามาในที่คุมขังนั้นเผยให้เห็นใบหน้าที่พารัมเฝ้ามองมาตลอด  “พี่สหัส!!"

                “พารัม ตื่นเถอะ” เสียงเรียกพร้อมเขย่าตัวเบาๆส่งผลให้พารัมรู้สึกตัว และเมื่อลืมตาก็พบกับใบหน้างดงามของคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกในชาตินี้

“ท่านคาเซ”



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หายไปนานเลยมาแปะไว้ก่อน 50% นะคะ

เดี๋ยวมาต่อให้ครบค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2019 04:31:23 โดย primprie »

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
เย้ มาแล้วววววว  o13 รอคนเขียนเสมอนะคะ

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
ตอนที่14 
50%หลัง
พารัมเอ่ยชื่อของคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง  ท่านคาเซนั้นแสนใจดีพารัมจำได้ และแอบใจหายไม่น้อยเมื่อทราบว่าเขาถูกเนรเทศในข้อหากบฏ  แต่วันนี้เขากลับได้มาพบกับท่านคาเซอีกครั้ง
   “ใช่สิ ดีใจที่ยังจำข้าได้นะ”  คาเซบอกพลางยิ้มน้อยๆ 
   “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” สหัสขยับตัวเข้ามาใกล้หลังจากเห็นว่าพารัมได้สติแล้วกลับทักหาราซีน ยังไงซะเขาก็ยังไม่วางใจคนที่เคยก่อกบฎนักหรอก
“พี่สหัส” พารัมเอ่ยเรียกสิงห์ราตรงหน้าก่อนขยับเข้าหา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรู้ว่าตัวเองดื้อดึงจนเกิดเรื่องบานปลายขนาดนี้  พารัมยั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้ไปเกาะแกะกับสหัสเหมือนเนเคย  ก่อนจะเริ่มรับรู้ว่าตัวเองตอนนี้ไม่เหมือนเดิม มือบางแตะใบหน้าตัวเองช้าๆแม้จะมีกระจกให้ได้ส่อง แต่พารัมเองก็พอรับรู้ได้ว่าบางอย่างของนั้นตัวเองเปลี่ยนไป 
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”  คาเซถาม
“ไม่เจ็บ” พารัมตอบสั้นๆ “เกิดอะไรขึ้นทำไมท่านคาเซถึงอยู่ที่นี่ได้ แล้วธันกับท่านราซีนล่ะ”  พารัมนึกขึ้นได้เมื่อเห็นว่าอีกสองคนหายไป
เรื่องราวต่างๆที่ถูกเล่าให้ฟังยิ่งทำให้พารัมรู้สึกผิด โซลายอมเสี่ยงชีวิตช่วยเขาออกมาจากในวังแต่เขากลับมาทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป จนธันและราซีนได้รับอันตราย
“อย่าคิดมากไปพารัมไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแย่ๆหรอก  แต่ในเมื่อมันเกิดไปแล้วเราก็ต้องหาทางแก้ไขและอยู่กับมันไปก่อน  ทั้งราซีนทั้งธันไม่ใช่คนอ่อนด้อยฝีมือเขาต้องหาทางมาเจอเราที่ชายแดนเมืองอมนุษณ์ได้ทันแน่นอน”  คาเซเอ่ยปลอบใจเมื่อเห็นว่ายักษ์น้อยตรงหน้ามีอาการหงอยอย่างเห็นได้ชัด  คาเซยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเมื่อรับรู้ข่าวว่า สาวน้อยพารัมจากเมืองบันกุนั้น คือยักษ์ที่ถูกสะกดเอาไว้
 เขายังจำภาพสาวน้อยสดใสฉะฉานที่เขาได้พบในวันที่ตามท่านเธรามาจากบันกุได้ดี  แม้ตอนนี้จะอยู่ในร่างที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์แต่เขาก็ยังคงจำปากบางๆที่ช่างฉอเลาะได้ดีแววตาสดใสแต่มีแววกล้าฉายชัดอยู่เสมอ แม้ตอนนี้ดวงตาสีดำแวววาวนั้นจะตัดฉับกับอีกข้างที่วาวแดงราวลูกแก้วแต่ก็ยังคงงดงามไม่น้อยในตอนนี้พารัมกลายเป็นยักษ์หนุ่มที่ดูจะอ่อนไหวกับสิ่งรอบตัวไปเสียหมด ถ้าพารัมไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ล่ะก็  หากพ้นพื้นที่ป่าศักสิทธิ์นี้ไปคงลำบากเป็นแน่เพราะธาตุกำเนิดแห่งยักษ์จะผันแปรตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของธาตุ  และคนตรงหน้านั้นกำเนิดจากธาตุทั้งสองยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก
“อย่ากังวลไปพารัม”  คาเซเอ่ยเตือนอีกครั้งก่อนเอื้อมมือไปลูบผมสีดำสนิทของพารัมอย่าเอ็นดู พารัมชะงักหนีเมื่อมือของคาเซสัมผัสกับเขาเล็กๆที่หน้าผากของตนท่าทางกังวลนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆของคาเซได้เป็นอย่างดี อย่างไรเสียพารัมก็อยู่ในร่างของสาวน้อยมาเสียนานยิ่งอยู่ในช่วงวัยรักสวยรักงามแบบนี้อยู่ดีๆ ใบหน้าน่ารักของตนมีทั้งเขี้ยวและเขางอกขึ้นมาคงขาดความมั่นใจไปไม่น้อย
“งามขนาดนี้เลยรึข้าเพิ่งเคยเห็น” คาเซเปรยยออกมาก่อนแตะลงไปที่เขาที่หน้าผากของพารัม  เขาที่แทงทะลุหน้าผากทั้งสองข้างนั้นมีลวดลายคนมาแกะสลักเอาไว้   
“งั้นรึ” พารัมเอ่ยออกมาใบหน้ามีแววลังเล 
