[30%สุดท้าย]
เสียงคุยจ้อกแจ้กดังเข้าโสตประสาทหูของคนที่เพิ่งจะผ่าคลอดเมื่อคืนให้เริ่มขยับเปลือกตาตื่นเมื่อมีเสียงรบกวน ไม่ต้องลืมตามาดูก็รู้ว่าคนในห้องคงเยอะหน้าดู
กานดาลืมตาขึ้นมองรอบห้องๆ เห็นทั้งแม่แก้ว หมอเตย์ชิน เดียร์ ป้านก และปัฐวีที่กำลังทดลองอุ้มเจ้าตัวน้อยจากเตย์ชินที่เป็นผู้สอนคุณพ่อมือใหม่ในการอุ้มลูก กานดานอนมองอมยิ้มไม่พูดอะไร เขาเองก็อยากเห็นหน้าลูกเหมือนกันนะ
"อ้าวดา ฟื้นแล้วหรอนี่ๆ ลูกของเราน่ารักมั้ย"
คนเป็นคุณพ่อขี้เห่อลูกเมื่อเห็นว่ากานดาฟื้นแล้วก็รีบอุ้มลูกมาให้ดูทันที เดียร์ช่วยปรับเตียงให้กานดาเพื่อที่จะให้ลุกได้ง่ายๆ
"น้องปริมทักทายแม่ดาหน่อยค่ะลูก"
กานดารับเด็กน้อยจ้ำม่ำมาไว้ในอ้อมกอดมองใบหน้ากลมน้อยๆ ที่ลืมตาเหมือนกับว่าตัวเองมองเห็นทุกสิ่งอย่าง อย่างชัดเจนก่อนจะอ้าปากหาววอดใส่คนเป็นแม่ ทำเอากานดาขำออกมาเบาๆ
"ง่วงแล้วสิท่า"
ก้มลงหอมลูกก่อนจะคืนลูกให้ปัฐวีพาลูกกลับไปนอนที่กะบะข้างเตียง กานดาเพิ่งจะนึกได้ว่าในกะบะควรมีเด็กแฝดอีกคน พอนึกได้ก็รีบถามขึ้นทันที
"แล้วน้องเปรมล่ะ?"
"น้องเปรมให้นมอยู่ครับอีกสักพักพยาบาลคงเข็นรถมาให้"
เตย์ชินเป็นคนตอบคำถาม กานดาพยักหน้าเข้าใจ
รู้สึกดีที่อย่างน้อยลูกก็ออกมาเเข็งแรงปลอดภัยดีกันทั้งคู่
"น้องเปรมกินนมอิ่มแล้วค่ะ"
พยาบาลเปิดประตูพร้อมกับใส่รถเข็นที่ในกะบะใสมีเด็กน้อยตัวโตทำเสียงอ้อแอ้ในกะบะ
"น้องเปรมมาหาแม่ดาเร็ว"
ปัฐวีอุ้มลูกจากกะบะส่งให้กานดาอุ้มต่อ คนเป็นแม่ยิ้มแป้นเมื่อเห็นว่าลูกชายส่งเสียงอ้อแอ้ไม่หยุดอย่างอารมณ์ดี
"หลานย่าทำไมอารมณ์ดีจังเลย"
"นั่นสิครับน้องเปรมนี่อารมณ์ดีมากๆ เลย ส่วนน้องปริมนี่ขี้เซาเหมือนน้องดาเป๊ะเลย ฮ่าๆ"
เตย์ชินเอ่ยแซวขำๆ ก็พากันขำตามคำแซว แต่มันก็เป็นเรื่องจริงนะที่แม่ลูกเค้าขี้เซาเหมือนกัน
เด็กแฝดคู่นี้ถึงจะตัวโตไม่เท่ากันซึ่งน้องปริมจะตัวเล็กกว่าน้องเปรมมาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันคือ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ดูอ่อนโยนเหมือนกับกานดาและเดียร์
"ปัฐฉันเพิ่งจะสังเกตุว่าเจ้าแฝดเนี่ยตาสีน้ำตาลเหมือนกวางทั้งคู่เลยว่ะ "
เตย์ชินพูดขึ้นอย่างนึกได้ พ่อก็ตาสีดำแม่ก็ไม่ได้น้ำตาลอ่อนจัดแบบเจ้าแฝดเลย
"ก็เหมือนฉันกับดาไง ตอนเด็กๆ ก็สีตาแบบนี้ พาโตมามันก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ เอง กรรมพันธ์น่ะเข้าใจมั้ย?"
