พิมพ์หน้านี้ - +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ แจ้งข่าวหน้า๘

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: primprie ที่ 09-03-2017 23:54:18

หัวข้อ: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ แจ้งข่าวหน้า๘
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 09-03-2017 23:54:18
อ้างถึง
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

นิยายเรื่องนี้จะมีการรีไรท์นะคะ

เริ่มรีไรท์ 20/10/64
[/b][/color]

+++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++

PrimPrie

++contact me++

Facebook

https://www.facebook.com/Myprimprie (https://www.facebook.com/Myprimprie)
Twitter-PrimPrie

ดวงใจที่ไม่เคยได้ครอบครองสิ่งใด  แสนเย่อหยิ่ง และถือดี
ดวงใจที่ถูกเก็บซ่อนไว้ยังร่างที่ไม่ใช่ของตน
ดวงใจที่รุนแรงราวพายุ แต่ไร้ตัวตน
ดวงใจรักขสะ



***นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองในชุด ดวงใจ นะคะใครยังไม่เคยอ่านเรื่องแรก ตามไปที่ ดวงใจบรรณาการได้เลยค่า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55138.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55138.0)

แม้จะเป็นเรื่องที่สองแต่สามารถอ่านแยกกันได้เลยค่ะ แต่เพื่อความสนุกเต็มร้อยพิมแนะนำให้อ่านให้ครบน้า
ฝากเรื่อง ดวงใจรักขสะ ด้วยค่า
ขอบคุณค่ะ

รักขสะเป็นยักษ์ชนิดหนึ่งแต่ดวงใจรักขสะไม่ได้อิงกับตำนานใดๆทั้งสิ้นนะคะ
#นิยายเรื่องนี้เป็นแฟนตาซีอะไรก็เกิดขึ้นด้ายยยย


Twitter ติด #ยักษ์อ่อย  ไว้คุยกันค่าา
[/color][/size]

หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (Intro)๐๙.๐๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 09-03-2017 23:56:29
ช่างร้ายเหลือใจหนอใจยักษ์
ใครเขาก็ทักว่ายักษ์ร้าย
จะมีใครได้รู้ถึงข้างใน
ว่าหัวใจของยักษ์ก็รักเป็น
แผ่นหลังกว้างข้างหน้าที่คว้าไขว่
ยากสุดใจให้เธอหันกลับมาเห็น
อยากให้รู้ว่ายักษ์ก็รักเป็น
หวังเพียงเธอได้เห็นถึงดวงใจ

Intro...
   พาณา เมืองหลวงของเหล่าอมนุษย์ เมืองที่แสนยิ่งใหญ่ เผ่าพันธ์ใดที่ครองบัลลังก์แห่งพาณานั้นจะได้รับการยกย่องให้อยู่เหนือเหล่าอมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่น ๆ หากไม่ใช่ทุกเผ่าพันธุ์จะสามารถขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดนั้นได้ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่มีสิทธิ์ ทุกร้อยปีจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นครองบัลลังก์ของพาณา ทุกร้อยปีอมุษย์ทุกตนจะมารวมกันตัวแทนของเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะได้บัลลังก์ไป และสามเผ่าพันธุ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มักสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นครองบัลลังก์ก็คือ สิงห์รา มังกร และ ยักษ์ 
   แต่มีไม่มากนักที่ยักษ์จะออกมาแย่งชิงบัลลังก์ เผ่าพันธุ์ที่แสนยิ่งใหญ่จิตวิญญาณที่ก่อเกิดจากธาตุทั้งสี่ สิ่งมีชีวิตที่กลืนกินทุกสรรพชีวิต  ใหญ่โตหากโดดเดี่ยวเสมออาจจะเป็นเพราะกำลังที่มากมายเกินจะต่อกร หรือแม้กระทั้งความสามารถที่กลืนกินทุกสิ่งได้นั้นช่างน่าขนลุก  แม้กระทั่งอมนุษย์ด้วยกันเองก็ยังยำเกรง  หากเผ่าพันธุ์ใดได้ขึ้นครองบัลลังก์สิ่งแรกที่จะทำก็คือการ ล่ายักษ์ จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าร้อยกว่าปีแล้วที่เผ่าพันธุ์ที่แสนยิ่งใหญ่นั้นแทบจะหาบสาบสูญไปจากเมืองอมนุษย์
   มังกรเผ่าที่แข็งแกร่งด้วยรูปลักษณ์และสัญชาตญาณ  เผ่าพันธุ์ผู้เป็นเจ้าของไฟนรกที่แผดเผาทุกสิ่ง หนักแน่นมั่นคงและยึดถือคำสัตย์ราวชีวิต หากรักความถูกต้องและมีจิตใจที่น่านับถือ
   สิงห์ราที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรูปโฉมที่สะกดตา ความว่องไว และมีสัญชาตญาณการต่อสู่ที่เต็มเปี่ยม สิงห์ราเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในเผ่าพันธุ์ของตน แม้จะใจร้อนแต่สิงห์รานั้นรักพวกพ้องและแสนสื่อสัตย์
   ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดได้ครอบครองตลอดไปเป็นกฎของอมนุษย์   พาณาที่อยู่ในการปกครองของสิงห์ราตอนนี้ใกล้ครบกำหนดร้อยปีเต็มที เมืองอมนุษย์เต็มไปด้วยการตื่นตัวทุกเผ่าพันธุ์เริ่มเคลื่อนไหว... อย่างเงียบๆ
   -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   ---------------------------------------------------------------------
   ร่างบอบบางในชุดงดงามนั้นนั่งนิ่ง ใบหน้าน่ารักมีแววตระหนกตกใจ มือเรียวกอดร่างเล็กๆของตนเองไว้แน่นริมฝีปากบางสั่นระริกพอๆกับสายตาที่สั่นไหวอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
   “อะไร...กัน”  เสียงหวานเอ่ยออกมาราวพูดกับตัวเองเมื่อภาพตรงหน้านั้นดูเละเทะราวมีพายุลูกใหญ่พัดผ่าน ทั้งที่ก่อนจะงีบหลับไปทุกอย่างยังคงปกติแท้ๆ ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มระเนระนาดบางต้นฉีกขาดราวถูกดึงทึ้ง  แม้จะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนักหากร่างบอบบางก็ลุกขึ้นก่อนสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วน ไม่เป็นอะไร!! ทุกอย่างปรกติไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนทั้งที่รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยซากต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกถอนรั้งขึ้นมาบนดินราวโดนพายุถล่มแล้วคนที่นอนกลางพายุทำไมถึงไร้รอยใดๆเล่า  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...

 :katai4: :katai4: :katai4:
มาแปะ intro ไว้ก่อน แล้วจะรีบเอาตอนแรกมาลงน้าาา
ฝาก #ดวงใจรักขสะ  ด้วยค่าาาา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (Intro)๐๙.๐๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 09-03-2017 23:57:58
เย้มาแล้วววว รอติดตามม
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (Intro)๐๙.๐๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-03-2017 00:09:01
ปูเสื่อรอค่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (Intro)๐๙.๐๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mochimanja2 ที่ 10-03-2017 00:21:54
รอเลยจ้า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (Intro)๐๙.๐๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 10-03-2017 00:28:02
 o13
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (Intro)๐๙.๐๒.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 10-03-2017 06:06:04
รีไรท์20/10/64

ตอนที่๑

                 เสียงร้องไห้ของหญิงสาวดังสะท้อนไปมาในความรู้สึก มันแสนเศร้าจนคนฟังแทบจะร้องไห้ตามเสียงสะอึกสะอื้นราวขาดใจนั้น เธอจำได้ดี พารัมสะดุ้งสุดตัวก่อนลุกขึ้นมานั่ง เหงื่อชื้นๆออกมาจนเต็มฝ่ามือ

                “ฝันแบบนี้อีกแล้ว” พารัมพูดเบาๆ ก่อนมองไปที่บนเตียงท่านเจเนสท่านป้าของราชาแห่งนันทานครที่เธอมาอาศัยอยู่นานนับปียังคงหลับสนิท  พารัมค่อยๆยันตัวลุกขึ้นให้เบาที่สุดก่อนพาตัวเองออกมายังทางเดินที่ทอดยาว ตำหนักของท่านเจเนสนั้นใหญ่โต มีนางกำนัลมากมายเพราะเป็นที่ฝึกงานและกิริยามารยาทของเหล่านางกำนัลด้วย พารัมเองหลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือมาจากการถูกปองร้ายจากปีศาจ เธอก็อาศัยอยู่ที่นันทานครนี้มาเกือบสี่ปีแล้ว พ่อของเธอได้เอ่ยปากฝากฝังเธอกับพระสนมเธราแห่งนันทานคร ให้เธอได้อยู่ฝึกกิริยามารยาทในวังดีกว่าไปเป็นชาวป่าชาวเขาเหมือนพ่อกับแม่ แม้พารัมจะไม่ค่อยเห็นด้วยนักแต่การที่เธออยู่ที่วังหลวงแห่งนันทานี้ก็ช่วยให้เธอได้เรียนหนังสืออ่านออกเขียนได้ พระสนมเธราก็สอนวิชายาสมุนไพรให้ พารัมหมายมั่นปั้นมืออย่างแน่วแน่ ว่าหากเธออายุครบสิบแปดปี เธอจะกลับไปบันกุหมู่บ้านของเธอ และนำเอาวิชาความรู้ทั้งหมดที่มีไปช่วยเหลือชาวบ้านให้มีชีวิตที่ดีขึ้น

                พารัมก้าวเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับความคิดต่างๆนาๆ จนภาพของตำหนักท้ายบึงปรากฏตรงหน้า ใบหน้าน่ารักจึงแย้มยิ้มออกมา ตำหนักท้ายบึงตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว พระสนมเธราที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ก็ย้ายไปอยู่กับองค์ราชาที่ตำหนักหยาดหมอก พารัมได้ยินมาว่าอีกไม่นานก็จะมีพิธีแต่งตั้งองค์ราชินีแห่งนันทานครเสียทีหลังจากพระสนมได้ให้กำเนิดบุตรจนตอนนี้องค์รัชทายาทมีอายุสามขวบปีแล้ว

                ร่างบอบบางในชุดนอนรัดกุมนั่งลงที่บันไดของตำหนักท้ายบึงพลางเอนหลังพิงเสาอย่างง่ายๆ  พารัมมองขึ้นไปบนฟ้าก็พบว่าคืนนี้มีแสงจันทร์เสี้ยวส่องลงมาเพียงน้อยนิด อีกไม่กี่ราตรีก็จะถึงคืนจันทร์ดับ อีกไม่เท่าไหร่เธอก็จะอายุครบสิบแปดปี เธอจะ เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว พารัมจะมีสิทธิตัดสินชีวิตตัวเอง เธอจะกลับบ้านไปหาพ่อหาแม่ ไปยังที่ที่เป็นของเธอ เปลือกตาบางปิดลงอย่างเหนื่อยล้า พารัมไม่เข้าใจว่าความรู้สึกคุกกรุ่นที่อยู่ข้างในมันคืออะไร เธอที่ตอนนี้เหมือนไม่ใช่เธอ ตลอดเวลากว่าสี่ปีที่อยู่ที่นันทานครพารัมเติบโตและเรียนรู้อะไรมากมาย พี่เธราของเธอกำลังจะขึ้นเป็นราชินีคู่บัลลังก์ขององค์วิรัล พี่ชายที่แสนดีกำลังห่างเธอออกไป  ไม่มีพี่เธราของเธออีกแล้ว

                “มาทำอะไรตรงนี้” เสียงดุๆนั้นคุ้นหู พารัมนึกยิ้มอยู่ในใจก่อนลืมตามองคนตรงหน้าเต็มๆตา ใบหน้างดงามนั้นพารัมจำได้ดี ดวงตาสีเทาที่มีแววถือดีนั้นสวยงามจับตา ผมสีเทาที่เมื่อแรกพบยาวสยายหากตอนนี้กลับถูกตัดสั้นดูสมชาย ใบหน้าที่เคยงดงามเมื่อครั้งก่อน เมื่อเวลาผ่านไป คนตรงหน้ากลับดูสง่างามจับตา

                “พี่สหัส”  พารัมเอ่ยเรียกเจ้าของดวงตาสีเทาสวย ก่อนส่งยิ้มไปให้พารัมพยายามเอียงคอให้ดูน่าเอ็นดู แบบที่เคยทำแล้วได้ผลกับทุกคน หากไม่ใช่คนตรงหน้า

                “จะออกมาทำไมตอนนี้ ว่างนักรึไงพารัม” สหัสยังคงดุ เขาออกมาเดินเล่นยามดึกสงัด เพราะบางสิ่งบางอย่างที่กำลังก่อเกิดในฝั่งเมืองอมนุษย์นั้นก่อกวนสัญชาตญาณเขาไม่น้อย เขาเดินมาเรื่อยๆในใจหวังว่าจะมานอนที่ตำหนักท้ายบึงเสียหน่อย หากทันทีที่เขามาถึง ก็พบกับ พารัมมานั่งอยู่ก่อนแล้ว

                “ดึกๆคนโสดใครๆเขาก็ ว่างทั้งนั้นแหละ” พารัมจีบปากจีบคอตอบ ใบหน้าน่ารักเชิดขึ้นอย่างถือดีไม่สนใจหน้าตาโมโหของสหัสสักนิด

                “เป็นหญิงทำไมชอบพูดจาแบบนี้นักพารัม” สหัสดุเข้าให้อีกรอบ พารัมนั้นยียวนดื้อดึงและขึ้นชื่อเรื่องโมโหร้าย หากเวลาอารมณ์ดีก็ฉลาดน่ารักช่างฉอเลาะ จนท่านเจเนสนั้นสุดแสนจะเอ็นดูจนเรียกได้ว่าเป็นคนโปรดเลยก็ว่าได้ ไม่มีใครในวังที่พารัมเกรงกลัวจริงจัง จากเด็กสาวที่เขาคุ้นตาตอนนี้พารัมเติบโตจนเป็นหญิงสาวอย่างสมบูรณ์แล้ว ใบหน้าน่ารักนั้นสะอาดสะอ้านจับตา จนเป็นที่เลื่องลือถึงความน่ารักของเจ้าตัวไปทั่ว นี่เขาก็ได้ยินมาว่ามีขุนนางบางคนถึงขนาดทูลขอ พารัมกับองค์วิรัลให้ไปเป็นอนุ เลยทีเดียว แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะมีทั้งท่านเจเนส และพระสนมเธราคอยกางปีกปกป้องอยู่ จึงยังไม่มีกล้าทำอะไรมาก

                “เอ้า...ก็ข้าว่างจริงๆนี่นา หรือจะต้องเป็นชายเท่านั้นถึงจะบอกว่าตัวเอง ว่าง ได้” พูดจบพารัมก็หัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นสหัสโมโหจนหันหลังเดินกลับไป  เธอมองตามแผ่นหลังกว้างของสหัสไปจนลับสายตา หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักใบหน้าและรูปร่างที่สง่างามนั้นเห็นเพียงแค่เงาพารัมก็จำได้ พารัมยังจำได้ถึงครั้งแรกที่พบกันแววตาสีเทาที่ฉายออกมาเพียงครู่ก็สามารถสะกดเธอได้อยู่หมัด  และหลังจากนั้นพารัมเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สายตาของเธอมักจะไปหยุดอยู่ที่เจ้าของเส้นผมสีเงินแสนสวยนั่น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่สหัสเข้ามาเป็นเหตุผลหนึ่งในการอยู่ที่วังหลวงแห่งนี้ของเธอ

                พารัมนั่งลงที่เดิมอีกครั้ง พลางชันเข่าขึ้นมากอดไว้เธอซบหน้าลงไปก่อนแย้มยิ้มเบาๆเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนเดินกลับมา

                “กลับไปที่ของเจ้าซะพารัม” สหัสเอ่ยออกมาอย่างโมโหตัวเอง เขาตั้งใจจะกลับไปนอนยังห้องของตนทันทีที่พารัมพูดจา ยียวนกวนประสาท หากเขาก็อดห่วงไม่ได้แม้ที่นี่จะเป็นวังหลวงแต่ไม่ว่าอย่างไรเสียคนตรงหน้าก็เป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ

                “ห่วงข้าเหรอ” พารัมถามก่อนรีบลุกขึ้นเมื่อสหัสทำท่าจะเดินกลับไปอีกครั้ง “ไปส่งหน่อยสิ” เธอรีบบอกก่อนที่สหัสจะจากไปจริงๆ และทันทีที่ร่างสูงใหญ่นั้นหยุดรอ พารัมก็เร่งฝีเท้าตามทันที พารัมรู้สหัสนั้นไม่ใจดำพอจะทิ้งให้เธอกลับเองคนเดียวหรอก พี่สหัสน่ะใจดีจะตาย

                -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                “พารัม พารัม พารัม!!” เสียงเรียกขานที่ดังกว่าปกติทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก แก้วในมือหล่นตุ้บลงบนตัก

“ดีที่ไม่แตก ใจหายหมด” พารัมอุทานก่อนหยิบแก้วใบสวยขึ้นมาดู

                “เหม่ออะไรนักหนา” เจเนสเอ่ยติงคนตรงหน้า เธอสังเกตมาสักพักแล้ว พารัมที่เคยสดใสร่าเริง หมู่นี้เริ่มเหม่อลอยจนเธอเองเป็นห่วง

                “ไม่มีอะไรเพคะ ท่านป้า” พารัมบอกเสียงอ่อยก่อนฉีกยิ้มเอาใจ หน้าตาน่ารักนั้นน่าเอ็นดูจนเจเนสอดหัวเราะในท่าทีประจบประแจงของคนตรงหน้าไม่ได้

                “หมู่นี้เอาแต่เหม่อ มีอะไรบอกข้าได้นะพารัมมีใครมากวนใจอีกรึเปล่า” เจเนสเอ่ยอย่างหวังดี พารัมนั้นยิ่งโตความน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งเป็นที่กล่าวขวัญ ยิ่งฝีมือการบ้านการเรือนไม่พร่อง อ่านเขียนก็ฉลาดหลักแหลม เป็นที่ต้องตาต้องใจของเหล่าบรรดาข้าราชการในวังไม่น้อย นี่ถ้าพระสนมเธราไม่เอ่ยคำขาดว่าให้พารัมเลือกออกเรือนกับคนที่พารัมรักเท่านั้น คงวุ่นวายกว่านี้แน่ๆ

                “ไม่มีอะไรเพคะ” พารัมย้ำคำตอบเดิมก่อนคลานเข่าเข้าไปรินน้ำชาให้เจเนสอย่างเอาใจ  มือเรียวนวดขาให้อย่างรู้หน้าที่

                “วันนี้ที่ตลาดจะมีขบวนเกวียนจากบันกุมา หม่อมฉันขออนุญาตออกไปซื้อไปดูของได้ไหมกระหม่อม ฤดูนี้น้ำผึ้งป่าหวานนัก ข้าอยากได้เอามาทำขนมให้พระสนมเธรา” พารัมเอ่ยขออนุญาตก่อนเงยหน้าทำตาแป๋วใส่อย่างออดอ้อน

                “ไม่ต้องมาอ้อน จะออกไปก็ไปเถอะ เอาทหารไปด้วยล่ะอย่าไปคนเดียวคราวที่แล้วก็ไปก่อเรื่องจนข้าสะสางแทบไม่ไหว” เจเนสเอ่ยเตือน พารัมแม้จะเป็นเพียงหญิงสาวร่างบอบบางหากเวลาโมโหก็อารมณ์ร้อนอาละวาดไม่สนใครทั้งนั้น  ออกไปตลาดเมื่อครั้งก่อนก็ไปออกงิ้วตีหัวลูกชายของขุนนางเข้า กว่าจะเจรจากันได้ก็เรื่องมากไม่น้อย

                พารัมพยักหน้ารับ ก่อนแนบแก้มลงไปที่ตักของเจเนส “ท่านป้าใจดีกับหม่อมฉันจริงๆเพคะ”

                “ไม่ต้องมาอ้อนข้าเจ้าตัวแสบ ไป...ไปเตรียมตัวเรียกทหารตามไปถือของด้วย แวะถามห้องเครื่องด้วยนะว่าขาดเหลืออะไรรึเปล่าแล้วก็รีบกลับก่อนฟ้ามืดล่ะ” สิ้นคำสั่งพารัมก็ลุกขึ้นทำความเคารพเจเนส และพาตัวเองออกไปทันที

                ///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

                ตลาดนอกวังครึ้กครื้นไปด้วยผู้คน พารัมพาทหารมาด้วยสองคนพร้อมกับชวน เนล นางกำนัลที่อายุไล่เลี่ยกันมาด้วย เนลนั้นมีแม่เป็นนางกำนัลก่อนที่แม่จะแต่งงานกับพ่อที่เป็นทหารและออกไปใช้ชีวิตข้างนอกวัง เมื่อมีเนลพ่อกับแม่เลยส่งเธอมาฝึกเป็นนางกำนัลกับท่านเจเนส เนลนั้นใจเย็นและอารมณ์ดี พารัมชอบเนลเพราะเนลมักตามใจพารัมเสมอราวกับพี่สาวต่างสายเลือด

                “ข้าอยากไปดูสร้อยสักหน่อย” เนลบอกกับพารัมก่อนชี้ไปที่ขบวนเกวียนของพ่อค้าต่างเมืองที่มีสร้อยลูดปัดและเครื่องประดับแปลกตามาขายเต็มไปหมด

                “พวกเจ้าตามพารัมไปเถอะ ข้าไปครู่เดียว” เนลบอกกับทหารที่ตามมา ก่อนปลีกตัวออกไป

                พารัมมองร่างบอบบางของเนลที่เดินตรงไปยังเกวียนที่ขายเครื่องประดับ ก่อนหันกลังเดินไปยังเกวียนของหมู่บ้านบันกุ

                “อ้าวพารัม” ทันทีที่พารัมเดินเข้าไป ชายชราชาวบันกุที่นำของมาขายก็เอ่ยทักทาย อย่างสนิทสนม

“มาอยู่วังหลวงผิวพรรณงามอย่างทองเนื้อดีแบบนี้เองสินะ” เสียงของหญิงสาวชาวบ้านอีกคนทักขึ้น “นี่ไม่คิดจะกลับไปบันกุแล้วสิ ทิ้งพ่อทิ้งแม่มาสบายแบบนี้แล้ว”

“นี่ อารา” พารัมเรียกชื่อหญิงสาวชาวบ้านที่เอ่ยคำเคืองหู มือเรียวจับแก้มของคนตรงหน้าก่อนเอียงหน้าดูไปมา “ผิวข้างาม เพราะข้างามหน้าข้าสวยเพราะข้าสวย อย่างเจ้าต่อให้ไปชุบตัวที่เมืองแห่งเวท เจ้าก็คงไม่ดีกว่านี้เท่าไหร่หรอก เจ้าไม่รู้เหรอ จิตใจต่ำพาคำพูดต่ำคำพูดต่ำพาหน้าตาไม่น่าดูน่ะ หืม”

“นี่เจ้า!!” อาราขึ้นเสียง

“พอเถอะๆๆ อาราเข้าไปข้างหลังๆไป” ชายชราเอ่ยขัดก่อนออกปากไล่ลูกสาวของตนเข้าไปด้านหลัง พารัมแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่ออาราหันมามองอย่างขุ่นเคือง

“ข้าอยากได้น้ำผึ้งป่าน่ะ” พารัมบอกก่อนหยิบผลไม่อีกสองสามอย่างมาดู พารัมถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับชายชราอยู่อีกเป็นครู่ ก่อนนำเอาสมุนไพรที่เตรียมมามอบให้

“หน้าฝนเด็กๆจะมีไข้กันเยอะ เอายานี่ไปเตรียมไว้นะบอกพ่อกับแม่ด้วยข้าคิดถึง” คำฝากฝังช่างเรียบง่ายพารัมคิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ

พารัมเดินออกมาจากเกวียนของหมู่บ้านบันกุเมื่อได้ของที่ต้องการครบ ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาเนล “ทำไมเลือกสร้อยนานนักนะ” เสียงใส่บ่นกับตนเองอย่างหงุดหงิด ขาเรียวก้าวไปยังเกวียนที่ขายเครื่องประดับทันที

“รับอะไรดีขอรับ” เสียงเอ่ยต้อนรับของพ่อค้านั้นฟังดูธรรมดา พารัมปรายตามองไปยังพ่อค้าอย่างถือตัวท่าทางกระลิ้มกระเหรี่ยนั้นน่าขนลุก พารัมไม่ชอบท่าทางแบบนี้เห็นทีไรอยากจะฉีกให้ขาดสองท่อน

“เห็นหญิงสาวตัวเล็กๆขนาดนี้ไหม” พารัมทำมือกับขนาดความสูงของเนล “นุ่งห่มแบบข้าเป็นนางกำนัลวังหลวงเหมือนกัน”

“นายหญิงขอรับ ข้าขายเครื่องประดับหญิงสาวแวะเวียนมาเกวียนข้ามากหน้าหลายตานักข้าจำไม่ได้หรอกนายหญิง” คำปฎิเสธนั้นน่าโมโหจนพารัมเม้มปาก มือเรียวกำเข้าเข้าหากันแน่น

“แล้วผู้หญิงน่ะเป็นนางกำนัลทุกคนรึไง อย่าต่อคำข้าให้มากนักไม่อย่างนั้นข้าจะสั่งให้ทหารฟันหัวเจ้าให้แบะเป็นลูกแตงโม” พารัมพยายามเอ่ยออกไปนิ่งๆทั้งที่เริ่มโมโห ใบหน้าน่ารักขมวดมุ่น

“นี่ท่านถือว่าเป็นคนของวังหลวงและจะขู่ชาวบ้านตาดำๆแบบข้า....”

“ทหาร!!”

“ข้าๆ...บอกแล้วๆนายหญิง” พ่อค้าละล่ำละลักตอบเมื่อเห็นว่าพารัมเอาจริง

“ว่าไง”

“นายหญิงที่นุ่งห่มเหมือนท่าน มาซื้อเครื่องประดับข้าแล้วเดินเลยไปดูผ้าแพรทางโน้นน่ะท่าน” เขาบอกพร้อมชี้ไปที่เกวียนขายผ้าที่ตั้งออกห่างไปจากกลุ่มคนพอดูหากบรรดาสีสันที่สวยงามของบรรดาผ้าแพรพรรณนั้น กลับสะดุดตาไม่น้อย

พารัมก้าวขาออกไปทันทีผ้าแพรพรรณสวยงามแปลกตา ทันทีที่ไปถึงก็มองหาเพื่อนในใจนึกเป็นห่วงไม่น้อย  แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเนล ที่น่าสงสัยกว่านั้นคือเกวียนเล่มนี้ไม่มีคนขายทั้งที่มีของเต็มเล่มเกวียน หายไปไหนกันนะทั้งเนลและคนขายผ้า พารัมคิดก่อนหันไปสั่งทหาร

“เจ้าเข้าไปแจ้งข่าวในวังให้เอาคนออกมาช่วยตามหาเนล ส่วนเจ้าไปตามทางนั้น” พารัมหันไปสั่งทหารที่ติดตามมาทันทีใบหน้าน่ารักมีแววกังวล “ไปสิ” พารัมสั่งย้ำเมื่อทหารมีท่าทีพะวักพะวง “ข้าดูแลตัวเองได้”

ทหารนายหนึ่งกลับเข้าไปในวังเพื่อตามคนออกมาช่วยตามคำสั่งของพารัม อีกคนออกไปตามหาเนลในตลาด ส่วนพารัมนั้นออกตามหาเนลอีกแรง ร่างบอบบางหาทั่วบริเวณรอบๆเกวียนขายผ้าอย่างละเอียดแต่กลับไม่พบร่อยรอยอะไร ขาเรียวก้าวออกไปเรื่อยๆ มองหาเนลพร้อมทั้งเอ่ยเรียกชื่ออย่างไม่ย่อท้อบางอย่างกำลังพร่ำบอกพารัมว่า นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา ยิ่งตามหาพารัมก็ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งห่างออกไปจากผู้คน

“กรี๊ดดดด” เสียงร้องของผู้หญิงแว่วมาตามสายลม พารัมตามเสียงไปทันทีนิสัยแบบนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงแก้ไม่หาย นิสัยบ้าดีเดือดแบบนี้มันอันตรายขนาดไหนเธอรู้ดี แต่จะให้เธอวิ่งกลับไปตามทหารมาช่วย แล้วถ้าเธอมาช้าไปล่ะจะทำยังไงเธอจะไม่ยอมให้เนลเป็นอะไรแน่ไปแน่ๆ พารัมเม้มปากแน่นก่อนวิ่งออกไปยังเสียงทันที







“อะไรนะเนลหายไป พารัมออกไปตามหางั้นรึ” เสียงของเจเนสสั่นเบาๆอย่างกังวล ใบหน้าที่สวยงามแม้จะผ่านวัยที่ล่วงเลยมาพอสมควรนั้นส่อแวววิตก ตอนนี้องค์วิรัลกับเธรากำลังตระเตรียมพิธีแต่งตั้งราชินี เธอจะไปกวนด้วยเรื่องของพารัมก็ใช่ที่ คุชก็ออกไปประจำยังหัวเมือง โชบุกับชุนเองก็อยู่นอกวังหลวงดูแลทหารหน่วยพิเศษ เจเนสอยากจะใช้ทหารวังหลวงออกไปช่วยพารัมตามหาเนลหากเธอรู้ดีคนทีไว้ใจได้และพารัมพอจะฟังบ้างมีไม่กี่คน

“ไปแจ้งสหัส ให้ช่วยออกตามหาเนลกับพารัมให้ข้าที” เจเนสเอ่ยอย่างกังวล สหัสไม่รับคำสั่งของใครเธอรู้ดี แต่เธอก็หวังว่าสหัสจะพอมีน้ำใจช่วยเหลือกันบ้าง อย่างน้อยสหัสเองก็รู้จักพารัมดี

                --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สหัสเดินนำกลุ่มทหารเข้ามาในตลาดโดยไม่สนใจสายตาตกใจของบรรดาพ่อค้าแม้ค้าหรือชาวบ้านแม้แต่น้อย ใบหน้าสง่างามนั้นกวาดมองหาตัวปัญหาอย่างลวกๆ

“กระจายกำลังตามหาให้ทั่ว” สหัสเอ่ยสั่งเขาไม่สนใจว่าจะสร้างความแตกตื่นให้ชาวบ้านมากเท่าไหร่ การที่เขาออกมาช่วยตามหาทั้งที่ไม่ใช่คำสั่งของท่านเธรานั้นก็มากพอแล้ว  สหัสที่เคยบอบบางและงดงามตอนนี้เขากลายเป็นสิงห์ราโตเต็มวัย ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามหากงดงามราวรูปปั้นผมสีเงินนั้นสะท้อนแสงยามเย็นอย่างจับตา หากแววตาสีเทาที่แสนเฉยชานั้นกลับดูน่ากลัวไม่น้อย

“ช่วยด้วยมีคนตาย เลือด...มีแต่เลือดเต็มไปหมดเลย” เสียงโวยวายของชาวบ้านดังมาเข้าหู สหัสพาตัวเองไปยังสถานที่เกิดเรื่องทันที ร่างสูงใหญ่หากว่องไวเกินมนุษย์ สหัสจึงไปถึงก่อนที่เหล่าทหารจะตามไปทันภาพตรงหน้าทำเอาเลือดสิงห์ราในร่างเย็นเฉียบ

ร่างของอมนุษย์เผ่าพันธุ์ไมนาไม่ต่ำกว่าห้าตน บ้างถูกถลกหนัง หักขา หรือกระชากคอจนขาด หากเขาไม่สังเกตเห็นเขาอันใหญ่ที่มีลายเฉพาะตนของไมนาและขนที่มันเงานั้นเขาคงไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร พื้นเต็มไปด้วยเลือดส่งกลิ่นคาวคลุ้ง หากสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้สหัสก็คือ ร่างของพารัมที่นั่งคุดคู้ตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางซากศพของไมนาร่างกายใบหน้าแขนขาของพารัมเต็มไปด้วยเลือดเสื้อผ้าขาดวิ่นจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

สหัสเดินเข้าไปใกล้เขาถอดเสื้อคลุมของตนออกก่อนคลุมลงไปยังร่างเกือบเปลือยเปล่าของพารัม แต่ทันทีที่ผ้าแตะลงไปบนร่างบอบบาง พารัมก็สะดุ้งสุดตัวก่อนโผเข้ามาทำร้ายสหัสทันที

“อ๊ากกก”

“หยุดๆ พารัมข้าเอง” สหัสจับไหล่พารัมดันออก เหมือนเสียงของเขาจะเรียกสติพารัมได้เล็กน้อยร่างเล็กหยุดนิ่งปล่อยให้สหัสเอาเสื้อมาคลุมตัวเองไว้หากอาการสั่นเทายังคงมีเหลือยู่

“เกิดอะไรขึ้นพารัม” สหัสถามอย่างเป็นห่วง ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยเลือดดวงตาสีดำสนิทเลื่อนลอยราวคนไร้สติ พารัมส่ายหน้าเบาๆ มือเรียวกำบางอย่างเอาไว้แน่นก่อนค่อยๆยกขึ้นมาแบออกให้สหัสดู

สหัสมองสิ่งที่อยู่ในมือของพารัมนิ่ง มือหนาหยิบเอาสิ่งนั้นโยนทิ้งไปก่อนรั้งร่างของพารัมที่ดูจะยังไม่ค่อยมีสติเข้ามาใกล้ๆ “เกิดอะไรขึ้น พารัม” สหัสก้มลงไปมองหน้าพารัมชัดๆ พลางถามย้ำอย่างต้องการคำตอบ

“ข้า...ข้า” พารัมพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง หากสิ่งที่ออกมากลับเป็นเสียงสะอื้นน้ำตาใสๆไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้นช้าๆ “ข้าไม่รู้พี่สหัส” ใบหน้าเล็กส่ายไปมามือเรียวยกขึ้นกำชายเสื้อของสหัสไว้แน่นก่อนซบหน้าลงไปอย่างสุดทน

สหัสยืนนิ่งๆ ให้พารัมร้องไห้เสียให้พอ ทหารตามมาทันแล้วและกำลังจัดการทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอน ดวงตาสีเทาทอดมองไปยังสิ่งที่เขาเพิ่งหยิบจากมือพารัมและโยนทิ้งไป ของบางอย่างที่ไม่น่าอยู่ในมือของหญิงสาวได้ ดวงตาของพวกไมนา มันยังอุ่นๆ เหมือนเพิ่งถูกควักออกมาสดๆเลยทีเดียว...



หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-03-2017 07:13:44
เรื่องนี้สหัสเป็นตัวเอกสินะคะ แล้วจะได้คู่กับใครนี่
เปิดเรื่องมาก็เป็นแนวลึกลับ สยองขวัญเสียแล้ว
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 10-03-2017 08:08:06
 :z13:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dellyamin ที่ 10-03-2017 09:19:41
สหัสสสสส ตอนแรกคิดว่าจะเคะ สี่ปีผ่านไปหล่อเต็มตัวแล้วสินะ >< ว่าแต่คู่ใครเนี่ย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 10-03-2017 14:46:32
เรื่องของสหัสสสสส????   :mew1: รอตอนต่อไปค่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-03-2017 21:07:46
สหัสเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัวแล้ว พารัมเป็นอมนุษย์ด้วยป่าว
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-03-2017 23:32:44
 :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 11-03-2017 00:59:23
ยอมรับว่าจิ้นสหัสกับพารัมตั้งแต่เรื่องโน้น ฮือออออออออ แต่จะอ่านไปเรื่อยๆแหละ เราเชื่อว่าคนเขียนจะทำให้เราเชื่อในพระนายได้  :katai5:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 11-03-2017 10:27:30
ชอบสหัสมากกกกกกกกก
สิงห์ตนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 11-03-2017 10:31:56
ติดตามต่อไปค่ะ :)

พี่สหัสจะคู่กับใครนะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 11-03-2017 13:31:17
รอตอนต่อปายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 11-03-2017 13:37:05
พี่สหัสโตขึ้นแล้วเท่จัง  ชอบๆ  พารัมก็ช่างน่ารักเจรจาเหมือนเดิม  ชอบๆ

สหัสจะคู่ยักษ์?  ใครเป็นยักษ์?  สหัสและพารัมเป็นใครมาจากไหนกันแน่?  ลุ้นๆ

คิดถึงองค์ชายธีรันจัง  สหัสกับพารัมอย่าลืมพาองค์ชายไปเที่ยวเดินป่าจริงๆบ้างนะ
โทษฐานที่สอนการเดินป่า เลยโดนเธราดุเลย555

เรื่องนี้สนุกอีกแล้ว ได้ลุ้น  ตื่นเต้น น่าติดตามมากๆค่ะ o13
ขอบคุณมากๆนะคะ :L2: :กอด1:

หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑) ๑๐.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 11-03-2017 19:14:29
รีไรท์ 20/10/64

ตอนที่๒

                “พบนางกำนัลที่หายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นายทหารรายงานความคืบหน้าการค้นหาเนล ก่อนจะออกไป เจเนสมองร่างบอบบางของพารัมที่ตอนนี้นอนไม่ได้สติอยู่บนฟูกนุ่ม เธอเสียลูกไปในเหตุการณ์กฎบเมื่อหลายปีก่อน กว่าวิรัลราชาองค์ปัจจุบันจะเข้ามากอบกู้ฟื้นฟูนันทานครให้เข้มแข็งดั่งเดิมก็กินเวลาพอสมควร เธอรับดูแลพารัมตามคำขอขององค์วิรัลพารัมนั้นถูกช่วยมาจากการปองร้ายของปีศาจ พระสนมเธราได้เสี่ยงชีวิตช่วยเด็กสาวเอาไว้เหตุการณ์มากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของพารัมนั้นบางอาจจะดูหนักหนาเกินกว่าเด็กหญิงที่อายุเพียงสิบสี่ในตอนนั้นจะรับมือได้ หากพารัมกลับเข้มแข็งกว่าที่เจเนสคิดเด็กหญิงตัวน้อยที่ไม่รู้อะไรในวังหลวงเลย เด็กสาวชาวป่าที่ชะตาชีวิตพาให้ต้องมาอาศัยในที่ที่ไม่รู้จักใครเลย พารัมกลับไม่มีท่าทีกลัวเกรงใคร มือเล็กๆเพียรเย็บผ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนนิ้วน้อยๆปรุไปด้วยรอยเข็ม ทนนั่งพับเพียบจนเหน็บกินขาจนเดินไม่ได้หากไม่เคยปริปากบ่น อะไรที่ทำไม่ได้พารัมจะฝึกฝน อะไรที่ทำไม่เป็นพารัมจะเรียนรู้ เด็กหญิงตัวน้อยแอบร้องไห้ยามค่ำคืนอยู่เป็นนิจ เสียงสะอื้นเบาๆจนหลับไปนั้นน่าสงสารจับใจ เพราะความเข้มแข็งและเฉลียวฉลาดแบบนี้นี่เอง เจเนสถึงเอ็นดูสาวชาวป่าคนนี้ไม่น้อย และเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นก็สร้างความกังวลให้เธอได้มากทีเดียว มือที่มีรอบเหี่ยวย่นนั้นลูบที่หน้าผากของพารัมเบาๆอย่างห่วงใย ก่อนลุกเดินออกไปพลางสั่งให้นางกำนัลคอยดูแลพารัม “ดูแลพารัมด้วย แล้วให้คนไปดูเนลด้วยว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า”

                ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------            -------------------------------------------------------------

                “อะไรนะพวกไมนาน่ะเหรอ” โชบุเอ่ยออกมาก่อนขมวดคิ้วมุ่น ร่างที่มีเลือดของเผ่าพันธุ์อสรพิษอยู่กึ่งหนึ่งนั้นบอบบางหากเต็มไปด้วยพิษร้าย

                “เท่าที่รู้มาพวกนี้ไม่ใช่พวกที่ชอบเข้ามาในเขตแดนมนุษย์นี่นา แถมมาถึงเมืองหลวงแห่งนันทานครแบบนี้ไม่น่าจะปกติ” ชุนลูกครึ่งยักษ์เอ่ยออกมา ตอนนี้เขารับหน้าที่เป็นหัวหน้ากองรบพิเศษของนันนานครอยู่หน่วยรบที่มีแต่พวกลูกครึ่ง วันนี้เขาแวะมารายงานความคืบหน้าให้องค์วิรัลราชาแห่งนันทานคร จึงเลยมาพูดคุยกับสหัสจนได้รับรู้เรื่องนี้เข้า

                “แล้วพารัมไม่เป็นอะไรเลยเหรอ แปลก...ข้าเคยเจอพวกไมนาที่อันราตัวใหญ่โตดุร้ายพอตัวต่อให้เกิดการต่อสู้กันเองจนตายพารัมที่อยู่ใกล้ขนาดนั้นก็น่าจะได้รับอันตรายบ้างล่ะ” โชบุพูดออกมาเขาเคยอาศัยอยูที่อันราเมืองที่ติดกับป่าศักดิ์สิทธิ์ที่กั้นระหว่างเมืองมนุษย์กับอมนุษย์ เพราะฉะนั้นอันราจึงเป็นเมืองที่พวกอมนุษย์ชอบข้ามเขตแดนเข้ามาหาความสุขเสมอๆ

                “ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ตอนข้าไปเจอพารัมกำดวงตาของพวกไมนาไว้ด้วย อย่างกับ...เพิ่งควักออกมาเลย” สหัสเอ่ยออกมา ใบหน้าสง่างามเคร่งเครียด “เจ้ารู้จักวาระร้อยปีหรือไม่” สหัสเอ่ยถามลูกครึ่งทั้ง

                “วาระที่เปลี่ยนเผ่าพันธุ์ที่จะครองบัลลังก์น่ะเหรอ” โชบุถามก่อนตาโต “หรือว่า...”

                “ใช่ใกล้เต็มทีแล้วข้ารู้สึกได้” สหัสตอบช้าๆ

                “พวกไมนาที่เข้ามาจะเกี่ยวกับการนี้หรือเปล่า” ชุนเอ่ย

                “แล้วไปยุ่งอะไรกับพารัม ถ้าพวกอมนุษย์จะเข้ามาตามหาใคร ก็คงเป็นท่านสหัสคนนี้ล่ะมั้ง ขนสีเงินทิ่มตาขนาดนี้รัชทายาทหนีบัลลังก์หรือเปล่า” โชบุพูดก่อนหัวเราะเมื่อสหัสตวัดตามองอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อเอ่ยถึงผมสีเงินแสนงามสัญลักษณ์ของสิงห์ราชั้นสูงนั้น

                “ปากเสียเหมือนเดิม ชุนดูแลเมียเจ้าด้วยอย่าปล่อยให้เห่ามากนักเป็นอสรพิษไม่ใช่หมาที่ไหน” สหัสพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไป

                “นี่สหัสใครเมียใคร พูดดีๆนะ” โชบุแว๊ดลั่นหากสหัสกลับไม่สนใจหันมามองร่างสง่างามยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะในคำด่าที่ตามมา



                --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                “พารัม พารัม” เสียงเรียกเบาๆที่คุ้นหูส่งผลให้ ร่างที่หมดสติเริ่มขยับตัวพารัมค่อยๆลืมตาขึ้นมาช้าๆทันทีที่สายตาจับภาพคนตรงหน้าได้ชัดเจน พารัมก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

                “พี่เธรา เอ๊ย...พระสนมเธรา” พารัมเอ่ยออกมาก่อนพยายามจะลุกหากเธรากดไหล่บอบบางให้นอนลงที่เดิม

                “เป็นยังไงบ้าง” เธราเอ่ยอย่างเป็นห่วงเขาเองก็ยุ่งๆกับการตระเตรียมพิธีใหญ่ที่กำลังจะมาถึง จนละเลยพารัมไปมาก เธรานั้นรู้จักพารัมตั้งแต่เป็นเด็กสาวเขาตัดสินใจช่วยพารัมจากปีศาจเอาไว้ ไหนจะเข้าพิธีแต่งงานหลอกๆกันตั้งแต่พารัมอายุเพียงสิบสี่ ในวังหลวงพารัมก็มีแต่เขา เขารู้ดีแต่ด้วยภารกิจมากมายที่ต้องทำในช่วงหลังเขาจึงมาพบพารัมน้อยลง หากยังคงไต่ถามสารทุกข์สุขดิบผ่านมามางท่านเจเนสเสมอๆเวลาได้พบกัน เด็กหญิงในวันนั้นเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว เธรานึกถึงคำฝากฝังของผู้ใหญ่บ้านแห่งบันกุได้ดี “

                “ฝากพารัมมันด้วยนะพระสนมเธรา หม่อมฉันในภายภาคหน้าอาจดูแลมันได้ไม่ดีพอ” ชายชราเอ่ยฝากฝังบุตรสาวของตนไว้กับเขาในวันที่เอาสมุนไพรมาช่วยรักษาทหารหลังการเกิดการสู้รับกับกองทัพเลือด เธราเอ่ยปากรับคำไปแล้วเขาก็จะพยายามดูแลคนตรงหน้าให้ดีที่สุด ทันทีที่รู้เรื่องจากสหัสเขาก็รีบปลีกตัวมาทันที

                “พระสนมเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” พารัมเอ่ยถามระยะหลังมานี่พารัมรู้ว่าเธรานั้นยุ่งมาก

                “พี่ต้องถามเจ้าใช่เจ้ามาถามพี่ แล้วอีกอย่างเรียกว่าพี่เธราเหมือนเดิมเถอะในนี่ไม่มีใคร” เธราบอกง่ายๆก่อนช่วยพยุงพารัมให้นั่งเมื่อคนป่วยยังคงพยายามจะลุกขึ้นนั่ง

                “มีอะไรจะเล่ารึเปล่าพารัม” เธราเข้าเรื่องสหัสบอกว่าพบศพของ พวกไมนาอมนุษย์ที่รูปร่างและพละกำลังมหาศาลนั้นถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เรื่องที่เกิดขึ้นย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

                พารัมมองหน้าเธราก่อนเม้มปากแน่น เธอไม่อยากร้องไห้แม้ในใจจะกังวลแค่ไหน เหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก พลางหวนคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นอย่างหวั่นใจ



                ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                เด็กสาวตัวเล็กๆที่เติบโตมาในหมู่บ้านชายป่าอย่างพารัมนั้นการเดินป่าคนเดียวจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว พารัมในวัยสิบสามเดินเข้ามาในป่าเพื่อหาของป่า เอาไปทำอาหาร ชาวป่าอย่างเธอต้องช่วยตัวเองตั้งแต่เล็กกันทั้งนั้นแม้เธอจะเป็นถึงลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านก็ไม่เว้น พระอาทิตย์เลยหัวไปแล้วเด็กหญิงตัวเล็กนั่งลงที่โขดหินริมน้ำตกอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะวักเอาน้ำใสๆในลำธารขึ้นมาดื่มอย่างกระหายวันนี้พารัมสวมชุดสวยที่แม่เพิ่งตัดมาให้มือเรียวจับชายเสื้อของตนขึ้นมามองอย่างชื่นชม  ก่อนหาวหวอดออกมาเธอตัดสินในปีนขึ้นไปบนต้นไม้เตี้ยๆที่มีกิ่งไม้ยื่นออกมาซ้อนกันจนเหมาะแก่การงีบสักพัก พารัมจัดแจงให้ตัวเองนอนถนัดที่สุดก่อนค่อยปิดเปลือกตาลงีบหลับไปในที่สุดแต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงความชื้นจากดิน เธอนอนบนต้นไม้ทำไมถึงรู้สึกชื้นดินได้ล่ะและทันทีที่ลืมตาขึ้นพารัมก็ต้องลุกขึ้นอย่างตกใจ

                ร่างบอบบางในชุดงดงามนั้นนั่งนิ่ง ใบหน้าน่ารักมีแววตระหนกตกใจ มือเรียวกอดร่างเล็กๆของตนเองไว้แน่นริมฝีปากบางสั่นระริกพอๆกับสายตาที่สั่นไหวอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

                “อะไร...กัน”  พารัมพึมพัมราวพูดกับตัวเองเมื่อภาพตรงหน้านั้นดูเละเทะราวมีพายุลูกใหญ่พัดผ่าน ทั้งที่ก่อนจะงีบหลับไปทุกอย่างยังคงปรกติแท้ๆ ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มระเนระนาดบางต้นฉีกขาดราวถูกดึงทึ้ง  แม้จะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนักหากร่างบอบบางก็ลุกขึ้นก่อนสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วน ไม่เป็นอะไร!! ทุกอย่างปรกติไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนทั้งที่รอบตัวนั้นเต็มไปด้วยซากต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกถอนรั้งขึ้นมาบนดินราวโดนพายุถล่มแล้วคนที่นอนกลางพายุทำไมถึงไร้รอยใดๆเล่า  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...

                ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นพารัมไม่เคยบอกใครแม้กระทั้งพ่อกับแม่เธอหวาดกลัวและอยากจะลืมมัน หากสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในครั้งนี้เธอไม่สามารถปกปิดมันได้อีกแล้ว

                “ข้า...จำไม่ได้พี่เธรา” พารัมตอบใบหน้าน่ารักยังคงซีดเซียว “ข้าตามเสียงร้องของผู้หญิงไปคิดว่าเป็นเนล แต่พอไปถึงข้าก็ไม่พบใคร มีเพียงอมนุษย์ที่มีใบหน้าเป็นวัวตัวใหญ่มากตรงเข้ามาหา มันจับแขนแล้วพยายามจะพาตัวข้าไปด้วย ข้าขัดขืนมันเลยตบลงมาที่หน้า ข้าเจ็บมากจนหมดสติไป” พารัมเล่าความจริงเธอหมดสติไปทันทีหลังจากโดนทำร้าย

                “เจ้าโดนพวกไมนาตบงั้นรึ” เธราถามย้ำ ไมนาในร่างอมนุษย์นั้นมีใบหน้าเป็นวัวเขาใหญ่โค้งสวยมีลวดลายเฉพาะตัว รูปร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เท้ามีกีบใหญ่คล้ายวัวด้วยรูปร่างและพละกำลังขนาดนั้นหากพารัมโดนทำร้ายจริงๆ เด็กสาวร่างบอบบางไม่มีทางมีชีวิตรอดแน่

                “คิดว่าข้าโกหกใช่ไหม” พารัมย้อนถามเมื่อเห็นท่าทีของเธรา มือบางแตะที่หน้าตัวเองเบาๆ “ทำไมพอฟื้นขึ้นมาข้าถึงไม่เจ็บแล้วก็ไม่รู้ แผลก็ไม่มีข้าเองก็ไม่เข้าใจ” พารัมบอก “ข้าไมรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร” พารัมเอ่ยออกมาบางเบาราวพูดกับตัวเอง

“ไม่เป็นไรพารัม ใจเย็นๆนะ”  เธราปลอบเมื่อเห็นว่าคนป่วยเริ่มรู้สึกไม่ดี เขาพูดคุยกับพารัมอีกเป็นครู่ก่อนแยกตัวออกมา เธราพาตัวเองไปหาองค์วิรัลทันทีสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่น่าจะใช่เหตุการณ์ธรรมดา ไมนาห้าตนที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์นั้นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอันตรายได้อย่างดี





                ทันที่ประตูปิดลงพารัมที่กลับมาอยู่คนเดียวก็หลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้นใบหน้าน่ารักเหยเกมือเรียวพยายามปิดปากตนเองกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้หลุดรอดออกมาเพราะกลัวว่าพวกนางกำนัลที่นั่งกันอยู่ด้านนอกจะได้ยิน ปกติแล้วพารัมจะนอนเฝ้าท่านเจเนส แต่ตอนนี้พารัมป่วยจึงถูกส่งให้มาพักผ่อนห้องส่วนตัวของตนโดยมีนางกำนัลคอยเฝ้าไม่ห่าง ร่างบอบบางกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดนั้นแม้เจ้าตัวเองก็จนปัญญาจะกลั้นมันไว้พารัมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆทำไมคนธรรมดาอย่างเธอต้องมาพบเจอเหตุการณ์แปลกแบบนี้ ตอนที่ถูกปีศาจหมายจะเอาชีวิตแม้จะหวาดกลัวเพียงใดเธอก็พยายามเข้มแข็งไม่เป็นภาระให้พี่เธรา เธอพยายามจะยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างเต็มที่แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเป็นตัวปัญหาอีกแล้ว เธอไม่อยากให้ใครต้องมาวุ่นวายเพราะตัวเองอีกแล้ว พารัมสะอื้นฮักออกมาอย่างสุดกลั้น หน้าต่างห้องที่ปิดสนิทนั้นอยู่ดีๆก็เปิดออกกระแทกดังลั่นด้วยแรงลม พัดพาเอาของในห้องล้มระเนระนาดพารัมสะดุ้งตกใจก่อนพยายามจะลุกขึ้นไปเก็บของและปิดหน้าต่าง เสียงของล้มดังขนาดนี้ทำไมพวกนางกำนัลข้างนอกถึงไม่ได้ยินกันนะ พารัมคิดก่อนกระย่องกระแย่งลุกขึ้นไปจัดการเอง มือเรียวก้มเก็บของขึ้นวางให้เข้าที่ก่อนเดินไปหมายใจจะปิดหน้าต่างลง สายลมที่ดูรุนแรงนั้นกลับเย็นสบายจนพารัมอดไม่ได้ที่จะยืนตากลมอยู่เป็นครู่ อีกไม่นานหรอกพารัมคิดเธอจะอายุสิบแปดแล้ว เธอจะขอพี่เธรากับท่านเจเนสกลับบ้านของเธอพ่อกับแม่ของเธอ พารัมคิดไปเรื่อยๆก่อนสายตาจะสังเกตเห็นบางอย่างที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าแห่งนันทา มันอยู่ไกลมากสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตบนท้องฟ้านั้นพารัมคิดว่ามีไม่น่าจะต่ำกว่าสามตน แต่พารัมระบุลักษณะไม่ได้เพราะมันยังคงอยู่ไกลออกไป แต่บางอย่างในจิตใจบ่งบอกว่าไม่ปกติ ไวเท่าความคิดขาเรียวของพารัมก็ก้าวพ้นขอบหน้าต่างก่อนกระโดดออกไปด้านนอกทันที แม้ห้องของพารัมจะอยู่ชั้นล่างแต่หน้าต่างบานนั้นก็สูงไม่น้อย กระโดดลงมาแบบไม่คิดเช่นนี้แข้งขาพลิกหักได้ไม่ยากเลย หากพารัมกลับไม่สะทกสะท้านทันทีที่ถึงพื้นดินพารัมก็พาตัวเองวิ่งออกไปทันที

                ขณะที่ขาเรียวกำลังวิ่งออกไปหัวสมองก็คิดตัดสินใจไปด้วย พี่เธราน่าจะไปหาองค์วิรัลจากตรงที่เธออยู่วิ่งไปคงใช้เวลานาน สายตาเหลือบมองบนฟ้าอีกครั้งพวกนั้นใกล้มามาแล้วและสิ่งที่เธอเห็นได้ชัดมากขึ้นทำให้เธอขนลุกได้ไม่น้อย มังกร ไม่ผิดแน่สิ่งที่อยู่บนฟ้านั่นคือมังกร อมนุษย์ทีได้ชื่อว่าแข็งแกร่งและอันตรายไม่น้อยเจ้าของไฟแห่งนรกที่ไม่มีวันดับสูญ

                “พี่สหัส” พารัมตัดสินใจมาหาสหัสอย่างช่วยไม่ได้ พี่สหัสเป็นอมนุษย์และเป็นคนเดียวที่พอจะจัดการกับเหตุการณ์ตอนนี้ได้ น่าแปลกพวกมังกรเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วทำไมทุกคนถึงไม่มีใครสังเกตเห็นกันนะ

                “มีอะไร” สหัสถามก่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหาย พารัมนั้นออกจะน่ารำคาญเขาไม่ชอบคนที่มายุ่งวุ่นวายกับเขา พารัมชอบมาหาและพูดกับคนอื่นไปทั่วว่าชอบเขา ผู้หญิงอะไรน่าไม่อาย

                “นั่นๆ พี่สหัสดูนั่นสิ” พารัมชี้ไปบนฟ้าด้วยท่าทีกังวล สหัสมองตามมือเล็กนั้นขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นอะไรนอกจากท้องฟ้าว่างเปล่า

                “พารัมเจ้าเล่นอะไร” สหัสเริ่มโมโหเขาไม่ใช่เพื่อนเล่นของเด็กสาวนิสัยเสียหรอกนะ

                “พี่สหัส ไม่เห็นเหรอ” พารัมหน้าเหวอใบหน้าน่ารักมีแววไม่เข้าใจก่อนเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ตอนนี้มังกรทั้งสามนั้นบินเข้ามาใกล้จนเธราเห็นเกล็ดสีน้ำเงินเข้มนั้นสะท้อนแสงแดดดูวิบวับราวอัญมณี

                “พารัม เจ้าจะเอาแต่ใจเกินไปแล้ว เห็นว่าท่านป้าขององค์วิรัลเอ็นดู ท่านเธราเข้าข้างจะมาโกหกพกลมแบบนี้ ข้าว่ามันเกินไปนะ” สหัสดุอย่างโมโห

                “โถ่โว๊ย ตาบอดรึไงพี่สหัสนั่นไง มังกรสามตัวบินอยู่บนนั้นน่ะ” พารัมโวยวาย ใบหน้าสวยเริ่มฉายแววโมโห สหัสหรี่ตาลงเมื่ออยู่ดีๆลมก็พัดแรงขึ้น

                “มังกร พารัมเจ้าพูดอะไร” สหัสถามย้ำแม้บางอย่างข้างในเขาจะตอบรับคำพูดของพารัม เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งหากเขาไม่เห็นมัน

                “มังกรไง หูหนวกรึไงใครจะบ้าวิ่งตีนเปล่ามาโกหกเรื่องบ้าๆแบบนี้ คิดว่าข้าว่างนักรึไง ห๊ะ” พารัมโวยวาย พลางเอามือจับชายกระโปรงของตนแน่นเมื่อลมเริ่มโหมแรง

                “เจ้าเห็นมังกรบินบนท้องฟ้างั้นรึ” สหัสถาม มังกรเผ่าพันธุ์ชั้นสูงนั้นแข็งแกร่ง เขารู้จักพวกนี้ดีไม่มีทางที่พวกมังกรจะบินเข้าในเมืองมนุษย์โดยปล่อยให้คนเห็นง่ายๆ พวกมังกรน่ะพรางร่างเก่งพอๆกับกิ้งก่าทีเดียว

                “นี่จะไม่ทำอะไรใช่ไหมข้าอุตส่าห์มาบอก พวกอมนุษย์เข้ามาในนันทานครแบบนี้ ไม่น่าดีแน่ข้ากลัวว่าจะเกี่ยวกับพี่นะ” พารัมเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง แม้ตอนแรกในใจอยากจะไปแจ้งเหตุนี้กับเธราหรือแม้กระทั้งท่านเจเนส แต่อีกใจหนึ่งเธอกลับห่วงสหัส ใครๆก็รู้ว่าที่มาที่ไปของสหัสนั้นยังคลุมเครือไม่มีใครรู้ว่าสหัสเป็นใคร นอกจากเป็นสิงห์ราของพี่เธราเท่านั้น ยิ่งผมกับตาสีเงินจับตานั่นยิ่งบ่งบอกถึงชนชั้นที่อยู่ได้ดี พี่สหัสน่ะไม่น่าจะเป็นสิงห์ราธรรมดาแน่นอน

                “ตามข้ามานี่” สหัสดึงมือพารัมให้ตามเขามาสายตาคมเหลือบมองบนท้องฟ้าก็ยังพบเพียงความว่างเปล่า ร่างสง่างามออกแรงรั้งพารัมให้เดินตามอย่างไม่สนใจว่าคนที่เดินตามจะก้าวขาตามทันไหมในเมื่อช่วงขานั้นห่างกันมากพอดู แต่พารัมก็ไม่ได้โวยวายอะไรร่างบอบบางย่ำเท้าตามสหัสไปเงียบๆ สายตาเหลือบมองไปบนฟ้าอีกครั้ง มังกรทั้งสามก็ยังคงอยู่และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

                “ชุนกลับไปรึยัง” สหัสเอ่ยถามทหารที่อยู่แถวนั้น ก่อนกวาดตามองลูกครึ่งอมนุษย์อย่างร้อนใจ

                “มีอะไรกับข้ารึ” ร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้น ดวงตาดำสนิทไม่มีตาขาวนั้นแวววาวราวลูกแก้วสีนิล

                “เจ้าเป็นลูกครึ่งยักษ์ใช่ไหม บนท้องฟ้าตอนนี้เจ้าเห็นอะไรรึเปล่า อยู่ตรงไหนแล้วพารัม” สหัสถามพารัมจึงชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า โชบุที่ก้าวตามมาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ในสิ่งที่สหัสพูด หากชุนที่มองตามมือของสหัสไปนั้นกลับนิ่งสนิท ใบหน้าครึ่งยักษ์เรียบนิ่งก่อนค่อยๆขมวดคิ้ว ภาพตรงหน้าของชุนตอนนี้นั้นแปลกประหลาด ครั้งแรกที่มองขึ้นไปตามทิศทางที่พารัมชี้เขาพบเพียงท้องฟ้าว่างเปล่าหาดเพียงครู่ก็ปรากฏเงาลางๆแปลกตา ยิ่งเพ่งก็ยิ่งชัดเจนขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดพอที่จะระบุว่าเป็นอะไร

                “อะไรบางอย่างข้าเห็นไม่ชัด” ชุนบอกก่อนหันมามองสหัส ใบหน้างดงามของสหัสมีแววเคร่งเครียดทันที

                “อะไรกัน พารัมกับชุนเห็นอะไร” โชบุอดถามไม่ได้

                “พวกมังกร” สหัสตอบสั้นๆ “ตอนนี้อยู่ตรงไหนแล้ว” ก่อนหันไปถามพารัมอีกครั้ง

                พารัมมองขึ้นอีกครั้งคราวนี้ร่างใหญ่โตที่อยู่บนท้องฟ้ากลับหายไป แล้วทั้งที่เมื่อครู่เธอยังเห็นอยู่เลย “ไม่อยู่แล้ว”พารัมบอกออกมาก่อนหันไปมองสหัส

                -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                พารัมนั่งนิ่งๆอยู่ท่ามกลางสหัส โชบุและชุนเธอถูกพามาที่ตำหนักท้ายบึงเพื่อมาพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จริงๆเธอเองก็ไม่เคยได้สนิมสนมกับโชบุกับชุนเท่าไหร่ พอรู้ที่มาที่ไปของทั้งสองคนมาบ้างเคยพูดคุยด้วยเล็กน้อย แต่เท่าที่รู้พี่เธราไว้ใจสองคนนี้มาก

                “พารัมเจ้าเห็นมังกรใช่ไหม” โชบุถามขึ้น  พารัมพยักหน้าช้าๆ

                “แต่ข้ากับสหัสไม่เห็น ทำไมล่ะ” โชบุยังคงสงสัย

                “มังกรสามารถพรางกายได้ชุนมีสายเลือดยักษ์ อาจจะพอเข้าใจได้เพราะตายักษ์สามารถค้นหาทุกสิ่งได้ไม่ว่าจะเวทย์มนต์พรางตาหรือการหลบซ่อนใดๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลุดพ้นสายตาของยักษ์ไปได้” สหัสอธิบาย

                “แล้วทำไมพารัมถึงมองเห็นได้ล่ะ หรือไปกินลูกตาพวกไมนามาถึงมองเห็น” โชบุพูดติดตลกหากพารัมกลับหน้าเสีย

                “ข้าไม่ได้กิน” หญิงสาวเถียงใบหน้าน่ารักแสดงอาการไม่พอใจทันที โชบุหัวเราะอย่างถูกใจเขาพอรู้มาบ้างว่าพารัมน่ะร้ายพอตัว

                “เห็นสหัสบอกว่ากำเอาลูกตาของพวกไมนาไว้แน่นข้าก็นึกว่าของโปรดเลยต้องเอามาถือไว้” โชบุหัวเราะลั่นเมื่อพารัมลุกขึ้นยืนทันทีใบหน้าน่ารักบูดบึ้ง

                “ข้าไม่ได้กินเจ้าไมนานั่น ท่านโชบุถอนคำพูดเดี๋ยวนี้” พารัมกัดฟันมือเรียวกำแน่น สหัสมองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ ต่อให้พารัมใจร้อนขนาดไหนแต่ท่าทางอย่างกับจะฉีกโชบุเป็นชิ้นๆนั้นดูแปลกตา

                “ไม่ ข้าไม่ถอนข้าพูดตามที่คิด” สิ้นคำของโชบุลมแรงๆก็พัดขึ้นมาอย่างไม่บอกกล่าว ดอกไม้กับสมุนไพรลู่ลมจนแทบจนถอนรากถอนโคน โชบุเลิกคิ้วมองรอบตัวอย่างแปลกใจก่อนเหลือบมองพารัมที่ยืนกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ไม่ไกล แปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางดุดันนั้น

                “ถอนคำพูด!” พารัมตวาด สายลมแรงเมื่อครู่เริ่มก่อตัวราวพายุ สหัสขมวดคิ้วมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ พารัมก้าวขาไปหาโชบุทันทีอย่างไม่เกรงกลัว ชุนที่อยู่ใกล้เดินเข้าไปจับพารัมราวห้ามปรามหญิงสาวท่าทางจะโมโหจนเริ่มจะไม่มีสติ หากสิ่งที่ทำให้สหัสกับโชบุต้องแปลกใจก็คือ พารัมสะบัดชุนที่ใหญ่กว่าเกือบสองเท่าจนกระเด็นไปไกล สายลมเริ่มหมุนวนอยู่รอบตัวหญิงสาว สหัสพุ่งตัวไปจับพารัมอีกคน โชบุลุกขึ้นตั้งตัวกับเหตุการณเหนือความคาดหมายนั้น สหัสจับพารัมไว้ร่างบอบบางหันมามองสหัสเพียงครู่แต่นั่นกลับทำให้เลือดสิงห์ราในตัวสหัสเย็นเชียบ ดวงตาของพารัมข้างหนึ่งกลายเป็นสีแดงกล่ำ หญิงสาวสะบัดแขนอีกครั้งสหัสจึงจำเป็นต้องกลายร่างเป็นสิงห์ราเต็มตัวก่อนที่จะล๊อคตัวพารัมเอาไว้ ชุนที่ตั้งตัวได้เข้ามาช่วยสหัสอีกแรง

                “อ๊ากกกกกกกกกกกกกก ปล่อยข้า” พารัมตะโกนออกมาสุดเสียง สายลมเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สมุนไพรและดอกไม้เริ่มหลุดลอยออกมาตามความแรงของสายลม

                “พารัมใจเย็นๆตั้งสติก่อน” สหัสเอ่ยเรียกชื่อของพารัมหากเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สติ

                “ไปตามท่านเธรากับองค์วิรัลไปโชบุ” ชุนตะโกนสั่ง โชบุพยักหน้าก่อนจะวิ่งออกไปตามคนทั้งสอง พารัมที่เห็นโชบุหนีไปก็ยิ่งไม่พอใจ เสียงที่ออกมาจากปากของหญิงสาวดูแปลกไป

                “ปล่อยข้า ปล่อยข้า” พารัมโวยวาย แล้วสิ่งที่ทำให้สหัสกับชุนต้องตกใจไปมากกว่าเดิมก็คือ ใบหน้าพารัมเริ่มแปลกไป หน้าผากมนสวยค่อยๆปรากฏ เขาขึ้นมามันแทงผ่าเนื้อเนียนออกมาช้าๆริมฝีปากนั้นก็ปรากฏเขี้ยวเล็กๆงอกออกมา

                “อ๊ากกก อ๊ากกกก” พารัมตะโกนสุดเสียงตอนนี้สหัสกับชุนไม่รู้ว่าคนตรงหน้านั้นกำลังโมโหหรือเจ็บปวดกันแน่ พารัมสะบัดตัวอีกครั้งส่งผลให้สหัสกับชุนกระเด็นไปคนละทาง

                “อ๊ากกก อ๊ากกกก” พารัมล้มลงนอนคุดคู้มือเรียวกอดตัวเองราวเจ็บปวด ร่างที่เคยบอบบางค่อยๆแปลเปลี่ยน มันใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เสียงกระดูกที่หลุดออกจากกันเสียงเนื้อฉีกนั้นฟังดูขนลุก พอๆกับที่ทางเจ็บปวดของพารัม

                สหัสทำท่าจะเข้าไปจับตัวพารัมอีกครั้งหากพายุที่รุนแรงรอบตัวของพารัมนั้นกลับกางกั้นเขาเอาไว้ ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆสงบนิ่งพร้อมกับร่างของพารัมที่เล็กลงเท่าเดิม ร่างบอบบางนอนขดอยู่กลางพื้นริมบึงน้ำตำหนักท้ายบึงเละเทะจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม

                “ชุน...เจ้าไปตามท่านเจเนสที” สหัสบอกชุน ร่างสูงใหญ่ของชุนพยักหน้ารับก่อนเขาจะจากไปดวงตาดำสนิมที่ไร้ตาขาวนั้นหันมามองร่างของพารัมอีกครั้งบางอย่างที่อยู่ในสายเลือดเขาเต้นระริก

                ร่างบอบบางของพารัมค่อยๆลุกขึ้น สหัสทำท่าจะเข้าไปพยุงแต่ชะงักไปเมื่อสภาพของพารัมนั้นแปลกตา

                พารัมค่อยๆลุกขึ้นความเจ็บปวดเมื่อครู่หายไปแล้ว แปลกที่ครั้งนี้พารัมกลับจำได้ทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้น เธอค่อยๆพาตัวเองไปที่ริมบึงน้ำ เงาสะท้อนในบ่อน้ำดูไม่คุ้นตา มือบางแตะไปมาตามใบหน้าของตัวเองช้าๆ หน้าผากสวยปรากฏเขางอกออกมาจนแปลกตาพอๆกับเขี้ยวเล็กๆที่โผล่พ้นริมฝีปากนั่น

                “อะไรกันพารัม ...เกิดอะไรขึ้น” สหัสเอ่ยถามพลางกวาดตามองสภาพตำหนักท้ายบึงที่เละเทะจนไม่เหลือสภาพ

                “พี่สหัส...ดูนี่สิ” พารัมลุกขึ้นหันมามองสหัสใบหน้านันดูแปลกตาไม่น้อย “ดูสิ” พารัมย้ำก่อนดึงเสื้อขาดๆของตนออกเผยให้เห็นแผ่นอกแบนราบ หากขาวเนียนราวไม่เคยต้องแดดลม “ข้า...ข้า” พารัมอึกอัก ดวงตาสองสีฉายแววไม่เข้าใจ “ข้าไม่แน่ใจว่า...” พูดจบก้ทำท่าจะดึงสิ่งที่สวมด้านล่างออก

                “หยุดๆ...พอก่อนพารัม” สหัสเอ่ยปรามพารัม ก่อนถอดเสื้อของตนคลุมให้พารัม

                “เจ้าจะมาแก้ผ้าตรงนี้ไม่ได้พารัม”
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 11-03-2017 19:45:04
โอ้ แฟนตาซีมากๆ รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-03-2017 20:46:42
สรุปว่าที่แฝงอยู่ในตัวพารัมไม่ใช่พารัม?
อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 11-03-2017 22:16:31
พารัมเป็นยักษ์ซินะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-03-2017 22:33:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-03-2017 22:44:41
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-03-2017 23:19:30
อ้าววว เป็นไปได้ พารัมเป็นยักษ์ซะงั้น ที่สำคัญเป็นผู้ชายได้งัย55555555 แฟนตาซีไปอี้กกก ค้างมากมาย :katai1: ทำไมพารัมเป็นยักษ์แต่เพิ่งเผยตัวอ่ะ อยากรู้ สนุกๆๆ น่าติดตามมาก o13
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Naeon ที่ 11-03-2017 23:39:07
อ้าวววววพารัมกลายเป็นชายสะง้านนน. สหัสไม่รอดแล้ววว
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 12-03-2017 09:56:44
พารัมเป็นยักษ์โดยไม่รู้ตัว  ควบคุมอารมณ์ไม่ได้  ที่สำคัญเป็นยักษ์ผู้ชายด้วย :a5:
พี่สหัสเอ็นดูและดูแลน้องยักษ์ตนนี้ด้วยนะ  น้องน่าสงสารมากๆ :mew6:

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ :katai1:  ขอบคุณมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-03-2017 10:53:43
สหัสหล่อแล้วววว งานนี้สหัสเป็นเมะแน่เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cass-meyz ที่ 12-03-2017 13:41:19
ทำไมพารัมกลายเป็นยักษ์ล่ะ เอะอะไรยังไง
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-03-2017 17:09:34
ทำไมอ่าา พารัมเป็นอะไร กลายร่าง?
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: swoooaa ที่ 12-03-2017 18:55:21
ลุ้นนนนน จริงๆแล้วพารัมเป็นปู้ชายใช่ม่ะ จริงๆอยากให้สหัสเคะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dellyamin ที่ 12-03-2017 21:53:53
เง้อออออ พารัมเป็นชายซะแล้วววว คู่กับสหัสแน่นอน
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 13-03-2017 06:47:15
อยากอ่านต่อออ ง้ากกกกกกก :ling2:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 13-03-2017 10:01:42
สนุกมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ :katai4: ตอนแรกนึกว่าพารัมจะเป็นมังกรซะอีก แปลว่าพ่อแม่ของพารัมที่อยู่ที่หมู่บ้านบันกุไปรับเลี้ยงพารัมมาแล้วโกหกว่าเป็นผู้หญิง
แต่งงว่าตอนแรกก็ใช้ชีวิตร่างกายก็เป็นผู้หญิงพออายุครบ18ก็กลายเป็นยักษ์ผู้ชาย :katai4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 13-03-2017 14:33:02
พารัมเป็นยักษ์แล้วถูกสะกดไว้ในร่างผญหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-03-2017 09:21:19
เรื่องของสหัสมาแล้ว~
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 14-03-2017 15:43:29
ละหนูเป็นผญมาตั้งนานอยู่ๆมาเป็นผชได้ไงล่ะลูก โอ้ยยยยยย แฟนตาซีไปอีก  :katai1:

เราไม่สามารถมองพารัมเป็นผชได้ ช่วยด้วย  :mew6:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 15-03-2017 15:31:41
ตามมาจากดวงใจบรรนาการค่ะ เจิมๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 19-03-2017 00:49:22
เรารอเธออยุ่นะ พารัม
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 19-03-2017 01:50:56
 :call:โอมจงมาอยากอ่านต่ออีก
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 19-03-2017 05:17:11
น่าติดตามมาก
รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ia091 ที่ 19-03-2017 21:49:48
ถ้าพารัมเป็นเผ่ายักษ์จริงๆ สหัสโดนงาบแน่ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 20-03-2017 03:25:59
ทำไมไม่รู้ แต่อยากให้สหัสเป็นนายเอกจัง
แต่คือ ถึงพารัมเป็นผช.แต่ร่างกายตอนเป็นมนุษย์ก็ตัวเล็กเหมือนเดิม(รึป่าว)
แต่ใจนี้อยากให้พารัมเป็นพระเอกแล้วนะ 555555
เราจะพอมีหวังไหม??? ชอบค่าาาา ติดตามๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 25-03-2017 03:39:20
อยากให้สหัสเป็นพระเอก ไม่เป็นรับน้าาา  :hao3:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๒) ๑๑.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 25-03-2017 08:37:45
รีไรท์ 20/10/64



ตอนที่๓

                สหัสมองร่างตรงหน้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจนัก พารัมที่เขารู้จักเป็นสาวน้อยจากหมู่บ้านบันกุหากตอนนี้คนตรงหน้ากลับมีสภาพที่ไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดา ทั้งเขาและดวงตานั้นมันทำให้เขานึกถึง...ยักษ์ แต่จะเป็นไปได้ยังไงกันยิ่งคิดสหัสยิ่งไม่เข้าใจ ไหนจะร่างกายที่เป็นชายนั่นอีก

                “สหัสเกิดอะไรขึ้น” เสียงของพระสนมเธรานั้นส่งผลให้สหัสหันไปมอง พร้อมกับพารัม

                “พี่เธรา” พารัมเอ่ยเรียกก่อนจะก้าวขาไปหาแต่แล้วก็ชะงัก “อ๊ะ!” เสียงอุทานเหมือนเจ็บปวด ร่างของพารัมทรุดลงไปทันที เธราที่เดินเข้ามาใกล้รีบยื่นแขนออกไปประคอง ร่างของพารัมสั่นเบาๆเหมือนคนกำลังอดทนกับอะไรบางอย่าง

                “ปล่อย...ท่านเธราปล่อยก่อน” สหัสรีบเข้าไปดึงเธราออกมา แม้จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร แต่หากเกี่ยวกับยักษ์ล่ะก็ตอนนี้พารัมก็ไม่ใช่คนที่น่าเข้าใกล้นัก

                เธราโดนสหัสดึงตัวออกมาให้ห่างพารัมที่เริ่มมีอาการแปลกๆอีกครั้ง องค์วิรัลและท่านเจเนสที่ตามมาติดๆนั้นต่างตกใจกับภาพตรงหน้าไม่น้อย

                สายลมที่เริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หมุนรอบตัวพารัมราวกับจะปกป้องมันหมุนวนรอบร่างที่ดูเจ็บปวดของพารัมอยู่เป็นครู่ก่อนจะค่อยๆเบาบางลงและหายไปในที่สุด

                “พารัม พารัม” ท่านเจเนสทำท่าจะเข้าไปหากถูกจับไว้โดยองค์วิรัล

                “ข้าเข้าไปดูเอง” สหัสเอ่ยออกมา

                “ให้ข้าไปดีกว่า” ชุนเอ่ย

                “ไปทั้งสองคนแหละ เมื่อสักครู่สองคนยังจับไม่ค่อยจะอยู่เลย องค์วิรัลทรงเตรียมทหารให้พร้อมเถอะ เท่าที่เห็นน่าจะยักษ์” โชบุเอ่ยอออกมาง่ายๆ แต่ทุกคนที่ได้ยินกังวลทันที

                “พารัม” สหัสเอ่ยเรียกก่อนเดินเข้าไปใกล้ร่างของพารัม เหมือนคนที่นอนอยู่จะรับรู้ถึงเสียงเรียก พารัมขยับตัวลุกขึ้นนั่งผมยาวสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าที่หันมามองนั้นแม้จะมีแววสับสนหากมันคือใบหน้าของพารัมที่คุ้นเคยไม่มีเขาหรือเขี้ยวแปลกตาเหมือนเมื่อสักครู่

                “กลับร่างมนุษย์แล้วงั้นรึ”ชุนเอ่ยราวกับพูดกับตัวเองแต่สหัสกลับได้ยินชัดเจน



                ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                พารัมนั่งนิ่งๆอยู่ในห้องโถงใหญ่ในตำหนักหยาดหมอกขององค์วิรัล พารัมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีสติครบถ้วนตอนที่เกิดเหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ พารัมจำได้ว่าโมโหโชบุที่ล้อเล่นว่าเธอกินพวกไมนา ถ้าเป็นปกติพารัมอาจแค่โมโหและต่อว่าโชบุแม้เธอจะเจ้าอารมณ์แต่เรื่องล้อเล่นแค่นี้เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก หากวันนี้เธอกลับรู้สึกว่าโมโหและอยากจะฉีกโชบุให้เป็นชิ้นๆ พารัมระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลยสายลมเย็นที่พัดผ่านใบหน้าแทนที่จะทำให้อารมณ์เย็นลง พารัมกลับรู้สึกว่าความคุกกรุ่นภายใจกลับโหมแรงตามแรงลม เธอไม่สนใจเสียงห้ามไม่สนใจว่าใครอยู่ตรงหน้า และเมื่อความโกรธถึงขีดสุดพารัมกลับรู้สึกว่าบางอย่างมันปะทุออกมา เสียงเขาที่ค่อยๆงอกออกมาจากหน้าผากนั้นพารัมได้ยินชัดเจน ความเจ็บปวดราวถูกกำจนกระดูกแหลกละเอียด และทันทีที่ทุกอย่างสงบพารัมก็รับรู้ว่าร่างกายตนเองเปลี่ยนไปเธอมีเขามีเขี้ยวและที่สำคัญร่างกายของเธอเป็นชาย  ความตกใจมีอยู่เพียงครู่ทันทีที่เธอขยับตัวไปหาพี่เธรา ความเจ็บปวดก็รุมเร้าเข้ามาอีกครั้ง และเมื่อทุกอย่างสงบลงพารัมก็กลับมาเป็นหญิง อย่าว่าแต่ทุกคนจะไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไร เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

                “ดื่มน้ำหน่อยสิ” เจเนสเอ่ยเรียกพารัมก่อนส่งน้ำให้ดื่ม สายตาที่สับสนของพารัมนั้นน่าสงสารไม่น้อย

                พารัมรับน้ำมาดื่ม พอดีกับเธราและองค์วิรัลก้าวเข้ามาในห้อง เธราเดินมานั่งข้างๆพารัมก่อนลูบหัวหญิงสาวอย่างเห็นใจ พารัมน้ำตาคลอเธอจำได้ว่าพี่สหัสดึงพี่เธราให้ออกห่างจากเธอเพราะกลัวว่าเธอจะทำอันตรายพี่เธรา สำหรับสหัสเธอคงเป็นแค่ตัวอันตรายสินะ พารัมคิดก่อนเหลือบมองสหัสที่เป็นคนพาเธอมาที่ห้องนี้และยืนเฝ้ามาตั้งแต่แรกโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรกับเธอแม้แต่น้อย

                “เป็นยังไงบ้าง” โชบุกับชุนตามเข้ามาในห้อง ชุนเอ่ยถามพารัมทันทีที่เข้ามา ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองหญิงสาวอย่างละเอียดพารัมกลับมาเป็นหญิงสาวคนเดิมแล้ว

                “พ่อกับแม่ของเจ้าเป็นมนุษย์ใช่ไหมพารัม” คนที่เอ่ยเป็นองค์วิรัล คำถามที่พารัมพยักหน้ารับทันที

                “ถ้าการที่พารัมเป็นแบบนี้คือความลับ พารัมก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร ทางเดียวที่เราจะรู้คือไปถามพ่อแม่ของพารัม” โชบุเอ่ยออกมา

                “ข้าให้คนไปรับพ่อแม่พารัมแล้ว” เธราบอก

                “เปิดหน้าต่างสักหน่อยเถอะ อากาศอบอ้าวไม่ดีกับคนป่วย” โชบุพูดง่ายๆเดินไปที่หน้าต่างพลางใช้แขนดันให้บานหน้าต่างเปิดออก “เอ๊ะหรือไม่ใช่คน”

                “ข้าเป็นคน” พารัมหันไปบอกโชบุอย่างไม่พอใจ

                “คนอะไรจะมีเขาแทงออกมาจากหัวกันเล่า พารัม” โชบุพดพลางหัวเราะ ก่อนยกมือขึ้นบังใบหน้าเมื่อสายลมที่พัดเข้ามาในห้องเริ่มแรงขึ้น สายตาของอสรพิษเหลือบมองไปที่ชุนทันที

                “ธาตุลมงั้นรึ” ชุนเอ่ยออกมา ก่อนหยิบเอาแก้วเลือดสดๆ ที่เตรียมมาแต่แรก แล้วเดินเข้าไปหาพารัม พร้อมกับสหัสที่เดินมาสมทบ

                “ใจเย็นๆนะพารัม” ชุนบอกก่อนจับใบหน้าพารัมพยายามจะกรอกเลือดสดๆลงไป โดยมีสหัสคอยช่วยจับตัวพารัมที่เริ่มดิ้น วิรัลเดินไปประคองท่านป้าของตนให้ออกห่างพร้อมๆกับเธราเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ตอนนี้ทุกอย่างยังคงอยู่ในความตึงเครียด

                ร่างบอบบางของพารัมพยายามขัดขืนการกระทำของชุนแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลนักเมื่อสหัสช่วยจับอยู่อีกแรง และเมื่อเลือดสดๆไหลผ่านเข้าปากไปจนหมด พารัมก็ดูเหมือนจะสงบลง

                “อะไรกันทำไมต้องทำแบบนี้” เจเนสเอ่ยถามเธอใจไม่ดีเลยที่เห็นพารัมไม่เป็นปกติแบบนี้

                “ข้าคิดว่า พารัมน่าจะเป็นยักษ์” คนที่ตอบคือชุน มือหนาวางแก้วเลือดก่อนจะรับผ้าจากโชบุมาเช็ดมือ ส่วนพารัมตอนนี้ยังคงมีท่าทางมึนงง ใบหน้าน่ารักมีน้ำตาเอ่อคลอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสดๆเต็มตัว “ข้าคิดว่าน่าจะกำเนิดจากธาตุลม ส่วนเรื่องทำไมถึงอยู่ในร่างหญิงสาวนั้นข้ายังไม่แน่ใจคงต้องรอถามจากพ่อกับแม่ของพารัมที่บันกุ”

                “ข...ข้าเป็นยักษ์เหรอ” พารัมที่ดูเหมือนได้สติถามขึ้นมือเรียวเช็ดเลือดที่เลอะตามตัวขึ้นมาดูอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมถึงต้อง...” พารัมถามพลางยกมือที่เลอะเลือดขึ้นมา

                “ความโกรธาของยักษ์หากไม่สามารถระงับด้วยสติของตัวเองได้ ก็ต้องใช้ชีวิตสังเวย” ชุนพูดขึ้นมา “เจ้าโมโหโชบุที่ว่าเจ้าไม่ใช่คน ทันทีที่เจ้าเริ่มโมโหลมก็โหมแรงนั่นบ่งบอกว่าเจ้ามาจากธาตุลม ส่วนเลือดไก่นี่ก็แค่ช่วยให้เจ้าใจเย็นลง ปกติพวกยักษ์จะไม่ค่อยแสดงอารมณ์นักเพราะยักษ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่อารมณ์รุนแรง รัก เกลียด โมโห มักจะรุนแรงจนควบคุมไม่อยู่เสมอ” ชุนพูดออกมาอย่างกังวล เขาเองถึงแม้จะมีเลือดยักษ์อยู่เพียงครึ่งแต่สัญชาติญาณของยักษ์นั้นเขารับรู้ได้ชัดเจน

                “จะใจเย็นลงเมื่อได้ฆ่าน่ะ” เป็นสหัสที่เอ่ยออกมา เรื่องยักษ์นั้นในเมืองอมนุษย์เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดีถึงความเก่งกล้าและนิสัยที่ยากรับมือ “กินเลือดกินเนื้อ พวกยักษ์มักทำเมื่อโมโห” สหัสเอ่ยอธิบายเพิ่มเติม “เลือดไก่นี้อาจช่วยได้แค่ตอนนี้ เพราะเจ้ายังคงอยู่ในร่างของหญิงชาวมนุษย์เมื่อใดที่เจ้ากลับร่างของอมนุษย์เต็มตัวข้าคิดว่าแค่นี้คงเอาไม่อยู่”

                “แล้วจะทำยังไงดี เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พารัมจะกลับไปเป็น...เอ่อยักษ์” เจเนสถามออกมาทั้งเป็นห่วงพารัมแม้อีกใจหนึ่งจะหวาดหวั่นไม่น้อย

                ไม่มีใครตอบได้แม้กระทั้งพารัมเองที่ยังคงนั่งนิ่ง ดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ “เอาข้าไปขังไว้ในคุกก่อนก็ได้” เป็นพารัมที่เอ่ยออกมา ปลายเสียงมีแววสะอื้นทั้งที่เจ้าตัวพยายามฝืนเอาไว้ “ข้าไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ เอาข้าไปขังไว้ก่อนเถอะ”

                -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                ร่างบอบบางของพารัมนั่งนิ่งๆอยู่ในที่คุมขัง ชุดที่สวมสะอาดสะอ้านหลังจากได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อย ห้องที่เธออยู่ตอนนี้จะเรียกว่าคุกก็เชิง ห้องสี่เหลี่ยมแน่นหนาพารัมได้ยินว่าเป็นห้องสำหรับทำโทษนางกำนัลที่ทำผิดกฎ คล้ายๆห้องสำนึกผิด ดวงตาสวยเหลือบมองมือบางที่ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนขนาดใหญ่รวมทั้งข้อเท้าบาง แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกว่ามันหนักหรือเจ็บเลยสักนิด พารัมเอนตัวพิงกำแพงเบาๆ ห้องนี้มีฟูกหนาพอที่จะนอนได้สบายมีแสงไฟและอากาศถ่ายเทสะดวก เปลือกตาบางปิดลงก่อนย้อนนึกถึงตัวเองที่ผ่านมาพารัมคิดเสมอว่าตนเองคือมนุษย์ ตั้งแต่จำความได้พารัมก็อยู่ที่บันกุหมู่บ้านเล็กๆติดชายป่าศักสิทธิ์ พ่อกับแม่เอ็นดูและรักเธอเสมอมาแม้พารัมจะนิสัยไม่ดีอย่างไร ก็จะได้รับการให้อภัยจากพ่อกับแม่เสมอ แล้ววันนี้ล่ะเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นๆที่พัดไปมาอยู่บริเวณใบหน้า พารัมลืมตาขึ้นมาก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบว่าสายลมเย็นๆนั่นคือพายุลูกจิ๋วที่กำลังพัดอยู่ตรงใบหน้าของเธอ และเมือเจ้าพายุจิ๋วรู้ว่าพารัมลืมตามองมันก็ค่อยๆลอยมาใกล้ๆสายลมเย็นๆราวจะปลอบประโลมดวงใจที่กำลังสับสนพารัมรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อยมือเรียวยกขึ้นหมายจะแตะเจ้าพายุจิ๋วนั่น แต่ทันทีที่พารัมแตะมือลงไปมันก็สลายหายไปราวกับเป็นสายลมเย็นที่พัดผ่าน พารัมยิ้มเบาๆกับตัวเองอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ตัวคนเดียวสินะชุนบอกว่าเธอเป็นยักษ์ที่เกิดจากธาตุลม เจ้าพายุจิ๋วนั่นคงมามาปลอบโยนเธอล่ะสิ คิดได้ดังนั้นพารัมก็เอนตัวลงนอนบนฟูกก่อนจะพยายามข่มตาหลับแม้จะยังมีเรื่อมากมมายให้กังวลก็ตาม

                -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                “ข้าไม่เห็นด้วยที่จะขังพารัมแบบนั้น นางไม่ได้ผิดอะไรพารัมแค่ยังควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้น” เธราพูดขึ้นมา ตอนนี้เธราองค์วิรัลโชบุชุน และสหัสกำลังปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับพารัมดี

                “ที่พารัมแสดงร่างที่แท้จริงออกมาข้าคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนการครองบัลลังก์ของพาณา เพราะนี่ก็ใกล้ครบร้อยปีเต็มทีแล้ว” สหัสเอ่ยออกมา “หากนางเป็นยักษ์จริง ห้องแค่นั้นขังนางไม่ได้หรอกท่านเธรา” สหัสเอ่ยอย่างกังวล

                “ใช่สิพวกอมนุษย์จะมีการผลัดเปลี่ยนการขึ้นครองเมืองทุกร้อยปี ตอนนี้เผ่าพันธุ์ที่ครองบัลลังก์อยู่คือสิงห์ราสินะ” วิรัลเอ่ยก่อนมองมาที่สหัส “ข้าไม่รู้อะไรมากนัก แต่เท่าที่เห็นถ้ามันเกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนผู้ครองบัลลังก์จริงๆล่ะก็ พารัมเองก็น่าจะสำคัญกับการนี้ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นพวกยักษ์คงไม่ซ่อนนางไว้ในร่างของหญิงสาวชาวมนุษย์มาจนนางอายุขนาดนี้...เอ๊ะนี่พารัมอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ” วิรัลถามเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

                “น่าจะใกล้สิบแปดปีเต็มทีแล้ว” เธราบอก

                “สิบแปดปีงั้นรึ” วิรัลเอ่ยทวนออกมาอย่างไม่แน่ใจก่อนหันไปมองสหัสอย่างจะขอคำตอบ

 “ผู้ที่จะเข้าชิงบัลลังก์พาณาจะต้องแข็งแกร่งเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์และต้องอายุ สิบแปดปีเต็ม” สหัสเอ่ยช้าๆ หาเรียกความตึงเครียดได้ทันที

                --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                 ร่างของท่านเจเนสที่พ้นประตูออกไปนั้นส่งผลให้พารัมทิ้งตัวพิงฝาผนังอย่างหมดแรง เธอฝืนพูดคุยกับท่านเจเนสอยู่เป็นพักเพื่อยืนยันว่าเธอนั้นสบายดี และเข้าใจที่ถูกขังอยู่แบบนี้ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องนี่ก็เข้าวันที่สามแล้ว พี่เธราท่านเจเนสหรือแม้กระทั้งโชบุกับชุนก็แวะเวียนมาพูดคุยกับเธอ หากคนที่เธอต้องการเจอที่สุดกลับไม่เคยปรากฏตัวมาให้เห็นสหัสไม่เคยมาหาเธอแม้แต่ครั้งเดียว แม้พารัมจะรู้ว่าสหัสไม่เคยมีใจให้ สิงห์ราที่แสนซื่อสัตย์นั้นไม่เคยใส่ใจเธอทุกสิ่งทุกอย่างของสหัสคือท่านเธรานายของตน แต่ในใจลึกๆพารัมก็คาดหวังว่าสหัสจะเห็นความในใจของตนบ้าง

                ร่างบอบบางยันตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่รู้สึกว่ามีคนเดินมาที่หน้าห้อง นี่คืออีกอย่างที่พารัมรู้สึกได้ว่าตัวเองเปลี่ยนไป ประสาทสัมผัสของเธอมันเร็วขึ้นจนบางทีพารัมก็ยังไม่ชินนัก

                “พารัม” เสียงหวานๆของเนลเอ่ยขึ้น ก่อนเดินมานั่งใกล้ๆ “เจ็บไหม” มือเรียวของเนลแตะลงที่ข้อมือของพารัมที่มีโซ่เส้นหนาพันเอาไว้

                พารัมส่ายหน้าก่อนจะซบหัวลงไปที่ไหล่ของเพื่อนสนิทอย่างเหนื่อยล้า “เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” พารัมเอ่ยถาม เรื่องของเธอนั้นถูกปิดเป็นความลับ แต่ตัวพารัมก็รู้ดีว่าในวังหลวงน่ะไม่มีอะไรที่เป็นความลับได้จริงๆหรอก ข่าวลือแพร่ไวกว่าลมพัด เรื่องไหนที่ต้องการเก็บซ่อนไว้เรื่องนั้นย่อมรู้กันทั่วถึง

                “เขาว่ากันว่าเจ้าเป็นบ้า” เนลบอก “ทำลายตำหนักท้ายบึงเสียเละเทะไปหมด ไหนจะอาละวาดจนท่านสหัสบาดเจ็บอีก พวกนางกำนัลคนอื่นบอกว่าเจ้าสติแตกเพราะท่านสหัสไม่รับรัก” เนลบอกก่อนหันไปมองพารัมที่ขยับตัวนั่งแล้วมองมายังตน

                “นังพวกนี้มันน่าจับกินให้หมด” พารัมพูดออกมาก่อนจะชะงัก เธอตกใจตัวเองไม่น้อยที่หลุดคำนี้ออกมา จับกินเหรอคนปกติที่ไหนจะอยากจับคนอื่นกิน

                “แล้วเจ้าเป็นอะไรกันแน่พารัม ข้าเป็นห่วงทำไมถึงต้องล่ามเจ้าด้วยโซ่ตรวนราวนักโทษแบบนี้ แถมยังมีทหารยามเฝ้าหน้าห้องอีก นี่กว่าข้าจะขอท่านเจเนสให้เข้ามาหาเจ้าได้ไม่ง่ายเลยนะ” เนลเอ่ยด้วยความเป็นห่วงเธอจึงไม่ได้สังเกตุเห็นท่าทางชะงักของพารัม

                “ข้า...” พารัมยังไม่ทันได้ตอบ ชุนก็เข้ามาในห้องเสียก่อน

                -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                พารัมถูกพาออกมาที่ตำหนักหยาดหมอกขององค์วิรัล โดยที่ยังถูกพันธนาการด้วยโซ่เส้นเขื่อง ที่สวนดอกไม้ขนาดใหญ่พารัมเห็นว่าตอนนี้มีทั้งโชบุองค์วิรัล พี่เธราและคนที่เธอเฝ้ามองมาตลอดสหัส พารัมนั่งลงง่ายๆแม้จะไม่เข้าใจอะไรนัก ที่ทุกคนมีท่าทีเคร่งเครียด

                “พารัม ข้าให้คนไปรับพ่อกับแม่ของเจ้าที่บันกุ แต่ว่าทันทีที่ไปถึงก็...” เธราที่เป็นคนเอ่ยขึ้นก่อนกลับเงียบไปอย่างกังวล

                พารัมไม่ได้ถามหากหัวใจกลับเริ่มเต้นเร็ว เกิดอะไรขึ้นที่บันกุแล้วพ่อกับแม่เธอล่ะ สหัสเดินเข้าไปใกล้พารัมทันทีมือหนาจับที่โซ่ที่ล่ามข้อมือของพารัมไว้แน่นราวกลัวว่าพารัมจะไปทำร้ายใคร พอๆกับชุนที่เดินเข้ามาใกล้

                “คืนนี้อายุเจ้าจะครบสิบแปดปีใช่ไหม” ชุนถาม

                “เกิดอะไรขึ้นที่บันกุ” พารัมถามเสียงอ่อนใบหน้ามีแววกังวล โดยที่ไม่ยอมตอบคำถามของชุน

                เธราเดินมาใกล้แต่ก็ต้องหยุดเมื่อสหัสยกมือห้าม ของบางอย่างจึงถูกส่งต่อจากเธรามายังสหัสก่อนที่จะส่งต่อมายังพารัม สร้อยเส้นเล็กๆที่พารัมเห็นว่าแม่สวมมาตลอดมันเป็นแค่สร้อยธรรมดาที่มีจี้เป็นหินก้อนเล็กๆสีออกแดงเท่านั้น

                “สร้อยของแม่” พารัมพูดออกมาเสียงเบาๆนั้นสั่นสะท้าน “ก...เกิดอะไรขึ้น”

                “แม่ของเจ้าฝากมาให้เจ้า นางบอกว่ามันจะปกป้องเจ้าเมื่อถึงเวลา” เธราบอก เขาส่งทหารไปรับพ่อกับแม่ของพารัมแต่สิ่งที่ได้รับรู้คือเมื่อกองทหารไปถึง หมู่บ้านบันกุนั้นก็ไม่เหลือใครแล้ว บ้านทุกหลังเหลือเพียงตอตะโก เมื่อเข้าไปสำรวจก็พบว่าพ่อของพารัมนนั้นถูกฆ่าตายพร้อมกับชาวบ้านบางส่วน และแม่ของพารัมก็บาดเจ็บสาหัสนางพยายามบอกว่าให้นำสร้อยเส้นนี้มาให้พารัม และสิ้นใจก่อนที่จะได้รับการรักษา สิ่งที่รับรู้มาทำเอาเธราทำใจบอกกับเด็กสาวที่ดูสับสนตรงหน้าไม่ลงจริงๆ

                “แล้วแม่กับพ่อข้าล่ะ” พารัมถามมือเรียวหยิบเอาสร้อยขึ้นมาดู พาลนึกไปถึงใบหน้าของมารดาของตนที่เคยสวมสร้อยเส้นนี้อยู่เป็นประจำ

                “พารัม พวกเราไปไม่ทัน พ่อกับแม่ของเจ้า ตายแล้ว” เป็นวิรัลที่เอ่ยออกมาแทนเมื่อเห็นว่าเธราทำใจยากที่จะบอกเรื่องนี้กับพารัม

                ชุนหยิบเอาสร้อยจากมือของพารัมก่อนสวมมันลงบนคอของหญิงสาว ดวงตาสีดำเหลือบมองสหัสเมือพารัมก้มหน้าลงสะอื้นเบาๆ ร่างบอบบางทรุดลงไปที่พื้นเสียงสะอื้นที่ดูเหมือนจะเริ่มดังขึ้น วิรัลให้สัณญาณทันทีเมื่อลมเริ่มพัดแรงขึ้นตามอารมณ์ของพารัม ทหารเข้ามาประจำการกับตาข่ายขนาดใหญ่ถูกเตรียมพร้อม

                สายลมที่พัดเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สหัสกับชุนเข้าไปจับแขนทั้งสองข้างของพารัมก่อนดึงเอาร่างของหญิงสาวให้ออกไปยังกลางสวนดอกไม้

                “ปล่อยข้า” พารัมตะโกนน้ำตาอาบใบหน้า “ข้าจะไปหาพ่อกับแม่ ปล่อยนะ” พารัมสะบัดจนหลุดแต่สหัสก็คว้าเอาเอวบางไว้แน่น

                ลมที่พัดแรงเริ่มกลายเป็นพายุลูกเล็กๆรอบตัวพารัม ความแรงของลมนั้นบาดลงไปที่ผิวจนชุนและสหัสที่จับตัวพารัมอยู่นั้นได้แผล และเมื่อลมแรงขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายสหัสกับชุนก็กระเด็นออกมาจากพารัมร่างบอบบางถูกดูดกลืนเข้าไปในพายุนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

                “อ๊ากกกกกกกกก” เสียงของพารัมที่เล็ดรอดออกมาจากสายลมที่ล้อมรอบตัวเองนั้นฟังดูน่าขนลุก แต่เหมือนคราวนี้พายุนั้นจะจงใจหมุนอยู่เพียงแค่รอบตัวพารัม สิ่งของรอบๆนั้นไม่ได้ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย

                “มันจะเกิดอะไรขึ้น” เธราถามออกมาอย่างกังวล

                “ถ้าพารัมเป็นยักษ์จริงๆ ข้าคิดว่าคราวนี้เราคงได้เห็น ร่างยักษ์ที่แท้จริงแล้วล่ะ” ชุนเอ่ยออกมาร่างกายมีบาดแผลประปราย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจเท่าไหร่เมื่อสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่พารัม ร่างกายของชุนเริ่มเป็นสีแดงตามธาตุที่กำเนิด ยักษ์นั้นก่อกำเนิดตามธาตุทั้งสี่ ชุนนั้นแม้จะเป็นเพียงแค่ลูกครึ่งยักษ์แต่เขาก็ก่อเกิดจากธาตุเตโช ส่วนร่างที่กำลังร้องอย่างทรมานอยู่นั้นคงก่อกำเนิดจากวาโยเป็นแน่

                สหัสยืนนิ่งมองภาพตรงหน้าก่อนตัดสินใจกลายร่างเป็นสิงห์ราเต็มตัว กรงเล็บคมกางออกราวเตรียมพร้อม

                “สหัสอย่าทำร้ายพารัมนะ” เธราเอ่ยเตือนเขาที่เป็นนายแห่งสิงห์รับรู้ความรู้สึกของสิงห์ราของตนได้เสมอ และคราวนี้ความคิดของสหัสน่ากลัวไม่น้อย”

                “พวกยักษ์ไว้ใจไม่ได้” สหัสเอ่ยออกมาเสียงคำรามในลำคอดูน่ากลัวร่างของสิงห์ราที่โตเต็มวัยนั้นดูน่าเกรงขาม ขนสีเงินนั้นเงางาม หากพลิ้วไหวตามแรงลมดูสวยงามและเด็ดเดี่ยว

                “ข้าไม่เห็นว่าชุนจะเคยหักหลังใคร” เป็นโชบุที่เอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ

                สหัสไม่ฟังคำพูดของใครแม้แต่เธราที่เป็นนายแห่งตน สำหรับเขาพวกยักษ์นั้นไม่น่าไว้ใจ อมนุษย์ที่กลืนกินได้ทุกสรรพสิ่ง อารมณ์รุนแรงที่สามารถทำลายเมืองได้ในพริบตา หากไม่อันตรายพวกเขาคงไม่มีพิธี ล่ายักษ์กันหรอก

                “สหัส นี่คือคำสั่งอย่าทำร้ายพารัมนะ” เธราเอ่ยเสียงหนักแน่น ความรู้สึกของสหัสที่เขารับรู้ได้น่าขนลุกไม่น้อย ตั้งแต่ทำพิธีเป็นนายแห่งสิงห์มาสหัสไม่เคยมีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย

                เสียงฟึดฟัดของสหัสยิ่งทำให้บรรยากาศตึงเครียดมากกว่าเดิม แต่แล้วภาพตรงหน้าก็เรียกความสนใจของทุกคนได้ทันทีเมื่อร่างที่ปรากฏชัดขึ้นท่ามกลางลมพายุนั้น ค่อยๆใหญ่โตขึ้นความสูงของมันเป็นสามเท่าของมนุษย์ธรรมดา ใบหน้าประดับด้วยเขี้ยว และหน้าผากที่มีเขาแทงออกมานั้นดูน่ากลัว ดวงตาที่โตนั้นข้างหนึ่งสีดำส่วนอีกข้างกลับมีสีแดงราวถ่านร้อนๆ

                สหัสพุ่งตัวออกไปทันทีพอๆกับโชบุที่เข้าไปโดยไม่ลังเล ทหารที่เตรียมพร้อมอยู่เข้าประจำที่ ตาข่ายเหล็กขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงออกไป หากตาข่ายเหล็กกลับถูกลมแรงพัดออกไปทันทีเพียงแค่เจ้าของดวงตาสองสีเหลือบมอง

                สหัสตรงเข้าไปต้านพารัมในร่างยักษ์ไม่ให้เข้ามาใกล้ที่คนอื่นยืนอยู่ ชุนที่ตามมาเข้าไปช่วยอีกแรง ร่างของสิงห์รานั้นสูงเพียงอกของยักษ์ตรงหน้า หากสหัสก็ไม่ได้เกรงกลัวเขาออกแรงดันพารัมในร่างยักษ์บ้าเลือดนั้นอย่างสุดแรง

                “ว๊ากกก” ร่างใหญ่โตคำรามดังก้อง มือหนาทุบลงไปที่หลังของสิงห์ราที่เข้ามาขวางอย่างแรง ชุนที่เข้ามาช่วยถูกสะบัดกระเด็นไปไกล แต่ก่อนที่จะมีคนเจ็บไปมากกว่านี้ เสียงคำรามของสายฟ้าก็ดังขึ้นพร้อมกับโซ่สายฟ้าที่ฟาดลงมายังร่างใหญ่โตนั้นเขาอย่างจังแสงสีฟ้ารัดร่างของพารัมจนล้มลง

                ชายผู้เป็นเจ้าของโซ่สายฟ้าปรากฏตัวขึ้น ราซีนในชุดชาวบ้านมาถึงทันเวลาพอดี มือหนาสะบัดโซ่ให้แน่นขึ้นอีกครั้ง ร่างใหญ่โตของยักษ์จึงค่อยๆเล็กลงจนมีขนาดเท่ามนุษย์ปกติ หากอาการเกรี้ยวกราดยังคงมีอยู่

                “ท่านราซีน” เธราเอ่ยออกมานึกโล่งใจทีราซีนมาทันเวลา เพราะถ้าไม่มีโซ่สายฟ้าก็ไม่รู้ว่าสหัสกับชุนจะต้านอยู่ถึงเมื่อไหร่ โซ่สายฟ้าอาวุธที่สามารถจับอมนุษย์ได้ทุกชนิดอย่างน้อยตอนนี้ก็ต้องอาศัยให้ช่วยจับพารัมไว้ก่อนชั่วคราว เธราคิดอย่างกังวล

                “ทำไมเหมือนไม่มีสติแบบนี้ล่ะ” โชบุเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพารัมที่ร่างกายกลับมาขนาดเท่ามนุษย์แล้ว หากยังมีอาการโกรธเกรี้ยว

                “คงยังเสียใจเรื่องพ่อแม่ เรื่องบันกุไหนจะกังวลเรื่องตัวเองที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นอมนุษย์ อารมณ์ของยักษ์มักยากจะควบคุม ตอนนี้เราคงต้องขังไว้ก่อน” ชุนเอ่ยออกมา

                “เกิดจากธาตุวาโย แต่มีดวงตาของเตโชเท่าที่รู้ยักษ์ผู้ครองทั้งสองธาตุ ตนสุดท้ายคือราชาของพาณาผู้ทำพันธะสัญญาแห่งเผ่าพันธุ์ทำให้อมนุษย์เลิกออกล่ามนุษย์เป็นอาหาร เขาว่าเก่งกล้าจนสามารถทำให้เผ่าพันธุ์ยักษ์ครองดินแดนอมนุษย์อยู่เกือบพันปีเชียว” ราซีนเอ่ยออกมาก่อนมองไปยังพารัมที่ยังคงขัดขืนการถูกจับพร้อมคำรามเสียงดัง

                “มันก็แค่นิทาน” สหัสย้อนขึ้นมาอย่างไม่พอใจถึงแม้ว่าเขาเองก็รู้ถึงตำนานนี้ดี

                “หึ กลัวว่าหากนิทานเป็นเรื่องจริง สิงห์ราแบบเจ้าจะกลายเป็นตัวร้ายแทนที่ยักษ์อย่างนั้นรึท่านสหัส แม่ทัพหนุ่มแห่งพาณา”  ราซีนอย่างติดตลก

                “อะไรนะ แม่ทัพแห่งพาณา สหัสน่ะรึ” องค์วิรัลเอ่ยถามแม้เขาจะพอรู้ว่าสหัสน่าจะเป็นสิงห์ราชั้นสูงก็เถอะ

                “จริงหรือสหัส” เธราเอ่ยถาม

                “อะไรกันพระสนม คำพูดข้ามันเชื่อถือไม่ได้ขนาดนั้นเลยรึ” ราซีนเอ่ยก่อนหัวเราะพลางยักไหล่ “เอาเถอะไม่เชื่อข้าก็ตามใจ ถามเหล่าสิงห์ราที่ยกฝูงมารับแม่ทัพของตนแล้วกัน”

                “หายความว่ายังไงราซีน เจ้าพาใครมา” สหัสเอ่ยถาม

                “ท่าน สหัสแม่ทัพแห่งพาณา ข้ามารับท่านกลับเมืองอมนุษย์” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับการปรากฏของร่างบอบบางผมสีเทาที่มวยไว้หลวมๆกลางศีรษะรับกับใบหน้าเรียวเล็ก ปากสีอ่อนอิ่มได้รูปช่างเหมาะกับดวงตากลมโตที่สวยจับตา

                “คาร์มา!!!!”
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 25-03-2017 09:15:41
รออยู่น้าาาาาาาาาาเร็วๆน้าาาาาาาาาาคร้าบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: โอ ที่ 25-03-2017 09:17:44
 :o12:อยากอ่าต่อ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 25-03-2017 13:36:51
คิดถึงๆๆๆๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 25-03-2017 16:33:37
คิดถึงงงงงง
เฝ้ารอมานานนน แค่อัพครึ่งแรกก็ดีจายยยย
ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 25-03-2017 16:50:29
ลุ้นทุกตอนนนนนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-03-2017 23:02:20
ยังไงต่อๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-03-2017 00:52:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 26-03-2017 15:30:30
มารออ่านต่อค่ะ  สนุกตื่นเต้นมากๆค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dellyamin ที่ 26-03-2017 19:31:36
รออยู่นะ ตอนนี้ไม่อยากคาดเดาอะไรเลย 555555 พารัมดูจะมีส่วนเกี่ยวกับการชิงบัลลังก์ แล้วสหัสล่ะน่าจะมีส่วนด้วยแน่ๆ เป็นกำลังใจแล้วก็รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๕๐%) ๒๕.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 27-03-2017 09:46:39
รีไรท์ 20/10/64
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 27-03-2017 10:40:27
รออออ น่าติดตามมักๆๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 27-03-2017 10:43:30
ชอบมากก เดาทางไม่ออกเลย ลุ้นๆๆๆ :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-03-2017 06:44:36
สหัสกลายเป็นแม่ทัพตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: SaJung13 ที่ 28-03-2017 07:28:04
แล้วจะได้คู่กันไหมเนี้ย
อยู่ฝั่งตรงข้ามกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-03-2017 08:13:23
สหัสเป็นแม่ทัพแห่งพาณา!!
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-03-2017 08:43:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dellyamin ที่ 28-03-2017 09:25:05
เง้อออออ สหัสเป็นแม่ทัพได้ไง~~~~ ตอนมายังเป็นหนุ่มน้อยอยู่เลย เอ๊ะ รึว่าจะเป็นมาตั้งแต่แรก //มีความมึนงง 55555 รออ่านดีกว่า คิดตามไม่ทันเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mefayysuju ที่ 29-03-2017 12:25:59
โงยยยยยยยยยยยยยย ตื่นเต้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :sad4:  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 29-03-2017 14:16:07
มีแวบบว่ามีเรื่องก่อนเป็นดวงใจบรรนาการ เด๋วปะอ่านเรื่องนั้นด้วย ยังไม่เคยอ่านเลย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-03-2017 22:04:09
สหัสกับพารัมจะคู่กันมะ ยังไม่เห็นทางเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 29-03-2017 22:10:10
เรื่องเริ่มยุ่งวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 29-03-2017 22:42:38
ยังคงลุ้นอย่างต่อเนื่อง รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: tistaek ที่ 29-03-2017 23:57:29
 :katai2-1:
น่าติดตามคะ เรื่องนี้เปนของสหัสกับพารัมใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Missmu ที่ 02-04-2017 05:32:51
เข้ามาถือป้ายไฟเชียร์สหัส  :impress2:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 03-04-2017 07:02:46
โอ้ สหัสไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
น่าสงสารพารัมจัง
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: l2_in* ที่ 05-04-2017 17:19:59
อยากให้สหัสคู่กับคาร์มา ฮืออออ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Lovetree ที่ 05-04-2017 21:45:41
อยากให้พารัมเป็นยักษ์ชายเต็มตัวแล้วจะได้เชียร์อย่างเต็มที่ค่ะ :mew2:

รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ  ขอบคุณมากค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๓-๑๐๐%) ๒๗.๐๓.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 09-04-2017 05:21:01
ตอนที่๔

     รอรีไรท์

   

   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาแล้วค่าาาาา
ชอบไม่ชอบยังไงเม้นบอกด้วยนะคะ 55555
หากใครได้ตามในแฟนเพจ หรือทวิตจะเคยเจอที่พิมบอกว่า
หากเธราดีเกินไปเรานำเสนอ ดวงใจรักขสะ ค่ะ 5555555555
ก็เป็นไปตามนั้นค่า 55555
ฝาก #ดวงใจรักขสะ ด้วยนะคะ 
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-04-2017 05:38:23
สหัสจากมาเพราะช้ำรัก พารัมดามใจที o18
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mefayysuju ที่ 09-04-2017 06:29:34
ดูเข้าเถียงกันก็แอบละเหี่ยใจ
อยากรู้จริงๆว่าจะรักกันได้ยังไง
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-04-2017 07:00:11
สหัสต้อดทนขนาดไหนเนี่ย โอ้ยยย อยากจะตีพารัม ดื้อ แล้วก็เซ้าซี้มาก ถึงจะเพราะรักก็เถอะนะ สหัสต้องอดทนขนาดไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 09-04-2017 07:36:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 09-04-2017 10:07:23
 o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-04-2017 10:10:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2017 14:33:39
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 09-04-2017 15:20:41
ถ้ารักกันเมื่อไหร่ ลูกดกแน่ๆ5555
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 09-04-2017 19:32:37
หรือว่าสหัสจะอกหักมา  :katai1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dellyamin ที่ 09-04-2017 20:25:45
ที่แท้ก็เป็นแม่ทัพมาแต่แรก ชิลๆ อกหักรักคุดหนีมาแน่ๆ คามาร์นี่ต้องเจอกับพารัม เห็นแววหายนะของสหัสละ 555555 วุ่นวายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ia091 ที่ 09-04-2017 23:30:13
โธ่ ท่านราซีน 55555
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 13-04-2017 14:03:07
ตามขนมปังที่ท่านเธราโรยไว้แล้วมาเจอเรื่องนี้ 55555 เซอร์ไพรส์มากกกกก สหัสสิงห์ราหน้าสวยสง่าที่เคยเดาไว้ว่าต้องเป็นเคะในเรื่องนี้แน่ๆ กับสาวน้อยพารัมกลับมากลายเป็นหนุ่มยักษ์มือใหม่ขี้โมโหเอาแต่ใจ โอว้าวววววว สนุกอ่ะ คาดเดาอะไรไม่ได้จริงๆกับเรื่องนี้ ตามอ่านและลุ้นตามได้อย่างเดียว คนเขียนเก่งมากจริงๆ  o13

สรุปว่าเดี๋ยวสหัสกับพารัมเป็นแคนดิเดทต้องไปชิงตำแหน่งเจ้าผู้ครองภพกันเองเหรอ? ครองด้วยกันทั้งคู่เลยดีไหม? ไม่เสียดุลทั้งสองเผ่าพันธ์นะ 55555 มาต่อเร็วๆนะคะ ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ นิยายสนุกมากจริงๆ ฮึบๆๆๆๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-04-2017 15:34:07
มาตามด้วยยย!!  พารัมเข้าข่าย ปากดี ขี้เหงา เอาแต่ใจนะนี่ 555++

#เกิดมาเพื่อรวบรวมสามเผ่าพันธุ์อีกแล้วรึเปล่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 15-04-2017 19:31:37
ดูไม่ออกตกลงใครจะเป็นเคะ??
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Nuismail ที่ 18-04-2017 12:56:02
ตามท่านเธรามาจากเรื่องกระนู๊นเลยคะ
ตัวเอกในเรื่องนี้ผิดคาดเลย 555 เนื้อเรื่องน่าติดตามเหมือนมากๆ บวกเป็นเป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคร๊ สู้ๆ มาต่อไวๆนะ อยากเห็นยักษ์น้อยป่วนแล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๔) ๙.๐๔.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 08-05-2017 06:08:02
ตอนที่๕
   รอรีไรท์

 :katai4: :katai4: :katai4:
มาแล้วค่า หายไปนานเลยย
ฝาก ยักษ์น้อยด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-05-2017 06:47:44
อ้าวววว พารัมมม
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-05-2017 07:42:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 08-05-2017 09:35:22
โอ้วววววววว ตื่นเต้นมากกก อ่านไปจิกโทรศัพท์ไป ใครเป็นเหมือนเรามั่ง?? 55555

สุดยอดจริงๆเรื่องนี้ จินตนาการสูงล้ำ คาดเดาไม่ได้เลย ซีนที่เวลาแต่ละตนแปลงร่าง เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก เท่ห์มากอ่ะ พารัมมาแรงมากภาคนี้  o13
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 08-05-2017 12:38:03
น่าตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ติดตามค่า น่าสนุก ลุ้นๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 08-05-2017 19:31:34
 :mc4: o13 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 09-05-2017 02:48:50
โอ้โหแฟนตาซี  :katai1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-05-2017 09:52:37
กำลังสนุกเลย~
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-05-2017 12:43:30
กำลังสนุกเลย อย่าหายไปนานอีกนะ :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 10-05-2017 21:04:29
สนุกมาก พารัมน่าสงสารสุดๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mefayysuju ที่ 12-05-2017 08:22:02
พารัมโตขึ้นมาก โอ้ยยยยย แต่หนูต้องไม่เป็นอะไรนะ
เอาใจช่วย ฮืออออ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๕) ๘.๐๕.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 20-05-2017 05:09:03
ตอนที่๖
   ดวงตาสีเทาที่แวววาวในที่มืดนั้นเหม่อมองออกไปราวไร้จุดหมาย สหัสที่ยืนนิ่งไม่ขยันตัวราวกำลังครุ่นคิดอะไรบางงอย่าง ร่างสูงใหญ่ที่เติบโตขึ้นมาอย่างสง่างามนั้นช่างน่าดู สิงห์ราสูงศักดิ์ที่ระเห็จออกมาจากบ้านเกิดเมืองนอนและสุดท้ายกลายเป็นสิงห์ราที่มีนายนั้นหากมองในสายตาของอมนุษย์ด้วยกัน คงจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายแต่สำหรับเขาการที่เขาได้มาติดตามท่านเธรา ทำให้เขาได้เติบโตขึ้นเรียนรู้ที่จะมองโลกในอีกมุมที่เขาในขณะที่เป็นแม่ทัพแห่งพาณาไม่เคยได้นึกถึง   
 
   “สหัส” เสียงหวานที่คุ้นหูทำเอาสหัสอยากจะถอนหายใจ  ก่อนขยับตัวหนีสัมผัสแผ่วเบาที่ต้นแขนเมื่อเจ้าของเสียงเรียกเอื้อมมือมาจับ

   “คาร์มาเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเพ่นพ่านแบบนี้นะ” สหัสบอกออกไปอย่างเย็นชา เขารู้ดีว่าเรื่องของพารัมนั้นคงไม่พ้นสายตาและสันชาติญาณของคาร์มาไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียการที่คาร์มาที่เป็นอมนุษย์ที่มีอำนาจพอที่จะก่อให้เกิดสงครามได้มาอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้ย่อมไม่ส่งผลดีต่อนันทานครมากนัก

   “ข้าไม่รู้มาก่อนว่านันทานครมีประเพณีขังแขกไว้แต่ในห้องที่มีทหารเฝ้าราวกับนักโทษ” คาร์มาบอกน้ำเสียงมีแววไม่พอใจแฝงอยู่อย่างไม่ปิดบัง
   “เรื่องอะไรที่เกิดที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า” สหัสบอกตรงๆ
   “ยกเว้นเรื่องของท่าน สหัสกลับพาณากับข้าเถอะ” คาร์มาวกเข้าเรื่องเดิมเขาพอรู้ว่าเจ้าเด็กพารัมนั้นต้องมีอะไรซ้อนอยู่ไม่มากก็น้อย แล้วพลังงานรุนแรงบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ตอนเกิดจันทร์ดับนั้นยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าตอนนี้ในนันทานครเมืองที่แสนเกรียงไกรของพวกมนุษย์นั้นกำลังเก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้ สิ่งมีชีวิตที่น่าจะเกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนผู้ครองบัลลังก์ของพาณานั่นก็คือยักษ์ที่ในเมืองอมนุษย์แทบจะสาปสูญไปแล้วด้วยซ้ำ
   “คาร์มาเจ้าชอบสิ่งใดในตัวข้า” อยู่ดีๆสหัสก็ถามคำถามที่ทำเอาคนฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มงดงามเมื่อคิดว่าสหัสนั้นคงเริ่มจะใจอ่อน
   “ท่านที่แสนงดงาม กล้าหาญซื่อสัตย์และรักษาคำพูดเยี่ยงชีพ” คาร์มาบอกก่อนเดินเข้ามาใกล้สหัสและจับมือแกร่งขึ้นมากุมไว้กลางหน้าอก “กลับพาณากับข้านะ”
   “งั้นเจ้าก็คงรู้คำตอบแล้วคาร์มา” สหัสบอกเสียงเรียบพลางดึงมือออกมากการเกาะกุมพร้อมถอยห่าง “ข้าไม่กลับพาณากับเจ้า” สหัสบอกง่ายๆ “ข้ารักษาคำพูดของข้าเสมอ”
   คำตอบที่ทำเอาคาร์มากัดฟันแน่น พลางเชิดหน้าขึ้น “ถ้าท่านรักษาคำพูดจริง ท่านต้องรักษาคำสัญญาที่ให้กับข้าไว้สิทำไมท่านถึงทำเหมือนจำมันไม่ได้”
   “ข้าจำได้”
   “ท่านสัญญาว่าจะเคียงข้างข้าตลอดไป” คาร์มาเอ่ยดวงตาเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
   “สัญญาที่ข้าต้องรักษาอยู่ฝ่ายเดียว เจ้าไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือคาร์มา” สหัสเอ่ยน้ำเสียงเรียบริมฝีปากงดงามได้รูปกระตุกยิ้มมุมปากราวเย้ยหยันก่อนจะหันหน้าออกไปอีกทางดวงตาสีน้ำเงินทอดมองดวงจันทร์ที่กำลังสาดแสงเรื่อเรืองอยู่ปลายท้องฟ้าอีกไม่นานดวงตะวันคงจะขึ้นมาทำหน้าที่แทน ไม่ว่าอย่างไรท้องฟ้าก็ไม่เคยเดียวดาย เช่นเดียวกับคาร์มาต่อให้ไม่มีเขา คาร์มาก็ไม่มีทางที่จะโดดเดี่ยว
   “ท่านยังโกรธเรื่องคืนนั้น ข้าอธิบายได้นะ...”
   “ข้าไม่ต้องการคำอธิบายที่ใช้เวลานานเกือบสี่ปีกว่าจะเอ่ยออกมา คาร์มาเจ้ากลับไปเถอะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่กลับพาณาไปกับเจ้า” สหัสบอกก่อนทำท่าจะก้าวเดินจากไปก่อนชะงักแล้วหันมายังคาร์มาอีกครั้ง  “นันทานครไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ เจ้าคงรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร” สหัสบอกก่อนจะหันหน้าเดินจากไปคราวนี้เขาไม่แม้แต่จะหันมามองแม้คาร์มาจะเอ่ยเรียกเขาก็ตาม
   ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   คาร์มายืนนิ่งอยี่เดิมโดยไม่ยอมขยับไปไหน สิงห์ราหนุ่มแสยะยิ้มกับตัวเองทันทีเมื่อรับรู้ว่ามีบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้
   “ข้านึกว่าจะแอบจนเช้าซะอีก” คาร์มาบอกก่อนหันมาพบกับร่างของผู้มาเยือน
   “ถ้าไม่แอบฟังจะเห็นเจ้า มาตามตอแยให้พี่สหัสกลับไปกับตัวเองรึไง” พารัมตอบออกมาอย่างไม่รู้สึกผิดที่ตัวเองแอบฟังคนอื่นคุยกัน จริงๆแล้วพารัมนั้นโดนพาไปอยู่ในห้องและล่ามด้วยโซ่ตรวดังเดิม เพราะต่อให้ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าพารัมคือยักษ์และดูเหมือนพารัมจะควบคุมตัวเองได้ในระดับหนึ่งแต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน พารัมจึงถูกนำไปขังไว้ก่อน แต่ดูเหมือนความสามารถพิเศษต่างๆที่เริ่มปรากฏนั้นทำเอาพารัมเริ่มอยู่ไม่สุข เมื่ออยู่ดีๆพารัมก็ได้กลิ่นของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสามารถแยกมันได้ว่ากลิ่นนี้คือใคร ทั้งที่พารัมไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ากลิ่นของสิงห์ราเป็นอย่างไร ทั้งกลิ่นของสหัสและกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย  สหัสที่มาส่งพารัมที่ห้องขังนั้นออกไปจากห้องสักพักแล้วแต่พารัมก็ยังได้กลิ่นอยู่แปลว่าสหัสคงยังไม่ไปไหนไกล และอยู่ดีๆกลิ่นของสิงห์ราตนใหม่ก็ปรากฏขึ้นพารัมใช้เวลาไม่นานนักในการปักใจว่าเจ้าของกลิ่นนั้นคือคาร์มา คิดได้ดังนั้นพารัมเลยลองใช้มือของตัวเองง้างโซ่ตรวนที่ใช้พันธนาการตนออก และมันก็คลายออกอย่างง่ายดายด้วยพละกำลังของยักษ์ เรี่ยวแรงที่เพียงคิดอยากใช้ก็ปรากฏอย่างง่ายดาย พารัมพาตัวเองออกมาข้างนอกอย่างเงียบเชียบและก็พบกับสหัสและคาร์มาจริงๆทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่เป็นครู่บทสนทนาที่พารัมได้ยินชัดทั้งที่อยู่ไกลพอสมควร นี่สินะความสามารถของพวกอมนุษย์พารัมคิดในใจทั้งที่ยังคงแอบฟังทั้งสองคุยกันอย่างเงียบๆ จนสหัสจากไปพารัมก็ตั้งใจจะกลับห้องเหมือนกัน แต่บางอย่างก็สะกิดใจ พารัมอยากคุยกับคาร์มาและบอกว่าตอนนี้สหัสไม่ใช่ของใครนอกจากเขา ไม่ว่าจะมาไม้ไหนพารัมก็ไม่มีทางยอมให้สหัสกลับไปกับคาร์มาเด็ดขาด
   “ข้าไม่ยักรู้ว่าชาววังนันทาจะไร้มารยาทขนาดนี้” คาร์มาพูดก่อนมองพารัมหัวจรดเท้าพารัมอยู่ในชุดเรียบร้อยผมยาวสยายถูกมัดมวยไว้กลางศีรษะ ใบหน้าที่มีเครื่องหน้าชวนมองดวงตาแวววาวแม้จะมีสองสีดูแปลกตาจมูกรั้นๆและริมฝีปากน่ารักนั้นดูช่างเหมาะเจาะ แม้จะไม่สวยงามจนจับตาแต่ก็น่ามองไม่น้อย
   “มารยาทของข้าเลือกใช้กับบางคนเท่านั้น” พารัมบอก ก่อนหันกลับมามองคาร์มาที่ยังคงยืนอยู่ที่บริเวณทางเดิน พารัมมองคาร์มาหัวจรดเท้าก่อนเบ้ปาก เป็นชายแต่มีใบหน้างดงามขนานั้นช่างน่าหมั่นใส้ ก่อนจะเหลือบมองเงาตัวเองที่สะท้อนในกระจกใสประดับเสา ดวงตาข้างหนึ่งที่เป็นีแดงดูประหลาดตาพารัมคิดก่อนยักไหล่อย่างไม่สนใจแม้ตอนนี้เขาจะเป็นชายแต่เขาใสนตอนนี้ก็ยังคงงดงาม อย่างเขาน่ะต่อให้อยู่ในร่างยักษ์ก็ยังงดงาม พารัมไม่ยอมแพ้สิงห์ราตรงหน้าหรอก
   “เจ้าเป็นอะไรกับพี่สหัส” ถามพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีคาร์มามองยักษ์น้อยตรงหน้าก่อนแสยะยิ้ม
   “คู่หมั้น”
   คำตอบของคนตรงหน้าทำเอาพารัมเบ้ปากสายลมรอบตัวเริ่มโหมแรงทำเอาต้องสูดหายใจลึกๆข่มอารมณ์ “แค่คู่หมั้น” พารัมพูดก่อนมองคาร์มาหัวจรดเท้าเหมือนที่คาร์มามองตน “ทำมาอวด ข้าเป็นเมียยังไม่พูดสักคำ” พารัมบอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาก่อนยิ้มหยันราวผู้ชนะเมื่อคาร์มามีท่าทีไม่พอใจกับคำพูดของตน “เจ้าอาจไม่รู้ข้าอยู่ในร่างของหญิงสาวมาเกือบสิบแปดปี หญิงกับชายน่ะอยู่ใกล้กันจะเกิดอะไรขึ้นดีล่ะท่านคาร์มา ยิ่งพี่สหัสที่อยู่ในช่วงกลัดมันขนาดนั้น จะปฎิเสธลงได้อย่างไรกัน ข้าแพ้ดวงตาสีเทาแสนงามคู่นั้นซะด้วยสิ ยิ่งตอนเรียกชื่อข้านะ พารามม....แหม!กระดากปาก” พูดจบพารัมก็แสร้งยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะเบาๆราวเขินอายก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องของตน เขาไม่สนใจหรอกว่าคำโกหกของเขาคาร์มาจะเชื่อไหม พารัมบอกแล้ว แค่ไม่ให้พี่สหัสไปกับคาร์มาพารัมยอมทำทุกอย่างเขาเสียพ่อกับแม่ เขาไม่มีแม้กระทั้งบ้านให้กลับแล้วเขาจะไม่ยอมเสียพี่สหัสให้ใครเด็ดขาด

   //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

   “ทะ...ท่านเธราว่าอย่างไรนะ” สหัสละล่ำละลักถามเธราอย่างไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเขาถูกเรียกมารับคำสั่งแต่เช้าตรู่
   “ข้าสั่งให้เจ้า นำทางพารัมไปยังเมืองพาณา ไม่ว่าพารัมมีหน้าที่อะไรต้องสะสางเจ้าจงอยู่ดูแลจนกว่าทุกอย่างลุล่วง” เธราเอ่ยคำสั่งอีกครั้ง เขามองไปยังสิงห์ราของตนก่อนถอนหายใจเบาๆ เธราพอจะเข้าใจความรู้สึกสหัสแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อเขาเผลอรับปากพารัมตัวแสบไปแล้ว

   ------------------------------------------------------------------------------
---------------------------- 

    เธราที่มักจะลุกขึ้นมาดูแลห้องเก็บยาแต่เช้าได้รับจดหมายที่เธราฝากมากับนางกำนัลว่าอยากพบมีเรื่องสำคัญมากๆจะบอกและต้องการบอกเขาเพียงคนเดียว เธราจึงไปหาพารัมทันทีร่างของพารัมที่ถูกโซตรวจตรึงไว้ดูน่าสงสาร แม้ตอนนี้พารัมจะอยู่ในร่างชายหนุ่มแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเสียงสะอึกสะอื้นที่ดูเหมือนจะขาดใจนั้นก็ทำเอาเธราใจอ่อนได้อย่างเคย
“ข้ากลัวพี่เธรา ถ้าข้าเข้าไปในเมืองอมนุษย์ข้าจะต้องถูกไล่ฆ่า ข้ากลัวเหลือเกิน”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไป พารัมอยู่ที่นี่แหละ อาจจะต้องหาที่ซ้อนตัวสักพักเจ้าไม่ต้องกลัวข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไร”  เธราเอ่ยปลอบ
“ไม่ได้หรอกถ้าข้าอยู่ นันทานครต้องเจอปัญหาแน่ๆ พวกอมนุษย์รู้แล้วว่าข้าพ้นจากการถูกสะกด ข้าจะกลับร่างยักษ์อีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ข้าไม่ยอมให้พี่เธราเดือดร้อนเพราะข้าอีกแล้ว แต่...แต่ข้ากลัวววว ฮือออ” พารัมปล่อยโฮสะอึกสะอื้นก่อนขยับเข้ากอดเธราราวหาที่พึ่ง
“แล้วเจ้าจะเอายังไงพารัม” เธราถามอย่างหมดหนทาง
“ก็...ก็ให้พี่สหัสพาข้าไปส่งสิพี่สหัสน่ะ มีตำแหน่งใหญ่โตในพาณาคุ้มครองข้าได้อยู่แล้ว อีกอย่างข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าเข้าไปในเมืองอมนุษย์แล้วต้องทำอะไรบ้าง พี่สหัสเป็นอมมุษย์น่าจะแนะนำข้าได้”  พารัมเข้าเรื่องทันที
เธราได้ฟังคำขอร้องของพารัมแล้วก็ต้องถอนหายใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเล่นกลใส่กันนะ
“เอาเถอะข้าจะลองถามสหัสดู”
“พี่เธราต้องสั่ง ฮืออ...พี่สหัสเกลียดข้าเขาไม่ไปหรอก” พารัมร้องไห้อีกครั้ง
“ตกลงพารัม ข้าจะสั่งให้สหัสไปกับเจ้า หยุดร้องได้แล้ว” เธราบอกก่อนเช็ดน้ำตาให้พารัม เขาอยู่ปลอบโยนพารัมอีกเป็นครู่ก่อนจะออกไปจากห้อง โดยไม่รู้ว่าทันทีที่ประตูห้องปิดลงร่างที่เคยร้องไห้ราวขาดใจกลับแย้มยิ้มออกมาเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“เจ้าไปพูดอะไรกับท่านเธรา พารัม!!!” เสียงตวาดดังลั่นของสหัสดังมาก่อนที่เขาจะก้าวมาถึง พารัมตอนนี้ออกมานั่งเล่นอยู่ที่ตำหนักท้ายบึงโดยมีราซีนนั่งอยู่ข้างๆ
“พี่สหัสหมายถึงอะไร” พารัมตีหน้าซื่อ
“เจ้าบอกให้ท่านเธราสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพาณาใช่ไหม” สหัสตะคอก
“ข้าจะไปมีสิทธิสั่งอะไรพี่เธรา” พารัมเถียงพลางนึกกระหยิ่มในใจ การที่สหัสมาโวยวายใส่เขาแบบนี้แปลว่าพี่เธราต้องสั่งให้พาเข้าไปพาณาแล้วแน่ๆ ดีจริง
“พารัม คนอย่างเจ้ามันทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามใจตัวเองอยู่แล้ว” สหัสบอกอย่างเหลืออด
“ใครๆก็ทำทุกสิ่งให้ได้ตามที่หวังทั้งนั้น มีใครไม่ตักข้าวกินเพื่อหวังให้อิ่มบ้าง ทำไม โมโหที่ต้องพาข้าไปพาณา เพราะว่าใจจริงอยากไปกับคู่หมั้นเก่ารึไง” พารัมตะโกนใส่หน้าสหัสบ้างเขาไม่ใช่คนที่จะทนให้ใครมาตะโกนใส่หน้าปาวๆหรอกนะ
“พารัมใจเย็น” ราซีนที่ยืนอยู่ใกล้ๆรีบเข้าไปจับแขนห้ามปรามเมื่อพารัมทำท่าจะแผลงฤทธิ์ สายลมรอบตัวแม้จะยังนิ่งสนิทแต่ก็ไว้ใจไม่ได้ ราซีนคิดก่อนจะเลื่อมือไปกุมโซ่สายฟ้าที่เขาติดตัวตลอดเวลาเบาๆเพื่อความอุ่นใจ นี่หากเขาไม่มีอาวุธที่จับอมนุษย์ได้ทุกชนิดเขาคงไม่กล้า ให้พารัมออกมาเดินเล่นแบบนี้หรอกยักษ์น่ะน่ากลัวน้อยเสียที่ไหนยิ่งเป็นยักษ์น้อยขี้โมโหแบบนี้ยิ่งน่ากลัว
พารัมสูดหายใจลึกๆเมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มโมโหหากดวงตาสองสียังคงจ้องตอบดวงตาสีเทาที่มีแววโกรธเคืองอย่างไม่เกรงกลัว
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ากับคาร์มาเป็นคู่หมั้นกัน” สหัสถาม
“แล้วใช่ไหมล่ะ”
“มันเรื่องของข้า”
“เรื่องของพี่ก็คือเรื่องของข้า” พารัมสวนทันควัน
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับข้า พารัม”
“ไม่เป็นวันนี้ก็เป็นเข้าสักวันแหละ คู่หมั้นของพี่น่ะอ่อนแอชะมัดข้าแค่หลอกว่าข้าเป็นเมียพี่  ก็แสดงอาการโมโหโทโส แปลว่าเจ้าสิงห์ราหน้าหวานนั่นไม่เชื่อใจพี่สักนิด” พารัมพูดออกไปอย่างลืมตัวว่าตนแอบไปสร้างเรื่องเอาไว้
“นี่เจ้า...” สหัสชี้หน้าพารัมอย่างเหลืออด นี่พารัมไปโกหกคาร์มาว่าเป็นเมียเขางั้นรึ
“ทำไม ข้าพูดอะไรผิด ข้าบอกแล้วว่าวันนี้ไม่ได้เป็นวันหน้าก็ได้เป็นอยู่ดี”
“หยุดเลยพารัม” สหัสพูดลอดไรฟันจนแทบจะเป็นเสียงขู่ของสิงห์รา
“ข้าจะรักพี่มันก็เรื่องของข้า พี่ไม่มีสิทธิมาห้าม” พารัมบอกพลางเชิดหน้าขึ้นท่าทางยียวนนั้นช่างแสนกวนโมโห
“แต่เจ้าไม่มีสิทธิไปโกหกใครว่าเป็นเมียข้า”  แม้จะพยายามสะกดอารมณ์แต่ท่าทางของพารัมนั้นช่างน่าโมโห
“ดีเท่าไหร่ที่ตอนนี้ข้าเป็นชาย ถ้ายังเป็นร่างหญิงสาวล่ะก็ ข้าจะบอกว่าอุ้มท้องลูกของพี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ดูซิข้ากับสิงห์ราหน้าหยิ่งนั่นใครจะแน่กว่ากัน” พารัมพูดอย่างไม่สนใจท่าท่างโมโหของสหัส  พลางยักไหล่ก่อนเดินจากไปทันที
“พารัม!!!” สหัสได้แต่เรียกชื่ออย่างโมโหแต่ก็จนปัญญาจะปรามจริงๆ 
“ฮ่าๆ เออดีจริงๆข้าเพิ่งเคยเห็นการสารภาพรักที่ดุเดือดขนาดนี้ อมนุษย์เขาบอกรักกันแบบนี้สินะ” ราซีนพูดอย่างติดตลก “สหัสงานหนักหน่อยนะข้าเป็นกำลังใจให้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”  เสียงหัวเราะนั้นช่างตรงข้ามกับคำพูดราซีนเดินตามพารัมไป ปล่อยให้สหัสยืนสงบอารมณ์อยู่คนเดียวอย่างยากเย็น

   ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   “ข้ามาส่งแค่นี้ล่ะ” สหัสเอ่ยออกมาเขามาส่งคาร์มากลับเมืองอมนุษย์ โดยมีกองกำลังพิเศษที่เป็นพวกลูกครึ่งอมนุษย์ตามมาด้วย พวกนี้โชบุกับชุนฝึกมาอย่างดีจึงถูกส่งมาให้คอยระวังให้เขา เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้ก็ไว้ใจใครไม่ได้
   “ท่านไม่กลับไปกับข้าเพราะพารัมใช่ไหม” คาร์มาเอ่ย “แต่เจ้านั่นเป็นยักษ์เป็นศัตรูกับสิงห์ราท่านก็รู้”
   “ข้าไม่รู้” สหัสตอบหน้าตาย “ไม่เคยมีกฎข้อให้ที่บอกว่ายักษ์เป็นศัตรู ประเพณีล่ายักษ์ มีขึ้นก็ตอนที่เป่าพันธุ์อื่นขึ้นมามีอำนาจ พอข้าได้ออกมาเรียนรู้โลกภายนอกข้าจึงไม่แน่ใจว่าทีเราล่ายักษ์กัน เป็นเพราะยักษ์นั้นร้ายกาจหรือเพราะยักษ์นั้นเก่งกาจกันแน่”
   “ท่านได้พารัมเป็นเมียจริงๆสินะ” คาร์มาบอกออกมา ใบหน้าที่ก้มต่ำนั้นทำให้สหัสไม่เห็นสีหน้าของคนพูด แต่สหัสก็เหนื่อยใจเกินจะอธิบาย
   “เจ้ากลับไปเถอะคาร์มา”


   /////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


   สิงห์ราหนุ่มยืนมองท่านเจเนสที่กำลังสั่งการให้นางกำนัลช่วยพารัมเก็บของเพื่อเดินทางไปพาณา ของมากมายถูกตระเตรียมอย่างพร้อมสรรพ และดูจะเยอะเกินไปสำหรับการเดินทางที่ต้องปิดเป็นความลับครั้งนี้
   “ข้าคิดว่าของพวกนี้คงเอาไปไม่ได้” สหัสเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพหก่อนชี้ไปที่กองสัมภาระขนาดใหญ่
   “ทำไมล่ะสหัส ของพวกนี้มาแต่ของจำเป็นทั้งนั้น เสื้อผ้าอาหารแห้งหยูกยา พารัมน่ะชอบป่วยเวลาอากาศเปลี่ยน” เจเนสบอกออกมาอย่างเป็นห่วง แม้ตอนนี้พารัมจะไม่เป็นเด็กสาวแสนน่ารักแล้วแต่พารัมในสายตาของเจเนสกลับไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ หลังจากที่พารัมกลายร่างในคืนจันทร์ดับ เธอก็ได้มาพบพารัมอย่างเป็นห่วงพารัมในร่างของชายหนุ่มนั้นดูแปลกตาดวงตาสีแดงที่ดูน่าขนลุกนั้นไม่ได้ทำให้ท่าทางน่าเอ็นดูของพารัมลดน้อยลง พารัมทำความเคารพเจเนสอย่างนอบน้อมก่อนเอ่ยลาพร้อมเหตุผลมากมายที่ทำให้พารัมต้องไปยังเมืองอมนุษย์  เจเนสเองแม้จะไม่ได้ยุ่งกับเรื่องของบ้านเมืองมานานแต่เธอเองก็พอจะรู้เรื่องการผลัดเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ขึ้นปกครองพาณาอยู่บ้าง
   “พารัมเป็นยักษ์ คงจะไปปลอดภัยถ้าไปอย่างเอิกเกริกนัก”
   “แล้วข้าจะเอาอะไรไปได้บ้างล่ะ” พารัมถามถึงตอนนี้เขาจะมีร่างกายเป็นชายแต่ด้วยความที่ใช้ชีวิตเป็นหญิงสาวมาทั้งชีวิต จึงมีนิสัยของผู้หญิงอยู่ไม่น้อย มือเรียวหยิบเอาชุดโปรดขึ้นมามองอย่างทำใจก่อนจะวางมันลงไปที่เดิมตอนนี้ถ้ามาใส่กระโปรงแบบนี้เดินไปมาคนเห็นคงคิดว่าเขาเป็นบ้าแน่ๆ


   ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

   “อะไร” พารัมถามเสียงสั่นเมื่อสหัสโยนกรรไกรมาตรงหน้า ตอนนี้พารัมกำลังเตรียมตัวที่จะออกเดินทางไปเมืออมนุษย์ ซึ่งพารัมเอาไปได้แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นและมันเป็นของชายชาวบ้านทั้งสิ้น สหัสไม่ให้เอาอะไรไปเลยแม้แต่น้ำหอมสักขวด
   “ตัดผมเจ้าซะ” พารัมนั้นยังติดนิสัยหญิงสาวอยุ่มาก แม้จะเริ่มมีนิสัยโผงผางหรือใจร้อนเผยออกมาบ้างแล้วก็ตาม และผมยาวสลวยที่งดงามขนาดนี้ จะไปบอกใครได้ว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาไหนจะผิวพรรณที่แทบไม่มีริ้วรอยนั่นอีก วังว่าพอออกเดินทางจะพอกร้านแดดลมจนเหมือนชาวบ้านธรรมดาขึ้นมาบ้าง
พารัมหยิบกรรไกรขึ้นมาช้าๆก่อนเงยหน้ามองสหัสราวไม่แน่ใจ เขารู้ว่าสหัสต้องการให้เขาเดินทางอย่างเงียบๆและเป็นความลับอย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง แต่อยู่ดีๆจะมาให้ตัดผมที่เพียรไว้มาตั้งแต่เล็กแต่น้อยพารัมก็อดใจหายไม่ได้  พารัมค่อยๆเอากรรไกรตัดลงไปบนเส้นผมเงางามช้าพลางหลับตาปี๋อย่างไม่อยากจะเห็นจนสุดท้านสหัสต้องแย่งกรรไกรมาเสียเอง
“นั่งนิ่งๆ” สหัสบอกก่อนจะหยิบเอากลุ่มผมเงางามขึ้นมาตัดออกไปทีละช่อ ดวงตาสีเทาเหลือบมองพารัมที่นั่งตัวเกรงหลับตาปี๋ แล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ท่าทางเก่งกาจปากร้ายไม่กลัวใครแค่ถูกตัดผมแค่นี้กลับไม่กล้าดูเสียอย่างนั้น
“ยิ้มอะไรอ่ะ” เสียงทักของคนที่กำลังโดนตัดผมทำเอาสหัสต้องหุบยิ้มลงทันควัน “ข้าเห็นนะ แนะๆแอบยิ้มอะไรอ่ะ” พารัมชี้เข้ามาในกระจกให้นิ้วเรียวของตนตรงกับใบหน้าของสหัส
“ข้าน่ารักใช่ใหม่ล่า ดูสิผมสั้นก็ดูดีไปอีกแบบเนอะ” พารัมชมตัวเองอย่างน่าไม่อาย ทำเอาสหัสถอนหายใจก่อนโยนกรรไกรลงบนตักของพารัมทันทีที่ตัดผมให้เสร็จ
“เตรียมตัวให้ดีเราจะเดินทางกันกลางดึกคืนนี้ และอย่าออกไปไหนก่อนเด็ดขาดตอนนี้คนในวังคิดว่าเจ้ากำลังป่วยทันทีที่เจ้าเดินทางออกจากนันทา ทางนี้ก็จะปล่อยข่าวว่าเจ้ากลับบันกุไปรักษาตัว ทุกคนจะคิดแค่ว่ามียักษ์หลงมาอาละวาดและถูกท่านราซีนปราบไปแล้ว จำเอาไว้อย่าทำให้ทุกอย่างแย่ลงเพราะความไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของเจ้า” สหัสบอกกับพารัมยาวเหยียดถึงทุกอย่างที่เตรียมการไว้
“ข้ารู้แล้ว” พารัมบอกหากชักสีหน้างอง้ำ ไม่รู้จะดุอะไรเขานักหนา พารัมคิดก่อนมองสหัสที่เดินออกจากห้องไปทันทีที่บานประตูปิดลง พารัมก็มองเงาของตัวเองที่สะท้อนในกระจกอย่างนิ่งงัน เขาไม่รู้จริงๆว่าเมื่อเข้าไปในใองอมนุษย์แล้วเขาต้องเจออะไรบ้าง แต่บางอย่างก็เรียกร้องให้เขากลับไปหา กลับไปทำตามหน้าที่ที่ติดตัวมาตั้งแต่ถือกำเนิด พารัมแตะมือลงไปที่กลางหน้าอกตัวเองเบาๆ ดวงใจรักขสะ ที่ฝังอยู่ในนั้นราวกับจะตอบรับสัมผัสของเขาทันที  พารัมเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกว่าภาระหน้าที่ของตนนั้นคงไม่ง่ายนัก
“พ่อ แม่ คุ้มครองข้าด้วย” พารัมเอ่ยเบาๆราวกับให้กำลังใจตัวเอง
:katai4: :katai4: :katai4:

มาแล้ววว ใครเล่นทวิตติดแทค #ยักษ์อ่อย  คุยกันน
ฝากสหัสพารัม ด้วยค่าา
#ดวงใจรักขสะ

หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 20-05-2017 07:05:05
ติดถึงจัง มาอีกเร็วๆน้าา :mew6:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 20-05-2017 18:07:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-05-2017 18:22:38
หนักใจแทนสหัส 55555 พารัมรุกหนักแน่ ไหนจะเรื่องของหัวใจ ไหนจะความปลอดภัย ถถถถถถ ทูนหัวของบ่าว #พารัมตบ!
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-05-2017 19:03:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 21-05-2017 09:10:01
หมั่นไส้สหัส พารัมก็อ่อยไปดิ สหัสก็เล่นตัวจัง จับกดเลยพารัม :laugh:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 21-05-2017 13:28:53
พารัมขอรักฝ่ายเดียว
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-05-2017 14:37:00
เดินทางกันสองคน...
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-05-2017 17:50:06
ทำใจนะสหัส ต้องปวดหัวอีกนานแน่ๆ 5555555
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: numniimnum ที่ 27-05-2017 11:55:57
อ่านรวดเดียวตั้งแต่วารัลกับเธรา แล้วก็มาต่อเรื่องของสหัสกับพารัม
อยากจะบอกนักเขียนว่า ทั้ง 2 เรื่องสนุกมากกกกก กกค่า
โดยเรื่องหลังเนี่ย แฟนตาซีไปอี๊ก เปลี่ยนจาก ผญ มาเป็น ผช
ตอนแรกเกือบแล้ว เกือบเลิกอ่านแล้ว ดีที่มาเจอบอกว่า
เรื่องนี้ ชาย ชาย แน่นอน เท่านั้นแหละ
ปั๊ง! เลยค่าา ชอบค่ะ สนุกมาก มาอัพต่อเร็วๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: CHOKUN ที่ 05-07-2017 06:04:26
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 05-07-2017 11:25:42
 :katai5: :z13:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๖-หน้าที่๔) -๒๐.๐๕.๖๐-
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 23-07-2017 04:40:58
ตอนที่๗ ๕๐%

          มือเรียวยกขึ้นลูบต้นคอตัวเองอยางไม่คุ้นเท่าไหร่นัก ลมเย็นๆที่พัดผ่านตนคอทำเอาพารัมต้องคอยย่นคออย่างช่วยไม่ได้

         “เป็นอะไร” สหัสหันมาถามพารัมที่เดินอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นคนที่เดินเงียบๆตามมาตลอดทางมีท่าทีแปลกๆ กว่าพารัมจะร่ำลาท่านเจเนสและท่านเธราเสร็จ ก็ล่วงเลยเวลามาจนดึกตอนนี้สหัสกับพารัมกำลังเดินเท้าเพื่อที่หวังว่าจะออกเขตเมืองนันทาก่อนเช้า
          “ข้าไม่ค่อยชินน่ะมันเย็นๆ” พารัมบอกก่อนย่นคอไปมาเมื่อสายลมอ่อนๆพัดมาอีกครั้ง “ปกติมันจะมีผมปิดคอไว้พอตัดสั้นแบบนี้เลยไม่ชินเท่าไหร่”
      สหัสถอนหายใจเขาเตือนแล้วว่าให้เตรียมเสื้อผ้าเดินทางให้พร้อม ไอ้สารพัดของที่แอบเอามาทั้งน้ำหอมทั้งเครื่องประดับนั่นมันแทบจะไร้ประโยชน์เวลาเดินทางแบบนี้ 
       “มานี่” สหัสหยุดเดินก่อนดึงแขนพารัมให้เข้ามาใกล้แล้วถอดผ้าคลุมไหล่ของตนมาพันรอบคอให้คนตรงหน้า “พันเอาไว้”
พารัมเงยหน้ามองคนที่กำลังใช้ผ้าผืนใหญ่มาพันกันหนาวให้ตน ดวงตาสีเทาแสนสวยนั้นแวววาวในที่มืด ไม่ง่ายนักที่จะได้มองใกล้ๆแบบนี้แววตาที่ไม่เคยแสดงความยินดียินร้ายกับเขาเลย พารัมจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาได้สบตากับดวงตาคู่นี้ดวงตาที่ทำเอาเขาขนลุกและหวาดกลัว แต่บางอย่างกลับตรึงให้เขาคอยเฝ้ามองดวงตาคู่นี้ตลอดมา สหัสที่ไม่แยแสแต่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด

         พารัมจับมือสหัสที่กำลังจะละออกหลังจากพันผ้าให้ขึ้นมาแนบที่แก้มก่อนอิงแอบหน้าลงไปอย่างออดอ้อน “พี่สหัสช่างใจดีกับข้า”
        “เลิกเล่นซะที...เดินทางต่อได้แล้ว” สหัสดึงมือออกแทบจะทันทีที่แก้มนุ่มๆนั้นแนบลงมาที่ฝ่ามือของตน ก่อนจะออกเดินนำไปทันที
        “เราจะไปไหนกันพี่สหัส”พารัมถามก่อนเร่งฝีเท้าให้ทันคนข้างหน้า
       “เมืองอันรา”  คำตอบสั้นๆที่พารัมเองก็ยังไม่เข้าใจมากนัก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
        พารัมนั่งพักลงริมลำธารกลางป่าช้าๆ จริงๆเขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรนัก แต่ตอนนี้เช้าแล้วการเดินทางมาทั้งคืนถึงเวลาที่จะต้องหยุดพัก  พารัมจุ่มเท้าลงไปในลำธารก่อนจะเอนตัวลงนอนเล่นอย่างต้องการคลายความกังวลต่างๆ

      สหัสที่ออกไปหาผลไม้เดินกลับมาก่อนจะรั้งฝีเท้าให้เบาลงเมื่อเห็นว่าพารัมนั้นนอนนิ่งๆเหมือนจะหลับโดยที่เจ้าตัวเอาขาแช่น้ำไว้ ผ้าที่เขาพันคอไว้ให้ก็หลุดลุ่ยท่าทางนิ่งสนิทไม่มีความระแวดระวังตัวแม้แต่น้อย สหัสส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจเป็นเสียอย่างนี้ถ้าเข้าไปในเมืองอมนุษย์จะปลอดภัยได้อย่างไรกัน

        “พารัม” สหัสจับตัวพารัมเขย่าเบาๆ “กินซะจะได้เดินทางต่อ” สหัสบอกก่อนจะวางของกินที่พอจะหาได้ไว้ข้างๆพารัมก่อนขยับตัวเองไปนั่งใต้ต้นไม้ที่ห่างออกไปจากริมลำธาร พารัมยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังไม่ยอมยกขาขึ้นจากลำธาร น้ำเย็นๆนั้นช่วยผ่อนคลายความเคร่งเครียดจากการเดินทางได้ไม่น้อย

      “เราจะต้องเดินทางกันอีกนานไหมพี่สหัส” พารัมถามก่อนหยิบเอาผลไม้ขึ้นมากิน การเดินทางตลอดคืนนั้นไม่ได้ทำให้เหนื่อยล้า หากการอดนอนต่างหากที่ทำเอาพารัมหมดแรงต่อให้แข็งแรงแค่ไหนก็เถอะพารัมคิดก่อนเอนตัวลงนอนอีกครั้งความง่วงงุนเริ่มเข้ามาแทรกสติเริ่มลางเลือนแต่แล้วพารัมกลับต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีบางสิ่งใต้น้ำมาพันรอบข้อเท้าตนและดึงลงใต้น้ำทันที
          เสียงสหัสที่ตะโกนเรียกชื่อตนนั้นผ่านเข้ามาในหูแว่วๆเมื่อร่างทั้งร่างถูกสายน้ำกลืนกินลงไปอย่างรวดเร็วลำธารที่นิ่งสนิทเริ่มหมุนรุนแรงพร้อมกับร่างของพารัมที่เริ่มจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ  พารัมพยายามโน้มตัวลงไปแกะบางสิ่งที่พันขาออกแต่เหมือนเจ้าสิ่งนั้นจะลามมาดึงรั้งแขนของเขาและเริ่มขยายมารัดรอบตัวเขาเสียแน่น พารัมพยายามขยับตัวเพื่อให้หลุดจากการดึงรั้งนั้น น้ำมากมายเริ่มไหลเข้าปากเข้าจมูกสติที่เริ่มลางเลือนนั้นกลับมีภาพบางอย่างแทรกเข้ามาเช่นเดียวกับสายน้ำ

       “ข้าขอมอบสายเลือดแห่งข้าให้ท่านผู้หลับใหลได้โปรดปกป้องเขาด้วยเถิด” เสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวดังเข้ามาในห้วงสำนึกของพารัมมันชัดเจนและคุ้นชินเสียจนพารัมแปลกใจ “ท่านผู้อยู่เหนือแผ่นดินทั้งสามโปรดเมตตารับฟังคำขอของข้าด้วย”    เสียงของผู้หญิงคนนั้นยังดังก้องในความรู้สึกก่อนจะแทรกด้วยภาพของการฆ่าฟันของสิงมีชีวิตที่เขามองไม่ชัดเจน หากคาวเลือดที่เขาได้กลิ่นนั้นกลับชวนพอืดพะอมไม่น้อย ภาพมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมองพร้อมๆกับสติที่เริ่มจะหลุดลอยหากยังไม่ทันหมดสติพารัมก็รู้สึกว่าตัวเองถูกกระชากขึ้นมายังผิวน้ำเสียก่อน


         ร่างของพารัมที่อ่อนปวกเปียกจวนเจียนจะหมดสตินั้นทำเอาสหัสใจไม่ดีเท่าไหร่นัก
       “พารัมๆ” มือหนาตบที่แก้มเบาๆเพื่อเรียกสติของพารัม

       “พี่สหัส” พารัมเอ่ยตอบรับเบาๆก่อนจะพยายามพยุงตัวลุกนั่งอย่างยากลำบาก

       “เป็นยังไงบ้าง” สหัสถามเมื่อเห็นว่าพารัมมีใบหน้าที่ซีดเซียว เนื้อตัวเปียกปอนขนาดนี้ถ้าจับไข้กลางป่าขึ้นมาคงไม่ดีนัก

       “ข้ารู้แล้ว” พารัมจับแขนสหัสแน่นดวงตาสองสีเงยขึ้นสบกับดวงตาสีเทาราวต้องการที่พึ่ง ริมฝีปากซีดเซียวเม้มแน่น ถ้าสหัสหูไม่ฝาดเสียงสะอื้นเบาๆที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้นั้นบ่งบอกว่าพารัมกำลังสะกดอารมณ์ตัวเองอยู่เป็นแน่

    “อะไร” สหัสถามออกไปหากเป็นปกติเขาคงสะบัดมือที่จับแขนเขาอยู่ออกไปแล้ว หากท่าทางกลั้นสะอื้นและน้ำตาที่เอ่อคลอนั้นทำเอาสหัสเลือกที่จะปล่อยให้พารัมเกาะกุมแขนตนไว้ราวที่ยึดเหนี่ยว

     “ข้ารู้แล้วว่าเราต้องไปที่ไหน” พารัมบอกเสียงเบามือเรียวที่เกาะกุมแขนสหัสเริ่มสั่นเท่าเมื่อนึกถึงภาพที่ฉายเข้ามาในหัวยามที่ตนใกล้จะหมดสติใต้สายน้ำ

    “หมายความว่า...”