คาเซยิ้มพยักหน้าตอบรับคำถามของพารัม “อย่าใส่ใจสิ่งรอบตัวจนลืมควบคุมความรู้สึกตัวเองนะพารัม” และดูเหมือนคนถูกเตือนจะเข้าใจดีพารัมพยักหน้ารับช้าๆ   แม้ดวงตายังคงมีแววกังวลไม่จางหายไป
สหัสนั่งนิ่งฟังบทสนทนาเบาๆของพารัมกับคาเซทั้งที่ไม่พอใจนัก  พารัมที่ตามเขาแจฟังเขามาตลอดแต่ตอนนี้เอาแต่รับฟังคาเซราวเด็กน้อยที่เจอที่พึ่ง คนอย่างเจ้าคาเซไว้ใจได้ที่ไหน  เคยทั้งก่อกบฏ และตอนนี้ก็ถูกเนรเทศถึงต้องมาอาศัยที่ป่าศักสิทธิ์แห่งนี้  แล้วทำไมพารัมถึงดูไว้วางใจเจ้ากบฏคนนี้ขนาดนั้นกัน  สหัสนึกอย่างขัดใจ 
“เราจะเดินทางกันทันทีที่ตะวันขึ้น อย่ามัวแต่ชมรูปโฉมกันจนไม่ได้นอน เดี๋ยวจะไม่มีแรงเดินทาง”   สหัสเดินเข้ามาบอกพารัมกับคาเซก่อนจะแยกตัวไปนอนในมุมที่ห่างออกไป  พารัมมองร่างสิงห์ราของสหัสอย่างเต็มตา  ขนสีเงินวาววัวยังคงงดงามจับตาเสมอ และท่าทางรำคาญที่แสดงออกมานั้นก็ยังคงเดิม พารัมคาดหวังว่าจะได้รับความห่วงใยเล็กๆน้อยจากสหัสบ้าง  แต่ก็ไม่มีเหมือนจะชินชาแต่ก็ยังคงเจ็บปวด  เรื่องราวในความฝันย้อนเข้ามาในห่วงความคิดอีกครั้ง  เขาเอนกายลงนอนหนุนแขนตัวเองก่อนจะหลับตาลงเพื่อทบทวนบางอย่างก่อนที่รุ่งเช้าจะมาเยือน
คาเซที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาของอดีตกบฏเหม่อมองแสงไฟที่เต้นไปมาตามแรงลม  เขาไม่รู้หรอกว่าการตัดสินใจยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องของพวกอมนุษย์เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่  อันตรายมากมายรออยู่นั่นคือสิ่งที่เขารู้ดี แต่ในเมื่อมันคือคำขอขอเธราเขาเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้
---------------------------------------------------------------------------
“เดินตัดตรงไป  ข้ามเขานิททราไปก็จะเจอชายแดนเมืองอมนุษย์”  สหัสบอกพลางชี้นิ้วไปตามทาง  คาเซ พารัมและสหหัสออกเดินทางทันทีที่แสงของดวงตะวันแตะขอบฟ้า แต่การเดินทางนั้นไม่ได้เร็วตามใจนึกนัก เพราะต้องคอยกลบร่อยรอยไม่ให้ใครตามได้ และอีกอย่างที่สำคัญคือ คาเซที่เป็นมนุษย์นั้นไม่สามารถเดินทางได้เร็วเท่าสิงห์ราหรือยักษ์  แต่การเดินทางนี้ก็จำเป็นต้องมีคาเซ  เพราะถ้าเมื่อไหร่พ้นเขตป่าศักสิทธิ์ไป แล้วพารัมเกิดอาละวาดคนที่ใช้โซ่สายฟ้าได้ในตอนนี้คงมีแต่คาเซเท่านั้น
“หากเข้าไปนิเขตเมืองพาณาแล้ว เราจะไปไหนกันต่อ”  คาเซเอ่ยถามขึ้น
“ไปถ้ำอสูร”  พารัมตอบ
“ไปทำไมกัน”  คาเซถามอย่างไม่เข้าใจ เขาเองก็พอรู้มาบ้างว่าถ้ำอสูรคือสถานที่สำหรับเก็บร่างที่เป็นหินของบรรดายักษ์ทั้งหลาย
“ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ”  พารัมบอกเสียงเรียบเหลือบมองสหัสที่เดินนำอยู่ข้างหน้า  “อาจเป็นเพราะวาระร้อยปี”  คำตอบของพารัมทำให้สหัสหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนออกเดินต่อไปโดยทิ้งระยะห่างจากพารัมและคาเซออกไปอีก
“นี่สหัสเจ้าอาจลืมว่าข้าเป็นมนุษย์  คงตาฝีเท้าสิงห์ราแบบเจ้าไม่ทัน นัก หากเจ้าจะเร่งฝีเท้าขนาดนี้”  คาเซตะโกนบอกปนหัวเราะทั้งที่เขาเองเริ่มเหนื่อยหอบ  จริงๆแล้วเขาเองก็ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงอะไรนัก ตอนอยู่นันทานครก็ทำงานในวังเสียเป็นส่วนมาก ได้ออกรบอยู่ไม่กี่ครั้ง  จะมีกำลังตามสิงห์ราได้ยังไง
“ขี่หลังข้าไหม”  พารัมถามแต่ท่าทางคนตัวเล็กจะเอาจริง
“ฮ่าๆ พารัมเจ้าจะให้ข้าเวทนาตัวเองไปถึงไหนกัน”  คาเซพูดติดตลก
“ตอนนี้อยู่ในป่าศักสิทธิ์ข้าขยายตัวให้ใหญ่ไม่ได้  แต่ข้าเป็นยักษ์นะ แรงแบกท่านน่ะมีเหลือเฟือ”  พารัมทำท่าขึงขังแต่ใบหน้ากลับแย้มยิ้ม
“จะคุยเล่นกันถึงเมื่อไหร่”  สหัสที่หยุดยืนรอเอ่ยขึ้น “ข้างหน้ามีลำธารแวะพักกันก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ”  สหัสบอกก่อนออกเดินนำอีกครั้งแต่ครั้งนี้  พารัมรู้สึกได้ว่าสหัสนั้นรั้งฝีเท้าให้ช้าลงจะเดินนำอนู่เพียงไม่กี่ก้าว
“สหัสนี่ ปากร้ายใจดีแบบนีตลอดรึเปล่า” คาเซหันมากระซิบถมพารัม จนยักษ์น้อยหัวเราะคิก
“ใช่พี่สหัสใจดีแบบนี้แหละ”  พารัมตอบทั้งที่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม  เฝ้ามองแผ่นหลังแสนงดงามตรงหน้าที่อยู่ห่างเพียงเอื้อม  แต่ไม่ว่าอย่างไรพารัมก็ไม่เคยเอื้อมถึงสักทีสินะ 