เดียร์ตอบก่อนจะเดินไม่นั่งข้างๆ เตียงกับกานดาพร้อมกับแตะปลายนิ้วลงบนจมูกโด่งๆ ของน้องเปรม ให้ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสดใส
"น้องเปรมน้องปริม ดวงตาคู่นี้คือของขวัญจากคุณยายนะครับ"
กานดายิ้มเมื่อได้ยินที่เดียร์พูด ของขวัญจากแม่ไม่ใช่แค่สีดวงตาของเจ้าแฝด แต่ยังรวมถึงตัวเขาเองด้วยที่สามารถให้กำเนิดของขวัญทั้งสองสิ่งนี้ได้ นี่คือของขวัญที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของกานดา
ออกจากโรงพยาบาลมาพักฝื้นต่อที่บ้านทุกคนต่างรุมเอาใจคุณแม่มือใหม่ เจ้าแฝดก็ดันเลี้ยงง่ายกว่าที่คิดเสียอีก เดียร์ก็มาหาที่บ้านทุกวันมาช่วยเลี้ยงหลานแฝด ปัฐวีเองก็สั่งให้เลขาเอางานมาให้ทำที่บ้านแทนในช่วงนี้ ถ่้าจำเป็นต้องเข้าบริษัทจริงๆ หรือต้องเข้าไปเช็คของที่โรงงาน ปัฐวีถึงจะยอมปลีกตัวออกจากเมียจากลูกไปทำงาน คนเป็นพ่อนี่ติดลูกติดเมียหนึบแบบแยกกันไม่ออก แถมยังมีอาการหวงลูกอีกด้วยนะ ใครขออุ้มก็บ่ายเบี่ยงไม่อยากให้อุ้ม กลัวจับลูกแรงบ้างล่ะ กลัวลูกตกบ้างล่ะ เห่อลูกตามประสาคุณพ่อมือใหม่จนแม่แก้วอดแซวไม่ได้
เจ้าแฝดมีแววแสบตั้งแต่ยังไม่หัดคลาน เด็กทารกสามเดือนรู้จักเรียกร้องความสนใจจากแม่เวลาเข้าใกล้พ่อด้วยการร้องไห้งอแง ไม่ชอบให้แม่เข้าใกล้พ่อ เจ้าเปรมตัวดีมีแววขี้หวงสุดๆ ไม่ยอมให้พ่อเข้าใกล้แม่เข้าใกล้น้องเลย ทำเอาปัฐวีต้องกุมขมับกับลูกคนนี้
ย่างเข้าหกเดือนเริ่มส่งเสียงดัง เริ่มอยากจะลุกขึ้นเดินแต่ก็ทำได้แค่คลานไปมา เจ้าเปรมนี่ไวจริง หันหลังให้แป๊ปเดียวก็คลานไปถึงไหนต่อไหน คลานแข็งไวมาก เจ้าปริมยังคลานไม่แข็งดีต้องคอยช่วยประคองกลัวจะหน้าทิ่มพื้น
"ดา...อาทิตย์หน้าไปแม่ฮ่องสอนกัน"
ปัฐวีเดินมาดอกกานดาจากด้านหลัง หลังจากที่กานดาเอาเจ้าแฝดนอนหลับปุ๋ยบนเตียงโยกของคุณลุงเดียร์ที่สั่งทำให้เป็นพิเศษ
"ไปทำไมครับ?"
"ก็ไปแต่งงานกันใหม่ที่นั่นไง บ้านของดากับเดียร์"
กานดาก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเดียร์เคยชวนกลับบ้านที่แม่ฮ่องสอนเหมือนกัน แต่ยังติดเจ้าแฝดที่ตอนนั้นยังเล็กอยู่ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เจ้าแฝดโตพอที่พร้อมจะเดินทางแล้ว
"อยากจะแต่งงานกับดาในที่ที่เคยมีครอบครัวของดา อยากจะจัดเป็นงานเล็กๆ สำหรับแค่ครอบครัวเราดีมั้ย?"
ปัฐวีถามก่อนจะกระชับอ้อมกอด
"ดีครับ"
กานดายิ้มก่อนจะหมุนตัวไปกอดปัฐวีไว้แน่น
"ดารักคุณ"
"ฉันก็รักดา"
"มำๆ ม่ำ คิคิ"
เสียงเจ้าปริมหัวเราะชอบใจขณะที่คุณพ่ออย่างปัฐวีต้องหลอกล่อลูกสาวทุกวีถีทางให้กินข้าวเช้าคือกล้วยน้ำว้าบด
"อ้ำๆ เร็วค่ะคนเก่ง อ้าม~"
"อ้าม~"
ปากเล็กๆ อ้าปากหวอหม่ำกล้วยน้ำว้าบดของโปรดเจ้าปาก ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะชอบใจอีก เจ้าปริมเลี้ยงง่าย ถึงเวลานอนก็นอนง่าย ไม่งอแงง่วงนอนถ้าเจ้าตัวง่วงก็นอนหลับแค่นั้นเอง ถึงเวลากินก็กินง่ายถึงจะติดเล่นไปหน่อยก็เถอะต้องคอยหลอกคอยล่อ ไม่เลือกกินโดยเฉพาะผักต้มเปื่อยๆ น่ะกินเก่งนัก
"น้องเปรม อย่าปีนเก้าอี้นะครับเดี๋ยวจะตกนะมาหม่ำๆ ข้าวดีกว่ามา"
ปัฐวีวางมือจากลูกสาวหันมาดูลูกชายที่ปีนป่ายเก่งอย่างกับลิง หัวไวสอนอะไรได้หมดแค่เสียอย่างเดียวดื้อไปเสียหน่อยแถมมีนิสัยขี้หวงอีกต่างหาก
"มาหม่ำๆ เร็วน้องเปรม"
คุณพ่อลุกขึ้นเดินไปหาลูกชายบนเก้าอี้นวมพร้อมกับเอาช้อนจ่อปาก
"แหยะ...อี๋~"
เจ้าเปรมเสหน้าหนีไม่ยอมกินไม่ชอบ ฟันยังไม่ทันขึ้นก็อยากกินข้าวแล้ว ชอบกินข้าวต้มกุ้งเหมือนเขาแต่ไม่ชอบกินผัก เห็นอะไรเขียวๆ ในถ้วยเป็นต้องกรี้ดให้แม่ดามาเอาออกให้ วันนี้แม่ดาของเจ้าแฝดไม่อยู่ออกไปข้างนอกกับลุงเดียร์ตั้งแต่เช้า
"ให้ป้าช่วยมั้ยคะคุณปัฐ"
ป้านกเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถ้ายข้าวต้มกุ้งถ้วยเล็กของโปรดแฝดคนพี่ที่นั่งทำหน้ายี๋บนเก้าอี้
"ขอบคุณครับป้านก"
ปัฐวียอมเอาถ้วยกล้วยน้ำว้าบดออกไปให้ป้านกมาป้อนข้าวต้มแทน
"คุณหนูเปรมแกเหมือนคุณปัฐตอนเด็กๆ เลยนะคะ"
ป้านกพูดแต่ก็ยังคงป้อนข้าวเจ้าเปรม
"หืม? ยังไงครับ"
"ตอนคุณปัฐอายุเท่านี้ก็ติดแต่คุณแก้วแบบคุณหนูเปรมที่ติดแต่คุณดานี่แหละค่ะ คุณปราณน่ะน้อยใจไปนานเลยที่คุณปัฐติดแต่คุณแก้ว"
"ขนาดนั้นเลยหรอครับ"
ปัฐวีระบายยิ้มออกมาบางๆ เมื่อฟังที่ป้านกเล่าทำให้นึกถึงสมัยเด็กๆ ที่พอจะรู้ว่าตัวเองเคยติดแม่มากแค่ไหน จนกระทั่งพ่อเสียไปทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและแม่ไม่เหมือนเดิม เขาผิดมากที่เอาแต่โทษแม่ตัวเองว่าทำให้พ่อตาย ทำให้แม่ต้องกลายเป็นคนผิดทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของท่านเลยสักนิด ความผิดมันคือเขาเอง ผิดที่ไม่ยอมรับความจริง ผิดที่ป้ายสีความผิดให้กับแม่ ผิดที่ตลอดระยะเวลากว่าหกปีที่ผ่านมาเขามองแม่ด้วยสายตาของลูกที่ไม่ดี ทุกอย่างที่แม่ทำมาทั้งหมดล้วนแต่ทำเพื่อเขาทั้งสิ้น
ปัฐวีเดินไปยังสวนหลังบ้านพร้อมกับช่อดอกแก้วเล็กๆ ในมือที่เพิ่งจะไปตัดกิ่งมาจัดเป็นช่อเล็กๆ ผู้โบว์สีฟ้าดูน่ารัก สำนึกในความผิดพลาดของตัวเองได้ เขาก็ไม่ลืมหน้าที่ลูกที่ดีที่ต้องมาขอโทษแม่
แก้วนั่งเอนหลังบนเก้าอี้ไม้โยกใต้ร่มต้นแก้วต้นใหญ่ ต้นไม้ในสวนส่วนมากจะเป็นต้นแก้วหลากหลายสายพันธ์ทั้งพันธ์เล็กพันธ์ใหญ่ เป็นต้นไม้ที่แก้วชอบ
"แม่ครับ"
ปัฐวีนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของผู้เป็นแม่ แก้มลืมตามองลูกชายคนเดียวอย่างฉงน
"ปัฐขอรบกวนเวล่พักผ่อนแม่ซักแป๊ปนึงได้มั้ยครับ"
"รบกวนอะไรกันตาปัฐ...มีอะไรว่ามา"
แก้วคลี่ยิ้มบางให้ลูกชาย นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคยมองหน้าลูกชายตัวเองชัดๆ เต็มๆ ตาแบบนี้ ด้วยรอยยิ้มแบบนี้
"ปัฐอยากจะขอโทษแม่สำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมาที่ปัฐทำให้แม่เสียใจ ปัฐรู้ว่าแค่คำขอโทษมันลบล้างสิ่งที่ปัฐทำไว้กับแม่ได้เลย แม่มอบแต่สิ่งที่ดีให้กับปัฐ แม่มอบดาและลูกให้เป็นของปัฐ มันคือสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตปัฐ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง และขอโทษครับแม่..."
ปัฐวีวางช่อดอกแก้วไว้บนตักแม่ก่อนจะก้มลงกราบไปบนตักของแก้ว หัวใจของคนเป็นแม่เต้นแรงและพองโตอย่างสุขหัวใจ อะไรจะมีความสุขเท่าเห็นลูกเข้าใจในสิ่งที่เรามอบให้ เข้าใจความหวังดีของเราและลูกรักเรา
"แม่รักปัฐนะลูกแม่ขอโทษด้วยที่บางครั้งแม่อาจจะบังคับปัฐมากจนเกินไป"
แก้วลูบใบหน้าคมคลายคล้ายกับพ่อของปัฐวี ลูกชายคนเดิมที่แสนจะอ่อนโยนของแม่
"ปัฐเข้าใจแล้วว่าแม่รักปัฐแค่ไหน รักมากไม่ต่างจากที่ปัฐรักลูกของปัฐเลย..."
รักที่สุดในชีวิตและหัวใจของคนเป็นพ่อคนนี้
___________________________________
และในที่สุดอ้อนก็กลับมา เย่!!!!! ตั้งใจจะลงหลายครั้งแล้ว แต่ต้องทำงานเหนื่อยงานมาก็หลับเหมือนตายจนไม่มีเวลามาจับนิยายเลยค่า. เมื่อคืนก็ว่าจะลงแต่ก็มีปัญหากะคอม เลยลงวันนี้เเทน วันนี้วันดีค่ะ เพราะเป็นวันเกิด อ้อน!! เย่!! วันที่ 19 อายุ 19 นะคะ 555555+ เลขสวย ไว้ว่างๆ จะมาอีกนะคะ ฝันดีค่า
ปล. ยังไม่จบนะคะยังมีอีกจึ๋งนึงท้ายบทกับตอนพิเศษ