     “เราจะต้องไปที่ถ้ำอสูร” เมื่อสหัสมีท่าทีไม่เข้าใจนักพารัมจึงพูดบางอย่างที่เจ้าตัวไม่อยากเอ่ยออกมาจากปากเท่าไหร่ “ถ้ำเก็บร่างที่เป็นหินของพวกยักษ์น่ะ” น้ำเสียงเจือสะอื้นนั้นฟังดูเจ็บปวดราวจะขาดใจ

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
   สหัสเหลือบมองร่างที่หลับไม่ได้สติบนหลังตนก่อนก้าวเดินไปตามทางเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดมิดของป่าลึกหากเขาเร่งฝีเท้าจะถึงเมืองอันราช่วงรุ่งสางพอดี

        พารัมที่มีท่าทีเศร้าสร้อยและวิตกกังวลนั้นดูอ่อนแรงจนสหัสต้องให้ขี่หลังเพื่อที่จะได้ออกเดินทางตามเวลาเพราะเขาไม่อยากจะอยู่กลางป่าแบบนี้นานนักจนพารัมเผลอหลับบนหลังเขามาสักพักแล้ว ดวงตาสีเทาเหลือมองดวงจันทร์เสี้ยวกลางฟ้าพลางเร่งฝีเท้าก่อนจะตัดสินใจกลางร่างเป็นสิงราห์เต็มตัว ตอนนี้ทุกอย่างดูอันตรายจนเขาไม่สามารถนิ่งนอนใจได้จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ  ดูอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นริมน้ำนั่นสิพวก พราย อมนุษย์ชั้นต่ำเข้าจู่โจมพารัมได้เพราะเขาเผลอเรอปล่อยให้พารัมนอนอยู่ลำธารโดยที่ไม่ได้ระวังอะไรเป็นพิเศษ การจู่โจมของพวกอมนุษย์ชั้นต่ำแบบพวกพรายนั้นสร้างความแปลกใจให้สหัสไม่น้อย  พวกพรายเป็นอมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะไม่จำเป็นต้องเป็นแม่น้ำก็ได้อาจจะเป็นบริเวณถ้ำที่ชื้นแฉะพวกพรายก็จะไปอาศัย พวกนี้ร่างอมนุษย์จะมีลักษณะคล้ายงูหากร่างกายจะมีเมือกลื่นๆและในร่างที่เป็นมนุษย์นั้นจะเป็นเพียงเด็กน้อยอมนุษย์พวกพรายนี้จะไม่มีวันโตจนกว่าพวกมันจะเลือกคู่และจะตายทันทีที่มีลูกเพ่อดำรงเผ่าพันธุ์ พวกมันทั้งขี้ขลาดและอ่อนแอการที่มันโจมตีพารัมนั้นจึงน่าแปลกใจไม่น้อย  และทันทีที่สหัสกระโดดลงไปช่วยพารัมพวกมันก็ปล่อยพารัมกลับมาอย่างง่ายดาย น่าแปลก!!!


   แต่แล้วสหัสก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อสัมผัสได้ถึงวาชื้นแฉะที่ไหล่ด้านหลัง เสียงเงียงสงบของป่ากลางดึกนั้นทำให้สิงห์ราหนุ่มได้ยินเสียงบางอย่างชัดเจน

   “แม่ พ่อ พารัมคิดถึง” เสียงละเมอของร่างบนหลังพร้อมกับหยาดน้ำตานั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวคงจะเศร้าไม่น้อย สายลมที่เริ่มพัดแรงนั้นตอบรับความรู้สึกของพารัมได้เป็นอย่างดี มันทั้งหนาวเหน็บรุนแรงและแสนอ้างว้าง


   ////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
   พารัมซุกตัวให้แนบชิดกับที่นอนอุ่นให้มากขึ้นอีกพลางซุกใบหน้าราวไม่อยากตื่นขึ้นมาจากการนิททราที่แสนสบายนี้ หากที่นอนที่กำลังซุกตัวอยู่นั้นกลับขยับราวรำคาญการซุกซบของพารัมเสียเต็มประดา
   พารัมจำเป็นต้องขยับตัวลุกอย่างเสียไม่ได้แต่แล้วก็ต้องตาโตเมื่อพบว่าสิ่งที่ตนนอนทับอยู่นั้นคือสหัสในร่างสิงห์รา ขนสีเงินนั้นงดงามสะท้อนแสงแดดยาวเช้าจนพารัมอดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ใบหน้าครึ่งสิงห์นั้นมองกลับมาอยู่ก่อนแล้ว
   “ตื่นแล้วก็ไปกันได้แล้ว” สหัสบอกก่อนลุกขึ้นและกลายรางเป็นคนปกติทันที “ทะลุชายป่านี้ไปก็เมืองอันราแล้ว แค่เจ้าอย่าสร้างปัญหาเพิ่มก็พอ” สหัสบอกก่อนหันไปมองพารัมที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมก่อนก้าวเข้ามาใกล้และก้มลงดึงแขนให้พารัมยืนขึ้น แม้จะเป็นชายแต่พารัมก็ยังตัวเล็กกว่าสหัสเกือบคืบอยู่ดี
   พารัมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหนเมื่อสหัสหยิบเอาผ้าที่ถูกฉีกจนเป็นเส้นยาวออกมาก่อนจะใช้มันมัดปิดตาพารัม
   “ปิดตาข้าทำไม” พารัมถามอย่างไม่เข้าใจ
   “ถ้าพวกคนในเมืองรู้ว่าเจ้ามีตาสองสีและเป็นยักษ์รับรองว่าเจ้าได้ถูกจับไปขายก่อนเข้าเมืองอมนุษย์แน่ๆ” สหัสบอก “ตั้งแต่นี้ตลอดเวลาที่อยู่ในอันราเจ้าจะเป็นเพียงชายหนุ่มตาบอดห้ามแผลงฤทธิ์เด็ดขาด และห้ามให้ใครรู้ว่าเป็นยักษ์เด็ดขาด” สหัสกำชับ
   “แล้วเราจะเข้าเมืองอมนุษย์ได้ยังไง เราต้องผ่านป่าศักสิทธิ์ก่อนไม่ใช่เหรอถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องคืนร่างยักษ์น่ะสิ” พารัมบอกอย่างกังวลเพราะทกชีวิตที่ก้าวล้ำเข้าเขตป่าศักสิทธิ์จะไม่สามารถใช้ความสามารถพิเศษใดๆได้ พวกอมนุษย์จะต้องคงร่างเดิมแห่งเผ่าพันธุ์ถ้าเป็นเช่นนั้นหากพวกที่ต้องการล่ายักษ์รู้จะทำอย่างไรกัน
   “ท่านเธราเตรียมคนไว้ช่วยพวกเราแล้ว” สหัสบอกง่ายๆก่อนออกเดินนำพารัมที่ถูกปิดตาเอาไว้ พารัมจับชายเสื้อสหัสและเดินตามอย่างว่าง่าย
   “ใครกัน” พารัมถามอย่างอยากรู้
   “ธัน หัวหน้าทหารม้าแห่งนันทานคร” สหัสบอกเสียงเรียบ

 :katai4: :katai4: :katai4:
หายไปนานมาก เอา #ยักษ์อ่อย มาลงก่อน๕๐% นะคะ
ที่เหลือจะรีบตามมาค่าา
ฝากสหัสพารัมด้วยน้าา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-07-2017 05:33:04
ตื่นเต้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-07-2017 06:40:39
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 23-07-2017 09:00:55
ตื่นเต้นกับทุกตอนที่ได้อ่านจริงๆๆ สนุกมาก (แม้รอบแรกจะลืมๆ งงๆไปบ้าง เพราะนึกตอนที่แล้วไม่ออกอ่ะนะ 55555) รอตอนหน้าค่ะ ยักษ์ (อ่อย) มือใหม่อย่างพารัม ดูท่าจะเจอหนักกว่ารอบเธรานะเราว่า .. สู้ๆทั้งพารัม ทั้งคนเขียนนะคะ  o13
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 23-07-2017 12:40:22
คิดถึงงงงง
เขาจะรักกันได้ยังไงๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-07-2017 17:03:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-07-2017 19:37:35
ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆแล้วสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-07-2017 00:40:12
ยังไงต่อ~
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-07-2017 14:46:14
เอาอีกกกก
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 24-07-2017 16:44:44
ดีใจมาอัพต่อ รอๆ ตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 30-07-2017 23:03:26
ชอบพารัมกับสหัส    พลิกโผสุดๆ  สงสารพารัมต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆ แต่ชื่นชมที่ยังปรับตัวเร็วและอยากให้สหัสใจอ่อนเร็วๆ  พารัมจะดีจะร้ายก็รู้จักแล้วก็แสดงออกอย่างจริงใจว่าชอบสหัสมาตั้งสามปี    อยากให้ธีรันออกมาบ้าง คิดถึงเจ้าเด็กน้อยเจ้าของดวงใจวิรัลและเธราจัง   อยากเห็นฉากราซีนเล่นกับหลานค่ะ ราซีนกวนๆดี
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-08-2017 01:14:57
อ่านดวงใจบรรณาการ จนมาถึงเรื่องนี้รวดเดียวเลยค่ะ
แฟนตาซีมากๆ มีเรื่องให้คาดไม่ถึงตลอด

แต่อยากให้คนเขียนเว้นบรรทัดให้ห่างกว่าค่ะ (เคาะ 2 ครั้ง) แบบนี้มันติดกันเกินไป อ่านไม่ค่อยสบายตาค่ะ
บางพารากราฟก็ยาวมากติดกันเป็นพรืด (อ่านในมือถือ) ถ้าสามารถตัดมาขึ้นย่อหน้าใหม่จะดีมากเลยค่ะ

ปูเสื่อรอว่าสหัสจะตกหลุมยักษ์ตอนไหน  :katai4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๔) -๒๓.๐๗.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 21-08-2017 16:18:52
๕๐%หลัง
                พารัมที่ถูกปิดตาเดินตามสหัสไปอย่างว่าง่ายแม้เขาจะมองไม่เห็นแต่ประสาทสัมผัสที่ดูจะแม่นยำเกินกว่าคนทั่วไปนั้นทำให้เขาไม่ลำบากมากนัก
                “รอข้าตรงนี้นะ” สหัสหันไปบอกพารัมก่อนหันไปมองคนที่เดินตามมาเงียบๆอย่างกังวลใจไม่น้อย รูปร่างบอบบางผิวที่เนียนราวไม่เคยต้องแดดลมนั้น แม้จะอยู่ในเสื้อผ้าของชาวบ้านทั่วไปแต่ก็สะดุดตาไม่น้อย สหัสตัดสินใจปิดตาสองสีของพารัมไว้เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียพารัมในร่างมนุษย์นั้นไม่มีไอของยักษ์แม้แต่นิด จึงไม่ยากหากจะโกหกว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาถ้าไม่มีใครเห็นดวงตาสีประหลาดนั่น
                อมนุษย์ทุกตนสามารถกลายร่างให้เป็นมนุษย์ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามรถปกปิดได้คือกลิ่นไอแห่งเผ่าพันธุ์ อมนุษย์จะมีกลิ่นไอที่แผ่ออกมาราวประกาศศักดาแห่งเชื้อชาติตน แต่ทุกตนมักจะพรางให้กลิ่นไอของตนนั้นเบาบางที่สุดเมื่ออยู่ในเมืองมนุษย์เสมอเพื่อจะจะพรางตัวได้ง่ายหากเกิดการล่าขึ้นเพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย มนุษย์ในสายตาของพวกอมนุษย์ก็ไว้ใจไม่เคยได้ แม้แต่สหัสเองก็เคยคิดอย่างนั้นก่อนจะได้มาเจอกับท่านเธรา
                พารัมพยักหน้ารับก่อนนั่งลงในร้านอาหารข้างทางที่สหัสพามา เสียงของสหัสที่สั่งขนมและน้ำชามาให้ทำเอาพารัมอมยิ้ม เพราะอย่างน้อยสหัสก็จำไดว่าเขาชอบกินอะไร
                กลิ่นและเสียงฝีเท้าของสหัสห่างออกไปเรื่อยๆ เมื่อผ่านไปสักพักอาหารที่ถูกนำมาวางตรงหน้าของพารัม
                “เจ้าตาบอดรึ” เสียงใสๆของหญิงสาวที่ฟังแล้วอายุคงเพิ่งพ้นวัยเด็กมาไม่นานถามขึ้นมาอย่างสงสัย พารัมพยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอาหาร แต่แล้วก็มีมือบางๆมาคว้าที่ข้อมือเขาก่อนจะพาไปหยิบอาหารในจานอย่างหวังดี
                “ของกินอยู่ตรงนี้นะ แล้วนี่ชา” หญิงสาวนำมือของพารัมไปแตะที่จานและเลื่อนไปแตะแก้วชา
                “ขอบใจนะ” พารัมกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนเสียงฝีเท้าของหญิงสาวจะห่างออกไป มือเรียวหยิบอาหารเข้าปากช้าๆรสชาติแสนธรรมดานั้นแทบจะทำเอาพารัมเบ้ปาก เขานึกถึงฝีมือท่านเจเนสเสียจริงพารัมคิดก่อนฝืนกินเข้าไปจนหมดเพราะเสียดายค่าอาหารที่สหัสจ่ายไป
                พารัมนั่งกินขนมปังที่แสนจะฝืดคอพลางยกชาจิบไปเรื่อยๆ หูก็ฟังคนรอบตัวคุยกันไปมาอันรานั้นอยู่ติดกับเมืองอมนุษย์มีเพียงแค่ป่าศักสิทธิ์กั้นแถมยังเป็นช่วงที่แคบที่สุดของผืนป่าศักสิทธิ์เสียด้วย อันราจึงเต็มไปด้วยอมนุษย์มากมายพารัมรู้สึกถึงกลิ่นไอของอมนุษย์ต่างๆหลากหลายรอบตัว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่นักยกเว้นเจ้าของกลิ่นไอเจ้าปัญหาที่ใกล้เข้ามา ไมนา สินะ
                “ร้านเต็ม ข้านั่งด้วยนะหนุ่มน้อย” คำถามที่ดูเหมือนจะไม่รอคำตอบ เมื่อพารัมรู้สึกว่าเก้าอี้ตรงข้ามตนนั้นถูกจับจองโดยเจ้าของเสียงแทบจะทันที
                พารัมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อรู้สึกถึงการจับจ้องที่ดูจะไม่เป็นมิตร ไม่รู้สิแม้จะไม่เห็นแต่พารัมก็รับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยของคนตรงหน้า
                “รอใครอยู่เหรอ” เสียงทุ้มถามมาอีกครั้งพร้อมกับหันไปตะโกนสั่งของกินกับคนขาย
                พารัมเลือกที่จะนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม ร่างบอบบางขยับเกร็งอย่างระวังเต็มที่ภาวนาในใจให้สหัสกลับมาโดยเร็ว
                “ข้าถามไม่คิดว่าจะตอบข้าหน่อยรึไง” เสียงทุ้มถามมาอีกครั้งคราวนี้มีเจืออารมณ์คุกคามมาด้วย บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงไม่พอใจเท่าไหร่นักที่พารัมไม่ยอมตอบ
                “อย่ายุ่งกับเขา” เสียงใสๆของหญิงสาวที่พารัมจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่พูดกับเขา หญิงสาวคงเป็นเด็กทำงานอยู่ที่ร้านนี้
                “อย่ายุ่งนังอัปลักษณ์” เสียงเจ้าไมนาตะหวาดก้อง แม้จะมองไม่เห็นแต่พารัมก็รับรู้ได้ทันทีว่าเสียงอันดังของเจ้าไมนานั้นสร้างความอับอายให้สาวน้อยที่ใจดีมาช่วยเขาขนาดไหน
                “ข้ารอคนรักอยู่” พารัมเลือกตอบออกไปสั้นๆ
                “แล้วคนรักเจ้าไปไหนถึงปล่อยให้เจ้านั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ล่ะ หืม”
                “เขาไปพบเพื่อน เอาข้าไปด้วยจะเสียเวลาเลยให้รอที่นี่ ก็อย่างที่ท่านเห็นข้าตาบอด” พารัมตอบ
                “แล้วเจ้ามาจากไหน เพิ่งมาอันราสินะข้าถึงไม่คุ้นหน้าเลย มีอะไรให้ข้าช่วยบอกข้าได้เลยนะในอันราไม่มีอะไรที่ข้าไม่รู้”
                 “ท่านจะเปลี่ยนโต๊ะหรือไม่” น้ำเสียงที่แทรกมาของหญิงสาวเจือความเป็นห่วงไม่น้อย
                “ข้าบอกว่าอย่ายุ่งนังอัปลักษณ์”
                “ข้าคิดว่าท่านควรให้เกียรติหญิงสาวมากกว่านี้ นางแค่เป็นห่วงข้าเท่านั้น” พารัมเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเจ้าไมนาตรงหน้ายังคงหยาบคาย
                “ท่านไปนั่งโต๊ะตรงโน้นเถอะ” หญิงสาวพูดพลางเข้าไปจับแขนพารัมให้ลุกขึ้น
                พารัมขยับตัวลุกตามพลางชะงักเบาๆเมื่อหญิงสาวกระซิบบางอย่างให้พารัมฟัง “เจ้าไมนาตนนี้มันชอบหนุ่มรูปงามเยี่ยงท่าน ระวังตัวด้วยเหมือนมันจะสนใจท่านไม่น้อยเชียว”
                หากยังไม่ทันจะได้ตอบหรือขยับลุกยืนได้เต็มที่พารัมก็รู้สึกว่าหญิงสาวที่จับแขนเขาอยู่ถูกผลักอย่างแรงจนทำเอาพารัมล้มลงไปด้วยพร้อมเสียงตวาดลั่นของไมนาเจ้าปัญหา
                “ชอบสาระแนนักนังโซลา”
                “ออกไปจากร้านของข้าเลย อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้านะเจ้าพวกอมนุษย์ ถือว่ามีราชาหนุนหลังเลยวางอำนาจไปทั่ว ข้าเกิดที่นี่เป็นคนอันราแต่กำเนิดไม่กลัวเจ้าพวกอมนุษย์พลัดถิ่นอย่างเจ้าหรอก” เสียงของหญิงสาวที่พารัมได้ยินว่าชื่อโซลาเถียงอย่างไม่เกรงกลัว
                พารัมยันตัวลุกขึ้นก่อนพยายามพาตัวเองเข้าไปใกล้หญิงสาว เมื่อจับต้นแขนหญิงสาวได้เขาก็ดันเอาหญิงสาวไปไว้ด้านหลัง
                “ข้าจะนั่งร่วมโต๊ะกับท่านไม่ไปไหน อย่าโกรธไปเลยอุตส่าห์ได้มาพบกันทั้งทีถือว่าชะตาลิขิตจะโมโหให้อารมณ์เสียไปทำไมกันเล่า” เมื่อพอจะรู้แล้วว่าคนตรงหน้ามีรสนิยมเป็นเด็กหนุ่มและดูเหมือนว่าจะสนใจตนพารัมจึงเลือกใช้สิ่งที่ถนัด มารยา
                “หึ...มันต้องอย่างนี้สิ เอ้านั่งๆ โซลาไปหาของกินมาเอาของที่ดีที่สุดในร้านที่เจ้าจะหาได้มาเลยข้าเลี้ยงหนุ่มน้อยนี่เอง”
                “แต่...” โซลาอ้าปากจะเถียงแต่พารัมจับแขนหญิงสาวพลางบีบเบาๆ ราวกับห้ามปราม
                “ทำตามที่เขาบอกเถอะ ข้าดูแลตัวเองได้ ขอบใจมาก” พารัมหันไปบอกหญิงสาว ก่อนนั่งลงเมื่อโซลาพาเขามานั่งตรงที่เดิม ก่อนที่หญิงสาวจะปลีกตัวออกไป
                “ยังไม่ตอบข้าเลยว่าเจ้าชื่ออะไร”
                “แล้วชื่อของท่านเล่า” พารัมถามกลับแทนที่จะตอบ
                “ข้าชื่อตันลา ที่อันราไม่มีใครไม่รู้จักข้าหากเจ้าต้องการอะไรบอกข้าได้เลย” เสียงบอกเล่านั้นช่างฟังดูโอ้อวด พารัมพยักหน้ารับรู้พยายามยิ้มรับอย่างกระอักกระอ่วนเขาไม่อยากมีปัญหาและไม่อยากให้ใครมาเดือนร้อนเพราะเขาด้วย ถ้าเขาโวยวายหรือหลอกไอหมอนี่ไปจัดการในที่ลับตาคนก็คงไม่ยากแต่เท่าที่ฟัง หมอนี่คงมีพวกพ้องไม่น้อยถ้ามันหายไปหรือเกิดอะไรขึ้นกับมันเรื่องคนไม่จบง่ายๆแน่ คิดได้ดังนั้นพารัมจึงเลือกทนนั่งให้เจ้าไมนา แทะโลม ต่อไปอย่างอดทนและภาวนาให้สหัสกลับมาเสียที

   “เจ้ามาจากไหนชื่ออะไรยังไม่ตอบข้าเลย” ตันลาเอ่ยถามพลางขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้พารัมมากขึ้น
                “ข้าอาศัยแถบหมู่บ้านบันกุ เมื่อไม่นานมนี้หมู่บ้านข้าถูกพวกคนร้ายเข้าปล้นและเผาจนแทบไม่เหลือซากข้ากับคนรักจำต้องระหกระเหินมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่นี่” พารัมบอก
   “บันกุ หมู่บ้านที่อยู่ชายป่าติดกับเมืองแห่งเวทย์น่ะรึ” ตันลาพูดพลางมองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า ผิวที่เนียนราวไม่เคยต้องแสงแดดนั้นช่างห่างกับคำว่าชาวป่าอยู่มาก ไหนจะใบหน้าที่ดูหมดจดแม้จะมีผ้าคาดตาปิดบังอยู่แต่ก็ไม่ได้ลดความน่ามองลงสักแม้แต่น้อย
   “เจ้าดูไม่เหมือนชาวป่าแม้แต่นิด ดูมือสวยๆนี่สิไม่มีรอยด้านเลยแม้แต่นิด” ตันลาพูดพลางแตะมือของตนลงบนหลังมือของพารัมพลางเกลี่ยไปมาเบาๆ
   พารัมกัดฟันแน่นความโมโหเริ่มเข้าครอบงำแม้เจ้าตัวจะพยายามสะกดกลั้นเอาไว้
   “ลมอะไรวะ เมื้อกี้ยังไม่เห็นมีเค้าว่าจะมี” ตันลาพูดอย่างไม่สบอารมณ์เมื่ออยู่ดีๆสายลมรอบตัวเขาก็พัดแรงราวเป็นการตักเตือนว่าไม่นานพายุจะมา
   “อย่าแตะต้องตัวข้า” พารัมพูดรอไรฟันก่อนจะดึงมือตัวเองออกมา
   “จะหวงตัวอะไรขนาดนั้น เจ้าเป็นชายโดนนิดโดนหน่อยจะเป็นไรไป ไหนดูสิใบหน้าหมดจดยิ่งกว่าหญิงแบบนี้มันไม่น่าแปลกไปหน่อยรึ” ตันลาพูดพลางหัวเราะในลำคอก่อนใช้นิ้วแตะที่แก้มของพารัมพลางลาดไล้มายังริมฝีปาก แต่แล้วเขาก็ต้องร้องออกมาสุดเสียงเมื่อพารัมที่ไม่มีท่าทีขัดขืนมาตลอดกลับอ้าปากแล้วกัดลงไปที่นิ้วเขาเต็มแรง
   “ฮ๊ากกก ปล่อยย” ตันลาร้องลั่นพยายามดึงมือออกมาจากปากพารัม แต่ดูเหมือนว่าคนที่กัดจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ เขขาจึงตบลงไปยังใบหน้าของพารัมเต็มแรง ร่างบอบบางเซถลาล้มลงไปพร้อมกับนิ้วชี้ของตัลลาที่ติดไปด้วย
   สายลมรอบตัวเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่องสายลมที่หมุนวนรอบตัวพารัมและตันลาราวกางกั้นทั้งสองออกจากคนภายนอก มีเพียงแค่สองชีวิตที่อยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนวน
   “แก...แกเป็นใคร” ตัลลาละลั่มละลักเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเต็มตา เลือดในร่างกายเย็นเชียบราวถูกแช่แข็ง เมื่อร่างบอบางของชายตาบอดเมื่อครู่ลุกขึ้นเดินตรงมายังเขาราวมองเห็นสายลมที่พันหมุนรุนแรงจนกระชากเสื้อผ้าของคนตรงหน้าขาดวิ่น สายลมที่รุนแรงราวเป็นกำแพงกางกั้นเขาจากคนข้างนอก เมื่อคิดว่าต้องเผชิญหน้ากับชายตาบอดตรงหน้าสองต่อสองสัญชาตญาณบางอย่างก็เตือนเขาว่า อันตราย
   “แก้รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร แกจะไม่มีชีวิตออกไปจากอันราถ้า...” คำพูดถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อตันลาเห็นใบหน้าของชายตาบอดชัดเจน ริมฝีปากบางได้รูปที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดนั้นมันจะไม่ชวนสยดสยองเลยถ้าสิ่งที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปากราวขนมหวานและกลืนลงคอไปอย่าง่ายดายนั้นไม่ใช่ นิ้วของเขา
   “ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร และท่านอยากรู้รึไม่ว่า ข้า...” นิ้วเรียวชี้ไปที่อกตัวเองก่อนหัวเราะเสียงหัวเราะที่ฟังดูเยือกเย็นราวฆาตกร “เป็นใคร” สิ้นคำร่างบอบบางก็พุ่งตรงมายังตันลาด้วยความรวดเร็ว มือเรียวกำคอเสื้อเขาก่อนกระชากเข้ามาใกล้ใบหน้าที่เคนเคยคิดว่าน่ารักยื่นมาจนแทบจะติดกับใบหน้าของเขา และสิ่งที่ทำให้ตันลาตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกก็คือ ดวงตาสีแดงราวถ่านคุไฟที่โผล่พ้นผ้าพันดวงตาที่หลุดรุ่ยเพราะแรงลม
   “ข้า...เป็นยักษ์น่ะ” ใบหน้าหมดจดที่เปรอะไปด้วยเลือดยื่นเข้ามากระซิบใกล้ใบหูของเขาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเด็กกำลังเล่นสนุก
   “พารัม” เสียงทุ้มตะโกนก้องเรียกความสนใจของพารัมได้ทันทีมือบางปล่อยจากคอเสื้อของตันลาพร้อมกับรีบยกขึ้นผูกผ้าพันดวงตาให้เรียบร้อยเท่าที่ทำได้
   สายลมแรงของพายุค่อยๆจางหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมผู้คนมากมายที่ออกมาจากหลังจากหาที่หลบพายุกันอย่างฉุกละหุก ข้าวของในร้านอาหารพังไปหลายอย่างแต่มันก็น้อยมากเมื่อเทียบกับความรุนแรงของพายุเมื่อครู่ ราวกับสายลมที่รุนแรงนั้นเลือกที่จะไม่ทำร้ายใครเลยไม่ว่าผู้คนและสิ่งของ
                “พารัมเจ้าทำอะไร” สหัสถามก่อนมองสภาพหลังพายุเข้าอย่างเหนื่อยใจ คลาดสายตาไปเพียงครู่พารัมก็แผลงฤทธิ์อีกแล้ว
   “เขา...เขาทำร้ายข้า” พารัมบอกเสียงเครือก่อนชี้ไปที่ตัลลาที่ยังลงนั่งอยู่บนพื้นสายที่มองมายังพารัมดูหวาดกลัวไร้สติ เหมือนเพิ่งเจอสิ่งที่น่าสยอดสยองมาหมาดๆ
   “เกิดอะไรขึ้น” โซลาที่เห็นร้านของตนพังไปต่อหน้าต่อตาถามอย่างไม่เข้าใจ ภาพของชายหนุ่มตาบอดดูน่าสงสารเสื้อผ้าขาดวิ่นผมเผ้ายุ่งเหยิง
   “ท่านตันลาจะลวนลามข้าแต่ข้าไม่ยอม ดีนะมีพายุเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อนไม่อย่างนั้นข้าคงป่นปี้” เสียงสะอื้นนั้นดูน่าสงสารไม่น้อยหากมองจากคนภายนอก แต่ไม่ใช่กับสหัส ดวงตาสีเทามองไปยังไมนาที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนโดนสะกดก่อนเหลือบมองไปยังนิ้วชี้ที่ขาดวิ่นราวโดนกัดขาด ก่อนจะหันมาทางพารัมที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด
   “เลือดมาจากไหน”
   “ท่านตันลาตบข้า ดูสิ” พูดพร้อมหันแก้มที่ขึ้นรอยช้ำชัดเจน “สงสัยจะปากแตกเลือดเต็มเลย”
   สหัสถอนหายใจกับการเถียงข้างๆคูๆของพารัม สิงร์ราหนุ่มจึงเลือกที่จะหันไปคุยกับโซลาแทน
   “ร้านท่านพังเสียหายมากพอดู ข้าคิดว่าเงินจำนวนนี้คงช่วยชดใช้ได้” สหัสบอกเสียงเรียบพร้อมส่งถุงเงินให้โซลา
   “ท่านไม่ต้องรับผิดชอบหรอ ไม่ใช่ความผิดของท่านเสียหน่อยใครจะบังคับพายุได้กัน” โซลาบอก
   “เอาเถอะถือว่าข้าช่วย เจ้ามีน้ำใจช่วยข้ามากมายตอนโดนเจ้านั่นรังแก” พารัมชิงพูดขึ้นเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าเพราะอะไร
   “ข้าขอบใจมาก” โซลารับเงินไปก่อนกล่าวของคุณ
   “ส่วนเจ้าอย่ามายุ่งกับข้าอีกนะ อย่าถือว่ามีพวกพ้อง บ้านอยู่ใกล้วังหลวงแล้วจะรังแกใครไปทั่ว คนรักข้าน่ะไม่ยอมง่ายๆแน่ พารัมบอกก่อนหันไปพยักเพยิดกับสหัส
   ร่างสุงใหญ่ของสหัสเดินไปใกล้ไมนาที่มีท่าทีหวาดกลัวก่อนจะนั่งลงใกล้ๆมือหนาจับมือข้างที่นิ้วขาดออกไปขึ้นมามอง “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเห็นอะไร แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าคงเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน เก็บทุกอย่างที่เห็นให้เป็นความลับ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเจ้าจะไม่โดนกินแค่นิ้ว เจ้าไมนา” พูดจบสหัสก็ลุกขึ้นเดินมาทางพารัมที่กำลังพยายามขยับเสื้อที่ขาดวิ่นของตนให้เข้าที่แต่ก็แทบไม่ช่วยอะไรเมื่อมันถูกสายลมกระชากจนขาดจนแทบเป็นเศษผ้า
“มานี่” สหัสดึงร่างของพารัมมาใกล้ก่อนจะถอดสื้อของตนมาสวมให้คนตรงหน้าก่อนจะก้มลงไปกระซิบเสียง
ต่ำราวคาดโทษ “เตรียมคำตอบที่ดีไว้ให้ข้าด้วยพารัม” ก่อนจะจับจูงคนตัวเล็กที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และพยายามจะเอื้อมมือมาลูบตัวเขาให้ออกเดินตามมา
                พารัมก้าวขาตามสหัสอย่างว่าง่ายตามเคยริฝีปากบางแย้มยิ้มเมื่อได้กลิ่นของสหัสที่ติดมากับเสื้อที่เจ้าตัวถอดมาสวมให้เขา นึกแล้วก็เสียดายที่ตอนนี้เขาถูกปิดตาอยู่อดเห็นแผ่นอกแกร่งที่ไม่มีโอกาสได้เห็นบ่อยนักเมื่อแกล้งเอื้อมมือออกไปหวังจะสัมผัสก็เหมือนเจ้าตัวจะรู้ทันเมื่อสหัสชิงจับมือเขาเสียก่อนพลางออกแรงจูงให้เดินตาม


 :katai4: :katai4: :katai4:
มาครบแล้วค่าาา ช่วงนี้อัพช้ามากๆหลังจากนนี้จะพยายามมาให้สม่ำเสมอเหมือนเดิมน้า
ฝาก #ยักษ์อ่อย ด้วยค่าา ติดแฮชแท๊กคุยกันในทวิตได้น้า
ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 22-08-2017 01:58:12
พารัม ฉลาดเอาตัวรอด เมื่อไรสหัสจะใจอ่อนเสียทีน้า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-08-2017 10:46:08
แหมมมมม แท๊กนี้ #ยักษ์อ่อย มันใช่จริงๆเชียว 5555  อีกอย่าง แนะนำว่า สหัสควรพกยาแก้ปวดเอาไว้ตลอดทริปนี้นะ พารัมนางคงป่วนได้อีกง่ะ // มาอัพเร็วๆหน่อยยยย เก๊ากิ๊ดตึ๋งงงงง
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-08-2017 11:26:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-08-2017 12:07:51
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-08-2017 17:05:55

ัััััััุุุุัุัััุฉลาดมากพารัม
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: pui ที่ 22-08-2017 22:34:20
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 23-08-2017 00:28:21
อร้ายยยย ขอความคืบหน้า5555
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-08-2017 09:51:14
จากสหัสจะกลายเป็นสาหัส หรือเปล่านี่ สู้ต่อไปนะแลดูหนทางยังอีกยาวววเลยยอยักษ์เรา    :mew1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-08-2017 11:40:47
สมน้ำหน้าพวกชีกอ โดนกินแค่นิ้วยังน้อยไป
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-08-2017 21:42:54
รีบมาๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 15-09-2017 08:38:26
ตามมาจากวิรัลลืมเมีย ลุ้นอยู่ว่าจะเป็นคู่ไหน หวยออกตรงสหัสพารัม คิคิ สหัสน่าจะปวดหัวแย่เจอพารัมยักษ์น้อยไปอีก พารัมขยันอ่อยแบบนี้สหัสใจอ่อนเร็วๆนะ ชอบเห็นคนรักกัน
มาอัพบ่อยๆนะคะ รออยู่ค่าาาา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 15-09-2017 10:56:58
ง้ออววว รีบมาต่อนะคร้าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 16-09-2017 09:04:02
รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๗-หน้าที่๕) -๒๑.๐๘.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 17-09-2017 00:20:35
ตอนที่๘ ๕๐%


ตอนที่๘
   ภายในที่พักริมลำธารนั้นช่างคุ้นตา สหัสถอนหายใจเมื่อที่พักที่ธันจัดให้เป็นที่เดียวกับที่เขาเคยมาพักกับท่านเธรา เหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นสหัสยังคงจำได้ดีทำเอาเขาไม่อยากจะพักที่นี่สักเท่าไหร่แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อคนที่จัดหาให้ยืนยันว่ามันคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด

   พารัมพาตัวเองไปล้างคราบเลือดที่ลำธารจนสะอาดดี ก่อนจะลุกขึ้นมายังที่พักมือเรียวหยิบเอาเสื้อผ้ามาสวมใส่ก่อนจะเอาผ้ามาพันรอบดวงตาและนั่งนิ่งๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสหัสที่เดินตามเข้ามา

   สหัสมองพารัมที่เอาผ้าผูกดวงตามพลางนั่งอย่างเรียบร้อยก่อนถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย นี่เขาจะต้องมาดูแลยักษ์ที่แสนเอาแต่ใจอีกนานแค่ไหนกัน

   “คุยกันก่อนพารัม” สหัสพูดก่อนเอื้อมมือไปดึงเอาผ้าพันตาของพารัมออก ดวงตาสองสีสบกลับมาเพียงครู่ก่อนเบนหน้าออกไปทางหน้าต่าง ใบหน้าน่ารักมีแววเอาแต่ใจ

   “ข้าถูกหาเรื่องก่อน”

   “เจ้าเลยกัดนิ้วเจ้าไมนานั่น”

   “ไม่ใช่...ข้ากินเลยต่างหาก” พารัมหันมาบอกอย่างถือดี

   สหัสส่ายหน้าก่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

   “อย่ามาถอนหายใจใส่ข้านะ”  พารัมพูดเสียงดังใบหน้าน่ารักงอง้ำ เขารู้เต็มอกว่าตัวเองผิดแต่อย่ามาทำท่าเบื่อหน่ายเขานะ อย่ามาหันหน้าหนีแบบนี้เขาใจไม่ดี

   สหัสมองหน้าพารัมที่มีท่าทีไม่พอใจนิ่งๆ

   “จะว่าอะไรก็ว่ามาเลย อย่ามาทำเป็นมองหน้าข้าแบบนั้น” พารัมแหวขึ้นมาอีกครั้ง

   “ข้าไม่ต้องพูดเจ้าก็รู้ตัว ว่าตัวเองผิดอะไร” สหัสบอกนิ่งๆ

   “มันหาเรื่องข้าก่อน”

   “เจ้าเลยแผลงฤทธิ์กลางเมืองอันราเลยใช่ไหม กลัวคนไม่รู้สินะว่าเป็นยักษ์”

   “แต่...”

   “ต่อให้ถูกทำมากกกว่านี้เจ้าก็ต้องอดทนพารัม ตอนนี้พวกอมนุษย์จ้องจะฆ่าเจ้ากันทั้งนั้น พายุเมื่อครู่เหมือนประกาศบอกอมนุษย์ทุกตนที่อันราว่าเจ้ามาถึงแล้ว การพาเจ้าข้าวไปเมืองอมนุษย์จะยากขึ้นไปอีก นี่ยังดีว่าเจ้ายังไม่มีไอยักษ์แผ่ออกมาไม่อย่างนั้นข้าก็จนใจว่าจะพาเจ้าไปเมืองอมนุษย์ได้ยังไงกัน” สหัสบอกก่อนถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าบอกเจ้าไว้เลยนะพารัมถ้าเจ้าแผลงฤทธิ์อีกครั้งข้าจะไปทันทีต่อให้ต้องขัดคำสังท่านเธราก็เถอะ”

   “เอ้าๆ จะดุเด็กมันอะไรขนาดนั้นพ่อสหัส แม่ทัพใหญ่แห่งอมนุษย์” เสียงทักทีเล่นทีจริงของผู้มาเยือนทำเอาพารัมกับสหัสต้องหันไปมอง ธันที่ยืนพิงขอบประตูอยู่มีท่าทีสบายๆ

   “ข้าเอาของกินมาให้ อาจจะอร่อยสู้นิ้วเจ้าไมนานั่นไม่ได้นะ เอ่อ...เจ้าชื่อพารัมสินะ” ธันหันไปคุยกับพารัมก่อนจะเดินผ่านสหัสเอาของกินไปวางไว้ในบ้านอย่างง่ายๆ

   “เจ้านี่เก่งนะพารัม มาถึงวันแรกก็เลือกอาหารเป็นไมนาตัวโปรดของเจ้าเมืองซะด้วย” ธันบอกก่อนใบหน้าสบายๆจะเจือด้วยแววเคร่งเครียดเมื่อเอ่ยถึงไมนาตนนั้น

   “คนโปรด” สหัสถามย้ำเมื่อธันเริ่มพูดจาแปลกๆ

   “ราชาองค์ก่อนของอันราเพิ่งตายไป น่าแปลกไม่น้อยที่ก่อนตายกษัติย์แห่งอันรากลับเปลี่ยนรัชทายาทจากพระโอรสองค์โต เป็นโอรสองค์ที่ห้าที่เกิดจากอมนุษย์” สิ้นคำของของธันทำเอาทั้งพารัมและสหัสที่เป็นอมนุษย์แปลกใจไม่น้อย

   “ไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วพวกขุนนางยอมกันเหรอ พวกลูกครึ่งไม่น่าจะเป็นที่ยอมรับสักเท่าไหร่แม้จะเป็นอันราก็เถอะ” เป็นพารัมที่โพล่งออกมาใบหน้าน่ารักมีแววครุ่นคิด

   “พวกขุนนางเก่าๆที่มีอำนาจต่อรองโดนสัตย์ป่าจู่โจมกลางป่าขณะล่าสัตย์ตายทั้งหมดก่อนที่ราชาจะสิ้นใจตายหลังจากป่วยมานานเพียงสามวัน” ธันบอกเรื่อยๆ

   “แปลก” สหัสพูดออกมาหลังจากนิ่งฟังมาสักพัก

   “แน่นอน แปลก ข้าแจ้งข่าวไปที่นันทาแล้ว ก็คงต้องเฝ้าระวังกันไปเงียบๆก่อนเพราะอันราเองก็ยังมีไมตรีที่ดีต่อนันทา เรื่องภายในแบบนี้บางทีเราก็ยุ่งมากไม่ได้”

   พารัมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ “เจ้าตันลานั่นดูจะใหญ่โต เป็นที่โปรดปรานของราชิสินะ ทำไมดูก็เป็นไมนาธรรมดาแท้ๆ”

   “ข้าได้ข่าวมาว่าในวังหลวงของอันรา มักจะมีงานรื่นเริงทุกๆสัปดาห์ และคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานในวังแต่ละครั้งก็คือเจ้าตันลานั่นล่ะ”

   “คนในวังเยอะแยะทำไมถึงต้องให้ไมนาเป็นจัดล่ะ” สหัสถาม

   ธันส่ายหัวก่อนจะลุกขึ้น “ข้ากลับก่อนแล้วกัน มีอะไรไปแจ้งข้าได้ ส่วนเรื่องวันที่จะพาพารัมข้ามไปฝั่งอมนุษย์ข้าจะแจ้งรายละเอียดอีกที และพารัมถ้าให้ดีข้าว่าเจ้าอย่าเพิ่งออกไปไหนอยู่แต่ที่นี่ไปก่อน เพราะตอนนี้พวกชาวบ้านกำลังพูดถึงหนุ่มน้อยตาบอดกับสิงห์ราที่เป็นคนรักกันระงมเชียว ข้าคิดว่าคงไม่ดีนักจะออกไปเดินไปไหนมาไหนเรื่อยเปื่อย” พูดจบธันก็ออกไปทันที


   “เอาเถอะอย่าทำแบ[นี้อีกแล้วกัน” สหัสบอกอย่างเบื่อหน่ายก่อนเดินออกไปข้างนอกทิ้งให้พารัมนั่งอยู่คนเดียว ทันทีที่ลับร่างของสหัสใบหน้าที่เคยเชิดขึ้นราวถือดีก็หงอยราวเด็กถูกดุ พารัมรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองผิดแต่จะให้เขามาทำหน้าสำนึกผิดเขาไม่มีทางทำเด็ดขาด เจ้าไมนานั่นต่างหากที่ต้องสำนึกที่มาหาเรื่องเขาก่อน

   สหัสพาตัวเองมาที่ริมลำธารก่อนสายลมหนาวอ้อยอิ่งจะพัดวนไปมาทั่งบริเวณ ดวงตาสีเทาหันไปมองที่พักที่มีตัวปัญหาอยู่ในนั้นทันที สายลมแปลกๆที่พัดผ่านมาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดจากใคร ร่างสูงใหญ่นั่งลงง่ายๆที่ก้อนหินขนาดใหญ่ริมลำธาร   เขาเลิกคิดจะกลับเมืองอมนุษย์มานานแล้วตั้งแต่เขาตัดสินใจอยู่ช่วยท่านเธรา เขาในตอนนี้กับสหัสที่เป็นแม่ทัพแห่งเมืองอมนุษย์นั้นแตกต่างกันเกินไป เขาก้าวออกมาจากพาณาจนไม่รู้ว่าหากกกลับไปเขาจะกลายเป็นคนแปลกหน้ารึเปล่า

   แต่แล้วความคิดต่างๆของสหัสก็ต้องสะดุดลงเมื่อสัญชาตญาณของเขาบ่งบอกว่าตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีแค่เขาและพารัม และแทบจะทันทีที่สายลมรอบตัวเขาโหมพัดพร้อมกับร่างของพารัมที่มายืนอยู่ข้างๆเขาราวกับรับรู้ถึงแขกไม่ได้รับเชิญเช่นกัน

   ลำธารเล็กๆที่เคยนิ่งสงบกลับมีฟองอากาศผุดขึ้นมาเรื่อยๆจากหนึ่งเป็นสอง สาม สี่  เพิ่มขึ้นจนในน้ำนั้นเต็มไปด้วยฟองอากาศ พร้อมกับสิ่งมีชีวิตบางอย่างมีแหวกว่ายไปมาใต้สายน้ำนั้น

   “พรายสินะ” สหัสบอกเสียงต่ำพร้อมกับกลายร่างเป็นสิงห์ราทันที “เจ้าอยู่เฉยพารัม บอกลมของเจ้าให้สงบด้วย” สหัสหันไปบอกพารัมที่ยืนอยู่ข้างๆ และทันทีที่สิ้นคำสายลมที่เริ่มพัดแรงก็ค่อยๆเบาบางลงแม้จะไม่นิ่งสนิท บ่งบอกว่าพารัมเองก็กำลังควบคุมอารมณ์ของตนอยู่

   สิ่งที่แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำค่อยๆโผล่พ้นผื่นน้ำขึ้นมาช้าๆ และทันทีที่พารัมเห็นสิ่งตรงหน้าชัดๆก็อดอุทานออกมาไม่ได้
   “เด็ก...เหรอ” ร่างที่โผล่พ้นน้ำและกำลังเดินเข้ามาหาพารัมและสหัสอย่างช้าๆนั่นคือร่างของเด็กชายวัยไม่เกินสิบขวบ ใบหน้าน่ารักของเด็กชายประกอบไปด้วยดวงตาสีฟ้าใสผมสีทองหยักศกดูพลิ้วใหว ปากบางเฉียบสีอ่อนและพวกแก้มสีระเรื่อนั้นดูน่ารัก

   “หยุดอยู่ตรงนั้นเจ้าพรายชั้นต่ำ” สหัสบอกก่อนประเมิณคนตรงหน้าทันที พวกพรายนั้นจะมีร่างมนุษย์เป็นเด็ก มันจะปรากฏร่างของผู้ใหญ่ต่อเมื่อเลือกคู่แล้วท่านั้นเพราะฉะนั้นเจ้าพรายตรงหน้าก็คงไม่ใช่เด็กจริงๆ ตามรูปลักษณ์ภายนอกแน่

   เด็กชายหยุดตามคำบอกของสหัสหากดวงตาสีฟ้าใสกลับจ้องไปที่พารัมไม่วางตา

   “ข้ามาพบท่านพารัม” เสียงใสๆของเด็กชายเอ่ยขึ้น
   “เจ้ามีอะไรกับข้า” พารัมถามออกไป หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กชายทำเอาพารัมใจเย็นลงไม่น้อย
   “ข้าจะมาติดตามท่านเพื่อนำท่านไปยังถ้ำอสูรในเมืองอมนุษย์”  คำบอกเล่าของเด็กชายทำเอาสหัสกับพารัมต้องหันมองหน้ากัน

   “เจ้าใช่ไหมที่ดึงข้าลงใต้น้ำ” พารัมถามเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางป่า

   “ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านพารัมตกใจ หากไม่ทำเช่นนั้นท่านคงจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้สักที”

   “หมายความว่ายังไง”

   “ท่านพารัมถูกมนต์ของชาวเวทย์ชั้นสูง สะกดร่างจริงเอาไว้ จึงจำเรื่องราวต่างๆก่อนถูกสะกดไม่ได้หากไม่เกิดเหตุการณ์ที่กระตุ้นจิตใต้สำนึกของท่านอย่างรุนแรง”

   “อย่างจมน้ำใกล้ตายอ่ะนะ” พารัมสวนขึ้นมาทันที

   “เหตุการณ์ที่มีผลกับชีวิตท่าน จะทำให้ท่านจดจำเรื่องเมื่อก่อนถูกสะกดได้”

   “แล้วเจ้าเป็นใคร ทำไมถึงต้องมานำทางพารัมไปยังถ้ำอสูร แล้วข้าจะไว้ใจเจ้าได้ยังไง” สหัสถาม

   “เราพวกเป็นพรายแสนจะต้อยต่ำ ในดินแดนที่พวกท่านผลัดกันยึดครองพวกเราไม่เคยหายไปไหน พวกเราเฝ้ามองและรับรู้ทุกความเป็นไปในพาณา เราจึงเลือกที่จะซื่อสัตย์และจงรักภักดีแก่ผู้นำที่ไม่เคยทิ้งเราไว้ข้างหลัง หลังจากเปลี่ยนการปกครอง เมื่อยักษ์แทบจะสิ้นศูนย์พวกเราก็รอเวลานี้มาตลอดเวลาที่เผ่าพันธุ์ยักษ์จะกลับมาครองบัลลังค์แห่งพาณาอีกครั้ง พวกยักษ์ไม่เคยหลงลืมพรายอย่างพวกเรา พวกเราก็จะตอบแทนด้วยการดูแลทายาทคนสุดท้ายของเผ่าพันยักษ์ด้วยชีวิต นามของข้าคือ เทม ตัวแทนแห่งพรายทั้งหลายข้าจะนำท่านไปยังถ้ำอสูร จะคอยหนุนนำให้ท่านขึ้นครองบัลลังค์แห่งพาณา แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของข้าก็ตาม”

   คำพูดยืดยาวนั้นฟังดูคล้ายคำสัตย์สาบาน แม้จะเพิ่งพบกันครั้งแรกแต่พารัมกลับรับรู้ได้ว่าทุกสิ่งที่พรายตรงหน้าพูดคือเรื่องจริง
   “พรายอย่างเจ้าจะทำอะไรได้” สหัสเอ่ยขึ้นเขาไม่ค่อยพอใจในคำพูดของพรายตรงหน้านัก ประโยคยืดยาวที่เหมือนต่อว่าเผ่าพันธุ์สิงห์ราของตนว่าละทิ้งชาวอมนุษย์ด้วยกัน ไม่สนใจใยดีเผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อยทั้งที่เป็นหน้าที่ของชนชั้นปกครองที่ต้องดูแลอมนุษย์ทุกตนให้เท่าเทียมกัน

   ดวงตาสีฟ้าใสหันมามองสิงห์ราตรงหน้าก่อนแย้มยิ้มจนแก้มแดงๆนั้นยุ้ยขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดู

   “ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดที่รู้จักสถานที่ต่างๆในพาณาดีเท่ากับพวกเราอีกแล้ว ไม่มีที่ใดในเมืองแห่งอมนุษย์ที่พวกพรายไม่รู้จัก ท่านน่าจะรู้เรื่องนี้ดี ท่านสหัสแม่ทัพใหญ่แห่งพาณา ” เทมพูดออกมาช้าๆดวงตาที่สวยงามนั้นไม่มีแววแห่งความเป็นมิตรสักนิดเมื่อมองมายังสหัส


 :katai4: :katai4: :katai4:
มาก่อนครึ่งนึงนะคะ
ฝาก #ยักษ์อ่อย #ดวงใจรักขสะ  ด้วยค่าา
ใครเล่นทวิตเตอร์ ติดแท๊ก #ยักษ์อ่อย คุยกันได้นะคะ
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 17-09-2017 01:07:45
ก็ว่ากันไป ตัวละรใหม่มาอีกแล้ว

ปล.คำผิดยังเยอะอยู่นะคะ ชื่อตัวละครยังผิดเลย พารัมเป็นเธราก็มี
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-09-2017 08:47:40
รอการเดินทางของพารัมและรอให้สหัสรักพารัมต่อไป
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-09-2017 22:22:56
มีพันธมิตรมาเพิ่ม
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-09-2017 23:36:10
หืมมม!! รีบมาอีกนะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 18-09-2017 00:32:53
มีตัวละครใหม่เพิ้มมาด้วยดูเป็นมิตรกัยสหัสดีนะ 5555
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 19-09-2017 01:38:44
มีตัวช่วยเพิ่มมา งานจะได้สะดวกขึ้น
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 02-10-2017 01:23:07
ทำไมอยู่ดีๆก็อยากให้สหัสเป็นรับนะ
อยากเห็นยักน้อยกดสิงรา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: MYYAOI ที่ 04-10-2017 21:49:21
พารัมมาแล้ว :impress3: พี่สหัสอย่าใจร้ายนักเลสงสารพารัมนะ  รอต่อไปนะค่ะไรท์ สู้ๆสู้ๆค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 09-10-2017 00:41:34
สนุกๆตื่นเต้นๆ เราชอบเรื่องของเธรามากกกกก  มันแฟนตาซีที่น่าตื่นเต้น  เรื่องนี้ก้ไม่พลาดจ้าา มาต่อเร็วๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๗.๐๙.๖๐ ๕๐%
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 10-10-2017 08:03:54
ตอนที่๘ ๑๐๐%

        “อะไรน่ะ” พารัมเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเทมที่เพิ่งกลับมาจากตลาดยื่นของบางอย่างมาให้

   “สร้อยข้อมือ ข้าเห็นว่าน่ารักดีเลยซื้อมาฝาก” เทมบอกก่อนยิ้มน่ารักส่งมา
 
   พารัมรับของฝากมาดูอย่างถูกใจก่อนเอ่ยปากขอบอกขอบใจเทมเสียหลายคำ ก่อนจะเอาสร้อยมาเทียบที่ข้อมือของตนแล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อสร้อยข้อมือสำหรับสตรียังไงก็เล็กเกินไปสำหรับเขาถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีรูปร่างบอบบางกว่าชายทั่วไปก็เถอะ

   “ใส่ไม่ได้ล่ะ” พารัมบอกก่อนลูบสร้อยเส้นนั้นไปมา “เทมเอามือเจ้ามานี่มา” พารัมบอกก่อนจะจับเอามือของเทมมาพร้อมกับสวมสร้อยเส้นนั้นลงไป “ใส่แทนข้าหน่อยนะ จะทิ้งก็เสียดายเจ้าอุตส่าห์ซื้อมาให้”


       ดวงตาสีเทามองภาพตรงหน้าก่อนถอนหายใจอย่างกังวลไม่น้อย เขายังไม่ไว้ใจเจ้าพรายนั่นเท่าไหร่ หากดูท่าทางของพารัมนั้นคงไม่คิดเช่นเขา คนที่เอาแต่ใจและถูกตามใจมาแต่ไหนแต่ไรอย่างพารัมพอมีคนมาคอยตามใจจึงสร้างความสนิทสนมได้ไม่ยากนัก และเจ้าพรายในร่างของเด็กน้อยที่ไร้พิษสงนั่นช่างเรียกความเอ็นดูจากพารัมได้ไม่น้อยทีเดียว สหัสคิดอย่างหนักใจ แต่เขาเองก็พอรู้มาบ้างว่าในสมัยที่เมืองพาณาปกครองโดยพวกยักษ์นั้น พรายพวกนี้ได้รับความว้างใจให้เป็นผู้นำทางของราชาเสมอ หากเมื่อเผ่าพันธุ์อื่นขึ้นครองบัลลังค์ของพาณาพวกพรายกลับถูกละเลย และค่อยๆห่างหายไปจากวังหลวงในที่สุด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ เทมกล่าวออกมาในวันที่เขาปรากฏตัวนั้นก็ไม่ได้มากเกินความเป็นจริงเลยสักนิด

   “ที่อันรานี่ครึ้กครื้นดีนะท่านพารัม ข้าเห็นว่ามีร้านค้าขายมากมายทีเดียว อย่างร้านที่ขายสร้อยนี่ก็มีเครื่องประดับสวยๆเยอะไปหมดเห็นว่าเป็นพ่อค้ามาจากต่างเมือง” เทมชวนคุยเมื่อเห็นท่าทีเสียดายที่ใสสร้อยของมือไม่ได้ของพารัม

   คำพูดเรื่อยเปื่อยของเทมแต่ดูเหมือนจะไปสะกิดใจพารัมไม่น้อย ดวงตาสองสีวาววับราวกับเด็กอยากได้ของเล่น “เหรอเทม มีของขายเยอะเลยเหรอ” พารัมถามเมื่อตอนที่อยู่ที่ตลาดตนก็ต้องเอาผ้าปิดตาไว้บ้านเมืองอันราเป็นอย่างไรได้เห็นเสียที่ไหนกัน

        ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   “พี่สหัสจะไปไหน” พารัมเอ่ยทักทันทีที่ร่างสูงใหญ่ทำท่าจะออกไปข้างนอก

   “ข้าจะไปหาธัน ต้องคุยเรื่องพาเจ้าข้ามไปพาณา” สหัสตอบก่อนเหลือบมองเทม เด็กน้อยน่ารักที่มีแววตาไม่เป็นมิตรทุกครั้งเวลามองมาที่เขา “ดูแลตัวเองด้วยตอนนี้ยังไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น” สหัสหันไปบอกพารัม

   “ข้าไปด้วยได้ไหม” ดูเหมือนพารัมจะไม่ฟังคำเตือนสักเท่าไร เมื่อเจ้าของดวงตาสองสีพาตัวเองมาเกาะแขนสหัสไว้ทันที
 
   “ไม่ได้ อันตราย” สหัสตอบอย่างไม่ลังเลมือหนาแกะมือบอบางที่เกาะแขนเขาออกอย่างไม่ใยดี

   “แต่ข้าไปกับพี่ จะอันตรายได้ยังไงกัน ตั้งแต่มาที่นี่ข้ายังไม่ได้ออกไปดูบ้านเมืองอันราเลย” พารัมบอกเสียงอ่อนท่าทางเหมือนเด็กน้อยกำลังงอแงมือเรียวยกขึ้นเกาะแขนสหัสอีกครั้งราววอนขอ หากในสายตาสหัสมันช่างน่าเบื่อหน่าย

   “พารัมเจ้าคงลืมไปว่าเราไม่ได้มาท่องเที่ยว เลิกเอาแต่ใจอ้อนขออะไรที่มันไร้สาระได้แล้ว สำนึกตัวเองไว้บ้างว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไร นอกจากจะต้องระวังว่าจะมีใครหมายเอาชีวิตเจ้าข้ายังต้องคอยดูไม่ให้เจ้าไปเผลอกินใครอีกด้วย และมันก็เป็นหน้าที่ที่ข้าไม่ได้ต้องการทำเจ้าเองก็รู้ดี ถ้าไม่ใช่เพราะท่านเธราหลงเชื่อมารยาของเจ้าจนออกคำสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพาณา เชื่อเถอะว่าต่อให้เอาพวกไมนามาลากข้าก็ไม่มา”  สหัสบอกอย่างโมโหและเหนื่อยหน่ายกับนิสัยเอาแต่ใจของพารัม ใบหน้าได้รูปของสหัสส่ายไปมาราวเหลือทนพร้อมกับถอนหายใจ ท่าทางเบื่อหน่ายที่ทำร้ายจิตใจคนมองได้ไม่น้อย

   พารัมปล่อยแขนสหัสอย่างช้าๆ ดวงตาสองสีหลุบต่ำราวสะกดอารมณ์ขาเรียวก้าวถอยออกมาจากร่างสูงสองสามก้าวก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เพิ่งพูดจาทำร้ายจิตใจตัวเองไปหมาดๆ ดวงตาสีเทาสวยที่สบมานั้นไม่แสดงความรู้สึกใดนอกจากความเบื่อหน่ายเช่นเดียวกับคำพูดของเจ้าตัว พารัมรู้ดีว่าสหัสไม่เคยรักตนแต่ทุกครั้งที่ได้รับรู้ว่าคนตรงหน้ารู้สึกอย่างไรกับตัวเองพารัมก็อดเจ็บเสียดในอกไม่ได้ สายลมเย็นเฉียบราวกับฤดูหนาวนั้นพัดผ่านมาวูบใหญ่และหายไปในทันทีพอๆกับแววตาเจ็บปวดของพารัมที่จางหายไปพร้อมกับอาการเชิดหน้าของคนดื้อดึง พร้อมกับสะบัดตัวเดินกลับเข้าที่พักทันที


   --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   มือเรียวลูบไปมาบนผ้าผืนสวยในมืออย่างช้าๆ ริมฝีปากบางยิ้มเบาๆราวพอใจ “เนื้อดีเชียว” พารัมพูดออกมาอย่างถูกใจ
“ผ้าสีฟ้าอ่อนชายผ้าขลิบทอง สวยทีเดียวท่านพารัม” เทมอธิบายเมื่อคนตรงหน้าไม่สามารถมองเห็นผ้าในมือตนเองได้ ดวงตาสีฟ้าใสมองไปรอบตัวอย่างระวังเมื่อถูกพารัมบังคับให้พามาที่ตลาด ทันทีที่สหัสออกไปคุยธุระเพื่อวางแผนพาท่านพารัมไปยังพาณา

   “กลับกันเถอะเดี๋ยวถูกท่านสหัสว่าเอา” เทมบอกพารัมเบาๆ และทันทีที่คนถูกปิดตาได้ยินชื่อใครบางคนใบหน้าน่ารักก็เชิดขึ้นปากบางเม้มแน่นราวกับต่อต้านทันที

   “อ้าวท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงใสๆของหญิงสาวเอ่ยทักขึ้นพารัมจำเสียงนี้ได้แทบจะทันที

   “โซลา”

   ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------
   เทมมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งๆ ท่าทางกระฉับกระเฉงนั้นดูสดใสพอๆกับน้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่ชวนท่านพารัมคุย หากสิ่งที่สะดุดตาก็คือใบหน้าซีกหนึ่งของหญิงสาวเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่จนแทบจะกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของใบหน้าทีเดียว

   “เจ้าทำร้านอาหารนี่คนเดียวเหรอโซลา”  พารัมเอ่ยถามออกไป นึกถูกใจโซลาไม่น้อยหญิงสาวช่างคุยสดใสและมีน้ำใจกับเขาเสมอ

   “ใช่ ข้าทำร้านต่อจากพ่อน่ะ” โซลาบอกก่อนเลื่อนขนมและน้ำชาไปตรงหน้าพารัม เธอเห็นชายหนุ่มตาบอดตรงหน้ายังคงปลอดภัยดีก็อดโล่งใจไม่ได้ วันนี้เมื่อมีโอกาสได้พบกันอีกคนที่เต็มไปด้วยไมตรีจิตอย่างโซลาจึงอดที่จะชวนมานั่งที่ร้านของตนไม่ได้

   “ส่วนนี่ของเจ้า ขนมของอันราอร่อยขึ้นชื่อเป็นที่โปรดปรานของท่านเธราพระสนมเอกแห่งนันทานครเชียวนะ” โซลาบอกกับเทมก่อนเลื่อนขนมไปไว้ตรงหน้าเด็กชายอย่างเอ็นดูเมื่อพารัมแนะนำว่าเทมนั้นเป็นน้องชายของตน

   “แล้วสิงห์ราคนรักของเจ้าล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าออกมาเดินตลาดกับเด็กแค่สองคน เพิ่งมีเรื่องกับไอ้ตันลาไปแท้ๆ แต่จะว่าไปตั้งแต่วันนั้นข้าก็ไม่เห็นเจ้าตันลานั่นอีกเลยนะ วันนั้นเจอพายุเข้าไปไม่รู้ไปโดนอะไรนิ้วถึงขั้นขาด เลยไม่เสนอหน้าออกมาวางอำนาจตั้งหลายวันแล้ว ดีสมน้ำหน้า” โซลาพูดไปเรื่อยตอนนี้ที่ร้านยังไม่มีลกค้าคนอื่น เธอจึงนั่งคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าอย่างออกรส

   “เจ้าไมนาตนนั้น...เอ่อ....ตันลาน่ะข้าพอรู้มาว่าเป็นคนโปรดของราชาแห่งอันรางั้นรึ ทำไมกันล่ะถึงเมืองอันราจะเป็นเมืองที่ติดกับเมืองอมนุษย์แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้อมนุษย์เข้านอกออกในวังหลวงได้นะ” พารัมเอ่ยถาม

   “ข้าเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร อันราตอนนี้ช่างผิดแปลกไม่ใช่เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย สนุกสนานเหมือนเดิมแล้วล่ะตอนนี้คนที่สิทธิ์ในบัลลังค์แห่งอันราเป็นลูกครึ่ง ฉะนั้นพวกอมนุษย์เลยดูจะได้รับความไว้วางใจจากว่าที่ราชาของเราเสียเหลือเกิน” โซลาบอกน้ำเสียงดูนิ่งงันหากแฝงด้วยความกังวลไม่น้อย “อันราที่ครึกครื้นไม่ปลอดภัยสำหรับทุกคนอีกแล้ว”   

   ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   ท้องฟ้าสีแดงก่ำของยามตะวันชิงพลบนั้นดูน่ากลัว หากคงไม่ร้อนรุ่มเท่าความรู้สึกเจ้าของดวงตาสีเทาตอนนี้ 
ร่างสูงใหญ่ของสหัสแทบจะมุ่งหน้ากลับมายังที่พักทันทีที่คุยธุระกับธันเรียบร้อย ดวงตาสีเทาเหลือบมองสิ่งของในมือตนก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้มากขึ้นเพื่อกลับไปพบกับเจ้าของดวงตาสองสีที่แสนเอาแต่ใจ เขายังคงจำแววตาตัดพ้อของพารัมได้ดีแม้มันจะฉายออกมาเพียงครู่ ความรู้สึกผิดลึกๆทำให้สหัสแวะหาซื้อของบางอย่างที่เขาเองก็ไม่เคยคิดว่าคนอย่างเขาจะแวะหาซื้อเครื่องประดับมาให้ผู้ชายด้วยกันแบบนี้ มือหนายกกำไลหินสีแปลกตาขึ้นมาดูริมฝีปากบางได้รูปแย้มยิ้มเบาๆเขารู้ดีว่าพารัมคิดอย่างไรกับตน รู้ว่าพารัมจะดีใจขนาดไหนหากได้รับของฝากชิ้นนี้ อย่างน้อยเขาจะได้รู้สึกผิดน้อยลงสักนิดกับการพูดจาทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กอย่างไม่ตั้งใจไปเมื่อตอนกลางวัน หากเมื่อกลับมายังที่พักความรู้สึกผิดก็กลับกลายเป็นคุกกรุ่นทันทีที่เขาไม่พบแม้แต่เงาของพารัม สหัสกัดฟันแน่นอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ของตนอย่างเต็มที่  เขาไม่น่านึกใจอ่อนกับตัวปัญหาอย่างพารัมจริงๆ

 :katai4: :katai4: :katai4:
มาครบแล้วค่าา ฝาก #ยักษ์อ่อย #ดวงใจรักขสะ ด้วยค่าา
   
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 11-10-2017 01:28:56
คิดถึง :-[
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-10-2017 02:40:07
เปลี่ยนคนก่อพายุบ้างแล้วคราวนี้
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-10-2017 15:59:06
รอๆ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-10-2017 10:33:39
ตามมาอ่านยักษ์น้อยจากดวงใจบรรณาการ สนุกมากกก ยักษ์น้อยมีความแซ่บนะเออ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-10-2017 11:44:36
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-10-2017 20:54:57
พารัมน่าจะเพลาๆการดื้อ การเอาแต่ใจบ้างนะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-10-2017 21:18:38
พารัมยังดื้อไม่เปลี่ยน
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๘-หน้าที่๕) -๑๐.๑๐.๖๐ ๑๐๐%
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 07-11-2017 02:36:02
ตอนที่๙

          พารัมเดินตามการจับจูงของเทมไปเรื่อยๆในสมองนั้นกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งพูดคุยกับโซลามา “เด็กหนุ่มในอันรามักหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย พวกชาวบ้านร้องเรียนเข้าไปในวังหลายครั้งกลับไม่เคยได้รับความสนใจ ตอนที่ไอ้ตันลาสนใจเจ้าข้าถึงเป็นห่วงยังไงล่ะ”

            คำพูดของโซลาย้อนกลับเข้ามาในความคิดความสงสัยมากมายมีอยู่ในหัว พารัมหมายมั่นปั้นมือว่าหากถึงที่พักเขาจะเล่าสิ่งที่รู้มาให้สหัสฟัง เพราะบางอย่างทำให้เขาสงสัยว่าเรื่องนี้คงไม่ได้เกี่ยวข้องแค่เมืองอันราแน่นอน

           “ถึงแล้วเหรอ” พารัมเอ่ยถามเทมเมื่อคนนำทางหยุดเดิน

           “เทม...ถึงแล้วเหรอ” พารัมถามย้ำเมื่อเทมไม่ยอมตอบ แต่กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นทำให้พารัมตัดสินใจดึงผ้าปิดตาตนออก เมื่อแน่ใจว่าตรงหน้าของตนนอกจากเทมก็คือสิงห์ราเจ้าของดวงตาสีเทาที่เป็นเจ้าของหัวใจของตน สหัส
หากเมื่อพารัมได้สบตากับสหัส เขาก็ต้องรู้สึกว่าตนคิดผิดที่หนีออกไปข้างนอกโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของสิงห์ราตรงหน้า

                “คำพูดข้ามันไม่เข้าหูเจ้าสินะ” น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าคนพูดกำลังโมโหแค่ไหน

               “พี่สหั....”

               “เจ้านี่มันตัวสร้างปัญหาจริงๆ  เมื่อไหร่จะเลิกสร้างปัญหาสักทีพารัม” สหัสพูดออกไปโดยไม่ฟังสิ่งที่พารัมกำลังพยายามบอกสักนิด “เมื่อครั้งท่านเธราโดนหมายชีวิตก็เพราะเข้าไปช่วยเจ้า ทุกคนพยายามช่วยเจ้าแต่เจ้ากลับสร้างแต่ปัญหา ถ้าชาติพันธุ์ยักษ์ทีแสนยิ่งใหญ่ของเจ้าทำให้นิสัยของเจ้าเป็นแบบนี้ พวกยักษ์ก็สมควรแก่การสูญสิ้นแล้วล่ะพารัม”

                  “ฟังข้าก่อนได้ไหม” พารัมพยายามใจเย็นเพื่อที่จะบอกเรื่องที่รู้มาแก่สหัส
                “จะโกหกอะไรอีกล่ะ”
             “ทำไมถึงคิดว่าข้าจะโกหกกันล่ะ” พารัมเริ่มโมโห เขารู้ว่าตัวเองผิดทีรั้นออกไปข้างนอกนั่น แต่อย่างน้อยพี่สหัสก็น่าจะฟังเขาบ้าง
              “แล้วสิ่งที่ออกจากปากเจ้ามีอะไรที่เป็นความจริงบ้าง เพื่อสิ่งที่ต้องการอะไรเจ้าก็ทำได้อยู่แล้วนี่” สหัสเย้ยหยัน “หนีออกไปเที่ยวทั้งที่ยังไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้าของตัวเองด้วยซ้ำนอกจากจะอวดดีแล้วคนอย่างเจ้ามีอะไรดีบ้างพารัม” 

             “ท่านน่าจะฟังท่านพารัมบ้าง” เทมเอ่ยออกมาช้าๆ  ก่อนเหลือบมองพารัมที่ยืนเม้มปากแน่น สายลมรอบตัวเริ่มหมุนวน เทมค่อยๆถอยห่างออกจากคนทั้งสองช้าๆ เขาพอรู้มาบ้างว่าอารมณ์โกรธของยักษ์นั้นอันตรายเพียงใด และตอนนี้ท่านพารัมก็ดูจะเริ่มโกรธ มากกว่าน้อยใจเหมือนเมื่อตอนกลางวันซะด้วยสิ

          “จะว่าข้าอีกนานไหม ฟังข้าบ้างสิ” พารัมบอกอย่างตัดพ้อ

           “พูดมาสิ ข้าจะฟังเรื่องที่เจ้าแต่งสักครั้ง”

            “ข้ามันคนไม่ดีพูดอะไรไปพี่ก็คงไม่เชื่อใช่ไหม” สายลมเริ่มโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นดวงตาข้างที่เป็นสีแดงนั้นสะท้อนไอระอุราวถ่านร้อนๆ

              สหัสเลิกคิ้วก่อนกระตุกยิ้ม ดีเหมือนกันถ้าพารัมจะแผลงฤทธิ์ตอนนี้เพราะเขาจะได้ไม่มีคนห้าม หากเขาพลั้งมือสั่งสอนเจ้ายักษ์ตรงหน้า

           “คำพูดของเจ้ามันไร้ค่าพารัม” เหมือนราดน้ำมันลงกองไฟ เมื่อสายลมกลายเป็นพายุพร้อมกับเขาแหลมๆทั้งสองที่แทงทะลุหน้าผากขึ้นมาช้าๆ พร้อมกับเขี้ยวเล็กๆที่โผล่พ้นริมฝีปากออกมา พารัมไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดเช่นทุกครั้งร่างบอบบางยืนนิ่ง พร้อมกับแววตาที่วาววับไปด้วยอารมณ์มากมาย

            สหัสกลายร่างทันทีใบหน้าครึ่งสิงห์แสยะยิ้ม กางกรงเล็บราวกับพร้อมจะฝังลงไปบนร่างของพารัมอย่างไม่ลังเล “หากโมโหนัก อยากจะกินข้าเหมือนเจ้าไมนาตนนั้นก็เข้ามา” สหัสบอกออกไปอย่างอารมณ์ดี สัญชาติญาณการเอาชนะลุกโชน

             พารัมมองคนตรงหน้าที่ดูกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเอาชีวิตตนนิ่งๆ อารมณ์มากมายจู่โจมเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างช้าๆ โกรธเหลือเกินที่คนตรงหน้าดูจะไม่ยอมฟังเขาแม้แต่น้อย เสียใจที่ดูเหมือนว่าเขาคือภาระและตัวปัญหาที่น่ารังเกียจสำหรับสหัส น้อยใจจนแทบหายใจไม่ออกเมื่อรับรู้ว่าสหัสนั้นไม่ลังเลที่จะฆ่าเขาแม้แต่นิด

       พารัม รู้ตัวมาตลอดว่าเป็นตัวปัญหา เพราะรู้พารัมจึงพยายามที่จะเรียนรู้ทุกอย่างรอบตัวอย่างไม่เคยปริปากบ่น เด็กอายุ14ที่ถูกจับแต่งงาน ถูกปีศาจหมายชีวิต อยู่ๆก็โดนจับมาใช้ชีวิตในวังในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ถึงอย่างนั้นพารัมก็พยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์เสมอเรียนรู้ทุกอย่างและทำมันอย่างเต็มที่ แต่ด้วยนิสัยใจร้อนดื้อดึงนั้นมันยากเกินจะควบคุมตนเองและพารัมก็เสียใจทุกครั้งที่ก่อปัญหา เขาเองก็ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนี้สักนิด ไม่ได้อยากเป็นยักษ์ที่ดูน่าเกรงขามหากต้องแบกรับความเกลียดชังจากคนที่ตนเองรักเอาไว้แบบนี้ หากเลือกได้เขาก็อยากเป็นแค่คนธรรมดาที่หลงรักสหัสอย่างน้อยก็มีหวังว่าจะได้รับความรักกลับมาบ้าง หากชีวิตนี้พารัมไม่เคยได้เลือกเลยสักครั้ง ดวงตาสองสีมองกรงเล็บของสหัสที่กางออกเตรียมพร้อมก่อนแย้มยิ้มเบาๆกับตนเอง ก่อนจะเหลือบมองสหัสพร้อมกับเบะริมฝีปากที่ประดับด้วยเขี้ยวของตนเบาๆราวเย้ยหยัน

            “อยาก ล่ายักษ์ ก็เข้ามาเถอะท่าแม่ทัพแห่งพาณา”  พารัมจู่โจมเข้าไปทันที พร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่ของสิงห์ราพุ่งเข้าไปปะทะเช่นกันกรงเล็บขนาดใหญ่ที่ตวัดออกไปทันที

             “ฉึก!!!” เสียงกรงเล็บคมที่ฝังลงไปที่หน้าท้องของพารัมพร้อมกับเลือดที่ไหลทะลักออกมา สหัสหยุดการเคลื่อนไหวทันทีใบหน้าครึ่งสิงห์มองคนตรงหน้าก่อนจะพบว่าดวงตาสองสีนั้นมองมายังตนเองอยู่ก่อนแล้ว ริมฝีปากที่ประดับด้วยเขี้ยวแย้มยิ้มเบาๆ
             “ทำ...ไม” สหัสพูดออกไปเขารู้สึกว่าเสียงของตนนั้นเบาราวกระซิบ หากดูเหมือนพารัมได้ยินชัดเจนคนตรงหน้าจะหัวเราะเบาๆในลำคอ ก่อนที่สหัสจะต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพารัมจับข้อมือของเขาพร้อมกับกดตัวลงมาจนสหัสรู้สึกว่ากรงเล็บของตนนั้นแทบจะทะลุร่างบอบบางของคนตรงหน้าอยู่รอมร่อ

        “พารัม อย่า...ปล่อย” สหัสเริ่มได้สติเขากลายร่างกลับเป็นมนุษย์ทันที พร้อมกับร่างของพารัมที่ทรุดลงไปกองกับพื้น
พารัมเหม่อมองสหัสที่ตอนนี้ก้มลงมาประคองตนไว้มือหนาตบที่แก้มของเขาเบาๆราวเรียกสติ น้ำเสียงนั้นดูร้อนรนไม่น้อย พารัมยิ้มกับตัวเองช้าๆสหัสยังคงเป็นสหัสที่เขารู้จัก ภายนอกนั้นแสนแข็งกระด้างหากเขารู้ไม่มีใครอบอุ่นเท่าสิงห์ราตนนี้อีกแล้ว พารัมหลับตาลงช้าๆเขาเหนื่อยเหลือเกินกับสิ่งที่ต้องเผชิญ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตเขาต้องต่อสู้หรือพบเจออะไรบ้าง สิ่งที่เขารู้คือตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้ว พ่อกับแม่ที่เลี้ยงดูมาก็จากไปแล้วไม่มีใครที่คอยให้กลับไปหาอีกแล้ว ในเมื่อเขาเลือกไม่ได้ว่าจะเกิดมาเป็นอะไร เขาก็ขอเลือกที่เสี่ยง หากเขาต้องจบชีวิตลงจริงๆเขาก็ขอตายด้วยน้ำมือของคนที่เขารักดีกว่าจะโดนหมายชีวิตจากใครก็ไม่รู้  เรื่องบัลลังค์พาณาก็ให้เผ่าพันธุ์อื่นๆแย่งชิงกันไปเขาไม่สนใจอะไรแล้ว ความเจ็บเสียดเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น พร้อมกับเสียงเรียกของสหัสที่พร่ำเรียกชื่อเขาเริ่มเบาลงเรื่อยๆ อีกนิดเดียวเขาก็ได้ไปหาพ่อกับแม่ที่เลี้ยงเขามาแล้วสินะ
หากก่อนที่สติจะดับลงภาพบางอย่างกลับฉายชัดเข้ามาในหัวเหมือนครั้งนั้นที่เขาจมน้ำจนใกล้จะหมดลม แต่ภาพคราวนี้มันแปลกออกไป มันชัดเจนและแจ่มแจ้งราวเรื่องจริง

         ภาพของสวนดอกไม้กว้างใหญ่จนสุดสายตา บ้านหลังเล็กๆอยู่กลางสวนดอกไม้นั้นสวยงามราวภาพวาดกลิ่นหอมที่ลอยเอื่อยอยู่ในสายลมนั้นช่างคุ้นชิน พารัมรู้สึกว่าตัวเองก้มลงแตะดอกไม้เบาๆก่อนจะก้มลงไปดมกลิ่นใกล้ๆอย่างชอบใจ แต่แล้วก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นมาทุกอย่างวุ่นวายไปหมดบ้านหลังน้อยแสนสวยถูกเผาไหม้สวนดอกไม้ถูกทำลาย และภาพก็ตัดไปที่พารัมกำลังโดนไล่ล่าเขาวิ่งๆไปเรื่อยไม่มีจุดหมายปลายทางก่อนที่ทุกอย่างจะดับไปพร้อมกับภาพของตัวเองโดนล่ามโซ่ไว้ในที่มืดและอับชื้นฉายชัดึ้นมาแทน เขาถูกจับได้พารัมรู้สึกได้ว่าตัวเองในตอนนั้นหวาดกลัว เสียงพูดคุยดังอยู่รอบตัวแต่เขากลับไม่เห็นใครเลยพารัมพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการในตอนนั้นแต่แล้วก็มีใครบางคน เดินเข้ามาใกล้คนคนนั้นยกนิ้วชี้แตะปากตัวเองเป็นเชิงให้พารัมเงียบไว้คนตรงหน้าสูงกว่าพารัมนิดหน่อย ชายลึกลับกำลังพยายามแกะโซ่ที่ล่ามขาและแขนของพารัมไว้ พารัมเงยหน้าขึ้นพยายามมองใบหน้าของชายตรงหน้าให้ชัดกว่านี้หากทุกอย่างกลับลางเลือนมีเพียงปลายผมของเขาเท่านั้นที่ตกลงมาระใบหน้าของพารัมอย่างแผ่วเบากลิ่นนั้นช่างคุ้นเคย และทันทีที่เป็นอิสระมือหนาก็วางลงมาบนผมของพารัมอย่างโอนโยน พารัมเงยมองคนที่ช่วยตนอีกครั้งและสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก็ทำให้หัวใจเต้นแรง
“ไปซะ” เสียงที่ก้มลงมาบอกนั้นช่างคุ้นหู
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

           “เฮือกกก!!!!”  ร่างบอบบางของพารัมผวาลุกขึ้นมาราวกับโดนดึงขึ้นมาจากเหวลึก เหงื่อใหลอาบเต็มใบหน้าพารัมหอบถี่ราวเหนื่อยอ่อนทั้งที่เพิ่งฟื้นจากกการหมดสติไป

            สหัสเข้าไปประคองพารัมทันทีที่คนตรงหน้าได้สติ ดวงตาสีเทากวาดมองร่างของพารัมอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อหน้าท้องของพารัมที่เขาฝังกรงเล็บลงไปจนมิดนั้นเนียนสนิทราวไม่เคยต้องแดดลมเช่นเดิม ไม่เหลือแม้แต่รอบข่วนแม้แต่นิด
มือหนาหยิบเอาน้ำมาให้พารัมจิบ ก่อนลูบหลังไปมาแผ่วเบาราวปลอบโยนให้คนตรงหน้าสบายใจขึ้น  ภาพของพารัมที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นสหัสยังคงจำได้ดี และเขาเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่วู่วามจนเกิดเรื่องขนาดนี้เลือดอุ่นๆของคนตรงหน้าที่อาบเต็มมือของเขานั้นทำเอาหัวใจสิงห์ราแทบหยุดเต้นเขาไม่คาดคิดสักนิดว่าพารัมจะบ้าดีเดือดวิ่งเอาตัวเข้าใส่กรงเล็บของเขาขนาดนั้น และทันทีที่ร่างของพารัมทรุดลงกับพื้นและจวนเจียนจะหมดสตินั้นทำเอาแทบบ้าเขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เอ่ยเรียกชื่อคนที่มองตรงมายังเขาแม้ใกล้หมดสติไปมาซ้ำๆ เขายังจำแววตาของพารัมที่ทอดมองมาได้เป็นอย่างดีแววตาที่บอกเสมอว่ารักเขา คิดแค่นั้นสหัสก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นเมื่อเขาแทบจะฆ่าคนที่รักเขาด้วยมือตัวเอง หากก่อนที่สหัสจะสติแตไปมากกว่านี้ ที่กลางหน้าอกของพารัมก็เกิดแสงอ่อนๆราวแสงเทียนไขมันค่อยๆแผ่กระจายจนคลุมไปทั้งร่างของพารัม สหัสที่ประคองพารัมอยู่สัมผัสได้ถึงความเย็นของลำแสงนั้น และเขาก็รับรู้ได้ว่ามันเกิดจาก ดวงใจรักขสะ ที่ฝังอยู่ที่กลางหน้าอกของพารัมนั่นเอง  ลำแสงนั้นเหมือนจะเยียวยาให้แผลที่หน้าท้องของพารัมนั้นหายไปสหัสรีบอุ้มพารัมกลับที่พักก่อนจะให้เทมไปแจ้งข่าวกับธันและเฝ้าดูอาการของพารัมอย่างใกล้ชิด จนถึงตอนนี้ที่คนตัวเล็กเพิ่งได้สติกลับคืนมา

   ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   “จะให้ข้าส่งข่าวไปยังนันทานครว่าอย่างไรดี สหัสกับพารัม แปลงร่างตีกันจนเกือบตายงั้นรึ” เสียงของธันเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ทำเอาคนอื่นเงียบสนิท “ข้าไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันนะ แต่สิ่งนึงที่อยากบอกคือตอนนี้พวกอมนุษย์ หรือแม้กระทั้งพวกลูกครึ่งกำลังวุ่นวายกันไปหมดเพราะได้กลิ่นไอของยักษ์”

   “ข้าผิดเอง” สหัสบอก

   “ใช่ เจ้าผิด เจ้าก็ผิดด้วยเหมือนกัน” ธันบอกกับสหัสก่อนหันไปชี้หน้าพารัมที่นั่งนิ่งราวเด็กถูกดุ “ผิดกันทั้งคู่” ธันย้ำก่อนถอนหายใจ

   “เรื่องเป็นแบบนี้แล้วข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะพาเจ้าสองคนข้ามไปฝั่งโน้นได้ไหม เพราะพารัมเล่นแผ่ไอยักษ์จนฟุ้งไปทั่วอันราขนาดนี้ ดีนะที่ตอนนี้มันหายไปแล้วไม่อย่างงั้นล่ะก็ข้าคิดไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าเกิดการล่ายักษ์กันที่นี่ล่ะก็ใครจะช่วยเจ้าได้พารัม”  ธันบอกอย่างกังวล

   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   มือเรียววางผ้าที่ตนกำลังเย็บลงกับตักก่อนจะเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย พารัมในตอนนี้ดูเงียบราวกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างหลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นพารัมกับสหัสก็แทบไม่ได้คุยกันอีก เทมที่เป็นคนกลางก็พาลจะอึดอัดไปด้วย วันนี้เทมเลยซื้อผ้าสวยๆกับอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยมาให้พารัมมีอะไรทำแก้เหงาเพราะเขาจำได้ว่าพารัมเคยบอกว่าเมื่อตอนอยู่ในวังที่นันทานคร พารัมถนัดงานผ้ามากที่สุด

   “กำลังเย็บอะไรหรือท่านพารัม” เทมเอ่ยชวนคุยหวังทำลายความเงียบ

   พารัมหันมามองคนชวนคุยก่อนยิ้มให้ มือเรียวหยิบเอากรรไกรขึ้นมาตัดด้ายพร้อมดูความเรียบร้อยอีดนิดหน่อยก็หยิบเสื้อที่เพิ่งตัดเสร้จขึ้นมาเทียบร่างของเทมอย่างพอใจ

   “ข้าตัดให้เจ้า ชอบไหม” พารัมถามก่อนส่งยิ้มให้เทมอย่างเอ็นดู เทมยิ้มรับเบาๆก่อนตัดสินถามบางอย่างออกไป

   “ท่านจงใจให้ท่าสหัสทำร้ายเพื่อที่จะได้จำเหตุการณ์ที่ลืมไปใช่ไหม” เทมถาม ด้วยคำถามที่ทำเอาพารัมเม้มปากแน่นราวสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเองเอาไว้

   “ข้าจำเป็นต้องรู้อดีต เพื่อที่จะจัดการอนาคตตัวเองได้น่ะเทม” คำตอบที่ที่ออกมาจากน้ำเสียงที่แสนกังวลนั้นทำเอาเทมเป็นห่วงไม่น้อยเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พารัมเริ่มจะจำได้คืออะไร

   การสนทนาของพารัมกับเทมจำเป็นต้องหยุดลงเมื่อมีบุคคลอื่นก้าวเข้ามาใกล้เขาทั้งสอง และเมื่อพารัมหันไปมองก็พบว่าธันกับสหัสเดินเข้ามาใกล้แล้ว

   “เตรียมตัวเถอะพารัมข้าจะพาเจ้าข้ามไปฝั่งเมืองอมนุษย์คืนพรุ่งนี้” ธันบอกง่ายๆ

   “จะไปยังไง พอเข้าเขตป่าศักสิทธิ์ข้าจะไม่กลายร่างเหรอ” พารัมถามอย่างกังวลยิ่งตอนนี้ทุกคนรับรู้แล้วว่ามียักษ์อยู่ที่อันรา การกลางร่างของเขาย่อมไม่ปลอดภัยแน่

   “ข้าหาคนที่จะจัดการเรื่องกลายร่างของเจ้าได้แล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง” สหัสบอกพร้อมกับใครบางคนที่ปรากฏกายออกมาจากด้านหลัง

   “ว่าไงยักษ์น้อย” ใบหน้างดงามแต่แฝงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันนั้นดูคุ้นตา

   “ท่านราซีน!!!”


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
มาแล้วค่าาฝากดวงใจรักขสะ #ยักษ์อ่อย ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-11-2017 06:47:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-11-2017 07:43:08
 :katai5:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-11-2017 12:25:42
ว้าววว ท่านราซีนจะโผล่มาแย่งซีนอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 07-11-2017 15:39:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-11-2017 16:33:24
มีเรื่องขอให้บอกราซีน
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 09-11-2017 17:24:24
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 10-11-2017 16:01:10
เอาาอีกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-11-2017 18:34:17
เอาอีกกกก
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: lolata ที่ 10-11-2017 19:35:13
ขออีกกก
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: ia091 ที่ 11-11-2017 02:09:55
ท่านราซีนสารพัดประโยชน์จริงๆค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Somporn ที่ 11-11-2017 03:51:45
ขอติดตามอีกอ่าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๙-หน้าที่๖) -๗.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 20-11-2017 04:37:12
   ตอนที่๑๐
   ราซีนหัวเราะเบาๆเมือมองคนตรงหน้าแสดงท่าทีว่าไม่ไว้ใจเขาอย่างชัดเจนพารัมขมวดคิ้วมุ่นมองมาอย่างสงสัยไม่มีท่าทีปิดบังสักนิด “ไม่พอใจอะไรขนาดนั้นล่ะยักษ์น้อย”
   “ข้าชื่อพารัม” สะบัดเสียงตอบพลางมุ่ยหน้ามากกว่าเดิม เขาไม่ค่อยชอบราซีนเท่าไหร่ ดูเหมือนคนตรงหน้าจะรู้ทันไปเสียทุกอย่างแถมดูเจ้าเลห์ไม่น้อยเลยใบหน้าที่ดูจะยิ้มตลอดเวลาดูไม่น่าไว้ใจ
   “ข้ารู้ พารัมสาวน้อยจากหมู่บ้านบันกุชายแดนติดกับเมืองแห่งเวทย์ ที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นยักษ์” ราซีนพูดก่อนเลิกคิ้วอย่างยียวนเมื่อพารัมมีท่าทีไม่พอใจ
   “ท่านราซีนอย่ามาชวนพารัมทะเลาะอีกคนได้ไหม” ธันเตือนอย่างเหนื่อยใจ
   “อ้าวธันนี่เจ้ากลายเป็นคนใจเย็นมีเหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่” ราซีนผละจากพารัมหันมามองธันอย่างเต็มตา ชายหนุ่มที่เคยเต็มไปด้วยความมุทะลุ ดูเงียบขรึมกว่าเดิมผมที่เคยตัดจนสั้นเกรียนเริ่มยาวลงมาระใบหน้าแววตาที่เคยแวววาวด้วยความถือดีตอนนี้ช่างหม่นหมอง ร่างสูงใหญ่ที่เคยเต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นดูผอมซูบลงจากครั้งสุดท้ายที่เขาเจอไม่น้อย “หรือว่าตั้งแต่โดนเธราหักอก” ราซีนจี้จุดก่อนหัวเราะราวสมใจเมื่อธันนั้นมีแสดงอาการไม่พอใจทันที “นี่ล่ะน้า แอบรักเมียเจ้านาย...อับอายไปถึงชาติหน้า”
   พรึ๊บ!! ธันพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อราซีนทันที “หยุดวาจาสามหาวของเจ้าซะ!” ธันกัดฟันกรอด หากราซีนดูเหมือนไม่ใส่ใจหรือหวาดกลัวริมฝีปากบางเฉียบราวปีกนกนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มเฉือดเฉือน
   “พอๆแล้วจะทะเลาะกันทำไม” กลายเป็นพารัมที่ต้องเข้ามาห้ามร่างบอบบางเข้ามาดึงธันให้ออกห่างราซีน ก่อนหันไปมองสหัสอย่างโมโหนิดๆที่ไม่คิดจะช่วยห้ามเลย เขาตัวเล็กกว่าสองคนนี้ตั้งเยอะกว่าจะแยกออกจากกันได้เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย
   “ข้าอยากรู้แผนการพาตัวพารัมข้ามไปฝั่งโน้น” สหัสบอกออกมาเรียบๆ
   “ก็รอให้มีงานรื่นเริงประจำสัปดาห์เหมือนที่อันราจัดประจำ วันนั้นจะพลุกพล่านไปด้วยพวกอมนุษย์ เราก็แค่พาเจ้ายักษ์น้อยข้ามไปฝั่งโน้น” ราซีนพูดง่ายๆ
   “แล้วจะทำยังไงให้พารัมไม่กลายร่างเวลาอยู่ในป่าศักสิทธิ์ล่ะ” สหัสถาม
   “อย่าลืมสิข้าน่ะ พรานค้าทาสนะ” ราซีนบอก “ปักษา มนุษย์ม้า  หรือแม้กระทั้ง สิงห์รา ข้าก็เคยจับมาแล้ว ยาของพวกข้าน่ะ ขนาดมังกรยังกางปีกไม่ได้เมื่อโดนเข้าไป”
   “หมายความว่าข้าจะต้องโดนวางยางั้นเหรอ”  พารัมถามอย่างตกใจ
   -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   พารัมแบมือรับขวดแก้วขนาดเท่านิ้วโป้งมาถือไว้ภายในขวดนั้นมีน้ำมันสีอ่อนบรรจุอยู่เพียงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่มอบมาให้อย่างไม่เข้าใจ
   “ปกติข้าจะใส่ในกองไฟ เวลาใช้ดักจับพวกอมนุษย์ที่จับยากๆ มันก็จะมึนๆงงๆกลายร่างไม่ได้จะติดอยู่ในร่างมนุษย์ จนกว่าข้าจะให้ยาถอนพิษ”  ราซีนบอกง่ายๆ “เจ้าแค่เปิดฝาออกสูดกลิ่นเพียงนิดเมื่อถึงเวลาเข้าเขตป่าศักสิทธิ์แค่นี้เจ้าก็จะไม่กลายร่างเป็นยักษ์แล้วล่ะ”
   “แล้วมันไม่อันตรายเหรอ ข้าได้ยินมาว่ามันเหมือนสารเสพติด พวกเราอมนุษย์ที่โดนจับมาเป็นทาสหรือพวกลูกครึ่งมักโดนมอมเมาด้วยยาพวกนี้” พารัมถามอย่างกังวล
   “คนละชนิดกันพารัม ยาพวกนั้นมันต้องกินเข้าไปพวกที่ใช้ส่วนมากจะเป็นพวกซ่องหรือบ่อนพนัน ถ้าแค่สูดดมเข้าไปเจ้าจะแค่มึนงง และติดอยู่ในร่างมนุษย์เท่านั้นที่พวกพรานค้าทาสนิยมใช้กันก็เพื่อจะได้จับพวกเจ้ามาขายได้ง่ายๆยังไงล่ะ” ธันอธิบายแม้ในใจจะนึกห่วงไม่น้อย
   พารัมพยักหน้าน้อยๆแม้ในใจจะนึกกลัวไปหมดแต่อย่างไรเสียเขาคงถอยหลังไม่ได้แล้ว
   “แล้วยาถอนพิษล่ะ” สหัสถาม
   ราซีนหันไปมองสิงห์ราตรงหน้าก่อนหัวเราะ “อยู่ที่ข้าถึงเวลาข้าจะให้เจ้ายักษ์น้อยเอง”
   “เอามาให้ข้า” สหัสบอกน้ำเสียงเรียบนิ่งหากท่าทางบ่งบอกว่าเริ่มไม่พอใจ
   “ทำไมข้าต้องให้เจ้า”
   “เพราะข้าไม่ไว้ใจเจ้า” สหัสบอกออกมาอย่างไม่ปิดบัง “อย่างไรเสียเจ้าก็คือพรานค้าทาส และข้าเชื่อว่ายักษ์คงทำเงินให้เจ้าได้ไม่น้อย ถ้าไม่เอายาถอนพิษมาให้ข้าก็ไสหัวกลับไปได้เลย” สหัสพูดอย่างไม่เกรงใจใบหน้างดงามนั้นไม่มีแววเกรงกลัวคนที่ครอบครองโซ่สายฟ้าแม้แต่น้อย
   ราซีนเลิกคิ้ว ก่อนโยนถุงผ้าเล็กๆมาให้สหัส “ฉลาดนี่ ท่านแม่ทัพแต่เจ้าอาจลืมไปว่า สิงห์ราชั้นสูงแบบเจ้า ก็ราคาดีไม่น้อย”
   “งั้นเจ้าก็คงลืมไปเหมือนกัน ว่าสิงห์ราแบบข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆได้ในพริบตา” สหัสตอบออกไปอย่างไม่ยี่หร่ะ

   “พอๆ อย่าทะเลาะกัน” เป็นพารัมอีกจนได้ที่ต้องปรามทั้งสองคน “ราซีนเมื่อไหร่ท่านจะเลิกหาเรื่องคนอื่นสักที” พารัมหันไปบ่นคนก่อเรื่องอย่างเหนื่อยใจ หากราซีนเพียงแค่หันหลังเดินจากไปก่อนหันมาบอกพารัมง่ายๆ “เจอกันพรุ่งนี้นะยักษ์น้อย”
   --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิดข้างๆกองไฟที่ลุกโชนมีร่างของอมนุษย์ทั้งสามนั่งอยู่ หากไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาความเงียบสนิทที่ทำเอาเทมอึดอัดไม่น้อย

   “ท่านพารัมไม่นอนหน่อนหรือ” เทมถามอออกไปอย่างจงใจทำลายความเงียบที่อึกอัดนี้

   “ข้านอนไม่หลับ” พารัมบอก

   “ไปนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องเหนื่อยอีกเยอะ”เป็นสหัสที่เอ่ยขึ้นน้ำเสียงราบเรียบนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พารัมมองผมสีเงินที่สะท้อนแสงไปนั้นอีกครั้งก่อนตัดสินใจลุกเข้าไปนอนตามคำบอกของสหัสและเทม

   พารัมตบหมอนเบาๆก่อนจะเอนตัวลงนอนแล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบบางสิ่งที่วางอยู่ข้างหมอนกำไลอันน้อยที่ประดับด้วยหินหลากหลายสีดูแปลกตา โดยที่ไม่มีคนบอกพารัมรับรู้ได้ทันทีว่าคนที่นำมาวางไว้ตรงนี้คือใคร ดวงตาสองสีเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกองไฟด้านนอก ริมฝีปากบางแย้มยิ้มเบาๆก่อนจะสวมกำไลอันน้อยที่ข้อมือของตนพลางล้มตัวลงนอนอย่างน้อยคืนนี้เขาคงไม่ฝันร้ายแล้วสินะ

   สายลมเย็นบางเบาที่โชยมากระทบใบหน้าเรียกรอยยิ้มเล็กๆของสิงห์ราผู้มีดวงตาสีเงินได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้หันไปมองสหัสก็รู้ว่าเจ้าของสายลมเย็นนี้กำลังมองมาที่เขา แม้อยากจะเอ่ยขอโทษแม้จะรู้สึกผิดมากแค่ไหนหากศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์นั้นกลับทำให้เขาเลือกที่จะนิ่งเฉย และหวังว่าของขวัญชิ้นนั้นจะแทนคำขอโทษของตนได้บ้างไม่มากก็น้อย
   -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   การเตรียมตัวสำหรับข้ามไปยังพาณานครดูจะเรียกความกังวลจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
   “ข้าจะไปรอท่านที่ชายแดนเมืองพาณา” เทมเอ่ยบอกกับพารัม “ร่างอมนุษย์ของข้าอ่อนแอและเป็นภาระ พวกเราไม่คุ้นชินกับการกลายร่างต่อหน้าผู้คนมากนัก ข้าจะล่วงหน้าไปก่อนและไปรอรับท่านที่ชายแดนเมืองพาณา” เทมบอก
   “แล้วเจ้าจะไปยังไงล่ะเทม” พารัมนึกเป็นห่วงแม้เขาจะรู้จักกับพรายตรงหน้าไม่กี่วัน หากก็นึกเอ็นดูไม่น้อย
   “พวกพรายไปได้ทุกที่ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” เทมบอกหากใบหน้าของเด็กชายนั้นดูกังวล “ยาของพวกพรานค้าทาสจะทำให้ท่านอ่อนแอ ท่านพารัมได้โปรดดูแลตัวเองด้วย”

   ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   พารัมเดินตามการจับจูงของสหัสไปเรื่อยๆ ร่างบอบบางสวมใส่เสื้อผ้าแสนธรรมดาดวงตาถูกคาดปิดด้วยผ้าสีเข้มผู้คนรอบตัวมีทั้งมนุษย์ลูกครึ่งและอมนุษย์มากมายจนพารัมแทบแยกกลิ่นไม่ออก ตอนนี้สหัสพาพารัมออกมายังงานรื่นเริงที่เมืองอันราจัดประจำทุกสัปดาห์ ทั้งสองจะแฝงตัวอยู่ในงานและเมื่อถึงเวลาดึกสงัดเมื่องานรื่นเริงสนุกถึงขีดสุดผู้คนเริ่มเมามาย ไม่มีใครสนใจใครเมื่อนั้นสหัสจะพาพารัมไปยังชายป่าศักสิทธิ์ที่ราซีนรออยู่
   สหัสเลือกร้านที่อยู่ใกล้จุดนัดพบมากที่สุด สิงห์ราหนุ่มสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาสองสามอย่างหากเขาไม่แตะอาหารแม้แต่น้อย พารัมเองก็เลือกที่จะดื่มเพียงน้ำเท่านั้นเสียงดนตรีและการประลองที่ดังไปทั่วบริเวณช่างคึกคักสมเป็นงานรื่นเริง ร่างบอบบางข้างๆที่วันนี้ยังคงนิ่งเฉยกับเขาหากกำไลอันน้อยบนข้อมือบอบบางนั้นก็ทำให้สหัสวางใจได้ว่าพารัมโกรธเขาน้อยลงบ้างแล้ว

   “อาหารไม่ถูกปากหรือท่าน” เสียงหวานๆที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของสหัสให้หันไปมองแล้วก็พบกับร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าแสนเชิญชวน ดวงตาสีเทาหรี่มองอย่าพิจารณา ก่อนกวาดมองร้านี่นั่งอีกครั้ง แม้จะเป็นร้านอาหารธรรมดาแต่บรรดาแขกที่มานั่งในร้านมักเป็นชายหนุ่มที่มาคนเดียว และทุกโต๊ะมักจะมีหญิงสาวของทางร้านให้บริการอย่างใกล้ชิด สหัสถอนกายใจร้านนี้คงมีบริการอย่างอื่นนอกจากอาหารสินะ เขานึกโทษตัวเองที่ไม่เลือกร้านให้ดีกว่านี้เพราะร้านแบบนี้ดูแล้วคงไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่นัก
   “อร่อยดี” สหัสตอบอย่างขอไปที
   “ข้ายังไม่เห็นท่านกินสักคำรู้ได้ยังไงว่าอร่อย” หญิงสาวยังคงไม่ละความพยายาม พลางพาร่างของตนลงมานั่งข้างๆสหัสอย่างออดอ้อน “ทานสักนิดสิท่าน อาหารของร้านเราอร่อยทุกอย่างเลยนะ” ประโยคที่ดูจะเน้นย้ำเสียเหลือเกินว่าอร่อย ทุกอย่างรวมทั้งตัวคนพูดด้วย
   พารัมนั่งนิ่งฟังมาสักพักถึงกับเบ้ปากในคำพูดเชิญชวนนั้น ปากบางเบะออกอย่างหมั่นไส้นึกโมโหสหัสไม่น้อยที่พามานั่งที่ร้านแบบนี้
   “พ่อหนุ่มน้อยคนนี้เป็นสหายท่านหรือ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างไม่ยอมลุกไปไหน มือบางหยิบของกินขึ้นป้อน สหัสอย่างถือวิสาสะไม่สนใจว่าจะเจ้าตัวปฏิเสธขนาดไหน
   “ใช่” พารัมชิงบอกออกมาเอง คำตอบที่ทำเอาสหัสขมวดคิ้ว ปกติถ้าสถานการณ์แบบนี้พารัมต้องโมเมว่าเขาเป็นคนรักไปแล้ว
   “ไม่ค่อยเห็นอมนุษย์เดินทางร่วมกับมนุษย์แบบนี้บ่อยนักยิ่งเป็นมนุษย์ที่ตาบอด อุ๊ยไม่ใช่สิ..มองไม่เห็นแบบนี้” น้ำเสียงนั้นช่างไร้ความจริงใจ มือเรียวเอื้อมมาแตะแขนพารัมก่อนจะเอนตัวมาใกล้ๆจนกลิ่นน้ำหอมฉุนๆลอยมาเข้าจมูก  พลางซบศรีษะลงบนไหล่ของพารัมเบาๆ “ดูสิหน้าตาน่าเอ็นดู ผิวพรรณก็สวยราวหญิงสาวขนาดนี้ ถึงจะมองไม่เห็น แต่...ข้าไม่ถือนะ” เสียงกระซิบเบาๆนั้นเชิญชวนอย่างโจ่งแจ้ง
   “พารัม” สหัสเรียกชื่อพารัมอย่างเตือนสติเมื่อรับรู้ได้ถึงสายลมร้อนระอุที่ผัดผ่านมาแม้แผ่วเบาราวสะกดกลั้นแต่ก็ไม่น่าไว้ใจนัก    
   พารัมเม้มปากแน่นมือบางกำเข้าหากันอย่างพยายามข่มอารมณ์ เขาจะไม่สร้างเรื่องอีกแล้ว พารัมคนนี้จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเพราะตนเองอีก
   “ข้าอยากไปห้องน้ำ” พารัมบอกก่อนค่อยๆลุก อย่างช้าๆการถูกปิดตาทำให้เขาขยับตัวเองไม่ถนัดนัก

   “เดี๋ยวข้าพาไป” สหัสบอกก่อนขยับหากหญิงสาวตรงหน้ากลับลุกขึ้นและเข้าไปพยุงพารัมเสียเอง “ข้าบริการเองท่านนั่งอยู่ตรงนี้เถอะ งานรื่นเริงมีสัปดาห์ละครั้งท่านสนุกให้พอใจเถอะ หนุ่มน้อยคนนี้ข้าดูแลให้เอง”

   “ไม่ต้องข้าพาเขาไปเอง” สหัสบอกก่อนเข้าไปจับแขนอีกข้างของพารัมเอาไว้

   “ไม่เป็นไร ท่านอยู่นี่ล่ะข้าให้นางพาไปได้” พารัมบอกก่อนดึงแขนออกจากการจับกุมของสหัส ยอมเดินตามการจับจูงของหญิงสาวแปลกหน้าไปห้องน้ำแต่โดยดี เขาไม่อยากเป็นภาระและก็ไม่อยากให้เป็นที่สงสัยหากจะต้องให้สหัสมาตัวติดกับเขาอยู่ตลอดเวลา
   -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   “ถึงแล้ว ให้ข้าช่วยไหม” น้ำเสียงยั่วยวนพลางเบียดตัวเข้ามาหาพารัมมากขึ้น
 
   “ไม่เป็นไร” พารัมบอกสั้นๆ ก่อนพยายามเบี่ยงตัวออกมาให้ห่าง

   “ข้ารออยู่ตรงนี้เร็วๆนะหนุ่มหน้อย” เสียงหวานบอกก่อนส่งให้พารัมเข้าห้องน้ำไป

   ทันทีที่มือเรียวคลำหากลอนประตูเจอและจัดการล๊อคมันจนเสร็จ พารัมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  เขารู้ว่าตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดี ร้านนี้คงจะเต็มไปด้วยผู้หญิงที่พร้อมจะให้ท่าสหัส แค่คิดความโมโหก็เริ่มก่อตัวเขาไม่ชอบอารมณ์หึงหวงแบบนี้แต่เขาก็ควบคุมมันไม่ค่อยได้นักมือเรียวค่อยๆดึงผ้าที่พันตาของตนออก พารัมเม้มปากอย่างชั่งใจมือบางล้วงเข้าไปในอกเสื้อของตนก่อนจะหยิบเอาขวดแก้วเล็กๆทีบรรจุยา ของพวกพรานค้าทาสเอาไว้ออกมา ตามแผนแล้วพารัมจะใช้ยานี้ก็ต่อเมื่อเริ่มเข้าเขตแดนของป่าศักสิทธิ์ เพราะนอกจากจะทำให้เขาติดอยู่ในร่างของมนุษย์แล้วยานี้ยังทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงอีกด้วย เสียงเฮฮาของงานรื่นเริงดังแววเข้ามาถึงในนี้ บ่งบอกว่าข้างนอกคงกำลังเต็มไปด้วยความครึกครื้นอีกไม่นานก็จะถึงเวลานัดกับราซีน  แต่อยู่ดีๆประตูห้องน้ำกลับถูกเคาะเสียงดังติดๆกัน   

   “มีอะไร ข้ายังไม่เสร็จธุระ” พารัมตะโกนถามออกไป แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมามีเพียงเสียงเคาะประตูที่ดูจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนประตูไม้ตรงหน้าทำท่าจะหลุดออกมาให้ได้ 

   “ข้าบอกว่ารอก่อนยังไงล่ะ” พารัมตะโกนบอกอีกครั้งก่อนจะรีบใช้ผ้าคาดตาของตนเอาไว้และเก็บขวดยาไว้ที่เดิมหากยังไม่ทันเรียบร้อย เสียงประตูที่พังเพราะแรงกระแทกนั้นก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของพารัมที่โดนชนจนล้มลงไปที่พื้นห้องน้ำอย่างแรง ขวดแก้วใบเล็กที่บรรจุยาของพวกพรานค้าทาสเอาไว้ตกลงบนพื้นแตกละเอียดพร้อมกับกลิ่นฉุนที่ลอยขึ้นมาเข้าจมูกของพารัมทันที ร่างบอบบางโดนกระชากให้ลุกขึ้น พารัมพยามกลั้นหายใจแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อตอนนี้ร่างกายของพารัมนั้นไร้เรี่ยวแรง มือเรียวพยายาสะบัดให้พ้นการจับกุมแต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเมื่อพารัมรู้สึกว่าตนเองนั้นถูกยกขึ้นพาดบ่าราวสิ่งของริมฝีปากบางพยายามจะร้องเรียกให้คนช่วยแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย
   -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------
   สหัสลุกขึ้นก่อนเดินตรงไปยังห้องน้ำอย่างเป็นกังวล ใบหน้างดงามขมวดมุ่นอย่างไม่เก็บอาการนานเกินไปแล้ว พารัมกับหญิงสาวคนนั้นหายไปด้วยกันนานเกินไป สหัสก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ตอนนี้ไม่มีใครใช้แม้แต่คนเดียว  กระจกบานใหญ่ถูกติดไว้ฝั่งหนึ่ง พร้อมกับห้องน้ำที่ถูกซอยแยกเป็นสามห้องอยู่อีกฝั่งทุกอย่างดูปกติ ที่ไม่ปกติคือไม่มีคนใช้ห้องน้ำแม้แต่คนเดียวทั้งที่ทั้งร้านเต็มไปด้วยคนใช้บริการ

   “พารัมเจ้าอยู่ไหน” สหัสร้องเรียกมือหนาผลักประตูห้องน้ำออกดูทีละห้อง  เพื่อตามหาคนเจ้าอารมณ์ที่อยู่ดีๆก็หายไป
   โครม!! เสียงบานประตูไม้หล่นลงมากองกับพื้นทันทีที่สหัสผลัก ดวงตาสีเทากวาดมองเข้าไปในห้องน้ำทันที เขาก้มลงเก็บเศษแก้วเล็กๆขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามันคือขวดยาที่ใช้สะกดพวกอมนุษย์
   
   ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   พารัมเม้มปากแน่นเมื่อถูกโยนลงมาบนพื้นแข็งๆแบบไม่ใยดีสักนิด ตอนนี้เขาเหมือนคนป่วยอาการไร้เรี่ยวแรงแบบนี้มันทำให้เขาไม่สารมารถทำอะไรได้นอกจากขดตัวจากความเจ็บที่โดนกระแทกอย่างรุนแรง
   “ได้มาแล้วเหรอ”
   “ใช่...ผิวพรรณดีเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ถึงจะตาบอดแต่คงพอแทนกันได้”
   “พวกชาวบ้านมันเริ่มระวังตัวกันมากขึ้น เด็กหนุ่มๆแบบที่นายท่านชอบก็หายากขึ้นทุกวัน พวกที่มาจากต่างเมืองก็หาดีๆไม่ค่อยได้”
   “แล้วไปได้มาจากไหนล่ะ”
   “ข้าได้ข่าวมาว่ามีเด็กหนุ่มรูปร่างผิวพรรณดีเดินทางมากับสิงห์รามีเรื่องกับเจ้าตัลลา พอไปถามไอ้ไมนานั่นมันก็ไม่ยอมบอกอะไร  ข้านึกว่าจะเดินทางออกจากอันราไปแล้วแต่คนของข้าส่งข่าวมาว่าเห็นเดินเล่นอยู่ที่ตลาดเมื่อวันก่อนกับเด็กผู้ชายรูปร่างหน้าตาใช้ได้อีกคน เสียดายวันนี้ข้าได้ไอ้บอดนี่มาคนเดียว”
   เสียงพูดคุโต้ตอบไปมาของชายหญิงคู่หนึ่งนั้นฟังดูแปลกประหลาด พารัมแกล้งทำเป็นนอนนิ่งราวหมดสติหากสมองกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆไปมา
         “เด็กหนุ่มในอันรามักหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอย พวกชาวบ้านร้องเรียนเข้าไปในวังหลายครั้งกลับไม่เคยได้รับความสนใจ ตอนที่ไอ้ตันลาสนใจเจ้าข้าถึงเป็นห่วงยังไงล่ะ”

        คำพูดของโซลาย้อนเข้ามาในความคิดทันที  ถ้าอย่างนั้นคนที่จับเขามาก็คงไม่ใช่พวกอมนุษย์ที่คอยจะล่ายักษ์ ความลับที่เขาเป็นยักษ์ยังไม่แตก แต่กลับเป็นคนในเมืองอันราที่กำลังทำอะไรบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่รู้ ยังไม่ทันที่พารัมจะหาทางออกให้ตัวเองเขาก็โดนฉุดกระชากลากถูไปตามพื้นข้อมือถูกพันด้วยเชือกก่อนจะโดนน้ำเย็นๆราดลงมาพร้อมกับการขัดถูตามร่างกายราวถูกซักล้าง
        “จะทำอะไรข้า” พารัมฝืนถามออกไปทั้งที่แทบจะไม่มีแรง พยายามดิ้นหนีแต่ก็สู้ไม่ได้
   เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเตรียมพร้อมเพื่อที่จะต้องพบกับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือผมก็ถูกตกแต่งใหม่หมด ผ้าคาดตาของเขาถูกดึงออกไป พารัมรีบหลับตาแน่นก่อนจะถูกมัดผ้าที่ดวงตาอีกครั้งด้วยผืนใหม่ 

       “อย่าเอาน้ำหอมถูกๆมาพรมใส่ข้านะ”  พารัมสะบัดเสียงใส่คนที่มาแต่งตัวให้ตนอย่างอารมณ์ไม่ดี ก่อนจะเม้มปากอย่างเหนื่อยอ่อนเป็นเพราะยาของพวกพรานค้าทาสแท้ๆที่ทำเอาเขาหมดแรงขัดขืนขนาดนี้

      “ปากดีนักเดี๋ยวคืนนี้เจ้าจะรู้ว่านรกเป็นยังไงไอ้บอด” เสียงสตรีนางหนึ่งกระซิบที่ข้างหูของพารัม ก่อนผลักร่างของเขาอย่างแรง จนถลาไปข้างหน้าก่อนจะล้มลง มือเรียวแตะพื้นที่รอบตัวช้าๆก่อนสัมผัสกับความเย็นเยียบของซี่เหล็ก นี่เขาโดนจีบใส่กรงงั้นเหรอพารัมคิดในใจ

“เครื่องบูชายัญ พร้อมแล้ว” เสียงตะโกนก้องที่บ่งบอกว่าความตายเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้

 :katai4: :katai4: :katai4:
#ยักษ์อ่อย มาแล้วค่าาาา ฝาก #ดวงใจรักขสะ ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-11-2017 06:37:33
ตายเรียบ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 20-11-2017 08:41:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 23-11-2017 14:23:43
:katai1: สหัสเร็วเข้า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-11-2017 10:52:27
สหัสรีบไปช่วยพารัมนะ โดนยาเข้าไปจะช่วยตัวเองได้หรา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-11-2017 08:57:54
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 29-11-2017 16:26:09
สงสาร พารัม เจ้ายักษ์น้อย จะเป็นไรไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: my.atty ที่ 02-12-2017 20:02:15
ใครก้ได้ไปช่วยพารัมให้ทันนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๐-หน้าที่๖) -๒๐.๑๑.๖๐
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 15-01-2018 12:44:42
ตอนที่๑๑
   โซ่สายฟ้าที่รัดแน่นแม้จะหยุดการอาละวาดได้หากท่าทีฮึดฮัดและเสียงขู่คำรามของสิงห์รายังคงดังสนั่น ดวงตาสีเทาที่เรื่อเรืองในความมืดนั้นดูน่าขนลุก ขนสีเงินที่สะท้อนกับแสงไฟทีส่องแสงวับแวมมาจากงานรื่นเริงนั้นดูสวยงามและน่าเกรงขาม

   “สหัสหยุดอาละวาดก่อน” เป็นราซีนที่เอ่ยออกมาอย่างใจเย็น แม้จะแอบกังวลไม่น้อย มือหนาที่กำโซ่สายฟ้าเริ่มผ่อนแรงลงเมื่อสหัสเริ่มจะใจเย็นลง เสียงขู่คำรามหายไปแล้วเหลือเพียงดวงตาที่ยังคงวาววับอย่างโกรธเกรี้ยว

   “ท่านราซีน” ธันที่วิ่งมาสมทบหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย “ข้าให้ทหารจัดการร้านที่สหัสไปอาละวาดแล้ว แจ้งเรื่องไปทางอันราว่าเป็นการทะเลาะวิวาท ไม่ต้องห่วงงานรื่นเริงแบบนี้มีการทะเลาะวิวาทกันเสมอ” ธันบอกก่อนถอนหายใจ “แต่ครั้งนี้อาจจะหนักไปสักหน่อย” ธันบอกออกมาอย่างหนักใจเขาได้รับรายงานจากทหารว่ามีอาละวาทของอมนุษย์เขาในฐานะหัวหน้าทหารของนันทานครที่มาประจำที่อันรา จึงจำเป็นต้องเข้าไปดูแลทหารของอันรานั้นจะดูและประชาชนของตนเป็นหลัก หากเมื่อไหร่มีปัญหากับพวกอมนุษย์นั้นคนของนันทานครจะเข้าไปดูแล และครั้งนี้ก็เช่นกันธันเดินทางมายังที่เกิดเหตุและก็พบกับสหัสที่กำลังอาละวาด เขาสั่งให้ทหารกันคนออกและพยายามเฝ้าสหัสไว้ส่วนเขาเองรีบไปตามราซีนเพราะดูจากเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วคงไม่มีใครหยุดสหัสได้นอกจากท่านราซีนผู้ครอบครองโซสายฟ้า

   “ใจเย็นๆและเล่าให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเจ้าถึงไปพังร้านอาหารแบบนั้น” ราซีนถาม ก่อนจะนิ่งรอให้สหัสตอบออกมาอย่างใจเย็น

   “พารัมไปเข้าห้องน้ำกับหญิงสาวที่ร้านอาหาร แล้วก็หายตัวไปข้าพบเศษขวดยาตกแตกอยู่ในห้องน้ำตอนตามเข้าไป” สหัสเล่า “ข้าจะพาไปก็ไม่ยอมข้าไม่อยากขัดใจ กลัวจะโมโหอีก”

   “แล้วหญิงสาวคนที่พารัมไปด้วยล่ะ” ราซีนถาม

   “ข้าถามคนในร้านบอกไม่มีหญิงสาวลักษณะแบบนั้นทำงานในร้านสักคน”  คำตอบของสหัสนำมาซึ่งความเงียบของทั้งสาม
   
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


   พารัมพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุดเมื่อรับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกพาไปยังพิธีบางอย่าง ผ้าคาดตาอันใหม่นั้นโปร่งบางพอที่จะมองสิ่งรอบตัวได้ลางเลือน เขาหรี่ตามองรอบข้างอย่างพยายามหาทางรอด ตอนนี้เขาอยู่ในกรงขนาดใหญ่ร่างบอบบางถูกสวมใส่ด้วยชุดสีแดงก่ำราวเลือดนก กางเกงผ้าแนบเนื้อลวดลายขนนกดูงดงามและเสื้อที่ผ่าด้านหน้าจนถึงหน้าท้องนั้นไม่ใช่ชุดที่ชายหนุ่มปกติจะสวมใส่อยู่แล้วมันดูราวกับถูกเตรียมไว้เพื่อพิธีบางอย่างมากกกว่า มือบางยกขึ้นแตะที่กลางหน้าอกของตนเบาๆดวงใจรักขสะในเวลาปกตินั้นจะฝังตัวลงไปในหน้าอกของเขาทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้  จะปรากฏออกมาก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนตอนที่เขาถูกกรงเล็บของสหัสจนเจียนตาย  เพราะถ้ามีใครในเมืองอันรามาเห็นเข้าเรื่องที่เขาเป็นยักษ์คงแตกแน่นอน


   กลิ่นฉุนของเครื่องหอมและเสียงดนตรีที่ฟังดูเร่งเร้านั้นทำให้พารัมตื่นเต้นไม่น้อย ริมฝีปากบางเป่าลมออกมาจากปากเบาๆเพื่อพยายามสงบอารมณ์ของตน

   ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------

   ภายในห้องโถงใหญ่ของเมืองอันราที่แสนสวยงามด้วยการตกแต่งที่วิจิตบรรจงบ่อน้ำพุขนาดใหญ่กลางห้องโถงนั้นตอนนี้เต็มไปด้วยเหล่าหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยแหวกว่ายไปมา ทหารชั้นสูงและเสนาอำมาตย์ทั้งหลายกำลังสังสรรค์ล้อมรอบด้วยหญิงสาวแรกรุ่น เสียงดนตรีสุราอาหารมากมาย ดวงตาเรียวยาวที่สะท้อนในความมืดมองภาพตรงหน้าก่อนจะจะแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็กๆที่แตะเพียงนิดก็สามารถปลิดชีวิตได้ไม่ยากเขี้ยวพิษที่เป็นสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ อสรพิษ  ผมสยายยาวเป็นคลื่นจรดกลางหลัง ใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยเกร็ดอสรพิษที่ขึ้นอยู่บนใบหน้ากว่าครึ่ง “คิน”  รัชทายาทแห่งอันราผู้มีสายเลือดอสรพิษ เขาเป็นลูกครึ่ง สิ่งมีชีวิตที่ถูกรังเกียจและหวาดกลัว  ไม่ใช่เรื่อง่ายเลยกว่าที่เขาจะได้ขึ้นมาเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง ตอนนี้ราชาคนเก่าก็ตายไปแล้วเหลือแค่พิธีแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นราชาก็เท่านั้น เขาก็จะได้ครอบครองอันราอย่างสมบูรณ์
คินยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นของบูชายัญในวันนี้ ผิวขาวนวลสะท้อนแสงไฟนั้นถูกใจเขาไม่น้อยหนุ่มน้อยนั่งนิ่งในกรงขังสีดำสนิทที่ทำเป็นรูปร่างเลียนแบบกรงนก ฮึ นกน้อยของเขามาแล้วสินะ
           เมื่อร่างบอบบางถูกเลื่อนมาตรงหน้าเขาจึงก็ได้เห็นนกน้อยชัดๆ  นอกจากผิวที่นวลเนียนจับตาแล้วท่าทางที่พยายามสะกดกลั้นความกลัวและเข้มแข็งนั้นช่างน่าเอ็นดูไปจนถึงกระดูกซะจริงๆ 
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------

        พารัมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกมือเย็นๆแตะเข้าที่แก้ม  ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างสงบอารมณ์เมื่อเห็นว่าคนที่เอื้อมมือลอดซี่กรงเข้ามาแตะต้องตนนั้นกำลังเข้ามาใกล้กว่าเดิม เสียงเปิดประตูกรงยิ่งทำให้พารัมระแวง เงาลางๆที่มองผ่านผ้าพันตานั้นเห็นไม่ชัดนักเขารู้แค่ว่าคนตรงหน้าเป็นชายรูปร่างดีที่มีกลิ่นหอมฉุนของดอกไม้ป่า  กลิ่นที่ชนชั้นสูงนิยมใช้กัน

       “ไม่กลัวรึ”  เสียงที่ถามขึ้นไม่มีแววห่วงใยแม้แต่น้อยหากเจือไปด้วยความสนุกขบขันราวกำลังเล่นกับสัตว์เลี้ยง พารัมเลือกที่จะนิ่งไม่ยอมตอบคำถามนั้น แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆคนตรงหน้าก็เดินเข้ามาประชิดตัวเขาก่อนจะจรดจมูกลงที่ลำคออย่างถือวิสาสะ

        “น้ำหอมของอันราลบกลิ่นหอมของเนื้อเจ้าไม่ได้จริงๆหนุ่มน้อย” เหมือนจะเป็นคำชมแต่พารัมกลับรู้สึกถึงความอำมหิตในน้ำเสียงได้ไม่น้อยเลย

        “ท่านจับตัวข้ามาทำไม ข้าเป็นชาวบันกุเราขึ้นตรงต่อนันทานคร เหมือนกับอันราก็เหมือนเราเป็นพวกเดียวกันท่านไม่น่าทำกับพวกเดียวกันแบบนี้” พารัมพยายามเอาตัวรอด คำพูดที่ทำเอาคินเลิกคิ้ว หนุ่มน้อยตรงหน้ารู้จักต่อรองเสียด้วย
ไม่มีคำตอบหากพารัมกลับโดนลากออกมากรงขังทันทีเสียงโห่ร้องดังกระหึ่มราวกำลังดูการแสดงชั้นดี “ท่านจะพาข้าไปไหน”  พารัมถามใจคอเริ่มไม่ดีเมื่อถูกฉุดกระฉากออกมาจากกรงขังก่อนถูกโยนลงไปบนพื้นแข็งๆราวกับตัวเองเป้นสิ่งของ ความเจ็บแปลบทำเอาอารมณ์โมโหเริ่มคุกกรุ่น

           “คืนนี้ลมเย็นดีจริง”  เสียงของคนที่โยนพารัมลงพื้นเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี เขาเงยหน้ามองคนตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์  เพราะว่าโดนฤทธิ์ของยาสะกดเอาไว้ทำให้ ลมของเขาจึงทำได้เพียงพัดผ่านให้เย็นชื่นใจเท่านั้น

          คินย่อตัวลงตรงหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าแอบแปลกใจนิดหน่อยที่นกน้อยของเขาทำท่าเหมือนกำลังจ้องตอบเขาทั้งที่ตาบอด  แต่สิ่งที่เรียกความสนใจเขาได้มากกว่าคือผิดขาวเนียนของคนตรงหน้าต่างหากคินค่อยๆใช้หลังมือแตะที่แก้มคนตรงหน้าเบาๆก่อนลากไล่ลงมายังลำคอเรียวที่เขากำแทบรอบริมฝีปากเรียวแสยะยิ้มก่อนจะก้มลงไปใกล้กว่าเดิมแต่แล้วก็ต้องผงะเมื่อนกน้อยของเขาใช้เท้ายันมาที่หน้าท้องอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้มันจะไม่ได้แรงมากนักแต่ก็ทำเอาคินหัวเสียไม่น้อย

          “อย่ามาแตะต้องตัวข้า” พารัมแว๊ดออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี หลังจากรวบรวมกำลังถีบคนที่ทำท่ารุกรานให้พ้นตัวออกไปแล้ว เขาก็ต้องสูดลมหายใจลึกๆราวคนเหนื่อยจากการใช้แรงงาน

         มือหนาความเอาต้นแขนที่ดูบอบบางผิดกับเด็กหนุ่มชาวบ้านทั่วไป ก่อนออกแรงลากโดยไม่สนใจแรงขัดขืนหรือเสียงร้องท้วงสักนิด

          “ปล่อย!”  พารัมพยายามตะโกนแต่เหมือนเสียงที่ออกมานั้นแทบจะไม่เข้าหูคนตรงหน้า  ตูม!!  เสียงน้ำแตกกระจายดังลั่นพร้อมกับเสียงหัวเราะของคนรอบข้างดูเหมือนตอนนี้การที่พารัมพยามเอาตัวรอดนั้นกลายเป็นเรื่องน่าสนุกของบรรดาคนพวกนี้ไปซะแล้ว ร่างของพารัมที่ถูกโยนลงไปในบ่อน้ำพุ พร้อมกับคินที่ก้าวตามลงมามือหนาจับผมของพารัมก่อนจะกดลงไปในน้ำเป็นครู่แล้วยกขึ้นมาในวินาทีสุดท้ายก่อนร่างบอบบางในมือจะขาดอากาศหายใจ

          “แค่กๆๆ  ปล่อยข้าเถอะ”  พารัมที่ดูอ่อนแรงกล่าวออกมา เขาแสบจมูกไปหมดเพราะสำลักน้ำ

           “เจ้าควรอ้อนวอนข้าแต่แรกหนุ่มน้อย”  เสียงที่กระซิบข้างหูนั้นดูคุกกรุ่นด้วยความโมโห มือหนาออกแรงกดพารัมลงไปใต้น้ำอีกครั้ง และอีกครั้ง

           ร่างปวกเปียกที่ติดมือขึ้นมานั้นดูใกล้จะขาดใจเต็มที  ท่าทางตัวโก่งเพราะแรงไอจากการสำลักน้ำนั้นดูน่าเวทนา “หมดฤทธิ์แล้วสินะ”  คิดก้มลงไปพูดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยนั้นเผยให้ผิวขาวๆนั้นยิ่งเด่นชัดจับตา
 “โอ๊ย!” คินร้องออกมา แววตาวาววับด้วยความโมโหเมื่อคนที่เหมือนหมดแรงนั้นกลับแผลงฤทธิ์เฮือกสุดท้ายราวสัตว์จนตรอกที่ขอสู้ตาย  เลือดซิบๆที่ใหลออกมาจากแก้มข้างที่เพิ่งโดนข่วนไปนั้นแสบไม่น้อย  “ข้าจะค่อยๆทำให้เจ้าสิ้นใจช้าๆ ให้สมกับความเก่งของเจ้าทีเดียว”  คินบอกรอดไรฟันก่อนกระชากพารัมขึ้นมาจากบ่อน้ำพุและลากร่างบอบบางนั้นไปตามทางเดินราวกับไร้ชีวิต
 
    รัชทายาทแห่งอันราเหลือบมองร่างที่ตนลากมากับพื้นเพียงครู่เด็กหนุ่มนิ่งไปแล้วเขาเองก็เหนื่อยที่จะเล่นกับเจ้านกน้อยตัวนี้แล้วล่ะ  เขาเติบโตมาในวังหลวงแห่งอันราเมืองที่เป็นเสมือนแหล่งรวมของพวกลูกครึ่ง สิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ  ไร้พวกพ้องและแสนจะต่ำค่า เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแม้ว่าเลือดครึ่งหนึ่งของเขาจะเป็นของราชาแห่งอันรา แม้เขาจะได้ความเคารพรักอันจอมปลอม แต่เขารู้ดีว่าไม่มีใครรักเขาจริงสักคน แม่ที่เป็นอมนุษย์ก็ทิ้งเขาไปตั้งแต่เขาเล็กเขาเติบโตมาท่ามกลางผู้คนที่เหยียดหยัน  ถึงตอนนี้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตเขาก็จะทำให้พวกคนที่ดูถูกเขาได้รู้ว่าเขานี่แหละจะเป็นนายเหนือหัวของพวกมัน พวกมนุษย์ที่คิดว่าตนเองสูงส่งจะต้องมาสยบแทบเท้าเขา

             พรึ่บ สายลมวูบหนึ่งพักเขามายังทางเดินส่งผลให้บรรดาแจกันดอกไม้ที่ตั้งประดับตกแต่งอยู่ทั่วไปนั้นล้มลงและแตกทันที คินหยุดฝีเท้าลงจุดหมายของเขาอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว  คินมองไปรอบๆอย่างระแวดระวังบริเวณที่พักส่วนนี้เขาสั่งไม่ให้มีทหารเวรยามมาเฝ้าเพราะเข้าต้องการความเป็นส่วนตัว เขาตัดสินใจก้าวเดินต่อไปจนถึงห้องที่เป็นสถานที่สำหรับทำบางสิ่ง สิ่งที่จะทำให้เขาเป็นราชาแห่งอันราอย่างเต็มภาคภูมิ

         หลังบานประตูที่ถูกผลักออกไปนั้นเป็นสวนเล็กๆที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก มีแท่นหินสูงขึ้นมาจากพื้นราวเตียงนอนที่ประดับไปด้วยดอกไม้กลิ่นฉุน กำแพงสูงที่ปกคลุมด้วยเถาวัลย์ล้อมรอมบริเวณเล็กๆนั้นราวต้องการจะเร้นมันออกจากสายตาคนภายนอกแสงจันทร์ลางๆที่ส่องลงมานั้นยิ่งทำทุกอย่างดูลางเลือนราวภาพฝัน
คินวางร่างของเด็กหนุ่มลงบนแท่น ร่างบอบบางดูเหนื่อยอ่อนลมหายใจแผ่วๆนั้นดูไร้เรี่ยวแรง เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกคินรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด  แต่เขาจำเป็นต้องทำ

               คินเกิดมาจากมารดาที่เป็นอมนุษย์ เผ่าพันธุ์อสรพิษ แม่ของเขาถูกจับมาขายให้ราชาแห่งอันราในราคาที่สูงลิบเพราะเป็นอสรพิษที่มีรูปโฉมงดงามและเต็มไปด้วยเสน่ห์เชิญชวนตามเผ่าพันธุ์  ไม่นานนักแม่ก็ให้กำเนิดเขา และก็อีกไม่นานเช่นกันที่แม่ได้หนีเขาไปทิ้งเขาไว้กับพ่อที่ไม่เคยมาดูดำดูดีลูกที่เกิดจากตนเองแม้แต่น้อย  ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกครึ่งแต่เขากลับมีร่างกายที่อ่อนแอขี้โรคเหนื่อยง่ายเสียจนไม่สารถฝึกดาบหรือการต่อสู้ใดๆได้  วันๆหนึ่งของเขาจึงเอาแต่หมกตัวอยู่กับตำรามากมาย  และเหมือนสวรรค์คงจะเห็นว่าเขาอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์เมื่อวันหนึ่งเขาล้มป่วย มันอาจจะเป็นเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่  หมอหลวงทุกคนที่รักษาลงความเห็นว่าเขาคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก ความตายที่ใกล้เข้ามาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาหวาดกลัวไม่น้อย  ในเมื่อไม่มีใครสนใจว่าเขาจะเป็นอะไรเพราะฉะนั้นเขาจึงต้องสู้ด้วยตัวเอง


           ด้วยความที่เขาโตมากับตำรามากมาย ประวัติของพวกอมนุษย์ นิทานพื้นบ้านของการทำพันธะสัญญาแห่งเผ่าพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นตำราเล่มไหนก็ผ่านตาเขามาหมดแล้ว มนุษย์ที่แสนอ่อนแอแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตหากอมนุษย์ตนใดได้กลืนกินมนุษย์ลงไปก็เท่ากับว่าได้พลังแห่งชีวิตนั้นไปด้วย  และเขาที่เป็นลูกครึ่งใกล้ตายหากได้ดื่มเลือดของเด็กหนุ่มเข้าไปเขาก็ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาดังเดิมเพราะเด็กหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งการมีชีวิต และหากเขาได้พลังชีวิตของเด็กหนุ่มครบร้อยคนเขาก็จะกลับมามีพละกำลังและชีวิตที่ยืนยาวอีกครั้ง


          ร่างของพารัมถูกนำมาวางบนแท่นกลางสวนเล็กๆนั้น  แสงจันทร์ ลางเลืองที่สาดส่องลงมาอาบร่างตรงหน้าจนดูขาวโพลนตัดกับชุดสีแดงราวกลับร่างนั้นกำลังอาบไปด้วยเลือด  คืนมองคนตรงหน้านิ่งๆเด็กหนุ่มดูต่างจากคนอื่นแม้จะพิการแต่ความเข้มแข็งนั้นกลับแรงกล้าราวพายุ  พยายามดิ้นรนต่อสู้ทั้งที่รู้ว่าไม่ว่าอย่างไนเสียก็ไม่มีทางรอดพ้น แม้จะอ้อนวอนแต่กลับไร้ซึ่งน้ำตา ใบหน้าเล็กๆมีผ้าปิดตาปกปิดไว้อยู่เกือบครึ่งทั้งที่มีริมฝีปากและจมูกที่ได้รูปแท้ๆน่าเสียดายหากเขาจะไม่ได้เห็บใบหน้านี้ชัดๆ เร็วเท่าความคิด คินเอื้อมมือไปดึงผ้าที่ปิดตาของคนตรงหน้าออก ใบหน้าน่ารักที่นั้นปรากฏแก่สายตา เปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นประดับด้วยขนตายาวสวย  จนคินอดไม่ได้ที่จะแตะมือลงไปที่ใบหน้านั้นเบาๆ คำว่าเสียดายผุดขึ้นมาในความคิดทันที  หากเขาไม่ต้องดื่มเลือดเด็กหนุ่มให้ครบ100คนตามตำราล่ะก็ เขาอาจจะเก็บเด็กหนุ่มคนนี้ไว้ก็เป็นได้  และสิ่งที่ทำให้รัชทายาทแห่งอันราต้องตกใจจนแทบจะผงะออกจากร่างคนตรงหน้าก็คือ เปลือกตาที่ปิดสนิทอยู่นั้นกลับเปิดขึ้น เผยให้เห็นสิ่งที่ทำให้เลือดอมนุษย์ครึ่งหนึ่งในกายของคืนเย็นเฉียบ


          “จะ..เจ้า” คินละล่ำละลักพลางทำท่าจะผละออกจากร่างของพารัมแต่กลับถูกคนที่นอนอยู่เอื้อมมือมาดึงคอเสื้อและดึงเข้าไปใกล้จนเห็นดวงตาสองสีนั้นชัดเจน

           “ข้าชื่อ พารัม”  สิ้นเสียงการแนะนำตัวสายลมรอบตัวก็เริ่มหมุนวน มันไม่ได้รุนแรงนักหากความร้อนระอุของลมนั้นต่างหากที่ทำให้คินรู้สึกว่ามันช่างอันตราย ทันทีที่พารัมแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นลูกครึ่งอสรพิษเพราะน้ำได้ชะล้างกลิ่นดอกไม้ป่าออกไปจนพารัมได้กลิ่นแห่งเผ่าพันธุ์อสรพิษชัดเจน เมื่อรู้ดังนั้นพารัมจึงตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อเอาชีวิตรอดทันที  เกล็ดอสรพิษนั้นสามารถแก้พิษได้ทุกชนิดแม้คินจะมีเลือดของอสรพิษอยู่พียงครึ่ง แต่พารัมก็เสี่ยงที่จะลองเขารวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเอื้อมมือออกไปข่วนใบหน้าของคินที่มีเกล็ดอสรพิษปกคลุมอยู่เกือบครึ่ง นิ้วเรียวถูกเกล็ดอสรพิษบาดจนได้เลือดเพียงเท่านั้นความอ่อนแรงที่ปกคลุมร่างกายอยู่ก็ค่อยๆทุเลาลง และจนถึงตอนนี้แม้พารัมจะยังไม่แข็งแรงเท่าเดิมแต่เพียงแค่นี้เขาก็มั่นใจว่าเขาจะพังวังหลวงแห่งอันราได้ไม่ยากแม้แต่น้อยถ้าเขาต้องการ

            “เจ้า...อั๊ก!” ยังไม่ทันที่คินจะได้เอ่ยอะไร ร่างของเขาก็ฟุ๊บลงมาบนตัวของพารัมทันที

            “เจ้าปลอดภัยไหม” เสียงใสๆคุ้นหูนั้นทำเอาพารัมขมวดคิ้ว   ร่างของคินถูกผลักให้พ้นตัวพารัม  ก่อนจะปรากฏร่างของโซลาที่ยืนถือท่อนไม้อาวุธที่ใช้ฟาดรัชทายาทแห่งอันราจนหมดสติเอาไว้แน่น 



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาแล้วค่าาาหลังจากหายไปนานมากก
อย่าเพิ่งทิ้ง #ยักษ์อ่อย   ไปไหนน้าา
ฝาก #ดวงใจรักขสะ  ด้วยค่าา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 15-01-2018 17:30:35
รออยู่ ดีใจจจจ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-01-2018 20:38:39
ไม่ทิ้งแน่นอนจ้า
ออ่านทุกวันเลย
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-01-2018 21:32:58
รอพารัมตลอดเลย มาแล้ว อสรพิษหาเรื่องตายซะแล้ว
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-01-2018 06:42:57
เอ้า อะไรของนาง
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-01-2018 09:06:24
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 19-01-2018 14:08:32
พารัมรอดแล้วใช่ไม๊  :katai1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 25-01-2018 02:38:07
Where are สหัส 55555
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๑-หน้าที่๖) -๑๕.๐๑.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 04-06-2018 08:07:50
ตอนที่๑๒
       “จะ...เจ้า ทำไม”  โซลาที่รีบเข้ามาพยุงพารัมถามอย่างตกใจเมื่อเห็นดวงตาสองสีนั้นชัดๆ  “ช่างเถอะๆ มาๆตามข้ามาเจ้าเดินไหวไหม”  โซลาปัดความสงสัยออกไปทันที  การที่เธอเสี่ยงเข้ามาช่วยชายหนุ่มเอาไว้นั้นจะให้เสียเที่ยวไม่ได้เพราะมันหมายถึงชีวิตเธอและเด็กหนุ่มตรงหน้า
      “โซลาเจ้ามาได้ยังไง”  พารัมถามก่อนจะลุกตามโซลาออกมา
 หากแต่ไม่มีคำตอบ โซลาผวาเข้าไปค้นร่างที่แน่นิ่งขององค์รัชทายาทแห่งอันราทันที
      “ทำอะไรน่ะ” พารัมถามอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ลุกขึ้นมาช่วยโซลาค้นตัวคนที่หมดสติอยู่ตรงหน้าทันที
        “เจอแล้ว” โซลาบอกก่อนหยิบเอาลูกแก้วสีใสที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือออกมาหากประกายที่สะท้อนออกจากลูกแก้วที่ดูธรรมดานั้นมาช่างแปลกตา
โซลาขยับตัวใกล้พารัมมือบางจับแก้มพารัมบีบเบาๆก่อนจะส่งลูกแก้วนั้นเข้าไปในปากทันทีทุกอย่างรวดเร็วจนพารัมไม่ทันได้ขัดขืน
        “อย่างเพิ่งพูด มององค์รัชทายาทเอาไว้ เร็วๆสิ ไม่ต้องมองข้ามององค์รัชทายาทเอาไว้” โซลาบอก
         “พารัมจำเป็นต้องทำตามอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่แล้วทันทีที่เขาเพ่งมองร่างขององค์รัชทายาทแห่งอันราเพียงครู่ร่างของเขาก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นองค์รัชทายาทเสียเอง
       “ช่วยข้าหน่อย” โซลาบอกก่อนออกแรงลากร่างขององค์รัชทายาทตัวจริงเข้าไปซ่อนในพุ่มไม้ พารัมในร่างของคินยังคงไม่เข้าใจอะไรนัก แต่ก็พอนึกรู้ว่านี่คงเป็นวิธีที่จะพาเขาออกไปจากวังหลวงนี้
      “ฟังข้านะ...” โซลาหันมาบอกพารัมทั้งที่ตนเหนื่อยหอบจากการลากร่างของคินไปซ่อน “ตามข้ามาทางนี้...และไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น เราะจะออกไปจากวังหลวงนี้กัน”  พารัมยังคงมีท่าทีไม่เข้าใจนัก แต่ก็ทำตามโซลาอย่างจนใจเพราะอย่างน้อยโซลาก็น่าจะไว้ใจได้ พารัมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดอย่างนั้น แต่เมื่อมองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าที่แม้จะมีรอยแผลเป็นไม่น่าดูแต่แววตาที่สดใจจริงใจนั้นก็ทำให้พารัมไว้ใจได้ไม่ยากบางทีนี่อาจเป็นสัณชาติญาณของพวกอมนุษย์ก็เป็นได้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------
-------------

         หลังจากที่สหัสอาละวาดพังร้านอาหารในอันราเสียยับเยิน จนถูกจับระงับสติอารมณ์ด้วยโซ่สายฟ้า ทุกอย่างดูเหมือนจะถึงทางตัน เพราะเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าพารัมถูกใครพาไปและไปที่ไหน แต่แล้วก็มีทหารมารายงานธันว่ามีหญิงสาวต้องการพบกับนายทหารแห่งนันทานคร ภาพของโซลาที่มาพบธันด้วยความร้อนรนนั้นดูไม่น่าสนใจเท่าเธอมาพร้อมข่าวบางอย่าง

        “ข้าเห็นว่ามีคนลักพาตัวหนุ่มน้อยตาบอดไป” โซลาบอก เธอตัดสินใจมาแจ้งนายทหารแห่งนันทาเราะรู้มาว่าหนุ่มน้อยคนนั้นมาจากบันกุซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ขึ้นกับนันทานคร เพราะฉะนั้นนันทานครจึงมีสิทธิที่จะช่วยหนุ่มน้อยคนนี้ได้ไม่มากก็น้อย  “ท่านไปช่วยเจ้าหนุ่มนั่นหน่อยเถอะ ตาก็บอดมองไม่เห็นจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ขนาดคนตาดีๆแข็งแรงทุกอย่างยังหายไปง่ายราวผักปลา” โซลาบอกกับธันอย่างกังวล
         “ไปที่ไหน” เสียงถามราวกับคำรามของสหัสที่เดินออกมาจากมุมมืด
เขากับราซีนหลบฟังคำบอกเล่าของโซลามาตั้งแต่แรก เมื่อหญิงสาวบอกว่าเห็นพารัมโดนลักพาตัวไป จึงออกมาอย่างทนไม่ได้ ท่าทางใจร้อนที่ทำเอาธันถอนหายใจ
         “วังหลวง...ข้าแอบตามไปจนเห็นว่าพวกนั้นจับหนุ่มน้อยตาบอดใส่เกวียนขนเสบียงที่ใช้ในงานเลี้ยงคืนนี้ก่อนจะเข้าไปในเขตกำแพงวัง” โซลากล่าวด้วยความเป็นห่วงเธอจึงแอบตามพวกนั้นไป
          “ข้าจะไปขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทเอง” ธันบอก
          “ในวังหลวงมีงานรื่นเริง ไม่ให้คนนอกเฝ้าหรอก” ราซีนบอก “งานเลี้ยงฉลองภายในแบบนี้เขาไม่ให้คนนอกเฝ้ากันหรอกมันเป็นประเพณีของวังหลวงทุกที่จนกว่าจะรุ่งสาง”
          “งั้นข้าเข้าไปชิงตัวพารัมออกมาเอง” สหัสเอ่ยออกมาทำเอาทั้งราซีนทั้งธันส่ายหัวในความใจร้อน
       “เอาให้อันรากับนันทานครรบกันเลยนะ เจ้าเป็นคนของพระสนมเธราถ้าเข้าไปอาละวาดต่อให้เอาพารัมออกมาได้ อันราก็ต้องสืบรู้ว่าเจ้าเป็นใคร แล้วความสัมพันธุ์ที่ดีต่อกันมันจะเหลืออะไร” ราซีนบอกออกมาอย่างเหนื่อยใจ
    “ข้า...ข้าพอรู้วิธีเข้าไป” โซลาบอกเบาๆ
       “ยังไง”
       “งานเลี้ยงในวังปกติจะให้พวกผู้หญิงในหอนางโลมเข้าไปรับใช้อยู่แล้ว ตอนนี้พระจันทร์ยังไม่ตรงหัวหญิงสาวกลุ่มสุดท้ายคงยังไม่ถูกส่งเข้าไป...ถ้าแอบไปกับหญิงสาวพวกน่าจะเข้าไปได้ไม่ยาก พวกทหารไม่ค่อยกล้าตรวจค้นนักเพราะนางโลมบางคนเป็นคนโปรดของพวกขุนนางจึงไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่ง”  โซลาบอกก่อนนิ่งไปเพียงครู่ “ข้าจะลอบเข้าไปเอง” คำพูดนั้นทำเอาคนฟังคาดไม่ถึง
      “ทำไมเจ้าต้องเสี่ยงด้วย มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
      “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า...พวกนั้นจับตัวพวกชายหนุ่มไปทำไม”
      “หมายความว่ายังไง” สหัสถามอย่างไม่เข้าใจ
      “หนุ่มน้อยคนรักของเจ้าไม่ใช่คนแรกที่ถูกจับไป” โซลาหันมาบอกกับสหัสเธอจำได้ดีว่าอมนุษย์ผู้นี้คือคนรักของหนุ่มน้อยตาบอดคนนั้น  ที่โมโหจนพังร้านอาหารแบบนั้นคงเพราะคนรักถูกจับไปสินะ
      “หรือพวกท่านมีทางที่ดีกว่านี้” โซลาถามเมื่อทั้งสามยังคงเงียบ เธอจึงเอ่ยต่อ
       “พวกท่านไปรอที่กำแพงวังหลวงฝั่งที่ติดกับเขตแดนป่าศักสิทธิ์ เดี๋ยวข้าจะพาหนุ่มน้อยคนนั้นไปส่ง...ระวังลำธารอย่าลงไป ถ้าเห็นท่านคงเข้าใจดีท่านสิงห์รา” โซลาหันไปบอกกับสหัส
      “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร” สหัสถามเขาจะไว้ใจหญิงสาวที่เพิ่งเจอกันได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ศัตรูอยู่รอบตัว
      “ท่านมีทางอื่นหรือ” โซลาย้อนถามก่อนถอนหายใจ “ข้าเป็นคนอันรา ถามท่านธันดูสิ บ้านข้าอยู่ที่นี่ถ้าข้าจะเล่นตลกล่ะก็ ท่านไปพังร้านพังบ้านข้าได้เลย” โซลาบอกก่อนยกผ้าคลุมใบหน้าของตนด้านที่เป็นแผลเป็นเอาไว้หลวมๆ  “ข้าไปล่ะ พระจันทร์ขึ้นกลางท้องฟ้าเจอกันที่นอกกำแพงวัง