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
มาต่อแล้วค่า

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
แล้วเราก็กลับไปอ่านเธราอีกรอบ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
แหมๆๆๆ หึงเค้าแล้วล่ะดิ๊ คึคึ

ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
ตอนที่๑๕

ราซีนมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมยารักษาอาการบาดเจ็บของเขาเงียบๆ เขาจำได้ดีว่าเคยพบเอรันที่นันทานครในครั้งที่มีการรบกับกองทัพเลือด หญิงสาวเป็นชาวเวทย์ชั้นสูง  ที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตกับคนรักที่เป็นอมนุษย์ในป่าศักสิทธิ์แห่งนี้

                “ขอบใจ”  ราซีนเอ่ยเมื่อรับเอายาจากเอรันมาถือเอาไว้

                “แผลลึกมาก” เอรันบอกอย่างเป็นห่วง “ในป่าศักสิทธิ์ไม่มีสมุนไพรที่ใช้กับมนุษย์ได้มากนัก”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ราซีนบอกก่อนยกยาขึ้นกิน

                “แล้วธันล่ะ”  ราซีนถามหาทหารม้าที่มาด้วยกัน  “น่าจะคุยอยู่กับทรีสข้างนอกน่ะ” เอรันตอบ

หลังจากตื่นขึ้นมาด้วยอาการบาดเจ็บที่ไม่ค่อยทุเลาแล้ว โชคดีไม่น้อยที่อันยาไปพบเขากับธันและพามาที่หมู่บ้านแห่งนี้   

“ไม่มีใครรู้มาก่อนหรือว่าพารัมเป็นยักษ์”  ทรีสเอ่ยถามธันที่กำลังช่วยยกกองฟืนที่ตัดเสร็จแล้วไปเก็บ

“ไม่น่าจะมีใครรู้  ท่านเธราเองหรือแม้แต่สหัสที่ใกล้ชิดพารัม ไม่เคยมีใครสงสัยสักนิด  ข้าเองก็เคยเจอพารัมบ้าง มองอย่างไรก็เป็นสาวน้อยธรรมดา อาจจะใจกล้าไม่กลัวใครแต่ก็ห่างไกลจากพวกยักษ์นัก”

“เจ้ารู้จักพวกยักษ์งั้นรึ”  ทรีสเอ่ยถามขึ้นทำเอาธันตอบไม่ถูก

“ก็...พวกยักษ์ในตำนานเล่าขานกันมาว่าใหญ่โตน่ากลัว กลืนกินได้ทุกสิ่ง”

“ก็พูดกันไป ความจริงกับเรื่องเล่าอาจต่างกันก็ได้ก็เป็นได้เจ้าน่าจะรู้ดี”  คำพูดของทรีสทำให้เขาหวลนึกถึงเจ้าของหัวใจที่เขาไม่อาจเอื้อมถึง ท่านเธราพระสนมท่ตอนนี้กำลังจะเป็นราชินีแห่งนันทานคร ข่าวลือเกี่ยวกับท่านเธรานั้นมีมากมาย  แต่เขารู้ดีว่ามันมีความจริงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ทรีส ท่านธัน” เสียงหวานที่เอ่ยเรียกทำเอา ทรีสและธันหันไปมอง เอรันเดินออกมาพร้อมน้ำดื่ม

“เหนื่อยไหม ขอบใจท่านมากที่มาช่วย”  เอรันเอ่ยปากขอบคุณก่อนหันไปส่งยิ้มหวานให้ทรีส

“ท่าราซีนเป็นอย่างไรบ้าง” ธันเอ่ยถามเอรันอย่างนึกเป็นห่วง

“ท่านทั้งสองโดนพวกวารีเล่นงานมาใช่ไหม”  เอรันถามก่อนมีสีหน้ากังวล

“ใช่”

“สิ่งมีชีวิตที่สัมผัสกับเส้นผมของพวกวารี มักโดนดูดเอาพลังชีวิตไปด้วย แต่ข้าก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมท่านราซีนถึงเจ็บหนักขนาดนี้ ถึงจะหลั่งเลือดราชาก็เถอะนะ แต่....”

“คมวารี”  ทรีสเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ากังวล

“ท่านหมายความว่าอย่างไร” ธันถามอย่างไม่เข้าใจ

“พวกวารีนั้นมีคมเขี้ยวที่อาบพิษ  เมื่อฝังเขี้ยวลงไปที่ใครแล้วพวกมันจะหักปลายเขี้ยยวทิ้งเอาไว้ในร่างของผู้นั้นเหยื่อจะค่อยๆหมดแรงและตายภายใน เจ็ดราตรี ส่วนมากพวกมนุษย์ที่เผลอไปเล่นน้ำในที่มีพวกวารีอยู่มักจะโดนคมวารีแล้วมักนึกว่าป่วยเป็นไข้หมดแรงจนตายเพราะไปเล่นน้ำ แต่จริงๆแล้วโดนพวกวารีฝากคมเขี้ยวเอาไว้”

“แล้วมีวิธีแก้หรือไม่” ธันถามอย่างร้อนใจ

“เขี้ยวของพวกวารีน่ะเล็กมาก และรอยแห่งคมวารีจะปรากฏให้เห็นใต้แสงจันทร์เท่านั้น หากพบร่องรอยของการฝังเขี้ยว  แล้วกรีดออกอาจพอช่วยได้ แต่...” เอรันเงียบไปอย่างหนักใจก่อนจะพูดออกมา  “คืนพระจันทร์เต็มดวงจะมีในอีกสามราตรีข้างหน้า แล้วต่อให้กรีดเอาเขี้ยวของพวกวารีออกมาแล้วก็ใช่ว่าท่านราซีนจะหายได้ในเร็ววันหรอก พิษอาจกระจายไปทั่วร่างแล้วก็ได้หากรอนานขนาดนั้น”

“แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะรักษาท่านราซีนได้ อีกอย่างข้ากับท่านราซีนก็จำเป็นต้องไปพบกับพารัมและสหัสที่ชายแดนเมืองอมนุษย์ให้ทันเวลาด้วย”  ธันถามอย่างร้อนรน 

ใบหน้างดงามของเอรันฉายแววเคร่งเครียดทันที ดวงตากลมสวยเหลือบมองทรีสคนรักอย่างขอความเห็น   ก่อนจะค่อยๆพยักหน้าและเอ่ยบอกบางอย่างแก่ธัน

.

.

.

.

.

“เป็นอย่างไรบ้าง”  ธันเอ่ยถามราซีน ก่อนนั่งลงข้างๆ มือหนาเอื้อมไปแตะตัวเบา ความร้อนของร่างกายนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าว่าราซีนกำลังทรมาน  ตอนนี้เขาและราซีนอาศัยนอนที่คอกม้าของเอรัน เพราะบ้านของเอรันกับทรีสนั้นไม่ใหญโตพอที่เขาทั้งสองจะอาศัยอยู่ด้วยได้ ธันจึงคิดว่าออกมานอนที่คอกม้าน่าจะสะดวกกว่า ตัวเขาเองน่ะสบายมากเขากินอยู่กับม้ามาแต่ไหนแต่ไร  ส่วนราซีนเองก็ไม่ได้เอ่ยปากค้านอะไร

“ไม่มีแรงเลย”  ราซีนตอบก่อนจะขยับผ้าห่มให้แน่นขึ้น เขาเริ่มกังวลกับอาการของตัวเองไม่น้อย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพวกเส้นผมของพวกวารีสามารถดูดพลังชีวิตได้ แต่ธันที่โดนพวกวารีเล่นงานมาเหมือนกันกลับหายดีแล้ว แต่เขามีแต่ทรุดหนักลงเรื่อยๆ จะบอกว่าเป็นเพราะแผลที่หลั่งเลือดราชาก็ไม่น่าจะเกี่ยวมากนักแผลแค่นี้อาจทำให้เขาเจ็บก็จริงแต่ไม่มีทางทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้ได้แน่

“ท่านกินยาแล้วพักผ่อนเถอะ”  ธันบอกก่อนนึกไปถึงวิธีการรักษาราซีนแล้วก็ต้องหนักใจ

“ข้าเป็นอะไรกันแน่ธัน”  ราซีนตัดสินใจถามออกไปก่อนจะพยายามดันร่างของตนให้ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล

“จะฝืนตัวเองทำไม ไม่มีแรงก็นอนเถอะท่านราซีน” ธันบอกแต่ก็ขยับตัวมาพยุงราซีนให้ได้นั่งสมใจ ก่อนจะพบว่าแผลที่หน้าท้องของราซีนนั้นยังมีเลือดไหลซึมไม่หยุด

“อย่าทำเหมือนข้าโง่ธัน บอกข้ามา”  ราซีนเริ่มหงุดหงิดแต่ก็ทำได้เพียงตะเบงเสียงอยู่ในคอเพราะเรี่ยวแรงแทบไม่มี

“ท่านอาจโดนคมวารี”  ธันบอก

“แล้ว...แล้วยังไง ต้องรักษายังไง”  ราซีนถาม เขาไม่เคยจับพวกวารีมาก่อน แม้จะพอรู้จักบ้างแต่ไม่รู้รายละเอียดหรือมียารักษาพิษเกี่ยวกับพวกวารีเลย

ธันเล่าถึงวิธีการรักษาให้ราซีนฟังอย่างช้าๆ มองคนป่วยที่เริ่มจะอารมร์เสียมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพบว่าแทบจะไม่มีท่างรักษาตัวทันไปพบกับพารัมและสหัสที่ชายแดนเมืองอมนุษย์ได้ทันเลย

“จากชายแดนเมืองอันรา ใช้เวลาไม่เกินสองราตรีก็ถึงชายแดนเมืองอมนุษย์แล้ว ถ้าจะรอคืนพระจันทร์เต็มดวงไม่ทันแน่”  ราซีนพูดออกมาก่อนจะหยุดอย่างเหนื่อยอ่อน

“เอรันบอกว่าพอจะมีอีกวิธี...แต่” ธันนิ่งไปอย่างกังวล

“วิธีอะไร”

“เอรันบอกว่ามีพวกนอกรีตอยู่ไม่ห่างจากนี้  น่าจะพอมียารักษา”

“พวกนอกรีต” ราซีนทวนคำอย่างคิดหนัก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าธันหมายถึงอะไร  พวกนอกรีตไม่ว่าจะเป็นแม่มด หรือปีศาจ ล้วนไม่น่าไว้ใจทั้งนั้นพวกมันเจ้าเลห์ไม่เคยให้อะไรใครฟรีทุกอย่าล้วนต้องมีข้อแลกเปลี่ยน

“เจ้านอกรีตที่เอรันบอกสามารถรักษาข้าได้จริงๆงั้นรึ” ราซีนทวนอย่างไม่แน่ใจ

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักหรอก แต่ในป่าศักสิทธิ์แห่งนี้ไม่มีสมุนไพรพอที่จะทุเลาอาการของท่านได้ แล้วเราก็ไม่มีเวลาพอ”   ธันบอกแม้เขาเองจะกังวลแต่หน้าที่ที่ต้องดูแลพารัมและสหัสให้ปลอดภัยจนถึงเมืองบอมนุษย์นั้นก็สำคัญและราซีนเองก็รู้ดีถึงข้อนี้

ราซีนรับฟังเงียบๆก่อนเอนตัวลงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง  เขารู้ว่าป่าศักสิทธิ์นั้นไม่มีใครใช้เวทย์มนต์ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกนอกรีตนั้นก็ไม่น่าไว้ใจ ยาของพวกนอกรีตมักประกอบจากสิ่งประหลาดหายากและมีมีผลข้างเคียงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเสี่ยงไม่น้อยแต่เขาคงไม่มีทางเลือกมากนัก

.

.

.

ในยามเช้าที่ท้องฟ้ายังคงเป็นสีอึมครึม ความสดชื่นของอากาศรอบตัวไม่ได้ช่วยให้ธันรู้สึกดีสักเท่าไหร่ เมื่อตอนนี้ราซีนนั้นหมดสติอยู่บนหลังของทรีสเซ็นทอร์หนุ่มเดินนำหน้าธันและเอรันเพื่อนำไปสู่กระท่อมของพวกนอกรีต  ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไปเพียชั่วอึดใจ

ตลอดเวลาที่ก้าวเดินตามทรีสไปนั้นธันทั้งกลัวทั้งกังวล ลำพังตัวเขาเองต่อให้เป็นหรือตายถ้าเป็นหน้าที่แล้วเขาไม่เคยกลัวแม้แต่น้อย  แต่สำหรับราซีนชายหนุ่มที่ยอมสละเลือดแห่งราชาเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้  ธันจะปลอยให้ชายคนนี้ตายไปต่อหน้าได้อย่างไรกัน

“ถึงแล้ว” ทรีสบอก ธันรีบขยับเข้าไปรับร่างไร้สติของราซีนมาพยุงเอาไว้

“ท่านพี่ ข้าพาคนป่วยมาให้ช่วยรักษา”  เอรันตะโกนเรียกใครบางคนที่อยู่ในกระท่อม  ก่อนที่ร่างที่อยู่ในชุดสีขาวจะค่อยๆเดินออกมา

ธันแทบจะกลั้นใจมื่อเห็นคนตรงหน้าเต็มตา ผมสีทองงามจับตายาวสยายถึงกลางหลังนั้นถูกเกล้าไว้ง่ายๆ  ใบหน้าที่งดงามราวกับรูปปั้นหากดวงตาสีฟ้ากลับดูสงบเยือกเย็นราวท้องทะเล  ใบหน้านี้ต่อให้ไปเจอในนรกธันก็จำได้ขึ้นใจ

“รันตรา”  เสียงเรียกชื่อนั้นแผ่วเบาจนแทบจะเป็นกระซิบ หากเจ้าของชื่อกลับหันมามองเขาและเหลือบมองไปยังร่างของราซีนที่หมดสติอยู่ และเดินเข้ามาใกล้ทันที

ฟรึ๊บ! ธันตวัดดาบออกมาทันที่  แม้จะไม่ถนัดนักเพราะต้องพยุงราซีนที่ไร้สติอยู่ด้วย แต่ธันกลับจ่อดาบไปที่คอของรันตราทันทีตามสัญชาติญาณ

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละไอ้ปีศาจ”  ธันตะโกนออกไปอย่างโมโห ดวงตาคมตวัดมองเอรันอย่างไม่เข้าใจนัก  นางก็รู้ว่าเจ้าปีศาจรันตรานี่ก่อเรื่องไว้ที่นันทานครมากมายขนาดไหนทำไมถึงพาเขากับราซีนมาหาเจ้านี่อีก

“ธันท่านใจเย็นๆก่อน พี่รันตราไม่ทำอันตรายท่านหรอก”

“ไอ้ปีศาจนี่น่ะนะ จะช่วย เอรันท่านอย่ามาโกหกข้าเลยเสียแรงที่ข้าไว้ใจเจ้า”

“ชายผู้มีสายเลือดกษัติย์แห่งนันทาทำไมถึงใกล้สิ้นใจขนาดนั้นกันเล่า”  รันตราที่ยืนนิ่งให้ธันเอาดาบจ่อคอตนอย่างใจเย็นเอ่ยขึ้น

“หุบปาก” ธันตวาดอย่างหัวเสีย ร่างของราซีนตอนนี้ร้อนระอุราวกับไฟ

“ข้ามียารักษาเขาได้  แต่ท่านต้องเอาดาบออกจากคอข้าเสียก่อน”

“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร ปีศาจอย่างเจ้ามันไร้สัจจะ”

“ไม่ต้องเชื่อข้าหรอก เพราะเจ้าไม่มีทางเลือกมากนัก”  รันตราเอ่ยนิ่งๆ  แม้ตอนนี้รันตราจะอยู่ในป่าศักสิทธิ์  พลังเวทย์ของปีศาจจึงไม่ปรากฏให้เห็น แต่ดวงตาสีฟ้าที่นิ่งสนิทราวทะเลลึกนั้นก็ยังคงทรงอำนาจ

“เจ้ามีเวลาตัดสินใจไม่มากนักหรอกนะธันหัวหน้าทหารม้าแห่งนันทานคร”  รันตราพูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในกระท่อมของตนทันที ธันใช้เวลาอยู่เพียงครู่ก่อนจะพยุงร่างไร้สติของราซีนตามรันตราเข้าไปในกระท่อม

 

ธันวางร่างของราซีนลงในแคร่ไม้ในกระท่อม ทั้งที่สายตายังคงสอดส่ายไปมาอย่างระแวดระวัง เขายังคงยืนอยู่ใกล้ๆราซีนที่หมดสติในมือของธันยังคงกำดาบแน่น  ภายในกระท่อมเล็กๆนี้ดูสะอาดสะอ้าน ขวดโหลต่างๆที่เขาเดาว่าคนเป็นส่วนผสมของยาวางอยู่เป็นระเบียบ

“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าไม่รักษาเจ้านี่ให้ฟรีๆหรอกนะ”  รันตราเอ่ยทั้งที่มือยังคงหยิบจับของไปมา

“เจ้าจะเอาอะไร”  ธันเอ่ยถามออกไป

รันตราไม่ตอบเขาหยิบเอาน้ำสมุนไพรสีแดงอ่อนที่ต้มเอาไว้รินใส่แก้ว ก่อนหันมาส่งให้ธันป้อนให้ราซีน ตัวเขาเองหันไปหยิบส่วนผสมต่างๆ ออกมาบดด้วยครกเล็กๆอยู่เป็นครู่

“เจ้ามีอะไรจะให้ข้าล่ะธัน”  รันตราก็เอ่ยถามออกมา

“เจ้าจะเอาอะไรจากข้า รอให้ท่านราซีนฟื้นท่านค่อยบอกเอาแล้วกัน”  ธันบอกปัดอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ธัน ข้าอยากได้จากเจ้า”  รันตราเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น

“ทำไมเจ้าต้องอยากได้จากข้า ในเมื่อคนที่เจ้ารักษาคือท่านราซีนไม่ใช่ข้า”  ธันเริ่มโมโห ในท่าทีของรันตรา

“ถ้าเจ้าไม่รับปากว่าจะแลก ข้าก็ไม่รักษาให้หรอกนะ”  รันตราเอ่ยใบหน้างดงามประดับด้วยิ้มอ่อนที่ธันมองแล้วอยากจะตะบันให้เลือดกลบปากเสียเดี๋ยวนั้น

ธันเงียบไปเขารู้อยู่ว่าว่าพวกนอกรีตไม่มีทางรักษาให้ฟรีๆหรอก ยิ่งเป็นเจ้าปีศาจรันตรานี่แล้วด้วย  เขาเหลือบมองใบหน้าซีดเซียวไร้สติของราซีนแล้วยิ่งร้อนใจ  ธันกัดฟันแน่นก่อนจะเอ่ยถามออกไป

“เจ้าจะเอาอะไร”

รันตราเลิกคิ้วอย่างยียวน ก่อนจะเดินมาใกล้ๆธัน ใบหน้าหน้างดงามแย้มยิ้มราวสมใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ

“ เจ้า ข้าอยากได้เจ้า”

“อะ....อะไรนะ” ธันถาม

“ข้อแลกเปลี่ยนในการรักษาครั้งนี้ก็คือ  หากเจ้ากลับจากเมืองอมนุษย์ แล้วจะต้องมารับใช้ข้าทันที”

“เดี๋ยว เจ้าหมายความว่ายังไงกัน”  ธันถามออกไปเสียงดัง

“เจ้าฟังไม่ผิด เจ้าต้องมารับใช้ข้าจนกว่าม่านหมอกแห่งเวทย์จะสลายไป”   รันตราเอ่ย  “นี่คือข้อแลกเปลี่ยน หากเจ้าปฏิเสธ เจ้าก็เตรียมแบกศพของราซีนกลับไปได้เลย”

ธันนิ่งไปเป็นครู่ ความคิดในหัวตีกันไปหมด เขาจะต้องมาอยู่รับใช้เจ้าปีศาจรันตรา ปีศาจที่เกือบฆ่าท่านวิรัล ปีศาจที่เคยหมายชีวิตท่านเธรา  เขาจะต้องมารับใช้เจ้านี่น่ะเหรอ

“ว่ายังไงธันข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าไม่มีเวลามากนัก ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่แบกราซีนมาหาข้าถึงที่นี่”

ธันมองร่างที่หมดสติของราซีนอีกครั้ง  เขายังจำฝ่ามือแข็งแกร่งที่ดึงรั้งเขาไว้จากพวกวารีอย่างไม่ยอมแพ้ ราซีนไม่แม้แต่จะละมือออกจากเขา  ทั้งที่ปล่อยเขาให้ต่อสู้กับพวกวารีเพียงลำพังเสียก็ได้ แต่ราซีนยืนยันที่จะช่วยเขาจนวินาทีสุดท้าย  ใบหน้างดงามของราซีนมีส่วนคล้ายองค์วิรัลตอนนี้ดูซีดเซียว  บางทีเขาอาจต้องยอมแลกสินะ

“ได้ ข้ายอมแลก”  ธันเอ่ยออกไป

รันตราหัวเราะน้อยๆก่อนจะหันไปป้อนยาให้ราซีน  มือเรียวแตะน้ำมันหอมที่เตรียมไว้ แล้วนำมาวนที่ตามตัวของราซีนเบาๆ   

“นี่ไง”  รันตามเอ่ยออกมา ก่อนจะหันไปหยิบมีดมากรีดที่ต้นแขนข้างขวาของราซีน แล้วค่อยๆบีบเอาปลายเขี้ยววารีออกมา

“ข้ากรีดเอาคมวารีออกและให้ยาเรียบร้อย  เมื่อราซีนฟื้นเจ้าก็ออกเดินทางกันได้เลย”

ธันไม่ตอบอะไรเขาเพียงแต่เดินเข้าไปดูอาการของราซีนอย่างเป็นห่วง





ตอนนี้ยักษ์น้อยอาจยังไม่ออกมาน้า

**********สหัสกับพารัมจะกลับมาในตอนหน้าค่าาา

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 :katai2-1:  :katai2-1: รออยู่เลยค่า  ขอบคุณค่ะ :pig4:

หวังว่าจะไม่มีอะไรที่มาทำให้เหตุไม่คาดฝันเพิ่มอีกน้าาา รอตอนต่อไปจ้า


ออฟไลน์ primprie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-1
    • PrimPrie
ตอนที่๑๖

“เราจำเป็นต้องผ่านเขาแห่งนิทรา” สหัสบอกเสียงนิ่ง แม้ในใจจะกังวลไม่น้อย ภูเขาแห่งนินทรานั้น ตามคำบอกเล่าบนเขาลูกนี้นั้นจะเต็มไปด้วยต้นนิทราที่มีหนามแหลมคม หากใครโดนเกี่ยวจนโลหิตหลั่ง จะเข้าสู่ห้วงนิทราจนกว่าผู้หลับไหลจะตื่นนั้นคือคำสาปที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นนานแค่ไหนแล้ว  พวกอมนุษย์ที่จะข้ามไปเมืองอันราจึงมักเลี่ยงที่จะข้ามเขาลูกนี้ และใช้อีกเส้นทาง แต่พวกเขาไม่สามารถใช้เส้นทางนั้นได้เพราะอย่างไรเสียพารัมก็เป็นยักษ์หากใช้เส้นทางปกติแล้วเจอพวกอมนุษย์ตนอื่นเรื่องจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นไปอีก  สหัสหลือบมองคาเซกับพารัมอย่างกังวล ตัวเขาเองในร่างสิงห์รานั้นปกคลุมไปด้วยขนหนา อย่างน้อยมันก็พอจะกันหนามได้ แต่สองคนนั้นไม่มี

“กังวลเรื่องต้นนิทรางั้นเหรอ”  คาเซเอ่ยถามเขาเองก็พอรู้มาบ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นกับตาสักที

“เราไม่มีทางเลือกมากนัก  ระวังตัวกันด้วยล่ะ”  สหัสตัดสินใจออกเดินก่อนนจะหยุดหันมาทางพารัม “อย่าให้หนามโดนตัวจนเลือดออกนะพารัม”

พารัมได้แต่พยักหน้ารับแม้จะไม่เข้าใจอะไรมากนัก  แต่ท่าทางกังวลของสหัสกับคาเซนั้นเป็นคำตอบได้ดี

“ถ้าโดนหนามต้นนิทราทิ่มแทงจนเลือดออก เจ้าจะหลับไปตลอดกาล”  คาเซเลือกที่จะบอกพารัมอย่างรวบรัดยักษ์น้อยพยักหน้าเข้าใจแม้ในใจจะกังวล

พารัมมองรอบตัวตอนนี้แสงอาทิตย์ยังคงสว่างจ้า บริเวณรอบๆก็เป็นป่าโปรงที่เดินไม่ยากนัก  ระหว่าทางที่เดินมาพารัมคุยกับคาเซมาเรื่อยๆ จึงพอจะรู้มาบ้างว่าบริเวณที่อันตรายที่สุดนั้นคือยอดเขา  พารัมมองไปรอบๆเขาลูกนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก  หากไม่มีเจ้าหนามนิททรานั่นคงใช้เวลาข้ามไม่ถึงวัน

“เร่งฝีเท้ากันหน่อยเถอะ ถ้าพ้นยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน  ไม่เกินพรุ่งนี้เราจะถึงเมืองอมนุษย์สักที”  สหัสหันมาบอกเรียบๆ  พารัมพยักหน้ารับพลางมองภาพแผ่นหลังของสิงห์ราที่เดินนำหน้าอยู่ด้วยความรู้สึกที่ยังคงรัก  ตลอดเวลาที่ผ่านมาพารัมเฝ้าถามตัวเองเสมอว่าเพราะเหตุใดกันเขาถึงรัก สิงห์ราตนนี้จนหมดหัวใจทั้งที่ความจริงแล้วเขากับสหัสแทบไม่มีความสนิทชิดเชื้อกันมาก่อนแม้แต่น้อย  พารัมยังจำสหัสในร่างขององค์วิรัลได้ดี สหัสที่ปลอมเป็นองค์วิรัลในครั้งนั้นคำรามใส่เขาด้วยความโมโห  แต่สิ่งที่ทำให้ใจดวงน้อนสั่นไหวกลับเป็บแววตาสีเทาที่วาบวับคู่นั้น ดวงตาที่เพียงแค่มองพารัมก็ยกดวงใจให้ทั้งดวง  เขาไม่เข้าใจตัวเองนักว่าอะไรทำให้เขานั้นปักใจนักหนากับสิงห์ราไร้หัวใจตนนี้  จนวันที่เขากลายเป็นยักษ์  ทุกครั้งที่เขากลายร่างภาพมากมายปรากฏในหัวเขาราวความทรงจำที่หลับใหลกำลังพยายามจะปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาก  ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นคาวเลือด เสียงกรีดร้อง การไล่ล่า และ ดวงตาสีเทาคู่นั้น  ใช่!ในความทรงจำของพารัมมีสหัส ความทรงจำที่พารัมจำไม่ได้มีสิงห์ราผู้เป็นเจ้าของดวงใจของเขาอยู่ในนั้น  พารัมพยายามนึกในเวลาที่เขาสติครบถ้วนนึกยังไงก็นึกไม่ออก

แต่ทุกอย่างเริ่มกระจ่างชัดมากขึ้นในวันที่เขาปะทะกับสหัส กรงเล็บสิงห์ราที่ฝังเข้าไปในร่างกายนั้นเจ็บปวดจนเขาสิ้นสติไป ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ความทรงจำของเขาแจ่มชัด ไม่ใช่ภาพเลือนลางเหมือนทุกครั้ง   เขาเห็นสิ่งที่เขาเรียกว่าบ้าน  และเขาที่กำลังหนีประเพณีล่ายักษ์ ภาพของเขาที่โดนล่ามไว้ราวกับสัตว์  และภาพอมนุษ์เจ้าของเส้นผมสีเทางดงามพร้อมกลิ่นหอมที่คุ้นเคย อมนุษ์ชั้นสูงที่เข้ามาช่วยยักษ์อย่างเขา  “ไปซะ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาพร้อมมือหนาที่ปลดโซ่เส้นเขื่องออกจากคอของพารัมมือหนาที่ลูบหัวเขาราวปลอบโยน เขาในตอนนั้นเงยหน้ามองผู้มีพระคุณด้วยร่างกายที่แทบจะไร้เรียวแรง และสิ่งที่พารัมไม่มีวันลืมก็คือดวงตาสีเทาคู่นั้น

ในความทรงจำ สหัสเคยช่วยชีวิตเขาไว้ แม้จะไม่ชัดเจนนักแต่พารัมก็จำความอ่อนโยนและอบอุ่นของสหัสได้ดี   แม้ว่าเขาจะจำสหัสในตอนแรกไม่ได้ และสหัสเองก็อาจจำเขาไม่ได้เพราะเขาอยู่ในร่างของเด็กสาว แต่ตอนนี้เขากลับมาเป็นยักษ์แล้วสหัสจะจำเขาได้ไหมนะ พารัมนึกอย่างคาดหวังถ้าเป็นเขาในตอนนี้สหัสจะยังคงอ่อนโยนเหมือนในอดีตรึเปล่า

“เดินดีๆ มัวแต่คิดอะไรน่ะพารัม”  เป็นคาเซที่เอ่ยเตือน เมื่อเห็นยักษ์น้อยนั้นเอาแต่ก้าวขาตามสหัสโดยไม่ระวังรอบตัว  ทั้งที่ตอนนี้รอบข้างเริ่มเป็นป่ารกชัฏมากขึ้น

“โทษทีๆ ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย”  พารัมหันมาบอก

คาเซเลิกคิ้ว ยักษ์น้อยตรงหน้าดูสงบมากขึ้นเมื่อเทียบกับพารัมเด็กหญิงปากกล้าที่เขาเคยรู้จัก  หรือตอนนี้พารัมเริ่มจำอะไรได้มากขึ้น  อุปนิสัยเก่าๆจึงเริ่มกลับมาอย่างนั้นรึ

“เฮ้ย”  คาเซอุทานลั่นเมื่อตัวเองนั้นเดินชนกิ่งไม้เข้าอย่างจัง จนพาลล้มหงายหลังลงไปกระแทกก้อนหินอย่างแรง

“ท่านคาเซ!”  พารัมผวาเข้าไปหาคาเซ แขนเรียวประคองร่างของคาเซที่ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างเป็นห่วง

“เลือดออก”  พารัมอุทาน มองกิ่งไม้ที่คาเซชนอย่างตกใจ

“ไม่เป็นไรน่าจะไม่ใช่ต้นนิทรา” เป็นสหัสที่เอ่ยบอก  เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาเป็นสิงห์รามีนายและการมาส่งพารัมที่เมืองอมนุษย์นั้นเป็นคำสั่งของนาย  สหัสจะปฎิเสธไม่ได้แม้ว่าเขาจะไม่อยากทำแค่ไหน หากเมื่อต้องทำเขาก็ต้องทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่ท่านเธรานายของเขามอบหมายมา  แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย ยิ่งเขาพยามหาทางไปเมืองอมนุษย์ให้เร็วมากเท่าไหร่ทุกอย่างยิ่งเหมือนจะช้าลงทุกที

“สหัส ไม่ต้องทำหน้าเหม็นเบื่อข้าขนาดนั้นก็ได้”  คาเซพูดติดตลก เมื่อเห็นอาการหงุดหงิดของสหัสที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ท่านเดินไหวไหม”  พารัมถามอย่างเป็นห่วง ก่อนพยายามพยุงให้คาเซลุกขึ้น แต่ดูเหมือนการล้มกระแทกหินนั้นส่งผลให้คาเซเจ็บมากกว่าที่เห็น

“ไม่เป็นไร เจ้าสองคนไปกันเถอะ”  คาเซตัดใจ ก่อนส่งโซ่สายฟ้าให้สหัส อย่างไรเสียตอนนี้อยู่ในป่าศักสิทธิ์พารัมคงแผลงฤทธิ์ไม่ได้ เมื่อเข้าเขตอมนุษย์แล้ว หากจะเกิดอะไรขึ้นตอนนั้นราซีนที่ตอนนั้นคงตามไปสมทบแล้ว อย่างไรเสียคงมีคนใช้โซ่สายฟ้าได้  สหัสพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะรับเอาโซสายฟ้ามาเก็บไว้แต่ดูเหมือนพารัมจะไม่คิดแบบนั้น

“ไม่ จะทิ้งท่านไว้ตรงนี้ไม่ได้”  พารัมเอ่ยออกมาใบหน้าน่ารักฉายแววดื้อดึงทันที นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในป่าศักสิทธิ์ป่านนี้ลมคงหมุนราวพายุเป็นแน่แท้

“แล้วจะให้ทำอย่างไร คาเซคงเดินเองไม่ไหว” สหัสบอกอย่างเหนื่อยใจ

“ขี่หลังข้าก็ได้” พารัมบอก

“พารัม เจ้าไปกับสหัสถอะ” เป็นคาเซที่เอ่ยย้ำอีกครั้ง

“เราต้องรีบลงจากเขาก่อนพระอาทิตย์ตก ไม่อย่างนั้นจะอันตราย” สหัสบอก “คาเซเจ็บขนาดนี้หากฝืนเอาไปด้วย จะทำให้การเดินทางล่าช้าไปอีก”

“ไม่ ยิ่งท่านคาเซเจ็บแบบนี้ยิ่งทิ้งไม่ได้ พี่สหัสพูดมาได้ยังไงว่าจะทิ้งคนเจ็บเอาไว้กลางป่าแบบนี้  ตอนมาก็มาด้วยกัน   พอเจ็บหมดประโยชน์จะทิ้งเอาไว้ง่ายๆแบบนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยรึไง  ยังไงก็ต้องไปด้วยกันข้าไม่มีวันทิ้ง ใครไว้ข้างหลัง”   ประโยคยืดยาวของยักษ์น้อยเรียกความเงียบจากคนฟังทั้งสองได้เป็นอย่างดี  คาเซขมวดคิ้วมุ่น หากริมฝีปากกลับกระตุกยิ้ม ท่าทางดื้อรั้นนั้นไม่ได้เกิดจากความเอาแต่ใจเหมือนเคย หากพารัมตอนนี้กำลังยืนยันถึงสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง นั่นคือการปกป้องดูแลพวกพ้องของตน  และนั่นคือหนึ่งในสิ่งที่ผู้นำทุกคนพึงมี

หากคำพูดของพารัมนั้นทำเอาสิงห์ราหนุ่มขมวดคิ้วท่าทางดื้อดึงนั้นนอกจากจะทำให้สหัสหงุดหงิดแล้ว  คำพูดและน้ำเสียงของยักษ์น้อยตรงหน้านั้นยังคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก  ทั้งที่เขาเคยเห็นพารัมมาแล้วแทบทุกแบบ ทั้งร่างหญิงร่างยักษ์ ทั้งออดอ้อนทั้งโมโห แต่ไม่มีครั้งไหนจะคุ้นตาสหัสเท่าครั้งนี้

 “ก็ได้ คาเซขึ้นหลังข้าไปแล้วกัน”  สหัสบอก ก่อนจะยกร่างคาเซมาแบกเอาไว้ สำหรับสิงห์ราการแบกมนุษย์สักคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก  แต่การที่เขาแบกคาเซเอาไว้นั้นทำให้เขาดูแลพารัมได้ไม่ถนัดนัก  เพราะยิ่งใกล้ยอดเขาเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายและลำบากเท่านั้น

“ใกล้ถึงยอดเขาแล้ว พารัมเจ้าระวังด้วย”  สหัสหันมาบอกพารัมที่กำลังเดินตามมาอย่างทุลักทุเล เพราะทางที่เริ่มลาดชันมากขึ้นหนทางเต็มไปด้วยโขดหินที่ชื้นแฉะเต็มไปด้วยตะไคร้  ร่างสิงห์ราของสหัสนั้นทำให้เขาคล่องแคล้วในพื้นที่แบบนี้อยู่แล้ว แต่พารัมที่แม้จะมีเรี่ยวแรงมากมายแต่การเดินทางผ่านหนทางที่ลาดชันแถมต้องปีนป่ายแบบนี้ นั้นอาจไม่เหมาะกับยักษ์สักเท่าไหร่

สหัสยืนนิ่งมองภาพตรงหน้า ต้นนิทรานั้นขึ้นหนาแน่นในบริเวณนี้  พารัมที่เดินตามมาทีหลังมองตามสหัสไปข้างหน้าแล้วก็เริ่มกังวล  เขายังไม่อยากหลับอยู่ที่ยอดเขาแห่งนี้นะ

แกร๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เสียงลากยาวของบางอย่างปรากฏขึ้น  ทุกคนหันไปมองทันที คาเซที่ตอนนี้ถูกสหัสแบกขึ้นหลังเอาไว้ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า

“พวกพราย”  สหัสพูดขึ้น แต่กลับทำให้พารัมผวาเข้าไปหาร่างประหลาดนั้นทันที

“เทม เทมใช่ไหม” พารัมเอ่ยปาดถามก่อนก้าวเข้าไปใกล้ร่างที่มีลักษณะยาวราวกับงู แต่ร่างกายของมันกลับเคลือบไปด้วยเมือกสีอ่อน ทุกที่ที่เลื้อยผ่าน พวกพรายจะทิ้งเมือกเหล่านี้เอาไว้ตลอดทาง  หากสิ่งมีวิตใดโดนเมือกเหล่านี้ก็จะขยับตัวไปไหนไม่ได้จนกว่าจะโดนแสงแดด เพราะเมือกของพวกพรายนั้น เหนียวข้นและจะระเหยหายไปเมื่อเจอแสงแดดเท่านั้น

“ท่านพารัม”  เทมในร่างของพรายเอ่ยขึ้น แม้รูปร่างของเขาตอนนี้จะประหลาดสักเพียงใด  แต่ท่านพารัมก็ยังยินดีที่พบเขา

“เจ้าหายไปไหนมา”  พารัมเอ่ยเขาเป็นห่วงเทมแทบแย่

“ข้ามานำทางท่าน”  เทมเอ่ย 

“นำทางอะไรกัน”  สหัสเอ่ยขัด เขาวางคาเซลงก่อนเดินไปดึงขาพารัมให้ออกห่างจากเจ้าพรายไร้หัวนอนปลายเท้าตนนี้ทันที

“นำทางท่านพารัม ไปเมืองอมนุษย์ เพื่อที่จะไปชิงบัลลังค์พาณา และดูแลชาวอมนุษย์แทนพวกสิงห์ราอย่างเจ้ายังไงล่ะ”  เทมเอ่ยออกมา   

“เทม อย่างยั่วโมโหสหัสสิ”  พารัมเอ่ยห้ามทันที  เขาดึงแขนสหัสเอาไว้ทันทีเมื่องสิงห์ราหนุ่มเริ่มคำรามฮึมฮัมอย่างไม่พอใจ

“ขออภัยท่านพารัม” เทมเอ่ยออกมาก่อนจะหันมาพูดกับสหัสที่ดูพร้อมจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆตลอดเวลา

“ท่านก็น่าจะพอรู้ว่าพวกพรายอย่างข้านั้นแม้จะต่ำต้อยแต่ชำนาญเส้นทางทุกหนทุกแห่ง  ข้ามาเพื่อนำทางท่านเธราสู่เมืองอมนุษย์เท่านั้น  ที่นี่เป็นป่าศักสิทธิ์ไม่มีเวทย์มนหรืออำนาจใดจะแผลงฤทธิ์ได้ แล้วท่านจะกลัวอะไรกับอมนุษย์ชั้นต่ำอย่างข้ากันเล่า  ท่านจะฆ่าข้าเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว แบบนี้แล้วท่านจะไม่ลองเสี่ยงหน่อยรึ ระหว่างลุยไปในดงต้นนิทรา กับตามข้าไปอันไหนเสี่ยงน้อยกว่ากันเล่าท่านสหัส”

“ตามเทมไปเถอะ” เป็นพารัมที่เอ่ยออกมาทันที  เขารู้ว่าสหัสไม่ไว้ใจเทมนัก แต่สำหรับเขา อมนุษย์ที่แทบจะอยู่ต่ำสุดอย่างพวกพรายนั้น หากไม่จำเป็นพวกนี้คงไม่ปรากฏตัวหรือมายุ่งเรื่องของคนอื่นเป็นแน่ และเทมก็ดูเหมือนจะรู้อะไรเกี่ยวกับอดีตของเขาแน่ๆ พารัมคิดกันหันไปมองสหัส

“ตามใจเจ้าแล้วกันพารัม ข้าบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าเจ้าเทมมันพาเจ้าไปถึงที่ตายข้าจะปล่อยให้เจ้าตายโดยไม่ยุ่งสักนิด”  สหัสบอกอย่างโมโห

 

 

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1

ปากแข็งจริ้งงงงงงงง เจ้าสหัส การกระทำกับปากนี่ อื้ยยยยย

พึ่งเข้ามาเจอว่าอัพตอนใหม่ขอโทษที่มาเม้นช้านะคะ  :L2:  :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด