SP.เชียงใหม่ค่าเครื่องเปลืองกว่าไปญี่ปุ่น
“แม่งเอ้ย ทำไมตั๋วไปเชียงใหม่เย็นวันศุกร์มันแพงจังวะ”
พี่เอกโวยวายในยามบ่ายของวันศุกร์ที่ใกล้จะเลิกงานเต็มทน พี่ยูมองรุ่นพี่ที่ผันตัวไปทำฝั่งบริหารแต่ยังต้องมานั่งที่เดิมเพราะยังถ่ายงานไม่เสร็จทั้งห้องใหม่ของคุณเอกราชยังตกแต่งไม่เรียบร้อยดีด้วย
“เขาจองกันข้ามอาทิตย์พี่”
หัวหน้าทีมเดฟบอก
“ต้องให้เซียนตั๋วบอก”
เจนว่า พี่เอกมองหน้าเจนก่อนจะหันไปบอกพี่ยู
“เออว่ะ หัวหน้าทีหลังฝากจองให้ผมด้วย”
“พี่ยูเขาซื้อเหมาไว้ค่ะ ทุกเย็นวันศุกร์”
เจนว่าพร้อมกับขำ เพราะตั้งแต่พาโชคย้ายตัวเองไปเชียงใหม่ พี่ยูก็มีธุระที่บ้านทุกอาทิตย์ทั้งๆที่เมื่อก่อนหน้าเทศกาลก็ยังไม่เห็นลูกพี่จะขยับตัวไปไหน
“นั่นแหละ เผื่อด้วย”
พี่เอกว่าพลางกดจองตั๋วเครื่องบินไปกลับราคาเกือบแปดพันบาท แพงกว่าตั๋วโปรไปญี่ปุ่นอีก จะไม่ไปก็ไม่ได้...เพราะเนมรออยู่
“พี่เอกจะไปทุกศุกร์?”
เจนถามพี่ใหญ่ที่พักหลังก็ไปเชียงใหม่บ่อยยิ่งกว่าบ้าน เจนว่าน่าจะมีเงื่อนงำ
“อืม จะทำไมเจน”
เจนหรี่ตามองอย่างจับผิดก่อนจะตอบ
“ไม่มีอะไรค่ะ”
ไม่ใช่เพราะไม่มี แต่ไม่กล้าแซวต่างหาก ขืนเจนแซวไปมากกว่านี้หน้าที่การงานอาจจะไม่มั่นคงอีกต่อไป
“ซุกเมียไว้เหรอพี่”
พี่เดี่ยวแซวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก พี่ยูที่ไม่ได้พูดอะไรหูแดงขึ้นแบบผิดปกติส่วนเจนที่ชงไปเรื่อยเงียบปากแบบผิดวิสัย
“กูเล่นอะไรผิดอีกวะ”
พี่เดี่ยวบ่นก่อนจะเงียบบ้าง เพราะรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีแปลกๆ
***
“ไปหาพาโชคเหรอหัวหน้า ผมเห็นลาหยุดถึงวันอังคาร”
พี่เอกถามคนที่สุดท้ายก็มานั่งข้างกันบนเครื่องบินโลว์คอสมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ในไฟลท์เวลาสามทุ่มกว่า
“ครับ แต่ไปธุระด้วยรอบนี้”
หัวหน้าบอกพร้อมกับกดปิดโทรศัพท์มือถือ
“คดีเหรอ”
พี่เอกถามพร้อมกับเอนตัวลงบนเบาะคับแคบ กะจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงเพราะวันนี้เพ่งจอคอมดูตัวเลขทั้งวัน
“ครับ”
“ผมนึกว่าจบไปแล้ว”
พี่ยูถอนหายใจก่อนจะตอบ
“จบแบบยอมความว่ะพี่”
คำตอบของหัวหน้า ทำเอาพี่เอกงง เพราะจำได้ว่าวันที่ตำรวจดีเอสไอมาขอข้อมูลเกี่ยวกับอีเมลในบริษัทนั้นวุ่นวายกันไปหมด แล้วอยู่ๆก็มาบอกว่าขอยอมความ
“ยังไงวะ”
“ทางนั้นเขามาขอให้ยอมความครับ”
พี่เอกที่ว่าจะงีบสักครึ่งชม.หลังจากเครื่องเทคออฟคิดว่าตอนนี้คงจะไม่ได้หลับเสียแล้ว
“เรื่องจริงๆมันคืออะไรวะยูริ”
พี่เอกหลุดสรรพนามเรียกชื่อเพื่อนร่วมงานตามเนม
“คือตอนมัธยมผมเคยถ่ายคลิปผู้หญิงคนนึงไว้”
“คลิป?”
จริงอยู่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่พี่ยูเก็บเป็นความลับไว้กับตัวเองมานาน แต่พี่เอกเองก็เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานเหมือนกัน เรียกได้ว่าไว้ใจกันมานาน
“ครับ คลิปตอนมีอะไรกัน”
พี่เอกที่นั่งพิงพนักอยู่ดีดตัวขึ้นมามองหน้าลูกพี่
“กับใคร?”
“กับผม”
พอบอกไปแบบนั้นพี่เอกก็ขมวดคิ้วแน่นโดยไม่ได้พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าเหมือนกำลังบอกว่าให้เล่าต่อได้
“พ่อเขาเป็นนักธุรกิจมีหน้ามีตาที่เหนือ เป็นเพื่อนกับพ่อผมด้วย ผมเองกับพี่ชายเขาก็เป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนั้นทางเขาไม่เอาเรื่อง”
พี่เอกผู้ฟังพี่ยูเล่าแล้วสงสัยหลายอย่างถามแทรก
“ที่เขาไม่เอาเรื่องคือกลัวเรื่องชื่อเสียงเหรอวะ”
“ครับ”
พี่เอกที่งงแล้วกำลังเรียบเรียงเรื่องในหัวเดาถูก ถึงพอเริ่มเข้าใจอะไรบ้าง
“คือเขาไม่แจ้งความพี่ แต่เขาส่งคนมายำผมแทน”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ไฮสคูล ตอนมีเรื่องผมอยู่เทอมสุดท้ายพอดี มหาลัยผมเลยย้ายหนีเข้ากรุงเทพ”
พี่เอกพยักหน้ารับ
“แล้วพ่อหัวหน้ารู้ไหม”
“ช่วงนั้นพ่อผมเขาประจำที่อีสาน ผมไม่อยากให้แม่รู้ด้วยเลยไม่ได้บอกใคร”
โชคดีที่แถวที่พวกเขานั่งไม่มีใครนั่งด้วย แต่ถึงแบบนั้นก็ต้องระวังเสียงไม่ดัง
“เด็กอ่ะมึง กูเข้าใจ”
คนแก่กว่าบอกเพราะนึกย้อนไปตอนม.ปลายตัวเองก็ฟัดเด็กม.สามเหมือนกัน มันเป็นความคึกคะนองและความอยากรู้อยากลองตามประสาเด็ก แต่ก็ใช่ว่าเด็กดีเขาจะทำกัน
“ตอนผมหนีลงกรุงเทพได้ก็คิดว่าจะสบายแล้ว แต่หลังๆมาพี่ชายเขาที่เป็นตำรวจตามมา”
“ไม่จบว่างั้น”
พี่เอกถาม หัวหน้าพยักหน้ารับก่อนจะถามต่อ
“พี่จำแพมชั้น 26 ได้ไหม”
พี่เอกมองซ้ายขวาอย่างระวังทั้งๆที่บนเครื่องก็มืด
“เขาเป็นแฟนกับตำรวจคนนั้น ผมหมายถึงพี่ชายของผู้หญิงที่ถ่ายคลิป เพื่อนเก่าผม”
พี่เอกยกมือขึ้นมาให้หยุดพูดก่อน เพราะอยากจะเรียบเรียงเรื่องในหัวต่อ หัวหน้าเริ่มเล่าต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนเคยเมื่อเห็นพี่เอกพยักหน้าเข้าใจแล้ว
“เขาเคยพาผมขึ้นห้องทีนึง แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร หลังจากนั้นเขาก็มาบอกว่าห้องเขาถูกติดกล้อง คงน่าจะอยากเล่นงานผมมั้ง ผมก็ไม่แน่ใจ แพมบอกว่าอยากจะแจ้งความให้ได้ ผมก็เออ พาไปโรงพัก แล้วก็ไปเจอพี่ชายของคนที่โดนผมถ่ายคลิปเป็นตำรวจที่สน.นั้น”
“ไอ้สัส”
พี่เอกอุทานจนลูกเรือที่เดินผ่านหันมามองหน้า พี่ยูค้อมหัวขอโทษแทนรุ่นพี่ก่อนจะเล่าต่อ
“ช่วงนั้นที่เมลบ.เรารวนแปลกๆ พวกพี่ได้แค่เมลสแปมแต่พาโชคได้คลิปโป๊ไปเพียบ”
พี่เอกทำหน้ายุ่ง
“ช่วงนั้นกับพาโชคคบกันแล้วเหรอ”
หัวหน้าเงียบไปก่อนจะตอบ
“ก็เริ่มคุยกันแล้วครับ”
พี่เอกมองหน้าคนที่ทำงานด้วยกันมานาน
“คบซ้อนเหรอวะ”
“อ่า ประมาณนั้นครับ”
คนตอบบอกไม่เต็มเสียง ตอนนั้นพี่ยูจำได้ว่าหลังจากที่ขอไลน์แพมไปได้ไม่กี่วันก็มีอะไรกันกับน้อง หลังจากตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่ได้อะไรถึงหันไปคุยกับแพมเต็มตัวอยู่ประมาณเกือบเดือน จนมีอะไรกับพาโชคครั้งที่สองถึงเริ่มรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง
“คือเขาเป็นแฟนกับตำรวจมาก่อนมาคุยกับหัวหน้าใช่ไหม การมาคุยกับยูคือแผนของเขาถูกไหม”
พี่เอกเดาถูก แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะคนที่เขาหาก่อนคือพี่ยู
“ก็ใช่พี่”
หัวหน้าทีมเดฟบอก เพราะเรื่องนี้เองที่ทำให้พาโชครู้สึกไม่ดีมาตั้งแต่แรก และก็ทำให้ผลตกมาจนถึงตอนนี้ ทุกวันนี้บางทีพี่ยูก็รู้สึกว่าน้องพร้อมที่จะปล่อยเขาไปทุกเมื่อ พาโชคไม่เคยแสดงอาการหึง ไม่เคยบอกว่าหวงหรือห้ามเขาทำอะไร บางทีพี่ก็อยากให้พัชแสดงความเป็นเจ้าของบ้าง หวงเขาบ้าง แต่เชื่อเหอะว่าถ้าเกิดเรื่องไม่เชื่อใจกันขึ้นอีกรอบ ไม่ว่าใครก็เอาพาโชคไม่อยู่ น้องคงเดินหายไปง่ายๆ และคนที่เสียใจก็คงเป็นเขาทั้งคู่
“ยังไงต่อ”
พี่เอกถามต่อเมื่อเห็นหัวหน้าเงียบไป
“คือตอนนั้นกล้องก็ถูกติดไว้ที่ห้องผมด้วย”
“จริงเหรอวะ”
“ครับ”
“ติดไว้ตรงไหน”
พี่เอกถามหน้าเครียด
“คือไม่เห็นกล้อง แต่ใช้อีเมลในออฟฟิศส่งคลิปมาแทน”
นี่เป็นสาเหตุแรกที่ทำให้พี่ยูตัดสินใจแจ้งความ เพราะถึงกับขนาดแฮ็คเมลภายในบริษัทได้นั่นหมายความว่าน่าจะสามารถเห็นข้อมูลทั้งการทำงานและการเงินได้
“คลิปอะไร”
“คลิปที่ห้องนอนผม”
“คลิปกับแพม”
พี่ยูยิ้มแหย ที่จริงถึงไม่ตอบพี่เอกก็คงไม่ว่าอะไร แต่คงเข้าใจผิดไป
“กับแพมผมไม่เคยอะไรด้วยพี่”
“แล้วคลิปอะไรวะ”
อันนี้คือความอยากรู้ส่วนตัวของพี่เอก เพราะที่จริงจะรับสารมาแค่รู้ว่าห้องหัวหน้าถูกคนบุกไปติดกล้องแล้วเอาออกไปก็ได้ แต่พี่เอกอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ จะได้ไปเรียงไทม์ไลน์เรื่องหัวหน้ากับพาโชคกับเจนได้ถูก เพราะเถียงกันกับเจนไว้เยอะ
“คลิปผมกับพัช”
หัวหน้าพูดไปเขินไป ทำเอาพี่เอกที่อยากรู้พาลเขินไปด้วย
“เอ่อ ทีนี้ผมเลยตัดสินใจแจ้งความ เรื่องมันเลยมาถึงออฟฟิศ”
หัวหน้าเล่าต่อพี่เอกถอนหายใจก่อนจะบอก
“แต่เขาจะทำอะไรได้วะ ตอนนั้นหัวหน้าก็เป็นเยาวชน คดีก็น่าจะหมดอายุแล้วด้วย”
นั่นก็จริงแต่...
“ทำไมพี่ดูมีความรู้วะ”
อีกคนถามกลั้วหัวเราะ พี่เอกขำตามก่อนจะตอบ
“กูเคยเป็นเยาวชนที่พรากผู้เยาว์มาก่อน”
“ก็เหี้ย”
พี่ยูอุทาน
“จริง”
พี่เอกว่าก่อนจะถามต่อ
“แล้วหัวหน้ารู้ได้ไงว่าเขาจะหยุด”
หัวหน้ายิ้มบางๆก่อนจะตอบ
“คราวนี้พ่อผมจะเคลียร์ให้ นี่ว่าจะไปเซ็นเอกสารยอมความครับพี่”
“ถ้าไม่ยอมจะเป็นไง”
เพราะรู้ว่าอิทธิพลนายทุนไม่ใช่เรื่องตลก พี่ยูถึงได้ปรึกษากับพ่อแล้วยอมความให้จบๆไป แม้ลึกๆแล้วจะแอบระแวงอยู่ดี
“ผมว่าถ้าคดีมันส่งผลต่อฝั่งเขามากท่าไหร่ฝั่งผมก็น่าจะแย่กว่า เขาน่าจะเอาคืน บ้านผมนอกเมืองไม่น่าจะมีปัญหาหรอก แต่พาโชคดิ”
“พาโชคแม่งก็ดันอินดี้อยากมาเชียงใหม่ไม่ถูกเวลา”
พี่เอกบ่นพลางส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อพอจะรู้เรื่องแล้ว
“แล้วเขาบอกไหมว่า สรุปคนซ่อนกล้องคือใคร”
หัวหน้าส่ายหน้า
“เขาไม่บอกหรอกพี่ แต่น่าจ้างคน ผมถึงย้ายคอนโดไง”
พี่เอกพยักหน้ารับ
“กูก็คิดว่าย้ายเพราะอยากเข้ามาในเมืองกับพาโชคมัน ก็ว่าอยู่ซื้อซะแพงเลย”
พี่ยูพยักหน้าพร้อมตอบ
“เอาความปลอดภัยล้วนๆพี่”
หัวหน้าบอกเพราะตอนแรกพี่เอกชวนไปอยู่ตึกเดียวกันแต่ทุกยูนิตดันถูกขายไปหมดแล้ว ถึงได้ไปซื้อตึกสร้างใหม่ที่ใกล้รถไฟไฟ้าแทน และราคาก็สูงขึ้นตามความสะดวกสบาย
“ก่อนเซ็นต์เอกสารก็อ่านดีๆนะหัวหน้า มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
คนเป็นพี่บอก หัวหน้าไหว้ขอบคุณเพราะรู้ว่าถ้ามีปัญหาจริงๆพี่เอกคงเป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างที่บอก
“ครับพี่ ขอบคุณครับ”
พี่เอกปัดมือไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะเรียกลูกเรือสาวคนสวยที่เดินผ่านมาพอดี
“คุณครับ ผมขออะไรเย็นๆได้ไหม เวียนหัว”
***
“ไปไหนแว่น”
พี่ยูที่พึ่งกลับมาจากบ้านพ่อในตอนบ่ายกว่าถามคนที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าเป้
“เข้าออฟฟิศแป้ปครับ เดี๋ยวเย็นกลับมา”
“ไปทำอะไร”
“ไปสอนน้อง deploy เว็บขึ้น server”
หัวหน้าถอนหายใจก่อนจะบอก
“Google ก็มี ให้เปิดหาเอา”
พาโชคมองหน้าคนที่มาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแต่พอตื่นนอนมาก็หายไปแต่เช้า เห็นหน้าอีกทีก็บ่ายโมงแล้ว
“เดี๋ยวน้องก็ต้องโทรมาถามอยูดี สอนให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า”
พี่ยูมองหน้าน้องที่ดูยังไงก็คงไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน คนที่อุตส่าห์มาหารีบไปทำธุระ กะว่ากลับมายังไงคงเห็นหน้ากันทั้งวัน หงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย
“งั้นพี่ไปด้วย”
หัวหน้าบอกเสียงเรียบคิดว่าพาโชคจะรับรู้ถึงความไม่พอใจอะไรบ้าง แต่เปล่าเลย...
“ดีเลย ไปด้วยกันผมติดอะไรจะได้ถามง่ายๆ”
พอว่าเสร็จก็เดินออกไปรอนอกบ้าน พี่ยูถอนหายใจยาว
พอเริ่มอยู่ด้วยกันจริงๆถึงรู้ว่าพี่ยูกับพาโชคยังต้องปรับตัวกันหลายอย่าง เช่นพาโชคเป็นคนหลับยากมากและตื่นง่ายมาก ส่วนพี่ยูนั้นหัวถึงหมอนจะหลับเป็นตาย ต้องพยายามไม่ทำเสียงดังตอนนอน พาโชคจะเป็นคนที่ไม่แตะงานบ้านเลย ผิดกับพี่ยูที่เข้าใกล้คำว่าพ่อบ้านเข้าทุกวัน และที่สำคัญคืออาจจะเพราะพาโชคเคยชินกับการอยู่คนเดียวมาก บางทีถึงทำอะไรเอาแต่ใจและไม่ใส่คนข้างๆอย่างพี่ยูมากนัก
“ไปบ้านมาเป็นไงบ้างครับ”
พาโชคถามคนที่อาสาขับรถให้
“เรียบร้อยดี”
ลูกพี่ตอบนิ่งๆ พัชพยักหน้ารับก่อนจะถามต่อ
“แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าแฟนพี่แพมกล้าให้เข้ามาใกล้ผู้ชายคนอื่นได้ยังไง”
พี่ยูถอนหายใจ
“เรื่องบางเรื่องไม่ต้องเข้าใจหรอก เรากับเขาคิดคนละแบบตรรกะคนละอย่าง Mind set ไม่ได้เหมือนกันไปซะหมด”
พาโชคทำหน้ายุ่งเพราะไม่เข้าใจจริงๆ
“งั้นผมใช้พี่ยูไปหลอกสาวบ้างดีไหม”
คนที่งอนอยู่หลุดขำ
“เอ้ย ตลกเหรอแว่น”
“ก็แม่งไม่เข้าใจ”
ลูกพี่ที่แอบนอยด์เรื่องที่น้องไม่ค่อยสนใจมาสักพักใช้มือซ้ายลูบท้ายทอยน้องเบาๆ
“โตแล้วเดี๋ยวก็เข้าใจเองว่าไม่ต้องอยากจะเข้าใจไปซะทุกอย่าง”
พาโชคไม่ตอบรับอะไร แต่เอื้อมมือมาเปิดเพลงแล้วฮึมฮัมตามเพราะไม่อยากคิดอะไรแล้ว
“วันนี้พี่ให้ทำงานนะ แต่พรุ่งนี้ต้องอยู่กับพี่ทั้งวัน”
พี่ยูพยายามตะล่อมเด็ก
“พรุ่งนี้วันหยุด อยากเล่นเกมส์”
และคำตอบก็เป็นแบบที่คิดไม่มีผิด
“เกมส์สำคัญกว่า?”
หัวหน้าทำเสียงแข็งใส่ สำหรับพัชแล้วในวีคที่เหนื่อยทุกวันในวันที่หยุดก็อยากอยู่นิ่งๆ อยากนอนอยู่บ้าน เล่นเกมส์โดยที่บางทีก็ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว
“ก็...ไม่ใช่แบบนั้น”
แว่นบอกเสียงเบา พี่ยูมองที่ถนนข้างหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะรู้ว่าตัวเองอารมณ์ร้อน เดี๋ยวถ้าเผลอดุอีกพาโชคก็จะไม่คุยด้วย บรรยากาศในรถไม่สู้ดีนักจนมาถึงออฟฟิศ พี่ยูที่พึ่งดับเครื่องเสร็จกะจะหันไปบอกคนข้างๆว่าอย่าลืมของไว้ในรถกลับถูกมองอยู่เงียบๆ
“อะไร”
คนเป็นพี่ถาม พาโชคมองหน้าคนที่ปกติก็ดูดุอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งดูหน้ายักษ์มากกว่าเดิมสิบเท่า พัชดึงแขนคนที่กำลังจะเปิดประตูออกไปไว้ก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปจูบแก้มพี่มัน
“ขอโทษครับ”
พี่ยูถอนหายใจให้กับตัวเองที่อารมณ์ขึ้นลงเหมือนคนวัยทองก่อนจะขยี้หัวอีกคน
“อยู่เป็นนะแว่น”
***
“คือกูก็วาดฝันว่ามาเชียงใหม่จะพักผ่อนสบายๆ ไม่ใช่มาลากคนเมา”
พี่เอกว่าพร้อมกับดึงตัวบอสที่กำลังนั่งคอพับขึ้นแล้วกึ่งประคองกึ่งลากออกมานอกบาร์
“ผมว่ากินกันเยอะไปแล้วก็ไม่มีใครห้ามใครเลย”
ส่วนพี่ยูก็บ่นไปพลางหิ้วพาโชคไปพลาง
“เออ คุณเนมเป็นผู้ใหญ่ก็แทนที่จะปรามน้องมัน”
พี่เอกว่าพร้อมกับพยายามยัดเจ้านายเข้าไปในรถ
“คุณเนม”
เสียงพาโชคเรียกบอสใหญ่ที่โดนพี่เอกทำร้ายโดยการยัดเข้าไปที่เบาะหลัง
“พาโชค อยู่ไหนอ่าา”
เจ้านายเรียกหา ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวที่ไม่ได้สติลุกขึ้นมาหาพาโชคผู้โดนหิ้วปีกอยู่ และแล้วโผเข้ากอดกัน
“อ้าว”
พี่ยูยืนเหวอส่วนพี่เอกนั้นรีบแงะคนสองคนออกจากันไปด้วยบ่นไปด้วย
“เนม โตแล้ว อย่าทำอะไรไร้สาระ”
หัวหน้ายืนมองน้องโดนคุณเนมซุกแล้วรีบปรี่เข้าไปช่วยพี่เอก สุดท้ายพอจับได้ก็ทั้งแบกทั้งลากแล้วเดินไปที่รถตัวเอง ปล่อยให้พี่เอกจัดการคนของตัวเองไป
“กินอะไรขนาดนั้นวะ”
คนเป็นพี่ว่าพร้อมกับจับให้ไอ้แว่นนั่งบนเบาะดีๆก่อนจะคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย วันนี้คุณเนมเข้ามาออฟฟิศตอนเย็นเห็นว่ายูริกับพาโชคทำงานอยู่ถึงชวนกันออกมากินข้าวที่ร้านประจำ พอเห็นว่ามีคนช่วยแบกกลับบ้านก็นั่งชนแก้วกันอยู่สองคนสนุกสนาน พี่ยูกับพี่เอกก็ปล่อยให้กินแต่ก็ไม่คิดว่าจะเละเทะกันขนาดนี้
“นั่นไง”
เจ้าของรถตัวจริงพูดเมื่อคนเมาเริ่มขยับตัวมากอด
“ปล่อยมือ”
พี่ยูบอกเพราะจะขับรถ
“คิดถึงพี่ยู”
“เมาแล้วก็เป็นแบบนี้”
คนเป็นพี่ว่าแล้วก้มลงกัดปากนิ่มๆไปทีเพราะหมั่นไส้ ทำเอาพาโชคหน้าหงิกหน้างอหันไปซบกระจก ไม่นานก็หลับไป พอมาถึงบ้านก็ต้องเดือดร้อนเจ้าของบ้านอุ้มเข้าบ้านอีก แต่อย่าเรียกว่าอุ้ม ต้องเรียกว่าแบก สำหรับพี่ยูยังสบายเพราะตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าพาโชคเยอะ แต่กับพี่เอกที่ตัวติดจะผอมสูงน่าจะเหนื่อยกว่าที่ต้องแบกคุณเนมกลับแบบนั้น
“ใจเย็นนะแว่น”
พี่ยูบอกคนที่ถูกวางลงบนเตียงแล้วจู่ๆก็ลุกขึ้นมากอดกันไว้ ตัวเล็กๆพยายามดันให้คนพี่ล้มลงบนเตียง พี่ยูขำ มันไม่ได้ดูโรแมนติคแต่อย่างใด ติดจะน่าโมโหด้วยซ้ำ แต่ถึงขนาดนั้นก็โมโหไม่ลง ปล่อยให้พาโชคเลื้อยอยู่แบบนั้นก่อนจะอุ้มพาดบ่าเข้ามาอาบน้ำ
“พี่ยู ปล่อย”
คนโดนแบกงอแง
“ขนาดพี่อยู่ยังขนาดนี้ ไม่อยู่จะขนาดไหน”
พี่ยูวางคนน้องลงบนเคาท์เตอร์ตรงอ่างล้างหน้าแล้วงับลงบนคอขาวแรงๆ
“โกรธเหรอ”
น้องถามพร้อมกับลูบแก้มพี่ยูเบาๆ พี่มองตาเยิ้มๆของพาโชคแล้วบอก
“ถอดคอนแทคเลนส์แล้วไปอาบน้ำนะ”
พาโชคส่ายหัว
“พี่ยู”
“อะไร”
“โกรธพัชเหรอ”
พี่ยูอมยิ้ม
“โตแล้วน่าจะคิดเองได้นะ ไปอาบน้ำไป”
เจ้าของบ้านบอกอีกรอบพร้อมกับถอดเสื้อกับกางเกงออกให้น้อง สำหรับพี่ยูแล้วในตอนนี้พาโชคคือคนที่ทำให้รำคาญใจมากที่สุด เพราะทั้งเป็นห่วง ทั้งหวง แต่ทำยังไงก็ไม่ได้ดั่งใจสักที
“เหม็นเหล้า”
หัวหน้าบอกเมื่ออีกคนขยับหน้าเข้ามาจูบ ถึงจะบ่นแต่ก็เอียงคอรับจูบผสมรสเบียร์นุ่มๆ ลิ้นเล็กๆสอดเข้ามาเพื่อเรียกร้องความสนใจซึ่งก็ได้ผลเมื่อพี่ยูแกล้งงับไว้เบาๆ
“อาบแม่งทั้งคู่นี่แหละ”
คนเป็นพี่บอกพร้อมกับถอดเสื้อผ้าตัวเองออกบ้าง พลางคิดว่าคงจะไม่ได้แค่อาบน้ำแน่นอน…
***
“เมียหรือลูกวะ”
ถึงจะบ่นแต่พี่แกก็ยืนเช็ดผมให้พาโชคที่ดูหมดแรงข้าวต้มไปเป็นที่เรียบร้อย
“ไอ้ขี้เมา สร่างขึ้นยัง”
พาโชคขยับตัวพิงอกพี่ไว้เพราะแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
“คุณเนมมอมผม”
พี่ยูขำ
“มอมคุณเนมสิไม่ว่า”
“ปกติกินแบบนี้พี่ยูไม่เห็นว่า”
ถ้าเป็นที่กรุงเทพคงไม่ว่าอะไรหรอก เพราะเมาแค่ไหนก็แบกกลับได้ แต่ที่นี่ต้องระวังตัว และก็เป็นไปตามคาดเพราะวันนี้เขาเห็นพี่ชายของเนสอยู่ที่บาร์ที่เขาไปกัน เพื่อนเก่าคนนั้นเมินเขาเหมือนคนไม่รู้จักกัน มันใจหายนะ...แต่ก็ดีแล้ว
“ที่นี่มันอันตรายไง”
พี่ยูบอกแล้วผละตัวออกเดินไปหยิบชุดนอนให้อีกคนที่กลิ้งตัวลงไปบนเตียงแล้ว
“วันก่อนผมก็เจอตำรวจคนนั้น”
“แล้ว?”
พี่ยูเลิกคิ้วมอวคนพูด
“ผมเห็นเขาแก่กว่าก็เลยยกมือไหว้เขา เขาก็รับไหว้งงๆ”
ยูขำ ก่อนจะบอก
“รู้ไหมว่าเขาเป็นคนซ่อนกล้องที่ห้องพี่นะ คลิปของพัช”
พาโชคทำหน้ายุ่งก่อนจะบอก
“ก็ว่าอยู่ เขามองหน้าผมแล้วยิ้มๆ”
“พี่พูดให้กลัว ไม่ใช่ให้ขำ”
หัวหน้าบอกแล้วโยนเสื้อผ้าให้คนที่กำลังสวมแค่ผ้าเช็ดตัว
“ไม่ใช่ว่าไม่กลัวหรอก แต่ไม่เป็นไร”
เจ้าของบ้านมองพัชที่กำลังสวมเสื้อผ้าแล้วบ่น
“คนเป็นห่วงก็มีแต่พี่ไง พัชไม่ห่วงตัวเองด้วยซ้ำ”
“ไม่เป็นไรจริงๆนะ”
พี่ยูถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวันก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงบ้าง
“งันมาทำสัญญา”
“ไม่”
พาโชคตอบทันทีโดยไม่คิด
“พี่ยังไม่ได้พูด”
และแล้วก็โดนดุไปตามระเบียบ
“เดือนนึงหลังจากนี้พัชห้ามเมา”
พาโชคทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แค่ข้อแรกก็ยากแล้ว”
คนเด็กกว่าสวมเลื้อไปบ่นไป แล้วก็โดนดุอีก
“พาโชค!”
“ครับๆ”
คนที่โดนเรียกชื่อค่อยๆเลื้อยมานอนเอาหัวพาดไว้กับช่วงอกของพี่ยู ส่วนตัวเองก็เปิดไอแพดเล่นเกมส์
“ไปไหนมาไหนต้องมาสติ”
“อันนี้ก็ยาก”
พอบอกแบบนั้นก็ถูกอีกคนฉวยไอแพดไปเพื่อให้รับปากก่อน พาโชคมองสายตาของอีกคนที่ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังบังคับ
“งั้นผมขอบ้าง”
“อย่ามาต่อรองแว่น พี่ไม่ชอบ”
คนเป็นพี่บอกก่อนจะวางไอแพดใว้ที่หัวเตียงไม่ปล่อยให้อีกคนได้เล่น
“พาไปเที่ยวดอยก่อนกลับหน่อย เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน”
ตอนแรกคิดว่าพัชจะขอเยอะกว่านี้ เขาเลิกคิ้วมองหัวทุยๆที่นอนทับตัวเองอยู่
“แค่นี้?”
“ครับ”
พาโชคบอกพร้อมกับเลื้อยขึ้นบนตัวอีกคน พอเมาหรือกรึ่มๆก็ชอบมานัวเนียแล้วอ้อนแบบนี้
“งั้นดีล”
พี่บอกพลางใช้มือสอดเข้าไปในกางเกงยางยืดขาสั้นของอีกคนที่นอนทับอยู่บนตัว
“อ้วนขึ้นป่ะพัช”
พาโชคพยักหน้า
“ก็แทบไม่ได้เดินเลยวันๆ จะเป็นง่อยอยู่แล้ว”
พี่ยูขำคนบ่นก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวทั้งตัวเองทั้งพาโชคไว้
“แอร์ก็เพลาๆหน่อย นอนยังกับตัวเองเป็นเพนกวิน ผมหมาดๆแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัด”
พาโชคแกล้งเอาหัวดุนตรงคางอีกคนเหมือนหมาแล้วบ่นพี่มันคืนบ้าง
“บ่นเป็นลุงจริงๆ”
“แว่น ว่าอะไร”
พี่ยูถามเสียงเรียบพร้อมกับมองคนที่พึ่งพูดอะไรไม่เข้าหู ไอ้แว่นเงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยีน่าหมั่นเขี้ยวแล้วยกตัวขึ้นมาจูบเขาเบาๆอย่างเอาใจ
“บอกว่ารักพี่ไง”
พี่ยูขมวดคิ้วทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่ เพราะไม่รู้จะดีใจหรือเหนื่อยใจดี
***
“อ้วนเอ้ย ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ”
พี่เอกผู้มีร่างกายแข็งแรงเริ่มสงสัยว่าตัวเองคงจะแก่จริงๆแล้ว เพราะแบกเนมมาวางที่โซฟาในห้องได้ก็จริง แต่ปวดหลังเหมือนหลังจะหัก
“พี่เอกเหรอ”
คนที่เหมือนเริ่มจะรู้ตัวถามมนุษย์ที่ยืนอยู่แถวทีวีแต่เห็นแค่เงาตะคุ่มเพราะยังไม่เปิดไฟ
“รู้ไหมทำอะไรผิด”
คนเป็นพี่ถามก่อนจะเดินไปเปิดไป
“เนมก็ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”
คนที่เมาแล้วเริ่มงอแงบอก เนมพูดจริงนั่นคือสิ่งที่พี่เอกรู้ เนมชอบออกไปปาร์ตี้ เมาก็ยังดื้อขับรถ เอกรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นเรื่องที่ต้องซ่อมแซมอีกเยอะ เพราะบางส่วนที่แตกไปมันเอากลับมายากจริงๆ หนึ่งในนั้นคือเนมอยู่ได้โดยไม่มีเขา
“พี่รู้ แต่พี่เป็นห่วง”
พี่เอกเสียงอ่อนลง เขารู้ว่าบางทีเนมก็งี่เง่าบ้าง ทำตัวให้ห่วงบ้าง แต่ก็ต้องดีลกันต่อไป
“ไปอาบน้ำนะอ้วน เดี๋ยวพี่อาบให้”
เนมส่ายหัว
“ไม่เอา”
พอบอกเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปเองทั้งๆที่ยังเดินเซ พี่เอกนั่งมองประตูห้องน้ำพร้อมกับคิดสะระตะไปเรื่อยว่าแต่ก่อนเนมอยู่ยังไง ดูแลตัวเองยังไง พอเริ่มโทษตัวเองก็ลุกขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ ถึงอยากจะอยากจะขอโทษแค่ไหน แต่คนที่ต้องขอโทษควรจะเป็นเนมในวันนั้น ใม่ใช่เนมที่อยู่ข้างหน้าตรงนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำคือต้องดูแลน้องให้ดี แต่บางที่ก็ดีจนคิดว่าสปอยส์น้องเกินไปรึเปล่า
“อ้วนเอ้ย อาบสะอาดมั้ยนั่น”
พี่เอกเอ่ยทักคนที่ผลุบเข้าไปในห้องน้ำไม่ถึงสิบนาทีก็เดินออกมาด้วยสภาพตัวเปียกซ่กแล้วสวมแค่กางเกงตัวเดียว
“เนมไม่ได้อ้วน”
บอสใหญ่ว่า
“แต่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าผอม”
พอพี่เอกบอกอีกคนก็ตาเขียวปั๊ด ซึ่งคนพี่ก็เอาแต่ขำ
“พรุ่งนี้กลับกี่โมง”
เนมเปลี่ยนเรื่องเพราะถ้าให้เถียงเรื่องนี้คงไม่จบสักที ถึงเนมจะผอมเพรียวพี่เอกก็พอใจที่จะเรียกว่าอ้วนอยู่ดี
“กลับเช้าวันจันทร์ แล้วเดี๋ยวไปทำงานต่อเลย”
พี่เอกบอกพร้อมกับบิดขี้เกียจ ตอนแรกพอกลับมาถึงกะจะบ่นเนมเรื่องกินเหล้ากับเรื่องพาโชคแต่เพราะวันนี้เหนื่อยมากแล้วถึงได้บอกตัวเองว่าให้เอาไว้ก่อน อีกอย่างคือเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์แล้ว เกิดทะเลาะกันแล้วเนมไล่กลับก็ซวยเลย
“พี่เอกเหนื่อยไหม วีคหน้าพี่พักผ่อนเถอะ ไม่ต้องบินไปมา เนมไม่เป็นไร”
เนมบอกตามที่คิดจริงๆ เพราะตัวเองก็เคยเหนื่อยมาก่อนถึงได้เข้าใจ
“จะมา อยากมากอดอ้วน”
เนมหรี่ตามองคนที่พักหลังรุกหนักเหลือเกิน
“ตามใจ แต่วันนี้นอนโซฟานะ”
พี่เอกหัวเราะคนที่จู่ๆก็เขินแล้วเดินเข้าห้องไป ส่วนเรื่องนอนโซฟาน่าจะเป็นเรื่องที่พี่เอกตามใจเนมไม่ได้
-------------
จบแน้ววว อันนี้จบบริบูรณ์จริงๆสำหรับใครที่งงกับการตัดสินใจเรื่องคดีค่ะ
เราอยากฟัดคุณเนมมากๆ ยิ่งเขียนยิ่งหมั่นเขี้ยว ส่วนพาโชคนี่น่าตี 5555