-----------------------------------------------------------------------

----------------------



    “ท่านแน่ใจนะ” เสียงของธันเอ่ยถามราซีนอย่างกังวล พลางเหลือบมองร่างของสหัสที่เริ่มสูงใหญ่ขึ้น ขนสีเงินค่อยๆงอกออกมาปกคลุมร่างกาย เพื่อบ่งบอกชาติพันธุ์สิงห์ราอย่างปิดไม่มิด
     “ก็สาวน้อยคนนั้นบอกให้มารอตรงนี้ ไม่ใช่รึ” ราซีนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน หากแววตากลับมีแววเคร่งเครียด
     “ถึงโซลาจะเป็นคนดี ก็เถอะแต่การที่เราจะเสี่ยงแบบนี้มัน...” ธันยังคงกังวลเขาประจำการที่อันรามานานเขารู้จักทุกคนในอันรา  แต่เขาก็รู้แค่เพียงสิ่งที่คนอันราอยากให้รู้ยังไงเขาก็เป็นคนนอก เรื่องบางเรื่องเขาเองก็ยากคาดเดา
     “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนขี้กลัวนะ ธัน” ราซีนหันมากระตุกยิ้มใส่ธันเบาๆท่าทางกวนประสาทที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงได้ตะบันหน้าไปแล้ว คนอย่างธันไม่เคยเกรงใจใครนอกจากเจ้าเหนือหัวราชาแห่งนันทานคร องค์วิรัล
     “อย่าทำให้เสียเรื่อง” น่าแปลกที่คนห้ามปรามกลับเป็นอมนุษย์ที่กำลังกลายร่างเต็มที่ ธันกับราซีนหันไปตามเสียงก็พบกับสิงห์ราขนาดโตเต็มวัย ขนสีเงินสะทอนวาววับกับแสงจันทร์ที่สาดลงมาเขี้ยวขนาดใหญ่โผล่พ้นริมฝีปากดูน่าขนลุกใบหน้าครึ่งสิงห์นั้นยากจะคาดเดาอารมณ์ ตั้งแต่เข้าใกล้เขตป่าศักสิทธิ์สหัสก็ปล่อยให้ร่างของตนนั้นกลับกลายเป็นสิงห์ราอย่างไม่ได้ต่อต้าน ราซีนมองร่างแสนสง่างามตรงหน้าอย่างนึกนิยมในใจสิงห์ราเป็นอมนุษย์ที่เป็นที่ต้องการในหมู่พรานค้าทาสเสมอมา ทั้งความงดงาม ความว่องไวและสัญชาตญาณการต่อสู้ที่ยากจะหาเผ่าพันธุใดมาเทียบนั้นทำให้ราคาของสิงห์ราในตลาดค้าทาสยิ่งพุ่งขึ้นสูง เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าถ้าเขาได้สิงห์ราตรงหน้าไปขายล่ะก็เขาจะได้เงินเข้ากระเป๋ามากขนาดไหน
   “หน้าตาท่านเลวมากเลย” เสียงประชดนั้นมาจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ธันเอ่ยออกมาอย่างทนไม่ได้เมื่อเห็นสายตาของราซีนที่กำลังตีราคาสหัส
    “ขอบใจที่ชม” ราซีนตอบอย่างไม่ยี่หร่ะ
สหัสยืนนิ่งพร้อมจ้องเขม็งไปยังป่าศักสิทธิ์ที่ตั้งอยู่อีกฝากของลำธารที่ไหลเชี่ยว บริเวณนี้นั้นอยู่ห่างจากเขตชายป่าศักสิทธิ์เพียงแค่ลำธารกั้นมีเพียงสะพานไม้เก่าๆเชื่อมต่อระหว่างเมืองอันราและป่าศักสิทธิ์เท่านั้น
   “ทำไมชายแดนตรงนี้ถึงไม่มีทหารเฝ้าเลยล่ะ”  ราซีนถามอย่างสงสัย ปกติแล้วบริเวณเขตรอยต่อแบบนี้จะต้องมีทหารเฝ้ายามไม่ขาด
   “พวกทหารจะประจำการอยู่ชายแดนอีกฝั่งเท่านั้น  ชายแดนบริเวณนี้น่ะไม่มีใครใช้ข้ามมาอันราหรอก”
   “ทำไม” ราซีนถามอย่างไม่เข้าใจหากแต่ธันยังไม่ทันได้ตอบก็เกิดเสียงแปลกๆขึ้นที่ลำธาร


จ๋อม!! เสียงเหมือนปลาขึ้นมาฮุบอากาศเรียกความสนใจจากสหัส ธัน และราซีนได้ไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา


   “อย่าเข้าไปใกล้”  เสียงคำรามเบาๆในลำคอบ่งบอกถึงความระแวดระวัง สหัสเหลือบมองไปยังลำธารเพียงครู่ก่อนที่ดวงตาสีเทาเหลือบมองท้องฟ้าอีกครั้งดวงจันทร์ส่องแสงสว่างตาลอยมาเกือบกึ่งกลางท้องฟ้าแล้ว กรงเล็บใหญ่ที่สามารถตะปบหินแตกเป็นเสี่ยงๆได้ในพริบตาสั่นน้อยๆ  ความเปนห่วงแล่นริ้วไปมาในความรู้สึกเขาไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้นัก  ไม่มีท่านเธราคอยออกคำสั่ง ไม่มีหน้าที่แม่ทัพมาค้ำคอ สหัสที่ต้องทำตามความรู้สึกตัวเองนั้นช่างว้าวุ่นใจ

 
   “เป็นห่วงเจ้ายักษ์น้อยรึไง” ราซีนเอ่ยทำลายความเงียบ เขามองท่าทีเครียดเกร็งของสิงห์ราตรงหน้าก่อนหัวเราะเบาๆ “ต่อให้เจ้ายักษ์น้อยตายก็ไม่ใช่ความผิดเจ้า ใครๆก็รู้ว่าพารัมน่ะแสบแค่ไหน ไม่ต้องกลัวเธราว่าหรอกรายนั้นน่ะใจดีจะตายเจ้าก็รู้” ราซีนพูดไปเรื่อยเหมือนไม่สนใจอะไรแต่ความจริงเขากำลังจับสังเกตท่าทางของสหัสอย่างไม่ล่ะสายตา  แม้จะอยู่ในร่างของอมนุษย์แต่ราซีนรู้ดีว่าสิงห์ราตรงหน้ากำลังกังวลเป็นอย่างมาก กรงเล็บสั่นเทาไม่มีเสียงคำรามในลำคอเช่นเคย สิงห์ราไม่เคยเงียบสนิท เผ่าพันธุ์ที่หยิ่งผยองจะแผดเสียงคำราม  ในลำคอแทบจะตลอดเวลาราวกับประกาศศักดาห์แห่งตน แต่ตอนนี้สหัสกลับเงียบเสียจนราซีนนึกแปลกใจ
    “อย่าไปเที่ยวล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น” เป็นธันที่อดไม่ได้ เขาจับแขนของราซีนดึงให้ออกห่างจากสหัสก่อนจะพูดออกไปอย่างไม่พอใจ ราซีนยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะใบหน้างดงามยิ้มมุมปากราวนึกสนุก ผิดกับธันที่ไม่ตลกด้วย

---------------------------------------------------------------------------------------------------



        โซลากับพารัมที่อยู่ในร่างของคิน  ค่อยเดินลัดเลาะมาจนถึงริมกำแพงวังหลวงอย่างปลอดภัยแม้ระหว่างทางจะพบกับทหารเวรอยู่บ้างแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนเพราะรู้กันดีในความเจ้าอารมณ์ขององค์รัชทายาทแห่งอันรา ว่าถ้าหากใครทำผิดใจเพียงนิดหัวก็สามารถหลุดออกจากบ่าได้เสมอ
           เมื่อหลบอยู่ในเงามืดพารัมก็คายแก้วพรางร่างออกกมาทันที “แล้วจะทำยังไงต่อ” พารัมเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างจนปัญญา ถ้าไม่ให้เขาอาละวาดแล้วหนีออกไป เขาก็คิดไม่ออกจริงๆว่าจะออกไปได้ยังไง
         “กำแพงวังหลวงด้านหลังนี้ติดกับป่าศักสิทธิ์ถ้าเจ้าออกไปได้ก็จะเจอกับพวกของเจ้าที่รออยู่ ที่กำแพงจะมีช่องเล็กๆพอมุดออกไปได้”
        “เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามีที่หนีออกไปได้” คำถามของพารัมทำเอาโซลานิ่งริมฝีปากบางเม้มแน่น
         “เอาเถอะเรื่องนี้ถ้ามีโอกาสข้าจะเล่าให้ฟัง  เจ้าชื่อพารัมสินะ” โซลาถามเพราะได้ยินสิงห์ราตนนั้นเรียกก่อนจะมองใบหน้าสะอาดสะอ้านนั้นอีกครั้ง
        "สีดวงตาเจ้า... "  เสียงทักเบาๆนั้นทำให้พารัมอยากจะหันหน้าหนี เขาไม่อยากสร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่เพิ่งเสี่ยงชีวิตช่วยเขาอย่างโซลา
      "คือ..."
       "งดงาม"  โซลาบอกทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากดวงตาของพารัมนอกจากจะไม่มีท่าทีกลัวแล้วโซลายังดูเหมือนจะชื่นชอบดวงตาต่างสีคู่นี้ไม่น้อย
        "ไม่กลัวเหรอ"
         "ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าใบหน้าข้าแล้วล่ะ" โซลาตอบก่อนยิ้มกว้างตอบกลับมาแม้ดวงตาจะมีแววเจ็บปวด
        “ไม่น่ากลัวสักนิด ไม่มีใครหมดจดหรอก” พารัมตอบก่อนส่งยิ้มให้คนที่พยักหน้ารับง่ายๆ  ท่าทางง่ายๆและใจดีของโซลาทำให้พารัมนึกถึงพี่เธราของเขาไม่น้อยคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ
         “ไปเถอะ ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวสิงห์ราคนรักของเจ้าจะมาบุกวังหลวงเอา” โซลาพูดติดตลกก่อนลุกนำพารัมไปยังที่ใช้หลบหนี

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


          ดวงตาสีเทาเงยขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง  ดวงจันทร์จเลยกึ่งกลางท้องฟ้ามาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววของพารัมและโซลาเลย สหัสสาวเท้าเข้าใกล้กำแพงวังหลวงเรื่อยๆ
      “ลา ลา ลันลาล๊าลา” ทำนองเพลงแปลกหูเริ่มลองมาตามลม หึพวกมันเริ่มแล้วสินะ
       “เสียงอะไร” คนที่เอ่ยถามคือราซีน คิ้วเรียวขมวดมุ่นเสียงเพลงที่ได้ยินนนั้นฟังดูชวนเคลิ้มหลับมากกว่าไพเราะ
       “มนต์วารี”  ธันตอบ
        “ทำไมข้าง่วง” ราซีนพูดพลางสะบัดหัวไปมา
       “เป็นพรานค้าทาสภาษา ไม่รู้จักมนต์นางวารี”
ราซีนเริ่มสะบัดหน้าไปมา เขาเป็นพรานค้าทาสมาหลายปีก็จริงแต่วารีเป็นอมนุษย์ที่แทบจะศูนย์หายไปจากสามดินแดนแล้วด้วยซ้ำ แม้จะเป็นในเมืองของพวกอมนุษย์เองก็ใช่ว่าจะเจอได้ง่ายๆ
“หันหน้ามานี่” เป็นธันที่จับราซีนให้หันมาพร้อมกับเอาเศษผ้ามาอุดหูทั้งสองข้างของเขา “หายใจลึกๆอย่าไปสนใจเสียงนั่น สนใจแค่ว่าพารัมจะมาเมื่อไหร่ก็พอ”  ธันบอกพร้อมกับอาการหาวเล็กๆ แม้เขาจะพอรู้ว่ามนต์วารีนั้นจะทำให้หมดสติ  และพยายามระวังตัวแล้วแต่คนธรรมดาอย่างเขาจะไปต้านได้สักเท่าไหร่
          ลำธารที่เคยเงียบสงบเริ่มมีบางสิ่งแหวกว่ายไปมา สหัสส่งเสียงคำรามในลำคอเบาๆร่างครึ่งสิงห์หันมามองราซีนกับธันก่อนส่งสัณญานให้ระวังตัว 
         “วารี อาศัยในน้ำเต็มไปด้วยเวทย์มนลวงตา เสียงเพลงที่หลอกล่อจิตวิญญาณมนุษย์เอาไปเป็นอาหาร ข้านึกว่าจะสาปสูญไปซะแล้วมาหลบอยู่แถวนี้นี่เอง” เป็นสหัสที่เอ่ยขึ้น เมืองอมนุษย์นั้นเต็มไปด้วภูมิประเทศที่หลากหลาย พวกอมนุษย์จึงมีหลากหลายพันธุ์ ทั้งพวกที่อาศัยบนเขา บนต้นไม้ในถ้ำ หรือแม้กระทั่งในน้ำ
       “แล้วเราจะทำยังไง”
        “ไม่ต้องทำอะไรแค่รอ พารัมกับโซลาที่นี่ก็พอ พวกวารีก็ทำได้แค่หลอกล่อเราให้หมดสติหรือเผลอตัวลงไปในน้ำเท่านั้น ถ้าเราไม่หลงกลก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก”  ธันบอก
       “เจ้านี่รู้ดีจริงๆ”
       “ข้าประจำอยู่อันรามานาน เรื่องพวกวารีนี้จำเป็นต้องรู้เอาไว้”   
       “ทำไม” เป็นสหัสที่ถามขึ้น
       “ในนิทานพื้นบ้านเขาว่ากันว่า แต่เดิมนั้นชาวอันราบูชาและนับถือพวกวารี เพราะเมื่อแรกเริ่มอันรานั้นเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆที่ถูกรุกรานจากพวกอมนุษย์เสมอ  พวกวารีจึงเสนอว่าจะช่วยปกป้องชาวอันราจากพวกอมนุษย์ทั้งหลายแต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือชาวอันราจะต้องส่งเด็กหนุ่มที่งดงามมาบูชายัญทุกปี แต่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเลือกเป็นเครื่องบูชายัญไม่ยินยอมเด็กหนุ่มคนนั้นเลยฆ่าพวกวารีแล้วดื่มเลือดของพวกมันเข้าไปจนแข็งแกร่ง เด็กหนุ่มกลับเข้ามายังหมู่บ้านรวบรวมผู้คนและสามารถสร้างเมืองอันราขึ้นมาได้ ชายหนุ่มคนนั้นจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นราชาองค์แรกของอันรา  พวกวารีจึงโกรธแค้นและประกาศไว้ว่าจะฆ่าคนที่มีสายเลือดของกษัติย์แห่งอันราทันทีที่ข้ามมายังป่าศักสิทธิ์  และจะปล่อยให้อมนุษย์ทุกตนเข้าไปยังอันราได้โดยไม่ขัดขวาง”  ธันเล่าสิ่งที่ตนรู้มาให้ราซีนฟัง
       “พวกวารีที่แทบจะสูญสิ้นไปจากพาณา มารวมกันอยู่ที่นี่เพราะเหตุนี้เองหรอกรึ”  สหัสพูดออกมาก่อนแสยะยิ้มเขาเองก็พอรู้มาว่าพวกวารีนั้น แต่เดิมเป็นเผ่าพันธุ์ที่สนิทสนมกับมนุษย์มากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น จึงไม่มีอมนุษย์ตนไหนแปลกใจที่พวกวารีจะหายไป เพราะพวกในสายตาของอมนุย์นั้นมนุษย์ไม่มีใครไว้ใจได้  แม้แต่สหัสเองก็เคยเข้าใจแบบนั้นจนวันที่เขามีเจ้าของเป็นท่านเธรา
       “พี่สหัส!!”  เสียงเรียกดังลั่นที่ดูจะไม่สนใจใครนั้น ส่งผลให้สหัสหันไปมองทันทีร่างของพารัมนั้นเดินจูงโซลาที่ดูเหนื่อยหอบตรงมายังสหัสที่รออยู่


 :katai4: :katai4: :katai4:

****คราวนี้พิมหายไปนานมากจริงๆ  แต่กลับมาแล้วนะคะ
ฝาก #ดวงใจรักขสะ  ด้วยค่า

อย่าเพิ่งลืม #ยักษ์อ่อย  กันนะคะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๒-หน้าที่๗) ๔.๖.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 12-06-2018 16:44:04
นึกว่าไม่ต่อสะแล้ว ดีใจจังที่กลับมา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๒-หน้าที่๗) ๔.๖.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-06-2018 23:39:59
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องของพารัมต่อ คนที่มาช่วยพารัมคือใคร ปลอดภัยก็ดีแล้วนะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๒-หน้าที่๗) ๔.๖.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2018 01:07:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๒-หน้าที่๗) ๔.๖.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Piga77 ที่ 27-08-2018 14:02:17
ไรท์จะไม่มาต่อแล้วหรอ คือเข้ามาส่องตลอด แต่ไรท์หายไปนานอีกแล้วง่า ฮือออ อ่านเธรารอรอบที่5แล้ว ชอบเรื่องของไรท์มากๆ กลับมาเถ้อะะะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๒-หน้าที่๗) ๔.๖.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 22-09-2018 10:38:54
ตอนที่๑๓

“เดี๋ยว” โซลาออกแรงรั้งพารัมที่กำลังเดินไปหาสหัส

“มีอะไรเหรอโซลา”

“ข้าส่งเจ้าตรงนี้ล่ะกัน” โซลาบอกก่อนจะปล่อยมือออกจากพารัม และก้าวถอยออกไป

“เจ้าจะกลับเข้าไปเหรอ”

“ใช่” โซลาพยักหน้า “อันราเป็นบ้านข้า”

“แต่ว่า...”

“ไปเถอะไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตัวเองได้ไม่มีใครทำอะไรข้าได้หรอก”  โซลาบอกแค่นั้นก่อนหันหลังให้พารัมและวิ่งหายเข้าไปยังเขตเมืองอันรา

“พารัม” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้พารัมตัดใจเดินไปหาสหัสทั้งที่ในใจยังคงห่วงโซลาไม่น้อย

“โซลา...กลับไปแล้ว” พารัมเอ่ยบอกสหัสทันทีใบหน้ายังคงมีแววกังวลเพราะความห่วงใยโซลาฉายชัด แม้คำบอกเล่าของพารัมจะสร้างความกังวลให้คนฟังไม่น้อยแต่ตอนนี้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะข้ามไปฝั่งป่าศักสิทธิ์ให้เร็วที่สุด

“ไปเถอะ” สหัสเอ่ยบอกก่อนออกเดินนำไปยังลำธารที่กั้นกางระหว่างเมืองอันราและป่าศักสิทธิ์

“ล๊า ลา ลา ^&^%$ .....” เพียงแค่ก้าวเข้าใกล้ลำธารเสียงเพลงทำนองประหลาดก็เอื้อนเอ่ยขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงเงียบสงบ

“อะไร” พารัมถามราซีนที่ยืนอยู่ข้างๆตนอย่างไม่เข้าใจ  แต่สิ่งที่ได้มามีเพียงเศษผ้าที่นำมาอุดหูให้เขาอย่างลวกพร้อมท่าทางยกนิ้วขึ้นแตะรมฝีปากให้พารัมหยุดพูด  ใบหน้าน่ารักเริ่มงอหงิกในใจของพารัมตอนนี้กังวลไปหมด ไหนจะห่วงโซลา ไหนจะกลัวว่าข้ามไปฝั่งป่าศักสิทธิ์แล้วตัวเองจะกลางร่างเป็นยักษ์ไหนจะไอ้เสียงร้องกวนประสาทนี่อีก  ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างคนไม่สบอารมณ์ถ้าเขากลายร่างแล้วตัวใหญ่น่าเกลียดจะทำยังไงล่ะ

“ขนาดตอนเป็นคนตัวเล็กๆน่ารักแบบนี้พี่สหัสยังไม่สนใจ ขนาดเป็นทั้งหญิงทั้งชายร่างไหนพี่สหัสก็ไม่เคยแล แล้วถ้าเป็นยักษ์ตัวใหญ่น่าเกลียดน่ากลัวข้า”จะมองหน้าพี่สหัสติดได้ยังไงกัน” พารัมบ่นงึมงำอย่างไม่สบอารมณ์

“สหัสเจ้าจะเอายังไง” เสียงธันถามขึ้นตอนนี้ทั้งสี่คนยืนอยู่ริมลำธาร ห่างจากสะพานไม้ที่ใช้ข้ามเพียงไม่กี่ก้าว เสียงเพลงเงียบไปแล้วแต่สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้คือ บางสิ่งที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในลำธารตรงหน้าต่างหาก

“อะไรน่ะ” เป็นพารัมที่ทนความเงียบไม่ไหวเอ่ยถามออกมาพร้อมก้าวเข้าไปใกล้ริมลำธารมากขึ้น เหมือนเสียงเพลงนั้นจะเข้าครอบครองสติของพารัมได้ไม่ยากเมื่อคนตัวเล็กเผลอฟังเพลงนั้นอย่างไม่ตั้งใจ

“รอก่อนพารัม”  เสียงเรียกของราซีนที่ดูเหมือนพารัมจะไม่ได้ยินเมื่อร่างบอบบางเดินใกล้ลำธารมากขึ้นไปอีก

พารัมเดินเข้าไปใกล้ลำธารมากขึ้นเขาก็พบว่าสิ่งที่กำลังแหวกว่ายอยู่กลางลำธารนั้นเป็นคนแต่มีขนาดเล็กผมสยายยาวบนผิวน้ำจนแทบจะปกคลุมลำธารเอาไว้  เหมือนพวกเขาจะรู้ว่าพารัมกำลังมองร่างที่เคยแหวกว่ายไปมาในน้ำค่อยๆหยุด ก่อนใบหน้าขาวๆที่เล็กเพียงฝ่ามือจะหันมามองพารัมพร้อมๆกัน ก่อนจะค่อยๆขยับพาตัวเองมาใกล้ริมฝั่งที่พารัมยืนพร้อมกับเส้นผมที่ยื่นยาวออกมายังร่างของพารัม  ดวงตาสองสีเหม่อมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าอย่างนิ่งสงบ ขาก้าวไปข้างหน้า ราวกับไร้สติ

หากร่างของพารัมยังไม่ทันก้าวถึงลำธาร แขนแข็งแกร่งของสิงห์ราก็คว้าร่างเอาไว้พร้อมกับธันพุ่งมาออกมาขวางทันที ก่อนที่เส้นผมสีดำสนิทจับร่างของธันเอาไว้ได้แทนที่จะเป็นพารัม

“ปล่อย!” ธันตวาดพร้อมฟาดดาบลงไปที่เส้นผมพวกนั้นทันที  แต่เหมือนยิ่งฟันลงไปผมพวกนั้นกลับยิ่งเยอะขึ้นพร้อมกับแรงลากให้ร่างของเขาตกลงไปในลำธาร

“ธัน จับข้าเอาไว้” เป็นราซีนที่เข้ามาดึงร่างของธันเอาไว้  ดวงตาคมเหลือบมองบรรดาพวกวารีที่มีเกือบสิบตนอย่างกังวลใจ โซ่สายฟ้าของเขามีฤทธิ์สามารถจับอมนุษย์ทุกชนิดได้ก็จริง แต่มันไม่สามารถฆ่าพวกอมนุษย์ได้ พวกวารีนับสิบแบบนี้ท่าทางจะรับมือไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งต้องดึงธันเอาไว้แบบนี้เขายิ่งทำอะไรไม่ถนัด

สหัสก้มมองร่างของพารัมที่ยังคงสลึมสลือ ร่างบอบบางไม่ได้สิ้นสติหากดวงตาที่เหม่อลอยนั้นช่างดูน่าเป็นห่วง “พารัม” สหัสเรียกพารัมเบาๆหลังมือที่ปกคลุมไปด้วยขนแตะแก้มขาวเบาๆ แต่เหมือนจะไม่ได้ผลนัก  ดวงตาสีเทาเหลือบมองธันที่ตอนนี้ถูกลากลงไปจวนเจียนจะถึงลำธารแล้วโดยมีราซีนกำลังช่วยดาบในมือของอดีตรัชทายาทแห่งนันทาฟาดลงไปบนผมสีดำสนิทที่พันตัวธันอย่างไม่ยั้งมือ หากผมสีดำกลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละสถานการณ์ตอนนี้แทบจะหาทางรอดให้ตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  สหัสมองคนที่ยังเหม่อลอยในอ้อมแขนอย่างกังวลพารัมโดนมนต์ของพวกวารีย์นั้นน่าห่วงหากพารัมที่กลายร่างเป็นยักษ์นั้นน่าห่วงกว่า ตอนนี้ยาของพวกค้าทาสที่ใช้สะกดอมนุษย์ก็หกไปแล้วหากพารัมกลายร่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

“สหัสพาพารัมข้ามไปก่อน  ไป!!!”  เป็นราซีนที่ตะโกนบอกสหัสที่มีท่าทางลังเล  ก่อนจะโยนโซ่สายฟ้าให้สหัสที่รับเอาไว้อย่างไม่เข้าใจ พลางเม้มปากแน่นเมื่ออกแรงดึงธันร่างของธันนั้นเริ่มแน่นิ่งเส้นผมของพวกวารีนั้นเมื่อจับต้องสิ่งมีชีวิตใดๆจะดูดกลืนเอาพลังชีวิตไปด้วย  “ข้ามไปแล้วเจ้าจะรู้เอง” ราซีนตะโกนสุดเสียงตอนนี้ขาข้างหนึ่งของเขาแตะน้ำแล้วพอๆกับธันที่ถูกดึงลงเกือบครึ่งร่างพร้อมกับกระแสน้ำที่เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

ธันกลั้นหายใจทันทีเมื่อเขาถูกลากลงไปใต้น้ำ เส้นผมมากมายพันขาและลำตัวช่วยล่างเอาไว้ทั้งที่แขนข้างนึงยังคงถูกดึงรั้งจากราซีนที่ไม่ยอมปล่อยเขาแม้แต่น้อย มือที่จับดาบพยามกวัดแกว่งฟันเส้นผมเหล่านั้นเริ่มหมดแรงเมื่อเขาอยู่ใต้น้ำนานเกินไปและเส้นผมพวกวารีเมื่อจับต้องสิ่งใดมักดูดกลืนเอาพลังชีวิตของสิ่งนั้นไปด้วย

ราซีนกัดฟันแน่นเขาเองก็เริ่มจะหมดแรงเมื่อกระแสน้ำเริ่มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆพอๆกับเส้นผมพวกวารีที่เริ่มมาเกาะกุมและดึงรั้งเขาอีกคน  เขาพยายามรั้งร่างของธันขึ้นมาจนพ้นผิวน้ำร่างสูงใหญ่ใกล้หมดสติเต็มทีหากมือหนายังคงกระชับดาบแน่นไม่ยอมให้หลุดออกไปจากมือราวกับกำลังจับเส้นใยแห่งชีวิตของตนอาไว้

“ธัน...ธัน ส่งดาบมาให้ข้า” ราซีนเรียกธันให้ได้สติก่อนจะรับดาบมาถือไว้ริมฝีปากบางเม้มแน่น เขาไม่อยากทำแบบนี้สักเท่าไหร่แต่ตอนนี้คงมีทางเลือกไม่มากนัก .....

 

สหัสตัดสินใจอุ้มร่างของพารัมก่อนจะกำโซ่สายฟ้าแน่นแล้วเร่งฝีเท้าข้ามไปยังฝั่งป่าศักสิทธิ์ทันที  ร่างครึ่งสิงห์ก้าวเหยียบเข้าเขตแดนป่าศักสิทธ์พร้อมกับเสียงคำรามก้องขนสีเงินยาวเหยียดสะท้อนแสงจันทร์ พอๆกับดวงตาสีเงินที่แวววาวราวลูกแก้ว  ร่างสุงใหญ่ค่อยๆวางร่างของพารัมที่ยังไม่มีสตินักลงบนพื้นพลางเอาโซ่สายฟ้าพันเอาไว้ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าโซ่สายฟ้าจะแสดงฤทธิ์ต่อเมื่อผู้ใช้มีสายเลือดกษัตริย์แห่งนันทา แต่ตอนนี้เขาไม่มีตัวเลือกมากนัก ดวงตาสีเทาตวัดมองราซีนกับธันที่ตอนนี้ถูกพวกวารีลากลงไปในน้ำได้เกือบสำเร็จแล้ว สหัสเม้มปากแน่นก่อนพุ่งตัวออกไปยังลำธารทันทีแต่ก่อนที่สหัสจะได้ลงไปช่วยสาน้ำตรงหน้าก็เริ่มหมุนวนพร้มกับเสียงกรีดร้องของพวกวารีที่ดังโหยหวนไปทั่ว

สายเลือดแห่งกษัตริย์ผู้มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ สายเลือดที่ได้รับพรให้ครอบของของวิเศษที่สามารถปกป้องและขจัดสิ่งชั่วร้ายได้ ตามตำนานพื้นบ้านที่เล่าขานกันมาเลือดแห่งราชาสามารถชุบชีวิตและคร่าชีวิตได้ และราซีนรู้ดีถึงตำนานนั้น  ใบหน้างดงามที่มักฉายแววเจ้าเล่ห์นิ่งสนิท ดาบในมือที่คอยฟาดฟันเส้นผมของเหล่ามารีหยุดนิ่งก่อนจะหันคมดาบเข้าหาตัวเองแล้วกดมันลงไปยังร่างของตนจนโลหิตสีแดงไหลทะลักออกมา

“นามของข้าคือราซีน ผู้มีสายเลือดที่แท้จริงแห่งนันทานคร ผู้มีสิทธิ์ในบัลลังค์อันศักสิทธิ์ เทพเทวดาและเหล่าบูรพกษตริย์แห่งนันทาจงเมตตา ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้หายไปด้วยเถิด”  สิ้นคำ ของราซีนโลหิตที่ไหลออกจากร่างลงไปยังลำธารนั้นก็ค่อยๆแผ่กระจายไปทั่ว จนลำธารอันเชียวกรากนั้นย้อมไปด้วยสีแดง

“กรี๊ดดดด ....อ๊ากกกกก” เสียงร้องโหยหวนของพวกวารีดังก้องขึ้นจะสะท้อนไปทั่วบริเวณพร้อมกับร่างของราซีนและธันที่หายไปกับสายน้ำอันเชี่ยวกรากต่อหน้าตาตาสหัส

 

“อ๊ากกกกกกกกก” เสียงร้องดังลั่นเรียกความสนใจของสหัสจากราซีนกับธันได้ทันที  ร่างครึ่งสิงห์มุ่งตรงไปยังเสียงร้องนั้นอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้สหัสชะงักเมื่อร่างของพารัมที่กำลังจะกลายเป็นยักษ์นั้นดิ้นทุรนทุรายแต่ไม่สามารถทำร้ายใครได้เพราะมีโซสายฟ้าพันอยู่รอบตัวและคนที่กำลังใช้โซ่สายฟ้านั้นก็ช่างคุ้นตา

“คาเซ”

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------

-------------------------

-----------

ใบหน้าได้รูปที่ประดับด้วยดวงตาหม่นแสงนั้นมองร่างของ อดีตรัชทายาทแห่งนันทานครอย่างเป็นห่วง ธันมองแผลที่หน้าท้องของราซีนนั้นไม่ใหญ่เท่าไหร่  แต่เจ้าตัวคงเสียเลือดไปมากพอดูเพราะตอนนี้ใบหน้างดงามนั้นซีดเซียวราวกับไร้ชีวิต  ธันไม่คิดว่าราซีนจะใช้วิธีนี้ เพื่อช่วยชีวิตเขา  เพราะผู้มีสายเลือดแห่งราชาจะไม่หลั่งเลือดเพื่อใครง่ายๆเรื่องนี้เขารู้ดี  แต่ราซีนกลับยอมที่จะหลั่งเลือดเพื่อช่วยเขาที่เป็นเพียงหัวหน้าทหารม้า

“เจ็บ”  เสียงของราซีนดึงสติของธันให้กลับมา ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงให้คนเจ็บลุกขึ้นนั่ง

“เป็นยังไงบ้างท่านราซีน” ธันถามอย่างนึกห่วงแม้เขาจะทำแผลให้แล้วแต่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด

“อืมมม โชคดีที่ไม่ทะลุหลัง” ราซีนตอบอย่างติดตลกทั้งที่ใบหน้าซีดเซียว พลางมองรอบตัว “แล้วเราอยู่ที่ไหนกัน”

“ในป่าศักสิทธิ์”  ธันตอบทั้งที่สายตายังคงจับจ้องมองแผลของราซีนอย่างนึกห่วง

“แล้วเราจะเอายังไงต่อดี” ราซีนถามก่อนเบ้หน้าเพราะเจ็บแผล

“ข้าเคยเข้ามาในป่าศักสิทธิ์  แต่ไม่เคยเข้ามาลึกเท่านี้”

ราซีนพยักหน้าก่อนมองไปรอบตัวอย่างกังวลไม่น้อย  ดูจากขนาดต้นไม้ที่ใหญ่โตแปลกตา ลำธารที่เขาดูจะใหญ่กว่าช่วงที่ผ่านเมืองอันราแล้วนั้นบริเวณที่เขาอยู่คงเข้ามาแทบจะกลางป่าศักสิทธิ์แล้วทีเดียว

“ท่านเดินไหวไหม”

“สบ๊าย” ราซีนบอกก่อนพยายามลุกขึ้น แต่ก็ต้องนั่งลงที่เดิมพร้อมกับเลือดที่ยิ่งซึมออกมาจากแผลมากขึ้น

“คืนนี้เราพักที่นี่ก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวข้าจะไปหาฟืน มาก่อไฟกับอาหารเอาไว้กินคืนนี้” 

ราซีนแค่พยักหน้ารับ ตอนนี้เขารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักอาจเป็นเพราะเสียเลือดมากไป แถมยังถูกน้ำพัดมาไกลขนาดนี้อีก  มือเรียวแตะที่แผลตัวเองเบาๆก่อนเบ้หน้าอาการปวดตุ๊บๆที่แผลเริ่มเล่นงานเขาหนักขึ้นจนเขาต้องเลือกที่จะนอนอยู่เฉยๆ

 

 

กองไฟถูกก่อขึ้นพร้อมกับผลไม้ที่วางอยู่เพื่อรอคนป่วยตื่นมากิน  ธันมองราซีนอย่างเป็นห่วงเมื่อคนเจ็บยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาเลยสักนิด

ร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผลแห่งการรบนั้นซูบผอมลงจากแต่ก่อนมากโข  ธันตอนนี้ไม่ได้กล้าแกร่งดังเก่าหัวใจของเขาแหลกสลายไปนานแล้ว แหลกไปตั้งแต่เลือกที่จะรักคนที่ไม่ใช่ของตน  ทุกครั้งที่เขาอยู่กับตัวเองเขาก็เอาแต่นึกถึงเรื่องผิดพลาดที่เคยทำเอาไว้ เรื่องที่เขาเคยหลงรักพระสนมขององ์วิรัลราชาแห่งนันทานครผู้เป็นเจ้าชีวิตของเขา  แม้จะรู้สึกผิดบาปอยู่เสมอแต่เขากลับไม่เคยลืมแววตาคู่นั้นได้เลย   

“หนาว” เสียงจากคนเจ้บเรียกสติเขาให้กลับมา ก่อนจะขยับเข้าไปดูราซีนใกล้ๆ ตอนนี้ไม่มีเลือดไหลซึมออกมาจากแผลแล้ว  แต่คนตรงหน้ากลับตัวร้อนราวกองไฟ

“เป็นไข้งั้นรึ”  ธันพึมพำก่อนจะลากเอาร่าของราซีนที่ตอนนี้ครางฮืออย่างคนไข้ขึ้นสูง  ให้เข้ามาอยู่ใกล้กองไฟมากขึ้น ธันลุกไปที่ลำธารก่อนถอดเสื้อตัวเองออกเอาไปชุบน้ำพอหมาด แล้วเดินมาเช็ดตัวให้คนป่วย

“ทำไม...ทำไมเจ้าถึงทรยศข้า”  ประโยคแปลกๆที่ออกมาจากปากของคนไร้สติทำเอาธันที่กำลังเช็ดตัวให้ชะงักมือ

“ข้า...ผิดอะไร”  คนป่วยยังคงละเมอไม่หยุด มือหนายกขึ้นไขว่คว้าอากาศราวกำลังต้องการดึงรั้งใครบางคนเอาไว้  ธันมองคนตรงหน้านิ่งๆ ไม่ได้เอ่ยเรียกปลุกให้ได้สติแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าบางทีการได้พบคนที่รักในฝันก็ยังดีกว่าการตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าไม่มีใครให้รักอีกแล้ว

ธันเอื้อมมือออกไปจับมือของราซีนเอาไว้เบาๆก่อนที่ราซีนจะดึงเอามือของเขาไปกุมไว้ราวกับจะดึงรั้งไม่ไห้จากไปไหนได้อีก

“อย่า...ทิ้งข้าไป”  เสียงงึมงำของคนป่วยบ่งบอกความกลัวในหัวใจได้เป็นอย่างดี  ธันนั่งนิ่งให้ราซีนที่ไม่ได้สติกุมมือเอาไว้โดยไม่คิดจะดึงออก  ดวงตาเศร้าเงยมองดวงดาวบนฟ้านิ่งงั้น บางทีอาจเพราะที่นี่คือป่าศักสิทธ์ สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งจึงเท่าเทียมกัน มีชีวิตได้เท่ากัน  เจ็บได้เท่ากันและมีสิทธิ์จะรักได้เท่ากัน  ไม่ว่าจะเป็นอดีตรัชทายาทที่สูงส่งหรืออดีตเด็กเหลือขาแบบเขาก็มีหัวใจที่แตกสลายได้เหมือนๆกัน

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
มาแว้ววววว
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 22-09-2018 15:27:56
สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-09-2018 06:29:14
เกือบโดนดึงไปในน้ำแล้วนะธัน 
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-09-2018 13:16:58
เอาอีกกกก
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-10-2018 16:49:00
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 16-10-2018 15:24:11
 :L1: อู้วววลุ้นอ่ะ จะเป็นไงต่อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: snartza ที่ 04-11-2018 20:50:38
ขออนุญาตและขอโทษที่เม้นท์ตามตรงนะ เราชอบเรื่องดวงใจบรรณาการ มากกกกกก
(อ่านในเนตแล้วซื้อหนังสือมาเก็บไว้ด้วย)

แต่เรื่องนี้ บอกตรงๆว่าผิดหวังเหลือเกิน คือ เราไม่อินกับบท พารัม จากเด็กสาวที่กลายเป็นชายหนุ่มเลย
เราไม่ได้เกลียดตัวละครพารัม ตรงข้าม เราชอบด้วยล่ะ นิสัยน่ารักดี
แต่เราอินกับพารัม ที่เป็นเด็กสาวจอมแก่น จากเรื่องดวงใจบรรณาการมากกว่า
อินจนไม่สามารถฟินไปกับความเป็นชายของพารัมได้เลย T___T

ขอโทษนะ ที่อ่านต่อไปไม่ได้จริงๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ

(ตอนแรกแอบลุ้นมากว่าจะเป็นเรื่องของสหัส คุช ธัน ราซีน คาเซ ใครก็ได้จับคู่กันในนี้ หรือตัวละครชายตัวอื่นก็ได้
หรือจะเป็นรุ่นลูกอย่าง ธีรัน ก็จะดีมากๆเลย เสียดายมากจริงๆ T_T )
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 10-12-2018 16:45:35
อยากจะบอกว่ายังติดตามและอยากอ่านอยู่จ้า คนเขียนสู้ๆ น๊า  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 18-01-2019 02:53:03
ใครจะไม่อินเรื่องพารัม อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบ

แต่ยังมีเราคนนึงที่รอติดตามเรื่องนี้อยู่นะคะ

รออ่านและให้กำลังใจนักเขียนอยู่ค่ะ

เราเพิ่งจะมาอ่านเรื่องนี้ ชอบสหัสกับพารัมตั้งแต่เรื่องดวงใจบรรณาการแล้วค่ะ

แอบอยากให้ธันมีคู่จังเลย ยิ่งฉากที่ราซีนยอมกรีดเลือดเพื่อช่วยธันคือจิ้นหนักมาก 555

รออ่านอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 25-01-2019 13:12:15
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
มาต่อเร็วๆนะคะ ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 09-03-2019 03:53:55
รออยู่นะคะ เราคือคนที่คุณนักเขียนบอกในทวิตว่าจะกลับมาอัพ  เรารออ่านอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-03-2019 14:37:16
 :call:  กลับมาอัพไวไวน้า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 10-03-2019 01:00:55
รอนะคะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๓-หน้าที่๗) ๒๒.๙.๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 22-07-2019 04:27:28
                ตอนที่๑๔ 50%แรก

                แสงสว่างจากกองไฟที่ก่อขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นสิงห์ราโตเต็มวัยที่เต็มไปด้วยความงดงามและน่าเกรงขาม  ดวงตาสีเทามองร่างหมดสติที่สงบลงของพารัมอย่างเป็นห่วง  ผมที่ตัดสั้นของพารัมยาวขึ้นเล็กน้อยและมีสีดำสนิทราวผงถ่านผิวที่สวยอยู่แล้วกลับดูนวลเนียนราวกับเปล่งประกาย  ใบหน้าน่ารักประดับด้วยเขี้ยวเล็กๆ  พอๆกับเขาอันน้อยทั้งสองอันที่แทงทะลุหน้าผากออกมา  พารัมในร่างของยักษ์ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้สักนิด

                “ยักษ์น่ะไม่ได้น่ากลัวเหมือนในตำนานของเมืองอมนุษย์หรอกนะ  สิ่งที่คุมธาตุแห่งชีวิตทั้งสี่ได้คงไม่ร้ายกาจนักหรอก  แต่..อาจจะไม่รวมตอนโมโหนะ”  เสียงบอกเล่าติดตลกของคนที่ได้ชื่อว่ากบฏนั้นดูราบเรียบไม่ได้มีท่าทางสั่งสอนให้ขุ่นเคืองหากเป็นการบอกกล่าวอมนุษย์ย่างสหัสที่ดูจะยังไม่เข้าใจอะไรนัก

                “แล้วเจ้า...”

                “พระสนมเธราขอให้ข้ามาช่วยน่ะ”  คาเซชิงบอกเสียก่อนที่สหัสจะเอ่ยถามใบหน้างดงามของคาเซแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อคิดถึงวันที่ได้รับข่าวจากเธรา จดหมายฉบับเล็กๆที่แนบมากับขนมรสชาติคุ้นปาก

ตั้งแต่ถูกเนรเทศออกมาจากเมือมนุษย์คาเซก็มาอาศัยอยู่ในป่าศักสิทธิ์อย่างยากลำบาก   หากทุกครั้งที่เขาเข้าตาจนมักมีความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าเข้ามาอย่างน่าประหลาดใจ  สุดท้ายเขาก็รู้ว่าความช่วยเหลือต่างๆนั้นไม่ได้มาเพราะความบังเอิญแต่เป็นเพราะเธราให้คนตามเขามาตลอดต่างหาก

“นี่คือร่างจริงของพารัมงั้นรึ”  สหัสเอ่ยถาม

คาเซพยักหน้ารับ ก่อนอธิบายต่อ “พวกยักษ์น่ะขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์รุนแรง เมื่อโมโหก็โถมร่างให้ใหญ่โตน่ากลัว  ร่างปกติก็เป็นแบบที่เจ้าเห็นนี่แหละ”

“แล้วไม่ต้องใช้โซสายฟ้าคอยจับไว้รึ”  สหัสยังคงสงสัยเมื่อตอนนี้ร่างของพารัมนั้นเป็นอิสระแม้จะไม่ได้สติ

“โซ่สายฟ้าใช้จับอมนุษย์ไม่ให้แปลงร่างเท่านั้น  แต่ตอนนี้พารัมอยู่ในร่างของยักษ์อย่างสมบูรณ์แล้ว โซ่นี่คงไม่จำเป็น”

“แล้วถ้าเป็นแบบนี้พวกอมนุษย์ไม้ได้กลิ่นไอของยักษ์กันหมดแล้วน่ะสิ” สหัสกล่าวอย่างกังวล

“ต่อให้รับรู้ว่ามียักษ์ปรากฏตัวขึ้น ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก ที่นี่เป็นป่าศักสิทธิ์ทุกสิ่งเท่ากัน  ไม่มีพลังพิเศษใดๆจะมีอำนาจในที่แห่งนี้  และถ้าให้สู้กันแค่พละกำลังหรือทักษะการต่อสู้ล่ะก็ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าใคร”  คาเซบอกก่อนถอนหายใจเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้  “ข้าว่าคนที่น่าห่วงตอนนี้ไม่ใช่พารัมหรอก”  คำพูดที่ทำเอาสหัสกังวลถึงคนที่หายไปกับสายน้ำขึ้นมาทันที

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



“ธัน...ตื่น”  เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าเบาๆส่งผลให้หัวหน้าทหารม้าแห่งนันทานครเริ่มได้สติ ธันขยับตัวลุกขึ้น ก่อนพบกับราซีนที่ตื่นขึ้นมาก่อนแล้ว

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”  ธันถามก่อนสำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด เลือดหยุดไหลแล้วแต่ใบหน้างดงามของราซีนยังคงซีดเซียว

“ปวดแผลนิดหน่อย” ราซีนตอบง่ายๆ  เขานึกกระดากใจไม่น้อยที่ต้องมาเจ็บหมดสภาพให้ธันต้องมาดูแล  แล้วยิ่งตื่นมาเจอตัวเองกุมมือธันไว้แน่นยิ่งทำหน้าไม่ถูกดีนะที่เขาตื่นก่อนถ้าธันตื่นก่อนแล้วมาเห็นเขากุมมือตัวเองเอาไว้ล่ะก็เขาคงกระอักกระอ่วนกว่านี้เป็นแน่

“ไปเถอะ...ท่านเดินไหวไหม”  ธันถามก่อนจะกุลีกุจอเข้าไปพยุง แต่คนเจ็บกลับชักแขนหนีแล้วพยายามจะลุกเอง

“ไปไหน” ราซีนถามทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าธัน

“ไปหมู่บ้านของพวกลูกครึ่งกันก่อน ท่านเจ็บหนักคงเดินทางไปชายแดนเมืองอมนุษย์ไม่ไหวหรอก จะกลับไปที่เมืองอันราตอนนี้ก็คงไม่ดีนัก” ธันบอกเขาเคยหลงเข้ามาในป่าศักสิทธิ์กับพระสนมเธรามาแล้ว ถ้าเขาคิดไม่ผิดหมู่บ้านของพวกลูกครึ่งที่อยู่ในป่าศักสิทธ์นี้อยู่ห่างจากบริเวณนี้ไม่มาก คงพอที่จะพาคนเจ็บเดินทางไปได้โดยไม่ลำบากนัก

ราซีนพยักหน้ารับเขาพยายามเดินด้วยตัวเองแต่แล้วความเจ็บแปลบที่แผลก็ทำเอาเซจนต้องเกาะต้นไม้ข้างๆตัวเอาไว้ไม่ให้ตัวเองล้ม

“ท่านไหวไหม จับข้าไว้ก่อนเถอะ”  ธันจับแขนของราซีนเอาไว้ พยางค่อยๆพยุงให้เดินตาม  โดยไม่สนท่าทางไม่พอใจของคนเจ็บสักเท่าไหร่

ป่าศักสิทธิ์ดินแดนที่ทุกสิ่งเสมอเหมือนกันหมด  ไม่มีสิ่งใดต่ำค่าไม่ว่าดอกไม้หรือแสงจันทร์เมื่อสาดส่องเข้ามายังป่าแห่งนี้ทุกอย่างเทียมเท่ากัน  ดินแดนที่เต็มไปด้วยตำนานและเรื่องเล่าปรัมปรา

ราซีนมองป่าศักสิทธิ์อย่างหวาดระแวง  แม้เขาจะใช้ชีวิตเป็นพรานค้าทาสมานานหลายปีแต่เขายังไม่เคยเข้ามาในป่าศักสิทธิ์ลึกขนาดนี้สักครั้ง เขาและพรรพวกมักจะตะเวนไล่จับพวกอมนุษย์แถวชายป่าเพียงเท่านั้น  เพราะฉะนั้นการเข้ามาครั้งนี้จึงทำให้เขากังวลไม่น้อย  ยิ่งธันบอกว่าจะพาไปยังหมู่บ้านของพวกลูกครึ่งแล้วเขายิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยก็จะมีลูกครึ่งอมนุษย์ตนไหนชื่นชมพรานค้าทาศอย่างเขากันเล่า

“ท่านเป็นอะไรรึเปล่า  เจ็บแผลงั้นรึ”  ธันถามเมื่อเห็นคนเจ็บมีท่าทีกระวนกระวาย

“เปล่า”  ราซีนปฏิเสธ

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก  พวกที่หมู่บ้านนั่นไม่ทำอะไรท่านหรอก อย่างน้อยท่านก็เป็นพี่เขยท่านเธราคนที่มีบุญคุณกับพวกเขา”

“ข้าไม่ได้กลัว”

“ข้ายังไม่ได้ว่าท่านกลัวเลยนะ”

“ธัน...เจ้า!”

“อ้าว...ธันท่านราซีน มากันได้อย่างไร”  เสียงหวานๆดังขึ้นขัดการวิวาทอย่างฉิวเฉียด

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

                ในความมืดมิดและอับชื้น โซ่เส้นหนาที่พันธนาการมือและเท้า  พารัมขยับตัวไปมาอย่างอึดอัดก่อนที่จะมีชายคนนึงเข้ามาช่วยแกะโซ่ออกให้  พารัมจำได้เหตุการณ์นี้พารัมเคยเจอมาครั้งหนึ่งแล้วตอนที่ต่อสู้กับสหัสและโดนกรงเล็บสิงห์ราทำร้ายเอาจนเกือบสิ้นชีวิต  แต่คราวนี้ต่างออกไปพารัมรู้ตัวว่ามันคือภาพในอดีตที่ดำลังบอกอะไรบางอย่าง  ดวงตาสองสีพยายามเพ่งมองชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยตนผ่านเงามืออันอึกครึมของที่คุมขัง  ปอยผมที่แตะลงบนใบหน้าและกลิ่นที่คุ้นเคยนั้นทำเอาพารัมใจเต้นแรงเมื่อร่างสูงตรงหน้าทาบมือลงบนหัวของเขาเบาๆ

                “ไปซะ” น้ำเสียงอ่อนโยนพอๆกับสัมผัสจับดึงให้พารัมลุกขึ้น  แสงเพียงน้อยนิดที่ส่องเข้ามาในที่คุมขังนั้นเผยให้เห็นใบหน้าที่พารัมเฝ้ามองมาตลอด  “พี่สหัส!!"

                “พารัม ตื่นเถอะ” เสียงเรียกพร้อมเขย่าตัวเบาๆส่งผลให้พารัมรู้สึกตัว และเมื่อลืมตาก็พบกับใบหน้างดงามของคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกในชาตินี้

“ท่านคาเซ”



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
หายไปนานเลยมาแปะไว้ก่อน 50% นะคะ

เดี๋ยวมาต่อให้ครบค่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๔) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 25-07-2019 10:16:33
เย้ มาแล้วววววว  o13 รอคนเขียนเสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๔) 50%
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 12-08-2019 04:51:16
ตอนที่14 
50%หลัง
พารัมเอ่ยชื่อของคนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง  ท่านคาเซนั้นแสนใจดีพารัมจำได้ และแอบใจหายไม่น้อยเมื่อทราบว่าเขาถูกเนรเทศในข้อหากบฏ  แต่วันนี้เขากลับได้มาพบกับท่านคาเซอีกครั้ง
   “ใช่สิ ดีใจที่ยังจำข้าได้นะ”  คาเซบอกพลางยิ้มน้อยๆ 
   “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” สหัสขยับตัวเข้ามาใกล้หลังจากเห็นว่าพารัมได้สติแล้วกลับทักหาราซีน ยังไงซะเขาก็ยังไม่วางใจคนที่เคยก่อกบฎนักหรอก
“พี่สหัส” พารัมเอ่ยเรียกสิงห์ราตรงหน้าก่อนขยับเข้าหา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อรู้ว่าตัวเองดื้อดึงจนเกิดเรื่องบานปลายขนาดนี้  พารัมยั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้ไปเกาะแกะกับสหัสเหมือนเนเคย  ก่อนจะเริ่มรับรู้ว่าตัวเองตอนนี้ไม่เหมือนเดิม มือบางแตะใบหน้าตัวเองช้าๆแม้จะมีกระจกให้ได้ส่อง แต่พารัมเองก็พอรับรู้ได้ว่าบางอย่างของนั้นตัวเองเปลี่ยนไป 
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า”  คาเซถาม
“ไม่เจ็บ” พารัมตอบสั้นๆ “เกิดอะไรขึ้นทำไมท่านคาเซถึงอยู่ที่นี่ได้ แล้วธันกับท่านราซีนล่ะ”  พารัมนึกขึ้นได้เมื่อเห็นว่าอีกสองคนหายไป
เรื่องราวต่างๆที่ถูกเล่าให้ฟังยิ่งทำให้พารัมรู้สึกผิด โซลายอมเสี่ยงชีวิตช่วยเขาออกมาจากในวังแต่เขากลับมาทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป จนธันและราซีนได้รับอันตราย
“อย่าคิดมากไปพารัมไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแย่ๆหรอก  แต่ในเมื่อมันเกิดไปแล้วเราก็ต้องหาทางแก้ไขและอยู่กับมันไปก่อน  ทั้งราซีนทั้งธันไม่ใช่คนอ่อนด้อยฝีมือเขาต้องหาทางมาเจอเราที่ชายแดนเมืองอมนุษณ์ได้ทันแน่นอน”  คาเซเอ่ยปลอบใจเมื่อเห็นว่ายักษ์น้อยตรงหน้ามีอาการหงอยอย่างเห็นได้ชัด  คาเซยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเมื่อรับรู้ข่าวว่า สาวน้อยพารัมจากเมืองบันกุนั้น คือยักษ์ที่ถูกสะกดเอาไว้
 เขายังจำภาพสาวน้อยสดใสฉะฉานที่เขาได้พบในวันที่ตามท่านเธรามาจากบันกุได้ดี  แม้ตอนนี้จะอยู่ในร่างที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์แต่เขาก็ยังคงจำปากบางๆที่ช่างฉอเลาะได้ดีแววตาสดใสแต่มีแววกล้าฉายชัดอยู่เสมอ แม้ตอนนี้ดวงตาสีดำแวววาวนั้นจะตัดฉับกับอีกข้างที่วาวแดงราวลูกแก้วแต่ก็ยังคงงดงามไม่น้อยในตอนนี้พารัมกลายเป็นยักษ์หนุ่มที่ดูจะอ่อนไหวกับสิ่งรอบตัวไปเสียหมด ถ้าพารัมไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ล่ะก็  หากพ้นพื้นที่ป่าศักสิทธิ์นี้ไปคงลำบากเป็นแน่เพราะธาตุกำเนิดแห่งยักษ์จะผันแปรตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของธาตุ  และคนตรงหน้านั้นกำเนิดจากธาตุทั้งสองยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีก
“อย่ากังวลไปพารัม”  คาเซเอ่ยเตือนอีกครั้งก่อนเอื้อมมือไปลูบผมสีดำสนิทของพารัมอย่าเอ็นดู พารัมชะงักหนีเมื่อมือของคาเซสัมผัสกับเขาเล็กๆที่หน้าผากของตนท่าทางกังวลนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบาๆของคาเซได้เป็นอย่างดี อย่างไรเสียพารัมก็อยู่ในร่างของสาวน้อยมาเสียนานยิ่งอยู่ในช่วงวัยรักสวยรักงามแบบนี้อยู่ดีๆ ใบหน้าน่ารักของตนมีทั้งเขี้ยวและเขางอกขึ้นมาคงขาดความมั่นใจไปไม่น้อย
“งามขนาดนี้เลยรึข้าเพิ่งเคยเห็น” คาเซเปรยยออกมาก่อนแตะลงไปที่เขาที่หน้าผากของพารัม  เขาที่แทงทะลุหน้าผากทั้งสองข้างนั้นมีลวดลายคนมาแกะสลักเอาไว้   
“งั้นรึ” พารัมเอ่ยออกมาใบหน้ามีแววลังเล 
คาเซยิ้มพยักหน้าตอบรับคำถามของพารัม “อย่าใส่ใจสิ่งรอบตัวจนลืมควบคุมความรู้สึกตัวเองนะพารัม” และดูเหมือนคนถูกเตือนจะเข้าใจดีพารัมพยักหน้ารับช้าๆ   แม้ดวงตายังคงมีแววกังวลไม่จางหายไป
สหัสนั่งนิ่งฟังบทสนทนาเบาๆของพารัมกับคาเซทั้งที่ไม่พอใจนัก  พารัมที่ตามเขาแจฟังเขามาตลอดแต่ตอนนี้เอาแต่รับฟังคาเซราวเด็กน้อยที่เจอที่พึ่ง คนอย่างเจ้าคาเซไว้ใจได้ที่ไหน  เคยทั้งก่อกบฏ และตอนนี้ก็ถูกเนรเทศถึงต้องมาอาศัยที่ป่าศักสิทธิ์แห่งนี้  แล้วทำไมพารัมถึงดูไว้วางใจเจ้ากบฏคนนี้ขนาดนั้นกัน  สหัสนึกอย่างขัดใจ 
“เราจะเดินทางกันทันทีที่ตะวันขึ้น อย่ามัวแต่ชมรูปโฉมกันจนไม่ได้นอน เดี๋ยวจะไม่มีแรงเดินทาง”   สหัสเดินเข้ามาบอกพารัมกับคาเซก่อนจะแยกตัวไปนอนในมุมที่ห่างออกไป  พารัมมองร่างสิงห์ราของสหัสอย่างเต็มตา  ขนสีเงินวาววัวยังคงงดงามจับตาเสมอ และท่าทางรำคาญที่แสดงออกมานั้นก็ยังคงเดิม พารัมคาดหวังว่าจะได้รับความห่วงใยเล็กๆน้อยจากสหัสบ้าง  แต่ก็ไม่มีเหมือนจะชินชาแต่ก็ยังคงเจ็บปวด  เรื่องราวในความฝันย้อนเข้ามาในห่วงความคิดอีกครั้ง  เขาเอนกายลงนอนหนุนแขนตัวเองก่อนจะหลับตาลงเพื่อทบทวนบางอย่างก่อนที่รุ่งเช้าจะมาเยือน
คาเซที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ดวงตาของอดีตกบฏเหม่อมองแสงไฟที่เต้นไปมาตามแรงลม  เขาไม่รู้หรอกว่าการตัดสินใจยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องของพวกอมนุษย์เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่  อันตรายมากมายรออยู่นั่นคือสิ่งที่เขารู้ดี แต่ในเมื่อมันคือคำขอขอเธราเขาเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้
---------------------------------------------------------------------------
“เดินตัดตรงไป  ข้ามเขานิททราไปก็จะเจอชายแดนเมืองอมนุษย์”  สหัสบอกพลางชี้นิ้วไปตามทาง  คาเซ พารัมและสหหัสออกเดินทางทันทีที่แสงของดวงตะวันแตะขอบฟ้า แต่การเดินทางนั้นไม่ได้เร็วตามใจนึกนัก เพราะต้องคอยกลบร่อยรอยไม่ให้ใครตามได้ และอีกอย่างที่สำคัญคือ คาเซที่เป็นมนุษย์นั้นไม่สามารถเดินทางได้เร็วเท่าสิงห์ราหรือยักษ์  แต่การเดินทางนี้ก็จำเป็นต้องมีคาเซ  เพราะถ้าเมื่อไหร่พ้นเขตป่าศักสิทธิ์ไป แล้วพารัมเกิดอาละวาดคนที่ใช้โซ่สายฟ้าได้ในตอนนี้คงมีแต่คาเซเท่านั้น
“หากเข้าไปนิเขตเมืองพาณาแล้ว เราจะไปไหนกันต่อ”  คาเซเอ่ยถามขึ้น
“ไปถ้ำอสูร”  พารัมตอบ
“ไปทำไมกัน”  คาเซถามอย่างไม่เข้าใจ เขาเองก็พอรู้มาบ้างว่าถ้ำอสูรคือสถานที่สำหรับเก็บร่างที่เป็นหินของบรรดายักษ์ทั้งหลาย
“ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ”  พารัมบอกเสียงเรียบเหลือบมองสหัสที่เดินนำอยู่ข้างหน้า  “อาจเป็นเพราะวาระร้อยปี”  คำตอบของพารัมทำให้สหัสหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนออกเดินต่อไปโดยทิ้งระยะห่างจากพารัมและคาเซออกไปอีก
“นี่สหัสเจ้าอาจลืมว่าข้าเป็นมนุษย์  คงตาฝีเท้าสิงห์ราแบบเจ้าไม่ทัน นัก หากเจ้าจะเร่งฝีเท้าขนาดนี้”  คาเซตะโกนบอกปนหัวเราะทั้งที่เขาเองเริ่มเหนื่อยหอบ  จริงๆแล้วเขาเองก็ไม่ได้มีร่างกายแข็งแรงอะไรนัก ตอนอยู่นันทานครก็ทำงานในวังเสียเป็นส่วนมาก ได้ออกรบอยู่ไม่กี่ครั้ง  จะมีกำลังตามสิงห์ราได้ยังไง
“ขี่หลังข้าไหม”  พารัมถามแต่ท่าทางคนตัวเล็กจะเอาจริง
“ฮ่าๆ พารัมเจ้าจะให้ข้าเวทนาตัวเองไปถึงไหนกัน”  คาเซพูดติดตลก
“ตอนนี้อยู่ในป่าศักสิทธิ์ข้าขยายตัวให้ใหญ่ไม่ได้  แต่ข้าเป็นยักษ์นะ แรงแบกท่านน่ะมีเหลือเฟือ”  พารัมทำท่าขึงขังแต่ใบหน้ากลับแย้มยิ้ม
“จะคุยเล่นกันถึงเมื่อไหร่”  สหัสที่หยุดยืนรอเอ่ยขึ้น “ข้างหน้ามีลำธารแวะพักกันก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ”  สหัสบอกก่อนออกเดินนำอีกครั้งแต่ครั้งนี้  พารัมรู้สึกได้ว่าสหัสนั้นรั้งฝีเท้าให้ช้าลงจะเดินนำอนู่เพียงไม่กี่ก้าว
“สหัสนี่ ปากร้ายใจดีแบบนีตลอดรึเปล่า” คาเซหันมากระซิบถมพารัม จนยักษ์น้อยหัวเราะคิก
“ใช่พี่สหัสใจดีแบบนี้แหละ”  พารัมตอบทั้งที่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม  เฝ้ามองแผ่นหลังแสนงดงามตรงหน้าที่อยู่ห่างเพียงเอื้อม  แต่ไม่ว่าอย่างไรพารัมก็ไม่เคยเอื้อมถึงสักทีสินะ 


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
มาต่อแล้วค่า
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๔) 100% หน้า๗
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 12-08-2019 10:09:42
แล้วเราก็กลับไปอ่านเธราอีกรอบ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๔) 100% หน้า๗
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-11-2019 10:24:46
แหมๆๆๆ หึงเค้าแล้วล่ะดิ๊ คึคึ
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๔) 100% หน้า๗
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 05-04-2020 07:46:56
ตอนที่๑๕

ราซีนมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังสาละวนอยู่กับการเตรียมยารักษาอาการบาดเจ็บของเขาเงียบๆ เขาจำได้ดีว่าเคยพบเอรันที่นันทานครในครั้งที่มีการรบกับกองทัพเลือด หญิงสาวเป็นชาวเวทย์ชั้นสูง  ที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตกับคนรักที่เป็นอมนุษย์ในป่าศักสิทธิ์แห่งนี้

                “ขอบใจ”  ราซีนเอ่ยเมื่อรับเอายาจากเอรันมาถือเอาไว้

                “แผลลึกมาก” เอรันบอกอย่างเป็นห่วง “ในป่าศักสิทธิ์ไม่มีสมุนไพรที่ใช้กับมนุษย์ได้มากนัก”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ราซีนบอกก่อนยกยาขึ้นกิน

                “แล้วธันล่ะ”  ราซีนถามหาทหารม้าที่มาด้วยกัน  “น่าจะคุยอยู่กับทรีสข้างนอกน่ะ” เอรันตอบ

หลังจากตื่นขึ้นมาด้วยอาการบาดเจ็บที่ไม่ค่อยทุเลาแล้ว โชคดีไม่น้อยที่อันยาไปพบเขากับธันและพามาที่หมู่บ้านแห่งนี้   

“ไม่มีใครรู้มาก่อนหรือว่าพารัมเป็นยักษ์”  ทรีสเอ่ยถามธันที่กำลังช่วยยกกองฟืนที่ตัดเสร็จแล้วไปเก็บ

“ไม่น่าจะมีใครรู้  ท่านเธราเองหรือแม้แต่สหัสที่ใกล้ชิดพารัม ไม่เคยมีใครสงสัยสักนิด  ข้าเองก็เคยเจอพารัมบ้าง มองอย่างไรก็เป็นสาวน้อยธรรมดา อาจจะใจกล้าไม่กลัวใครแต่ก็ห่างไกลจากพวกยักษ์นัก”

“เจ้ารู้จักพวกยักษ์งั้นรึ”  ทรีสเอ่ยถามขึ้นทำเอาธันตอบไม่ถูก

“ก็...พวกยักษ์ในตำนานเล่าขานกันมาว่าใหญ่โตน่ากลัว กลืนกินได้ทุกสิ่ง”

“ก็พูดกันไป ความจริงกับเรื่องเล่าอาจต่างกันก็ได้ก็เป็นได้เจ้าน่าจะรู้ดี”  คำพูดของทรีสทำให้เขาหวลนึกถึงเจ้าของหัวใจที่เขาไม่อาจเอื้อมถึง ท่านเธราพระสนมท่ตอนนี้กำลังจะเป็นราชินีแห่งนันทานคร ข่าวลือเกี่ยวกับท่านเธรานั้นมีมากมาย  แต่เขารู้ดีว่ามันมีความจริงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ทรีส ท่านธัน” เสียงหวานที่เอ่ยเรียกทำเอา ทรีสและธันหันไปมอง เอรันเดินออกมาพร้อมน้ำดื่ม

“เหนื่อยไหม ขอบใจท่านมากที่มาช่วย”  เอรันเอ่ยปากขอบคุณก่อนหันไปส่งยิ้มหวานให้ทรีส

“ท่าราซีนเป็นอย่างไรบ้าง” ธันเอ่ยถามเอรันอย่างนึกเป็นห่วง

“ท่านทั้งสองโดนพวกวารีเล่นงานมาใช่ไหม”  เอรันถามก่อนมีสีหน้ากังวล

“ใช่”

“สิ่งมีชีวิตที่สัมผัสกับเส้นผมของพวกวารี มักโดนดูดเอาพลังชีวิตไปด้วย แต่ข้าก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมท่านราซีนถึงเจ็บหนักขนาดนี้ ถึงจะหลั่งเลือดราชาก็เถอะนะ แต่....”

“คมวารี”  ทรีสเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ากังวล

“ท่านหมายความว่าอย่างไร” ธันถามอย่างไม่เข้าใจ

“พวกวารีนั้นมีคมเขี้ยวที่อาบพิษ  เมื่อฝังเขี้ยวลงไปที่ใครแล้วพวกมันจะหักปลายเขี้ยยวทิ้งเอาไว้ในร่างของผู้นั้นเหยื่อจะค่อยๆหมดแรงและตายภายใน เจ็ดราตรี ส่วนมากพวกมนุษย์ที่เผลอไปเล่นน้ำในที่มีพวกวารีอยู่มักจะโดนคมวารีแล้วมักนึกว่าป่วยเป็นไข้หมดแรงจนตายเพราะไปเล่นน้ำ แต่จริงๆแล้วโดนพวกวารีฝากคมเขี้ยวเอาไว้”

“แล้วมีวิธีแก้หรือไม่” ธันถามอย่างร้อนใจ

“เขี้ยวของพวกวารีน่ะเล็กมาก และรอยแห่งคมวารีจะปรากฏให้เห็นใต้แสงจันทร์เท่านั้น หากพบร่องรอยของการฝังเขี้ยว  แล้วกรีดออกอาจพอช่วยได้ แต่...” เอรันเงียบไปอย่างหนักใจก่อนจะพูดออกมา  “คืนพระจันทร์เต็มดวงจะมีในอีกสามราตรีข้างหน้า แล้วต่อให้กรีดเอาเขี้ยวของพวกวารีออกมาแล้วก็ใช่ว่าท่านราซีนจะหายได้ในเร็ววันหรอก พิษอาจกระจายไปทั่วร่างแล้วก็ได้หากรอนานขนาดนั้น”

“แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะรักษาท่านราซีนได้ อีกอย่างข้ากับท่านราซีนก็จำเป็นต้องไปพบกับพารัมและสหัสที่ชายแดนเมืองอมนุษย์ให้ทันเวลาด้วย”  ธันถามอย่างร้อนรน 

ใบหน้างดงามของเอรันฉายแววเคร่งเครียดทันที ดวงตากลมสวยเหลือบมองทรีสคนรักอย่างขอความเห็น   ก่อนจะค่อยๆพยักหน้าและเอ่ยบอกบางอย่างแก่ธัน

.

.

.

.

.

“เป็นอย่างไรบ้าง”  ธันเอ่ยถามราซีน ก่อนนั่งลงข้างๆ มือหนาเอื้อมไปแตะตัวเบา ความร้อนของร่างกายนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าว่าราซีนกำลังทรมาน  ตอนนี้เขาและราซีนอาศัยนอนที่คอกม้าของเอรัน เพราะบ้านของเอรันกับทรีสนั้นไม่ใหญโตพอที่เขาทั้งสองจะอาศัยอยู่ด้วยได้ ธันจึงคิดว่าออกมานอนที่คอกม้าน่าจะสะดวกกว่า ตัวเขาเองน่ะสบายมากเขากินอยู่กับม้ามาแต่ไหนแต่ไร  ส่วนราซีนเองก็ไม่ได้เอ่ยปากค้านอะไร

“ไม่มีแรงเลย”  ราซีนตอบก่อนจะขยับผ้าห่มให้แน่นขึ้น เขาเริ่มกังวลกับอาการของตัวเองไม่น้อย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพวกเส้นผมของพวกวารีสามารถดูดพลังชีวิตได้ แต่ธันที่โดนพวกวารีเล่นงานมาเหมือนกันกลับหายดีแล้ว แต่เขามีแต่ทรุดหนักลงเรื่อยๆ จะบอกว่าเป็นเพราะแผลที่หลั่งเลือดราชาก็ไม่น่าจะเกี่ยวมากนักแผลแค่นี้อาจทำให้เขาเจ็บก็จริงแต่ไม่มีทางทำให้เขาไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้ได้แน่

“ท่านกินยาแล้วพักผ่อนเถอะ”  ธันบอกก่อนนึกไปถึงวิธีการรักษาราซีนแล้วก็ต้องหนักใจ

“ข้าเป็นอะไรกันแน่ธัน”  ราซีนตัดสินใจถามออกไปก่อนจะพยายามดันร่างของตนให้ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล

“จะฝืนตัวเองทำไม ไม่มีแรงก็นอนเถอะท่านราซีน” ธันบอกแต่ก็ขยับตัวมาพยุงราซีนให้ได้นั่งสมใจ ก่อนจะพบว่าแผลที่หน้าท้องของราซีนนั้นยังมีเลือดไหลซึมไม่หยุด

“อย่าทำเหมือนข้าโง่ธัน บอกข้ามา”  ราซีนเริ่มหงุดหงิดแต่ก็ทำได้เพียงตะเบงเสียงอยู่ในคอเพราะเรี่ยวแรงแทบไม่มี

“ท่านอาจโดนคมวารี”  ธันบอก

“แล้ว...แล้วยังไง ต้องรักษายังไง”  ราซีนถาม เขาไม่เคยจับพวกวารีมาก่อน แม้จะพอรู้จักบ้างแต่ไม่รู้รายละเอียดหรือมียารักษาพิษเกี่ยวกับพวกวารีเลย

ธันเล่าถึงวิธีการรักษาให้ราซีนฟังอย่างช้าๆ มองคนป่วยที่เริ่มจะอารมร์เสียมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพบว่าแทบจะไม่มีท่างรักษาตัวทันไปพบกับพารัมและสหัสที่ชายแดนเมืองอมนุษย์ได้ทันเลย

“จากชายแดนเมืองอันรา ใช้เวลาไม่เกินสองราตรีก็ถึงชายแดนเมืองอมนุษย์แล้ว ถ้าจะรอคืนพระจันทร์เต็มดวงไม่ทันแน่”  ราซีนพูดออกมาก่อนจะหยุดอย่างเหนื่อยอ่อน

“เอรันบอกว่าพอจะมีอีกวิธี...แต่” ธันนิ่งไปอย่างกังวล

“วิธีอะไร”

“เอรันบอกว่ามีพวกนอกรีตอยู่ไม่ห่างจากนี้  น่าจะพอมียารักษา”

“พวกนอกรีต” ราซีนทวนคำอย่างคิดหนัก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าธันหมายถึงอะไร  พวกนอกรีตไม่ว่าจะเป็นแม่มด หรือปีศาจ ล้วนไม่น่าไว้ใจทั้งนั้นพวกมันเจ้าเลห์ไม่เคยให้อะไรใครฟรีทุกอย่าล้วนต้องมีข้อแลกเปลี่ยน

“เจ้านอกรีตที่เอรันบอกสามารถรักษาข้าได้จริงๆงั้นรึ” ราซีนทวนอย่างไม่แน่ใจ

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักหรอก แต่ในป่าศักสิทธิ์แห่งนี้ไม่มีสมุนไพรพอที่จะทุเลาอาการของท่านได้ แล้วเราก็ไม่มีเวลาพอ”   ธันบอกแม้เขาเองจะกังวลแต่หน้าที่ที่ต้องดูแลพารัมและสหัสให้ปลอดภัยจนถึงเมืองบอมนุษย์นั้นก็สำคัญและราซีนเองก็รู้ดีถึงข้อนี้

ราซีนรับฟังเงียบๆก่อนเอนตัวลงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง  เขารู้ว่าป่าศักสิทธิ์นั้นไม่มีใครใช้เวทย์มนต์ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกนอกรีตนั้นก็ไม่น่าไว้ใจ ยาของพวกนอกรีตมักประกอบจากสิ่งประหลาดหายากและมีมีผลข้างเคียงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเสี่ยงไม่น้อยแต่เขาคงไม่มีทางเลือกมากนัก

.

.

.

ในยามเช้าที่ท้องฟ้ายังคงเป็นสีอึมครึม ความสดชื่นของอากาศรอบตัวไม่ได้ช่วยให้ธันรู้สึกดีสักเท่าไหร่ เมื่อตอนนี้ราซีนนั้นหมดสติอยู่บนหลังของทรีสเซ็นทอร์หนุ่มเดินนำหน้าธันและเอรันเพื่อนำไปสู่กระท่อมของพวกนอกรีต  ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไปเพียชั่วอึดใจ

ตลอดเวลาที่ก้าวเดินตามทรีสไปนั้นธันทั้งกลัวทั้งกังวล ลำพังตัวเขาเองต่อให้เป็นหรือตายถ้าเป็นหน้าที่แล้วเขาไม่เคยกลัวแม้แต่น้อย  แต่สำหรับราซีนชายหนุ่มที่ยอมสละเลือดแห่งราชาเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้  ธันจะปลอยให้ชายคนนี้ตายไปต่อหน้าได้อย่างไรกัน

“ถึงแล้ว” ทรีสบอก ธันรีบขยับเข้าไปรับร่างไร้สติของราซีนมาพยุงเอาไว้

“ท่านพี่ ข้าพาคนป่วยมาให้ช่วยรักษา”  เอรันตะโกนเรียกใครบางคนที่อยู่ในกระท่อม  ก่อนที่ร่างที่อยู่ในชุดสีขาวจะค่อยๆเดินออกมา

ธันแทบจะกลั้นใจมื่อเห็นคนตรงหน้าเต็มตา ผมสีทองงามจับตายาวสยายถึงกลางหลังนั้นถูกเกล้าไว้ง่ายๆ  ใบหน้าที่งดงามราวกับรูปปั้นหากดวงตาสีฟ้ากลับดูสงบเยือกเย็นราวท้องทะเล  ใบหน้านี้ต่อให้ไปเจอในนรกธันก็จำได้ขึ้นใจ

“รันตรา”  เสียงเรียกชื่อนั้นแผ่วเบาจนแทบจะเป็นกระซิบ หากเจ้าของชื่อกลับหันมามองเขาและเหลือบมองไปยังร่างของราซีนที่หมดสติอยู่ และเดินเข้ามาใกล้ทันที

ฟรึ๊บ! ธันตวัดดาบออกมาทันที่  แม้จะไม่ถนัดนักเพราะต้องพยุงราซีนที่ไร้สติอยู่ด้วย แต่ธันกลับจ่อดาบไปที่คอของรันตราทันทีตามสัญชาติญาณ

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละไอ้ปีศาจ”  ธันตะโกนออกไปอย่างโมโห ดวงตาคมตวัดมองเอรันอย่างไม่เข้าใจนัก  นางก็รู้ว่าเจ้าปีศาจรันตรานี่ก่อเรื่องไว้ที่นันทานครมากมายขนาดไหนทำไมถึงพาเขากับราซีนมาหาเจ้านี่อีก

“ธันท่านใจเย็นๆก่อน พี่รันตราไม่ทำอันตรายท่านหรอก”

“ไอ้ปีศาจนี่น่ะนะ จะช่วย เอรันท่านอย่ามาโกหกข้าเลยเสียแรงที่ข้าไว้ใจเจ้า”

“ชายผู้มีสายเลือดกษัติย์แห่งนันทาทำไมถึงใกล้สิ้นใจขนาดนั้นกันเล่า”  รันตราที่ยืนนิ่งให้ธันเอาดาบจ่อคอตนอย่างใจเย็นเอ่ยขึ้น

“หุบปาก” ธันตวาดอย่างหัวเสีย ร่างของราซีนตอนนี้ร้อนระอุราวกับไฟ

“ข้ามียารักษาเขาได้  แต่ท่านต้องเอาดาบออกจากคอข้าเสียก่อน”

“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร ปีศาจอย่างเจ้ามันไร้สัจจะ”

“ไม่ต้องเชื่อข้าหรอก เพราะเจ้าไม่มีทางเลือกมากนัก”  รันตราเอ่ยนิ่งๆ  แม้ตอนนี้รันตราจะอยู่ในป่าศักสิทธิ์  พลังเวทย์ของปีศาจจึงไม่ปรากฏให้เห็น แต่ดวงตาสีฟ้าที่นิ่งสนิทราวทะเลลึกนั้นก็ยังคงทรงอำนาจ

“เจ้ามีเวลาตัดสินใจไม่มากนักหรอกนะธันหัวหน้าทหารม้าแห่งนันทานคร”  รันตราพูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปในกระท่อมของตนทันที ธันใช้เวลาอยู่เพียงครู่ก่อนจะพยุงร่างไร้สติของราซีนตามรันตราเข้าไปในกระท่อม

 

ธันวางร่างของราซีนลงในแคร่ไม้ในกระท่อม ทั้งที่สายตายังคงสอดส่ายไปมาอย่างระแวดระวัง เขายังคงยืนอยู่ใกล้ๆราซีนที่หมดสติในมือของธันยังคงกำดาบแน่น  ภายในกระท่อมเล็กๆนี้ดูสะอาดสะอ้าน ขวดโหลต่างๆที่เขาเดาว่าคนเป็นส่วนผสมของยาวางอยู่เป็นระเบียบ

“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าไม่รักษาเจ้านี่ให้ฟรีๆหรอกนะ”  รันตราเอ่ยทั้งที่มือยังคงหยิบจับของไปมา

“เจ้าจะเอาอะไร”  ธันเอ่ยถามออกไป

รันตราไม่ตอบเขาหยิบเอาน้ำสมุนไพรสีแดงอ่อนที่ต้มเอาไว้รินใส่แก้ว ก่อนหันมาส่งให้ธันป้อนให้ราซีน ตัวเขาเองหันไปหยิบส่วนผสมต่างๆ ออกมาบดด้วยครกเล็กๆอยู่เป็นครู่

“เจ้ามีอะไรจะให้ข้าล่ะธัน”  รันตราก็เอ่ยถามออกมา

“เจ้าจะเอาอะไรจากข้า รอให้ท่านราซีนฟื้นท่านค่อยบอกเอาแล้วกัน”  ธันบอกปัดอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ธัน ข้าอยากได้จากเจ้า”  รันตราเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น

“ทำไมเจ้าต้องอยากได้จากข้า ในเมื่อคนที่เจ้ารักษาคือท่านราซีนไม่ใช่ข้า”  ธันเริ่มโมโห ในท่าทีของรันตรา

“ถ้าเจ้าไม่รับปากว่าจะแลก ข้าก็ไม่รักษาให้หรอกนะ”  รันตราเอ่ยใบหน้างดงามประดับด้วยิ้มอ่อนที่ธันมองแล้วอยากจะตะบันให้เลือดกลบปากเสียเดี๋ยวนั้น

ธันเงียบไปเขารู้อยู่ว่าว่าพวกนอกรีตไม่มีทางรักษาให้ฟรีๆหรอก ยิ่งเป็นเจ้าปีศาจรันตรานี่แล้วด้วย  เขาเหลือบมองใบหน้าซีดเซียวไร้สติของราซีนแล้วยิ่งร้อนใจ  ธันกัดฟันแน่นก่อนจะเอ่ยถามออกไป

“เจ้าจะเอาอะไร”

รันตราเลิกคิ้วอย่างยียวน ก่อนจะเดินมาใกล้ๆธัน ใบหน้าหน้างดงามแย้มยิ้มราวสมใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ

“ เจ้า ข้าอยากได้เจ้า”

“อะ....อะไรนะ” ธันถาม

“ข้อแลกเปลี่ยนในการรักษาครั้งนี้ก็คือ  หากเจ้ากลับจากเมืองอมนุษย์ แล้วจะต้องมารับใช้ข้าทันที”

“เดี๋ยว เจ้าหมายความว่ายังไงกัน”  ธันถามออกไปเสียงดัง

“เจ้าฟังไม่ผิด เจ้าต้องมารับใช้ข้าจนกว่าม่านหมอกแห่งเวทย์จะสลายไป”   รันตราเอ่ย  “นี่คือข้อแลกเปลี่ยน หากเจ้าปฏิเสธ เจ้าก็เตรียมแบกศพของราซีนกลับไปได้เลย”

ธันนิ่งไปเป็นครู่ ความคิดในหัวตีกันไปหมด เขาจะต้องมาอยู่รับใช้เจ้าปีศาจรันตรา ปีศาจที่เกือบฆ่าท่านวิรัล ปีศาจที่เคยหมายชีวิตท่านเธรา  เขาจะต้องมารับใช้เจ้านี่น่ะเหรอ

“ว่ายังไงธันข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าไม่มีเวลามากนัก ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่แบกราซีนมาหาข้าถึงที่นี่”

ธันมองร่างที่หมดสติของราซีนอีกครั้ง  เขายังจำฝ่ามือแข็งแกร่งที่ดึงรั้งเขาไว้จากพวกวารีอย่างไม่ยอมแพ้ ราซีนไม่แม้แต่จะละมือออกจากเขา  ทั้งที่ปล่อยเขาให้ต่อสู้กับพวกวารีเพียงลำพังเสียก็ได้ แต่ราซีนยืนยันที่จะช่วยเขาจนวินาทีสุดท้าย  ใบหน้างดงามของราซีนมีส่วนคล้ายองค์วิรัลตอนนี้ดูซีดเซียว  บางทีเขาอาจต้องยอมแลกสินะ

“ได้ ข้ายอมแลก”  ธันเอ่ยออกไป

รันตราหัวเราะน้อยๆก่อนจะหันไปป้อนยาให้ราซีน  มือเรียวแตะน้ำมันหอมที่เตรียมไว้ แล้วนำมาวนที่ตามตัวของราซีนเบาๆ   

“นี่ไง”  รันตามเอ่ยออกมา ก่อนจะหันไปหยิบมีดมากรีดที่ต้นแขนข้างขวาของราซีน แล้วค่อยๆบีบเอาปลายเขี้ยววารีออกมา

“ข้ากรีดเอาคมวารีออกและให้ยาเรียบร้อย  เมื่อราซีนฟื้นเจ้าก็ออกเดินทางกันได้เลย”

ธันไม่ตอบอะไรเขาเพียงแต่เดินเข้าไปดูอาการของราซีนอย่างเป็นห่วง





ตอนนี้ยักษ์น้อยอาจยังไม่ออกมาน้า

**********สหัสกับพารัมจะกลับมาในตอนหน้าค่าาา
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๕) หน้า๗
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 07-04-2020 09:31:06
 :katai2-1:  :katai2-1: รออยู่เลยค่า  ขอบคุณค่ะ :pig4:

หวังว่าจะไม่มีอะไรที่มาทำให้เหตุไม่คาดฝันเพิ่มอีกน้าาา รอตอนต่อไปจ้า

หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๕) หน้า๗
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 16-04-2020 01:17:57
ตอนที่๑๖

“เราจำเป็นต้องผ่านเขาแห่งนิทรา” สหัสบอกเสียงนิ่ง แม้ในใจจะกังวลไม่น้อย ภูเขาแห่งนินทรานั้น ตามคำบอกเล่าบนเขาลูกนี้นั้นจะเต็มไปด้วยต้นนิทราที่มีหนามแหลมคม หากใครโดนเกี่ยวจนโลหิตหลั่ง จะเข้าสู่ห้วงนิทราจนกว่าผู้หลับไหลจะตื่นนั้นคือคำสาปที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นนานแค่ไหนแล้ว  พวกอมนุษย์ที่จะข้ามไปเมืองอันราจึงมักเลี่ยงที่จะข้ามเขาลูกนี้ และใช้อีกเส้นทาง แต่พวกเขาไม่สามารถใช้เส้นทางนั้นได้เพราะอย่างไรเสียพารัมก็เป็นยักษ์หากใช้เส้นทางปกติแล้วเจอพวกอมนุษย์ตนอื่นเรื่องจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นไปอีก  สหัสหลือบมองคาเซกับพารัมอย่างกังวล ตัวเขาเองในร่างสิงห์รานั้นปกคลุมไปด้วยขนหนา อย่างน้อยมันก็พอจะกันหนามได้ แต่สองคนนั้นไม่มี

“กังวลเรื่องต้นนิทรางั้นเหรอ”  คาเซเอ่ยถามเขาเองก็พอรู้มาบ้างแต่ก็ไม่เคยเห็นกับตาสักที

“เราไม่มีทางเลือกมากนัก  ระวังตัวกันด้วยล่ะ”  สหัสตัดสินใจออกเดินก่อนนจะหยุดหันมาทางพารัม “อย่าให้หนามโดนตัวจนเลือดออกนะพารัม”

พารัมได้แต่พยักหน้ารับแม้จะไม่เข้าใจอะไรมากนัก  แต่ท่าทางกังวลของสหัสกับคาเซนั้นเป็นคำตอบได้ดี

“ถ้าโดนหนามต้นนิทราทิ่มแทงจนเลือดออก เจ้าจะหลับไปตลอดกาล”  คาเซเลือกที่จะบอกพารัมอย่างรวบรัดยักษ์น้อยพยักหน้าเข้าใจแม้ในใจจะกังวล

พารัมมองรอบตัวตอนนี้แสงอาทิตย์ยังคงสว่างจ้า บริเวณรอบๆก็เป็นป่าโปรงที่เดินไม่ยากนัก  ระหว่าทางที่เดินมาพารัมคุยกับคาเซมาเรื่อยๆ จึงพอจะรู้มาบ้างว่าบริเวณที่อันตรายที่สุดนั้นคือยอดเขา  พารัมมองไปรอบๆเขาลูกนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก  หากไม่มีเจ้าหนามนิททรานั่นคงใช้เวลาข้ามไม่ถึงวัน

“เร่งฝีเท้ากันหน่อยเถอะ ถ้าพ้นยอดเขาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน  ไม่เกินพรุ่งนี้เราจะถึงเมืองอมนุษย์สักที”  สหัสหันมาบอกเรียบๆ  พารัมพยักหน้ารับพลางมองภาพแผ่นหลังของสิงห์ราที่เดินนำหน้าอยู่ด้วยความรู้สึกที่ยังคงรัก  ตลอดเวลาที่ผ่านมาพารัมเฝ้าถามตัวเองเสมอว่าเพราะเหตุใดกันเขาถึงรัก สิงห์ราตนนี้จนหมดหัวใจทั้งที่ความจริงแล้วเขากับสหัสแทบไม่มีความสนิทชิดเชื้อกันมาก่อนแม้แต่น้อย  พารัมยังจำสหัสในร่างขององค์วิรัลได้ดี สหัสที่ปลอมเป็นองค์วิรัลในครั้งนั้นคำรามใส่เขาด้วยความโมโห  แต่สิ่งที่ทำให้ใจดวงน้อนสั่นไหวกลับเป็บแววตาสีเทาที่วาบวับคู่นั้น ดวงตาที่เพียงแค่มองพารัมก็ยกดวงใจให้ทั้งดวง  เขาไม่เข้าใจตัวเองนักว่าอะไรทำให้เขานั้นปักใจนักหนากับสิงห์ราไร้หัวใจตนนี้  จนวันที่เขากลายเป็นยักษ์  ทุกครั้งที่เขากลายร่างภาพมากมายปรากฏในหัวเขาราวความทรงจำที่หลับใหลกำลังพยายามจะปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาก  ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นคาวเลือด เสียงกรีดร้อง การไล่ล่า และ ดวงตาสีเทาคู่นั้น  ใช่!ในความทรงจำของพารัมมีสหัส ความทรงจำที่พารัมจำไม่ได้มีสิงห์ราผู้เป็นเจ้าของดวงใจของเขาอยู่ในนั้น  พารัมพยายามนึกในเวลาที่เขาสติครบถ้วนนึกยังไงก็นึกไม่ออก

แต่ทุกอย่างเริ่มกระจ่างชัดมากขึ้นในวันที่เขาปะทะกับสหัส กรงเล็บสิงห์ราที่ฝังเข้าไปในร่างกายนั้นเจ็บปวดจนเขาสิ้นสติไป ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ความทรงจำของเขาแจ่มชัด ไม่ใช่ภาพเลือนลางเหมือนทุกครั้ง   เขาเห็นสิ่งที่เขาเรียกว่าบ้าน  และเขาที่กำลังหนีประเพณีล่ายักษ์ ภาพของเขาที่โดนล่ามไว้ราวกับสัตว์  และภาพอมนุษ์เจ้าของเส้นผมสีเทางดงามพร้อมกลิ่นหอมที่คุ้นเคย อมนุษ์ชั้นสูงที่เข้ามาช่วยยักษ์อย่างเขา  “ไปซะ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาพร้อมมือหนาที่ปลดโซ่เส้นเขื่องออกจากคอของพารัมมือหนาที่ลูบหัวเขาราวปลอบโยน เขาในตอนนั้นเงยหน้ามองผู้มีพระคุณด้วยร่างกายที่แทบจะไร้เรียวแรง และสิ่งที่พารัมไม่มีวันลืมก็คือดวงตาสีเทาคู่นั้น

ในความทรงจำ สหัสเคยช่วยชีวิตเขาไว้ แม้จะไม่ชัดเจนนักแต่พารัมก็จำความอ่อนโยนและอบอุ่นของสหัสได้ดี   แม้ว่าเขาจะจำสหัสในตอนแรกไม่ได้ และสหัสเองก็อาจจำเขาไม่ได้เพราะเขาอยู่ในร่างของเด็กสาว แต่ตอนนี้เขากลับมาเป็นยักษ์แล้วสหัสจะจำเขาได้ไหมนะ พารัมนึกอย่างคาดหวังถ้าเป็นเขาในตอนนี้สหัสจะยังคงอ่อนโยนเหมือนในอดีตรึเปล่า

“เดินดีๆ มัวแต่คิดอะไรน่ะพารัม”  เป็นคาเซที่เอ่ยเตือน เมื่อเห็นยักษ์น้อยนั้นเอาแต่ก้าวขาตามสหัสโดยไม่ระวังรอบตัว  ทั้งที่ตอนนี้รอบข้างเริ่มเป็นป่ารกชัฏมากขึ้น

“โทษทีๆ ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย”  พารัมหันมาบอก

คาเซเลิกคิ้ว ยักษ์น้อยตรงหน้าดูสงบมากขึ้นเมื่อเทียบกับพารัมเด็กหญิงปากกล้าที่เขาเคยรู้จัก  หรือตอนนี้พารัมเริ่มจำอะไรได้มากขึ้น  อุปนิสัยเก่าๆจึงเริ่มกลับมาอย่างนั้นรึ

“เฮ้ย”  คาเซอุทานลั่นเมื่อตัวเองนั้นเดินชนกิ่งไม้เข้าอย่างจัง จนพาลล้มหงายหลังลงไปกระแทกก้อนหินอย่างแรง

“ท่านคาเซ!”  พารัมผวาเข้าไปหาคาเซ แขนเรียวประคองร่างของคาเซที่ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างเป็นห่วง

“เลือดออก”  พารัมอุทาน มองกิ่งไม้ที่คาเซชนอย่างตกใจ

“ไม่เป็นไรน่าจะไม่ใช่ต้นนิทรา” เป็นสหัสที่เอ่ยบอก  เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาเป็นสิงห์รามีนายและการมาส่งพารัมที่เมืองอมนุษย์นั้นเป็นคำสั่งของนาย  สหัสจะปฎิเสธไม่ได้แม้ว่าเขาจะไม่อยากทำแค่ไหน หากเมื่อต้องทำเขาก็ต้องทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่ท่านเธรานายของเขามอบหมายมา  แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย ยิ่งเขาพยามหาทางไปเมืองอมนุษย์ให้เร็วมากเท่าไหร่ทุกอย่างยิ่งเหมือนจะช้าลงทุกที

“สหัส ไม่ต้องทำหน้าเหม็นเบื่อข้าขนาดนั้นก็ได้”  คาเซพูดติดตลก เมื่อเห็นอาการหงุดหงิดของสหัสที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ท่านเดินไหวไหม”  พารัมถามอย่างเป็นห่วง ก่อนพยายามพยุงให้คาเซลุกขึ้น แต่ดูเหมือนการล้มกระแทกหินนั้นส่งผลให้คาเซเจ็บมากกว่าที่เห็น

“ไม่เป็นไร เจ้าสองคนไปกันเถอะ”  คาเซตัดใจ ก่อนส่งโซ่สายฟ้าให้สหัส อย่างไรเสียตอนนี้อยู่ในป่าศักสิทธิ์พารัมคงแผลงฤทธิ์ไม่ได้ เมื่อเข้าเขตอมนุษย์แล้ว หากจะเกิดอะไรขึ้นตอนนั้นราซีนที่ตอนนั้นคงตามไปสมทบแล้ว อย่างไรเสียคงมีคนใช้โซ่สายฟ้าได้  สหัสพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะรับเอาโซสายฟ้ามาเก็บไว้แต่ดูเหมือนพารัมจะไม่คิดแบบนั้น

“ไม่ จะทิ้งท่านไว้ตรงนี้ไม่ได้”  พารัมเอ่ยออกมาใบหน้าน่ารักฉายแววดื้อดึงทันที นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในป่าศักสิทธิ์ป่านนี้ลมคงหมุนราวพายุเป็นแน่แท้

“แล้วจะให้ทำอย่างไร คาเซคงเดินเองไม่ไหว” สหัสบอกอย่างเหนื่อยใจ

“ขี่หลังข้าก็ได้” พารัมบอก

“พารัม เจ้าไปกับสหัสถอะ” เป็นคาเซที่เอ่ยย้ำอีกครั้ง

“เราต้องรีบลงจากเขาก่อนพระอาทิตย์ตก ไม่อย่างนั้นจะอันตราย” สหัสบอก “คาเซเจ็บขนาดนี้หากฝืนเอาไปด้วย จะทำให้การเดินทางล่าช้าไปอีก”

“ไม่ ยิ่งท่านคาเซเจ็บแบบนี้ยิ่งทิ้งไม่ได้ พี่สหัสพูดมาได้ยังไงว่าจะทิ้งคนเจ็บเอาไว้กลางป่าแบบนี้  ตอนมาก็มาด้วยกัน   พอเจ็บหมดประโยชน์จะทิ้งเอาไว้ง่ายๆแบบนี้ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยรึไง  ยังไงก็ต้องไปด้วยกันข้าไม่มีวันทิ้ง ใครไว้ข้างหลัง”   ประโยคยืดยาวของยักษ์น้อยเรียกความเงียบจากคนฟังทั้งสองได้เป็นอย่างดี  คาเซขมวดคิ้วมุ่น หากริมฝีปากกลับกระตุกยิ้ม ท่าทางดื้อรั้นนั้นไม่ได้เกิดจากความเอาแต่ใจเหมือนเคย หากพารัมตอนนี้กำลังยืนยันถึงสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง นั่นคือการปกป้องดูแลพวกพ้องของตน  และนั่นคือหนึ่งในสิ่งที่ผู้นำทุกคนพึงมี

หากคำพูดของพารัมนั้นทำเอาสิงห์ราหนุ่มขมวดคิ้วท่าทางดื้อดึงนั้นนอกจากจะทำให้สหัสหงุดหงิดแล้ว  คำพูดและน้ำเสียงของยักษ์น้อยตรงหน้านั้นยังคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก  ทั้งที่เขาเคยเห็นพารัมมาแล้วแทบทุกแบบ ทั้งร่างหญิงร่างยักษ์ ทั้งออดอ้อนทั้งโมโห แต่ไม่มีครั้งไหนจะคุ้นตาสหัสเท่าครั้งนี้

 “ก็ได้ คาเซขึ้นหลังข้าไปแล้วกัน”  สหัสบอก ก่อนจะยกร่างคาเซมาแบกเอาไว้ สำหรับสิงห์ราการแบกมนุษย์สักคนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก  แต่การที่เขาแบกคาเซเอาไว้นั้นทำให้เขาดูแลพารัมได้ไม่ถนัดนัก  เพราะยิ่งใกล้ยอดเขาเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายและลำบากเท่านั้น

“ใกล้ถึงยอดเขาแล้ว พารัมเจ้าระวังด้วย”  สหัสหันมาบอกพารัมที่กำลังเดินตามมาอย่างทุลักทุเล เพราะทางที่เริ่มลาดชันมากขึ้นหนทางเต็มไปด้วยโขดหินที่ชื้นแฉะเต็มไปด้วยตะไคร้  ร่างสิงห์ราของสหัสนั้นทำให้เขาคล่องแคล้วในพื้นที่แบบนี้อยู่แล้ว แต่พารัมที่แม้จะมีเรี่ยวแรงมากมายแต่การเดินทางผ่านหนทางที่ลาดชันแถมต้องปีนป่ายแบบนี้ นั้นอาจไม่เหมาะกับยักษ์สักเท่าไหร่

สหัสยืนนิ่งมองภาพตรงหน้า ต้นนิทรานั้นขึ้นหนาแน่นในบริเวณนี้  พารัมที่เดินตามมาทีหลังมองตามสหัสไปข้างหน้าแล้วก็เริ่มกังวล  เขายังไม่อยากหลับอยู่ที่ยอดเขาแห่งนี้นะ

แกร๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เสียงลากยาวของบางอย่างปรากฏขึ้น  ทุกคนหันไปมองทันที คาเซที่ตอนนี้ถูกสหัสแบกขึ้นหลังเอาไว้ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตรงหน้า

“พวกพราย”  สหัสพูดขึ้น แต่กลับทำให้พารัมผวาเข้าไปหาร่างประหลาดนั้นทันที

“เทม เทมใช่ไหม” พารัมเอ่ยปาดถามก่อนก้าวเข้าไปใกล้ร่างที่มีลักษณะยาวราวกับงู แต่ร่างกายของมันกลับเคลือบไปด้วยเมือกสีอ่อน ทุกที่ที่เลื้อยผ่าน พวกพรายจะทิ้งเมือกเหล่านี้เอาไว้ตลอดทาง  หากสิ่งมีวิตใดโดนเมือกเหล่านี้ก็จะขยับตัวไปไหนไม่ได้จนกว่าจะโดนแสงแดด เพราะเมือกของพวกพรายนั้น เหนียวข้นและจะระเหยหายไปเมื่อเจอแสงแดดเท่านั้น

“ท่านพารัม”  เทมในร่างของพรายเอ่ยขึ้น แม้รูปร่างของเขาตอนนี้จะประหลาดสักเพียงใด  แต่ท่านพารัมก็ยังยินดีที่พบเขา

“เจ้าหายไปไหนมา”  พารัมเอ่ยเขาเป็นห่วงเทมแทบแย่

“ข้ามานำทางท่าน”  เทมเอ่ย 

“นำทางอะไรกัน”  สหัสเอ่ยขัด เขาวางคาเซลงก่อนเดินไปดึงขาพารัมให้ออกห่างจากเจ้าพรายไร้หัวนอนปลายเท้าตนนี้ทันที

“นำทางท่านพารัม ไปเมืองอมนุษย์ เพื่อที่จะไปชิงบัลลังค์พาณา และดูแลชาวอมนุษย์แทนพวกสิงห์ราอย่างเจ้ายังไงล่ะ”  เทมเอ่ยออกมา   

“เทม อย่างยั่วโมโหสหัสสิ”  พารัมเอ่ยห้ามทันที  เขาดึงแขนสหัสเอาไว้ทันทีเมื่องสิงห์ราหนุ่มเริ่มคำรามฮึมฮัมอย่างไม่พอใจ

“ขออภัยท่านพารัม” เทมเอ่ยออกมาก่อนจะหันมาพูดกับสหัสที่ดูพร้อมจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆตลอดเวลา

“ท่านก็น่าจะพอรู้ว่าพวกพรายอย่างข้านั้นแม้จะต่ำต้อยแต่ชำนาญเส้นทางทุกหนทุกแห่ง  ข้ามาเพื่อนำทางท่านเธราสู่เมืองอมนุษย์เท่านั้น  ที่นี่เป็นป่าศักสิทธิ์ไม่มีเวทย์มนหรืออำนาจใดจะแผลงฤทธิ์ได้ แล้วท่านจะกลัวอะไรกับอมนุษย์ชั้นต่ำอย่างข้ากันเล่า  ท่านจะฆ่าข้าเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว แบบนี้แล้วท่านจะไม่ลองเสี่ยงหน่อยรึ ระหว่างลุยไปในดงต้นนิทรา กับตามข้าไปอันไหนเสี่ยงน้อยกว่ากันเล่าท่านสหัส”

“ตามเทมไปเถอะ” เป็นพารัมที่เอ่ยออกมาทันที  เขารู้ว่าสหัสไม่ไว้ใจเทมนัก แต่สำหรับเขา อมนุษย์ที่แทบจะอยู่ต่ำสุดอย่างพวกพรายนั้น หากไม่จำเป็นพวกนี้คงไม่ปรากฏตัวหรือมายุ่งเรื่องของคนอื่นเป็นแน่ และเทมก็ดูเหมือนจะรู้อะไรเกี่ยวกับอดีตของเขาแน่ๆ พารัมคิดกันหันไปมองสหัส

“ตามใจเจ้าแล้วกันพารัม ข้าบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าเจ้าเทมมันพาเจ้าไปถึงที่ตายข้าจะปล่อยให้เจ้าตายโดยไม่ยุ่งสักนิด”  สหัสบอกอย่างโมโห

 

 
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๖) หน้า๗
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 12-05-2020 08:44:09

ปากแข็งจริ้งงงงงงงง เจ้าสหัส การกระทำกับปากนี่ อื้ยยยยย

พึ่งเข้ามาเจอว่าอัพตอนใหม่ขอโทษที่มาเม้นช้านะคะ  :L2:  :L2:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ (ตอนที่๑๖) แจ้งข่าวหน้า๗
เริ่มหัวข้อโดย: primprie ที่ 20-10-2021 23:58:27
แจ้งข่าว
ดวงใจรักขสะจะทำการรีไรท์ใหม่
เริ่มรีไรท์ 20/10/64
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ แจ้งข่าวหน้า๘
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 19-04-2022 15:22:32
รับทราบค่า  :mew1:  :mew1:  ยังรอคอยเสมอ  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: +++++++++ดวงใจรักขสะ+++++++++ แจ้งข่าวหน้า๘
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 24-01-2023 18:06:30
อยากอ่านต่อออ สนุกกก  :katai4: :katai4: :katai4: