13
พี่น้อง
ดวงตากลมกลิ้งกลอกไปมาใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพพล่าเบลอ เจ้าของดวงตากระพริบตาถี่ๆ ไล่ภาพเบลออกไปก่อนจะฉายความชัดขึ้น เพดานสีขาวสะอาดตากลิ่นโรงพยาบาลที่คุ้นเคยลอยเข้ามาในโสตประสาทรับกลิ่น…โรงพยาบาลงั้นหรอ? เขาหลับไปนานแค่ไหนกันนะ…
“ดา…ดาฟื้นแล้วครับ!”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ร่างโปร่งผมยาวหยักศกจะมายืนมองคนที่นอนนิ่งลืมตาอย่างเหมอลอยข้างๆ เตียงพร้อมกับหมอเตย์ชิน แม่แก้ว และป้านก…กานดาหยัดตัวขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆ ห้อง ไม่มี…ไม่มีปัฐวี….
“ดาเป็นยังไงบ้าง…โอเคมั้ย”
“คุณพระคุ้มครองลูกแม่..”
เดียร์ถามสีหน้ากังวนเมื่อเห็นความว่างเปล่าในดวงตาของน้องชาย แก้วเองก็เข้ามาลูบคลำตัวกานดาอย่างดีใจ
“ดาหลับไปนานมั้ยครับ…”
กานดาไม่ได้ตอบคำถามแต่ถามกลับ
“ก็ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว”
เตย์ชินเป็นคนตอบ กานดาพยักหน้ารับรู้ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ สองมือรีบลูบคลำที่หน้าท้องของตัวเองก็พบกับผ้าก็อตพันแผลที่ข้างเอว หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ กรอบดวงตาเริ่มเห่อแดง
“พี่ชิน…เค้า...เค้ายังอยู่มั้ย…อึก”
แววตาเว้าวอนกับน้ำเสียงสะอื้นเบาๆ มองเตย์ชินอย่างน่าสงสาร เตย์ชินรีบประคองใบหน้าน้องไว้ในมือก่อนจะลูบน้ำตาใสๆ ออกจากแก้มอย่างเบามือ
“ใจเย็นๆ นะดา ใจเย็นๆ….เค้ายังอยู่ดาเก่งดาปกป้องเค้าได้…กระสุนมันถากแค่เอวไปเท่านั้น…ใจเย็นๆ นะไม่ต้องร้อง”
“อึก..พี่ชิน ฮือ…เค้ายังอยู่ ฮือ..เค้ายังอยู่”
กานดากอดคนพี่ร้องไห้เสียงสะอื้นด้วยความดีใจ เขาปกป้องเจ้าตัวเล็กได้…ปกป้องลูกได้…
เดียร์ยืนมองรอยยิ้มบางๆ แต้มบนหน้าสวยพร้อมกับน้ำตาแห่งความดีใจก่อนที่เขาจะรีบปาดมันออกไป…น้องของพี่เก่ง
เตย์ชินตรวจร่างกายของกานดาอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยให้กานดาพักผ่อน เรื่องที่กานดาตั้งท้องตอนนี้ทุกคนก็รู้หมดแล้วแอบโดนแม่แก้วดุนิดๆ ที่ไม่ยอมบอกคนพี่ที่เป็นหมอประจำตัวก็พลอยโดนหางเลขโดนดุไปด้วยความคึกครื้นภายในห้องทำให้กานดาอารมณ์ดียิ้มขึ้นมาบ้าง…แต่ภายในหัวของกานดากลับเฝ้าถามว่าปัฐวีอยู่ไหน…แต่เหมือนความคิดนั้นจะแสดงออกบนสีหน้าเกินไปจนคนเป็นแม่ต้องตอบคำถามให้
“ตาปัฐจะเข้ามาตอนสี่ทุ่มจ้ะ…ออกไปทำธุระตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ครับแม่แก้ว”
กานดายิ้มน้อยๆ อย่างเข้าใจ ก่อนที่ภายในห้องจะเงียบลงมีแต่เสียงสองคนพี่น้อง เดียร์กับดา ที่นั่งคุยกันอย่างสนิทสนม ทั้งๆ ที่เคยเจอกันไม่กี่ครั้งแท้ๆ แต่กลับสนิทกันขนาดนี้คงเป็นสัญชาตญาณของความเป็นพี่น้องสินะ… คิดได้ดังนั้นเตย์ชินก็เดินไปสะกิดให้เดียร์ลุกขึ้น เดียร์ลุกขึ้นมองหน้าเตย์ชินงงๆ
“ทุกคนครับ…ไหนๆ วันนี้ก็มีเรื่องดีๆ แล้วที่น้องดาฝื้นขึ้นมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับเจ้าตัวเล็ก…งั้นเรามาฟังเรื่องน่ายินดีอีกสักเรื่องมั้ยครับ”
“หืม..อะไรกันตาชินเรื่องน่ายินดี หรือว่าจะแต่งกับหนูเดียร์แล้ว?”
แก้วเดาทำเอาคนที่ถูกกล่าวถึงอ้าปากพะงาบๆ หน้าเหวอ ทุกคนจึงพากันขำเบาๆ
“เรื่องนั้นมีแน่ๆ ครับ..แต่เรื่องน่ายินดีที่ผมจะบอกทุกคนต่อไปนี้….ผมว่าเดียร์จะเป็นคนบอกทุกคนได้ดีที่สุดครับ”
“เดี๋ยวสิ…จะให้พูดเลยหรอ?”
เดียร์กระซิบถามเตย์ชินอย่างกังวน
“อื้ม ตอนนี้แหละ…ผมอยู่ด้วยผ่อนคลายหน่อย…ทุกคนจะเชื่อคุณ”
เตย์ชินบีบมือเดียร์เบาๆ เพื่อให้ผ่อนคลายกังวน เดียร์ทำใจสักพักก่อนจะมองไปที่กานดาที่นั่งรอฟังด้วยรอยยิ้มบางๆส่งให้
“ตอนเด็กๆ ผมมีพ่อแม่และก็น้องชายที่น่ารักคนนึง เราอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็กๆ ที่แม่ฮ่องสอนแม่ของผมเป็นคนญี่ปุ่นที่แต่งงานกับพ่อที่เป็นนักดนตรีคนไทย พวกเรามีความสุขมาโดยตลอดจนกระทั่ง…”
มือคู่สวยเกร็งสั่นเมื่อพูดถึงเหตุการณ์ตรงนี้ เตย์ชินลูบหลังมือเดียร์เบาๆ ให้ผ่อนคลาย กานดามองเดียร์อย่างสงสัยในเรื่องที่เล่ามาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“บ้านเราไฟไหม้ทั้งหลัง…พ่อยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไปเอาเอกสารสำคัญต่างๆ ออกมา แม่เป็นห่วงพ่อมากเลยเสี่ยงเข้าไปช่วยพ่อ…หลังจากนั้นไม่นาน..มันก็ระเบิด….”
เดียร์เม้มปากกลั้นน้ำตาแน่น กานดาเองก็เช่นกันเขารู้สึกปวดหนึบๆ ที่อกข้างซ้าย เหมือนมีภาพบางอย่างซ้อนเข้ามาในความทรงจำที่เลือนราง
“เราสองคนพี่น้องถูกส่งไปที่บ้านเด็กกำพร้าและที่นั่นก็ทำให้ผมต้องพรากจากน้องชายที่เป็นครอบครัวคนเดียวไป..ผมถูกรับเลี้ยงแต่น้องชายผมไม่ได้ไปด้วย..เพราะเค้ามีความผิดปกติภายในร่างกาย…”
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้คนฟังต่างก็สงสารจับใจ กานดาเอื้อมมือจับมือของเดียร์ไว้อย่างปลอบโยน กานดาเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ความรู้สึกสูญเสียที่ไม่มีเหลือในความทรงจำ
“ผมถูกสั่งห้ามไม่ให้ติดต่อกับน้องชายตั้งแต่ไปอยู่กับครอบครัวใหม่..พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มออกตามหาน้องตามหาจนคิดว่าจะได้เจอ…บ้านเด็กกำพร้าที่เคยอยู่โดนทุบทิ้งเด็กๆ ที่นั่นถูกย้ายให้ไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าอีกอำเภอนึงที่นั่นมีเด็กลูกครึ่งคนนึงผมคิดว่าเค้าอาจจะคือน้องชายของผม อาจจะเป็นน้องไอ แต่พอไปถึงทางบ้านเด็กกำพร้าบอกว่าเด็กคนนั้นหนีออกจากบ้านไปแล้ว…และเด็กคนนั้นชื่อ….กานดา”
กานดาหัวใจกระตุกวาบ…น้ำตาเอ่อขึ้นที่ขอบดวงตามองหน้าเดียร์อย่างสับสนปนเหมือนจะดีใจ ความรู้สึกแปลกๆ แบบนี้คืออะไรกัน แก้วที่นั่งฟังอยู่นานยกมือทาบอกอย่างใจหาย
“ผมก็ตามหาเค้าอีก 9ปีกว่าที่ตามหาเค้ามาตลอดจนกระทั่งได้เจอกันเด็กคนนึงที่หน้าตาคล้ายแม่ของผมมากและผลตรวจDNAระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเด็กคนนั้นคือน้องไอน้องชายคนเดียวที่ตามหามาตลอด…น้องดาคือน้องไอที่ผมตามหา…”
น้ำตาหยดลงจากดวงตาของทั้งสองพร้อมกัน ก่อนที่ทั้งสองจะโผลเข้ากอดกันอย่างอัตโนมัติตามสัญชาตญาณความผูกพันทางสายเลือด อ้อมกอดอบอุ่นในความทรงจำวนลูปเข้ามากอดแบบนี้…มีคนเดียว…คิดถึง…คิดถึงมาตลอด…แต่นึกไม่ออกมาความรู้สึกแบบนี้ได้มาจากไหน
“ฮือ..คิดถึง…ดาคิดถึงพี่…คิดถึงมาตลอด…ขอโทษที่จำพี่ไม่ได้ ฮึก..ขอโทษ”
“อย่าร้องคนดีของพี่…พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ…ขอโทษที่ปล่อยให้รอ…ขอโทษที่ทิ้งหนูไว้คนเดียว…ขอโทษที่อยู่ปกป้องหนูไม่ได้น้องไอพี่ขอโทษ…”
คนพี่พร่ำบอกขอโทษน้องซ้ำไปซ้ำมาตะโกยกอดน้องไว้แนบอกเหมือนกลัวว่าน้องจะหายไป กานดาร้องไห้สะอื้นอยู่ในอกพี่กอดพี่แน่นซึมซับอ้อมกอดที่โหยหามานาน ครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่ได้เจอกัน…ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะอยู่เคียงข้างดาเสมอ…จะไม่ไปไหนอีกแล้ว
แก้วยืนยิ้มน้ำตาซึมกับนกดูความรักของพี่น้องอยู่ห่างๆ เธอดีใจกับกานดาจริงๆ ที่กานดาได้เจอครอบครัวที่แท้จริงแค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว…ความสุขในถานะของคนเป็นแม่คนนึง
“พี่รู้ว่าเป็นดาตั้งแต่เมื่อไหร่….”
น้องเงยหน้าจากอกมองหน้าพี่พลางถามอย่างสงสัยและอยากรู้ คนพี่ยิ้มใช้นิ้วปาดน้ำตาที่หางตาให้น้องก่อนจะตอบ
“ตั้งแต่เจอดาครั้งแรก…ก็มั่นใจแล้ว…พี่เห็นข่าวดาแต่งงานกับคุณปัฐทีแรกก็ตกใจนิดๆ ที่คนในภาพหน้าตาเหมือนแม่มาก พี่เลยให้คนไปสืบจนรู้ว่าดามาจากมาฮ่องสอนเลยคิดว่าต้องใช่แน่ๆ แต่ไม่รู้จะเข้าหาดายังไง…”
พอเล่าถึงตอนนี้จากรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนิ่ง เดียร์หันมองไปทางเตย์ชินที่ยืนนิ่งเงียบมานานและเป็นฝ่ายหลบตาเดียร์ไปในที่สุด…เหมือนเตย์ชินจะรับรู้แล้ว
“แล้วยังไงต่อครับดาอยากรู้”
น้องกระเส้าให้เล่าต่อ
“เอ่อ…จนพี่มาเจอกับหมอชินไง…พี่เลยได้มีโอกาสมาเจอดา…”
“เอ่อ…ผมต้องไปเข้าเวรน่ะครับขอตัวก่อนนะ คุยกันไปเถอะ…ขอตัวนะครับคุณป้า”
“จ้ะๆ”
แล้วก็เดินออกไปไม่มีทีท่าจะหันกลับมามอง เดียร์รู้สึกปวดหนึบๆที่อก…เขากำลังทำร้ายเตย์ชิน…ทำร้ายคนที่รักเขา….ขอโทษ….
กลางดึกใกล้เวลาจะเที่ยงคืนทุกคนกลับไปหมดแล้วมีเพียงกานดาคนเดียวที่นอนอยู่ในห้อง…กำลังรอปัฐวีเที่ยงคืนแล้วก็ยังไม่มา…ไปไหนกันนะ ทั้งเป็นห่วง ทั้งน้อยใจ ตื่นมานึกว่าจะได้เจอเป็นคนแรกเสียอีก…แต่ก็ไม่ กานดาพลิกตัวไปมาสงสัยนอนนานเกินไปจนไม่ง่วง
กานดาค่อยๆ ลุกออกจากเตียงเดินลากเสาน้ำเกลือเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา
เสียงประตูห้องเปิดออกช้าๆ พร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางโซเซจากอาการเมา ก่อนหน้านี้เขาไปที่โรงพักได้พบกับเจนเขาเสียใจที่ทำให้เจอต้องเป็นแบบนั้นและเสียใจที่สุดคือเขาเกือบจะเสียดากับลูกไป จากนั้นเขาก็เข้าไปเคลียร์งานที่บริษัทต่ออีกนิดหน่อยแต่ความรู้สึกผิดมันไม่เคยหายไปจากความรู้สึกของเขา ปัฐวีจึงไปดื่มก่อนที่จะเข้ามาที่นี่…
ปัฐวีเดินปัดป่ายไปที่เตียงคนไข้ก่อนจะพบว่ากานดาไม่อยู่บนเตียง มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น ปัฐวีเริ่มอยู่ไม่สุก …หายไปไหน…ไม่นะอย่าไปไหนสิ…ต้องการ…ต้องการกานดา…หายไปไหน
“ดา..ดา! หายไปไหน…ดา! กลับมาอย่าไป…ฉันรักนาย…ดา”
กานดาที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกข้างนอกจึงรีบเปิดประตูออกไปก็พบกับปัฐวีนั่งกองอยู่กับพื้นร้องไห้เหมือนเด็กๆ หลงทางใบหน้าแดกกลิ่นเหล้าโชยมาเตะจมูกให้คนมองได้รู้ว่าเขาเมา
“คุณปัฐ…คุณดื่มหรอ”
“ดา…ดา! หายไปไหนมา…อย่าทิ้งฉันนะ…อย่าหายไป”
ปัฐวีกระเสือกกระสนเข้ามานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าของกานพร้อมกับโอบกอดรอบเอวเอาใบหน้าฝังกับหน้าท้องนูนๆ พูดซ้ำๆ ว่าอย่าไปไหน…
“โอ๊ย..คุณปัฐดาเจ็บ”
กานดาร้องขึ้นเมื่อปัฐวีกอดโดนแผลของเขาที่เอว คนทำผิดรีบผละออกอย่างตื่นตระหนก…ใบหน้ารู้สึกผิดฉายออกมาชัดเจนจนคนมองอย่างกานดาอดเอ็นดูไม่ได้
“ขอโทษ…ไม่ได้ตั้งใจ…เจ็บมากมั้ย ให้ตีคืนก็ได้นะ”
คนทำผิดรวบมือกานดาไปจูบซ้ำไปซ้ำมา
“ไม่เจ็บมากหรอก…ว่าแต่คุณดื่มทำไม”
“เครียดนิดหน่อย...ขอโทษนะที่ปกป้องดากับลูกในตอนนั้นไม่ได้…ขอโทษที่ต้องทำให้เจ็บแบบนี้…เพราะฉันเจนถึงต้องเป็นแบบนั้น…เพราะฉันดาเลยต้องเจ็บ…ขอโทษ”
กานดาเข้าใจในสิ่งที่ปัฐวีพยายามจะสื่อถึงแม้ว่าจะวกไปวนมา กานดาเข้าใจ…ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันทำร้ายใครบ้างแต่กานดาไม่อยากให้ปัฐวีต้องมาจมกับความรู้สึกผิดไปคนเดียวแบบนี้
“คุณปัฐ…คุณฟังดานะอย่าโทษตัวเองนักเลยคุณไม่ได้ทำให้ดาเจ็บและที่คุณเจนทำแบบนั้นก็เพราะเธอทำตัวของเธอเองการที่เธอไม่ยอมปล่อยให้คุณไปมันทำร้ายตัวของเธอเอง…ดารู้ว่าเธอรักคุณ…แต่อย่าปล่อยให้การที่เธอรักคุณจนกลายเป็นความเกลียดชังในตัวดามาทำร้ายตัวคุณเลย…คุณปัฐ…รู้สึกผิดได้แต่อย่าเอาความรู้สึกนั้นมันมารบกวนจิตใจของคุณเลยนะ คุณทำดีที่สุดแล้วคุณปัฐ ทำดีที่สุดแล้ว….เราจะช่วยเธอเท่าที่เราช่วยได้ ส่วนตัวคุณก็กลับมาเป็นปัฐวีเถอะนะ…ดาอยู่ข้างคุณเสมอ”
กานดาลูบไล้ใบหน้าคมของปัฐวีก่อนที่จะจูบลงที่ริมฝีปากหนา...เป็นจูบแรกที่กานดาเริ่มก่อน….เป็นจูบที่ดาอยากมอบให้เพื่อบรรเทาความรู้สึกผิดภายในใจที่กำลังทำร้ายปัฐวี…เป็นจูบที่มอบให้เพราะว่า…รัก
หลังจากที่เดียร์ออกจากห้องเยี่ยม เดียร์ก็กลับบ้านทันทีสีหน้าของเดียร์มันบ่งบอกถึงความกังวนภายในจิตใจ เดียร์คิดมาตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้าน เตย์ชินไม่ได้ผิดอะไร เดียร์เองที่ผิด ผิดที่นึกถึงแต่ความต้องการของตัวเองจนลืมนึกถึงความรู้สึกของอีกคน ถึงเดียร์จะไม่ได้รักเตย์ชิน แต่ก็ใช่ว่าความรู้สึกดีๆ ในบางครั้งที่อยู่ด้วยกันมันจะไม่มีเกิดขึ้นเลย เขาควรทำยังไงดีกับเรื่องนี้…เดียร์ไม่เคยมีความรักที่ลึกซึ้งแบบคู่รัก…เขาไม่รู้ว่าจะจัดการตัวเองอย่างไรในตอนนี้
เดียร์พลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน เรื่องนี้มันกวนใจจนนอนไม่หลับ…นาฬิกาบ่งบอกเวลาตีสาม นี่เขาจะไม่นอนจริงๆ ใช่ไหม? คิดอยู่ได้สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
Rrrrrr Rrrrrr
เดียร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ ว่าใครกันโทรมาเอาป่านนี้ และก็ต้องชะงักเมื่อเบอร์ที่ปรากฏอยู่หน้าจอคือเบอร์ของเตย์ชิน…
“ว่าไง…โทรมาทำไ….”
“ฮัลโหล ใช่แฟนเจ้าของโทรศัพท์ไหมครับ”
เดียร์ยกโทรศัพท์ออกมาดูให้แน่ใจว่าเป็นเบอร์เตย์ชิน เมื่อได้ยินคำถามก่อนจะเอามาแนบหูอีกครั้งอย่างงงๆ แต่ก็ตอบออกไป
“ใช่ครับ…แล้วคุณเป็นใคร?”
“ตอนนี้คุณรีบมาที่ผับxx ด่วนเลยนะครับ แฟนคุณเมาอยู่ที่ร้าน ร้านเราก็กำลังจะปิด เค้าพูดถึงแต่คุณอ่ะครับ”
“อ่า..ได้ครับเดี๋ยวจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
วางสายเดียร์ก็รีบดิ่งไปที่ผับทันที่ทั้งๆ ชุดนอนสีฟ้ากางเกงยาวเสมอเข่ากับเสื้อติดกระดุมแขนสั้น เดียร์จิ๊ปากอย่างอารมณ์เสีย ไอ้หมอหื่นนั่นมันไปทำอะไรที่ผับ ไหนว่าเข้าเวร? แล้วยังจะทำตัวเป็นภาระคนอื่นเขาอีก มันใช่เรื่องไหมที่จะเมาจนขาดสติกลับบ้านไม่ได้แบบนี้ เดียร์บ่นในใจหน้านิ้วคิ้วขมวดขับรถตลอดทางจนมาถึงผับ สองขายาวๆ ก้าวฉับๆ เข้าไปข้างในก่อนจะเจอร่างสูงที่นอนฟุบกับโต๊ะพร้อมกับพึมพำเบาๆออกมา
“แฟนคุณคนนี้ใช่ไหมครับ?”
พนักงานคนหนึ่งเดินมาถาม
“ใช่ครับ…เค้ามาที่นี่นานหรือยังครับ”
เดียร์ถาม
“ก็ตั้งแต่เที่ยงคืนครับ คุณเค้าก็ดื่มหนักพวกผมก็จะปิดร้านไม่รู้จะทำยังไงเห็นเค้าพูดถึงชื่อคุณก็เลยลองค้นเบอร์โทรดูอ่ะครับ”
พนักงานเล่า เดียร์มองเตย์ชินสีหน้าเรียบตึงก่อนจะให้พนักงานช่วยแบกเตย์ชินขึ้นรถ พร้อมกับฝากรถของเตย์ชินไว้ที่นี่ เตย์ชินหลับแต่ปากก็ยังพึมพำชื่อเดียร์อยู่
“เดียร์..เดียร์ผมรักคุณ…เดียร์…”
เดียร์หันมองคนที่เมาจนเพ้อข้างๆ เฮิร์ทหนักเลยสินะ รอเขาตื่นแล้วค่อยเคลียร์เรื่องนี้ก็แล้วกัน เดียร์พาเตย์ชินมาที่บ้านของเขาก่อนจะแบกเตย์ชินขึ้นไปบนห้อง
“ตัวหนักชะมัด…นี่มันคนหรือหมีควายเนี่ย”
เดียร์ทุ่มเตย์ชินลงกับเตียงอย่างเหนื่อยหอบก่อนจะจัดกานถอดเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้ เสื้อผ้าของเดียร์ไซน์เล็กกว่าเตย์ชินมาก มีเพียงกางเกงบอลขาสั้นตัวเก่าย้วยๆ ตัวนี้เท่านั้นล่ะที่เตย์ชินใส่ได้ เดียร์จัดการใส่ให้เสร็จสับก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ คนเมาที่หลับสบายไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“ตื่นมาแล้วจำด้วยว่านายมันภาระฉัน..ไอ้หมีควาย”
ว่าแล้วก็นอนจ้องคนข้างๆอ อยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนหลับไปไม่รู้ตัว
เวลาตีห้า ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทมีแต่เพียงแสงไฟจากข้างนอกเท่านั้นที่สาดเข้ามาในห้องทางหน้าต่างพอให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร เงารูปร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มกำลังค่อมทับตัวของคนผมยาวที่กำลังหลับสบายให้รู้สึกอึดอัด จมูกโด่งซุกซนไล่ไซร้ที่ลำคอขาวก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อที่ใช้ปิดกายของอีกคนออก มือหนาลูบไล้เบาๆ ทั่วแผ่นอกบางปลายนิ้วลากผ่านยอดอดไปมาอย่างเบามือ ก่อนจะบดขยี้ให้เจ้าของยอดอกได้บิดตัวกระเซ้าใต้ร่างของเขา
“อื้ออ..อ๊ะ”
เสียงครางเบาๆ เล็ดรอดออกมาให้คนทำได้ยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะก้มลงจูบที่ปลายคางเชิดไล่วนจนถึงริมฝีปากบางที่เคยใช้จิกด่าเขาต่างๆ นาๆ เรียวปากบางเผยอออกให้เขาได้ล่วงล้ำเข้าไปควานกวาดหาน้ำหวานในโพรงปากไล่ต้อนให้จนมุม มือหนาข้างหนึ่งใช้บดขยี้ยอดอกของคนใต้ร่าง มืออีกข้างหนึ่งกำลังรูดรั้งแก่นกายใหญ่คับมือของตัวเอง ทั้งเขาและคนใต้ร่างต่างไม่มีเสื้อผ้าไว้ใช้ปกปิดกายแล้วในตอนนี่ จะเหลือก็แต่เพียงเนื้อหนังของเขาทั้งสองที่จะใช้ห่มให้กันและกัน คนๆ นี้หลับลึกเขารู้ดีถึงกล้าจะทำแบบนี้ขณะเขาหลับ หมอหนุ่มยกกายขึ้นก่อนจะแหวกขายาวสวยออกแล้วพาดไว้ที่เอวของเขา ก่อนจะขยับตัวให้แนบชิดกับคนใต้ร่างแก่นกายใหญ่โตจ่อที่ปากทางเข้า เขากำลังคิด ถ้าหากดันเข้าไปเดียร์ก็ต้องตื่น แน่นอนต้องตื่นอยู่แล้ว แต่ต้องตื่นแล้วสมยอม ไม่ใช่ดื้อพยศจนเหนื่อยจะปราบ เตย์ชินกดแขนทั้งสองข้างของเดียร์ตรึงไว้กับเตียง ก้มลงบดริมฝีปากบางให้ช้ำขบเม้มเริมฝีปากร่างเบาๆ
ก่อนที่จะดันแก่นกายเข้าไปภายในหลังจากที่เปิดทางเอาไว้แล้ว เดียร์สะดุ้งตัวตื่นรับรู้ถึงความเจ็บที่ช่องทางด้านหลังแต่หากการขยับตัวนั้นช่างยากลำบากเพราะถูกร่างใหญ่ทาบทับเอาไว้ทั้งตัว ริมฝีปากของเขาเองก็ถูกครอบครองเอาไว้ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอ่ยปากด่าหรือต่อว่าใดๆ แก่นกายเริ่มกระทั้นแรงขึ้นจนตัวโยนตามแรง เดียร์ยกแขนโอบกอดคนบนร่างแน่นเมื่อพ้นจากการตรึงไว้ สองมือหนาต่างก็ทำหน้าที่บำเรอความต้องการให้กับคนใต้ร่างรูดรั้งจนน้ำปริ่มที่ยอดจนเดียร์ปวดหนึบเล็บจิกที่แผ่นหลังจนเลือดซิบ เขาพร้อมจะปลดปล่อยแต่คนที่คุมเกมส์รักบนเตียงนี้ไม่ตอบสนองความต้องการของเขาได้ เตย์ชินใช้นิ้วปิดหัวแก่นกายในมือไว้อย่างกลั่นแกล้งพร้อมกับกระแทกกระทั้นแก่นกายลงข่องทางรักอย่างหนักๆ เขาถอนจูบที่เนิ่นนานดิบเถื่อนออกกระซิบข้างหูคนใต้ร่างที่นอนบิดอย่างทรมานด้วยเสียงแหบพร่า
“อยากปล่อยไหม?”
“อื๊อ..”
“ว่าไงนะไม่ค่อยได้ยินเลย”
“อ๊ะ..อ..อยาก..อื๊อ”
เดียร์กัดปากตัวเองระบายความปวดหนึบมันยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีกจนคนมองแทบจะอดใจไม่ไหว
“แล้วผมควรทำยังไงกับคุณดี หืม…ให้มันสาสมกับที่คุณหลอกผม”
“อ๊าา…อย่าทำแบบนี้..มันทรมานนะ”
เดียร์ประท้วงตัวโยน เมื่อเตย์ชินกระทั้นถี่ยิบแต่ไม่ยอมให้เขาให้ปลดปล่อย
“ตกลงกันก่อนไหมให้ผมลงโทษคุณที่หลอกผมจนกว่าผมจะพอใจแล้วผมจะทำให้คุณหายทรมานโอเคไหม?”
เดียร์กัดปากไม่ตอบทำให้เตย์ชินยิ่งเล้าโลมให้ความรู้สึกพุ่งพล่านมากขึ้น เขาทนไม่ไหวแล้ว
“อื๊อ..อ๊ะ..ย..ยอมแล้ว..ตกลงจะทำอะไรก็ทำ! อ๊า”
“ดีมาก..ที่รักของผม”
เตย์ชินยิ้มพอใจก่อนจะรีบทำให้ตัวเองใกล้ไปถึงจุดสุดยอดด้วยการกระทั้นถี่รัวจนในที่สุดของปล่อยออกมาพร้อมกัน น้ำสีขาวเปื้อนอาบเต็มหน้าท้องของเขาทั้งสอง กับช่องทางรักที่ล้นเปรี่ยมไปด้วยน้ำของคนคุมเกมส์นี้ เดียร์นอนหอบหายใจแรงไม่ต่างจากคนที่นอนทาบทับตัวเขาและกำลังซุกไซร้จมูกไปตามคอของเขาและเหมือนกับว่าเตย์ชินกำลังจะเริ่มบทลงโทษอีกครั้ง เดียร์อยากจะด่าคนบ้ากามนี่ใจแทบขาดแต่ก็ต้องหุบปากเอาไว้เมื่อนึกถึงความผิดของตัวเองที่ก่อขึ้นกับเขา
เดียร์เล่นเอาความรู้สึกของเตย์ชินเป็นเดิมพันเรื่องดา แล้วมันจะผิดอะไรถ้าเตย์ชินให้ร่างกายของเดียร์เป็นเดิมพันเรื่องความรักของเขา. บทลงโทษที่เตย์ชินสร้างขึ้นดูเหมือนจะไม่มีวันจบง่ายๆ จนกว่าเจาจะพอใจ จนกว่าจะเหนื่อย แต่อย่างเตย์ชินคงจะไม่เหนื่อยง่ายๆ
“ทำไมถึงหลอกผม..”
เตย์ชินถามขณะให้เดียร์เป็นฝ่ายขึ้นทาบทับเขาบนลำตัว เดียร์สุดจะกลั้นความเขินอายนี้หลับตาปี๋ทำตามที่เตย์ชินบอก ไม่ยอมตอบคำถาม
“ผมถาม”
“อ๊ะ..”
เดียร์ร้องสะดุ้งเมื่อคนถามเด้งเอวสวนเข้ามาในจังหวะที่เขากดกายขย่มลงไปให้เกิดความเสียวซ่านจนต้องเชิดหน้าเผยอปาก
“มะ..ไม่ได้หลอก..ก็แค่..ไม่ได้บอก ถ้าจะทำแบบนี้เพราะเมาก็หยุดเถอะ"
“หืม...ผมยอมรับว่าทีแรกผมเมา แต่ตอนนี้ส่างแล้วเพราะคุณเลยนะ"
เขาไม่ได้ทำไปเพราะความเมา แต่ทำไปเพราะตั้งใจ...เตย์ชินอุ้มเดียร์ในนอนราบไปกับเตียงแล้วขึ้นทาบทับบนตัวอีกคนแทน
“คุณมันแสบมากที่รัก ฮึ่มม..”
เตย์ชินครางเสียงต่ำกระทั้นถี่ลงโทษคนใต้ร่างให้หนำใจ
“ให้โอกาสผมเดียร์…ผมรักคุณมากจริงๆ”
เดียร์นิ่งงันก่อนจะลืมตามองใบหน้าคมของเตย์ชิน แววตาที่จ้องลึกเข้ามาภายในหวังจะเข้าไปให้ถึงหัวใจของเขา อันที่จริงเดียร์ก็ไม่ได้มีอคติอะไรกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้ เดียร์ค่อนข้างอิสระเรื่่องความรัก เพียงแต่เดียร์ไม่เคยคบใครจริงจังมาก่อน เดียร์ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถรักหมอบ้ากามคนนี้ได้ไหม แต่มันคงไม่ใช่เรื่องผิดถ้าเขาจะเปิดใจเปิดโอกาสให้เตย์ชินเข้ามาในชีวิต เพราะที่ผ่านมา…มันก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่
“อืม”
------------------------
ไม่ถนัดเเต่งnc เท่าไหร่ นังไงก็อ่านเพลินไปเนาะ